Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 9 The Black Wedding Part II



เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น เด็กสาวลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างยากลำบากเพราะยังคงรู้สึกง่วงอยู่ สายตาของเธอเลื่อนไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังซึ่งบอกเวลาสามโมงห้านาที เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากเตียงก่อนมันจะเปิดออกเผยให้เห็นร่างของแม่มดกลุ่มหนึ่งที่ทยอยกันเดินเข้ามาในห้องซึ่งประกอบด้วยเบลลาทริกซ์ เลสแตรงค์ มาดามมัลกิ้น และแม่มดผมดำอีกคนที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้จัก รวมทั้งทิสซี่ด้วย

“สวัสดีแม่สาวน้อย” เบลลาทริกซ์ทักเธอด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อมซึ่งมันไม่เหมาะกับหล่อนเลยแม้แต่น้อย “ฉันหวังว่าลูเซียสคงบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าเราจะมาช่วยเธอแต่งตัวสำหรับเข้าพิธีน่ะ”

และเมื่อหล่อนได้รับคำตอบเป็นสีหน้าที่ดูงุนงงของเฮอร์ไมโอนี่ เบลลาทริกซ์จึงพูดขึ้นอีกครั้ง

“ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอในวันนี้ รวมทั้งอะมีเลียด้วย” เธอพยักเพยิกไปทางแม่มดผมดำอีกคนที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้จักขณะที่อะมีเลียซึ่งเป็นหญิงสาววัยประมาณสามสิบปลาย ๆ เดินเข้ามาทางเด็กสาว หล่อนเป็นแม่มดร่างเล็กที่มีผมสีดำสนิทรับกับดวงตาสีดำ และผิวที่ซีดเผือด

“ยินที่ได้รู้จักค่ะ คุณซิลเวีย ฉันอะมีเลีย เลสสแตรงค์” หล่อนกล่าวมองสำรวจเด็กสาวด้วยดวงตาสีดำที่ดูเยือกเย็น “ใช่แล้วค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของโดโลฟัดจ์ และเบลลาทริกซ์เป็นพี่สะใภ้ของฉัน” เธอเสริมเมื่อเห็นสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่

เด็กสาวพยักหน้ารับคำพูดนั้น แม้เฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกปั่นป่วนในท้องที่ได้รู้ว่าเพื่อนเจ้าสาวทั้งสองคนของเธอเป็นหญิงสาวตระกูลเลสแตรงค์ และเป็นผู้เสพความตายด้วยก็ตามแต่เธอก็พยายามไม่แสดงท่าทีอะไรออกไป อันที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ดูเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับเรื่องที่เธอจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยรวมทั้งต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในฐานะภรรยาของเขาหลังจากนี้

“ฉันยินดีจริง ๆ นะคะที่ได้รับเกียรติเป็นเพื่อนเจ้าสาวของคุณ” อะมีเลียพูดอย่างประจบประแจง แต่ดวงตาสีดำขลับของเธอกลับมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างประเมินราวกับเธอพิจารณาอะไรบางอย่างในตัวเด็กสาวอยู่ และเมื่อดูใกล้ ๆ แล้วเด็กสาวก็พบว่าอะมีเลียคนนี้ดูเหมือนเบลลาทริกซ์มากกว่านางนาร์ซิสซาที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเบลลาทริกซ์เสียอีก เพราะทั้งคู่นั้นมีผมสีดำ ดวงตาสีดำ และรอยยิ้มที่เยือกเย็นเหมือนกัน

“ฉันว่าเราน่าจะลงมือกันได้แล้วจริงไหม เมอร์ลินก็รู้ว่าเราต้องใช้เวลามากแค่ไหนในการแต่งตัวให้แม่หนูนี่น่ะ” เบลาทริกซ์พูดพลางออกคำสั่งให้มาดามมัลกิ้นไปตรวจดูชุดเจ้าสาวที่แขวนอยู่บนผนังว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ ขณะที่หญิงร่างท้วมรับคำสั่งด้วยท่าทีหวาดกลัวก่อนจะเดินข้ามห้องไปที่ที่ชุดเจ้าสาวแขวนอยู่

แม้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ได้หวังมาก่อนว่าจะได้พบมาดามมัลกิ้นอีกครั้งในวันนี้ แต่เธอก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อยเมื่อเห็นว่าหญิงร่างท่วมนั้นดูปกติดีและไม่ได้มีสภาพเหมือนเธอถูกทารุณกรรมมาแต่อย่างใด ซึ่งมันแสดงให้เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าอย่างน้อย ๆ ลูเซียส มัลฟอยก็สามารถรักษาคำพูดของเขาได้ และการได้เห็นมาดามมัลกิ้นในสภาพที่ปกติดีแบบนี้ทำให้เด็กสาวรู้สึกว่าสิ่งที่เธอได้ทำลงไปเพื่อช่วยชีวิตของหล่อนนั้นคุ้มค่าไม่น้อย แม้ว่ามันจะเป็นการยอมให้นายมัลฟอยมามีอำนาจเหนือเธอก็ตาม

“ตรวจสอบชุดนั้นให้ดีล่ะ ถ้าหากเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาในพิธีล่ะก็แกโดนดีแน่ ๆ” เบลลาทริกซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดก่อนจะหันมาทางเด็กสาว

“ส่วนเธอไปอาบน้ำแล้วก็ล้างหน้าล้างตาซะ แล้วค่อยออกมาให้เราช่วยแต่งตัว” หล่อนพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ด้วยน้ำเสียงราวกับเธอกำลังพูดอยู่กับเด็กคนหนึ่ง และมันก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะเบลลาทริกซ์ดูจะไม่ยำเกรงเธอในฐานะเจ้าหญิงแห่งความมืดเลย หรือว่าบางทีหล่อนอาจจะไม่คิดว่าเด็กสาวเหมาะที่จะมาเป็นมือขวาของโวลเดอมอร์เช่นเดียวกับที่หล่อนเป็นอยู่ในตอนนี้ก็ได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจว่าเบลลาทริกซ์จะมีความเห็นหรือรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเธอ เพราะไม่ว่าเบลลาทริกซ์จะพูดจาดี ๆ กับเธอหรือไม่ก็ตามมันก็ไม่อาจช่วยให้เธอหลีกเลี่ยงงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ได้

และเมื่อไม่มีหนทางใด ๆ ที่เธอจะสามารถทำเพื่อปฏิเสธงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นได้ เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องจำใจทำตามที่เบลลาทริกซ์บอก เด็กสาวหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป หลังจากประตูห้องน้ำปิดลงเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าขอบตาของเธอร้อนผ่าวขณะที่น้ำตาเริ่มรื้นดวงตาคู่สวยแต่เด็กสาวก็พยายามกลั้นมันไว้ เพราะเธอรู้ดีว่าการร้องไห้นั้นไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้รวมทั้งเธอไม่ต้องการให้ผู้เสพความตายทั้งสองคนนั้นรับรู้ถึงความอ่อนแอของเธอด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นเด็กสาวจึงยกมือขึ้นเพื่อปาดน้ำตาออกก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ และเดินไปที่อ่างอาบน้ำ


…………………………………………….



เฮอร์ไมโอนี่จำไม่ได้ว่าเธอนั่งอยู่หน้ากระจกนานเท่าไหร่แล้วเมื่อเบลลาทริกซ์และอะมีเลียเถียงกันเป็นรอบที่สามสิบเรื่องโทนสีที่ควรจะใช้ในการแต่งหน้าให้เธอหรือทรงผมที่น่าจะเข้ากับชุดเจ้าสาวของเธอมากที่สุด ขณะที่เธอนั่งนิ่ง ๆ ราวกับตุ๊กตาให้ทั้งสองเล่นแต่งตัวเธอได้ตามใจชอบโดยไม่แม้แต่จะโต้แย้งอะไรเลย ราวกับงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองตัวเองในกระจกอีกครั้งขณะที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอทั้งสองคนยังคงถกเถียงกันอยู่นั้น เด็กสาวก็อดแปลกใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็น เพราะภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้นดูไม่ค่อยจะเหมือนตัวเธอเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเด็กสาวในกระจกนั้นเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ชุดที่เธอสวมรวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ที่ตกแต่งร่างกายอยู่นั้นมันทำให้เธอดูแตกต่างจาก ‘ เฮอร์ไมโอนี่ ’ คนเดิมราวกับภาพในกระจกนั้นเป็นคนละคนกัน แต่เธอจะไปคาดหวังอะไรได้เล่าเพราะว่าในไม่ช้าเธอก็จะไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เด็กสาวคิดขณะมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังอย่างวิตก เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็จะหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาที่พิธีแต่งงานจะเริ่มขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้น เมื่อเธอได้แต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยไปแล้วเธอก็จะไม่มีวันกลับมาเป็นเฮอร์ไมโอนี่คนเดิมได้อีกตลอดไป

เมื่อคิดถึงตรงนั้นเด็กสาวรู้สึกว่ามือของเธอชื้นเหงื่อและหัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความวิตก ยิ่งใกล้พิธีแต่งงานมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น และความกลัวในครั้งนี้นั้นมากกว่าความกลัวที่เธอต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้เสพความตายนับร้อยเมื่ออาทิตย์ก่อนหลายเท่านัก เพราะเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอหายใจติดขัดทุกครั้งเพียงเพราะเธอนึกถึงพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น และยิ่งใกล้พิธีแต่งงานมากเท่าไหร่มือของเด็กสาวก็เริ่มเย็นเฉียบและสั่นเทาราวกับเธอกำลังจะต้องเดินเข้าสู่ลานประหารในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

“ฉันว่าทรงนี้ดีที่สุด!” เสียงของเบลลาทริกซ์ดังขึ้นก่อนจะขยับไม้กายสิทธิ์อีกครั้งเพื่อจัดการกับผมของเฮอร์ไมโอนี่และดูเหมือนว่าครั้งนี้น้องสามีของเธอจะเหนื่อยที่จะโต้เถียงอะไรออกไปอะมีเลียจึงพูดแค่ว่า

“ก็ได้ ถ้าคุณว่าอย่างนั้น” เมื่อแม่มดสองคนเข้าใจกันได้ดีแล้วพวกเขาก็มาร่วมมือกันแต่งตัวให้เฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ไม่มีสำคัญมากไปกว่าการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเมคอัพ ทรงผม และใส่เครื่องประดับให้เธอเป็นขั้นตอนสุดท้าย

“เสร็จแล้ว” อะมีเลียพูดขึ้นหลังจากนั้นไม่นานก่อนจะช่วยพยุงเฮอร์ไมโอนี่ให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปยังหน้ากระจกเงาบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นเธอได้ทั้งตัว ดวงตาสีดำของหล่อนมองภาพสะท้อนของเด็กสาวในกระจกอย่างชื่นชมราวกับเธอเป็นผลงานชิ้นเอกของหล่อน

และเมื่อฮอร์ไมโอนี่มองเข้าไปในกระจกเธอก็พบเด็กสาวคนหนึ่งจ้องตอบกลับมา หล่อนมีใบหน้าที่เหมือนเฮอร์ไมโอนี่มาก แต่ในขณะเดียวกันก็ดูแตกต่างจากเฮอร์ไมโอนี่คนเดิมโดยสิ้นเชิง และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเธอได้พบกับ เฮอร์ไมโอนี่ ซิลเวีย ผู้เป็นทายาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดอย่างแท้จริง และที่น่าเศร้าก็มิสซิลเวียคนนี้ช่างแตกต่างกับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ที่เกิดจากมักเกิ้ลและเป็นเด็กกริฟฟินดอร์อย่างเต็มตัวเสียเหลือเกิน และเธอก็รู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะต้องการกลับไปเป็นเด็กสาวเลือดสีโคลนคนเดิมมากเพียงไร เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะในตอนนี้เธอได้กลายเป็นเฮอร์ไมโอนี่ ซิลเวียไปเสียแล้ว และหลังจากนี้เพียงไม่กี่นาทีเธอก็จะต้องกลายเป็นเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยหรือมิสซิลมัลฟอยอีกด้วย

เด็กสาวรู้สึกว่าเลือดของเธอแข็งตัวขึ้นฉับพลันเมื่อนึกถึงความจริงที่น่าสะพรึงกลัวนั้น เธอรู้สึกถึงความกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายราวกับยาพิษที่ซึมเข้าสู่กระแสเลือดเมื่อเธอได้ยินเสียงของเบลลาทริกซ์พูดขึ้น
“เรียบร้อยก็ดีแล้ว เราจะได้ไปกันเสียที” เบลลาทริกซ์กล่าวพลางมองภาพเฮอร์ไมโอนี่ในกระจกอย่างพอใจไม่น้อย

“เธอคงพร้อมแล้วใช่ไหม” แม่มดผมดำถามเด็กสาว เธอกับอะมีเลียต่างแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว และชุดที่ทั้งสองจะใส่ไปร่วมพิธีนั้นต่างก็เป็นสีดำสนิท เพื่อนเจ้าสาวทั้งสองของเฮอร์ไมโอนี่ต่างมองมาที่เด็กสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพออกพอใจผสมกับความคาดหวัง ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจตอบอะไรออกไปได้ แต่ดูเหมือนว่าเบลลาทริกซ์จะถือว่าการนิ่งเงียบของเด็กสาวเป็นการตอบตกลง เพราะหลังจากนั้นไม่นานหล่อนก็พูดขึ้น

“พร้อมแล้วก็ดี งั้นเราก็ไปกันเถอะ” เบลลาทริกซ์พูดก่อนที่ทั้งหล่อนและอะมีเลียจะพาหรือถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือคุมตัวเฮอร์ไมโอนี่ออกจากห้องไปยังพิธีแต่งงาน


…………………………………………….


แม่มดทั้งสองคนพาเฮอร์ไมโอนี่เดินออกจากห้องไปตามทางเดินลงไปยังชั้นล่างของปราสาทซึ่งเด็กสาวจำได้ว่าเป็นทางเดียวกับที่นายลูเซียสเคยพาเธอไปทานอาหารเช้ากับเหล่าผู้เสพความตาย และเมื่อทั้งสามเดินมาถึงประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ที่คุ้นเคยเธอก็รู้ทันทีว่าพวกเขาได้แปลงห้องอาหารของปราสาทเป็นห้องสำหรับจัดพิธีแต่งงานในครั้งนี้

แม่มดทั้งสามเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองประตูบานยักษ์นั้นอย่างหวาดกลัวราวกับมันเป็นประตูที่กำลังจะพาเธอข้ามไปสู่โลกหลังความตาย แต่เด็กสาวก็แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่หลังประตูบานนี้เลวร้ายมากกว่าความตายมากมายหลายเท่านัก และตอนนี้ในหัวของเฮอร์ไมโอนี่ได้แต่จินตนาการถึงห้องหลังประตูบานนั้นที่น่าจะถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่สำหรับจัดพิธีแต่งงานของเธอและนายลูเซียส แน่นอนว่าแขกผู้มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นผู้เสพความตายทั้งสิ้น และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือการแต่งงานในครั้งนี้มีจอมมารทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินพิธี แค่คิดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็เข่าอ่อนเสียแล้ว

“ใกล้ถึงเวลาแล้ว เธอต้องยืนตรงนี้” เบลลาทริกซ์จัดแจงพาเด็กสาวมายืนในจุดที่อยู่ตรงกึ่งกลางหน้าประตู ก่อนจะยัดช่อดอกไม้สีขาวแซมเขียวเข้าในมือของเฮอร์ไมโอนี่ แม่มดผมดำยิ้มขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดผวาของเจ้าสาวในชุดแต่งงงานสีดำ

“ฉันว่าน่าจะถึงเวลาที่เธอจะดึงความกล้าหาญแบบกริฟฟินดอร์ของเธอมาใช้ได้แล้วนะ ถ้าเธอมีมันอยู่บ้างล่ะก็ อ้อ แล้วก็พยายามอย่าเป็นลมเข้าระหว่างทางล่ะ” เบลลาทริกซ์พูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่น่ารังเกียจมาให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่เธอจะเดินไปสมทบกับอะมีเลีย แม่มดทั้งสองเดินแยกไปอีกทางหนึ่งซึ่งเด็กสาวคิดว่าเธอคงจะเข้าไปประจำที่ของเพื่อนเจ้าสาวเคียงคู่กับเพื่อนเจ้าบ่าวในงานโดยใช้ประตูอีกบานหนึ่งและปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าใหญ่เพียงลำพัง

เด็กสาวรู้สึกราวกับหัวใจของเธอจะหลุดออกนอกอก เธอรู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ซึมออกมาตามไรผมและแผ่นหลังรวมทั้งมือที่กำลังกุมช่อดอกไม้ของเธออยู่ด้วย มันช่างเป็นการรอคอยที่เงียบงันและทรมานยิ่งนัก เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับมันผ่านไปชั่วนิรันดร์ก่อนที่ประตูบานยักษ์ตรงหน้าจะเปิดออก

ภาพที่เธอได้เห็นหลังจากประตูเปิดออกนั้นเป็นภาพพิธีแต่งงานที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอไม่มีโอกาสจะได้เห็นที่ไหนในโลก เพราะมันช่างดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมากกว่าที่จะดูสวยงามเหมือนงานแต่งงานทั่ว ๆ ไป เพราะภายในห้องที่ควรจะตกแต่งด้วยสีขาวและทองนั้นกลับถูกแตกต่างด้วยสีดำตามแบบฉบับของผู้เสพความตาย ทุกอย่างในห้องนั้นเน้นไปในโทนสีดำ มีสีเขียวแซมอยู่บ้างเพื่อแสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในความเป็นสลิธีรินของโวลเดอมอร์และรวมทั้งเจ้าบ่าวของเธอด้วย แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายด้วยสีดำสนิท พวกเขายืนขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออกและสายตาของทุกคนในห้องต่างก็พุ่งมายังเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีดำแกมเขียวซึ่งยืนอยู่ตรงประตูด้วยท่าทีราวกับเธอกำลังจะเป็นลมลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

เฮอร์ไมโอนี่มองผ่านภาพผู้เสพความตายที่ยืนเรียงกันอยู่เต็มสองฝั่งไปยังประรำพิธีและตรงนั้นเธอก็พบร่างสองร่างยืนอยู่ที่ปลายสุดของห้อง ร่างหนึ่งเป็นชายผมบลอนด์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำอย่างดีที่สุดซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งของเจ้าบ่าว ใบหน้าซีดเซียวของเขาเชิดขึ้นอย่างยโส ถัดจากเขาไปในตำแหน่งของพระผู้ทำพิธีนั้นเป็นร่างที่ไม่อาจจะเรียกว่ามนุษย์เสียได้ ตรงกลางประรำพิธีลอร์ดโวลเดอมอร์ยืนอยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรติของงานและกำลังมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีแดงที่ดูพออกพอใจ

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับลมหายใจของเธอติดขัดมาชั่วขณะ เด็กสาวรู้สึกราวกับเธอกำลังจะเดินไปสู่ลานประหารสู่ตะแลงแกง และไปยังวาระสุดท้ายของเธอ และความคิดนั้นทำให้ขาของเธอไม่มีแรงขึ้นมาราวกับมันกลายเป็นหินอ่อนไปเสียเฉย ๆ เด็กสาวหันไปมองรอบกายและเธอก็พบว่าสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมาที่เธอราวกับฝูงหมาป่าจ้องลูกกวางตัวเล็ก ๆ
แม้จะรู้ดีว่าเธอจะต้องเดินผ่านทางเดินที่ปูด้วยพรมสีเขียวเข้มนี้เข้าไปงาน แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทำได้ และที่เธออยากจะทำมากกว่าอะไรทั้งหมดก็คือวิ่งหนีไปไกล ๆ เท่านั้น แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอทำไม่ได้ เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเธอจะเป็นต้องเดินเข้าไปในพิธีแล้วแต่งงานกับผู้ชายคนสุดท้ายในโลกที่เธอคิดจะญาติดีด้วยเพื่อรักษาชีวิตพ่อแม่ของเธอไว้

พ่อแม่อย่างนั้นหรือ เด็กสาวทวนคำนั้นในใจอย่างปวดร้าว
ใช่แล้วเธอต้องทำเพื่อพวกท่าน ถ้าหากเธอต้องการให้พวกท่านมีชีวิตอยู่ล่ะก็ เธอก็ต้องเดินเข้าไปในพิธีและแต่งงานกับนายลูเซียสเพื่อรักษาชีวิตของพวกท่านไว้

เสียงในหัวนั้นเตือนเธอเบา ๆ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเด็กสาวจึงสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะก้าวขาที่เริ่มมีความรู้สึกอีกครั้งและเริ่มเดินเข้าไปในพิธี
ห้องทั้งห้องเงียบกริบเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามพรมสีเขียวเข้มไปสู่ประรำพิธี เด็กสาวรู้สึกว่าสายตาทุกคู่ในห้องจับตาดูเธอทุกฝีก้าวแต่เธอไม่อาจหันไปมองอะไรได้นอกจากก้มหน้าลงมองเท้าของตนเองเพื่อช่วยไม่ให้เธอเดินสะดุดหรือล้มลงก่อนจะเดินไปถึงที่หมาย เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับมันผ่านไปชั่วนิรันดร์เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงด้านในสุดของห้อง

และขณะที่เด็กสาวกำลังจะก้าวขึ้นไปบนประรำพิธีก็มีมือหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของเธอ แน่นอนว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าบ่าวของเฮอร์ไมโอนี่เอง และนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวเห็นเขาอย่างชัดเจนในพิธี เด็กสาวยื่นมือไปจับมือของนายลูเซียสเพื่อให้เขาช่วยเธอขึ้นไปยืนหน้าแท่นสำหรับทำพิธีเคียงคู่กับเขา และหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่แอบลอบสังเกตุเขาแล้วเด็กสาวก็ต้องยอมรับว่าเขาดูดีไม่น้อยในชุดคลุมพ่อมดสีดำชุดนี้ ผมบลอนด์ของเขาถูกรวบไว้หลวม ๆ ที่ต้นคอ แต่ใบหน้าและแววตาของเขายังคงดูเป็นมัลฟอยของแท้เพราะมันช่างดูหยิ่งยโสและเย็นชามากกว่าอะไรทั้งหมด และเมื่อเธอมองไปด้านหลังเขาในตำแหน่งของเพื่อนเจ้าบ่าวเด็กสาวก็เห็นเซเวอร์รัส สเนป และเดรโก มัลฟอยยืนอยู่ ทั้งสองต่างสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท และถ้าเธอดูไม่ผิดใบหน้าซีดเซียวของเดรโกนั้นแสดงออกถึงความรังเกียจมากกว่าอะไรทั้งหมดออกมาขณะที่เขาเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังมองเขาอยู่

แต่ก่อนที่เด็กสาวจะคิดอะไรได้มากกว่านั้นเสียงของจอมมารก็ดังขึ้นหลังจากแขกผู้มาร่วมงานทั้งหมดนั่งลงแล้ว

“สหายทั้งหลายของข้า วันนี้เรามาชุมนุมกันเพื่อเป็นสักขีพยานในการแต่งงานของสมุนที่ซื่อสัตย์ของข้า ลูเซียส มัลฟอย และเจ้าหญิงแห่งความมืด” จอมมารเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่มีอำนาจ

“เจ้า ลูเซียส มัลฟอย เจ้าจะรับเฮอร์ไมโอนี่ ซิลเวียเป็นภรรยาของเจ้า จะซื่อสัตย์และดูแลนางตลอดไปหรือไม่” จอมมารกล่าวขึ้นพลางมองไปยังนายลูเซียส

“รับครับ” เขาตอบ ไม่มีแววลังเลอยู่ในน้ำเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ส่วนเจ้า เจ้าหญิง” โวลเดอมอร์หันมาทางเฮอร์ไมโอนี่ ใบหน้าเหมือนงูนั้นดูพอใจยิ่งนักที่เห็นเธอมายืนอยู่ตรงจุดนี้ “เฮอร์ไมโอนี่ ซิลเวีย เจ้าจะรับลูเซียส มัลฟอยเป็นสามีของเจ้า จะซื่อสัตย์ เชื่อฟัง และดูแลเขาตลอดไปหรือไม่” จอมมารกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพอใจซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ขนลุก เด็กสาวรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอแห้งผากขณะที่เจ้าบ่าวของเธอที่จ้องเธอด้วยสายตาข่มขู่ราวกับเขากลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ขึ้นมา

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับเธอกำลังยืนอยู่บนตะแลงแกงและกำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายมากนัก และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือแม้ว่าเธอต้องการที่จะปฏิเสธงานแต่งงานครั้งนี้มากแค่ไหนแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากยอมรับมันเท่านั้น!

“เจ้าจะรับลูเซียสเป็นสามีของเจ้าไหม เจ้าหญิง” โวลเดอมอร์ถามซ้ำอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เฮอร์ไมโอนี่สามารถจับโทสะในน้ำเสียงของเขาได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมรับในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ริมฝีปากที่แห้งผากของเธอขยับอย่างยากลำบากก่อนจะพูดออกไป

“......รับค่ะ”

เสียงที่ดังออกไปนั้นช่างสั่นเทาและแผ่วเบายิ่งนัก หากแต่จอมมารรวมทั้งผู้เสพความตายที่เหลือในห้องต่างได้ยินถ้อยคำนี้อย่างชัดเจนยิ่งนัก ราวกับพวกเขากลั้นใจเพื่อรอคอยมันเลยทีเดียว และหลังที่เฮอร์ไมโอนี่เปล่งคำสาบานอันเป็นการผูกมัดตัวเธอไว้กับลูเซียส มัลฟอยตราบชั่วนิรันดร์ออกไปแล้วเด็กสาวก็รู้สึกว่าแขกที่มาร่วมงานทั้งหมดนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พิธีผ่านไปได้ด้วยดี พอ ๆ กับที่เธอรู้สึกว่าสายตาของโวลเดอมอร์ที่มองมาทางนั้นมีความหมายมากกว่าแค่เขาพอใจที่การแต่งงานครั้งนี้ดำเนินไปด้วยดี เพราะสีหน้าของจอมมารนั้นบ่งบอกถึงความพอใจในชัยชนะที่เขาได้ครอบครองอำนาจของที่เขาแสวงหามานานแสนนานเสียที!

“เจ้าบ่าวเจ้าสาวแลกแหวนกันได้” สิ้นเสียงของโวลเดมอร์เบลลาทริกซ์ซึ่งเป็นเพื่อนเจ้าสาวอันดับหนึ่งของเธอก็ยัดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนตลับกำมะหยี่ใส่มือของเด็กสาว เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีโอกาสสำรวจของสิ่งนั้นนานนักเมื่อเสียงเยือกเย็นของลูเซียสดังขึ้น

“ยื่นมือมาสิ” เขาพูดในมือข้างหนึ่งมีกล่องกำมะหยี่สำหรับใส่แหวนเหมือนกับของเธออยู่ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำตามมือใหญ่ของชายผมบลอนด์ก็คว้ามือเล็ก ๆ ของเด็กสาวไปกุมก่อนจะค่อย ๆ ถอดแหวนหมั้นรูปงูออกจากนิ้วนางของเธอและสวมแหวนแต่งงานให้เธอแทน

แหวนวงใหม่ที่นายลูเซียสสวมให้เฮอร์ไมโอนี่นั้นเป็นแหวนทองคำขาวประดับด้วยมรกตเม็ดใหญ่ที่ดูโบราณหากแต่สวยงาม แม้มันจะไม่ใช่แหวนแต่งงานในแบบที่เธอชอบแต่เด็กสาวก็รู้สึกชอบแหวนวงนี้มากกว่าแหวนหมั้นที่เป็นรูปงูวงก่อน แต่พอคิดถึงตรงที่ว่าแหวนวงนี้ก็น่าจะถูกกำกับเวทย์มนต์ไว้ให้มันดูดอำนาจเวทย์มนต์ไปจากเธอหากเธอทำผิดสัญญาแต่งงานรวมทั้งจะเป็นตัวบอกตำแหน่งของเธอได้อย่างแม่นยำหากเธอคิดหนีแล้วล่ะก็เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกชอบมันน้อยลงกว่าเดิมมาก

หลังจากตัวเรือนของแหวนที่เย็นเฉียบสัมผัสนิ้วของหญิงสาวได้ไม่นาน นายลูเซียสก็ปล่อยมือจากเธอและเก็บแหวนหมั้นรูปงูเข้าไปในกล่อง เมื่อถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้แล้วว่าเธอควรจะทำอะไรต่อไป

หญิงสาวเปิดกล่องใส่แหวนที่เบลลาทริกซ์ยื่นให้เธอก่อนหน้านั้นออกและพบว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นแหวนทองคำขาวเรียบ ๆ สำหรับผู้ชายที่ไม่มีลวดลายอะไรอยู่เลย เฮอร์ไมโอนี่สบตาเจ้าบ่าวของเธอแวบหนึ่งก่อนที่มือที่สั่นเทาของเธอจะสวมมันเข้ากับนิ้วนางของนายลูเซียส เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าชายผมบลอนด์มองเธออย่างพอใจขณะที่เธอยอมแลกแหวนแต่งงานกับเขาแต่โดยดี และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงปล่อยมือเขาทันทีที่เธอสวมแหวนเสร็จ
ลอร์ดโวลเดอมอร์มองภาพของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่เพิ่งแลกแหวนเสร็จอย่างพอใจก่อนจะพูดขึ้นหลังด้วยน้ำเสียงแหลมสูงที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ขนลุกว่า

“เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้!”

สิ้นคำประกาศนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกถึงมือใหญ่ของนายลูเซียสที่ดึงร่างของเธอเข้ามากใกล้จนเธอเห็นดวงตาสีเงินที่ดูพออกพอใจของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม และในวินาทีต่อมาชายผมบลอนด์ก็เลื่อนมือมาเชยคางของเธอก่อนจะจูบเธอที่ริมฝีปากท่ามกลางเสียงโห่ร้องอย่างยินดีของผู้เสพความตายทั้งห้อง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกปั่นป่วนในท้องพอ ๆ กับที่เธอรู้สึกว่าขนทั้งร่างกายลุกชันรู้ว่าร่างตรงหน้านั้นจูบเธออย่างล้ำลึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ราวกับเขาต้องการควานหาความหอมหวานในริมฝีปากของเธอ และก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะคิดไว้ว่าเธอควรจะขัดขืนหรือทำอะไรลงไปได้มากกว่าจะนิ่งเฉยแบบนี้เด็กสาวก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เปียกชื้นที่แก้มของเธอเอง และในวินาทีต่อมานายลูเซียสก็ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะมองเธอด้วยแววตาที่ผสมปนเปไประหว่างความความประหลาดใจและความหงุดหงิด แต่เมื่อเจ้าบ่าวของเธอยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ตัวว่าเธอกำลังร้องไห้ แต่ในครั้งนี้เธอกลับไปไม่แปลกใจตัวเองนักรวมทั้งไม่อับอายด้วยที่เธอร้องไห้ออกมาในพิธีแต่งงานแบบนี้

ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นของแขกทุกคนในงานซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เสพความตายทั้งสิ้น นายลูเซียสเช็ดน้ำตาให้เธอขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงเมื่อนิ้วของเขาสัมผัสแก้มของเธอเบา ๆ ถ้ามองจากสายตาของคนภายนอกแล้วพวกเขาคงคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักแสนหวานที่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้เสียจนเจ้าสาวร้องไห้ออกมา แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาและเธอไม่มีวันเป็นเช่นนั้นพอ ๆ กับที่เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางรักหรือญาติดีกับชายตรงหน้าซึ่งในตอนนี้ได้เขากำลังจะได้เป็นสามีของเธออย่างแน่นอน
หลังจากทั้งคู่ละจากกันไปแล้ว โวลเดอมอร์ซึ่งกำลังมองทั้งสองด้วยอย่างพอใจเหลือประมาณนั้นก็พูดด้วย

“ข้าขอประกาศให้เจ้าทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน!” จอมมารประกาศก้องด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างปวดร้าว หญิงสาวรู้สึกราวกับเธอกำลังจะร้องไห้ออกมาอีกรอบเมื่อเธอพบว่าได้เธอสูญเสียชีวิตของเธอไปอยู่ในความครองครอบของลูเซียส มัลฟอยเสียแล้ว

และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เธอเห็นก็มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉยของนายมัลฟอยและดวงตาสีเงินที่มองเธอมาอย่างเย็นชาจนทำให้เธอแทบจะต้องหยุดหายใจก่อนที่เสียงปรบมือจะดังขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความยินดีแก่คู่แต่งงานใหม่อย่างพวกเขา แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกราวกับเธอเพิ่งสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับคืน เพราะในตอนนี้เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถกลับไปเป็นเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์คนเดิมไปอีกต่อไปแม้ว่าเธอจะต้องการมากเพียงใดก็ตาม พอ ๆ กับที่เธอไม่สามารถกลับไปเป็นเด็กสาวได้อีกต่อไปแล้วเพราะในตอนนี้เธอได้กลายเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว และสามีของเธอซึ่งจากนี้ต่อไปนี้จะเป็นผู้มีอำนาจเหนือเธอในทุก ๆ ด้านนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ ชายผู้เป็นผู้เสพความตายและเป็นปีศาจร้ายในร่างมนุษย์อย่าง ลูเซียส มัลฟอย!



*************************************************



คุยกันหลังอ่าน
เป็นไงบ้างคะตอนนี้ชอบกันไหมคะ มีความคิดเห็นยังไงก็เอามาแชร์กันนะคะ ทุกคอมเม้นของคนอ่านคือกำลังใจและแนวทางให้นักเขียนปรับปรุงเรื่องให้ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ





สุดท้ายของตอนพิกเอาแผนผังตระกูลซิลเวียและตระกูลมัลฟอยมาให้ดูค่ะ เพื่อน ๆ จะไม่ได้ไม่งงเวลาอ่านเรื่องนี้นะคะ ^^

แผนผังตระกูลซิลเวีย ตามลิ้งเลยค่า
//my.dek-d.com/piksi/gallery/show_picture.php?id=110384895

แผนผังตระกูลมัลฟอย ตามลิ้งไปเช่นกันค่า
//my.dek-d.com/piksi/gallery/show_picture.php?id=110384906




Create Date : 23 พฤษภาคม 2555
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 9:06:10 น. 0 comments
Counter : 1481 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.