Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 6 The Prophecy




คำพูดของดัมเบิลดอร์ทำให้เกิดความเงียบขึ้นในห้องรับแขกบ้านเกรนเจอร์ ความเงียบที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าถ้ามีเข็มตกเธอก็คงจะได้ยิน แต่ในทางตรงกันข้าม หัวใจของเด็กสาวกลับเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก! เพราะคำพูดของดัมเบิลดอร์ได้ยืนยันสิ่งที่เธอสงสัยมาตั้งแต่ต้นว่าเป็นความจริง เฮอร์ไมโอนี่เป็นลูกสาวของตระกูลซิลเวีย และพ่อแม่ที่เลี้ยงเธอมาซึ่งเป็นมักเกิ้ลนั้นก็ไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอ!

“คุณว่าอะไรนะคะ” นางเกรนเจอร์ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่เธอได้ยิน ดัมเบิลดอร์จึงพูดขึ้นอีกครั้ง

“ผมอยากจะขอร้องให้คุณสองคนรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมครับ” เขากล่าวอย่างชัดเจนท่ามกลางความตกตะลึงของสองสามีภรรยา “พ่อแม่ของเด็กคนนี้เสียชีวิตแล้วทั้งคู่ เธอไม่มีญาติที่ไหนที่สามารถรับเธอไปเลี้ยงได้”

“แต่.....” นายเกรนเจอร์กำลังจะเอ่ยปาก แต่ชายชรากลับพูดขึ้นก่อน

“ผมรู้มาว่าคุณทั้งสองคนไม่มีลูกไม่ใช่หรือครับ” เขาถามขึ้น และเพราะคำพูดนั้นทำให้สองสามีภรรยามองหน้ากันอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่เฮเลน เกรนเจอร์จะเป็นฝ่ายพูดออกมา

“ใช่ค่ะ ฉันหมายถึงร่างกายของฉันไม่สามารถที่จะมีลูกได้น่ะค่ะ” หล่อนยอมรับ โรเบิร์ต เกรนเจอร์มองภรรยาอย่างเห็นใจพลางโอบไหล่เธอไว้ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

แม่ของเธอไม่สามารถมีลูกได้อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้น เธอก็ไม่มีทางที่จะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ได้น่ะสิ!

“ผมไม่เคยโทษคุณเรื่องนั้นเลยนะ เฮเลน” นายเกรนเจอร์พูดขึ้น ภรรยาของเขาพยักหน้ารับก่อนจะหันไปทางดัมเบิลดอร์อีกครั้ง

“แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงคะ” เธอถามขึ้นขณะที่ชายชรายิ้มบาง ๆ ขึ้นเป็นครั้งแรก

“ผมรู้ได้ยังไงมันไม่สำคัญหรอกครับ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เด็กคนนี้เพิ่งสูญเสียครอบครัวไป เธอไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วที่จะรับเธอไปเลี้ยงดู เช่นเดียวกันกับพวกคุณที่ยังไม่มีลูก เพราะฉะนั้น.......” ดัมเบิลดอร์ยังไม่ทันจะพูดจบ นายเกรนเจอร์ก็แย้งขึ้นมาก่อน

“แต่คุณบอกผมเองไม่ใช่เหรอว่า พ่อมดมืดที่ชื่อโวลเดอมอร์อะไรนั่นต้องการตัวของเด็กคนนี้ แล้วถ้าหากเขามาตามหาเธอที่นี่ล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคง......” นายเกรนเจอร์พูดอย่างหวาดระแวง แน่นอนว่าเขาต้องระแวงอยู่แล้ว เพราะเท่าที่เขาเพิ่งรู้คือพ่อมดที่ชื่อโวลเดอมอร์นั้นต้องการตัวทารกคนนี้ถึงกระทั่งลงมือทรมานและฆ่าสังหารคนอื่นมาแล้ว และเขาก็จะไม่ยอมให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาอย่างแน่นนอน

“เพราะเป็นอย่างนั้นแหละครับ ผมถึงต้องการฝากเธอไว้กับครอบครัวของคุณ” ดัมเบิลดอร์ตอบออกมา ขณะที่นายและนางเกรนเจอร์มองเขาด้วยความสงสัย

“เพราะในไม่ช้าโวลเดอมอร์ต้องรู้แน่นอนว่าผมได้ตัวเด็กคนนี้ไป และเขาก็คงต้องตามหาตัวเด็กคนนี้จากครอบครัวพ่อมดแม่มดทุกครอบครัวเท่าที่เขาจะคิดออกว่าผมสามารถจะฝากเด็กคนนี้ไว้ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงต้องการให้เด็กคนนี้เติบโตขึ้นในครอบครัวของมักเกิ้ล ผมหมายถึงครอบครัวของคนธรรมดาแบบพวกคุณแทน” เขาอธิบาย

“สำหรับเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวคุณนั้น ผมขอให้คุณแน่ใจได้ว่าโวลเดอมอร์หรือพ่อมดคนใดก็ตามจะไม่มีวันรู้ว่าเด็กที่พวกคุณรับเป็นลูกบุญธรรมคือเจ้าหญิงแห่งความมืด และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีวันตามหาเธอเจอ ภายใต้มนต์คาถาที่ผมร่ายไว้ เด็กคนนี้จะถูกปกป้องอย่างปลอดภัยภายใต้ความดูแลของคุณ จนกว่าผมที่เป็นคนร่ายคาถานี้จะเสียชีวิต หรือจนกว่าพลังมืดในตัวของเธอจะตื่นขึ้นตามคำทำนายในอีก 19 ปีต่อไป” ชายชราพูด ขณะที่นายและนางเกรนเจอร์มองหน้ากันอย่างชั่งใจ เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่นานเท่าไหร่นักโรเบิร์ต เกรนเจอร์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“คุณแน่ใจอย่างนั้นหรือว่า.....เวทย์มนต์ของคุณสามารถปกป้องเด็กคนนี้ รวมทั้งครอบครัวของผมให้พ้นจากพ่อมดฝ่ายชั่วพวกนั้นได้” เขาถามอย่างไม่สู้แน่ใจนัก

ดัมเบิลดอร์ยิ้มออกมา

“ผมรับรองด้วยชีวิตของผมเลยทีเดียว เพราะผมเป็นคนที่ ผมไม่อยากจะยกยอตัวเองหรอกนะ แต่ชุมชนผู้วิเศษต่างชื่อกันว่าผมเป็นคนเดียวที่โวลเดอมอร์กลัว” เขาตอบอย่างมั่นใจ ท่ามกลางสายตาที่ดูงงงันของสองสามีภรรยาเกรนเจอร์

“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดจริง แล้วทำไมคุณถึงไม่เลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วยตัวของคุณเองล่ะ” นายเกรนเจอร์ถามออกไปก่อนที่เขาจะห้ามตัวเองได้ทัน ดัมเบิลดอร์มองเขาด้วยแววตาสีฟ้าที่เป็นประกายและยิ้มขึ้นมา

“แน่นอนว่าผมเองก็ต้องการทำเช่นนั้น ถ้าหากว่าผมทำได้” ชายชราพูด “แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ไม่เอื้ออำนวยนักสำหรับผมในการจะรับอุปการะเด็กคนนี้เสียเอง เพราะผมมีหน้าที่มากมายที่จะต้องจัดการ อีกอย่างที่ผมได้บอกพวกคุณไปแล้วว่าผมต้องการให้เด็กคนนี้เติบโตขึ้นในโลกของมักเกิ้ลหรือโลกของคนธรรมดา ๆ อย่างที่คุณเข้าใจ เพื่อที่จะให้เธออยู่ห่างไกลจากการตามหาของโวลเดอมอร์มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
เมื่อดัมเบิลดอร์พูดจบนางเกรนเจอร์ก็มองไปยังเด็กน้อยในอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาเวทนา

“เธอน่าสงสารนะคะ” หล่อนพูดขึ้น “ฉันหมายถึง เธออายุแค่นี้เท่านั้น แต่ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปแบบนี้ ขอฉันอุ้มเธอหน่อยได้ไหมคะ” นางเฮเลนกล่าว และคราวนี้ดัมเบิลดอร์ก็ไม่ลังเลที่จะส่งทารกในอ้อมแขนไปให้หล่อน

นางเกรนเจอร์รับทารกดังกล่าวมาอย่างระมัดระวัง เธอมองเด็กน้อยอย่างรักใคร่ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอสำรวจไปทั่วร่างน้อย ๆ ที่กำลังหลับใหลอยู่ ขณะที่สามีของเธอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มีท่าทีไม่สู้สบายใจเท่าไหร่นัก

“เธอน่ารักจังเลยค่ะ” นางเฮเลนพูดพลางลูบแก้มเล็ก ๆ ของเด็กน้อยด้วยปลายนิ้ว ผิวของเธอขาวสะอาดและเนียนละเอียดราวกับไข่มุก ศีรษะของเธอปกคลุมไปด้วยผมหยักศกเป็นลอนอ่อน ๆ สีน้ำตาลเช่นเดียวกับนาง และจู่ ๆ นางเกรนเจอร์ก็ถามขึ้นมา

“เธอชื่ออะไรคะ”

“ผมไม่ทราบแน่ชัดครับ และคาดว่าคงไม่มีวันทราบด้วย ที่ผมรู้มีแค่นามสกุลของเธอเท่านั้นครับ เธอนามสกุล ‘ ซิลเวีย ’ ส่วนชื่อของเธอนั้นผมคงบอกได้คำเดียวว่าผมจนปัญญาที่จะบอกพวกคุณจริง ๆ” ดัมเบิลดอร์กล่าว

“แล้วสร้อยนี่ล่ะคะ เป็นของเธอด้วยหรือคะ” นางเกรนเจอร์ถามขึ้นมาเมื่อเธอสังเกตเห็นสร้อยรูปนกอินทรีที่ห้อยคอทารกน้อยอยู่ ดัมเบิลดอร์ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบเธอออกมา

“ครับ ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้น และมันน่าจะเป็นของประจำตระกูลที่เก่าแก่มากด้วย อันที่จริงถ้าผมเดาไม่ผิดมันคงจะตกทอดมาตั้งแต่สมัยของโรวีน่า เรเวนคลอแล้วด้วยซ้ำ” ชายชราอธิบาย แต่คำพูดของเขาก็ไม่ต่างไปจากภาษาต่างดาวในสายตาของสองสามีภรรยาเกรนเจอร์เลย

“คุณลองดูสิคะ เธอน่ารักมากเลย” นางเกรนเจอร์ที่กำลังอุ้มทารกอยู่หันไปทางสามีของเธอและยื่นเด็กน้อยไปให้เขา แต่นายเกรนเจอร์ปฏิเสธที่จะอุ้มเธอเหมือนกันครั้งที่แล้วมา และแน่นอนว่าดัมเบิลดอร์สังเกตเห็นอากัปกิริยานั้น

“ผมขอรับรองกับคุณทั้งสองคนว่าเด็กคนนี้จะไม่นำภัยอันตรายใด ๆ มาให้สู่ครอบครัวของคุณเลย เธอจะถูกปกป้องอย่างดีด้วยคาถาของผม รวมถึงครอบครัวของคุณด้วย และถ้าหากว่าพวกคุณรับเธอเป็นลูกบุญธรรมก็เท่ากับพวกคุณได้ช่วยเหลือชีวิตน้อย ๆ ที่เพิ่งผ่านการสูญเสียมาชีวิตหนึ่ง” ดัมเบิลดอร์พยายามเกลี้ยกล่อมสองสามีภรรยา อันที่จริงจะต้องเรียกว่าเกลี้ยกล่อมพ่อของเฮอร์ไมโอนี่มากกว่า เพราะดูจากท่าทางแล้ว ทารกน้อยคนนี้น่าจะได้ใจแม่ของเธอไปครอบครองแล้ว ที่เหลือก็มีแต่พ่อของเธอเท่านั้นว่าเขาจะยอมรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมหรือไม่

แน่นอนว่าคำตอบคือ ใช่ พ่อของเฮอร์ไมโอนี่ต้องยอมรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมของเขาอย่างแน่นอน และเด็กสาวก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ก็จะไม่ให้เธอรู้ดีได้อย่างไรในเมื่อเด็กทารกคนนี้ก็คือเธอในอดีตนั่นเอง และสองสามีภรรยาที่อยู่หน้าเธอในตอนนี้ก็คือพ่อแม่อุปถัมด์ของเธอ ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธออย่างที่เธอเข้าใจมาตลอดเวลาสิบเก้าปีที่ผ่านมานี้ แต่ถึงอย่างนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อยากจะยอมรับว่าเรื่องที่เธอได้รับรู้ทั้งหมดนี้เป็นความจริง

“เรารับเธอไว้เลี้ยงเถอะนะคะ โรเบิร์ต” นางเกรนเจอร์พูดกับสีหน้าลำบากใจของสามี “คุณดูสิคะเธอน่ารักออกขนาดนี้ แถมยังน่าสงสารอีกด้วย”

“แต่มันเป็นเรื่องใหญ่นะ เฮเลน ผมคิดว่า......” นายเกรนเจอร์พยายามจะเถียงแต่เสียงของเขาก็ขาดหายไปเมื่อนางเกรนเจอร์ส่งทารกน้อยในอ้อมแขนมาให้เขาซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หนูน้อยลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลของเธอสบกับดวงตาสีเข้มของนายเกรนเจอร์เข้าพอดี

ในตอนแรกโรเบิร์ตรับทารกน้อยมาอุ้มอย่างเสียไม่ได้ แต่เมื่อชายหนุ่มได้เห็นใบหน้าเล็ก ๆ แสนน่ารักและดวงตาสีน้ำตาลที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็พอจะดูออกว่าพ่อของเธอรักทารกน้อยคนนี้เข้าเสียแล้ว
นายเกรนเจอร์ใช้มือใหญ่ของเขาลูบแก้มเด็กน้อยเบา ๆ เธอมองเขาด้วยสายตาแปลกใจแต่กลับไม่ปรากฏแววหวาดกลัวอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น ก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างน่ารัก ยิ้มของเธอนั้นบริสุทธิ์สดใสจนนายเกรนเจอร์อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“เห็นมั๊ยคะ เธอน่ารักออกขนาดนี้ แล้วคุณก็เป็นคนบอกเองนี่คะว่าถ้ามีลูกคุณอยากจะมีลูกสาวน่ะค่ะ” นางเกรนเจอร์พยายามเกลี้ยกล่อมสามี แต่เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นนายโรเบิร์ตก็ซ่อนยิ้มทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมตามเดิม

“แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่ดีนะเฮเลน มันใหญ่เกินกว่าที่จะตัดสินใจกระทันหันแบบนี้” นายเกรนเจอร์พูด

“แต่...โรเบิร์ตคะ......” นางเกรนเจอร์พยายามจะพูดแต่ดัมเบิลดอร์ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“ผมขอออกความเห็นหน่อยนะครับ คุณเกรนเจอร์” เขาหันไปทางพ่อของเฮอร์ไมโอนี่ ดวงตาสีฟ้าของเขาเป็นประกายยามจ้องมองชายหนุ่มผมสีเข้ม “ถ้าคุณกังวลเรื่องที่ลอร์ดโวลเดอมอร์จะมาตามล่าเด็กคนนี้จนทำให้ครอบครัวของคุณเดือดร้อนล่ะก็ ขอให้คุณวางใจได้เลยครับ เพราะผมจะเป็นคนรับประกันความปลอดภัยของพวกคุณเอง และถ้าคุณยังไม่มั่นใจในคำพูดของผม คุณก็ควรจะถามภรรยาของคุณก่อนว่าเธอมีความเห็นยังไงกับเรื่องที่ผมจะเป็นคนรับรองความปลอดภัยของครอบครัวคุณ” ดัมเบิลดอร์พูดพลางหันไปมองนางเกรนเจอร์

เฮเลนมองสามีก่อนจะพูดออกมาว่า

“ราเชลเคยบอกฉันว่า คุณดัมเบิลดอร์.....เป็นพ่อมดที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก และถ้าหากเขาเป็นคนรับรองความปลอดภัยของพวกเรามันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ” แม่ของเฮอร์ไมโอนี่พูดกับสามีของเธอ

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะที่รัก แต่การรับเด็กมาเลี้ยงก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่ดี เราต้องจัดการอะไรมากมาย อีกอย่างเราไม่มีจดหมายส่งตัวหรือหลักฐานอะไรเกี่ยวกับเธอเลย.........” นายโรเบิร์ตกล่าว

เฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าพ่อของเธอหมายถึงเอกสารทางราชการและสูติบัตร ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นเด็กสาวก็โล่งใจได้เล็กน้อย เพราะเธอจำได้ว่าตัวเธอเองมีสูติบัตรที่ออกโดยหน่วยราชการของมักเกิ้ล เพราะฉะนั้นเด็กทารกคนนี้อาจจะไม่ใช่เธอในตอนเด็ก บางทีพ่อของเธออาจจะปฏิเสธที่จะรับลูกสาวของตระกูลซิลเวียมาเลี้ยงก็เป็นได้

แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะคิดอะไรที่เป็นการเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านั้น เธอก็ได้ยินเสียงของดัมเบิลดอร์พูดขึ้น

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ” ชายชราพูดพร้อมกับโบกไม้กายสิทธิ์เบา ๆ และก็มีซองเอกสารสีน้ำตาลปรากฏขึ้นบนโต๊ะกาแฟของบ้านเกรนเจอร์ นายและนางเกรนเจอร์มองซองนั้นสลับกับชายชราอย่างแปลกใจ

“เอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับเธออยู่ในนี้ครับ ทั้งสูจิบัตรและเอกสารเรื่องการรับบุตรบุญธรรม มันเป็นเอกสารแบบเดียวกับของพวกมักเกิ้ลที่มีข้อมูลของเธอรวมทั้งของพวกคุณครบถ้วนทั้งหมด ขาดก็แต่ชื่อนามสกุลของเด็กคนนี้แล้วก็วันเกิดของเธอเท่านั้น” ดัมเบิลดอร์เอ่ยกับสองสามีภรรยา ทั้งสองหันมามองหน้ากัน

“รับเธอไว้เถอะนะคะโรเบิร์ต เธอออกจะน่าสงสารขนาดนี้ อีกอย่างแม่หนูคนนี้ก็จะเป็นสิ่งทดแทนที่ฉันไม่สามารถมีลูกให้คุณได้ยังไงล่ะคะ” นางเกรนเจอร์พยายามเกลี้ยกล่อมสามีที่มีท่าทีเหมือนจะคล้อยตามไปมากกว่าครึ่งแล้ว

“คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยโทษคุณเรื่องนั้นเลย เฮเลน” ชายหนุ่มพูดกับภรรยาอย่างเห็นใจก่อนที่จะหันไปทางดัมเบิลดอร์

“ผมขอถามอีกครั้งนะครับ ว่าคุณแน่ใจแค่ไหนว่า เอ่อ มนตราของคุณจะปกป้องเด็กคนนี้รวมทั้งครอบครัวของผมจากจากตามล่าของพ่อมดคนนั้นได้น่ะ” เขาถามชายชรา ดัมเบิลดอร์ยิ้มบาง ๆ

“ผมรับประกันด้วยชีวิตของผมเลยครับว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหญิงอยู่ที่นี่ รวมทั้งจะไม่มีพ่อมดคนไหนในโลกนี้มาทำอันตรายครอบครัวของคุณได้อย่างแน่นอน ภายใต้เวทย์มนต์ที่ผมเสกขึ้น” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างมั่นใจ และนั่นก็จะพอทำให้นายเกรนเจอร์โล่งอกลงได้

“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ตกลง ผมยินดีรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรม” เขาพูดออกมาในที่สุดท่ามกลางรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีของนางเกรนเจอร์ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับโลกของเธอได้พังทลายลงตรงหน้า มันไม่จริงใช่ไหม! เธอไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อกับแม่อย่างนั้นหรือ! ในหัวของเด็กสาวเต็มไปด้วยคำถามเหล่านี้!

แม้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาล้วนบอกเธอเป็นนัย ๆ แล้วก็ตามว่าเธอไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของรอบครัวเกรนเจอร์ แต่เธอเป็นลูกสาวของครอบครัวซิลเวีย เธอเป็นชาวฝรั่งเศสและอาจจะเป็นเลือดบริสุทธิ์ รวมทั้งเป็นทางยาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดด้วย แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่อาจทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้นสำหรับเธอได้เลยยามที่เธอรับรู้ความจริงทั้งหมดแบบนี้
เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงบนพื้นห้องรับแขกทันที ราวกับขาของเธอไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีกต่อไปและเมื่อเด็กสาวลืมตาขึ้นเธอก็เห็นภาพนางเกรนเจอร์โผเข้ากอดสามีพลางเอ่ยปากขอบคุณเขาเรื่องที่เขายอมตกลงรับเด็กน้อยคนนั้นซึ่งก็คือเธอในอดีตมาเป็นลูกบุญธรรม เช่นเดียวกับที่ดัมเบิลดอร์กล่าวขอบคุณนายเกรนเจอร์ก่อนที่เขาจะหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาและเริ่มร่ายคาถาที่เธอไม่รู้จัก ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่ามันเป็นคาถาคุ้มครองเพื่อป้องกันเธอรวมทั้งพ่อแม่บุญธรรมของเธอให้พ้นจากการตามล่าของโวลเดอมอร์
หลังจากร่ายคาถาเสร็จ นายโรเบิร์ตก็ถามขึ้น

“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” เขาพูด ตอนนี้ทารกน้อยไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วเพราะภรรยาของเขารับเธอไปอุ้มแทน

“เกือบจะเรียบร้อยครับ ผมหมายความว่าผมได้ร่ายคาถาป้องกันสำหรับคุณและครอบครัวแล้ว และแน่นอนว่าจะไม่มีใครรวมถึงพ่อมดคนไหนรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นทายาทของเรเวนคลอที่โวลเดอมอร์กำลังตามหาอย่างแน่นอน แต่ที่ผมบอกว่ายังไม่เรียบร้อยดีนักนั้นก็คือเอกสารเหล่านี้น่ะครับ” ดัมเบิลดอร์พูดพลางชี้ไปยังเอกสารในซองสีน้ำตาลบนโต๊ะกาแฟ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่เข้าใจว่ามันบรรจุสูติบัตรและเอกสารสำคัญเกี่ยวกับเธอไว้

“มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือครับ” นายเกรนเจอร์ถามด้วยท่าทีสงสัย ชายชรายิ้มตอบ

“มันไม่ถึงกับเป็นปัญหาหรอกครับ แต่เอกสารพวกนี้จะไม่สมบูรณ์จนกว่าผมจะใส่ชื่อรวมทั้งวันเกิดของเด็กคนนี้ลงไปน่ะครับ อย่างที่ผมได้บอกพวกคุณแล้วว่าผมไม่ทราบชื่อของแม่หนูคนนี้ และผมก็คิดว่าพวกคุณที่ตอนนี้เป็นพ่อแม่บุญธรรมของเธอคงอยากจะตั้งชื่อให้เธอเอง จริงไหมครับ” เขาอธิบายขณะที่นายเกรนเจอร์หันไปมองภรรยาอย่างขอความเห็น นางเฮเลนนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะพูดกับดัมเบิลดอร์ว่า

“แม้แต่วันเกิดของเธอคุณก็ไม่รู้เหรอคะ” นางถาม ดัมเบิลดอร์ส่ายหน้าอย่างจนใจ

“ผมทราบแค่ว่าเธอเกิดในต้นฤดูใบไม้ร่วงซึ่งก็คือเดือนกันยายนเท่านั้นครับ แต่ผมไม่ทราบแน่ชัดครับว่าวันไหน” เขาตอบ

“ถ้างั้นก็ให้เธอเกิดวันนี้เสียเลย ดีไหมที่รัก” โรเบิร์ตเสนอ แต่ภรรยาของส่ายหน้า

“ฉันไม่อยากให้ลูกต้องฉลองวันเกิดช่วงเดือนธันวาคมแบบนี้หรอกนะคะ ฉันว่าให้เธอเกิดเดือนกันยายนน่ะดีแล้ว แต่เรื่องวันที่......” นางพูดพลางมองไปยังตู้โชว์ที่วางปฏิทินอยู่ซึ่งมันบอกวันที่ 19 ธันวาคม

“ให้เธอเกิดวันที่ 19 กันยายนก็แล้วกันค่ะ อย่างน้อย ๆ เธอก็จะได้มีวันเกิดเดือนเดียวกับวันที่เธอเกิดจริง ๆ” นางเฮเลนพูด เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระตุก เพราะว่าวันที่ 19 กันยายนนั้นเป็นวันเกิดของเธอตามที่เธอเคยรู้มาตลอด แต่ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นวันที่แม่ของเธอตั้งให้เป็นวันเกิดของเธออย่างนั้นหรือ เด็กสาวคิดอย่างสับสน แต่ก็ช่างมันเถอะ มันจะมีอะไรที่ไม่น่าตกใจสำหรับเธอในตอนนี้อีกล่ะ

“ได้ครับ ส่วนเรื่องชื่อ” ดัมเบิลดอร์ถาม นางเกรนเจอร์มีสีหน้าครุ่นคิดอีกครั้งขณะที่สามีของเธอหันมาขอความเห็น

“คุณว่ายังไงที่รัก เราตั้งชื่อเธอตามชื่อของราเชลดีไหม” เขาเสนอ แต่นางเกรนเจอร์ส่ายหน้า สีหน้าของเธอดูเศร้าหมองลงเมื่อสามีเอ่ยชื่อลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งเสียชีวิตไปของเธอ สายตาของนางเหลือบไปมองรอบ ๆ ห้องอีกครั้งก่อนที่มันจะหยุดลงที่โต๊ะกาแฟตรงหน้าเธอ เบื้องล่างโต๊ะกระจกนั้นมีหนังสือจำนวนมากวางอยู่ แต่เล่มหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และน่าสะดุดตากว่าเล่มใด ๆ นั้นเป็นหนังสือที่มีชื่อว่า ‘ เทพปกรณ์รัม กรีกโบราณ ’ หลังจากจ้องมองหนังสือเล่มนั้นอยู่ไม่นาน นางเกรนเจอร์ก็พูดขึ้นมา

“เฮอร์ไมโอนี่ค่ะ เราจะเรียกเธอว่าเฮอร์ไมโอนี่” นางพูดออกมาขณะที่เด็กสาวรู้สึกราวกับหัวใจของเธอจะหลุดออกมานอกอก “ส่วนชื่อกลางของเธอ ให้เธอชื่อ จีนส์ ค่ะ ตามชื่อแม่ของฉัน” เธอพูด

“เฮอร์ไมโอนี่ จีนส์ เกรนเจอร์อย่างนั้นหรือครับ” ดัมเบิลดอร์พูด “เป็นชื่อที่แปลกดีนะครับ”

นางเกรนเจอร์ยิ้มให้เขาขณะที่อุ้มทารกน้อยไว้

“เฮอร์ไมโอนี่เป็นชื่อธิดาของเฮเลนแห่งสปาร์ตากับเมเนเลอัสตามตำนานกรีกน่ะค่ะ” นางอธิบาย

“เฮเลนเค้าชอบอ่านนิยายปรัมปราพวกนี้น่ะครับ” นายโรเบิร์ตเสริมแต่ดัมเบิลดอร์กลับยิ้มบาง ๆ ให้ทั้งสอง

“อันที่จริงมันก็เป็นชื่อที่เหมาะสมอยู่ไม่น้อยทีเดียวนะครับ หลังจากผมได้ฟังที่มาของมันแล้ว” ชายชรากล่าว เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าชื่อของเธอนั้นมีที่มาจากตำนานกรีกโบราณ แม้ว่ามันจะเป็นชื่อที่แปลกอยู่บ้างในสายตาของคนทั่วไปและมันทำให้เธอถูกเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนประถมล้อประจำ แต่แม่เธอมักจะบอกเธอเสมอว่าชื่อเฮอร์ไมโอนี่มาจากชื่อธิดาของเฮเลนซึ่งเป็นเจ้าหญิงของสปาร์ตา มันเป็นชื่อที่ไพเราะ สูงส่งและมีคุณค่า อีกทั้งยังเป็นการบ่งบอกด้วยว่าเธอเป็นลูกสาวของแม่เธอ เฮเลน แต่เด็กสาวก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่เลย!
น้ำตาอุ่น ๆ ไหลอาบแก้มของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เด็กสาวไม่สนใจที่จะปาดมันออก เธอทำได้แค่เพียงร้องไห้อยู่เงียบ ๆ เท่านั้นขณะที่ดัมเบิลดอร์เริ่มร่ายคาถาลงในสูติบัตรของเธอ เพื่อเติมชื่อและวันเกิดของเธอลงไปให้มันสมบูรณ์แบบ หลังจากจัดการธุระต่าง ๆ เสร็จแล้ว ดัมเบิลดอร์ก็ไม่ลืมที่จะกระชับพ่อแม่ของเธอ ซึ่งที่จริงเธอควรจะเรียกว่าพ่อแม่อุปถัมด์ของเธอให้ปกปิดเรื่องที่เธอเป็นแม่มดกับทุกคนแม้กระทั่งกับตัวของเฮอร์ไมโอนี่เอง อีกทั้งชายชรายังแนะนำว่าอย่าให้พวกเขาตกใจหากว่าเธอในตอนเด็กจะใช้เวทย์มนต์ขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อถึงเวลาเฮอร์ไมโอนี่ก็จะได้รับจดหมายรับเข้าเรียนจากฮอกวอตส์ แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาจะต้องปกปิดเรื่องฮอกวอตส์รวมทั้งเรื่องโลกเวทย์มนต์อย่าให้เธอรู้เพื่อให้เธอเข้าใจว่าเธอเป็นเด็กที่เกิดจากมักเกิ้ล ไม่ใช่แม่มดเลือดบริสุทธิ์ที่มีเชื้อสายของโรวีน่า เรเวนคลอแต่อย่างใด

และเมื่อสองสามีภรรยาเข้าใจที่เขาพูดเป็นอย่างดีแล้ว ดัมเบิลดอร์ก็เดินออกไปจากบ้านไปพร้อม ๆ กับที่ทุกอย่างมืดลงอีกครั้ง



*************************************************


เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอพบว่าเธอได้กลับออกมาจากความทรงจำแล้ว เด็กสาวกลับมานั่งอยู่บนแห่นทินอันเดิมโดยมีโซ่เย็นเฉียบล่ามอยู่ที่ข้อมือทั้งสองขณะที่เธอรู้สึกถึงอะไรเย็น ๆ ที่ไหลอาบแก้ม

ใช่แล้ว เธอกำลังร้องไห้ น้ำตาหลายหยดไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลของเธอไปตามแก้มเนียนอย่างช้า ๆ แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวก็ไม่เข้าใจว่าเธอร้องไห้เพราะอะไรกันแน่ เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้เลยว่าที่เธอร้องไห้เป็นเพราะว่าเธอได้รู้ความจริงว่าเธอไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อกับแม่ หรือความจริงที่ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดตามคำทำนายกันแน่

ก่อนที่เธอจะหาคำตอบได้นั้นก็มีร่างหนึ่งย่างกรายเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจอมมาร เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเขากำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีแดงของเขา แต่เด็กสาวก็ไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นไปพิสูจน์ความรู้สึกนั้น

“เธอคงเห็นเรื่องราวทั้งหมดแล้วสินะ คุณเกรนเจอร์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงละมุนละม่อม “ทีนี้เธอบอกฉันได้ไหมว่าเธอเห็นอะไรในนั้น” เขาถาม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าต่ำ เธอส่ายหน้าเบา ๆ ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอไม่ต้องการจะพูดถึงมันเลยแม้แต่น้อย เพราะมันเป็นความจริงที่น่าตกใจมากสำหรับเธอ อีกทั้งมันยังหนักหนามากเกินกว่าที่เธอจะรับไหว

โวลเดอมอร์มองเธออย่างไม่พอใจ เธอรู้สึกได้จากสายตาที่ทิ่มแทงของเขาแม้ว่าเธอจะไม่เงยหน้าขึ้นมองก็ตาม แต่นอกจากโวลเดอมอร์แล้วยังมีอีกสายตาหนึ่งที่จ้องมาทางเธอ มันเป็นสายตาที่คมกล้าจนทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่น สายตานั้นมาจากทางด้านซ้ายมือของเธอ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นสายตาของใครระหว่างลูเซียส มัลฟอยกับสเนป และที่สำคัญเธอก็ไม่ต้องการที่จะหันไปมองที่มาของมัน ในตอนนี้เธอไม่ต้องการจะหันไปมองเห็นหรือต้องการรับรู้อะไรทั้งนั้น!

“ฉันถามเธออยู่นะ คุณเกรนเจอร์” โวลเดอมอร์พูดขึ้น เสียงของเขาฟังราวกับเสียงขู่ฟ่อในลำคอซึ่งมันบอกเธอว่าเขาเริ่มไม่พอใจแล้ว
แม้จะรู้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจตอบเขาออกได้ไป เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ และเธอคงได้สัมผัสรสเลือดในปากเป็นแน่ถ้าหากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน

“จอมมารถามไม่ได้ยินรึไง” เสียงแข็งกร้าวของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น เธอรู้ดีว่ามันเป็นเสียงของลูเซียส มัลฟอย และเพราะน้ำเสียงที่แข็งกร้าวนั้นมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่อดสงสัยไม่ได้ว่าสายตาเย็นชาที่มองมาทางเธอเมื่อครู่จะใช่สายตาของเขาหรือเปล่า

สิ่งที่ตามมาคือเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้ มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองได้สำเร็จ และเมื่อเธอทำเช่นนั้นเธอก็เห็นว่านายลูเซียสก้าวออกมาข้างหน้าสองสามก้าว มือของเขากุมไม้กายสิทธิ์แน่นราวกับเขาพร้อมจะสาปเธอได้ทุกเมื่อ

“ลูเซียส” จอมมารปราบ

“นายท่าน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงลังเล

“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเสียมารยาทกับเจ้าหญิง” จอมมารพูด ขณะที่ลูกสมุนของเขาเดินถอยหลังกลับไปสองสามก้าว สายตาของโวลเดอมอร์กลับมาจ้องมองที่เฮอร์ไมโอนี่อีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้เขาก็บังคับเธอให้เงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยการกระดกไม้กายสิทธิ์ขึ้นครั้งหนึ่ง

ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นยกคางของเธอขึ้นอย่างแรง เด็กสาวครางในลำคอด้วยความตกใจขณะที่เธอเผชิญหน้ากับพ่อมดที่ชั่วร้ายที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยรู้จักมา โวลเดอมอร์มองเธอด้วยดวงตาสีแดงน่ากลัว ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้มอย่างพอใจระคนมุ่งร้าย

“ฉันเชื่อว่าเธอคงเห็นเรื่องราวทั้งหมดนั่นแล้วใช่ไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงขมขู่ ซึ่งเด็กสาวรู้ดีว่าเธอไม่อาจที่จะไม่ตอบคำถามของเขาได้ เธอพยายามจะพยักหน้าเบา ๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะมีมือที่มองไม่เห็นค้ำคางเธออยู่

“ตอบฉันมาคุณเกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเข้ม เฮอร์ไมโอนี่จึงยอมปริปากพูด
“ใช่” เด็กสาวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสั่นเครือ

“งั้นเธอคงจะรู้แล้วสินะว่าที่จริงเธอไม่ใช่เลือดสีโคลนที่เกิดจากมักเกิ้ล แต่เธอเป็นเลือดบริสุทธิ์ ที่สำคัญเธอยังเป็นทายาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดที่ฉันตามหาด้วย” จอมมารพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเขาเพิ่งได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในครอบครอง ใช่แล้ว เขาได้เธอมาอยู่ในครอบครองแล้ว เธอซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่นำเขาไปสู่ชัยชนะของเขา เธอผู้ที่จะทำให้เขาได้ปกครองโลกเวทย์มนต์ในอนาคต เธอผู้ซึ่งจะเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนในสงครามไว้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เธอจะยอมรับใช้เขาหรือเปล่า

แต่เรื่องนั้นมันไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว การเกลี้ยกล่อมใครซักคนให้ร่วมมือนั้นเป็นสิ่งที่ลอร์ดโวลเดอมอร์ถนัดอยู่แล้ว!

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบเขา เธอไม่อาจจะตอบคำถามที่น่ากลัวนี้ได้เลย แม้ว่ามันจะน่าตกใจมากที่เธอไม่ได้เป็นคนที่เกิดจากมัดเกิ้ลอย่างที่เธอคิดมาตลอด แต่ในตอนนี้เด็กสาวคิดว่าเธอยอมกลับไปเป็นเด็กสาวเลือดสีโคลนคนเดิมเสียดีกว่าที่จะต้องเป็นเลือดบริสุทธิ์ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในสงครามเช่นนี้!

และดูเหมือนโวลเดอมอร์เองก็ไม่ใส่ใจที่ไม่ได้รับคำตอบจากเธอ เขาเริ่มเดินไปรอบ ๆ อีกครั้ง

“เธอไม่รู้หรอก คุณเกรนเจอร์ ว่าฉันตามหาเธอมานเนิ่นนานแค่ไหนหลังจากที่ลูกสมุนของฉันทำงานพลาดในวันนั้น” เขาหยุดพูดพลางปรายตามองลูเซียส ชายผมบลอนด์หน้าซีดเผือด

“แม้แต่ตอนที่ฉันได้อำนาจคืนมาเมื่อหลายปีก่อนฉันก็ตามหาเธอมาตลอด ฉันให้ลูกน้องของฉันไปสืบประวัติของแม่มดทุกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและถูกคัดสรรไปอยู่บ้านเรเวนคลอ แต่ฉันไม่รู้เลย ไม่ใช่สิ ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าตาแก่ดัมเบิลดอร์จะซ้อนแผนด้วยการซ่อนเธอไว้กับพวกมักเกิ้ล แถมยังส่งเธอไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์เสียด้วย” เขาพูดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่าเขาเคียดแค้นเพียงใดดัมเบิลดอร์ตั้งใจกีดกันไม่ให้เขาได้ตัวเจ้าหญิงไป

ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เถียงในใจว่าดัมเบิลดอร์ไม่ได้ส่งเธอไปกริฟฟินดอร์ แต่หมวกคัดสรรต่างหากที่ตัดสินว่าเธอเหมาะกับกริฟฟินดอร์มากกว่า เด็กสาวก็ฉุกคิดได้ว่า หรือจะเป็นเพราะว่าดัมเบิลดอร์ต้องการซ่อนเธอจากโวลเดอมอร์เขาจึงให้หมวกคัดสรรส่งเธอไปบ้านกริฟฟินดอร์แทนที่จะเป็นเรเวนคลอ เพราะที่ผ่านมาล้วนแต่มีคนอื่น รวมทั้งตัวเธอเองด้วยที่สงสัยว่าทำไมคนที่มีอุปนิสัยเช่นเธอไม่ได้รับคัดเลือกไปอยู่เรเวนคลอ บวกกับการที่เธอเป็นทายาทของเรเวนคลอด้วยแล้วมันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะไม่ได้ไปอยู่บ้านนั้น เว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลบางประการที่ทำให้เธอได้ไปอยู่กริฟฟินดอร์แทน และเหตุผลที่ว่านี้ก็คือดัมเบิลดอร์รู้ว่าโวลเดอมอร์จะหวนคืนสู่อำนาจเข้าซักวัน และสิ่งที่เขาจะทำเป็นอย่างแรก ๆ ก็คือตามหาเธอซึ่งเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดเพื่อให้มาเป็นอาวุธของเขา ดัมเบิลดอร์จึงให้หมวกคัดสรรส่งเธอไปกริฟฟินดอร์เพื่อความปลอดภัยของเธอเองรวมทั้งของโลกเวทย์มนต์ด้วย

แต่ถึงอย่างไรดัมเบิลดอร์ก็ปกป้องเธอจากโวลเดอมอร์ได้แค่ 19 ปีเท่านั้น เขาไม่สามารถปกป้องเธอได้ตลอดไป เขาได้ตายจากไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครสามารถปกป้องเธอจากโวลเดอมอร์ได้อีกต่อไปแล้ว

“แต่ถึงยังไงตาแก่ดัมเบิลดอร์ก็ปกป้องเธอไม่ได้ตลอดไปอยู่ดี ตอนนี้เขาตายไปแล้ว และฉันก็ได้ตัวเธอมาแล้ว และถ้าเธอยอมร่วมมือกับฉันคุณเกรนเจอร์ อำนาจรวมทั้งมันส์สมองของเธอจะทำให้ฉันชนะสงคราม เมื่อฉันได้ครอบครองโลกเวทย์มนต์เธอพอจะนึกได้ไหมคุณเกรนเจอร์ว่าเธอจะมีอำนาจมากขนาดไหนในฐานะมือขวาของฉันน่ะ” จอมมารพูด

“ฉันไม่มีวันร่วมมือกับคุณ” เธอพูดออกมาเบา ๆ หากแต่ชัดเจน สีหน้าของจอมมารเปลี่ยนไปเพราะคำพูดนั้น แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น

“อย่างนั้นหรือ เธอแน่ใจขนาดนั้นหรือ” เขาพูดพลางแสยะยิ้ม ดวงตาสีแดงราวโรจน์จ้องมองเด็กสาวราวกับเขากำลังมองเห็นเหยื่ออันโอชะ

“ในตอนนี้เธออาจจะแน่ใจในความคิดนี้ แต่เธอไม่สามารถปฏิเสธโชคชะตาของตัวเองได้หรอก คุณเกรนเจอร์ ชะตาของเธอนั้นเกี่ยวข้องกับสงคราม แต่เธอพิเศษกว่าคนอื่น ๆ เพราะเธอได้รับพรสวรรค์เรื่องความชาญฉลาดมาจากบรรพบุรุษของเธอ เรเวนคลอ อีกทั้งเธอยังมีชะตากรรมที่พิเศษมากกว่าใคร ๆ ในโลกเวทย์มนต์ด้วย ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถหลีกหนีสงครามนี้ได้อยู่แล้ว แล้วทำไมเธอจะไม่ใช้ความสามารถของเธอให้เป็นประโยชน์เสียล่ะ และเธอสามารถทำมันได้ง่าย ๆ โดยการร่วมมือกับฉัน เธอเองก็น่าจะรู้นี่นาว่าตอนนี้ฉันมีอำนาจมากแค่ไหน เรากำลังจะชนะสงครามในไม่ช้า และถ้าหากเธอร่วมมือกับฉันล่ะก็เธอก็จะปลอดภัยในสงครามแถมยังจะได้รับเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ด้วย คนฉลาดอย่างเธอน่าจะรู้ดีนะว่าควรจะเข้ากับฝ่ายที่แข็งแกร่งมากกว่าน่ะ” เขาพยายามเกลี้ยกล่อม เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งรู้ในครั้งนี้เองว่าลอร์ดโวลเดอมอร์มีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมคนอื่นมากเพียงไร ก่อนหน้านี้เธอรู้มาจากที่แฮร์รี่เล่าให้ฟัง แต่เมื่อเธอได้เจอกับตัวเองเด็กสาวบอกได้เลยว่ามันไม่ผิดไปจากที่เธอได้ยินมาเลย

“ฉันไม่มีวันทรยศเพื่อนของฉัน” เธอพูดอย่างหนักแน่น แต่ขอบตาของเด็กสาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเพื่อนทั้งสอง นี่แฮร์รี่กับรอนจะรู้ไหมนะว่าเธอหายไป และพวกเขาจะมาช่วยเธอไหม

คำพูดนั้นของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้จอมมารแสยะยิ้ม

“อย่างนั้นหรือ งั้นเราจะได้เห็นกันว่าเธอจะทรยศเพื่อนรักของเธอได้ไหม แต่เท่าที่ฉันได้รู้มานะคุณเกรนเจอร์ มนุษย์สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อความอยู่รอดนั่นแหละ ไม่เว้นว่าจะต้องทำสิ่งชั่วร้ายแค่ไหนก็ตาม” จอมมารพูดพลางส่งรอยยิ้มที่ดูเหมือนปีศาจร้ายมาให้เธอ

“แต่อันดับแรกเรามาดูกันดีกว่าไหมว่ามีอะไรที่รอเธออยู่ในอนาคตบ้าง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย ก่อนจะสะบัดไม้กายสิทธิ์ครั้งหนึ่ง มือล่องหนที่ค้ำคางของเฮอร์ไมโอนี่หายไปพร้อม ๆ กับโซ่ตรวนที่หลุดออกจากมือทั้งสองของเด็กสาว เฮอร์ไมโอนี่เป็นอิสระจากพันธนาการแล้ว แต่เธอก็ไม่อาจหนีไปจากที่นี่ได้ อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่อาจสู้มือเปล่ากับพ่อมดมากกว่าสามคนที่มีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือ แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์เสียด้วย
โวลเดอมอร์หยิบลูกแก้วพยากรณ์ออกมาจากเสื้อคลุมของเขา เขาถือมันไว้ในมืออย่างแน่นหนา ใบหน้าที่เหมือนงูนั้นแสยะยิ้มให้เธอขณะที่เด็กสาวลุกขึ้นจากแท่นหินก่อนที่เขาจะชูลูกแก้วขึ้นสูง

ลูกแก้วพยากรณ์สว่างวาบขึ้นก่อนที่มันจะเปล่งเสียงออกมา เป็นเสียงที่ทุ้มต่ำซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เธอจำได้ว่ามันเป็นเสียงที่เธอได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนในความฝันของเธอ!


‘ เจ้าหญิงแห่งความมืดจะถือกำเนิดขึ้นในต้นสารถะ*นี้ [*สารถะ=ฤดูใบไม้ร่วง]
จะกำเนิดแก่ทายาทคนสุดท้ายของเรเวนคลอ
เจ้าหญิงแห่งความมืดจะมีชะตาที่พัวพันกับสงครามและโลหิต
เมื่อเธอเจริญวัยขึ้น สงครามครั้งใหญ่จะอุบัติ จะคร่าชีวิตของผู้ใช้เวทย์มนต์ไปเหลือคณานับ
ผู้คนจักแตกออกเป็นสองฝ่าย ห่ำหั่นซึ่งกันและกันเพื่อช่วงชิงอำนาจ
แต่หากฝ่ายใดได้เจ้าหญิงไปครอบครอง อีกฝ่ายจะปราชัยให้ ด้วยอำนาจของเธอ
อำนาจของเธอเปรียบเสมือนกุญแจสู้ชัยชนะในสงครามครั้งยิ่งใหญ่
และหากชายใดได้เจ้าหญิงไปครอบครอง เขาผู้นั้นจะได้รับอำนาจของเธอมาเป็นของเขา
เจ้าหญิงแห่งความมืดจะเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกผู้ทุกคนในสงครามครั้งยิ่งใหญ่!!! ’


เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหายใจเมื่อคำทำนายจบลง แม้ว่าถ้อยคำนั้นจะลงจบลงไปแล้วก็ตาม แต่ราวกับมันได้ติดตรึงอยู่ในหัวของเธอและหลอกหลอนเธออย่างไม่จบไม่สิ้น พระเจ้า! นี่เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดอะไรนี่จริง ๆ หรือ แล้วทำไมเธอถึงต้องมีชะตากรรมแบบนี้ด้วย!!!

ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังสับสนอยู่นั้น จอมมารก็ส่งลูกแก้วพยากรณ์ให้ลูเซียสก่อนที่หันมามองที่เด็กสาว

“ช่างเป็นชะตาชีวิตที่น่าสนใจอะไรแบบนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงละมุนละม่อมขณะจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอ จอมมารดูพอใจมากที่เห็นเธอสับสนแบบนี้

“เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลกเวทย์มนต์นี้ เธอเป็นอาวุธที่ร้ายกาจสำหรับในการใช้ต่อกรกับแฮร์รี่ พอตเตอร์” เขาพูดอย่างพอใจ ขณะที่เฮอร์โอนี่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เธอรู้สึกถึงคลื่นแห่งความเกลียดชังที่ก่อตัวขึ้นในกายเธอ เธอรังเกลียดโวลเดอมอร์ที่เขาต้องการใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อทำร้ายเพื่อนรักของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็หวาดกลัวในชะตากรรมของเธอเช่นกัน

“แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เธอจะเต็มใจมารับใช้ฉันไหม คุณเกรนเจอร์ เธอจะมาเป็นอาวุธที่ร้ายกาจของฉันรึเปล่า เธอ.....” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ “จะมาร่วมมือกับฝ่ายมืดไหม มาเป็นที่ปรึกษาของฉัน.........มาเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดตามที่ชะตาของเธอกำหนดไว้” โวลเดอมอร์กล่าวพลางส่งมือมาให้เธอจับ แต่เด็กสาวไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เธอมองเข้าไปในดวงตาสีแดงของเขาและพยายามบังคับไม่ให้ตัวสั่น

“ฉันไม่มีวันร่วมมือกับคุณ” เธอพยายามเค้นคำพูดนั้นออกมาอย่างยากลำบาก “ฉันยอมตายเสียดีกว่า”

จอมมารแสยะยิ้ม “อย่างนั้นรึ ฉันนึกอยู่เชียวว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่
ถ้าเธอแน่ใจอย่างนั้นฉันก็เห็นว่าฉันจะต้องใช้วิธีอื่นที่จะทำให้ฉันได้อำนาจของเธอมาเป็นของฉันแล้วสินะ” เขาพูดพลางเดินไปที่มุมห้องตรงที่ลูกสมุนของเขายืนอยู่ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างแปลกใจ เช่นเดียวกับลูกสมุนของเขาทั้งสองคน พวกเขารวมทั้งเธอต่างเดาไม่ออกว่าโวลเดอมอร์จะทำอะไรต่อไป

โวลเดอมอร์หยุดอยู่หน้าเซเวอร์รัส สเนปและลูเซียส มัลฟอย เขามองผู้เสพความตายทั้งสองก่อนจะถามขึ้นมา

“เซเวอร์รัส ลูเซียส เจ้าสองคนรับใช้ข้าอย่างดีมาโดยตลอด และเจ้าทั้งสองคนก็ยังไม่ได้รับรางวัลตอบแทนใช่ไหม” เขาพูดกลับสมุนทั้งสอง สเนปค้อมศีรษะลงต่ำ

“การรับใช้ท่านเป็นเกียรติอย่างยิ่งของข้านายท่าน ข้าไม่หวังรางวัลตอบแทนแต่อย่างใด” ชายผมดำพูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่มองท่าทีของเขาที่มีต่อจอมมารอย่างรังเกียจ เธอไม่นึกมาก่อนเลยว่าเขาจะทรยศดัมเบิลดอร์ ทรยศภาคีได้ อันที่จริงเด็กสาวไม่อยากจะเชื่อมากกว่าว่าดัมเบิลดอร์จะไว้ใจสเนปจนตัวเองต้องตายแบบนี้

“ข้าก็เช่นกันนายท่าน ข้ารับใช้ท่านด้วยความซื่อสัตย์มาตลอดโดยเฉพาะหลังจากที่ท่านหวนคืนสู่อำนาจและทั้งหมดที่ข้าทำลงไปก็ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ” คำพูดของนายลูเซียสราวกับกระทบสเนปที่ว่าเขาไม่ได้กลับมาหาเจ้านายทันทีที่โวลเดอมอร์คืนสู่อำนาจ

จอมมารมองสมุนทั้งสองด้วยแววตาที่ยากจะอ่าน

“เจ้าทั้งสองคนเป็นลูกสมุนที่มีผลงานมากที่สุด จนข้าตัดสินใจไม่ได้ว่าใครควรจะได้รับเกียรติอันนี้” เขาพูดขึ้นท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของลูเซียสและสเนป รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วย ดูจากสีหน้าของผู้เสพความตายทั้งสองแล้วเด็กสาวแน่ใจว่าพวกเขาเองก็สงสัยไม่น้อยในเรื่องที่โวลเดอมอร์พูดออกมา
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ถามอะไรออกไปนั้น จอมมารก็หันไปทางสเนปเสียก่อน

“เซเวอร์รัส เจ้าฆ่าดัมเบิลดอร์ให้ข้า ซึ่งอันที่จริงมันไม่ใช่หน้าที่ที่เจ้าได้รับมอบหมายโดยตรง แต่เจ้าก็สังหารเขาหลังจากที่เดรโกทำพลาด” เขาพูดพลางปรายตาไปมองลูเซียส

“ลูกชายของข้าไม่เอาไหนเอง นายท่าน อีกอย่างเขายังเด็กเกินไป” นายลูเซียสแก้ตัว

“ข้าไม่สงสัยในเรื่องนั้น ลูเซียส เพราะยังไงเจ้าซึ่งเป็นพ่อของเขาก็เคยทำให้ข้าผิดหวังมาก่อน” จอมมารพูดเสียงเย็น

“นายท่าน” ชายผมบลอนด์แย้ง

“แต่ระยะหลังมานี้เจ้าก็สร้างผลงานไว้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าเข้าแทรกแซงกระทรวงเวทย์มนต์ให้ข้า รวมทั้งที่เจ้าพาตัวเจ้าหญิงมาให้ข้าด้วย” จอมมารกล่าว เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระตุกอีกครั้ง พระเจ้า! พวกเขาเข้าแทรกแซงกระทรวงเวทย์มนต์แล้วหรือนี่! อันที่จริงเด็กสาวรู้มาตั้งนานแล้วว่ากระทรวงถูกแทรกแซงมาตั้งแต่ที่จอมมารหวนคืนสู้อำนาจแล้ว แต่ที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะฟัดจ์กลัวว่าจะเสียตำแหน่งจนยอมเชื่อทุกอย่างที่จะยืนยันว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้กลับมา แต่ในตอนนี้คำว่า ’ แทรกแซง ’ นั้นมีความหมายมากกว่าการที่โวลเดอมอร์ยุยุงให้ฟัดจ์แตกคอกับภาคี มันน่าจะหมายถึงการส่งคนเข้าไป ‘ แทรกแซง ’ การทำงานของกระทรวง รวมทั้งร่ายคาถาใส่เจ้าหน้าที่ด้วย

แต่ถ้าคิดอีกทีมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะถ้าผู้เสพความตายยังไม่ได้แทรกแซงกระทรวงจริง ๆ แล้วทำไมพวกเขาถึงล่อเธอเข้าไปในกองปริศนาซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าจะปลอดภัยจากผู้เสพความตายมากที่สุดได้เล่า

“ข้าภูมิใจที่ได้รับใช้ท่านครับ” นายลูเซียสพูดพลางค้อมศีรษะลงต่ำ

“ภรรยาของเจ้าตายไปนานแค่ไหนแล้ว ลูเซียส” จอมมารถาม ชายผมบลอนด์มีท่าทีแปลกใจไม่น้อยกับคำถามนั้นเช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่านาร์ซิลซาร์ มัลฟอยเสียชีวิตแล้ว อันที่จริงเธอเคยได้ยินมาบ้างว่ามีผู้เสพความตายตายในการสู้รบกับมือปราบมารตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องปรกติเสียจนเธอไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะทุกวันนี้มีคนล้มตายไม่เว้นแต่ละวัน เด็กสาวเลือกที่จะให้ความสนใจกับคนของฝ่ายภาคีมากกว่าฝ่ายผู้เสพความตาย

แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยอมรับว่าเธอตกใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่าแม่ของเดรโกเสียชีวิตลงแล้ว

“เกือบหนึ่งปีแล้วครับ” ลูเซียสตอบออกมา เสียงของเขาฟังดูเรียบเฉย หากแต่เฮอร์ไมโอนี่เห็นแววเจ็บปวดอยู่ในดวงตาสีเงินของเขา ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมันแสดงความรู้สึกใด ๆ มาก่อน

โวลเดอมอร์พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะมองไปทางเซเวอร์รัส สีหน้าของเขาดูราวกับเขากำลังครุ่นคิด เหมือนว่าเขากำลังตัดสินใจ และเด็กสาวบอกได้เลยว่าเขาดูหนักใจไม่น้อย แต่มันจะเป็นไปได้เหรอที่คนอย่างโวลเดอมอร์จะเคยรู้สึกหนักใจด้วยน่ะ

แต่ในตอนนี้อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นนี่ เฮอร์ไมโอนี่คิด เธอรู้สึกว่าโลกของเธอหมุนกลับด้าน ตั้งแต่วินาทีที่เธอเข้าไปในกองปริศนาเธอก็เผชิญกับเรื่องที่น่าประหลาดใจมากมายขนาดนี้ แล้วมันจะน่าแปลกอะไรกับการที่โวลเดอมอร์มีเรื่องหนักใจเล่า

“ตอนนี้ก็เท่ากับเจ้าไม่มีภรรยาแล้วลูเซียส เช่นเดียวกับเจ้าเซเวอร์รัส เจ้าเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ถ้าเจ้าลืมนังเลือดสีโคลนนั่นได้แล้ว” จอมมารพูดน้ำเสียงเย็นชา เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าโวลเดอมอร์หมายถึงใคร

“ข้าหลงผิดไปชั่วครู่เท่านั้นนายท่าน ตอนนี้......อันที่จริงข้าคิดได้นานแล้วว่าหล่อนไม่คู่ควรกับข้าเลยแม้แต่น้อย” สเนปเอ่ยด้วน้ำเสียงหนักแน่น

“ดีแล้วที่เจ้าคิดได้ เจ้าสองคนต่างเป็นลูกสมุนที่ซื่อสัตย์กับข้ามากที่สุด แต่คำถามของคือใครเหมาะที่จะได้ครอบครองเจ้าหญิง” เขาพูดออกมา เฮอร์ไมโอนี่ตาโต เช่นเดียวกับสเนปและลูเซียส

“นายท่าน ท่านหมายความว่า....” เซเวอร์รัส สเนปพูดขึ้นมา เขาดูแปลกใจไม่น้อย

“เจ้าเองก็ได้ยินคำทำนายเซเวอร์รัส ชายใดที่ได้ครอบครองเจ้าหญิงเขาผู้นั้นจะได้อำนาจของเธอมาครอบครอง และอำนาจที่ว่านั้นก็จะตกเป็นของพวกเจ้าคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสมุนที่ใกล้ชิดที่สุดของข้า” เขาพูดออกมา และทันทีที่จอมมารพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็กรีดร้องขึ้น!

“ไม่!!!!!” จอมมารหันมาทางเธอ เขาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

“เธอก็รู้นี่ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน คุณเกรนเจอร์ เธอมีอำนาจที่ฉันต้องการ และถ้าเธอไม่ยอมมอบให้ฉันดี ๆ ฉันก็ต้องบังคับเอามันมาจากเธอ เธอจะต้องแต่งงานกับลูกสมุนของฉันตามคำทำนายเพื่อให้อำนาจของเธอมาอยู่ที่ฝ่ายของฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงพออกพอใจ

“ไม่มีวัน!!! ฉันยอมตายเสียดีกว่า!!!” เธอตะโกน รู้สึกถึงน้ำตาร้อน ๆ ที่ไหลอาบแก้ม พระเจ้า! นี่มันบ้าอะไรกัน! เธอไม่มีวันยอมแต่งงานกับสเนป โดยเฉพาะลูเซียส มัลฟอยอย่างแน่นอน ไม่มีวัน!!!!!

จอมมารไม่สนใจท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ เขาหันกลับไปที่สมุนทั้งสองด้วยท่าทีเคร่งขรึม แววตาของสีแดงของเขามองผู้เสพความตายทั้งสองของเขาอย่างประเมินก่อนจะพูดขึ้นมา

“ลูเซียส เจ้าเป็นคนตามหาเจ้าหญิงให้ข้ามาตลอด เจ้านำตัวนักพยากรณ์คนนั้นมาให้ข้า รวมทั้งตามหาทายาทของเรเวนคลอจนเจอ แม้ว่าเจ้าจะทำพลาดไปบ้างก็ตาม แต่ตอนนี้เราก็ได้เธอมาเพราะเจ้า ฉะนั้นเจ้าสมควรได้รับเกียรตินี้” เขาพูดกับชายผมบลอนด์ที่มีสีหน้าไม่แน่ใจ

“นายท่าน ท่านหมายความว่า.....”

“เจ้าจะได้เป็นคนที่ครอบครองเจ้าหญิง ลูเซียส ข้าจะให้เจ้าแต่งงานกับนางเพื่อครอบครองอำนาจของนาง” จอมมารพูดขึ้นท่ามกลางความแปลกใจของนายลูเซียส ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับโลกของเธอพังทลายลงตรงหน้า!



*************************************************





Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 8:50:06 น. 6 comments
Counter : 1828 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:05:13 น.  

 

สวัสดียามค่ำ ๆ ค่ะ อิอิ


โดย: piksi วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:44:29 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!


โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:34:58 น.  

 
พี่พิกมาอัพต่อนะคะ
น้าๆๆๆ
อยากอ่านต่อ
ไม่เคยอ่านเรื่องแนวนี้เลย
อยากอ่านๆๆ

สู้ๆๆนะค่ะ
อัพๆเร็วเน้อ
ทักทายยามค่ำของวันใหม่

อือื


โดย: TOEy IP: 222.123.219.93 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:0:50:02 น.  

 

ดีใจค่ะที่ชอบ
พี่มาอัพต่อแน่นอนค่ะ

แต่ที่หายไปพักนึงพอดีชีวิตเกิดอะไรขึ้นนิดหน่อยน่ะค่ะ
และพี่ต้องขออัพฟิคเรื่องอื่นก่อนนะคะ

แต่รับรองว่ากลับมาอัพฟิคเรื่องนี้แน่
ไม่นานเกินรอค่ะ

ปล. พี่น้องไม่เคยอ่านแนวนี้เพราะไม่มีใคร [กล้า] เขียนฟิคแนวนี้ออกมาหรือเปล่าคะ อิอิ


โดย: piksi วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:21:49:50 น.  

 
อยากอ่านต่อจ้า เมื่อไหร่จะอัพค่ะ พี่พิกซี่


โดย: Dean IP: 115.87.149.122 วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:9:10:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.