Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 7 Marriage Bound




ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ซีดเผือด เธอรู้สึกเหมือนโลกของเธอได้พังทลายลงตรงหน้า เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองลูเซียส มัลฟอยอย่างหวาดหวั่นเช่นเดียวกับที่เขาเงยหน้ามองเจ้านายของเขาอย่างไม่เข้าใจ

“นายท่าน......” เขาพูดออกมาได้เพียงแค่นั้นขณะที่โวลเดอมอร์หัสมาแสยะยิ้มให้เขา

“เจ้าข้องใจกับการตัดสินใจของข้ารึ ลูเซียส หรือว่าเจ้าคิดว่าคิดว่ารางวัลชิ้นนี้มันต่ำต้อยเกินไปสำหรับเจ้า” จอมมารพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ใจหายวาบ นี่เธอเป็นเพียงแต่รางวัล เป็นแค่บรรณาการสำหรับผู้เสพความตายเท่านั้นหรือ!

“หรือเจ้าคิดว่าการที่ข้าให้เกียรติเจ้าในการได้ครอบครองหญิงสาวที่มีอำนาจที่สุดในโลกเวทย์มนต์นั้นเป็นสิ่งที่เจ้าไม่อาจะยอมรับได้งั้นหรือ ลูเซียส เจ้าไม่ต้องการนางอย่างนั้นรึ” เสียงของจอมมารบ่งบอกว่าเขากำลังไม่พอใจ
ใบหน้าของลูเซียส มัลฟอยซีดเผือดเมื่อเขารู้ตัวว่าเขาพูดผิดไป ชายผมบลอนด์รีบก้มศีรษะลงอย่างสำนึกผิด

“ขออภัยครับนายท่าน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าอย่างนั้น ข้าเพียงแต่.......” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ฟังดูราบเรียบและอ่อนน้อมขณะที่โวลเดอมอร์เคลื่อนกายมายืนอยู่หน้าเขา

“เจ้าเพียงแต่อะไร......” เขาถามขณะที่ดวงตาสีแดงของเขาจ้องไปยังสมุนเอกของตัวเอง ใบหน้าเหมือนงูนั้นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

“ข้าเพียงแต่สงสัยว่าทำไมนายท่านถึงไม่เป็นฝ่ายครอบครองเธอเสียเองล่ะครับ” ลูเซียสพูดขึ้นพลางเงยหน้ามองเจ้านายของเขา “ตามคำทำนายบอกเราว่าชายใดที่ได้ครอบครองเจ้าหญิงจะได้อำนาจของเธอมาครอบครองและเขาจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม ข้าก็เลยสงสัยว่าทำไมท่านถึงไม่ครอบครองเธอเสียเองเพื่อที่อำนาจของเธอจะได้ตกอยู่ในมือท่านแต่เพียงผู้เดียว” เขาพูดอย่างมีเหตุผล แต่คำพูดนั้นกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่แทบจะเป็นลม แม้ว่าการแต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากที่สุดเท่าที่เธอคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ก็ตาม แต่ถ้าเทียบระหว่างเขากับลอร์ดโวลเดอมอร์แล้ว โวลเดอมอร์ทำให้ลูเซียสกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไปเลยทีเดียว

จอมมารดูแปลกใจกับความคิดนั้น แต่จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวในเสี้ยววินาที

“เจ้าบอกว่าข้าสมควรจะเป็นฝ่ายครอบครองเจ้าหญิงเองอย่างนั้นรึ เจ้าคิดว่าข้าน่าจะแต่งงานกับนางเองใช่ไหม.....” เขาถามเสียงสูงขณะที่จ้องมองลูเซียส “ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงลืมไปแล้วสินะลูเซียสว่าข้าเป็นใคร เจ้าคงลืมไปแล้วสิว่าลอร์ดโวลเดอมอร์เป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน!” เด็กสาวสังเกตเห็นว่าลูเซียสตัวสั่นเมื่อจอมมารเอ่ยชื่อของเขาออกมา

“ข้า ลอร์ดโวลเดอมอร์เป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และพ่อมดที่ยิ่งใหญ่อย่างข้าไม่ต้องการแบ่งปันอำนาจกับใคร จริงอยู่ที่ข้าต้องการอำนาจของเจ้าหญิงมาช่วยให้ข้าชนะสงคราม แต่ถ้าข้าแต่งงานกับนางมันก็เท่ากับว่าข้ายกนางมาเทียบเทียมข้า เทียบเทียมลอร์ดโวลเดอมอร์พ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว แล้วเจ้าคิดหรือลูเซียสว่าจะมีใครคู่ควรมาตีเสมอข้า จะมีใครที่มีอำนาจเทียบเทียมข้าได้อย่างงั้นหรือ หรือเจ้าคิดว่าทายาทของเรเวนคลอคู่ควรที่จะให้ข้าแบ่งบัลลังค์ให้นางนั่งครึ่งหนึ่งงั้นหรือ!” จอมมารถามรอดไรฟันที่ฟังดูเหมือนเสียงขู่ฟ่อ ๆ ของงู

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นครับนายท่าน” นายมัลฟอยรีบพูดออกมาทันที “ข้าโง่เขลาเองที่คิดว่าจะมีใครมาเทียบเทียมอำนาจของท่าน ข้าไม่สมควรถามคำถามนี้ตั้งแรกด้วยซ้ำ” เขาพูดพลางก้มศีรษะลงต่ำกว่าเดิม ซึ่งเป็นการกระทำที่ดีสำหรับเขา เพราะว่าหลังจากนั้นไม่นานโวลเดอมอร์ก็ละสายตาที่เกรี้ยวกราดไปจากลูเซียสและหันมามองเฮอร์ไมโอนี่แทน

“ข้าไม่ต้องการอารมณ์เสียในตอนนี้ ในตอนที่ข้าเพิ่งได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในครอบครองของข้าแบบนี้.....” เขาย่างสามขุมไปหาเด็กสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่บนแท่นหิน แววตาสีแดงของเขาทำให้เธอขนลุก เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลังเมื่อถูกโวลเดอมอร์จ้องมองด้วยดวงตาที่เหมือนปีศาจของเขา เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะหลบตาเขา แต่เด็กสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นานเมื่อจอมมารกระดกไม้กายสิทธิ์เพื่อยกใบหน้าของเธอขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขา

“และเมื่อเธอแต่งงานกับเจ้าที่เป็นลูกสมุนของข้า เมื่อเจ้าได้ครอบครองเธออย่างสมบูรณ์ลูเซียส พลังอำนาจของเธอก็จะตกมาอยู่ที่ฝ่ายของข้า และพลังอำนาจนั้นจะช่วยให้ข้าได้รับชัยชนะในสงครามรวมทั้งช่วยให้ข้าสามารถจำกัดแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจจนเกือบจะเรียกได้ว่าหลงใหล แต่มันไม่ต่างจากเสียงกระซิบของปีศาจร้ายสำหรับเฮอร์ไมโอนี่เลย เด็กสาวรู้สึกราวกับจะเป็นไข้ น้ำตาใส ๆ ไหลอาบแก้มเนียนขณะที่เธอถูกบังคับให้จ้องมองใบหน้าที่น่าหวาดกลัวราวกับไม่ใช่ใบหน้ามนุษย์ของโวลเดอมอร์

“ฉันไม่มีวันแต่งงานกับเขา ฉันยอมตายเสียดีกว่า” เธอพูดออกมา ดวงตาสีน้ำตาลแลดูเด็ดเดียวยิ่งนัก ราวกับเธอได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอยอมเลือกความตายดีกว่าที่จะต้องยกชีวิตของเธอให้กับปีศาจอย่างเขารวมทั้งลูเซียส มัลฟอยด้วย

จอมมารแสยะยิ้มกับคำพูดนั้น

“ฉันรู้ดีว่าเธอเป็นคนกล้าหาญคุณเกรนเจอร์ อย่างน้อย ๆ เวลาเจ็ดปีในบ้านกริฟฟินดอร์คงจะสอนอะไรเธอเกี่ยวกับความกล้าหาญไว้ไม่น้อย แต่ฉันบอกได้เลยว่าฉันไม่ต้องการชีวิตของเธอ ถึงแม้ฉันมันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับฉันในการฆ่าเธอก็ตาม อันที่จริงฉันทำได้แม้กระทั่งให้เธอร้องขอความตายจากฉัน” เขายิ้มชั่วร้ายกับคำพูดนั้น ราวกับว่าการทำให้ใครซักคนร้องขอความตายเป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่เขาโปรดปรานมากที่สุด

“แต่ฉันไม่ได้ต้องการเช่นนั้น ที่ฉันต้องการก็คืออำนาจของเธอ และในเมื่อเธอไม่ยอมมาร่วมมือกับฉันแต่โดยดี ฉันก็ต้องบังคับเอามันมาจากเธอโดยการให้เธอแต่งงานกับลูกสมุนของฉันโดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน” จอมมารพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย

“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีวันยอมแต่งงานกับเขา ฉันยอมตายเสียดีกว่า!”เธอตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ดวงตาสีน้ำตาลดูเด็ดเดี่ยวยิ่งนักแม้มันจะประดับไว้ด้วยน้ำตาที่แสดงถึงความอ่อนแอของเธอก็ตาม เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าโวลเดอมอร์ แต่ในขณะเดียวกันเด็กสาวก็ไม่อาจห้ามน้ำตาของเธอไม่ให้ไหลออกมาได้เมื่อรู้ว่าเธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร

“อย่างนั้นรึ ถึงยังไงเธอก็จะไม่ยอมทำตามที่ฉันต้องการอยู่ดีใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ดี.....” จอมมารพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังให้เธอและเดินไปทางที่สเนปยืนอยู่ เขาพูดบางอย่างกับลูกสมุนของเขาเพียงสองสามคำ แม้จะเป็นประโยคสั้น ๆ แต่ใจความของมันก็พอจะทำให้หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่แกว่งวูบได้

“เซเวอร์รัส กลับไปที่คลินิกของพ่อของเธอและจับตัวเขามาที่นี่ อันที่จริง เอาตัวภรรยาของเขามาพร้อมกับเขาด้วยดีกว่า ฉันคิดว่าคุณเกรนเจอร์คงจะเป็นห่วงและคิดถึงพ่อแม่มักเกิ้ลของเธออยู่ไม่น้อยทีเดียว และมันคงดีมากถ้าหากเราจะให้พวกเขามาพบกับลูกสาวของเขาที่นี่” จอมมารหันมาแสยะยิ้มกับเฮอร์ไมโอนี่ที่บัดนี้ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ

‘ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เด็กสาวกรีดร้องราวกับหัวใจแตกสลาย

โวลเดอมอร์หันกลับมาและมอบรอยยิ้มที่ดูราวกับปีศาจร้ายให้เธอ พร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาใกล้เด็กสาว

“เธอไม่จำเป็นจะต้องตกใจขนาดนั้นหรอกคุณเกรนเจอร์ ฉันแค่อยากจะเชิญพ่อแม่ของเธอมาพบเธอที่นี่เท่านั้น และฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอันตรายพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ตราบเท่าที่เธอไม่ทำอะไรให้ฉันขุ่นเคืองใจ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม มือเรียวซีดของเขาเอื้อมมาสัมผัสใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ และในคราวนี้เด็กสาวไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหลบ

“แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า เธอจะสามารถทำตัวไม่ให้ฉันขุ่นเคืองใจได้รึเปล่านี่สิ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย

“ได้โปรดอย่ายุ่งกับพวกเขา” เธอได้ยินเสียงของตัวเองพูดออกมาเช่นนั้น

“เธอก็รู้ว่าเธอต้องทำยังไงพ่อแม่เธอถึงจะปลอดภัย คุณเกรนเจอร์ แต่อันที่จริงเธอไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วงพวกเขาก็ได้นะ เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ของเธออยู่แล้วไม่ใช่รึ” จอมมารกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลาย เธอรู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้เป็นพ่อแม่แท้ ๆ ที่ให้กำเนิดเธอ อันที่จริงเธอก็เพิ่งรู้เรื่องทั้งหมดนี่เมื่อครู่นี้เท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่เธอมีต่อพวกเขาเลย เพราะถึงพวกท่านจะไม่ใช่พ่อแม่บังเกิดเกล้าของเด็กสาวอย่างที่เธอเข้าใจมาตลอด แต่พวกท่านก็เลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดีมาตลอดเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมานี่ พวกท่านรักเธอเหมือนลูกแท้ ๆ คนหนึ่งเช่นเดียวกับที่เธอเองก็รักพวกท่าน และเมื่อเธอรักพวกท่านขนาดนี้ เธอจะยอมเสียสละตัวเองในการรักษาชีวิตพ่อกับแม่ของเธอไม่ได้เชียวหรือ แม้ว่านั่นจะหมายความถึงการที่เธอต้องแต่งงานกับผู้เสพความตายก็ตาม แต่สวรรค์รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกแต่อย่างใด เธอต้องทำมันเพื่อปกป้องครอบครัวที่เธอรัก เธอไม่ได้ทำมันเพราะความต้องการของเธอเอง แต่เพราะเธอจำเป็นต้องทำมันต่างหากล่ะ

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองจอมมารที่รอฟังคำตอบจากเธออยู่ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอดูไร้แววใด ๆ ขณะที่เธอพูดออกมา

“ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ได้โปรด อย่าทำร้ายพ่อแม่ของฉัน” เธอพูดออกมา เมื่อได้ยินเช่นนั้นจอมมารยกมือขึ้นในเชิงห้ามสเนปที่กำลังยืนรอคำสั่งของเขาให้ไปจับพวกเกรนเจอร์อยู่ ก่อนจะหันกลับมามองเธอด้วยแววตาที่ดูพึงพอใจ

“แล้วเธอจะแต่งงานกับลูกสมุนของฉันเพื่อให้อำนาจของเธอมาอยู่ที่ฝ่ายฉันไหม เธอจะยอมแต่งงานกับลูเซียสแต่โดยดีไหม” เขาถาม

คำพูดนั้นของโวลเดอมอร์ทำให้เด็กสาวหายใจกระตุก เช่นเดียวกับชายผมบลอนด์ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เฮอร์ไมโอนี่เหลือบตาไปมองทางเขาและเท่าที่เธอเห็นก็คือดวงตาสีเงินที่มีแววสับสนของนายลูเซียส แต่เธอไม่มีโอกาสหรือแม้แต่จะสนใจที่จะตีความหมายของมัน เพราะในวินาทีต่อมาเด็กสาวก็หันไปเผชิญหน้าโวลเดอมอร์อีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าลำคอของเธอแห้งผากยามที่เธอเปล่งประโยคต่อไปออกมา

“ฉัน.....ยินดี” เมื่อพูดจบเด็กสาวก็หลับตาลง เธอรู้สึกว่าหัวใจรวมทั้งร่างกายของเธอแตกสลายในวินาทีนั้น และสิ่งที่เธอรับรู้ต่อมานอกจากสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของโวลเดอมอร์ก็คือเธอได้ยินว่าเขาหันไปสั่งอะไรบางอย่างกับลูกสมุนของเขา

“ลูเซียส พาคุณเกรนเจอร์ขึ้นไปข้างบนและให้เอลฟ์เฝ้าดูแลเธออย่างดีก่อนที่จะมีงานแต่งงานเกิดขึ้น เซเวอร์รัส เจ้าไปแจ้งสมุนของข้าทั้งหมดว่าเราจะมีการประชุมกันในอีกสิบห้านาทีข้างหน้า” โวลเดอมอร์กล่าวกับลูกสมุนของเขา และเมื่อสิ้นเสียงนั้นเด็กสาวจะรู้สึกถึงแรงบีบที่แขนซึ่งยกร่างเธอขึ้นจากแท่นหิน และเมื่อเธอรู้สึกตัวเธอก็กำลังถูกพาเดินออกจากห้องใต้ดินนั้น โดยคนที่นำทางเธออยู่นั่นไม่ใช่ใครนอกจากว่าทีสามีของเธอ ลูเซียส มัลฟอย


.................................................


ลูเซียสพาเฮอร์ไมโอนี่เดินออกจากห้องใต้ดินไปยังทางเดินหินที่ทึบและอับชื้น ซึ่งในคราวนี้เด็กสาวไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ไม่มีประโยชน์สำหรับเธอที่จะไปขัดขืนเขาหรือแม้กระทั่งโวลเดอมอร์ในเมื่อชีวิตของพ่อแม่เธอตกอยู่ในมือของผู้เสพความตายเช่นนี้ และทางเดียวที่จะช่วยพ่อแม่ของเธอได้นั้นก็คือเธอจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เหมือนปีศาจคนนี้

ลูเซียสพาเด็กสาวเดินไปตามทางเดินหินเงียบ ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นบันไดไปยังชั้นบนซึ่งเฮอร์ไมโอนี่อดสนใจทิวทัศน์ใหม่ที่เพิ่งปรากฏตรงหน้าเธอไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เธอก็อยากรู้ว่าเธอถูกจับตัวมาที่ไหนเพื่อที่จะพยายามหนีไปให้ได้ แม้ว่าโอกาสที่เธอจะหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยนั้นจะมากกว่าศูนย์เพียงเล็กน้อยก็ตาม

วินาทีต่อมาลูเซียสก็พาเฮอร์ไมโอนี่ขึ่นมายืนบนทางเดินกว้าง ๆ ที่ทำด้วยหินและมีเพดานสูง ซึ่งมันไม่ใช่ทางเดินของห้องใต้ดินแต่อย่างใด มันกว้างใหญ่และดูเก่าแก่ราวกับเป็นห้องโถงของปราสาทซึ่งมันอาจจะเป็นที่ไหนก็ได้ในเกาะบริเตน แต่ที่แน่ ๆ ก็คือมันไม่มีวันเป็นฮอกวอตส์ ที่ที่เธอคิดถึงมากที่สุดรองจากภาคีนกฟินิกซ์และบ้านของเธอ

เด็กสาวมองไปรอบกายอย่างสนอกสนใจ และดูเหมือนนายลูเซียสจะอ่านสีหน้าของเธอออกว่าเขาจึงพูดออกมาสั้น ๆ ว่า

“ที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการศาสตร์มืด” เขาพูดขณะพาเธอเดินทางห้องโถงขึ้นไปยังชั้นสอง เฮอร์ไมโอนี่มองไปยังห้องโถงที่ประดับด้วยภาพเขียนและชุดเกราะสมัยยุคกลางเหล่านั้นอย่างสนใจ และเธอก็พบว่าภาพเขียนบางภาพดูไม่เหมือนภาพวาดของอังกฤษ

“เราอยู่ในสก็อตแลนด์งั้นเหรอ” เธอถามออกมาก่อนที่จะทันห้ามตัวเองได้ทัน ราวกับว่าอาการช่างถามนั้นเป็นนิสัยที่ฝังรากลึกในตัวเธอไปเสียแล้ว และทันทีที่เธอพูดเช่นนั้นออกไปริมฝีปากของนายลูเซียสก็กระตุกซึ่งมันบอกเธอว่าเธอเดาถูก

“นั่นไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ เธอไม่จำเป็นจะต้องรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน” เขาตอบพลางดึงแขนเธอและพาเธอเดินอย่างรวดเร็วผ่านห้องโถงไป

“คุณจะพาฉันไปไหนกัน” เธอตาม แต่นายลูเซียสไม่ตอบ เขาเพียงแค่เหลือบมองเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนจะพาเธอเดินขึ้นบันไดไปยังอีกฟากหนึ่งของปราสาท และเมื่อทั้งสองเดินผ่านระเบียงทางเดินที่เผยให้เห็นวิวของผืนป่าที่โอบล้อมปราสาทหลังนี้เอาไว้ เฮอร์ไมโอนี่ก็อดไม่ได้ที่จะมองมันให้เต็มตา แต่เธอก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่าป่าสีเขียวสุดลูกหูลูกตากับทะเลสาบขนาดเล็กเท่านั้น

ก่อนที่เธอจะได้สำรวจอะไรมากไปกว่านั้น นายลูเซียสก็ชะลอฝีเท้าลง และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองเบื้องหน้าเธอก็พบว่ามีร่างสองร่างกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขา คนสองคนนั้นเป็นคนที่เด็กสาวไม่อยากจะพบเธอมากที่สุดในตอนนี้ อันที่จริงถ้าเธอเลือกได้เธอก็ขอเลือกที่จะไม่เจอกับใครเลยเสียดีกว่า เพราะคนที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้ล้วนมีแต่ผู้เสพความตายทั้งสิ้น แต่ร่างที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเธอนั้นเป็นผู้เสพความตายที่เธอไม่อยากเจอมาที่สุดรองจากลูเซียสและสเนปก็ว่าได้ แม้ว่าในอดีตเธอเกือบจะได้เรียกพวกเขาว่าพ่อกับแม่ของเธอก็ตาม เพราะร่างสองร่างที่กำลังยืนอยู่หน้าเธอนั้นคือสองสามีภรรยาเลสแสตรงค์

เบลลาทริกซ์กับสามีของเธอที่กำลังเดินสวนมาชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นเธอและนายลูเซียส เบลลาทริกซ์กวาดตามองเฮอร์ไมโอนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างประเมิน

“ตกลงการสอบสวนเป็นอย่างไรบ้างลูเซียส” เธอถาม “ยายเด็กนี่ใช่เจ้าหญิงที่เราตามหาไหม”

ลูเซียสมีสีหน้าอึดอัดใจก่อนจะตอบออกมา

“ใช่ เบลลา มิสเกรนเจอร์คือเจ้าหญิงแห่งความมืดอย่างที่เราเชื่อกัน” เขากล่าว ขณะเบลลาทริกซ์และสามีมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป และแน่นอนว่ามันไม่ใช่แววตาของผู้เสพความตายใช้มองเลือดสีโคลนที่ต่ำต้อยแต่อย่างใด

“งั้นรึ แล้วนายท่านมีคำสั่งให้ทำอย่างไรกับเธอ” หล่อนถามและเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าชายผมบลอนด์กลืนน้ำลายก่อนจะตอบออกไป

“ผมคิดว่าคุณควรจะให้นายท่านบอกคุณเองดีกว่า อันที่จริงท่านเรียกหาคุณอยู่นี่นา เรากำลังจะมีการประชุมกัน” เขาพูดขณะยังคงบีบแขนเฮอร์ไมโอนี่แน่นจนเด็กสาวคิดว่ามันคงต้องทิ้งรอยแดงเอาไว้แน่ ๆ

“พวกเรากำลังจะไปประชุมตามที่นายท่านสั่ง แล้วคุณล่ะลูเซียส” เธอถาม

“ผมจะพามิสเกรนเจอร์ไปส่งที่ห้อง แล้วจะรีบตามไปที่ห้องประชุมทันที” ลูเซียสกล่าว

“งั้นก็ดี แล้วเจอกัน” เบลลาทริกซ์พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากพวกเขาไปอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับที่นายลูเซียสดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่ให้ออกเดินต่อ แต่คราวนี้เด็กสาวพยายามสะบัดมันออกจากการเกาะกุมของชายผมบลอนด์
และเมื่อเด็กสาวทำเช่นนั้นเขาก็จ้องมองมาทางเธอ คิ้วของเขาเลิกสูงด้วยความแปลกใจ ดวงตาสีเงินดูหงุดหงิดราวกับเขาเห็นว่าเธอจงใจถ่วงเวลาเขา
“คุณเลิกบีบแขนฉันได้แล้ว คุณก็รู้ว่าฉันหนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว” เธอพูดพลางใช้มืออีกข้างคลำแขนข้างที่บอบช้ำของตัวเอง ลูเซียสมองเธออย่างแปลกใจแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น

“ฉันดีใจที่เธอรู้สถานะของตัวเองดีมิสเกรนเจอร์ แต่ถึงยังไงฉันก็ยังวางใจในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเท่าที่ฉันสังเกตุมาเธอพยายามจะคิดหาทางหนีตลอดเวลาแม้แต่ตอนที่เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางหนีได้ก็ตาม และฉันก็ไม่มีวันจะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเป็นอันขาด” เขาพูดอย่างรู้ทันพลางมองเธอด้วยแววตาสีเงินที่คมกล้าจนเด็กสาวรู้สึกขนลุก

“อีกอย่าง ฉันต้องพาเธอไปส่งที่ห้อง และเธอก็กำลังจะทำให้ฉันไปประชุมสาย” เขาเสริม

“ฉันแค่เจ็บเท่านั้นเอง อันที่จริงคุณบอกฉันดี ๆ ก็ได้นี่นาว่าให้ฉันเดินตามคุณไป ไม่เห็นจะต้องฉุดกระชากลากถูกันแบบนี้เลยนี่” เธอกล่าว ลูเซียสมีสีหน้ายุ่งยากใจ ราวกับเขากำลังตัดสินใจว่าจะเสกคาถาเงียบเสียงใส่เธอดีหรือไม่ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาไม่ได้สาปเธอหรือเสกคาถาสะกดนิ่งใส่เธอและแบกเธอไปโยนไว้ในห้อง ตรงกันข้ามเขากลับส่งมือให้เธอจับ

เฮอร์ไมโอนี่มองมือสวมถุงมือของเขาที่ยื่นมาอย่างลังเลใจ แต่เธอก็ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานก่อนจะวางมือของเธอลงบนมือของเขา มือของเธอถูกกุมไว้ในมือใหญ่ของเขาอย่างแน่นหนาก่อนที่เขาจะเริ่มออกเดิน และในวินาทีที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่ามือของเธอเริ่มชื้นเหงื่ออยู่ในมือสวมถุงมือของนายลูเซียส พวกเขาทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้ขัดมันบานหนึ่ง

ลูเซียสใช้ไม้เท้าของเขาเคาะที่ประตูบานนั้นพร้อมกับพึมพำบางอย่างก่อนที่มันจะเปิดออกเผยให้เห็นห้องนอนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวกับดำและมีเฟอร์นิเจอร์อยู่ครบครัน

นายมัลฟอยบอกเฮอร์ไมโอนี่ทางสายตาให้เธอเข้าไปในห้องนั้น ขณะที่เขายืนอยู่ที่ธรณีประตู

“นี่เป็นห้องของเธอ เธอจะต้องพักอยู่ที่นี่ไปก่อน” เขาพูดสั้น ๆ “ทิสซี่!”
สิ้นเสียงของลูเซียสก็มีเพียงป็อปดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์ร่างเล็กที่มีนัยน์ตาสีฟ้าสดใส มันสวมเสื้อผ้าที่ดูราวกับเคยเป็นพรมเช็ดเท้ามาก่อน

“นายท่านมีอะไรให้ทิสซี่รับใช้หรือเจ้าคะ” เอลฟ์ถาม เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเอลฟ์ประจำบ้านของครอบครัวมัลฟอย

“ฉันอยากให้แกดูแลมิสกรนเจอร์เป็นอย่างดี ระหว่างที่เธออยู่ที่นี่ฉันต้องการให้แกคอยดูแลเธอทุกฝีก้าว เข้าใจไหม” เขาพูด แน่นอนว่าคำว่าดูแลทุกฝีก้าวนั้นหมายความไปถึงการจับตาดูไม่ให้เธอหนีไปด้วยมากกว่าจะเป็นการกำชับให้เอลฟ์ดูแลเธออย่างดีเพียงอย่างเดียว

“เจ้าค่ะนายท่าน ทิสซี่จะทำตามที่นายท่านสั่งเจ้าค่ะ” ทิสซี่พูดพลางค้อมศีรษะลงต่ำ “นายท่านมีอะไรให้ทิสซี่รับใช้อีกไหมเจ้าคะ” มันถาม นายลูเซียสส่ายหน้าและหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่

“ทิสซี่จะดูแลเธอ ถ้าหากเธอหิวก็บอกมัน มันจะเป็นคนเอาอาหารมาให้เธอ ฉันจะมาที่นี่อีกครั้งหลังการประชุม” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในห้องและเดินออกจากห้องไปโดยที่เขาไม่ลืมที่จะร่ายคาถาล็อกประตูเอาไว้ด้วย

เมื่อประตูปิดลงเฮอร์ไมโอนี่เริ่มร้องไห้โดยไม่สนใจสายตาของทิสซี่ที่มองมาอย่างเป็นห่วง

“คุณผู้หญิงเป็นอะไรเจ้าคะ ทิสซี่ทำอะไรให้คุณผู้หญิงไม่พอใจหรือเจ้าคะ” มันถามขึ้นอย่างลังเล ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองมันก่อนจะตอบออกมา

“มันไม่เกี่ยวกับเธอทิสซี่ ฉันแค่.......ฉันอยากอยู่คนเดียว” เธอสะอื้นออกมาเบา ๆ

“แต่นายท่านสั่งให้ทิสซี่......”

“ได้โปรด ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว” เธอพูดออกมาเพียงเท่านั้น ขณะที่ทิสซี่มองมาทางเธออย่างวิตก และในที่สุดมันก็พูดออกมา

“ทิสซี่จะทำตามที่คุณผู้หญิงต้องการค่ะ แต่ถ้าคุณผู้หญิงต้องการอะไรคุณผู้หญิงสามารถเรียกหาทิสซี่ได้ตลอดเวลาเลยนะเจ้าคะ” เอลฟ์พูดก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับเสียงดังป็อป ทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ให้อยู่เพียงลำพังในห้อง และทันทีที่เอลฟ์ออกจากห้องไปแล้วเด็กสาวก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งราวกับเข่าของเธอไม่สามารถรองรับน้ำหนักตัวได้อีกต่อไป เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน เธอรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มันมากเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจริง ๆ



*************************************************


หลังจากนั้นอีกนานเท่าไหร่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถบอกได้เพราะว่าเธอร้องไห้จนเผลอหลับไป และเมื่อเธอรู้สึกตัวขึ้นอีกทีก็เป็นเวลามืดเสียแล้ว เด็กสาวมองไปรอบ ๆ กายพลางนึกสงสัยว่าเธอขึ้นมานอนบนเตียงได้อย่างไรในเมื่อครั้งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเธอฟุบหน้าลงกับโต๊ะเครื่องแป้งแล้วร้องไห้ เธอเดาได้ว่าเธอคงหลับไปหลังจากนั้น

แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะครุ่นคิดอะไรไปได้มากกว่านั้น เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นและเด็กสาวก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพังในห้อง

“ตื่นแล้วรึ” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยนั้นบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าบุคคลที่กำลังอยู่ในห้องกับเธอ หรือถ้าพูดให้ละเอียดหน่อยก็คือเขากำลังนั่งอยู่หน้าเตาผิงโดยถือไม้เท้าไว้ในมือก็คือลูเซียส มัลฟอย เด็กสาวมองไปทางต้นเสียงอย่างตกใจ เธอไม่รู้เลยว่าเขาเข้ามาที่ห้องนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จากที่เธอเห็นแล้วเขาน่าจะนั่งอยู่ที่นี่ได้ซักพักหนึ่งแล้ว และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบลุกขึ้นจากเตียงในทันที อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่ต้องการนอนอยู่บนเตียงในขณะที่มีผู้เสพความตายอยู่ในห้องด้วยแบบนี้ แม้ว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่กำลังแต่งงานกับเธอก็ตาม

แต่งงานงั้นรึ เมอร์ลินช่วย! เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเย็นวาบไปตามไขสันหลังเมื่อเธอนึกถึงคำ ๆ นี้ แม้ว่าเธอจะไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานอย่างจริง ๆ จังมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าเธอจะต้องแต่งงานแล้วเด็กสาวอยากให้มันเกิดขึ้นเพราะความรัก และเกิดขึ้นกับคนที่เธอรัก ไม่ใช่เป็นการแต่งงานเพราะถูกบังคับขณะที่อีกฝ่ายยังเป็นผู้เสพความตายที่เป็นมือขวาของโวลเดอมอร์แถมยังเป็นพ่อของเดรโก มัลฟอยอีกด้วย

‘ เดรโก...... ‘ เฮอร์ไมโอนี่ทวนชื่อนั้นอยู่ในสมองของเธออย่างสับสน นี่เขารู้หรือยังนะเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และถ้าเขารู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับพ่อของเขาล่ะก็ เขาจะทำอย่างไรนะ เธอคิดอย่างกังวล แต่ไม่นานนักเธอก็หาคำตอบออกมาได้ไม่ยาก แน่นอนว่าเดรโกคงจะไม่พอใจมาก แต่เขาก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่อาจจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้นอกจากปล่อยให้มันเกิดขึ้นอย่างที่เธอไม่สามารถดิ้นรนหรือว่าขัดขืนได้เลย

เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นปลุกเด็กสาวขึ้นจากภวังค์ และกว่าที่เธอจะรู้สึกตัวเธอก็พบว่าลูเซียส มัลฟอยเข้ามายืนอยู่ใกล้เธอในระยะประชิด

เฮอร์ไมโอนี่รีบถอยห่างจากเขาทันทีราวกับเขาเป็นตัวอันตรายหรืออะไรสักอย่างที่เธอไม่ควรจะเข้าใกล้ ไม่ใช่ผู้ชายที่กำลังจะมาเป็นสามีของเธอ ในขณะเดียวกันนั้นลูเซียสก็ตอบสนองท่าทีหวาดระแวงของเธอด้วยการยกริมฝีปากข้างหนึ่งของเขาขึ้นสูงในเชิงเย้ยหยัน ชายผมบลอนด์เดินผ่านร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไปก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทานอาหารซึ่งตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ซึ่งเด็กสาวเพิ่งสังเกตว่ามันมีสำรับอาหารวางอยู่ นายมัลฟอยเปิดมันออกดูแล้วจึงหันมาพูดกับเธอ

“ฉันให้เอลฟ์เอาอาหารเย็นมาให้เธอ แต่พอดีเธอยังไม่ตื่นฉันก็เลยไม่อยากรบกวน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีแววเย้ยหยันหรือดูถูกแฝงอยู่แต่อย่างใด แต่มันก็ฟังดูเย็นชายิ่งนัก

“ฉันไม่หิว” เธอตอบอย่างดื้อรั้น แต่อย่างน้อยเธอก็พูดความจริงออกไปเพราะในตอนนี้เธอไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงก็รู้สึกว่าต่อมรับความรู้สึกต่าง ๆ ได้ละลายหายไปจากร่างกายของเธอแล้ว เพราะตอนนี้เธอแทบไม่รู้สึกอะไรไปนอกเสียจากความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่เต็มอก
ลูเซียสหันมามองหน้าเธอ

“ฉันก็ไม่ได้จะบังคับให้เธอทานมันหรอกนะ มิสเกรนเจอร์ ตรงกันข้าม ฉันมาที่นี่เพราะฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ และคงจะดีถ้าเรานั่งลงระหว่างที่เราคุยธุระกันดีไหม” เขาเสนอพลางผายมือไปที่เก้าอี้ เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เขาอย่างลังเลก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหารและดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วจึงนั่งลง
ลูเซียสนั่งลงตรงข้ามเธอ ในตอนนี้เขาเปลี่ยนความสนใจจากสำรับอาหารที่เธอไม่ต้องการจะแตะต้องมาอยู่ที่เด็กสาวแทน ดวงตาสีเงินแบบเดียวกับเดรโกหากแต่ดูสุขุมมากกว่าของเขามองสำรวจเฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะละสายตาไปจากเธอและเริ่มพูด

“ฉันจะเข้าประเด็นเลยแล้วกันนะ เธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าจอมมารต้องการให้เธอแต่งงานกับฉัน” เขาเริ่มพูด

“ฉันนึกว่าเขายกฉันให้คุณเสียอีก” เธอขัดขึ้นมา ลูเซียสมองเธออย่างไม่สู้พอใจเท่าไหร่นัก แต่เขาก็เลือกที่จะพูดธุระของเขาต่อมากกว่าจะเปลี่ยนมาเล่นงานเธอ

“แต่เธอก็ยินดีทำในสิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่รึ” เขาเหน็บแนม เฮอร์ไมโอนี่มองเขา เธอรู้สึกถึงความโกรธที่แล่นผ่านใบหน้า

“ฉันตกลงเพราะฉันไม่มีทางเลือก!” เด็กสาวโต้ “แล้วมันคงต้องใช้เวลาอีกร้อยปีเป็นอย่างต่ำกว่าที่ฉันจะยอมแต่งงานกับคุณถ้าโวลเดอมอร์ไม่ขู่จะฆ่าพ่อแม่ของฉัน” ทันทีที่เธอพูดจบประโยค แววตาสีเงินของนายมัลฟอยก็เปลี่ยนไปเป็นเกรี้ยวกราด เขากำไม้กายสิทธิ์แน่นราวกับเขากำลังห้ามตัวเองไม่ให้สาปเธอ

“เธอกล้าดียังไงถึงเอ่ยชื่อนายท่านออกมา เกรนเจอร์!” ลูเซียสคำราม “ถึงแม้เธอจะเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดก็ตามเถอะ แต่ความอวดดีของเธอใช่ว่าจะได้รับการละเว้นทุกครั้งไปหรอกนะ” ใบหน้าของเขาขาวซีดขณะจ้องมองเธอ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็จ้องเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัวขณะที่เธอยืนขึ้น เด็กสาวรู้สึกถึงความโกรธที่แผ่ไปตามเส้นเลือดราวกับยาพิษ

“แล้วคุณคิดว่าฉันอยากเป็นไอ้เจ้าหญิงบ้า ๆ นี่หรือไงกัน คุณคิดหรือว่าฉันอยากเป็นเครื่องมือในสงคราม อยากจะเป็นทายาทของเรเวนคลออะไรนี่น่ะหรือ ถ้าคุณคิดอย่างนั้นล่ะก็ฉันจะขอบอกคุณไว้ตรงนี่เลยนะว่าฉันไม่ได้ต้องการมันเลยแม้แต่น้อย แล้วฉันก็ยอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะได้กลับไปเป็นเด็กเลือดสีโคลนคนเดิมเสียดีกว่าเป็นเลือดบริสุทธิ์ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในสงครามแบบนี้!” เธอตะโกนอย่างหมดความอดทน น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย ลูเซียสมองเธออย่างเย็นชา

“ฉันคิดว่าเธอจะฉลาดกว่านี้เสียอีกเกรนเจอร์ เธอไม่รู้เลยรึว่าอำนาจของเธอมีค่ามากแค่ไหนในสงครามครั้งนี้ ผู้คนล้วนแต่จะยอมเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจแบบเดียวกับที่เธอมี ขณะที่เธอซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจนี้กลับไม่ต้องการมัน.......” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเขาสมเพชเธอ นั่นยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่เกลียดชายตรงหน้ามากขึ้น เธอเกลียดเขาและทุก ๆ อย่างที่เขาเป็น เธอเกลียดความเป็นเลือดบริสุทธิ์ซึ่งทำให้เขามองว่าคนอื่นต่ำต้อยกว่าเขา เธอเกลียดการที่เขาเป็นผู้เสพความตายกระหายเลือดซึ่งยอมทำทุกอย่างเพื่ออำนาจ แต่ในขณะเดียวเด็กสาวก็เกลียดตัวเองที่เธอเป็นเลือดบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเขา รวมทั้งที่เธอกำลังจะกลายเป็นสมุนผู้กระหายเลือดของโวลเดอมอร์เช่นเดียวกับลูเซียส มัลฟอยอีกด้วย

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงความเกลียดชังที่แพร่ไปตามกระแสเลือดของเธอราวกับยาพิษและแผดเผาร่างกายเธอ เธอหอบหายใจถี่อย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่อีกใจหนึ่งเธอก็พยายามจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะต่อกรกับเขาทั้ง ๆ ที่ไม่มีไม้กายสิทธิ์แบบนี้ ในเมื่อเด็กสาวเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าถึงเธอมีไม้กายสิทธิ์เธอจะสามารถเอาชนะเขาได้หรือเปล่า

“พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่าฉันไม่ได้ต้องการอำนาจเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะฉันไม่ใช่ผู้เสพความตายที่กระหายอำนาจเหมือนอย่างพวกคุณ” เด็กสาวกล่าว และเพราะคำพูดนี้เองทำให้ดวงตาสีเงินของลูเซียสตวัดมามองเธอ มันดูเกรี้ยวกราดกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น เฮอร์ไมโอนี่สาบานได้ว่าเธอเห็นประกายไฟลุกอยู่ในนั้น และสิ่งต่อมาที่เธอรู้สึกก็คือการที่นายลูเซียสลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชายผมบลอนด์ตรงเข้ามาหาเธอและบีบแขนเธออย่างแรงจนเฮอร์ไมโอนี่ครางออกมา

“คุณทำอะไรน่ะ ฉันเจ็บนะ!” เธอร้อง พยายามจะดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของร่างใหญ่นั่น แต่เปล่าประโยชน์เมื่อมือของเขาบีบแขนเธอแน่นราวกับคีมเหล็ก และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นเพียงแค่ดวงตาสีเงินของลูเซียสที่จ้องมาทางเธออย่างน่ากลัวเท่านั้น

“ฉันอาจจะเป็นผู้เสพความตายกระหายอำนาจ เกรนเจอร์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม หากแต่เยือกเย็นจนน่าขนลุก “แต่อีกไม่นานอำนาจที่เธอมีก็จะมาอยู่ในมือของฉัน ในวินาทีที่เธอแต่งงานกับฉัน เมื่อฉันได้ครอบครองเธอฉันก็จะได้ครอบครองอำนาจที่ผู้คนทั้งโลกเวทย์มนต์ได้แต่ฝันถึง อำนาจของเธอจะเป็นของฝ่ายผู้เสพความตายและเมื่อถึงตอนนั้นฉันก็จะใช้มันทำลายเพื่อนรักของเธอ” เขาพูดอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงความโกรธที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธออีกครั้ง และครั้งนี้มันมากเกินกว่าที่เธอจะระงับได้

“และเมื่อแฮร์รี่ พอตเตอร์ตาย แม้ว่าเขาจะตายเพราะน้ำมือของจอมมารก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจลบเลือนความจริงที่ว่าอำนาจของเธอได้ส่งเสริมให้ท่านมีชัยเหนือเขาได้หรอก เกรนเจอร์ และเมื่อถึงตอนนั้นก็เท่ากับว่าเธอเป็นคนลงมือฆ่าเพื่อนรักของเธอเอง” ลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เด็กสาวหน้าแดงด้วยความโกรธ และกว่าเธอจะรู้ตัวฝ่ามือของเธอก็ฟาดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเขาเสียแล้ว!

ใบหน้าของลูเซียส มัลฟอยหันไปอีกด้านหนึ่งเพราะแรงตบ แม้ว่ามันจะไม่รุนแรงมากเท่าไหร่นักแต่มันก็พอจะทำให้เกิดรอยแดง ๆ บนแก้มขาวซีดของเขาได้ และสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นต่อมานอกจากก็คือแววตาสีเงินที่แทบจะลุกเป็นไฟของเขา แม้มันจะดูเหมือนแววตาของเดรโกยามที่เขาโกรธมาก แต่ดวงตาคู่นั้นของนายลูเซียสดูเยือกเย็นและน่ากลัวมากกว่านับร้อยนับพันเท่า!

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกทีร่างของเธอก็ถูกดันไปติดกำแพงด้วยฝีมือของชายผมบลอนด์ที่บัดนี้เข้ามายืนประชิดร่างเธอชนิดที่เรียกได้ว่าเธอสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา ดวงตาสีเงินจ้องมองมาทางเธออย่างเกรี้ยวกราดจนเด็กสาวแทบขนลุก มือแข็งแกร่งของเขาบีบแขนของเธอแน่นราวกับต้องการหักกระดูกเธอ

“เธอกล้าดียังไงถึงตบฉันน่ะ!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ราวกับเขาเพิ่งกลายร่างเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้ายขึ้นมาในฉับพลัน เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบเขา เธอทำเพียงแค่เบือนหน้าไปทางอื่นเท่านั้นเพราะเด็กสาวไม่ต้องการมองใบหน้าที่ดูราวกับปีศาจร้ายของเขาอีกต่อไป

แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเมื่อเธอรู้สึกถึงแรงบีบที่กราม มือใหญ่ของชายตรงหน้าเลื่อนมากุมหน้าเธอไว้และบังคับให้มันหันมาสบตาเขา และเท่าที่เธอเห็นมีเพียงแววตาสีเงินที่ลุกเป็นไฟของเขาเท่านั้น!

“ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหม ว่าอย่าคิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิงแล้วจะทำอะไรได้ตามใจชอบ เพราะถึงเธอจะเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดก็ตามแต่เธอก็กำลังจะแต่งงานกับฉัน! และเธอไม่มีสิทธ์มาทำแบบนี้กับฉันที่กำลังจะมาเป็นสามีของเธอ!” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกคลื่นไส้เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาใช้แทนตัวเองกับเธอ ‘ สามี ’ อย่างนั้นรึ เธอยอมตายเสียดีกว่าทีจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอย่างเขาเช่นสามีภรรยา แต่เด็กสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางโชคดีแบบนั้น
“ฉันยอมเลือกความตายดีกว่าที่จะต้องแต่งงานกับคนอย่างคุณ” เธอพูดพลางจ้องมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว

“ฉันเกลียดคุณ คุณอาจจะคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่น แต่ที่จริงแล้วคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าผู้เสพความตายที่กระหายเลือดเลย” เด็กสาวพูดออกไปก่อนที่เธอจะทันได้คิด ราวกับว่าตอนนี้สติสัมปชัญญะของเธอหยุดทำงานลงชั่วขณะ และสิ่งที่เธอได้รับจากคำพูดที่ไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองของเธอนั้นก็คือใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธของนายลูเซียสกับแรงบีบที่คางของเธอที่เพิ่มขึ้นจนเด็กสาวแทบน้ำตาไหล ในวินาทีนั้นเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอกำลังจะตายเสียแล้วหรือไม่นายลูเซียสก็คงร่ายคาถากรีดแทงใส่เธอแน่ ๆ แต่เด็กสาวก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดเพราะเธอพบว่าในวินาทีต่อมาลูเซียส มัลฟอยจูบเธอ

อันที่จริงน่ามันจะเรียกว่าเขาบดขยิ้ริมฝีปากของเธอด้วยริมฝีปากของเขามากกว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะเรียกว่าจูบได้เลยแม้แต่น้อย มันไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีการแสดงออกถึงความรักซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ไม่มีวันหวังสิ่งนั้นจากเขาเช่นกัน แต่มันก็ไม่ใช่การจูบในแบบที่เธอคาดหวังไว้สำหรับครั้งแรกของเธอเลย อันที่จริงเธอไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าเธอจะต้องมาเสียจูบแรกของเธอให้กับคนอย่างเขา! ขณะที่ลูเซียสบดริมฝีปากลงมาอย่างแรงเฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการข่มเหงของเขาสุดแรงเกิด
แต่เธอทำไม่ได้ ไม่ใช่สิ เธอไม่มีวันทำได้ เธอไม่ได้วันหลุดไปจากการเกาะกุมของเขาได้ในเมื่อมือทั้งสองข้างของเขารั้งร่างเล็ก ๆ ของเธอไว้อย่างแน่นหนาไม่ว่าเธอจะดิ้นรนหนักเท่าใดก็ตาม ชายผมบลอนด์จูบเธอจนพอใจก่อนที่เขาจะถอนใบหน้าของเขาออกมาแต่เขายังไม่คลายมือทั้งสองข้างที่จับแขนของเธอไว้ ราวกับเขารู้ดีว่าเธอคงต้องตบเขาซ้ำเป็นแน่หากเขาปล่อยเธอเร็วเกินไป

“คุณมันสารเลว!” นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาได้รับหลังจากที่เขาจูบเธอเสร็จ แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่ประโยคที่ผู้ชายทั่ว ๆ ไปได้รับจากผู้หญิงที่เขาเพิ่งจูบด้วย แต่ก็แน่ล่ะ ลูเซียสรู้ดีว่าเด็กสาวตรงหน้าของเขานั้นไม่เหมือนกับผู้หญิงคนไหนในโลก

“ฉันอาจจะเป็นอย่างนั้นเกรนเจอร์ แต่อีกไม่นานเธอก็ต้องแต่งงานกับผู้ชายสารเลวอย่างฉันไม่ใช่หรือ” เขาพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังซึ่งเช่นเดียวกับแววตาที่จ้องเธอกลับมา มันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน มันช่างเย็นชาและดูห่างเหินจนเด็กสาวคิดว่าคงไม่มีผู้ชายคนไหนอีกแล้วที่จะมองว่าที่เจ้าสาวของเขาด้วยสายตาแบบนั้น แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเหตุผลเดียวที่ลูเซียสแต่งงานกับเธอก็เป็นเพราะเขาต้องการทำตามคำสั่งของโวลเดอมอร์และต้องการครอบครองอำนาจของเธอ เช่นเดียวกับที่เธอตกลงแต่งงานกับเขาเพื่อรักษาชีวิตพ่อกับแม่ของเธอเอาไว้

“ฉันอาจจะเป็นคนสารเลว รวมทั้งผู้เสพความตายกระหายเลือดอย่างที่เธอว่า เกรนเจอร์” เขาเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่งกว่าเมื่อครู่มากนัก ราวกับเขาเพิ่งเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเธอแต่อย่างใด “แต่ในไม่ช้าเธอก็จะต้องแต่งงานกับฉัน และเมื่อถึงตอนนั้น......” เขาบีบแขนของเด็กสาวแน่นจนเธอรู้สึกว่ากระดูกของเธอจะแตกสลายไปเพราะแรงบีบของเขา

“ฉันอยากมั่นใจว่า ภรรยาของฉัน จะไม่เรียกฉันด้วยคำพูดที่หยาบคายแบบนั้นอีก เพราะถึงอย่างไรในตอนนั้นผู้เสพความตายกระหายเลือดคนนี้ก็ได้กลายเป็น สามีของเธอ ไปแล้ว” รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏบนริมฝีปากเรียวซีดของเขามันทำให้เฮอร์ไมโอนี่อยากจะฟาดผ่ามือของเธอลงไปบนใบหน้าขาวซีดของเขาอีกซักรอบ แต่เด็กสาวรู้ดีว่าการกระทำนั้นไม่อาจะนำประโยชน์มาให้แก่เธออย่างใด อันที่จริงมันอาจจะนำความเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงมาให้เธอมากกว่า เพราะในตอนนี้เธอเข้าใจสถานะของตัวเองดีว่าเธอไม่อาจจะสู้เขาได้ในทุก ๆ ด้าน เธอจึงทำได้แต่จ้องมองเขาอย่างเกลียดชังเท่านั้น


ทั้งสองจ้องมองกันและกันอยู่เนิ่นนาน เฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าผ่านไปกี่นาทีแล้วเมื่อเธอรู้สึกถึงความผ่อนคลายที่แขนเมื่อลูเซียส มัลฟอยปล่อยร่างของเธอออกจากการเกาะกุม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ความโกรธของเธอเริ่มคลายลงไปแล้วและเธอก็ไม่ต้องการจะตบเขาอีกต่อไป

หลังจากปล่อยมือจากเฮอร์ไมโอนี่ ชายผมบลอนด์ก็ถอยหลังไปสองสามก้าว เขาเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารแต่ยังไม่ได้นั่งลงก่อนจะหันกลับมามองเธอด้วยท่าทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับเมื่อครู่เธอไม่ได้ตบเขาและเขาไม่ได้บังคับเอาจูบแรกไปจากเธอ

“อันที่จริงที่ฉันมาที่นี่ไม่เพราะฉันต้องการมาทะเลาะกับเธอ แต่จอมมารสั่งให้ฉันมาทำธุระบางอย่าง” เขาพูดก่อนจะดึงกระดาษม้วนหนึ่งออกมาจากเสื้อคลุม เฮอร์ไมโอนี่มองมันอย่างสงสัย และดูเหมือนว่าเขาจะอ่านสีหน้าของเธอออก

“นี่คือสัญญาการแต่งงาน ฉันเอามันมาให้เธอเซ็นต์” เขาบอกแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงมีสีหน้าราวกับเขาพูดภาษาต่างดาวกับเธออยู่ดี อันที่จริงเด็กสาวรู้ความหมายของสิ่งที่อยู่ในมือของนายมัลฟอยดีเพียงแต่เธอกลัวเกินกว่าที่จะยอมรับกับมัน

เมื่อไม่มีคำตอบรับจากเฮอร์ไมโอนี่ นายลูเซียสคลี่กระดาษม้วนนั้นออกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

“สัญญานี่ระบุชัดเจนถึงการแต่งงานของเราที่กำลังมีขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า” ชายผลบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระตุก เร็วขนาดนั้นเลยหรือ อีกเจ็ดวันเท่านั้นเองหรือ อีกแค่เจ็ดวันที่เธอต้องแต่งงานกับลูเซียส มัลฟอย เวลาเพียงแค่นั้นไม่อาจจะทำให้เธอทำใจรับกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้เลย แต่อันที่จริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีวันทำใจยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ได้แม้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม

“และเธอจะต้องเซ็นต์สัญญานี่เพื่อยืนยันว่าเธอจะแต่งงานกับฉันอย่างไม่มีข้อแม้ และเมื่อเธอทำเช่นนั้นพันธะสัญญาเวทย์มนต์ก็จะผูกมัดพวกเราไว้ด้วยกัน นับตั้งแต่วินาทีที่เธอเซ็นต์สัญญานี่เท่ากับเธอสาบานว่าจะแต่งงานกับฉัน และเธอต้องทำตามที่เธอสาบานไว้ภายในหนึ่งเดือนไม่เช่นนั้นสัญญานี้จะดูดพลังเวทย์มนต์จากตัวเธอจนเธอไม่เหลือเวทย์มนต์อยู่ในตัวแม้แต่เพียงหยดเดียว” นายลูเซียสอธิบายอย่างเรียบ ๆ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระตุก เธอรู้ดีว่าสัญญานี่หมายความว่าอย่างไรเพราะเมื่อเธอเซ็นต์มันลงไปแล้วก็เท่ากับเธอมอบชีวิตของเธอให้อยู่ในครอบครองของลูเซียส มัลฟอย และหากเธอไม่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่สัญญาระบุไว้ ภายในหนึ่งเดือนหลังจากนั้นมันก็จะพรากอำนาจเวทย์มนต์ทั้งหมดที่เธอมีไปจากตัวเธอ รวมทั้งอำนาจในการชี้ชะตาสงครามในฐานะเจ้าหญิงแห่งความมืดอีกด้วย และเมื่อถึงตอนนั้นเธอก็จะไม่ต่างอะไรไปจากมักเกิ้ลธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ขณะที่อำนาจทั้งหลายทั้งปวงเธอที่มีนั้นก็จะต้องตกอยู่กับฝ่ายผู้เสพความอยู่ดีไม่ว่าเธอจะยอมแต่งงานกับลูเซียสหรือไม่ก็ตาม

ช่างเป็นการร่างสัญญาที่ชายฉลาดเสียนี่กระไร แต่ในขณะเดียวกันมันก็ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกินสำหรับผู้ที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเฮอร์ไมโอนี่ และที่สำคัญก็คือตอนนี้เด็กสาวไม่มีทางเลือกใดมากไปกว่าจะยอมเซ็นต์มันแต่โดยดี

หลังจากอธิบายจบ ลูเซียสก็เสกปากกาขนนกขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันลอยมาอยู่ตรงหน้าของเฮอร์ไมโอนี่

“ถ้าเธอจะกรุณา มิสเกรนเจอร์” ชายผมบลอนด์มองเธอด้วยสายตาคาดหวังจนเกือบจะเป็นการบังคับ เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทางเลือกมากไปกว่านั่งลงบนโต๊ะ เด็กสาวอ่านสัญญาอย่างถี่ถ้วนอย่างน้อยสองรอบและพบว่ามันเป็นตามที่นายมัลฟอยพูดทุกประการ แต่เธอกลับไม่เห็นถ้อยคำที่กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยของพ่อแม่เธอเลยแม้แต่น้อย และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงไม่ลังเลที่จะวางปากกาลง

คิ้วของลูเซียสเลิกสูงเพราะกริยาของเธอ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขา

“ฉันจะไม่เซ็นต์สัญญาที่ไม่มีการรับรองความปลอดภัยของพ่อกับแม่ของฉัน” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แม้ในใจจะรู้ดีว่าเธออยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบมากก็ตาม

มีรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวซีดของลูเซียส ราวกับเขาได้คาดการณ์ไว้แล้วล่วงหน้าว่าเธอต้องพูดอย่างนี้ออกมา แทนคำตอบชายผมบลอนด์ค่อย ๆ หยิบเอกสารอีกฉบับหนึ่งขึ้นมาแทน

“เรื่องความปลอดภัยของพ่อแม่เธออยู่ในสัญญาฉบับนี้ และฉันแนะนำให้เธออ่านอย่างละเอียด มิสเกรนเจอร์ ถ้าเธอคิดว่าเธอจะหาช่องโหว่จากมันได้” นายมัลฟอยพูดพลางส่งกระดาษม้วนหนึ่งให้เธอ และในวินาทีนั้นเองนิ้วของเขาก็สัมผัสนิ้วของเด็กสาวและครั้งนี้มันไม่มีถุงมือห่อหุ้มแต่อย่างใด เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขา และเมื่อเธอรู้สึกถึงสัมผัสที่แปลกประหลาดนั้นเธอก็รีบดึงมือของเธอออกมาทันที

เด็กสาวเหลือบมองเขา และก็เห็นดวงตาสีเงินที่ดูสุขุมจ้องกลับมามันทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกไปทั้งตัว เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเลือกที่จะหลบสายตาเขาและหันไปสนใจเอกสารในมือแทน


.................................................


ขณะที่เธออ่านเอกสารในมือของเธออย่างตั้งใจลูเซียสก็ลอบสังเกตเธอจากตรงที่เขานั่งอยู่ อาจจะใช้คำว่าสอบสังเกตคงไม่ถูกนักเพราะว่าที่เขาทำก็คือการมองเธอตรง ๆ เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้น

ชายผมบลอนด์รู้สึกแปลกใจกับภาพที่เขาเห็นตรงหน้า เพราะสิ่งที่เขาเห็นไม่เพียงแต่ดูเปลี่ยนแปลงไปจากที่เขาเคยเห็นเมื่อนานมาแล้วเท่านั้น ความเปลี่ยนแปลงนั้นยังทำให้เขาถึงกับประหลาดใจได้อีกด้วย ลูเซียสอดไม่ได้ที่จะสงสัยตัวเองว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาถึงไม่เคยนึกออกเลยว่าทายาทของเรเวนคลอ เจ้าหญิงแห่งความมืดนั้นคือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ทั้ง ๆ ที่เขารู้จักเธอมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก แถมเดรโกของเขาก็ยังเฝ้าพร่ำพูดถึงความเก่งกาจฉลาดอวดรู้ของเด็กสาวคนนี้ให้ฟังตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี่ แล้วทำไมเขาถึงไม่เคยเอะใจเลยว่าเด็กที่เกิดจากมักเกิ้ลอย่างเธอทำไมถึงมีมันส์สมองที่ชาญฉลาดเกินกว่าเลือดบริสุทธิ์อย่างเดรโกลูกชายของเขาไปได้

อีกอย่างที่ลูเซียสนึกโมโหตัวเองก็คือ นอกจากเขาคิดไม่ตกแล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่คือทายาทของเรเวนคลอ เขายังไม่ได้สนใจหน้าตาของเธอที่นับวันยิ่งจะเหมือนชาร์ล็อตต์ ซิลเวีย แม่ของเธออีกด้วย แม้ว่าชาร์ล็อตต์จะเป็นแม่มดที่ได้รับคำยกย่องว่างดงามที่สุดในฝรั่งเศสก็ตาม แต่ความงามของเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าชาร์ล็อตต์ ซิลเวียในสายตาของนายลูเซียสเลยแม้แต่น้อย และที่ลูเซียสโมโหก็คือเขาเพิ่งจะมาสังเกตเห็นสิ่งนั้นเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเขาได้พบเด็กสาวคนนี้หลายต่อหลายครั้งและเห็นการเติบโตของเธอมาโดยตลอด แต่ทำไมเขาไม่เคยนึกว่าก่อนเลยว่าเธอได้เค้าหน้ามาจากแม่มดที่งดงามที่สุดในฝรั่งเศสซึ่งน่าจะเป็นแม่แท้ ๆ ของเธอแบบนี้

‘ อาจจะเป็นเพราะความเชื่อบังตา ’ นายมัลฟอยคิดขณะที่มองใบหน้างามของเด็กสาวตรงหน้าที่กำลังตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้าจนไม่รู้เลยว่าเธอกำลังถูกอีกฝ่ายหนึ่งมองอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ มันอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเชื่อว่าเธอเป็นเด็กที่เกิดจากมักเกิ้ลมาตั้งแต่แรกมันจึงทำให้เขาไม่เคยสงสัยว่าเธอน่าจะเป็นทายาทของเรเวนคลอ และนั่นเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงของเขา เพราะถ้าหากเขาสังเกตเห็นสิ่งที่เขาเคยมองข้ามไปเร็วกว่านี้ล่ะก็ ถ้าหากเขานำตัวเธอมาให้เจ้านายของเขาเร็วกว่านี้ล่ะก็ ในตอนนี้จอมมารก็คงสามารถสังหารแฮร์รี่ พอตเตอร์และครอบครองโลกเวทย์มนต์ไปแล้ว
แต่ช้าเร็วอย่างไรวันที่จอมมารจะได้ครอบครองโลกเวทย์มนต์ก็ต้องมาถึง และมันก็กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้ด้วย เมื่อเขาได้แต่งงานกับเธอและได้ครอบครองเธอรวมทั้งอำนาจของเธอ อำนาจที่เธอมีก็จะช่วยเกื้อหนุนให้เจ้านายของเขาได้รับชัยชนะในสงครามได้ไม่ยาก และลูเซียสก็อดคิดไม่ได้เลยว่าเขาจะได้รับความดีความชอบเพียงใดเมื่อถึงวันที่จอมมารปกครองโลกเวทย์มนต์ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะได้ขึ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเวทย์มนต์ของอังกฤษก็เป็นได้ ไม่ใช่ไม่แน่หรอก ลูเซียสรู้ดีว่าเขามีโอกาสมากเพียงใด แม้ว่าที่ผ่านมาเขาอาจจะทำผิดพลาดไปบ้าง แต่พักหลังมานี้เขารับใช้จอมมารเป็นอย่างดีและสร้างผลงานมาตลอดและนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายของเขาอีกครั้ง และลูเซียสก็ไม่ได้คิดไปเองว่าจอมมารโปรดปรานเขามากที่สุดในบรรดาสมุนทั้งหลาย อาจจะรองลงมาจากเบลลาทริกซ์ที่เป็นคนโปรดของท่านตั้งแต่ไหนแต่ไรมา แต่การที่เขาได้รับรางวัลเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดที่มีค่าพอจะให้ชายทั้งโลกเวทย์มนต์แย่งชิงกันนั้นมันก็คงจะบอกได้ว่านายท่านให้ความสำคัญกับเขาเช่นไร แม้ว่าเกียรติยศที่เขาได้รับมานั้นจะต้องแลกกับการแต่งงานที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตาม แต่เมื่อลองมาคิดดูอีกทีแล้วถ้าหากอำนาจที่ว่านั้นมาพร้อมกับเจ้าสาวเลือดบริสุทธิ์ที่งดงามคนหนึ่ง เป็นใครล่ะที่จะปฏิเสธมัน แม้กระทั่งเขาก็เถอะ แม้ว่าเจ้าสาวที่ว่าคนนั้นจะดื้อดึงราวกับม้าพยศอย่างนี้ก็ตาม แต่ลูเซียสก็เชื่อว่าเขาสามารถปราบพยศเธอได้ไม่ยาก

ขณะกำลังคิดถึงวิธีการปราบพยศเด็กสาวตรงหน้า ลูเซียสก็ถูกดึงออกจากห้วงภวังค์ด้วยเสียงของเฮอร์ไมโอนี่

“ฉันอ่านจบแล้ว มันไม่มีข้อผิดแม้แต่น้อย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง แม้ว่าเธอพยายามจะหาช่องโหว่ในสัญญานั้นเท่าไหร่แต่มันก็ไม่ทำให้เธอเจอกลโกงใด ๆ ในเอกสารฉบับนั้นเลย สัญญาร่างไว้อย่างถูกต้องทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งงานรวมทั้งการประกันความปลอดภัยของพ่อแม่เธอ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ใช่ว่าจะพอใจในเรื่องของบทลงโทษที่ว่าเธอต้องถูกสูญเสียพลังเวทย์มนต์ไปให้คู่หมั้นของเธอหากเธอไม่ยอมแต่งงานกับเขาภายในหนึ่งเดือนนับจากเซ็นต์สัญญา

“ฉันเดาว่าเธอคงอ่านมันไม่ต่ำกว่าสองรอบใช่ไหม” ลูเซียสพูดพลางประสานมือทั้งสองข้างของเขาบนโต๊ะและจ้องมองเธอ

“ฉันอ่านทั้งหมดสามรอบ” เด็กสาวตอบ

“ฉันประทับใจในตัวเธอนะ มิสเกรนเจอร์ อย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่ละเอียดรอบคอบอย่างที่เดรโกเคยบอกฉันไว้ไม่มีผิด”

เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วกับคำพูดนั้น แม้ว่าเธอจะสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าทำไมคนอย่างเดรโก มัลฟอยจึงพูดชมเชยเธอให้พ่อของเขาฟังทั้ง ๆ ที่เขาเกลียดเลือดสีโคลนอย่างกับอะไรดี แต่เธอก็คิดว่าเธอคงคิดผิดไปที่ไปตีความว่ามันเป็นคำชม เพราะเด็กสาวมั่นใจว่าเดรโกไม่ชอบเธอมากพอขนาดที่จะชมเธอออกมาดัง ๆ ตรงกันข้ามเขาเลือกที่จะดูถูกเธออย่างที่เขาทำมาตลอดมากกว่า และถึงแม้ว่าเธอจะเพิ่งค้นพบว่าเธอเป็นเลือดบริสุทธิ์ก็ตามมันก็คงไม่ทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นแต่อย่างใดในในเมื่อเธอกำลังจะแต่งงานกับพ่อของเขาและกลายเป็นแม่เลี้ยงของเขาแบบนี้

แต่งงานอย่างนั้นรึ พระเจ้า เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นทุกทีที่เธอนึกถึงคำ ๆ นี้ ทั้ง ๆ ที่มันน่าจะเป็นคำที่ดูสวยงามสำหรับเด็กสาววัยรุ่นอย่างเธอ แต่มันไม่ใช่สำหรับเธอ อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่อาจคิดว่ามันสวยงามได้ในเมื่อเธอถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่เหมือนปีศาจร้ายอย่างนายลูเซียส แค่เธอคิดว่าเธอจะต้องกุมมือเขาในพิธีแต่งงานมันก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ขึ้นมาทีเดียว

“ถ้าสัญญาเหล่านี้ถูกต้อง เธอก็สมควรจะเซ็นต์มันเสีย เพราะเมื่อเราเสร็จธุระกันแล้วฉันก็จะปล่อยให้เธอพักผ่อนเสียที” เสียงที่ลูเซียสที่ดังขึ้นปลุกเด็กสาวขึ้นจากภวังค์ เขาพูดด้วยท่าทีเหนื่อยล้าราวกับเขาเองก็เรียกร้องการพักผ่อนไม่แพ้กัน มือของเฮอร์ไมโอนี่สั่นเทาเมื่อเธอจับปากกาขนนกขึ้นมา เด็กสาวพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาของเธอไหลเมื่อเธอเซ็นต์สัญญานั้นลงไป สัญญาที่จะผูกชีวิตของเธอไว้กับลูเซียส มัลฟอยจนตราบชั่วนิรันดร์

เมื่อสัญญาทั้งสองฉบับได้รับการลงชื่อและตรวจสอบแล้ว นายมัลฟอยมองมันอย่างพอใจก่อนจะม้วนมันและเก็บมันเข้าเสื้อคลุมของเขาตามเดิม แต่เขาก็ไม่มีท่าทีจะลุกจากเก้าอี้อย่างอย่างใด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาราวกับต้องการถามว่าทำไมเขาถึงไม่ไปจากที่นี่เสียที

“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ได้จัดการ” เขาพูดพลางล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม และเมื่อเด็กสาวเห็นสิ่งนั้นทันก็ทำให้เธอหายใจกระตุก เพราะว่าสิ่งที่นายลูเซียสหยิบออกมานั้นคือกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ สีเขียวที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่ามันบรรจุอะไรไว้

ไม่ทันที่เด็กสาวจะได้ทักท้วงเขาก็คว้ามือข้างขวาของเธอขึ้นมาพร้อม ๆ กับที่เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดกล่อง เท่าที่เธอเห็นมันเป็นแหวนทองคำขาวที่ออกแบบเป็นรูปงูประดับด้วยอัญมณีสีเขียว มันไม่ใช่แหวนหมั้นในแบบที่เธอต้องการ อันที่จริงทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่เธอต้องการมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

มือใหญ่ของนายลูเซียสจับมือเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะค่อย ๆ สวมแหวนวงนั้นลงบนนิ้วนางของเธอ น่าประหลาดเหลือเกินที่มันเข้ากับนิ้วของเฮอร์ไมโอนี่ได้พอดี แม้ว่าผิวสัมผัสเย็นเฉียบของมันจะทำให้เธอสะดุ้งก็ตาม

“เธอต้องใส่มันไว้” เขาสั่งเรียบ ๆ อย่างเย็นชาก่อนจะปิดกล่องและเก็บเข้าเสื้อคลุมด้วยท่าทีราวกับเขาเพิ่งเจรจาธุรกิจกับเธอเสร็จ ไม่ใช่เพิ่งสวมแหวนหมั้นให้เธอ

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงคลื่นความโกรธในตัวเธอ เด็กสาวแน่ใจว่าแก้มของเธอร้อนวูบวาบด้วยโทสะ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งให้เธอทำอะไรแบบนี้!

“แล้วถ้าฉันปฏิเสธจะไม่ใส่มันล่ะ” เธอว่าก่อนจะเอื้อมมือไปถอดมันออกจากนิ้ว แต่เด็กสาวไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามดึงแหวนวงนั้นอย่างแรงแค่ไหนมันก็ไม่หลุดไปจากนิ้วของเธอราวกับตัวเรือนของมันละลายและยึดติดเข้ากับเนื้อของเธอเสียแล้ว และยิ่งเธอดึงมันแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บมากเท่านั้น หลังจากพยายามอยู่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็เงยหน้าขึ้นมองลูเซียส และเท่าที่เธอเห็นเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันบนริมฝีปากบางเฉียบของเขาเท่านั้น

“เธอถอดมันออกไม่ได้จนกว่าจะถึงวันแต่งงานของเรา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยท่าทีเยาะเย้ย “แหวนนี่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญามันถูกร่ายคาถาเอาไว้ คนที่จะเอามันออกจากมือเธอได้มีเพียงฉันซึ่งเป็นคนสวมมันให้เธอเท่านั้น และฉันจะถอดมันออกก็ต่อเมื่อฉันต้องเปลี่ยนมันเป็นแหวนแต่งงาน” ลูเซียส มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเขากำลังพูดเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก ไม่ใช่การที่เขาบังคับให้เธอสวมแหวนหมั้นรวมทั้งเซ็นต์สัญญาการแต่งงานระหว่างเธอกับเขา

เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้และจ้องเขาอย่างโมโห

“ถ้าฉันเดาไม่ผิดแหวนนี่คงร่ายคาถาไว้ให้มันดูดพลังเวทย์มนต์ไปจากฉันหากฉันผิดสัญญาด้วยสินะ” เธอพูดอย่างรู้ทัน ลูเซียสยิ้มอย่างเยือกเย็นให้เธอ

“เธอเดาได้ถูกต้องทีเดียว อันที่จริงมันถูกร่ายคาถาไว้ให้เราสามารถติดตามร่องรอยของเธอได้หากเธอหนีไปก่อนจะถึงวันแต่งงาน หรือว่าหนีไปหลังจากนั้น” เขาพูด ขณะที่เด็กสาวรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเพราะความจริงที่ว่าเธอตกอยู่ใต้การควบคุมของชายตรงหน้าโดยเบ็ดเสร็จอย่างที่เธอไม่เคยถูกควบคุมมาก่อน เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับว่าเธอได้เห็นอิสรภาพของเธอหายวับไปต่อหน้าต่อตา

เด็กสาวจ้องมองชายตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจก่อนจะพูดออกมา
“ถ้าคุณไม่บอกฉันว่าเรากำลังจะแต่งงานกันฉันจะคิดด้วยซ้ำว่าฉันกำลังจะกลายเป็นนักโทษของคุณ” เธอโต้ แต่นายมัลฟอยไม่ทำอะไรนอกจากยิ้มให้เธอและตอบโต้ด้วยคำพูดที่เผ็ดร้อนกว่าขณะที่เขายืนขึ้นเผชิญหน้าเธอ
“การแต่งงานกับฉันหรือการเป็นนักโทษของฉันมันอยู่ที่เธอจะเลือก มิสเกรนเจอร์” เขาพูดอย่างช้า ๆ หากแต่ว่าฟังดูเหี้ยมโหด “เพราะเมื่อเธอแต่งงานกับฉันเธอจะต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่างในฐานะที่ฉันเป็นสามีของเธอ ซึ่งถ้าเธอทำตามมันก็จะทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น แต่หากว่าไม่.......” เขาหยุดพูดพร้อมกับจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเงินที่ดูเยือกเย็นกว่าทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็นพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้เธออีกสองก้าว มันทำให้เด็กสาวตัวสั่นได้ไม่ยาก

“ฉันแน่ใจว่าฉันมีวิธีที่ทำให้เธอเชื่อฟังฉันได้ไม่ยาก......แม้ว่าเธออาจจะไม่ชอบมันเท่าไหร่นักก็ตาม” เฮอร์ไมโอนี่ขนลุกเพราะคำพูดนั้น แต่ทิฐิของเด็กสาวมีมากพอที่จะทำให้เธอพูดประโยคต่อไปออกมา
“แล้วเมื่อถึงตอนนั้นคุณจะทำยังไงกับฉันล่ะ คุณจะร่ายคาถากรีดแทงใส่ฉันหรือไง” เธอพูดด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว แม้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกนอกอกแล้วก็ตาม

ลูเซียสยิ้มให้กับคำพูดนั้น

“ฉันแน่ใจว่าฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้นให้เธอเชื่อฟังฉัน และเธอก็คงจะยอมทำมันแต่โดยดีโดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้คาถากรีดแทงเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก มันดูคล้ายกับน้ำเสียงของปีศาจร้ายมากในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ และก่อนที่เด็กสาวจะได้พูดอะไรออกไปลูเซียสก็คว้ามือของเธอขึ้นมากุมไว้ในมือของเขา

“ฉันคิดว่าธุระของเราในวันนี้คงจบลงแล้ว แล้วพบกันใหม่ มิสเกรนเจอร์” เขากล่าวพลางจูบหลังมือเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเพราะสัมผัสนั้นแต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะสะบัดมือของเขาออก และสิ่งต่อมาที่เธอรู้สึกก็คือความรู้สึกวาบหวิวที่แล่นจากบริเวณที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสเธอไปจนถึงปลายเท้า เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเธอจะอธิบายมันว่าอย่างไร เด็กสาวคิดว่าเธอรู้สึกดีกับสัมผัสนั้นในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกรังเกียจเมื่อเธอรู้ว่ามันมาจากใคร
หลังจากปล่อยมือเธอเสร็จ ลูเซียสก็หันหลังและเดินไปที่ประตู หลังจากประตูบานใหญ่นั้นปิดลงเฮอร์ไมโอนี่ก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ เธอรู้สึกว่าเธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปยิ่งกว่าตอนที่เธอถูกจับมาศูนย์บัญชาการศาสตร์มืดในตอนแรกเสียอีก เพราะในตอนนี้เด็กสาวรู้แล้วว่าเธอเพิ่งเสียอิสรภาพรวมทั้งความสุขชั่วชีวิตของเธอให้กับปีศาจร้ายอย่างลูเซียส มัลฟอยไปเสียแล้ว




*************************************************





Create Date : 17 ตุลาคม 2554
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 8:55:25 น. 0 comments
Counter : 1423 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.