Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 11 Beauty and The Beast PART I





ตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 PART นะคะ



แสงทองที่จับขอบฟ้าสาดส่องลอดหน้าต่างของคฤหาสน์หลังงามเข้ามาภายในห้องนอนที่กว้างใหญ่ราวกับห้องบรรทม บนเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ใจกลางห้องนั้นมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนหลับอยู่ตามลำพัง แสงแดดยามเช้าส่องกระทบเรือนผมสีน้ำตาลของเธอทำให้มันเปล่งประกายอย่างงดงาม ใบหน้างามขยับเล็กน้อยเมื่อแสงแดดนั้นเริ่มแยงตาของเธอ

เฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ไม่รู้สึกคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวลืมตาขึ้นมองเพดานสีเขียวอ่อนอย่างงุนงง ก่อนจะมองสำรวจรอบ ๆ ห้องพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในเวลาไม่นานนักเธอก็จำเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ ทั้งเรื่องงานแต่งงานรวมทั้งเรื่องที่ลูเซียส มัลฟอยทำกับเธอเมื่อคืนนี้ด้วย!

เมื่อจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้และรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที และสิ่งที่หญิงสาวรู้สึกต่อมาก็คือความเจ็บปวดที่แล่นผ่านร่างกายจนเธอต้องครางออกมาเบา ๆ แต่ก่อนที่จะได้ค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอเอง ประตูบานหนึ่งซึ่งน่าจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำก็เปิดขึ้น เผยให้เห็นร่างของชายที่เธอไม่อยากพบมากที่สุด แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจหนีไปจากเขาได้

ลูเซียส มัลฟอยก้าวออกมาจากประตูบานนั้น เขาสวมเสื้อคลุมของพ่อมดแบบเต็มยศ ในมือถือไม้เท้าของเขาไว้ตามปกติ และทันทีที่ร่างใหญ่นั้นก้าวเข้ามาในห้องนอนสายตาของเขาก็มองมายังหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่สายตาของนายลูเซียสจ้องมองมาทางเธอ และหญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกร้อนวูบวาบมากขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยแม้แต่ชิ้นเดียว! และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายจากสายตาของชายตรงหน้าทันที!
นายลูเซียสยิ้มมุมปากกับท่าทีนั้น พลางเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่เตียง และเมื่อเขาทำเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบเขยิบหนีอีกทาง แต่ดูเหมือนชายผมบลอนด์จะไม่สนใจการกระทำที่เปล่าประโยชน์ของหญิงสาวเมื่อเขาพูดขึ้น

“อรุณสวัสดิ์” เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวลราวกับแพรไหม “ฉันเห็นว่าเธอกำลังหลับอยู่ก็เลยไม่อยากปลุก แต่นี่ก็ใกล้เวลาอาหารเช้าแล้ว” นายลูเซียสพูดพลางเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง มันบอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง

“ปกติแล้วอาหารเช้าที่นี่จะเริ่มเวลาแปดโมงตรง ฉันแนะนำให้เธออาบน้ำแต่งตัวเสีย แล้วเราค่อยลงไปพบกันที่ห้องอาหาร” เขาพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยราวกับเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าภรรยาที่เพิ่งผ่านพิธีแต่งงานมาแต่อย่างใด

และเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ยังคงนิ่งเงียบ ชายผมบลอนด์จึงเสริมขึ้นว่า

“ฉันจะลงไปรอข้างล่างระหว่างที่เธอแต่งตัวก็แล้วกัน ในห้องแต่งตัวมีเสื้อผ้าที่เธอน่าจะใส่ได้ ถ้าหากขาดเหลืออะไรเธอก็เรียกหาทิสซี่ได้ มันจะคอยดูแลเธอ แล้วเจอกัน” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่หันกลับมามองอีกเลย

เมื่อแน่ใจว่านายลูเซียสออกจากห้องไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงค่อยลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวัง พลางมองหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ และเมื่อเธอทำเช่นนั้นสิ่งแรกที่หญิงสาวพบกลับไม่ใช่เสื้อผ้าที่พอจะนำมาปกปิดร่างกายได้ แต่มันกลับเป็นรอยเปื้อนเล็ก ๆ บนผ้าปูที่นอนที่บอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อคืน เรื่องที่ลูเซียส มัลฟอยได้ทำลงไปกับเธอ

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าขอบตาของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อได้ค้นพบสิ่งที่มาตอกย้ำว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้เธอได้กลายเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว รวมทั้งเธอได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้กับปีศาจร้ายอย่างลูเซียส มัลฟอยไปเสียแล้ว!

หลังจากค้นพบความจริงที่น่าโหดร้ายไม่นานนัก ความร้อนผ่าวที่ขอบตาก็เปลี่ยนมาเป็นความเปียกชื้นที่พวงแก้มเมื่อน้ำตาใสไหลรินจากดวงตาคู่สวยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หญิงสาวกลับไม่ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อยู่นานนัก เมื่อเธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างลวก ๆ ก่อนจะเลิกสนใจในสิ่งที่เธอเพิ่งค้นพบซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่อาจนำประโยชน์ใด ๆ มาให้เธอได้พอ ๆ กับที่การร้องไห้ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเธอจนหมด ก่อนจะกวาดสายตามองหาเสื้อผ้าอีกครั้ง และเมื่อเธอทำเช่นนั้นหญิงสาวก็พบเสื้อคลุมสำหรับอาบน้ำวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เธอรีบหยิบมันมาสวมทันทีก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเงยหน้ามองนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงสามสิบห้านาที นายลูเซียสต้องการให้เธอลงไปทานอาหารกับเขาในเวลาแปดโมงตรง และในตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

และเมื่อรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางอื่นนอกจากจะทำตามที่ชายผมบลอนด์ซึ่งบัดนี้อยู่ในฐานะสามีของเธอต้องการ เฮอร์ไมโอนี่จึงยอมเดินไปที่ห้องน้ำแต่โดยดี


…………………………………………….


เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาไม่นานนักสำหรับอาบน้ำ แม้ว่าจริง ๆ แล้วหญิงสาวจะต้องการใช้เวลานานกว่านี้เพื่อชำระร่างกายก็ตาม แต่เธอก็รู้ดีว่าถึงเธอจะอาบน้ำสักกี่ร้อยครั้ง มันก็ไม่อาจทำให้เธอกลับมาเป็นเด็กสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องคนเดิมได้

นอกจากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ยังพบปัญหาบางอย่างหลังจากที่อาบน้ำเสร็จและเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัวเพื่อหาเสื้อผ้าใส่ แน่นอนว่าในตู้เสื้อผ้านั้นมีเสื้อผ้าของผู้หญิงเตรียมไว้แล้วเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นชุดคลุมของแม่มดหลากหลายสีสัน เสื้อคลุมสำหรับใส่ในฤดูหนาว ไปจนถึงรองเท้าผู้หญิง หรือแม้กระทั่งชุดชั้นใน แต่ที่ทำให้หญิงสาวต้องลำบากใจก็คือ เสื้อผ้าสำหรับแม่มดแทบจะทุกตัวที่อยู่ในตู้นั้นเป็นชุดประโปรงยาวที่มีคอปาด ซึ่งมันจะเผยให้เห็นช่วงไหล่และคอของเธอยามสวมใส่ และถ้าเป็นปกติแล้วหญิงสาวก็คงไม่ลำบากใจที่จะใส่มันเท่าไหร่นัก แต่ร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่เหมาะแก่การจะใส่ชุดแบบนี้เลยแม้แต่น้อย หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เหตุผลที่ทำให้เธอไม่ต้องการจะใส่ชุดที่เปิดช่วงไหล่และคอแบบนี้ก็เพราะรอยจูบจำนวนมากที่นายลูเซียสได้สร้างไว้บนผิวเนื้อของเธอจากการกระทำเมื่อคืนนั่นเอง!

แม้เฮอร์ไมโอนี่จะตกใจมากเมื่อได้เห็นภาพตัวเองในกระจกก่อนที่จะอาบน้ำ เพราะว่าสิ่งที่หญิงสาวเห็นนอกจากภาพใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนไม่สบายของตัวเองแล้ว ก็คือรอยจูบจำนวนมากบริเวณลำคอของเธอซึ่งแน่นอนว่ามันเกิดขึ้นจากการกระทำของลูเซียส มัลฟอย สามีของเธอเอง แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ การที่เธอจะต้องใส่ชุดที่เปิดช่วงไหล่ลงไปทานอาหารกับชายผมบลอนด์แบบนี้ แม้ว่าสามีของเธออาจจะไม่รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เห็นนักก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ต้องการให้คนอื่นหรือแม้กระทั่งตัวเธอเองได้เห็นร่องรอยนี้บนตัวเธอเลย เพราะมันเป็นร่องรอยที่บ่อบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอในคืนแต่งงานของทั้งคู่

และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงพลิกตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อผ้าแบบอื่นที่เธอพอจะใส่ลงไปทานอาหารได้ แต่เธอกลับไม่พบอะไรนอกจากชุดนอนบางเบา ซึ่งแน่นอนว่าเธอจะไม่มีวันใส่มันเข้านอนเป็นอันขาด กับเสื้อคลุมสำหรับใส่ออกนอกบ้านที่มีขนสัตว์ประดับซึ่งนายมัลฟอยคงต้องคิดว่าเธอบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถ้าเธอใส่มันลงไปทานอาหารเช้ากับเขาแบบนี้

และขณะที่กำลังกลุ้มใจกับการหาชุดสำหรับใส่ลงไปทานอาหาร จนกระทั่งเกิดความคิดขึ้นมาว่าเธอจะไม่ลงไปทานอาหารเช้าในวันนี้ เสียงป็อปก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่ หญิงสาวสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น แต่เธอก็รู้สึกโล่งอกเมื่อหันไปมองทางต้นเสียงและพบว่าร่างที่เพิ่งหายตัวเข้ามาในห้องแต่งตัวนั้นคือทิสซี่ เอลฟ์ประจำตัวของเธอ

“นายท่านสั่งให้ทิสซี่มาพานายหญิงลงไปที่ห้องอาหารเจ้าค่ะ” เอลฟ์พูดพลางก้มศีรษะลงต่ำจนจมูกยาว ๆ ของมันจรดพื้น แต่เมื่อทิสซี่เงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ยังคงสวมชุดคลุมอาบน้ำอยู่ เอลฟ์ก็มีท่าทีตกใจเป็นอย่างมาก

“นายหญิงยังแต่งตัวไม่เสร็จหรือเจ้าคะ งั้นรีบแต่งตัวเสียเถอะเจ้าค่ะ เป็นตอนนี้ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว นายท่านกำลังรอนายหญิงอยู่ที่ห้องอาหารเจ้าค่ะ” มันพูดรัวเร็ว พร้อมกับทำสีหน้าหวาดกลัวราวกับมันรู้ดีว่าการปล่อยให้นายท่านรอคอยนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย ขณะที่หญิงสาวมองเอลฟ์อย่างจนใจ มือข้างหนึ่งของเธอถือเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่เธอได้มาจากตู้เอาไว้

“อันที่จริงฉันคิดว่าจะไม่ลงไปทานอาหารเช้าน่ะ เธอช่วยไปบอกนายท่านของเธอหน่อยได้ไหมว่า.......” ไม่ทันที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้พูดจบ ทิสซี่ก็ขัดขึ้นมาก่อน เอลฟ์ทำท่าทีราวกับหญิงสาวเพิ่งเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์ออกมาขณะที่มันพูดขึ้น

“ไม่ได้นะเจ้าคะ! นายหญิงไม่ลงไปทานอาหารไม่ได้นะเจ้าคะ! เป็นนายท่านสั่งเจ้าค่ะ!” ทิสซี่พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหวาดกลัวราวกับว่ามันกำลังจินตนการถึงนายท่านของมันเวลาที่เขาโกรธอยู่ ซึ่งนั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่เริ่มไม่พอใจขึ้นมา

“ฉันรู้ว่าเขาเป็นนายท่านของเธอ ทิสซี่ แต่เขาไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉัน เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งให้ฉันทำอะไร” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างกล้าหาญ แม้ว่าในใจของเธอจะไม่คิดอย่างนั้นก็ตาม เพราะเธอรู้ดีว่านายลูเซียสนั้นมีอำนาจเหนือเธอ เพียงแต่เธอไม่อยากจะยอมรับมันเท่านั้น

และเมื่อได้ยินเช่นนั้นทิสซี่ที่ดูจะแปลกใจกับอารมณ์ของเฮอร์ไมโอนี่จึงเดินเข้ามานายหญิงของมันอีกสองก้าว ดวงตาสีน้ำตาลของมันเงยขึ้นมองหญิงสาวอย่างไม่แน่ใจก่อนจะถามขึ้นมา

“นายหญิงดูอารมณ์เสีย ทิสซี่ไม่แน่ใจว่าเธอควรถามนายหญิงดีหรือไม่ แต่ทิสซี่สงสัยว่านายหญิงกับนายท่านทะเลาะกันหรือเปล่าเจ้าคะ” มันถามอย่างเขลา ๆ ราวกับว่าสิ่งเดียวที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่อารมณ์เสียได้คือการที่เธอทะเลาะกับสามีที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ของเธอเอง ไม่ใช่การที่เธอถูกบังคับให้ทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการแบบนี้

และเพราะคำพูดของทิสซี่เองที่ทำให้หญิงสาวมองเอลฟ์ตรงหน้าด้วยท่าทีที่อ่อนลง เธอถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกทิสซี่ ฉันจะบอกเธอก็ได้ ฉันก็แค่ไม่อยากใส่ชุดพวกนี้ก็เท่านั้น” เธอพูดพลางมองไปยังชุดสำหรับแม่มดที่เรียงรายกันอยู่ในตู้ แน่นอนว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นล้วนแต่เป็นชุดที่สวยงามสวยงามและตัดเย็บจากผ้าชั้นดีที่มีราคา แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่รู้สึกชอบมันเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงเธอชอบใส่เสื้อผ้าแบบมักเกิ้ลมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามหญิงสาวก็รู้ดีว่านายลูเซียสไม่มีวันยอมให้เธอใส่ชุดของมักเกิ้ลในบ้านของเขาอย่างแน่นอน
“นายหญิงไม่ชอบเสื้อคลุมพวกนี้หรือเจ้าคะ” ทิสซี่ถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา และเมื่อมันไม่เห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ตอบอะไรออกมา วินาทีต่อมาเอลฟ์ก็เอาหัวโขกตู้เสื้อผ้าทันที!

แม้จะตกตะลึงมากกับสิ่งที่ได้เห็นแต่หญิงสาวก็ยังมีสติพอที่จะเข้าไปห้ามไม่ให้ทิสซี่ทำร้ายตัวเอง แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนจะยิ่งยุเพราะเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พยายามจะจับตัวมันไว้ไม่ให้สิ่งชนตู้เสื้อผ้า ทิสซี่ก็ดิ้นรนจนมันหลุดจากเกาะกุมของเธอ และวิ่งเอาหัวชนตู้เสื้อผ้าพลางร้องออกมาว่า “ทิสซี่เลว ทิสซี่เลว!” ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นว่าเอลฟ์ไม่มีท่าทีจะหยุดการกระทำของมันได้ร้องห้ามออกมาว่า “ทิสซี่หยุด!”

ราวกับคำพูดนั้นของเธอเป็นประกาศิต เพราะเอลฟ์หยุดการกระทำของมันทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ประกาศออกไปแบบนั้น หลังจากนั้นทิสซี่ก็หันมาหานายหญิงของมันด้วยท่าทีมึนงงขณะที่มือหนึ่งของมันกำลังจัดหูที่ยับยู่ยี่ให้เรียบร้อยอยู่

“เธอทำแบบนี้ทำไมกัน” หญิงสาวถาม

“ทิสซี่ต้องลงโทษตัวเองเจ้าค่ะ เพราะทิสซี่ทำให้นายหญิงไม่พอใจ” เอลฟ์ตอบ และเมื่อมันเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะถามอะไรออกมา มันก็รีบพูดขึ้นมาก่อน

“ทิสซี่เป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้นายหญิงเองเจ้าค่ะ นายท่านสั่งให้ทิสซี่หาซื้อเสื้อผ้าและของใช้สำหรับนายหญิงให้พร้อม แต่ทิสซี่ไม่ดีเองที่หาซื้อเสื้อผ้าที่นายหญิงชอบมาไม่ได้ และเพราะนายหญิงไม่ชอบเสื้อผ้าพวกนี้นายหญิงเลยไม่ต้องการจะลงไปทานอาหาร ทุกอย่างเป็นความผิดของทิสซี่เองเจ้าค่ะ” มันกล่าวพลางก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเอลฟ์ร่างจ้อยตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจระคนสงสาร แต่แล้วในที่สุดหญิงสาวก็นั่งลงเพื่อให้หน้าของเธออยู่ในระดับเดียวกับมัน ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะร่างเล็กนั้นเบา ๆ และพูดนั้น

“ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอทิสซี่ ไม่ใช่สิ ฉันขอสั่งเธอว่าเธอห้ามทำร้ายตัวเองอีกเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเธอจะทำผิดอะไรก็ตาม เข้าใจไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเข้ม อันที่จริงเธอต้องการจะปล่อยทิสซี่ให้เป็นอิสระมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่านายลูเซียสจะต้องไม่พอใจเป็นอย่างมากหากเธอทำเช่นนั้น และเธอก็ไม่ต้องการจะมีปากเสียงกับเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามขณะที่เธออยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแบบนี้ และการที่เขายกทิสซี่ให้เป็นเอลฟ์ประจำตัวของเธอ ก็เท่ากับเธอมีสิทธิ์ที่จะสั่งให้มันทำอะไรก็ตามที่เธอต้องการเทียบเท่ากับเธอได้เป็นเจ้านายของมัน และตอนนี้เธอก็จะสั่งให้มันเลิกทำร้ายตัวเองเป็นการถาวรเสียที

“ทิสซี่.......” เอลฟ์เงยหน้าขึ้นมองเฮอร์ไมโอนี่ ดวงตาของมันคลอเอ่อด้วยน้ำตา แม้มันจะรู้มาก่อนว่าหญิงสาวใจดีมากก็ตามแต่มันไม่เคยคิดมาก่อนว่านายหญิงคนใหม่จะเป็นคนมีเมตตาขนาดนี้

“เธอแค่สัญญากับฉันเท่านั้น เธอทำได้ไหมทิสซี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และเมื่อเป็นเช่นนั้นทิสซี่ถึงพยักหน้าเบา ๆ น้ำตาหยดมาจากดวงตากลมโตของมัน

และเมื่อแน่ใจว่าทิสซี่รับปากเธอแล้ว หญิงสาวก็ยืนขึ้นพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า และเริ่มเลือกชุดสำหรับใส่พลางสั่งอะไรบางอย่างกับเอลฟ์

“ฉันมีเรื่องจะรบกวนเธออีกเรื่องนะ ฉันอยากให้เธอช่วยลงไปบอก......นายท่านของเธอหน่อยว่าฉันกำลังจะลงไปทานอาหารภายในสิบนาทีนี้แหละ” เธอพูดเรียบ ๆ ขณะที่เอลฟ์มีท่าทีแปลกใจ

“นายหญิงจะลงไปทานอาหารหรือเจ้าคะ ก็ในเมื่อนายหญิง…….” ไม่ทันที่ทิสซี่จะพูดจบ เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นก่อน

“ฉันจะลงไปทานอาหารในไม่ช้านี้แหละ แล้วฉันก็จะใส่ชุดที่เธอเป็นคนหามาให้ฉันลงไปด้วย” เธอเสริมเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของมัน

“อันที่จริงฉันไม่ได้ไม่ชอบชุดพวกนี้หรอกนะ ฉันแค่ยังไม่ค่อยคุ้นกับมันเท่านั้นเอง” หญิงสาวเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าถ้าหากเธอใช้คำพูดผิดทิสซี่อาจจะเอาหัวโขกกำแพงอีกครั้งก็เป็นได้ แต่เอลฟ์ก็ไม่ได้ทำแบบนี่เฮอร์ไมโอนี่กลัว ตรงกันข้ามมันกลับมองเธอด้วยสายตาที่เกือบจะเรียกได้ว่าเทิดทูนบูชา ก่อนจะพูดขึ้น

“ทิสซี่ดีใจเหลือเกินที่นายหญิงชอบชุดที่ทิสซี่จัดหามาเจ้าค่ะ ทิสซี่จะไปทำตามที่นายหญิงสั่งเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” มันพูดด้วยน้ำเสียงสดชื่นผิดกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ก่อนจะก้มศีรษะลงต่ำจนจมูกจรดพื้นห้องและหายตัวไปพร้อมเสียงดังป็อป

หลังจากเอลฟ์หายตัวออกจากห้องไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบชุดของแม่มดที่ถืออยู่ในมือมาทาบเข้ากับร่างของเธอและมองเข้าไปในกระจกอย่างหนักใจ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใส่ชุดที่ดูหรูหรานี้ลงไปทานอาหารเช้ากับนายลูเซียส ซึ่งบัดนี้ก็คือสามีของเธอเอง


…………………………………………….


เฮอร์ไมโอนี่สำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกหลังจากแต่งตัวเสร็จ แม้จะพบว่าชุดดังกล่าวนั้นทำให้เธอดูดีไม่น้อยเมื่อสวมมันก็ตาม แต่หญิงสาวก็ยังอดกังวลกับร่องรอยบริเวณลำคอไม่ได้จนเธอใช้เวลาหลายนาทีกับการพยายามจัดผมของเธอให้มาปกปิดผิวเนื้อบริเวณลำคอให้มากที่สุด และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกชอบผมหยักศกที่ดกหนาของเธอขึ้นมาทันที แม้ว่ามันจะไม่สามารถปกปิดร่องรอยบนลำคอของเธอได้ทั้งหมด แต่มันก็ช่วยได้ไม่น้อยทีเดียว

หลังจากจัดทรงผม เสื้อผ้า และสำรวจตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหญิงสาวก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังแล้วพบว่าตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่านายลูเซียสที่กำลังรอเธออยู่ที่ห้องอาหารนั้นจะหงุดหงิดเพียงใด และเมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็รู้สึกไม่อยากลงไปทานอาหารขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้พอ ๆ กับที่เธอไม่อาจปล่อยให้ชายผมบลอนด์คอยเธอนานกว่านี้ได้อีกแล้ว

เมื่อคิดเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงรีบเดินออกจากห้องเพื่อลงไปยังห้องอาหารทันที แต่หญิงสาวก็ต้องชะงักฝีเท้าลงหลังจากที่เธอเดินออกมาถึงระเบียงทางเดินบริเวณชั้นสามก่อนที่จะลงบันไดไป เมื่อเธอเพิ่งคิดได้ว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าห้องอาหารนั้นอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์มัลฟอยที่กว้างขวางแห่งนี้ แน่นนอนว่ามันน่าจะตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของคฤหาสน์ แต่ความคิดที่ว่าเธอจะต้องลงไปเปิดประตูห้องทีละห้องที่อยู่ที่ชั้นล่างเพื่อหาห้องอาหารนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยโดยเฉพาะตอนที่เธอกำลังรีบเช่นนี้

และในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังคิดว่าเธอจะเรียกเอลฟ์ประจำบ้านมาถามทางดีหรือไม่ ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงระเบียงทางเดินที่อยู่ตรงกันข้ามกับห้องนอนของเธอพอดี ถึงแม้ว่าร่างที่กำลังเดินตรงมาทางเธอนั้นจะไม่ใช่ลูเซียส มัลฟอย สามีของหญิงสาวก็ตาม แต่เขาก็ดูเหมือนนายลูเซียสในแบบที่เกือบจะเรียกได้ว่าถอดกันออกมา ร่างสูงของเดรโก มัลฟอยที่เดินมาตามระเบียงทางเดินนั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าทางเดินลงบันไดใกล้ ๆ กับหญิงสาว

สิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกต่อมาก็คือสายตาเย็นชาที่คุ้นเคยของชายหนุ่มผมบลอนด์ที่จ้องมาทางเธอ แต่เมื่อสายตาของเดรโกเลื่อนจากใบหน้าของหญิงสาวไปสะดุดเข้าไปกับอะไรบางอย่างบริเวณซอกคอของเธอแล้ว ใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความรังเกียจ ก่อนที่สายตาของเดรโกจะเลื่อนขึ้นมาสบตาเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขามองเธออย่างเดียดฉันท์ราวกับเธอได้กลับไปเป็นเลือดสีโคลนที่เขารังเกียจอีกครั้ง ขณะที่หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายเมื่อเธอรู้ว่าเดรโกเห็นอะไรที่ทำให้เขามีท่าทีแบบนี้ซึ่งมันนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการให้เขาหรือใครก็ตามเห็น

“เดรโก......” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง และชื่อต้นของชายผมบลอนด์ก็เป็นสิ่งเดียวที่เธอนึกได้ในตอนนี้ แต่การกระทำของเธอกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม เมื่อชายหนุ่มจ้องเธอกลับด้วยท่าทีขยะแขยงก่อนจะพูดขึ้น

“เธอกล้าดียังไงถึงเรียกชื่อต้นของฉันออกมาน่ะ เกรนเจอร์!” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเดียดฉันท์ ขณะที่เธอมองเขาอย่างตกตะลึง

“อย่าคิดนะว่าเธอแต่งงานกับพ่อของฉันแล้วเธอจะมาทำตัวสนิทสนมกับฉันได้น่ะ” ชายหนุ่มพูดอย่างใจร้ายก่อนจะมองดูหญิงสาวด้วยสายตารังเกียจราวกับเขายอมกลั้นหายใจมากกว่าที่จะทนสูดอากาศร่วมโลกกับเธอ

“ฉันเดาได้เลยว่าเธอคงจะดีใจจนแทบจะเนื้อเต้นล่ะสิที่ได้มาเป็นนายหญิงของที่นี่น่ะ ไม่ใช่สิ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอคงจะดีใจตั้งแต่ที่จอมมารให้พ่อของฉันแต่งงานกับเธอแล้วใช่ไหม เธอคงอยากจะมาคุณนายมัลฟอยจนแทบจะทนไม่ไหวแล้วสิ เธอถึงได้ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับพ่อของฉันง่าย ๆ แบบนั้น เธอคงรู้สินะว่าตระกูลของเราร่ำรวยมากแค่ไหน เพราะถ้าเทียบกันแล้วเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่เกิดโชคดีได้มาเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดเท่านั้น!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำมือแน่นเพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองโต้ตอบเดรโกออกไป แม้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับเธอนั้นจะเลวร้ายมากก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้จักเขาดีพอจะรู้ว่าเขาพูดออกไปเพราะอารมณ์โกรธเท่านั้น

“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ” เธอพยายามอธิบาย แม้ว่าจะรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าวไม่น้อยเพราะคำพูดเผ็ดร้อนของชายหนุ่มตรงหน้า “เรื่องที่เธอพูดมาน่ะ เหลวไหลทั้งนั้น มันไม่จริงเลยแม้แต่นิดเดียว” เฮอร์ไมโอนี่พยายามควบคุมอารมณ์อย่างเต็มที่ขณะที่เธอพูดประโยคดังกล่าวออกไป แต่สิ่งที่เธอได้รับจากเดรโกกลับเป็นสายดูเหยียดหยามเท่านั้น

“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่เชื่อคำพูดของเธอง่าย ๆ หรอก ฉันจะขอพูดกับเธออีกแค่ครั้งเดียวนะเกรนเจอร์ ว่าการที่เธอได้มาเป็นนายหญิงคนใหม่ของที่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีสิทธิ์ทำอะไรตามใจชอบอย่างที่เธอคิดหรอกนะ เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมรับเธอในฐานะแม่เลี้ยงของฉันอยู่ดี!” เขาพูดด้วยเสียงอันดังจนเกือบจะเรียกได้ว่าตะโกน แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินลงบันไดไป ชายหนุ่มก็หันมาพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่า

“อ้อ แล้วก็อย่าคิดด้วยนะว่าเธอจะมาแทนที่แม่ของฉันได้น่ะ เพราะนายหญิงที่แท้จริงของบ้านหลังนี้คือแม่ของฉันเท่านั้น ไม่ใช่เธอ!” เขาพูดอย่างใจร้ายก่อนจะเดินลงบันไดไป ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วของเธอขาวโพลน หญิงสาวพยายามต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมา


…………………………………………….


เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ แต่หลังจากที่รู้ตัวแล้วสิ่งแรกที่หญิงสาวคิดได้ก็คือเธอต้องลงไปที่ห้องอาหาร แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นเสียงเล็ก ๆ ในหัวก็ถามขึ้นมาว่าเธอจะทำได้อย่างไรเล่าในเมื่อเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าห้องอาหารนั้นอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์หลังนี้

ในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอจะเรียกเอลฟ์สักตัวมาถามทาง ในเมื่อสมาชิกในครอบครัวที่เธอเพิ่งเจอเมื่อครู่นี้ไม่ได้ให้โอกาสแม้แต่จะเอ่ยปากถามคำถามของเธอเลย แต่เมื่อมาคิดดูอีกทีเธอก็นึกขึ้นได้ว่าการที่เดรโกเดินลงบันไดลงไปชั้นล่างนั้นน่าจะเป็นเพราะเขาต้องลงไปที่ห้องอาหาร และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงรีบเดินลงบันไดเพื่อตามร่างสูงของชายหนุ่มไปในทันที

และก็เป็นอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่คิดจริง ๆ เพราะเมื่อเดรโกเดินลงมาถึงชั้นล่างของคฤหาสน์แล้วเขาก็เลี้ยวซ้ายหนึ่งครั้ง ขณะที่หญิงสาวเร่งฝีเท้าตามร่างของชายหนุ่มไปจนทันเห็นว่าเขาหายเข้าไปประตูไม้บานใหญ่บานหนึ่ง และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ตามเขาเข้าไปเธอก็พบว่าเธอมาถูกที่แล้ว

เมื่อหญิงสาวเปิดประตูไม้ขัดมันบานใหญ่ที่ยังไม่ทันปิดสนิทดีเข้าไป เธอก็พบกับห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ผนังด้านหนึ่งของห้องอาหารเป็นหน้าต่างที่กรุด้วยลายไม้สีทองหรูหราและถูกประดับด้วยผ้าม่านสีเขียวเข้มผืนใหญ่ ขณะที่อีกด้านหนึ่งของห้องเป็นเตาผิงสีดำขนาดใหญ่ ตรงกลางห้องมีโต๊ะไม้สีเข้มที่ถูกขัดจนมันวับวางอยู่ มันถูกล้อมรอบไปด้วยเก้าอี้จำนวนหลายสิบตัว เหนือโต๊ะอาหารนั้นเป็นโคมระย้าสีดำขนาดใหญ่ที่ปักเทียนไขซึ่งยังไม่ได้จุดไว้จำนวนมาก

เดรโกก้าวเข้าไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่กลางห้องอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องไปทั่วพื้นไม้ ขณะที่ร่างใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะในตำแหน่งของเจ้าบ้านนั้นเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์เมื่อเขารับรู้ถึงการมาของชายหนุ่มก่อนจะวางเดลี่พรอเฟ็ตในมือลง ดวงตาของนายลูเซียสจับจ้องอยู่ที่ลูกชายขณะที่เขาเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ทางซ้ายมือของชายผมบลอนด์ออกอย่างแรงจนมันเกิดเสียงดังด้วยสายตาที่ไม่พอใจ แต่เขาก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานนักเมื่อนายมัลฟอยเหลือบไปเห็นการมาของเฮอร์ไมโอนี่เสียก่อน

หญิงสาวรู้สึกราวกับขาของเธอแข็งเป็นหินขึ้นมาทันทีเมื่อเธอสบดวงตาสีเงินที่ล้ำลึกของนายลูเซียส ความรู้สึกไม่อยากทานอาหารเริ่มพุ่งสูงขึ้นทันที แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจเดินออกจากห้องนี้ไปเฉย ๆ ได้ พอ ๆ กับที่เธอรู้ดีว่าสามีของเธอคงไม่พอใจมากแน่ ๆ ถ้าเธอทำเช่นนั้น และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็สูดลมหายใจลึกก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหาร

เมื่อเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารหญิงสาวก็สังเกตุว่าบนโต๊ะมีจานสีเงินที่บรรจุอาหารเช้าแบบอังกฤษไว้จำนวนมากเกินกว่าพวกเขาจะทานหมดวางอยู่ ขณะที่กำลังลังเลว่าเธอควรจะนั่งตรงตำแหน่งไหนของโต๊ะอาหารที่ยาวเหยียดโต๊ะนี้ดี นายลูเซียสก็ทำท่าบอกให้เธอไปนั่งที่นั่งทางขวามือของเขาซึ่งมีจานชามเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่นั่งลงบนเก้าอี้และสบตาของเดรโกเข้า เธอก็เห็นว่าชายหนุ่มมีสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก และมันก็ใช้เวลาไม่นานนักสำหรับเธอที่จะเข้าใจว่า สิ่งที่ทำให้เดรโกไม่พอใจนั้นไม่ใช่แค่การที่เธอเดินตามเขาลงมาที่ห้องอาหารนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเธอกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งซึ่งน่าจะเคยเป็นของแม่ของเขามาก่อนแบบนี้

แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้เอ่ยปากพูดอธิบายอะไรออกไป นายลูเซียสก็พูดขึ้นก่อน

“มาทานอาหารสายถึงสี่สิบนาทีแบบนี้ไม่ใช่มารยาทที่ดีเลยนะ” ชายผมบลอนด์กล่าวอย่างไม่เจาะจงว่าเขาต้องการต่อว่าเดรโกหรือเฮอร์ไมโอนี่กันแน่

“คือ....." หญิงสาวพยายามจะพูดอะไรออกมา แต่เธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยการปรากฏตัวของเอลฟ์ตัวเล็กจ้อยพร้อมกับถาดในมือที่บรรจุเหยือกน้ำเอาไว้สองเหยือก

“นายหญิงจะรับน้ำผลไม้หรือชาดีเจ้าคะ” เอลฟ์ถามขึ้น หลังจากที่คิดอยู่ไม่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็ตอบมันออกไป “น้ำผลไม้ดีกว่าจ๊ะ ขอบใจ” เธอพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตาสามีของเธอที่บัดนี้เริ่มทานอาหารเช้าแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้นก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้ว่านายลูเซียสรอให้เธอและเดรโกมาถึงห้องอาหารก่อนเขาจึงจะเริ่มทานอาหาร และการที่เธอมาทานอาหารสายถึงสี่สิบนาทีแบบนี้ก็เป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างที่สามีของเธอพูดจริง ๆ แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการลงมาทานอาหารเช้าร่วมกับมัลฟอยพ่อลูกมากแค่ไหนก็ตาม

ดังนั้นขณะที่มือของเฮอร์ไมโอนี่เลื่อนไปคว้ามีดกับส้อมมาถือไว้เพื่อจะเริ่มรับประทานอาหาร หญิงสาวจึงมองไปทางชายผมบลอนด์ก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพูดออกไปว่า

“ฉันขอโทษนะคะที่ลงมาทานอาหารช้า ฉันมีปัญหากับการหาเสื้อผ้านิดหน่อย” เธอพูดประโยคสุดท้ายออกมาอย่างไม่เต็มปากเต็มคำเท่าไหร่นัก พลางรู้สึกเสียใจทีหลังที่พูดเหตุผลซึ่งเป็นความจริงแต่ฟังดูไม่เข้าท่าแบบนี้ออกมา ก่อนที่เธอจะก้มหน้าก้มตามองจานอาหาร และเฮอร์ไมโอนี่ที่เดิมไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่าเธอจะได้รับคำตอบอะไรจากนายลูเซียสก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาพูดขึ้น

“ฉันยอมรับคำขอโทษของเธอ” เขากล่าว พลางมองมาทางหญิงสาว

“ฉันรู้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่อง......ที่ไม่คุ้นเคยนักสำหรับเธอที่จะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือบ้านของเธอหลังจากนี้ อย่างที่ฉันได้เคยบอกเธอไปแล้วว่าถ้าเธอขาดเหลืออะไรก็ให้บอกทิสซี่ หรือถ้าเธอไม่ชอบเสื้อผ้าที่มันจัดหามาให้เธอก็สามารถบอกมันให้ไปซื้อเสื้อผ้าแบบที่เธอต้องการมาได้” นายลูเซียสพูดก่อนจะทานอาหารเช้าต่อ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขาอย่างคาดไม่ถึง แม้มันจะดูเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินที่สามีจะเป็นห่วงภรรยาในเรื่องที่แสนจะธรรมดาแบบนี้ แต่มันกลับดูเป็นเรื่องที่น่าประหลาดยิ่งนักเมื่อคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของลูเซียส มัลฟอย ผู้เสพความตายมือขวาของโวลเดอมอร์รวมทั้งชายที่บังคับให้เธอแต่งงานกับเขาและช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอด้วย และขณะที่กำลังมองชายตรงหน้าด้วยความประหลาดใจอยู่นั้นหญิงสาวก็รู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรบอกอย่างออกไป

“ขอบคุณค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดสิ่งที่เธอนึกได้เป็นสิ่งแรกออกไป และชายผมบลอนด์ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความแปลกใจ นายลูเซียสมองเธอด้วยสายตาราวกับเธอเพิ่งพูดออกมาว่าเธอเต็มใจจะเข้าร่วมกับฝ่ายผู้เสพความตายอย่างไรอย่างนั้น แต่ในขณะที่มัลฟอยผู้พ่อมีท่าทีประหลาดใจอยู่นั้น เดรโกที่นั่งอยู่ตรงข้ามเฮอร์ไมโอนี่ก็ทำท่าราวกับเขากำลังสำลักอาหาร แต่เมื่อพ่อของชายหนุ่มส่งสายตาปราม ๆ ไปทางเขา เดรโกก็เลิกทำเสียงดังกล่าวทันที แล้วเปลี่ยนมามองหญิงสาวด้วยสายตารังเกียจแทน

หลังจากบทสนทนาสั้น ๆ นั้นจบลง ทั้งสามก็ทานอาหารต่อท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัดในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอก็พยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาไม่พอใจของเดรโกที่จ้องมองเธอมาจากอีกด้านหนึ่งของโต๊ะอาหาร หญิงสาวทานอาหารเช้าไปอย่างเงียบ ๆ โดยที่ในใจหวังอยากให้มื้อเช้าที่แสนจะอึดอัดนี้จบลงในไม่ช้า โดยไม่มีอะไรมาทำให้เธออึดอัดใจไปมากกว่านี้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอคิดผิดเมื่อนายลูเซียสเป็นฝ่ายทำลายความเงียบในห้องอาหารขึ้นมา
ชายผมบลอนด์ที่กำลังทานอาหารอยู่เงียบ ๆ จู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวพร้อมกับพูดขึ้น

“เมื่อคืนเธอหลับสบายดีไหม” มันเป็นคำถามที่แสนจะธรรมดาเหลือเกินที่สามีจะถามภรรยา แต่มันกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่แทบจะสำลักน้ำส้มของเธอเมื่อเธอได้ยินประโยคดังกล่าว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองนายมัลฟอยทันที และเมื่อเธอเห็นสายตาของเขาที่จ้องมองมาทางเธอแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวราวกับถูกแดดเผาขึ้นมาทันที

และเธอก็แน่ใจหลังจากนั้นว่าใบหน้าของเธอไม่ได้ร้อนผ่าวแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันคงแดงก่ำอย่างมากเป็นแน่เมื่อเธอสบเข้ากับดวงตาสีเงินของนายลูเซียสที่กำลังจ้องมองเธออยู่ และในขณะที่หญิงสาวกำลังคิดหาคำพูดมากลบเกลื่อนอาการเขินอายตัวเองอยู่นั้น เสียงมีดกับส้อมที่กระทบจานอย่างแรงก็ดังขึ้น และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองเธอก็พบว่าเดรโกเพิ่งจะวางผ้าเช็ดปากของเขาลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรงราวกับมันเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ชายหนุ่มส่งสายตารังเกียจมายังหญิงสาวและพ่อของเขาเอง ก่อนจะลุกออกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกจากห้องอาหาร ขณะที่นายลูเซียสพูดไล่หลังลูกชายไปด้วยนำเสียงที่ดุดันว่า “เดรโก!”

แต่ชายหนุ่มทำราวกับไม่ได้ยินที่พ่อของเขาเรียก และไม่ได้เดินกลับมาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับเดินออกไปจากห้องอาหารพร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังเกินกว่าปกติ ขณะที่ชายผมบลอนด์มองตามหลังลูกชายไปพร้อมกับส่ายศีรษะอย่างระอา ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่

“อย่าไปใส่ใจเลย ทานต่อเถอะ” เขาพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างรับรู้และกลับไปสนใจอาหารต่อ แต่หญิงสาวก็ทานไม่ได้เยอะหลังจากนั้น และเมื่อพบว่าความอยากอาหารของเธอลดลงจนเกือบเหลือศูนย๋แล้ว เธอจึงรวบมีดกับส้อมลงและเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดปากขณะที่นายลูเซียสมองมาทางเธอด้วยสายตาที่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นห่วง

“เธออย่าไปสนใจเดรโกเลย มันคงต้องใช้เวลาสักหน่อยสำหรับเขาที่จะยอมรับ.....เรื่องนี้น่ะ” ชายผมบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ยี่หระ แต่ดวงตาของเขากลับแสดงถึงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองไปทางประตูห้องอาหารที่เดรโกเพิ่งเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเดรโกเกลียดชังเธอเพราะเธอแต่งงานกับนายลูเซียสและเข้ามาแทนที่แม่ของเขาแบบนี้ แต่ในใจลึก ๆ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็หวังจะให้ชายหนุ่มเข้าใจถึงเหตุผลที่เธอยอมแต่งงานกับพ่อของเขาบ้าง หญิงสาวไม่รู้ว่าเดรโกจะรู้หรือไม่ว่าเธอถูกบังคับให้แต่งงานกับพ่อของเขาอย่างไม่เต็มใจ และเธอก็ไม่ได้ต้องการจะมาแทนที่แม่ของชายหนุ่มอย่างที่เขาเชื่อเลย และถ้าหากเฮอร์ไมโอนี่สามารถเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้ หญิงสาวก็จะขอให้เรื่องทั้งหมดนี่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอแต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยและได้กลายเป็นแม่เลี้ยงของเดรโก หรือแม้แต่เรื่องที่เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดแบบนี้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะหวังให้เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมากเพียงใดเธอก็ไม่อาจจะที่จะสมปรารถนาได้เลย

หลังจากตกอยู่ในภวังค์ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงนายลูเซียสรวบมีดกับส้อม และเมื่อเธอมองไปทางเขา หญิงสาวก็พบว่าชายผมบลอนด์กำลังเช็ดปากอยู่ก่อนจะวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะอาหารและหันมาพูดกับเธอ

“วันนี้ฉันต้องออกไปข้างนอก” เขาเริ่มพูดด้วยประโยคที่ฟังดูปกติธรรมดามากที่สุด แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าคำว่า ‘ ออกไปข้างนอก ’ ของเขานั้นหมายถึงการไปทำงานรับใช้จอมมาร แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉยเมื่อเขาพูดต่อ

“ฉันจะกลับมาทานอาหารเย็นกับเธอ อาหารเย็นที่นี่จะเริ่มเวลาทุ่มตรง ส่วนอาหารกลางวันเริ่มเวลาเที่ยงตรง” เขาอธิบาย และเมื่อชายผมบลอนด์เห็นสีหน้าอึดอัดใจของภรรยาเขาจึงพูดต่อว่า

“แต่ถ้าหากฉันไม่อยู่บ้านเธอก็ไม่จำเป็นต้องลงมาทานอาหารที่ห้องอาหาร เธอจะให้เอลฟ์จัดสำรับไปให้เธอข้างบนก็ได้ แต่เธอจะต้องลงมาทานมื้อเย็นกับฉัน” ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมานั้นไม่ใช่การขอร้องหากแต่เป็นประโยคคำสั่ง แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวกลับไม่รู้สึกอึดอัดเท่าที่ควร เพราะอย่างน้อย ๆ การที่ต้องมาทานอาหารเย็นกับนายลูเซียสทุกวันก็น่าจะดีกว่าการที่เธอจะต้องลงมาทานอาหารกลางวันกับเดรโกเพียงลำพังทุกวันอย่างแน่นอน และเมื่อคิดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็นึกขอบคุณสามีของเธอไม่น้อยที่เขายอมให้เธอทานอาหารกลางวันข้างบนได้ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงตอบออกไปว่า “ค่ะ”

หลังจากหญิงสาวพูดจบ ชายผมบลอนด์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเขาจะออกไปข้างนอกในทันที แต่เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อชายตรงหน้าส่งมือข้างหนึ่งมาให้เธอจับก่อนจะพาเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ก่อนจะออกจากบ้านฉันจะพาเธอไปที่แห่งหนึ่งก่อน” เขาพูดเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเฮอร์ไมโอนี่ และเมื่อหญิงสาวไม่ได้มีท่าทีโต้แย้งอะไรออกไปนายลูเซียสก็พาเธอเดินออกจากห้องอาหารไป


…………………………………………….







Create Date : 13 กรกฎาคม 2555
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 19:36:24 น. 1 comments
Counter : 2320 Pageviews.

 
ป๋าลูถามมาได้น้อววว หลับสบายดีมั้ย เป็นฉันนะน้ำส้มพุ่งใส่หน้าไปและ55555


โดย: มูมู่ IP: 171.6.218.49 วันที่: 9 มีนาคม 2556 เวลา:20:34:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.