Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 17 The Diary of Jane PART II




“จริง ๆ ทิสซี่พยายามไล่เขาไปแล้วนะเจ้าคะ ทิสซี่บอกว่านายหญิงพักผ่อนอยู่และไม่ต้องการพบใครทั้งนั้น เพราะทิสซี่รู้เจ้าค่ะว่าเขาเป็นต้นเหตุให้นายท่านกับนายหญิงทะเลาะกัน!” สิ้นคำพูดของเอลฟ์ใบหน้าของหญิงสาวก็กระตุกราวกับว่ามันเพิ่งพูดแทงใจดำของเธอด้วยการเอ่ยถึงความทรงจำที่เลวร้ายซึ่งเฮอร์ไมโอนี่เคยขอมันแล้วไม่ให้มันเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก และดูเหมือนว่าเอลฟ์จะรู้ดีว่านายหญิงของมันไม่พอใจในคำพูดที่ไม่ทันได้ยั้งคิดของมันเมื่อเอลฟ์เอายกมือขึ้นปิดปากตัวเองในท่าทีราวกับมันเพิ่งนึกได้ว่ามันพูดอะไรออกมา และหลังจากเห็นสีหน้าที่กลับไปดูเรียบเฉยของเฮอร์ไมโอนี่แล้วเอลฟ์ก็พยายามจะลงโทษตัวเองตามความเคยชินหากแต่มันไม่สามารถทำได้เนื่องจากหญิงสาวเคยให้มันสัญญาไว้ว่าแล้วว่ามันจะไม่ทำร้ายตัวเองอีก ดังนั้นท่าทางของทิสซี่ในตอนนี้จึงกลายเป็นท่าที่มันพยายามจะวิ่งชนกำแพงแต่ก็หยุดตัวเองไว้ได้ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่มันพยายามจะทุบหัวตัวเองแต่ก็ทำท่าราวกับมีใครมายึดมือผอม ๆ ของมันไว้เสียก่อน

แม้ว่าท่าทางที่เอลฟ์แสดงออกมานั้นจะแปลกประหลาดและดูตลกขบขันไม่น้อยในสายตาของคนทั่วไป หากแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจหรือแม้แต่แสดงท่าทีสงสารมันออกมาอย่างที่เธอควรจะทำแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเธอกลับพูดขึ้นเรียบ ๆ หลังจากมองเอลฟ์ที่พยายามจะทำร้ายตัวเองและพยายามหยุดยั้งการกระทำของตัวเองในวินาทีสุดท้ายอยู่ครู่หนึ่งว่า

“ทิสซี่ หยุดเถอะ” สิ้นเสียงของหญิงสาวทิสซี่ก็หยุดการกระทำของมันทันที และในวินาทีต่อมามันก็เดินเข้ามายืนหน้าเฮอร์ไมโอนี่โอนี่อีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าของมันที่กำลังมองหญิงสาวฉายแววรู้สึกผิดออกมาอย่างชัดเจน

“ทิสซี่ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิง ทิสซี่……” ไม่ทันที่เอลฟ์จะได้พูดจบประโยค นายหญิงของมันก็ขัดขึ้นมาก่อน

“เธอบอกฉันว่า อาจาร์....” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากก่อนจะเปลี่ยนคำพูดของเธอใหม่ “สเนป.....มาขอพบฉันอย่างนั้นหรือ”

“ใช่เจ้าค่ะ เขามาขอพบนายหญิงเจ้าค่ะ แล้วอย่างที่ทิสซี่บอก ทิสซี่ไล่เขาไปแล้วเจ้าค่ะ ทิสซี่ไม่ต้องการให้คนอย่างเขามาพบนายหญิง แต่เขาไม่ยอมไปเจ้าค่ะ เขายืนยันว่าต้องพบนายหญิงให้ได้ เขาอ้างว่าเขาต้องมาปรึกษานายหญิงเรื่องตัวยาที่ใช้รักษาบาดแผลของนายหญิงเจ้าค่ะ ตอนแรกทิสซี่ก็จะไม่ยอมให้เขาพบนายหญิง แต่เขาก็ยืนกรานว่าถ้านายหญิงไม่ได้ยาตัวใหม่ไปจากเขาแผลของนายหญิงที่ยังไม่หายดีจะอักเสบแล้วก็ติดเชื้อเรื้อรัง แต่ทิสซี่ก็ไม่เชื่อเขาอยู่ดีเจ้าค่ะ ทิสซี่เลยให้เขารออยู่ที่ห้องโถงแล้วขึ้นมารายงานนายหญิงเจ้าค่ะ” เอลฟ์อธิบายยืดยาว ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังฟังอยู่นั้นมีท่าทีเรียบเฉย หากแต่ดวงตาสีน้ำตาลรวมทั้งดวงหน้างามของเธอนั้นเต็มไปด้วยความกังวลและมีแววครุ่นคิดราวกับเธอต้องระดมสมองอย่างหนักในการตัดสินใจว่าจะลงไปเจอเซเวอร์รัส สเนปหรือไม่ แต่ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยถ้อยคำที่บอกถึงผลการตัดสินใจของเธอออกมาว่า

“เขาพูดถูกแล้วล่ะทิสซี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาขณะที่พยายามปรับสีหน้าให้เรียบเฉยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

“นายหญิงว่าอะไรนะเจ้าคะ” เอลฟ์ถามเพราะว่าคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากของเจ้านายของมันช่างแผ่วเบาเสียเหลือเกิน และอาจจะเป็นเพราะว่าทิสซี่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบนี้จากหญิงสาวก็เป็นได้มันจึงต้องถามซ้ำอีกครั้ง

“ฉันบอกว่าเขาพูดถูกแล้ว” เธอตอบด้วยท่าทีสุขุมเกินกว่าปกติราวกับเธอต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่บังคับไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นยามพูดออกมา

“คือ เขาปรุงยามาให้ฉันเมื่อวาน แต่ดูเหมือนมันจะมีข้อผิดพลาดบางอย่างเกี่ยวกับตัวยาน่ะ แต่ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะมาที่นี่ในวันนี้” เธอรีบเสริมอย่างรวดเร็วหลังจากคิดได้ว่าทิสซี่คงจะต้องรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้นายลูเซียสฟังเป็นแน่ และถึงรู้ดีว่ามันเสี่ยงมากก็ตามที่เธอจะลงไปพบอดีตอาจารย์ของเธอในยามที่เรื่องทุกอย่างอยู่ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ พอ ๆ กับที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็รู้ดีว่ามันเสี่ยงมากเหมือนกันที่สเนปตัดสินใจมาหาเธอที่คฤหาสน์ในวันนี้ทั้ง ๆ ที่เขารู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นตึงเครียดเช่นไร ดังนั้นหญิงสาวจึงแน่ใจได้ว่าที่สเนปนั้นตัดสินใจมาขอพบเธอคงเป็นเพราะมีเรื่องที่สำคัญจริง ๆ และบางทีเขาอาจจะต้องการมาลบความทรงจำของเธอด้วยตัวเองก็เป็นได้เนื่องจากเขารู้แล้วว่าความลับของเขาที่เธอตั้งใจจะปกป้องอย่างสุดความสามารถนั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผยตั้งแต่แรกเริ่มเสียแล้ว และถ้าหากชายผมดำต้องการจะมาพบเธอท่ามกลางความเสี่ยงและสถานการณ์ที่ตึงเครียดแบบนี้แล้วล่ะก็ เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธที่จะไม่ไปพบเขาได้ แม้ว่าการตัดสินใจเช่นนั้นอาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่เธอภายหลังถ้าหากสามีของเธอเกิดล่วงรู้เรื่องนี้เข้าก็ตาม แต่หญิงสาวก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรที่แย่มากไปกว่าสิ่งที่ชายผมบลอนด์ได้ทำลงไปกับเธออีกต่อไปแล้ว และอีกอย่างถ้าสเนปมาที่นี่เพื่อต้องการจะลบความทรงจำของเธอจริงล่ะก็ เฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ขัดขืนหรือโต้แย้ง ๆ ใด ๆ เขาเหมือนอย่างคราวก่อนอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้เธอล่วงรู้แล้วว่าการเข้ามาเป็นผู้เห็นรวมทั้งผู้ร่วมรักษาความลับที่สำคัญเยี่ยงชีวิตของเขาไว้นั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบากและเสี่ยงมากเพียงใดสำหรับเธอ รวมทั้งหญิงสาวเองก็ไม่ต้องการเป็นต้นเหตุที่จะนำความเดือดร้อนมาสู่เขาในกรณีที่นายลูเซียสเกิดพยายามหาทางคาดคั้นเธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของเขาเมื่อวานขึ้นมา และเมื่อรู้ดีว่าความลับที่สำคัญยิ่งของอดีตอาจารย์ของเธอนั้นเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยเช่นนี้ เฮอร์ไมโอนี่จึงคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าสเนปจะลบความทรงจำของเธอเสียเพื่อป้องกันความลับของเขาไม่ให้รั่วไหลไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อความปลอดภัยของเขาเองแบบนี้ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้เมื่อคิดว่าเธออาจจะต้องลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เธอได้ค้นพบรวมทั้งกลับไปเกลียดชังเซเวอร์รัส สเนปดังเดิมเหมือนที่เคยเป็นมา ซึ่งเปรียบเสมือนการสูญเสียคนเพียงคนเดียวที่อยู่ฝ่ายดัมเบิลดอร์ในโลกของผู้เสพความตายที่เธอหลงทางเข้ามาแบบนี้ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้ต้องการเลยแม้แต่น้อย

แต่ถึงอย่างไรก็ตามเฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถคิดถึงข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของการที่เธอยอมให้สเนปลบความทรงจำของเธอ ซึ่งก็คือ ถ้ามันเป็นไปได้ล่ะก็ เธอก็อยากจะขอร้องให้เขาช่วยลบความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอเมื่อวานให้เธอลืมมันไปจนหมดสิ้นราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!





…………………………………………….





หลังจากยืนยันกับเอลฟ์แล้วว่าเซเวอร์รัส สเนปมาหาเธอที่คฤหาสน์ด้วยธุระที่สมเหตุสมผลและจำเป็นจริง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็ลงรีบลงไปพบเขาที่ห้องโถงท่ามกลางความแปลกใจและสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทิสซี่ซึ่งเดินตามนายหญิงของมันมาติด ๆ แน่นอนว่าหญิงสาวรู้ดีว่านายลูเซียสสั่งให้ทิสซี่คอยจับตาดูเธอในเวลาที่เขาไม่อยู่รวมทั้งมันอาจจะไปรายงานชายผมบลอนด์ก็เป็นได้ว่าสเนปมาหาเธอที่บ้านอีกครั้งตอนที่สามีของเธอไม่อยู่บ้าน แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจว่าเธอจะคิดแก้ปัญหาในเรื่องนี้ทีหลัง และบางทีเธออาจจะต้องปรึกษาอดีตอาจารย์ของเธอในเรื่องการลบความทรงจำของทิสซี่ด้วย แต่ก่อนสิ่งอื่นใดหญิงสาวจำเป็นต้องลงไปพบอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอเสียก่อน

ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่เดินลงบันไดไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์ภาพร่างสูงของชายผมดำก็ปรากฏสู่สายตาของเธอในทันที เซเวอร์รัส สเนปกำลังยืนรอเธออยู่บริเวณห้องโถงของคฤหาสน์ ใบหน้าเรียบเฉยของเขานั้นแทบจะไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาหากแต่ถ้าลองสังเกตดูดี ๆ แล้วจะพบว่าดวงตาสีดำของเขานั้นแสดงถึงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน รวมทั้งท่าทางของเขานั้นก็แสดงถึงความรู้สึกระมัดระวังมากกว่าทุกครั้งเพราะมือใหญ่ของเขาที่ไขว้อยู่ด้านหลังนั้นกุมไม้กายสิทธิ์ไว้แน่น ราวกับเขากลัวว่าร่างที่กำลังเดินลงบันไดมานั้นจะไม่ใช่หญิงสาวหากแต่เป็นสามีของเธอที่พร้อมจะสาปเขาได้ทุกเมื่อถ้าหากเขาก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์มัลฟอยอีกครั้ง

หลังจากได้สบตาสเนปเป็นครั้งแรกแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินลงบันไดไปหาชายผมดำด้วยท่าทีที่เธอบังคับให้ดูเป็นปกติมากที่สุด หญิงสาวพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองเดินเร็วเกินไปหรือแสดงท่าทางที่ผิดสังเกตใด ๆ ออกมาซึ่งมันอาจจะทำให้ทิสซี่ที่เดินตามเธอมาติด ๆ นั้นสงสัยได้ จนกระทั่งเมื่อทั้งสองมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินมาหยุดอยู่หน้าอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอโดยที่เธอรักษาระยะห่างไว้พอสมควร ขณะที่สเนปซึ่งกำลังมองเธอด้วยท่าทีที่สุขุมก็เอ่ยขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานเช่นเดียวกับตอนที่เขามาขอพบเธอเมื่อวานว่า

“คุณนายมัลฟอย ผมมาขอพบคุณเพราะเรื่องยารักษาบาดแผลที่ผมให้คุณไปเมื่อวาน และหวังว่าผมคงจะไม่มารบกวนคุณหรอกนะ” สเนปพูดขึ้นอย่างสุภาพ และเป็นเพราะท่าทีของเขารวมถึงการเตรียมตัวมาดีในระดับหนึ่งของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้เธอตอบออกไปด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ฟังดูสุภาพและเป็นการเป็นงานเกือบจะพอ ๆ กับเขาว่า

“ไม่หรอกค่ะ คุณไม่ได้มารบกวนฉัน จริง ๆ ฉันกำลังสงสัยอยู่เลยด้วยซ้ำว่าคุณให้ยารักษาแผลฉันมาถูกหรือเปล่า” เธอตอบออกมาแทบจะในทันทีราวกับเธอไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย และแม้ว่าสเนปจะพอใจไม่น้อยกับการวางท่าทางได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของเธอ หากแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาเอ่ยปากชมเชยความสามารถของอดีตลูกศิษย์ของเขา ตรงกันข้ามดูเหมือนว่าสเนปเองก็ต้องการการพูดคุยที่เป็นส่วนตัวกับเฮอร์ไมโอนี่มากกว่าอะไรทั้งหมดเมื่อสายตาของเขาละจากร่างของหญิงสาวเบื้องหน้าไปยังเอลฟ์ร่างจ้อยทื่ยืนประกบนายหญิงของมันอยู่ราวกับมันกลัวว่าเขาจะเข้ามาทำร้ายเจ้านายของมันในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง และเมื่อเห็นเช่นนั้นสเนปจึงพูดด้วยท่าทีที่สุขุมเช่นเดิมว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมขอพุดคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยจะได้ไหม” เขาเอ่ยพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งมันบอกเธอว่าเขาต้องการพูดคุยกับเธอตามลำพัง หากแต่มันจะเป็นความคิดที่ดีหรือในเมื่อการสนทนาระหว่างเขาและเธอซึ่งเกิดขึ้นในที่รโหฐานครั้งล่าสุดนั้นส่งผลร้ายแรงเพียงใดเมื่อสามีของเธอมาเจอพวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพังนั้นสเนปย่อมรู้ดี แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาต้องการจะพูดกับเธอนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะพูดต่อหน้าคนอื่นได้อย่างแน่นอน

และหลังจากแปลความหมายในสายตาของชายผมดำที่ส่งมาให้เธอได้แล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงหันไปหาเอลฟ์ที่อยู่ข้างกายของเธอก่อนจะสั่งมันว่า

“ทิสซี่ เธอมีอะไรจะทำก็ไปทำก่อนเถอะ ฉันอยากจะคุยกับคุณสเนปซักแปปนึง” เธอพูดขึ้นเรียบ ๆ ราวกับเธอเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลอื่นมาอ้างให้เอลฟ์ไปที่อื่นได้นอกจากบอกให้มันไปทำงานอื่นที่ยังค้างคาอยู่เสีย

“แต่.....” ทิสซี่อึกอัก ท่าทีของมันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการทิ้งนายหญิงของมันไว้กับสเนปตามลำพังแต่อย่างใด หรืออาจจะเป็นเพราะนายมัลฟอยได้สั่งให้มันจับตาดูเธอทุกฝีก้าวเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่เมื่อเห็นท่าทีลังเลของเอลฟ์แล้วเธอจึงรีบเสริมออกไปทันทีว่า

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันจะคุยกับเขาแปปเดียวเท่านั้น เธอไปทำอย่างอื่นก่อนเถอะ แล้วถ้ามีอะไรฉันจะเรียกนะ” หญิงสาวพูดอย่างใจดีและแสดงท่าทีราวกับสถานการณ์ในตอนนี้นั้นปกติมากกว่าอะไรทั้งหมด ราวกับว่าเมื่อวานผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ห่างจากเธอไปเพียงไม่กี่ก้าวนั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุทำให้เธอและสามีต้องทะเลาะกันอย่างรุนแรง ส่วนทางด้านทิสซี่นั้นเมื่อเห็นว่านายหญิงของมันยืนกรานอย่างนั้น เอลฟ์ที่ไม่อาจจะปฏิเสธคำสั่งของเจ้านายได้ก็ได้แต่รับคำอย่างเสียไม่ได้ก่อนที่มันจะก้มศีรษะลงต่ำแล้วหายไปพร้อมเสียงดังป็อป

เมื่อแน่ใจว่าทิสซี่ออกไปจากห้องโถงแล้วรวมทั้งไม่มีเอลฟ์ตัวอื่น ๆ อยู่ในบริเวณนั้นแล้ว หญิงสาวก็เดินเข้าไปใกล้อดีตอาจารย์ของเธออีกสองก้าว ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกว่า

“คุณมาที่นี่ทำไมคะ”

“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันมีเรื่องที่จะต้องพูดกับเธอ เกรนเจอร์” สเนปกล่าวเรียบ ๆ หากแต่ดวงตาสีดำของเขาก็มองไปรอบ ๆ ห้องอย่างระมัดระวัง

“ฉันเกรงว่าเราจะไม่มีเวลาพูดคุยกันมากเท่าไหร่นะคะ แต่ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อต้องการลบความทรงจำของฉันล่ะก็คุณก็ลงมือได้เลยค่ะ แต่ว่าเกรงว่าคุณก็จำเป็นจะต้องลบความทรงจำของทิสซี่ด้วย……” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรีบร้อนราวกับว่าเธอกลัวว่าสามีของเธอจะกลับมาที่บ้านในวินาทีใดวินาทีหนึ่งและเจอพวกเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอีก ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงล่ะก็เธอก็ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลยว่ามันจะเลวร้ายซักแค่ไหน หากแต่หญิงสาวก็ไม่มีโอกาสพูดทุกสิ่งที่เธอต้องการจะพูดออกมาได้จนจบเมื่ออดีตอาจารย์ของเธอขัดขึ้นมาก่อน

“ฉันไม่ได้......” สเนปพูดพยายามจะพูด แต่ดูเหมือนว่าอดีตลูกศิษย์ของเขานั้นไม่มีท่าทีว่าจะฟังเขาแต่อย่างใด

“อันที่จริงก่อนที่อาจารย์จะลบความทรงจำของฉัน ฉันอยากจะขอร้องอาจารย์ซักอย่าง ฉันรู้ดีว่า……..” เฮอร์ไมโอนี่พูดได้เพียงเท่านั้นเมื่อสเนปขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า

“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะลบความทรงจำของเธอเกรนเจอร์!” ชายผมดำกระซิบด้วยถ้อยคำที่แผ่วเบาหากแต่หนักแน่น ท่ามกลางความงุงงนของหญิงสาวเขาก็พูดต่อว่า

“ที่ฉันต้องการก็คือการได้คุยกับเธอในที่ ๆ เป็นส่วนตัวมากกว่านี้เท่านั้น” เขาพูดลอดไรฟันออกมาหลังจากที่เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นเพื่อที่เขาจะสามารถแน่ใจได้ว่าคำพูดของเขานั้นจะได้ยินเพียงแค่เขาและร่างตรงหน้าของเขาเท่านั้น หากแต่ดูเหมือนว่าอดีตลูกศิษย์ของเขานั้นจะดูไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่สเนปเพิ่งพูดออกไปเท่าไหร่นักเมื่อเธอแย้งขึ้นว่า

“แต่คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้นี่คะ เราไม่อาจจะเสี่ยงให้ลูเซียสมาเจอพวกเราแบบเมื่อวานได้อีก” เธอพูดออกมา และถึงแม้ว่าหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่จะกระตุกด้วยความเจ็บปวดเมื่อเธอเอ่ยชื่อสามีของเธอซึ่งเป็นผู้ที่ลงมือทำร้ายรวมทั้งพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิตของเธอก็ตาม แต่หญิงสาวก็พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าอดีตอาจารย์ของเธอเมื่อเขาพูดขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทีที่สุขุมตามเดิมว่า

“ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าลูเซียสคงจะไม่กลับมาที่คฤหาสน์เร็ว ๆ นี้” สเนปกล่าว “เพราะเขาถูกส่งไปทำภารกิจที่ค่อนข้างจะยากเอาการฉันถึงตัดสินใจมาหาเธอในตอนนี้ แล้วถ้าเราเริ่มต้นคุยกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ฉันก็คิดว่าฉันน่าจะออกไปจากคฤหาสน์ได้ก่อนที่เขาจะกลับมาจากการทำภารกิจด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญก็คือ ฉันต้องการสถานที่ ๆ เราสามารถคุยกันได้โดยลำพัง มิสเกรนเจอร์ ที่ที่ไม่น่าจะมีการร่ายเวทย์มนต์ป้องกันขั้นสูงไว้รวมถึงเป็นที่ ๆ ลูเซียสไม่น่าจะเข้าไปเจอพวกเราได้ถ้าหากเขากลับมาที่บ้านก่อนเวลา” สเนปอธิบาย และเมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความไม่แน่ใจของเฮอร์ไมโอนี่แล้ว ชายผมดำจริงเสริมขึ้นว่า

“ฉันต้องการแค่ที่ ๆ ฉันสามารถคุยกับเธอได้ตามลำพังเท่านั้น ที่ ๆ เธอคิดว่าลูเซียสจะไม่มาเจอพวกเราเข้าได้ง่าย ๆ ในกรณีที่เขาเกิดกลับมาที่บ้านในเวลาที่ฉันยังไม่ออกจากคฤหาสน์พอดีซึ่งฉันคิดว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก แต่ถ้าเกิดเราโชคร้ายจริง ๆ เธอก็สามารถแน่ใจได้ว่าฉันจะออกไปจากคฤหาสน์โดยกุญแจนำทางหรือผงฟลูก่อนที่ลูเซียสจะเข้ามาเจอพวกเราเข้า” สเนปอธิบายอย่างมีเหตุผล และถึงแม้ว่าแผนการครั้งนี้จะฟังดูเสี่ยงมากก็ตาม แต่เมื่อหญิงสาวมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำของอดีตอาจารย์ของเธอแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะไว้ใจรวมทั้งคล้อยตามเขาในเรื่องนี้ หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเฮอร์ไมโอนี่เองก็ต้องการจะพูดคุย ระบาย รวมทั้งปรึกษาใครซักคนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นได้ อีกอย่างการที่เธอรู้จักชายตรงหน้ามาเป็นเวลานาน แม้ว่าเธอไม่อาจจะพูดได้ว่าเธอรู้จักเขาดีก็ตามแต่หญิงสาวก็เชื่อว่าถ้าหากสเนปยอมเสี่ยงอันตรายมาหาเธอถึงที่คฤหาสน์หลังจากที่สามีของเธอเพิ่งค้นพบว่าทั้งสองแอบติดต่อกันแบบนี้แล้วล่ะก็ เรื่องที่ชายผมดำต้องการจะพูดกับเธอนั้นคงจะสำคัญมากจริง ๆ เขาถึงยอมเสี่ยงอันตรายมาพบเธอแบบนี้

และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงพยักหน้าเบา ๆ ในเชิงยอมรับการตัดสินใจของเซเวอร์รัส ขณะเดียวกันดวงตาสีน้ำตาลก็ปรากฏแววครุ่นคิดขึ้นมาเนื่องจากเธอกำลังระดมสมองครุ่นคิดอยู่ว่าครั้งนี้เธอจะใช้สถานที่ใดเป็นที่สำหรับพูดคุยกับชายผมดำดี เพราะว่ามันจะต้องเป็นที่ ๆ ไม่มีเวทย์มนต์ขั้นสูงป้องกันอยู่ รวมทั้งมันจะต้องไม่ใช่ที่ ๆ นายลูเซียสมักจะเข้าไปเมื่อเขากลับมาถึงคฤหาสน์แล้วด้วย

แต่หลังจากเสียเวลาครุ่นคิดอยู่ไม่นานนักคำตอบที่หญิงสาวต้องการก็ปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกับตอนที่เธอคิดคำตอบในชั้นเรียนวิชาปรุงยาของสเนปได้เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

“ฉันคิดว่ามีอยู่ที่นึงค่ะ”





…………………………………………….





หลังจากการเจรจาในห้องโถงของคฤหาสน์ไม่นานนัก เฮอร์ไมโอนี่และสเนปก็มายืนอยู่หน้าห้องนอนเก่าของนายลูเซียส หรือจะพูดให้ถูกก็คือห้องนอนเก่าของเขาและนางนาร์ซิสซาที่ตั้งอยู่บนชั้นสามของคฤหาสน์ เนื่องจากสเนปบอกว่าเขาต้องการพูดคุยกับเธอในที่ ๆ เธอคิดว่าสามีของเธอจะไม่มาเจอพวกเขาเข้า ดังนั้นที่ ๆ น่าจะเหมาะสมที่สุดก็น่าเป็นสถานที่ ๆ ชายผมบลอนด์เป็นคนพูดเองว่าเขาไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลยตั้งแต่ภรรยาเก่าของเขาเสียชีวิตไป ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงคิดว่ามันน่าจะเป็นที่ ๆ ดีที่สุดที่เธอกับสเนปจะใช้พูดคุยกัน และถ้าหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา อย่างเช่นบังเอิญสามีของเธอเกิดกลับมาที่คฤหาสน์ก่อนเวลาสเนปก็อาจจะมีเวลาออกจากคฤหาสน์ไปได้ทันก่อนที่นายลูเซียสจะเข้ามาเจอทั้งสองเข้า และถึงแม้ว่าห้องนอนเก่าของนายมัลฟอยนั้นดูจะเป็นสถานที่ ๆ เหมาะสมต่อการลอบพบกันของเฮอร์ไมโอนี่และเซเวอร์รัสมากที่สุดในตอนนี้ และมันอาจจะเหมาะสมมากกว่าห้องทำงานของนายลูเซียสที่ทั้งสองใช้เป็นที่สำหรับพูดคุยกันก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นการเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่สำหรับพูดคุยกันของอดีตอาจารย์และลูกศิษย์ของเขานั้นก็มีอุปสรรคตรงที่พวกเขาไม่แน่ใจว่าห้องนอนเก่าของชายผมบลอนด์นั้นได้มีการร่ายคาถาป้องกันขั้นสูงเอาไว้เช่นเดียวกับห้องทำงานของเขาหรือไม่ อีกทั้งห้องนอนห้องนี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ ๆ นายลูเซียสห้ามไม่ให้ภรรยาใหม่ของเขาเข้าไปยุ่มย่ามนอกจากห้องทำงานของเขาที่เธอใช้มันเป็นสถานที่เจรจากับอดีตอาจารย์ของเธอก่อนหน้านี้จนมันนำความเดือดร้อนมาสู่หญิงสาวอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน ดังนั้นเมื่อเธอและสเนปมายืนอยู่หน้าห้องนอนเก่าของนายลูเซียสแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงเตือนอาจารย์ของเธอให้ร่ายคาถาตรวจสอบว่าห้องนอนแห่งนี้มีเวทย์มนต์คาถาขั้นสูงกำกับอยู่หรือไม่

แน่นอนว่าสเนปเห็นด้วยกับความคิดของอดีตลูกศิษย์ที่แสนจะเฉลียวฉลาดของเขาเมื่อเขายกไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือขึ้นก่อนจะร่ายคาถาเพื่อตรวจสอบร่องรอยเวทย์มนต์ที่กำกับห้อง ๆ นี้เอาไว้ และหลังจากที่ชายผมดำร่ายคาถาสำหรับตรวจสอบออกไปหลายต่อหลายบทซึ่งหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขานั้นรู้ดีว่าคาถาทุกบทที่อดีตอาจารย์ของเธอร่ายออกมานั้นล้วนแต่เป็นคาถาขั้นสูงที่สามารถใช้ตรวจสอบร่องรอยเวทย์มนต์เกือบจะทุกแขนงที่น่าจะมีการกำกับไว้ที่ประตูห้องนอนห้องนี้ แต่หลังจากร่ายคาถาที่ไม่ซ้ำกันออกไปหลายบทและเห็นว่ายังคงไม่เกิดอะไรขึ้นแต่อย่างใด สเนปที่มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยก็ลดไม้กายสิทธิ์ลงก่อนที่จะหันไปพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า

“ฉันว่าเราน่าจะใช้ที่นี่ได้ เพราะห้องนี้ไม่มีการร่ายเวทย์มนต์กำกับเอาไว้เลยแม้แต่บทเดียว ไม่มีแม้กระทั่ง ‘อาโลโฮโมร่า’ ด้วยซ้ำ” สเนปพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยขณะที่หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เนื่องจากเธอคิดมาก่อนหน้านี้ว่าห้องนอนเก่าของนายลูเซียสนั้นน่าจะถูกเสกคาถาป้องกันไว้สักบทหนึ่ง อย่างน้อยก็ควรมีการร่ายคาถาสำหรับล็อกห้องอย่างอาโลโฮโมร่าเอาไว้ เนื่องจากชายผมบลอนด์เป็นคนบอกเธอเองว่าเขาห้ามไม่ให้เธอเข้าไปที่ห้อง ๆ นี้ และถ้าหากเขาไม่ต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นภรรยาใหม่ของเขาเข้าไปยุ่มย่ามในห้องนอนเก่าของเขากับนางนาร์ซิสซาอย่างที่เขาพูดแล้วล่ะก็ ทำไมเขาถึงไม่ร่ายคาถาล็อกหรือปิดตายห้อง ๆ นี้เสียล่ะ

แต่เมื่อคิดถึงตรงนี้บทสนทนาระหว่างเธอกับชายผมบลอนด์ที่เกิดขึ้นในตอนที่หญิงสาวค้นพบเป็นครั้งแรกว่าห้องนอนใหญ่บนชั้นสามทางทิศตะวันออกนั้นเป็นห้องนอนเก่าของนายลูเซียสกับแม่ของเดรโกก็แวบขึ้นมาในหัวสมองของเฮอร์ไมโอนี่



“คุณปิดตายห้องนั้นหรือคะ”

“ก็ไม่เชิงหรอก”



และเพราะบทสนทนานี้เองที่สะกิดใจให้เฮอร์ไมโอนี่สงสัยว่าการที่นายลูเซียสห้ามไม่ให้เธอเข้ามายังห้อง ๆ นี้ รวมทั้งการที่เขาเองก็พูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเขาไม่เคยเข้าไปในห้องนี้เลยตั้งแต่ที่นางนาร์ซิลซาร์เสียชีวิตลงนั้นมันช่างขัดกับการที่ห้องนอนห้องนี้ไม่ได้ถูกร่ายคาถาเพื่อปิดห้องเอาไว้แต่อย่างใด และแม้ว่ากังวลอยู่ไม่น้อยว่าบางทีชายผมอบลอนด์อาจจะไม่ได้พูดความจริงกับเธอทั้งหมดก็ได้ บางทีเหตุผลที่เขาไม่ได้ปิดตายห้องนอนของภรรยาคนก่อนของเขานั้นเป็นเพราะว่าเขาเองก็อาจจะยังคงเข้าออกห้องนอนห้องนี้อยู่หลังจากแม่ของเดรโกเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าข้อสันนิษฐานข้อนี้ของเฮอร์ไมโอนี่นั้นจะขัดกับสิ่งที่เธอได้รับรู้มาก่อนหน้านี้ว่าห้องนอนห้องนี้เป็นสถานที่ ๆ สามีของเธอไม่น่าจะย่างกรายเข้าไปที่หนึ่งในคฤหาสน์หลังนี้ซึ่งทำให้สมมติฐานที่ว่าห้อง ๆ นี้เป็นที่ ๆ เหมาะสมแก่การพูดคุยกันของเธอและสเนปต้องสั่นคลอนไปด้วยก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะหาสถานที่ใหม่สำหรับการพูดคุยกันในครั้งนี้ได้อีกแล้ว เพราะถึงแม้ว่าชายผมดำจะบอกว่าเขาค่อนข้างแน่ใจว่านายลูเซียสจะไม่กลับมาที่คฤหาสน์ในเร็ว ๆ นี้ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดที่เป็นการเสียเวลามากไปกว่านี้ได้ในสถานการณ์เช่นนี้

ดังนั้นเมื่อสเนปบอกเธอว่าห้องนอนเก่าของนายมัลฟอยที่พวกเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้านี้นั้นไม่ได้ถูกเสกคาถาป้องกันใด ๆ ไว้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันหมายความว่าห้อง ๆ นี้เป็นที่ ๆ เหมาะสมสำหรับที่พวกเขาจะใช้พูดคุยกัน เฮอร์ไมโอนี่จึงเลือกที่จะพยักหน้าเบา ๆ อย่างเห็นด้วยกับอดีตอาจารย์ของเธอโดยไม่ได้เอ่ยปากคัดค้านอะไรออกไปแต่อย่างใด และเมื่อเห็นเช่นนั้นสเนปจึงยกไม้กายสิทธ์ขึ้นแล้วชี้ไปยังระเบียงทางเดินตรงหน้าพวกเขาก่อนจะร่ายคาถาซึ่งหญิงสาวรู้จักดีว่ามันเป็นคาถาสำหรับเตือนภัย และเมื่อร่ายคาถาเสร็จเรียบร้อยแล้วมือใหญ่ของเขาก็เลื่อนไปจับลูกบิดสีทองของบานประตูข้างหน้า ชายผมดำเปิดประตูออกและส่งสายตามาทางเฮอร์ไมโอนี่ราวกับต้องการบอกให้เธอเดินเข้าไปในห้อง และเมื่อเห็นเช่นนั้นหญิงสาวก็ยอมทำตามที่อดีตอาจารย์สอนวิชาปรุงยาของเธอต้องการแต่โดยดีเมื่อเธอตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนเก่าของนายลูเซียสซึ่งเขาเคยห้ามไม่ให้เธอเข้าไปอย่างเด็ดขาดก่อนหน้านี้



…………………………………………….



ทันทีที่เท้าของเฮอร์ไมโอนี่สัมผัสพรมของห้องนอนขนาดใหญ่ห้องนี้มันก็นำความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาสู่เธอ ดวงตาสีน้ำตาลที่ปกติมักจะฉายแววอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอนั้นมองสำรวจภายในห้องอย่างสนอกสนใจบวกกับสงสัยใคร่รู้ และสิ่งแรกที่หญิงสาวสัมผัสได้นอกจากความหรูหราของเครื่องเรือนที่ถูกเลือกสรรมาตกแต่งห้อง ๆ นี้เป็นอย่างดีแล้ว ก็คือความสะอาดสดชื่นของอากาศภายในห้องซึ่งไม่มีกลิ่นฝุ่นเจือปนอยู่แต่อย่างใด รวมทั้งความสะอาดของตัวห้องและเครื่องเรือนเองด้วยที่บอกเธอว่าห้อง ๆ นี้ไม่ได้ถูกปิดตายแต่อย่างใด หากแต่มันได้รับการดูแลและทำความสะอาดเป็นอย่างดี เพราะถึงแม้ว่าเจ้าของของห้องนี้จะเสียชีวิตมาเป็นเวลาร่วมหนึ่งปีแล้วก็ตาม แต่ภายในห้องนั้นยังดูใหม่และสะอาดสะอ้านราวกับว่ามันยังคงถูกใช้เป็นที่พักอาศัยอยู่ในตอนนี้เลยก็ไม่ปาน สายตาของเฮอร์ไมโอนี่มองสำรวจไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งถูกปูด้วยผ้านวมเนื้อดีที่ปราศกลิ่นอับชื้นก่อนจะเลื่อนไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างที่มีประตูเปิดออกไปสู่ระเบียงได้และยังคงมีถ้วยน้ำชาเล็ก ๆ วางอยู่ราวกับว่ามันเพิ่งถูกใช้งานไปเมื่อบ่ายวันวาน และจากภาพที่เห็นทำให้หญิงสาวสันนิษฐานได้ว่า นายลูเซียสไม่ได้ปิดตายห้องนอนห้องนี้แต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับเก็บรักษาทุกอย่างในห้องไว้ในสภาพเดิมเหมือนกับตอนที่ภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ต่างหาก แต่เพราะสาเหตุใดนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะทราบได้ อาจจะเป็นเพราะเขายังคงรักและคิดถึงนางนาร์ซิสซาร์อยู่ไม่เสื่อมคลายแม้ว่านางจะตายจากเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือหญิงสาวไม่สามารถตอบคำถามนี้ของตัวเธอเองได้เลย



และก่อนที่ความคิดของเธอจะนำไปสู่ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความรู้สึกของสามีของเธอที่มีต่อภรรยาเก่าของเขาไปมากกว่านี้ เสียงของเซเวอร์รัส สเนปที่ดังขึ้นก็ปลุกเธอขึ้นมาจากภวังค์เมื่อเขาเข้ามายืนอยู่ใกล้ ๆ เธอ

“ฉันร่ายคาถาสำหรับเตือนภัยไว้ที่หน้าห้องรวมทั้งล็อกห้องเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากมีมนุษย์คนไหนผ่านมาบริเวณนี้มันจะแจ้งเตือนมาไม้กายสิทธิ์ของฉัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ฉันก็สามารถใช้กุญแจนำทางออกไปจากที่นี่ได้ในทันที” สเนปพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเบา ๆ กับคำพูดของอดีตอาจารย์ แน่นอนว่าเขารอบคอบเสมอ และเพราะความรอบคอบของเขานี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกเบาใจเกี่ยวกับการลักลอบพบกันครั้งนี้ระหว่างเขากับเธอลงไปได้บ้าง แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจจะวางใจในเรื่องนี้ได้เต็มร้อยนัก เนื่องจากหญิงสาวรู้ดีว่าหากนายลูเซียสล่วงรู้หรือเข้ามาพบว่าพวกเขาลักลอบพบกันอีกครั้งล่ะก็ มันคงต้องนำเอาความเดือดร้อนอย่างมหาศาลมาให้เธอเป็นแน่

แต่จะมีเรื่องใดกันเล่าที่จะทำให้เธอเดือดร้อนมากไปกว่านี้ เพราะสิ่งที่เธอเพิ่งเผชิญมานั้นก็นับว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะได้รับแล้วไม่ใช่หรือ เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างขมขื่น แต่ถึงจะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเพียงใดก็ตามหญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะเสียเวลาอันมีค่าของเธอไปกับการครุ่นคิดเรื่องที่เธอไม่มีวันจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงหันไปหาสเนปที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลนักก่อนจะพูดขึ้นว่า

“อาจารย์พูดธุระของอาจารย์มาเถอะค่ะ ฉันว่าเราคงมีเวลาไม่มาก” เฮอร์ไมโอนี่กล่าว แม้ว่าถ้อยคำที่เธอใช้นั้นจะฟังดูห้วน ๆ และไม่ไพเราะรวมทั้งไม่เหมาะสมที่จะใช้พูดกับสเนปซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าชายผมดำจะไม่ถืออดีตลูกศิษย์ของเขาในเวลาเช่นนี้ ตรงกันข้ามสเนปก็ตอบคำถามของหญิงสาวออกมาแต่โดยดีโดยไม่มีการพูดถากถางหรือเหน็บแนมเธอเหมือนที่เขาเคยทำในสมัยที่เขายังคงเป็นอาจารย์ของเธอแต่อย่างใด

“ฉันอยากรู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากที่ฉันกลับไป” เขาถามเรียบ ๆ แต่คำถามดังกล่าวกลับเหมือนมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เมื่อภาพการกระทำที่โหดร้ายของนายลูเซียสแวบเข้ามาในสมอง หญิงสาวตัวสั่นน้อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว มือเล็กทั้งสองข้างเลื่อนไปกอดอดในเชิงป้องกันตัวเองจนทำให้สเนปขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับอากัปกิริยาของหญิงสาว

ถึงจะไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงใด แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะนิ่งเงียบและไม่ตอบอะไรชายตรงหน้าออกไปได้ ดังนั้นหลังจากที่พยายามรวบรวมความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ก็เม้มริมฝีปากที่แห้งผากของเธอก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ความลับของอาจารย์ยังคงปลอดภัยดีค่ะ” เธอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เธอพยายามจะบังคับให้มันไม่สั่นเทา หากแต่เมื่อสเนปพยายามจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเธอเพื่อค้นหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้นหญิงสาวก็ก้มหน้าหลบตาของเขาทันที และเมื่อเห็นเช่นนั้นชายผมดำจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กของอดีตลูกศิษย์ของเขาอีกสองก้าว ขณะที่ดวงตาสีดำนั้นจับจ้องใบหน้าของเธออย่างพิจารณาเขาก็ถามขึ้น

“ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มิสเกรนเจอร์” สเนปถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ซึ่งในขณะนี้ร่างสูงใหญ่ของชายผมดำนั้นยืนอยู่ห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ไม่ถึงฟุตเท่านั้น และแม้ว่าในตอนนี้เธอจะก้มหน้าเพื่อหลบสายตาของเขาอยู่ก็ตามแต่เธอก็รู้สึกได้ถึงสายตาทิ่มแทงของสเนปที่กำลังจ้องมองเธอราวกับเขาต้องการอ่านใจเธอเพื่อรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจจะพูดหรือตอบอะไรออกไปได้นอกจากก้มหน้านิ่งและเม้มริมฝีปากเพื่อระบายความกดดันของตัวเองเท่านั้น

แต่ถึงเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ยอมพูดหรือเล่าอะไรออกมาก็ตาม แต่ท่าทีที่เธอแสดงออกมานั้นก็ทำให้อดีตอาจารย์ของเธอมั่นใจไปแล้วกว่าครึ่งว่ามันคงต้องเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นกับเธอหลังจากที่เขาออกไปจากคฤหาสน์แล้วอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นเช่นนั้นสเนปจึงชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามขึ้นมา

“หลังจากที่ฉันกลับไปแล้ว ลูเซียส…….เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า” ชายผมดำพูดขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจพลางมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาสีดำที่มีแววแห่งความกังวลแฝงอยู่ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอนั้นดูตกใจระคนหวาดกลัว และความกลัวที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเธอซึ่งแสดงอาการที่มากกว่าลำบากใจออกมานั้นก็ทำให้สเนปมั่นใจในทันทีที่ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าคงเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่เมื่อวานนั้นถูกต้อง รวมทั้งท่าทีของหญิงสาวที่แสดงออกมาในตอนนี้ยังบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังหวาดกลัวเมื่อเขาถามเธอถึงเรื่องที่เกิดขึ้น!



ใช่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่กลัว แต่ความกลัวที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของเธอในตอนนี้นั้นไม่ใช่ความหวาดกลัวในเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอก่อนหน้านี้ หากแต่เป็นความกลัวที่ว่าอดีตอาจารย์ของเธอจะมารับรู้เรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นเหล่านั้นต่างหาก เรื่องที่เธอถูกลูเซียส มัลฟอยสามีของเธอเองขืนใจ! และถึงแม้ว่าในตอนแรกหญิงสาวต้องการจะพูดคุยหรือระบายกับใครซักคนในเรื่องนี้มากก็ตาม แต่เมื่อเอาเข้าจริงแล้วเธอก็ไม่อาจจะปล่อยให้อดีตอาจารย์ของเธอล่วงรู้เรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอได้ และถึงแม้ว่าตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่จะดูออกว่าสเนปสามารถเดาเรื่องราวทั้งหมดออกได้อย่างไม่ยากก็ตาม แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะเอ่ยปากบอกเขาไปได้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่เขาออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว ถึงแม้เธอจะสังเกตเห็นแววห่วงใยอยู่ในดวงตาสีดำที่กำลังมองมาทางเธอก็ตาม และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเลือกที่จะเบือนหน้าหนีชายตรงหน้าเสีย หญิงสาวหันหน้าหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเธออย่างค้นหาคำตอบของสเนปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พร้อม ๆ กับที่เธอรู้สึกถึงน้ำตาใสที่ไหลคลอเอ่อดวงตาของเธอเอง

แม้ว่าจะพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมาก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้เลยเมื่อน้ำตาอุ่น ๆ ของเธอไหลอาบแก้มเนียนอย่างช้า ๆ และเมื่อเธอไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมาได้แบบนี้ เธอจึงเลือกที่จะเบือนหน้าหนีสเนป มือเล็กยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเบา ๆ และการที่หญิงสาวร้องไห้ออกมาโดยไม่บอกกล่าวนั้นก็สามารถย้ำเตือนให้สเนปแน่ใจได้แล้วว่ามันน่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่สามีของเฮอร์ไมโอนี่จับได้ว่าพวกเขาลักลอบพบกัน เพราะดูจากท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าของเขาแล้วนั้นมันสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเธอคงต้องผ่านเรื่องที่เลวร้ายอย่างมากมาเป็นแน่

และเมื่อเห็นว่าร่างเล็กของอดีตลูกศิษย์กำลังสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น (จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเธอพยายามเป็นอย่างมากที่จะกลั้นน้ำตาของตัวเองไม่ให้ไหลออกมา) อยู่นั้น สเนปก็ตัดสินใจที่จะยื่นมือของเขาไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับที่เขาพูดออกมา

“มิสเกรนเจอร์.....” สเนปเรียกชื่อเธอ หากแต่หญิงสาวก็ไม่ได้หันออกมาแต่อย่างใด และแม้ว่าเขาพยายามที่จะจับไหล่บอบบางของเธอเพื่อให้ร่างเล็กนั้นหันกลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้งอย่างนุ่มนวลก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดของเธอนั้นแกะมือใหญ่ของชายผมดำออกจากไหล่ของเธอ แต่ผลจากการกระทำนั้นกลับกลายเป็นว่ามันเป็นการเปิดโอกาสให้สเนปเห็นร่องรอยสีแดงที่เกิดจากเชือกเวทย์มนต์บนข้อมือของเธอซึ่งในตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีที่คล้ำขึ้นซึ่งมันทำให้รอยดังกล่าวชัดเจนขึ้นเมื่อมันปรากฏอยู่บนผิวขาวนวลเนียนของเฮอร์ไมโอนี่ และเมื่อเห็นเช่นนั้นอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาจึงตัดสินใจที่จะใช้มือใหญ่ของเขาจับเข้าที่ข้อมือเล็กของหญิงสาวอย่างระมัดระวัง หากแต่ก็รวดเร็วจนเธอไม่สามารถปฏิเสธการกระทำของเขาได้เมื่อเขาพลิกข้อมือของเธอขึ้นมาดูพร้อมกับสำรวจรอยแผลนั้นด้วยความสนใจราวกับเขาต้องการพิสูจน์ว่ารอยแผลนี้มาจากสาเหตุใด ส่วนทางด้านเฮอร์ไมโอนี่นั้นเมื่อเธอไม่สามารถห้ามปรามการกระทำของสเนปได้เธอก็ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างอับอายที่ชายตรงหน้าต้องมารับรู้เรื่องราวที่น่าอายของเธอแบบนี้

หลังจากสำรวจรอยแผลของเธออยู่ไม่นานสเนปก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำของเขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเห็นใจอย่างไม่มีการปกปิดแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะพูดขึ้น

“เขาทำแบบนี้กับเธอหรือ” ชายผมดำถาม

แม้ว่ามันจะเป็นคำถามสั้น ๆ รวมทั้งเป็นสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าสเนปรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ออกไปตรง ๆ ได้นอกจากจะพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าเพื่อหลบสายตาอดีตอาจารย์ของเธอ และถึงหญิงสาวจะพยายามอย่างมากที่จะปกปิดความอ่อนแอของเธอไม่ให้ชายตรงหน้าได้เห็น แต่เธอก็ไม่อาจจะปิดบังภาพน้ำตาหยดใหม่ที่ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอจากสายตาของสเนปได้เลย

และเมื่อได้รับคำตอบที่เขาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ชายผมดำจึงถามต่อ

“แล้วเขาได้ทำร้ายเธอหรือเปล่า ฉันหมายถึงด้วยวิธีอื่นน่ะ” เพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองสเนป แววปวดร้าวฉายชัดอยู่ในดวงตาของเธอ หญิงสาวไม่รู้ว่าเธอควรจะตอบคำถามนี้ออกไปอย่างไรดี เพราะถึงแม้เธอจะพอเข้าใจว่าสิ่งที่อดีตอาจารย์ของเธอถามนั้นมีความหมายว่านายมัลฟอยได้ทำร้ายเธอทางร่างกายด้วยวิธีอื่นนอกจากสิ่งที่เขาเห็นหรือไม่ ซึ่งถ้าเขาต้องการคำตอบแค่นั้นหญิงสาวก็คงจะต้องตอบออกไปได้ว่าไม่ใช่ แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่นายลูเซียสได้ทำลงไปกับเธอก่อนหน้านี้นั้นก็นับได้ว่าเป็นการ ‘ ทำร้าย ’ เธออย่างแสนสาหัส แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือทำอันตรายหรือสาปเธอด้วยคาถาต้องห้ามต่าง ๆ ก็ตาม แต่การกระทำของเขาก็นับว่าเป็นการทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก และเมื่อมันเป็นเช่นนี้เฮอร์ไมโอนี่ควรจะตอบชายตรงหน้าออกไปว่าอย่างไรเล่า เธอควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟังดีหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่เธอน่าจะไว้ใจได้ในตอนนี้ แต่ถึงกระนั้นเธอจะสามารถพูดออกไปได้จริง ๆ น่ะหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอจะต้องการเล่าให้สเนปฟังจริงหรือว่านายลูเซียสข่มเหงรังแกเธออย่างไรบ้าง และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงไม่สามารถตอบคำถามของชายตรงหน้าออกไปได้เลย

และเมื่อเห็นว่าอดีตลูกศิษย์ของเขาไม่ยอมพูดอะไรออกมา สเนปจึงขยับเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่อีกจนกระทั่งร่างของทั้งสองนั้นอยู่ใกล้กันมากพร้อมกับพูดขึ้นอย่างสุขุมหากแต่ฟังดูลังเล

“ถ้าเธอไม่อยากเล่าฉันก็ไม่อยากจะเซ้าซี้เธอนะ มิสเกรนเจอร์” เขาพูด “แต่เธอก็น่าจะรู้ดีนะว่าตอนนี้ความลับของฉันรวมทั้งแผนการของดัมเบิลดอร์อยู่ในมือของเธอด้วยเช่นกัน และสิ่งที่ฉันกังวลเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ก็คือความปลอดภัยของความลับนี้ ดังนั้นฉันก็มีสิทธิที่จะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอ ในกรณีที่มันอาจจะเสี่ยงต่อการทำให้ความลับของฉันถูกเปิดเผย แต่ถ้าเธอไม่ต้องการจะเล่าจริง ๆ ฉันก็จะใช้วิธีพินิจใจเธอเอง ที่เธอต้องทำก็คือแค่ยอมให้ฉันเจาะเข้าไปในใจเธอเท่านั้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หากแต่มีแววอึดอัดใจปรากฏชัดอยู่ในดวงตาสีดำที่มักจะไม่แสดงความรู้สึกของเขาราวกับเขารู้ดีว่าเขาไม่ควรจะเอ่ยปากพูดในสิ่งที่เขาเพิ่งบอกเฮอร์ไมโอนี่ไปออกมา



และเพราะคำพูดนั้นของสเนปเองที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าของเขาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อดีตอาจารย์ของเธอเพิ่งพูดมาเมื่อครู่ ดวงตาสีน้ำตาลมีแววเจ็บปวด และถึงแม้ว่าเธอจะพยายามเป็นอย่างยิ่งเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาของเธอนั้นไหลออกมาอีกระลอก แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะห้ามตัวเองได้เลยเมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้ของสเนป!

แม้หญิงสาวจะรู้ดีว่าความลับของสเนปนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งชีวิตของเขา เพราะถ้าหากความลับนี้ถูกเปิดเผยออกไปหรือล่วงรู้ไปถึงหูของจอมมารเมื่อใดล่ะก็มันก็เท่ากับชีวิตของชายผมดำได้จบสิ้นลงเสียแล้ว แต่ถึงจะรู้ถึงความสำคัญรวมถึงผลร้ายแรงที่จะตามมาหากความลับที่สเนปตั้งใจเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดถูกเปิดเผยออกไปก็ตาม บวกกับการที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็เป็นคนขอไม่ให้อดีตอาจารย์ของเธอลบความทรงจำเธอซึ่งส่งผลให้เธอต้องกลายมาเป็นผู้รู้เห็นรวมถึงผู้ร่วมรักษาความลับที่แสนจะมีค่านี้ด้วย แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ถึงความลับดังกล่าวจะมีค่ามากเพียงใดก็ตาม แต่มันก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่อาจจะทำใจที่จะทำลงไปเพื่อช่วยรักษาความลับนี้ได้ และเธอก็ไม่อาจทำใจได้เลยที่จะต้องเปิดเผยเรื่องราวที่น่าอดสูที่เกิดขึ้นกับเธอให้ชายผมดำได้รับรู้ เรื่องที่นับว่าเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงอย่างเธอ!

ดังนั้นหลังจากที่สเนปเอ่ยข้อเสนอของเขาออกไปนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกไปได้นอกจากจะยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้นราวกับเธอกำลังรอคอยให้ถ้อยคำที่ชายผมดำพูดออกมานั้นซึมเข้าสู่ระบบการรับรู้ของเธออย่างช้า ๆ ดวงหน้างามแสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความอึดอัดและลำบากใจมากกว่าอะไรทั้งหมดออกมา ขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอมองไปยังชายตรงหน้าอย่างอ้อนวอนระคนตัดพ้อ แต่หลังจากเสียเวลาไปกับการตกใจรวมทั้งพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวของสเนปอยู่ครู่หนึ่งแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แห้งผากว่า

“ถ้าอาจารย์เห็นว่าฉันทำให้ความลับของอาจารย์เสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยขนาดนี้ อาจารย์ก็ลบความทรงจำของฉันเถอะค่ะ ฉันยอมให้อาจารย์ลบความทรงจำของฉันดีกว่าจะต้องให้อาจารย์มารับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้” เธอพูดอย่างหนักแน่น แม้ว่าเสียงเล็ก ๆ ของเธอนั้นจะฟังดูแห้งผากและเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมมากก็ตาม หากแต่ดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังมองไปยังชายตรงหน้าก็บอกเขาว่าเธอพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ราวกับว่าเธอได้ผ่านเรื่องที่เลวร้ายที่สุดไปแล้วดังนั้นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้นั้นไม่ว่ามันจะเลวร้ายสักแค่ไหน มันก็คงไม่มีทางเลวร้ายไปกว่าเรื่องที่เธอได้เผชิญมาก่อนหน้านี้เป็นแน่ ส่วนทางด้านสเนปนั้นเขาก็จ้องมองอดีตลูกศิษย์ของเขาด้วยแววพิจารณา ดวงตาสีดำของเขามีแววครุ่นคิดอยู่เพียงครู่เดียวก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า

“ฉันบอกเธอแล้วไง เกรนเจอร์ ว่าฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะฉันตั้งใจที่จะมาลบความทรงจำของเธอ” เขาพูดด้วยท่าทีสุขุม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาด้วยความแปลกใจกับคำพูดนั้น แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเมื่อเธอเห็นว่าสเนปเริ่มพูดต่อ

“อันที่จริงฉันก็พอจะเดาออกอยู่บ้างว่าเธอคงเพิ่งผ่านเรื่องที่เลวร้ายมา” เขากล่าว “แล้วฉันก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับเธอหลังจากที่ฉันกลับไปแล้ว” สเนปพูด และเพราะคำพูดนั้นของเขา รวมทั้งแววตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ซึ่งมันแสดงออกมาอย่างไม่มีการปิดบังหรือเสแสร้งเหมือนตอนที่พวกเขาต้องทำเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกคลายความไม่พอใจกับคำขอของชายผมดำเมื่อครู่ลงไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่สเนปได้ทำสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน เมื่อสายตาของเขาเลื่อนไปยังข้อมือเล็กที่กำลังจับกันอยู่ของเธอก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ฉันสามารถรักษาแผลนั่นให้เธอได้นะ ถ้าเธอต้องการ” เขาเสนอ ท่ามกลางความแปลกใจของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขา แต่หลังจากเสียเวลาครุ่นคิดอยู่ได้ไม่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็ตอบออกไป

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอกล่าวพลางเลื่อนมือข้างหนึ่งไปสัมผัสรอยของเชือกเวทย์มนต์ที่อยู่บนแขนข้างหนึ่งของเธอเบา ๆ แต่ถึงจะลองสัมผัสมันอย่างแผ่วเบาเท่าไหร่หญิงสาวก็รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บที่แล่นผ่านผิวเนื้อที่บอบช้ำของเธออยู่ดี

“ถ้าคุณรักษาแผลให้ฉัน ฉันกลัวว่าเขาจะสงสัยเอาน่ะค่ะ” เธอพูดออกมาพลางหลบสายตาของอดีตอาจารย์ แต่ถึงแม้หญิงสาวจะพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อสามีของเธอซึ่งเปรียบเสมือนถ้อยคำที่ทิ่มแทงจิตใจของเธอในตอนนี้ออกมา หากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าการพูดถึงนายลูเซียสแม้จะเป็นการใช้สรรนามเรียกแทนชื่อว่า ‘ เขา ’ แทนก็กลับทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดได้อยู่ดี

และเมื่อเห็นว่าอดีตลูกศิษย์ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาด้วยเหตุผลที่สมควรอยู่ไม่น้อย สเนปก็พยักหน้าเบา ๆ อย่างเห็นด้วยกับเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งซึ่งในครั้งนี้เขาต้องการพาเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปสู่เรื่องสำคัญที่เขาต้องการจะพูดกับเธอ ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่เขายอมเสี่ยงมาที่คฤหาสน์นี้อีกครั้งเสียที

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอคุยธุระของฉันให้เสร็จเลยแล้วกัน” เขาเริ่มพูด และเมื่อชายผมดำเห็นว่าหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยท่าทีสนใจสเนปก็พูดต่อ “จริงอยู่ว่าฉันมาที่นี่เพราะว่าฉันกังวลในความปลอดภัยของความลับของฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีจุดประสงค์ที่จะลบความทรงจำของเธอในตอนนี้” เขากล่าว ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่เริ่มกลับมามีสติดังเดิมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย และก่อนที่อดีตอาจารย์ของเธอจะพูดต่อเธอก็ขัดขึ้นเสียก่อน

“ทำไมล่ะคะ” เธอถามพลางมองเขาด้วยแววตาที่แสดงความสงสัยใคร่รู้ และเมื่อเห็นเช่นนั้นสเนปก็รู้สึกแน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขานั้นได้กลับมาเป็นเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์คนเดิมเสียแล้ว เพราะเธอได้แสดงถึงความสงสัยที่เธอมีอยู่เต็มเปี่ยมออกมาอย่างชัดเจนผ่านดวงตาสีน้ำตาลที่เขาคุ้นเคยดีของเธอ รวมทั้งนิสัยที่ชอบถามอะไรออกมาในทันทีโดยไม่สนใจว่าเธอจะขัดจังหวะการพูดของอีกฝ่ายหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่สเนปรู้จักดีมาตั้งแต่ตอนที่เขาสอนหนังสือเธอในปีแรกด้วยซ้ำ แต่ถึงชายผมดำจะไม่ชอบนิสัยนี้ในตัวของเฮอร์ไมโอนี่เมื่อตอนที่เธอเป็นนักเรียนของเขามากเท่าใดนัก แต่เขาก็ไม่ได้จะว่ากล่าวหรือตักเตือนเธอในตอนนี้ออกไปแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเซเวอร์รัสกลับตอบคำถามของเธอออกไปเรียบ ๆ ว่า

“ฉันมีเหตุผลของฉันก็แล้วกัน” เขาบอกก่อนจะรีบพูดประโยคต่อไปขึ้นมาในทันทีราวกับเขากลัวว่าจะถูกเธอขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง

“อันที่จริงฉันค่อนข้างแน่ใจว่าความลับของฉันยังปลอดภัยอยู่ในตอนนี้ เพราะดูเหมือนว่าลูเซียสน่าจะปักใจเชื่อเรื่องที่เขาเชื่อเมื่อวานอยู่” สเนปพูดพลางนึกถึงใบหน้าของชายผมบลอนด์เมื่อพวกเขาพบกันที่ศูนย์บัญชาการศาสตร์มืดเมื่อเช้าของวันนี้ ซึ่งอากัปกิริยาของนายมัลฟอยที่แสดงออกมาเมื่อเห็นหน้าเขานั้นบอกชายผมดำเป็นอย่างดีว่านายลูเซียสยังคงโกรธเคืองเขาอยู่ในเรื่องที่เกิดขึ้น หากแต่เรื่องที่ทำให้นายมัลฟอยไม่พอใจสเนปจนถึงกับมองเขาด้วยท่าทีเดียดฉันท์เมื่อทั้งสองเดินสวนทางกันในศูนย์บัญชาการศาสตร์มืดต่อหน้าผู้เสพความตายจำนวนมากนั้นกลับเป็นเรื่องที่ชายผมดำลักลอบเข้ามาพบภรรยาของชายผมบลอนด์ถึงที่คฤหาสน์ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เขาแอบเป็นสายลับให้กับดัมเบิลดอร์แต่อย่างใด

“ดังนั้นฉันจึงเห็นว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องลบความทรงจำของเธอในตอนนี้” สเนปพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้พูดขัดหรือถามอะไรออกมา ตรงกันข้ามเธอกลับปล่อยให้อดีตอาจารย์ของเธอพูดต่อ

“แต่ฉันก็คิดว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เราไม่อาจจะติดต่อหรือพบกันได้บ่อย ๆ แล้ว ดังนั้นฉันจึงมาที่นี่เพื่อเอาสิ่งนี้มาให้เธอ” ชายผมดำพูดก่อนจะดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเขา ซึ่งหญิงสาวมองเห็นว่ามันเป็นตำราวิชาแปลงร่างธรรมดา ๆ เล่มหนึ่ง และเมื่อเห็นว่าอดีตลูกศิษย์มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเขาจึงอธิบายต่อ

“ภายนอกมันอาจจะดูเหมือนตำรา แต่ข้างในมันเป็นสมุดบันทึกที่ลงคาถาไว้” เขากล่าวพลางพลิกให้หญิงสาวดูภายในหนังสือเล่มนั้นที่มีลักษณะเหมือนสมุดบันทึกที่ว่างเปล่าเล่มหนึ่งเท่านั้น “ฉันเสกคาถาไว้ให้มันเชื่อมต่อกับเล่มที่ฉันมี ดังนั้นถ้าหากเธอต้องการติดต่อฉันเธอก็แค่เขียนลงในสมุดเล่มนี้มันก็จะไปปรากฏขึ้นที่เล่มของฉัน เราสามารถใช้มันโต้ตอบจดหมายกันได้อย่างปลอดภัย” เขาอธิบาย ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยื่นมือมารับสมุดบันทึกเล่มดังกล่าวจากมือของสเนปไปสำรวจดูเบา ๆ แม้มันจะฟังดูเป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับใช้ติดต่อกันก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้สึกว่ามันมีช่องโหว่อยู่ในสิ่งที่อดีตอาจารย์ของเธออธิบายไป

“แล้วคนอื่นจะมองไม่เห็นข้อความที่เราเขียนถึงกันหรือเปล่าคะ” เธอถามพลางเงยหน้ามองชายผมดำ

“ฉันร่ายคาถาไว้ให้คนที่จะมองเห็นข้อความภายในสมุดบันทึกนี้ได้มีเพียงแค่เธอกับฉันเท่านั้น ถ้าเป็นคนภายนอกมาอ่านมันก็จะเห็นมันเป็นแค่ตำราวิชาแปลงร่างธรรมดา ๆ ” เขาอธิบาย ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่เธอจะถามต่อ

“แต่มันจะปลอดภัยหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล และเมื่อเธอเห็นว่าอดีตอาจารย์ของเธอกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอจึงพูดต่อว่า

“ฉันหมายความว่าถ้ามีคนอื่นมาเห็นฉันกำลังเขียนอะไรอยู่ในตำราวิชาแปลงร่าง พวกเขาจะไม่สงสัยเลยหรือคะว่าฉันมาจดข้อความอะไรลงในตำราเล่มนี้ อีกอย่างฉันก็ไม่แน่ใจด้วยว่าในห้องสมุดของที่นี่จะมีหนังสือเล่มนี้อยู่หรือเปล่า” เธอถาม และคำถามของเธอก็แสดงออกถึงความคิดที่รอบบคอบและเฉลียวฉลาดของเธอออกมา แต่ในขณะเดียวกันมันก็บ่งบอกวว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นระมัดระวังตัวมากเพียงใดในตอนนี้ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายกับเธอขึ้นโดยที่ส่วนหนึ่งหญิงสาวก็ยอมรับว่ามันมาจากความประมาทของเธอเองด้วยที่ไปเลือกพูดคุยกับสเนปในที่ ๆ สามีของเธอสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าไปจนเขามาพบพวกเธอเข้าแบบนี้ และหลังจากได้เรียนรู้ว่าผลจากการกระทำที่ผิดพลาดนั้นสามารถส่งผลร้ายแรงต่อตัวเธอมากแค่ไหนแบบนี้แล้ว หญิงสาวจึงคอยเตือนตัวเองให้รอบคอบขึ้นเป็นสองเท่านับตั้งแต่วันนี้

“ฉันว่าเธอไม่ควรต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก เพราะฉันเสกปกหนังสือเล่มนี้ให้เหมือนกับตำราวิชาแปลงร่างที่ทุกบ้านควรจะต้องมี แล้วข้างในนั้นก็มีจะแบบฝึกหัดรวมทั้งพื้นที่สำหรับจดโน๊ตย่อ ฉันคิดว่าหากมีใครเข้ามาเห็นเธอเขียนบันทึกเล่มนี้อยู่เธอก็สามารถบอกเขาได้ว่าเธอกำลังจดโน๊ตย่อลงไปในหนังสือ ซึ่งฉันก็ได้ร่ายคาถาให้มันแสดงให้คนอื่นเห็นเป็นแบบนั้นไว้แล้วด้วย” สเนปตอบขึ้นมาในทันที ซึ่งคำตอบของเขาบ่งบอกว่าชายผมดำเตรียมการในเรื่องนี้มาอย่างดีเพียงใด และเมื่อเห็นเช่นนั้นอดีตลูกศิษย์ของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะหยิบหนังสือเล่มที่ชายผมดำส่งให้มากอดไว้กับอก

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะถือว่าเราเข้าใจกันแล้วนะว่าต่อไปเราจะติดต่อกันผ่านบันทึกเล่มนี้” อดีตอาจารย์สอนวิชาปรุงยาพูดขึ้นเมื่อเขาเห็นท่าทีของหญิงสาวตรงหน้า และเมื่อเขาเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้โต้แย้งอะไรออกมาเขาก็พูดต่อ

“อันที่จริงฉันมีเรื่องอื่นที่จะต้องพูดกับเธออีก แต่ฉันคิดว่าเราน่าจะติดต่อกันผ่านสมุดเล่มนี้ได้เพราะฉันคงจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว” สเนปพูดอย่างสุขุม และแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาจะสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าชายผมดำนั้นมีธุระอื่นใดที่จะต้องพูดคุยกับเธออีก หากแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากถามเขาออกไปในตอนนี้ ตรงกันข้ามเฮอร์ไมโอนี่กลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดที่ว่าเขาไม่อาจจะอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ไปได้นานมากกว่านี้อีกแล้ว



และเมื่อเป็นเช่นนั้นหลังจากที่สเนปได้พูดคุยธุระของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงหันมาหารือกันว่าสเนปจะออกไปจากคฤหาสน์มัลฟอยโดยใช้วิธีใดดี แน่นอนว่าการกุญแจนำทางนั้นดูจะเป็นวิธีที่ง่ายดายที่สุด เพราะชายผมดำสามารถใช้กุญแจนำทางหายตัวออกไปจากคฤหาสน์ในห้องนอนแห่งนี้ได้เลยโดยที่เขาไม่ต้องไปปรากฏตัวที่ส่วนอื่นของคฤหาสน์ซึ่งเป็นการเสี่ยงให้เอลฟ์ตัวอื่นนอกจากทิสซี่เห็นสเนปในคฤหาสน์ในเวลาที่นายมัลฟอยไม่อยู่แบบนี้

แต่แม้ว่ากุญแจนำทางดูจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและง่ายดายที่สุดก็ตาม แต่ทั้งสเนปและเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าการใช้กุญแจนำทางนั้นมีข้อเสียรวมทั้งเสี่ยงอันตรายไม่น้อย เนื่องจากประการแรก กุญแจนำทางนั้นเป็นเวทย์มนต์ที่สามารถตรวจจับร่องรอยได้ง่ายกว่าการใช้ผงฟลูมากนัก อีกประการหนึ่งก็คือ ถ้าหากสเนปใช้กุญแจนำทางออกจากคฤหาสน์ไปและทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ให้อยู่คนเดียวในตอนนี้ หญิงสาวที่ไม่มีไม้กายสิทธิ์นั้นก็ไม่สามารถร่ายคาถาแปลงความทรงจำใส่ทิสซี่ซึ่งเป็นเอลฟ์ที่ล่วงรู้ว่าเซเวอร์รัส สเนปได้มาพบเธอที่คฤหาสน์ในวันนี้ได้ ครั้นจะให้เฮอร์ไมโอนี่เรียกทิสซี่เข้ามาในห้องนอนแห่งนี้แล้วให้สเนปร่ายคาถาแปลงความทรงจำมันเสียก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะเอลฟ์น่าจะสงสัยตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าทำไมนายหญิงของมันและชายผมดำจึงเข้ามาในห้องนอนเก่าของนายหญิงคนก่อนที่นายท่านของบ้านหลังนี้สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าไป และเพราะเหตุผลที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ทำให้ทั้งสองลงความเห็นกันว่าการที่สเนปจะใช้กุญแจนำทางเดินทางออกไปจากคฤหาสน์มัลฟอยนั้นเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงอยู่มากทีเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงลงความเห็นกันว่าสเนปน่าจะใช้ผงฟลูเพื่อออกไปจากคฤหาสน์มากกว่า และเมื่อทั้งสองรู้ดีว่าไม่ใช่เตาผิงทุกอันในคฤหาสน์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายผงฟลู แต่ก็มีเตาผิงอยู่อันหนึ่งที่ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และสเนปมั่นใจว่ามันเชื่อมต่อกับเครือข่ายผงฟลู เพราะมันเป็นเตาผิงที่ชายผมดำนั้นถูกบังคับให้ใช้มันเพื่อเดินทางออกจากคฤหาสน์มัลฟอยเมื่อวานหลังจากที่นายลูเซียสเข้ามาพบว่าทั้งสองนั้นลักลอบพบกันในห้องทำงานของเขาเองนั่นเอง ดังนั้นทั้งสองจึงลงความเห็นว่าชายผมดำควรจะใช้เตาผิงในห้องสมุดเพื่อเดินทางออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้



หลังจากที่หารือกันเพิ่มเติมเล็กน้อย ทั้งสเนปและเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจว่าชายผมดำจะให้เตาผิงที่อยู่ในห้องสมุดสำหรับเดินทางออกไปจากคฤหาสน์ด้วยผงฟลูที่เขาเตรียมติดตัวมาด้วย แต่ก่อนที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่นั้นเขาจำเป็นต้องแปลงความทรงจำของทิสซี่เสียก่อนเพื่อให้มันลืมเลือนเรื่องที่เขาเคยมาเหยียบคฤหาสน์มัลฟอยในวันนี้เสียเพื่อที่มันจะไม่สามารถเอาเรื่องที่เขามาขอเจอนายหญิงของมันไปบอกนายลูเซียสซึ่งเป็นนายท่านของบ้านหลังนี้ได้ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นทั้งสองก็พากันเดินออกจากห้องนอนเก่าของนางนาร์ซิสซาในทันที โดยที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนเดินออกไปสำรวจบริเวณระเบียงหน้าห้องก่อน และเมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าทั้งระเบียงทางเดินนั้นว่างเปล่าไร้วี่แววของเอลฟ์ตัวใดก็ตามที่จะมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในเวลานั้น เธอก็รีบบอกอดีตอาจารย์ของเธอให้ออกมาจากห้องดังกล่าวก่อนที่ทั้งสองจะตรงไปยังห้องสมุดที่อยู่ไม่ไกลนักในทันที

แต่ถึงทั้งสองจะระมัดระวังตัวเพียงใดก็ตามการเคลื่อนไหวของทั้งคู่นั้นก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองพวกเขามาจากอีกชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ได้ เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากห้องนอนของนางนาร์ซิสซาร์มาสู่ระเบียงทางเดินของชั้นสาม เดรโก มัลฟอยมองภาพอดีตอาจารย์ผู้เป็นเพื่อนเก่าแก่ของพ่อของเขาเดินอย่างรีบเร่งไปตามทางเดินคู่กับแม่เลี้ยงคนใหม่ที่เขาไม่เคยยอมรับเลยแม้แต่น้อยด้วยดวงตาที่ราวกับจะลุกเป็นไฟ!



…………………………………………….




มีต่อ PART III ค่ะ




Create Date : 06 พฤษภาคม 2556
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 17:22:21 น. 1 comments
Counter : 1090 Pageviews.

 
มีเห็นซะแล้ว


โดย: No name IP: 1.46.76.128 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2562 เวลา:21:16:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.