Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 14 The Jealousy PART II





เฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อของเธอ รวมทั้งหญิงสาวยังสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างมาแตะที่แขนของเธอเบา ๆ ขณะที่เธอค่อย ๆ ลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งเนื่องจากการอดนอนของตัวเองขึ้นมา และภาพแรกที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอก็คือภาพที่ดูเลือนลางไม่น้อยแต่ก็พอจะดูออกได้ว่าเป็นภาพใบหน้าของลูเซียส มัลฟอย สามีของเธอเอง และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาอีกสองสามครั้งเธอก็สามารถมองภาพตรงหน้าได้ชัดขึ้น และพบว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นคือนายลูเซียสที่แต่งตัวด้วยชุดพ่อมดอย่างเต็มยศซึ่งเขากำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนข้าง ๆ เธอ มือใหญ่ที่สวมถุงมือของเขาเขย่าแขนเล็กของหญิงสาวเบา ๆ พลางเรียกชื่อของเธอ
“ตื่นได้แล้วที่รัก นี่สายมากแล้ว” ชายผมบลอนด์พูดขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามยันกายขึ้นจากที่นอนพร้อมกับขยี้ตาที่ยังไม่ยอมลืมดีนักของเธอ
“นี่มันกี่โมงแล้วคะ” หญิงสาวถามขึ้นหลังจากที่เหลือบไปมองทางหน้าต่าง ซึ่งจากการคาดเดาของเธอมันคงเป็นเวลาสายมากแล้วเป็นแน่ แต่ก่อนที่เธอจะได้หันไปมองนาฬิกาที่วางอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ร่างตรงหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ก็ตอบคำถามของเธอออกมาเสียก่อน

“เก้าโมงกว่าแล้ว เธอพลาดอาหารเช้าไปแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติราวกับเขาต้องการจะบอกเวลากับหญิงสาวมากกว่าที่จะตำหนิเรื่องที่เธอตื่นสาย ตรงกันข้ามกับเฮอร์ไมโอนี่ที่มีท่าทีตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองนอนตื่นสายขนาดนี้

“ตายจริง” หญิงสาวอุทานออกมาพร้อมกับที่ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอหันไปดูนาฬิกาเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง และหลังจากที่เห็นว่ามันบอกเวลาเก้าโมงยี่สิบนาทีแล้ว เธอจึงรีบขยับตัวเพื่อที่จะลุกขึ้นจากเตียง แต่นายลูเซียสกลับรั้งแขนของภรรยาไว้ก่อนพลางมองเธอด้วยแววตาที่บอกให้เธอนั่งอยู่กับที่บนเตียงไปก่อน และขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองชายตรงหน้าด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความสงสัยนั้น ชายผมบลอนด์ก็พูดขึ้น

“เธอไม่ต้องรีบลุกก็ได้ ฉันบอกให้เอลฟ์เก็บอาหารไว้ให้เธอแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันเห็นว่าเธอหลับอยู่ก็เลยไม่อยากปลุก” เขากล่าวเรียบ ๆ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งมีโอกาสได้สำมองรวจร่างตรงหน้าอย่างชัดเจนก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น

“คุณจะออกไปข้างนอกหรือคะ” เธอถามหลังจากที่เห็นว่าสามีของเธอสวมเสื้อคลุมสำหรับออกไปนอกบ้าน รวมทั้งอีกมือหนึ่งของเขาก็ถือไม้เท้าที่มีหัวรูปงูซึ่งใช้ซ่อนไม้กายสิทธิ์ของเขาเอาไว้ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใช้มันเวลาอยู่บ้านเท่าไหร่นัก

“ฉันมีธุระบางอย่างที่ต้องไปทำน่ะ แต่ฉันคิดว่าฉันน่าจะกลับมาทานอาหารเย็นกับเธอได้” เขาพูด แต่เพราะคำพูดของเขามันกลับยิ่งทำให้หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาที่สงสัยมากกว่าเดิม

“คุณจะไปทำธุระอะไรเหรอคะ” เธอถามออกมาตามตรง และเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้รับคำตอบจากคำถามของเธอเป็นรอยยิ้มที่ดูรู้ทันของนายลูเซียส ราวกับเขาคิดไว้ก่อนอยู่แล้วว่าเธอจะต้องถามเขาเช่นนี้

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่งานน่าเบื่อบางอย่างเท่านั้นเอง” เขาตอบอย่างกำกวม ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นมาประคองใบหน้าของภรรยาไว้ “อันที่จริงเธอน่าจะพักผ่อนซะหน่อยนะที่รัก หน้าของเธอซีดมากทีเดียว ดูเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนไม่มีผิด” เขาพูดขณะที่สายตาของเขาพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวที่ดูขาวซีดเนื่องจากเมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้หลับเลย

“ฉัน......ฉันสบายดีค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนจะเบือนหน้าเพื่อหลบสายตาที่ดูรู้ทันของร่างตรงหน้า แต่แน่นอนว่าชายผมบลอนด์นั้นไม่ยอมให้เธอหลบตาเขาได้นานเมื่อเขาใช้มือทั้งสองข้างบังคับให้ใบหน้าของเธอหันกลับมาหาเขาอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้น

“เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับอย่างนั้นหรือ ที่รัก เธอมีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่า” เขาถามราวกับเขาเป็นสามีที่เป็นห่วงภรรยาของตนมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่านายลูเซียสนั้นมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ในคำถามของเขา เพราะหญิงสาวคิดว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ชายผมบลอนด์ถามคำถามนี้กับเธอนั้นเพื่อต้องการดูปฏิกิริยาของเธอมากกว่าที่เขาจะห่วงใยเธออย่างแท้จริง

“ไม่นี่คะ” ร่างเล็กตอบออกมาแทบจะในทันที พร้อมกับทำหน้าราวกับตอนนี้เธอรู้สึกปกติธรรมดามากที่สุด “แล้วคุณไม่รีบออกไปข้างนอกเหรอคะ เดี๋ยวจะสายเอานะคะ” เฮอร์ไมโอนี่เตือนเขาและนายลูเซียสก็ยิ้มบาง ๆ กับคำพูดนั้นของเธอ แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเธอพูดแบบนี้ออกมาเพื่อต้องการเปลี่ยนบทสนทนาของทั้งสองให้ไปในทิศทางอื่นไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นห่วงว่าเขาจะไปทำธุระสายแต่อย่างใด พอ ๆ กับที่หญิงสาวรู้ดีว่าคำพูดของเขาก่อนหน้านี้มีจุดประสงค์ใดแอบแฝงอยู่บ้าง แต่ถึงแม้ทั้งคู่จะต่างรู้สิ่งที่อยู่ในใจของอีกฝ่าย แต่เขาและเธอก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงที่ตนเองล่วงรู้ออกมาแต่อย่างใด

ชายผมบลอนด์ยิ้มให้กับความพยายามในการเปลี่ยนเรื่องคุยของหญิงสาวตรงหน้า เขามองเธออย่างเอ็นดูระคนขบขันก่อนจะพูดขึ้น

“นั่นสิ ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ ส่วนเธอก็อยู่บ้านทำตัวดี ๆ ล่ะ ถ้าจะลงไปทานอาหารเมื่อไหร่ก็บอกเอลฟ์ พวกมันจะได้จัดสำรับให้เธอ” เขากล่าวพลางทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงที่กำลังนั่งอยู่ แต่เมื่อนายลูเซียสเหลือบไปมองร่างเล็กของภรรยาเขาก็ชะงักการกระทำเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างที่เขาต้องทำก่อนที่จะออกจากบ้าน

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงราวกับจะหลุดจากอกเมื่อชายผมบลอนด์โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ เพราะแม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขามาได้หลายวันแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกว่าเธอสามารถที่จะคุ้นเคยกับสัมผัสของร่างใหญ่ตรงหน้าได้เลย ในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าสามีของเธอจะจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างเช่นที่เขาทำทุกครั้งก่อนจะออกจากบ้าน แต่หลังจากหลับตาลงแล้วหญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงริมฝีปากบางที่สัมผัสแก้มของเธออย่างแผ่วเบา แม้ว่านายลูเซียสจูบภรรยาของเขาที่แก้มอย่างอ่อนโยนก็ตาม แต่การที่เขาถอนใบหน้าออกมาอย่างรวดเร็วรวมทั้งสายตาของเขาที่จ้องมองร่างตรงหน้าซึ่งดูแปลกไปนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในตัวของสามีของเธอที่ได้เปลี่ยนแปลงไป

“ฉันจะกลับมาตอนเย็น ๆ แล้วเจอกันตอนทานอาหารค่ำ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและฟังดูปกติ หากแต่สายตาของเขาที่ใช้มองเธอนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้สึกคุ้นเคยหรือชอบมันเลยแม้แต่น้อย และหลังจากที่พูดจบชายผมบลอนด์ก็หันหลังกลับและเดินไปทางประตูโดยที่ไม่หันกลับมามองร่างเบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย


…………………………………………….


หลังจากที่นายลูเซียสออกจากห้องนอนรวมทั้งออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว และในวินาทีแรกที่หญิงสาวได้เห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเธอก็รู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของสามีก่อนหน้านี้ไม่น้อยที่เขาบอกว่าใบหน้าเธอนั้นซีดเซียวราวกับคนที่อดนอนมาทั้งคืน
ใช่แล้ว ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้ขาวซีดราวกับกระดาษซึ่งมันเป็นผลพวงมากจากการที่เธอนอนไม่หลับเลยแทบจะทั้งคืนที่ผ่านมา โดยเธอจำได้ว่าเธอสามารถนอนหลับได้ก็หลังจากเวลาใกล้รุ่งเช้าไปแล้ว เธอจึงตื่นมาในสภาพที่หน้าตาดูราวกับคนอดนอนแบบนี้

แต่จะให้หญิงสาวหลับลงได้อย่างไรเล่า ในเมื่อมันสมองของเธอนั้นเอาแต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอคิดถึงความลับที่เพิ่งได้รับรู้เข้าโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้เธอยังต้องมากังวลในการหาหนทางที่จะเก็บความลับดังกล่าวให้รอดพ้นจากสายตาของคนอื่นด้วย! ซึ่งถ้าหากเธอไม่สามารถทำได้แล้ว ผลที่ตามมานั้นจะร้ายแรงจนกว่าที่เธอจะสามารถคาดคิดได้อย่างแน่นอน

‘ แต่เธอต้องปิดปากแผลให้สนิทล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันแน่ใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ‘

ถ้อยคำสุดท้ายที่เซเวอร์รัส สเนปบอกเฮอร์ไมโอนี่ไว้นั้นก้องอยู่ในหัวของหญิงสาว แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าสิ่งที่สเนปต้องการจะให้เธอปิดนั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่บาดแผลของเธอแต่อย่างใด แต่มันเป็นความลับของเขาที่เธอได้บังเอิญไปล่วงรู้เข้ามากกว่า แต่ถึงอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเฮอร์ไมโอนี่จะไม่บอกให้เธอปิดเรื่องราวที่เธอไปรู้เห็นเข้าเป็นความลับ หญิงสาวก็จะต้องทำตามที่ชายผมดำต้องการอยู่ดี เพราะอย่างไรก็ตามเธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าการแพร่งพรายความลับของสเนปซึ่งเขาต้องการเก็บมันให้พ้นจากการรับรู้ของผู้อื่นอย่างมากนั้นจะนำผลร้ายมาสู่ทั้งตัวอดีตอาจารย์ของเธอเองและต่อโลกเวทย์มนต์อย่างไรบ้าง

แต่ถึงอย่างนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ดีว่าทำไมสเนปจึงไม่ลบความทรงจำของเธอทิ้งเสียในขณะที่เขามีโอกาส เพราะในตอนที่เขาเข้ามาเจอเธอในตอนที่เธอกำลังดูเพนชิฟซึ่งบรรจุความทรงจำอันเป็นความลับที่เขาต้องการจะเก็บมันให้พ้นจากสายตาคนอื่นมากที่สุดอยู่ เขามีเวลามากพอที่จะลบความทรงจำของเธอเสีย และหลังจากที่เธอจำเรื่องราวที่ได้รับรู้ไม่ได้แล้วนั้นชายผมดำก็ไม่ต้องมากังวลอีกต่อไปว่าความลับของเขาจะถูกแพร่งพรายออกไปหรือไม่

แต่หลังจากใช้เวลาคิดอยู่เพียงครู่เดียว หญิงสาวก็รู้ถึงเหตุผลที่สเนปไม่ได้ลบความทรงจำเธอตั้งแต่ตอนที่เขามาเจอเธอกำลังดูเพนชิฟอยู่ นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาตกใจมากก็เป็นได้ เนื่องจากเขาคงไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครสามารถมาค้นพบความลับที่เขาได้ซุกซ่อนไว้อย่างดีแล้ว ในห้องทำงานที่ลงคาถาล็อคห้องขั้นสูงเกินกว่าที่ ‘ อาโลโฮโมร่า ’ จะสามารถเปิดได้ รวมทั้งช่องเก็บเพนชิฟนั้นก็ถูกรักษาไว้ด้วยรหัสซึ่งก็คือชื่อเล่นของเขาที่มีชื่อว่า ‘ เจ้าชายเลือดผสม ’ ที่เธอเผลอเรียกออกมาเพราะความบังเอิญ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็นึกย้อนไปถึงตอนที่สเนปดึงเธอออกมาจากความทรงจำ ภาพใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธและดวงตาสีดำราวโรจน์ซึ่งดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็นทำให้หญิงสาวตัวสั่นขึ้นมาได้ง่าย ๆ แน่นอนว่าเหตุผลที่เสนปไม่ได้ร่ายคาถาลบความทรงจำใส่เธอตั้งแต่ตอนที่เขามาเจอเธอนั้นคงเป็นเพราะเขามัวแต่ตกใจและโกรธอยู่ และหลังจากที่เขาคาดคั้นเฮอร์ไมโอนี่ว่าเธอเห็นความทรงจำของเขาไปมากแค่ไหนแล้ว ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นนายลูเซียส สามีของหญิงสาวก็เปิดประตูเข้ามาพอดี ซึ่งมันทำให้ชายผมดำไม่มีโอกาสได้ร่ายคาถาลบความทรงจำใส่เธอแต่อย่างใด
และเมื่อคิดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ตัวสั่นขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอนึกถึงภาพสีหน้าที่ดูตกใจระคนโกรธเคืองของชายผมบลอนด์เมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาพบเธอและเพื่อนผู้เสพความตายของเขาอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสองด้วยท่าทีที่ไม่อาจจะเรียกว่าปกติธรรมดาได้ แม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะหวาดกลัวอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาที่กำลังโกรธของเธอมากก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้สึกว่านายลูเซียสที่กำลังโกรธนั้นดูน่ากลัวกว่าสเนปมากนัก เพราะอย่างไรก็ตามในตอนนี้นายมัลฟอยก็เป็นสามีของเธอ รวมทั้งเขายังมีอำนาจที่จะบังคับหรือทำอะไรกับเธอก็ได้ตามที่เขาต้องการอีกด้วย

เมื่อคิดถึงตรงนี้มันยิ่งทำให้ความพยายามในการรักษาความลับของสเนปนั้นพุ่งสูงขึ้นอีกเกือบสองเท่า เพราะหญิงสาวไม่อาจจะล่วงรู้ได้เลยว่าถ้าหากสิ่งที่เธอได้ไปค้นพบเข้าเพราะความอยากรู้อยากเห็นเกินเหตุของเธอนั้นแพร่งพรายไปถึงนายลูเซียสแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แน่นอนว่าชายผมบลอนด์คงจะต้องเอาความลับดังกล่าวไปบอกเจ้านายของเขาอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นชีวิตของเซเวอร์รัส สเนปคงต้องสูญสิ้นไปเป็นแน่ เพราะไม่ว่าอย่างไรจอมมารก็คงไม่มีทางปล่อยให้มีสายลับของดัมเบิลดอร์อยู่ท่ามกลางผู้เสพความตายที่ใกล้ชิดเขาที่สุดอย่างแน่นอน

‘ ไม่ได้! เธอจะยอมปล่อยให้เขาตายไม่ได้ เธอจะปล่อยให้ความลับนี้รั่วไหลไม่ได้! ’

เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินถ้อยคำดังกล่าวก้องอยู่ในหัว และเมื่อได้ข้อสรุปของสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เธอจะต้องทำ รวมทั้งมันเป็นสิ่งเดียวกับที่เซเวอร์รัส สเนปต้องการแล้ว หญิงสาวจึงสูดลมหายใจขึ้นลึก ๆ ก่อนจะวักน้ำขึ้นล้างหน้า และเมื่อเธอมองเข้าในกระจกอีกครั้ง ภาพหญิงสาวที่ดูอ่อนแอและอ่อนแรงคนเดิมก็ได้หายไปแล้ว แต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยภาพของผู้หญิงที่มีแววตาที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และเข้มแข็งแทน

…………………………………………….

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็บอกเอลฟ์ว่าเธอจะลงไปทานอาหารซึ่งน่าจะต้องนับว่าเป็นมื้อสายเพราะกว่าที่หญิงสาวจะลงไปที่ห้องอาหารก็ล่วงเลยเวลาสิบโมงมาแล้ว หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเธอก็ตรงไปที่ห้องสมุดเพื่อศึกษาเรื่องการสกัดใจเพิ่มเติมทันที และแน่นอนว่าเธอแทบจะไม่ได้ออกจากห้องสมุดเลยหลังจากนั้น

เฮอร์ไมโอนี่อ่านหนังสือไปจนกระทั่งเวลาคล้อยบ่าย เนื่องจากตอนที่เธอไปทานอาหารมื้อสายนั้นเอลฟ์ได้จัดอาหารไว้ให้เธอเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นอาหารมื้อเช้าและอาหารมื้อเที่ยง หญิงสาวจึงบอกพวกมันว่าไม่ต้องจัดอาหารเที่ยงให้เธออีกแล้ว เพราะเธอจะข้ามไปทานอาหารเย็นแทน เพราะเฮอร์ไมโอนี่ต้องการใช้เวลาทั้งหมดในช่วงบ่ายอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดมากกว่า แต่แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามคร่ำเคร่งศึกษาเวทย์มนต์เกี่ยวกับการสกัดใจมากเพียงใด เธอก็รู้ดีว่าเธอสามารถศึกษาได้แค่ในทางทฤษฏีอย่างที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในตอนนี้เท่านั้น เพราะเธอไม่สามารถจะฝึกฝนเวทย์มนต์ประเภทนี้ในทางปฏิบัติด้วยการให้พ่อมดแม่มดอีกคนที่เก่งกาจทางด้านการพินิจใจลองพินิจใจเธอเหมือนตอนที่เธอฝึกเป็นมือปราบมารได้อย่างแน่นอน เพราะว่าสมาชิกเพียงคนเดียวในคฤหาสน์อันใหญ่โตหลังนี้ที่ยังคงพูดกับเธอก็คือลูเซียส มัลฟอย ซึ่งเป็นสามีของเธอเอง และแน่นอนว่าหญิงสาวคงไม่ต้องการให้นายมัลฟอยรู้ว่าเธอกำลังฝึกฝนการสกัดใจอยู่เป็นแน่

หลังจากที่เริ่มเบื่อหน่ายกับการอ่านหนังสือแค่ทางทฤษฏีแต่ไม่สามารถฝึกในทางปฏิบัติได้แล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงปิดหนังสือเล่มหนาที่รวบรวมทฤษฏีเกี่ยวกับการสกัดใจลง พลางคิดในใจว่ามันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้หากสเนปลบความทรงจำของเธอเสียตั้งแต่ตอนแรก แต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเอาหนังสือเกี่ยวกับการสกัดใจทั้งหมดที่หยิบมาไปเก็บที่ชั้นซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของมันนั้น เสียงป็อปก็ดังขึ้นภายในห้องสมุดพร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์ตัวจ้อย ทิสซี่นั่นเอง

“ได้เวลาน้ำชาแล้วเหรอ ทิสซี่” เธอถามด้วยความเคยชิน เนื่องจากปกติแล้วที่คฤหาสน์มัลฟอยนั้นยังคงปฏิบัติตามธรรมเนียมเดิมของชาวอังกฤษอย่างเคร่งครัด นั่นคือการดื่มชาตอนบ่าย ซึ่งปกติแล้วเอลฟ์จะจัดชารวมทั้งของว่างให้เธอในเวลาบ่ายสี่โมงเย็นที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่บนหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นสวนของคฤหาสน์ผ่านห้องดังกล่าวได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ที่ชอบขลุกอยู่ในห้องสมุดนั้นไม่ค่อยได้ลงไปดื่มน้ำชาที่เอลฟ์จัดให้เท่าไหร่นัก แต่ก่อนที่หญิงสาวจะปฏิเสธออกไปตามปกติว่าเธอไม่อยากดื่มน้ำชาในวันนี้ ทิสซี่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่แหลมเล็ก

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ทิสซี่ไม่ได้มาหานายหญิงเพราะว่าได้เวลาน้ำชาแล้วเจ้าค่ะ อันที่จริงเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีถึงจะได้เวลาน้ำชาเจ้าค่ะ แต่ทิสซี่ก็เตรียมชากับของว่างเอาไว้ให้นายหญิงแล้วเจ้าค่ะ แต่.....” เอลฟ์อธิบายเสียยืดยาวและฟังดูวกวนไม่น้อย จนเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นผู้ฟังอดรู้สึกสับสนแทนไม่ได้เธอจึงตัดบทโดยถามขึ้นว่า

“แล้วมีอะไรเหรอ ทิสซี่”

“คือ…..มีแขกมาหานายหญิงเจ้าค่ะ” ทิสซี่พูดท่ามกลางสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเจ้านายของมัน

“มีแขกมาหาฉันอย่างนั้นหรือ” หญิงสาวทวนคำอย่างไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่เอลฟ์พูดประโยคต่อไปเธอก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที

“เขาคือเซเวอร์รัส สเนปเจ้าค่ะ ตอนนี้เขากำลังรออยู่ที่ห้องรับแขกเจ้าค่ะ” ทิสซี่พูดขึ้น ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นมีสีหน้าตกใจระคนแปลกใจ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ให้เวลาตัวเองตกใจอยู่นานเมื่อเธอรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หลังจากนั้น เฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ชั้นหนังสือเพื่อเอาหนังสือที่เธอหยิบมาไปเก็บไว้ยังที่เดิมของมัน และเมื่อจัดการกับหนังสือเหล่านั้นเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เดินออกจากห้องสมุดเพื่อลงไปยังห้องรับแขก โดยมีทิสซี่เดินตามเจ้านายของมันไปอย่างรีบเร่ง




*************************************************






Create Date : 01 ธันวาคม 2555
Last Update : 1 ธันวาคม 2555 23:00:59 น. 0 comments
Counter : 1578 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.