Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 18 The Unexpected Events PART I



คุยกันก่อนอ่านนะคะ



ไรเตอร์ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะที่ห่างหายจากการอัพฟิคเรื่องนี้ไปนานมากกกกกกกกกกกก เพราะมีภารกิจต้องจัดการมากมาย แต่ถึงยังไงก็ยังไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้หรอกนะคะ

เพราะตอนนี้เรากลับมาอัพแล้วค่ะ แถมไรเตอร์ยังชดเชยให้รีดเดอร์ที่รอคอยมานานไปหน่อย (หรือไม่หน่อย) ด้วยตอนใหม่ที่มีความยาว 34 หน้าค่ะ! (น่าจะอ่านกันตาแฉะเรยใช่มะคะ ว่าแต่นักเขียนก็พิมซะมือหงิกเหมือนกันค่ะ - -“)

เอาเป็นว่าสำหรับตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้แล้วค่ะ นอกจากขอให้อ่านฟิคอย่างสนุกสนาน แล้วระหว่างอ่านไปก็อย่าลืมเอาใจช่วยนู๋เฮอร์นางเอกแสนสวยของเราด้วยนะคะ เพราะรู้สึกว่าตอนนี้เธอจะลำบากอีกแล้วค่ะ (จริง ๆ นู๋เฮอร์ก็ลำบากทุกตอนแหละค่ะ เพราะโดนไรเตอร์กลั่นแกล้ง) อ้อ ส่วนรีดเดอร์คนไหนที่ดูเหมือนว่าจะแอบเคืองๆ ป๋าลูเซียสในตอนที่แล้ว พิกอยากจะบอกว่าตอนนี้พระเอกของเรา (แน่ใจนะว่าป๋ายังเป็นพระเอกได้) ไม่โหดเหมือนตอนที่ผ่าน ๆ มาหรอกค่ะ เพราะจะมีคนที่โหดกว่ามาแทนค่ะ

อ้อ ลืมบอก สำหรับฟิคตอนนี้ได้มีการปรับแก้คำผิดและสำนวน 1 รอบ นะคะ ด้วยความช่วยเหลือจากคุณ severus_zach บก. ที่แสนจะน่ารัก ที่ช่วยเอาฟิคตอนนี้ไปตรวจให้อีกรอบค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^^

เอาล่ะไม่พูดมากแล้ว ไปอ่านกันดีกว่าค่ะ ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรกับฟิคตอนนี้ก็ทิ้งข้อความไว้คุยกันนะคะ ^^





***Chapter 18 เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน: The Unexpected Events***





“เธอคิดว่าฉันไม่รู้อย่างนั้นสิว่าเธอทรยศพ่อฉันโดยการไปเป็นชู้กับสเนปน่ะ เธออาจจะหลอกพ่อของฉันได้ เกรนเจอร์ แล้วเธอก็คงคิดว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องของเธอกับมัน แต่ฉันรู้! เพราะฉันเป็นคนเห็นเธอกับมันเดินออกมาจากห้องนอนของแม่ฉันพร้อมกัน!” เดรโกเค้นแต่ละถ้อยคำออกมาจากริมฝีปากบางอย่างยากเย็น สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มยามมองหญิงสาวตรงหน้าช่างเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์เสียยิ่งกว่าสายตาที่เขาใช้มองเธอตอนที่เขายังเข้าใจว่าเธอยังเป็นเลือดสีโคลนอยู่เสียอีก ซึ่งการกระทำดังกล่าวของเดรโกทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับหัวใจของเธอแกว่งวูบเมื่อความกลัวแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ และถึงแม้ว่าการแสดงออกของชายหนุ่มที่มีต่อเธอนั้นจะเต็มไปด้วยคำพูดดูถูกและท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์ก็ตาม หากแต่มันกลับดูไม่มีความหมายเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เดรโกเพิ่งบอกเธอออกมาเมื่อครู่ ความจริงที่ว่าเขาเห็นเธอกับสเนปเดินออกมาจากห้องนอนเก่าของนางนาร์ซิสซาพร้อมกัน

และถึงแม้ว่าจะพยายามประคองสติของตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้ก็ตาม แต่หญิงสาวก็สามารถพูดได้เลยว่าเธอไม่เคยรู้สึกตกใจมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต อาจจะยกเว้นแค่ตอนที่นายลูเซียสผู้เป็นสามีของเธอเข้ามาเจอเธอกับสเนปอยู่ในห้องทำงานของเขาสองต่อสองเท่านั้น หากแต่เธอก็สามารถผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นไปได้แล้ว แม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงลิ่วก็ตาม แต่สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ดูเหมือนกับว่าหญิงสาวจะตกที่นั่งลำบากมากกว่าครั้งก่อน ๆ เสียแล้ว เพราะเฮอร์ไมโอนี่แทบจะมองไม่เห็นหนทางที่เธอจะรอดพ้นจากสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้ไปได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดรโก มัลฟอย มาบอกเธอว่าเขาเห็นเธอและอดีตอาจารย์ของเธอรวมทั้งของเขาด้วยออกมาจากห้องนอนของนางมัลฟอยพร้อม ๆ กัน และหญิงสาวก็แน่ใจว่าสิ่งที่เดรโกเห็นนั้นพอจะทำให้เขาเดาเหตุการณ์ไปในแง่ไหนได้บ้าง เพราะเฮอร์ไมโอนี่ค่อนข้างแน่ใจ ไม่ใช่สิ เธอรู้ดีด้วยซ้ำว่าภาพที่เธอและสเนปเดินออกมาจากห้องนอนใดห้องนอนหนึ่งในคฤหาสน์พร้อมกันในเวลาที่สามีของเธอไม่อยู่บ้านมันสามารถทำให้ใครก็ตามที่มาเห็นภาพนั้นเข้าล่วงรู้ทันทีว่าเธอกับสเนปลักลอบพบกันภายใต้จมูกของนายลูเซียส รวมทั้งคน ๆ นั้นอาจจะจินตนาการไปได้ว่าพวกเขาลอบมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกันเหมือนที่สามีของเธอคิดก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมื่อเดรโกได้มาเห็นในสิ่งที่ทำให้เขาเชื่อไปในทิศทางที่ไม่ต่างจากที่พ่อของเขาเคยเชื่ออย่างนี้แล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ชายหนุ่มจะไม่คิดว่าเธอลักลอบเป็นชู้กับอดีตอาจารย์ของเธอซึ่งเป็นเพื่อนรักของสามีเธอเองเล่า



เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะห้ามตัวเองไม่ให้ตื่นตระหนกได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่คับขันและตึงเครียดรวมทั้งเสียงหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอกของหญิงสาวนั้น เธอต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมสติหลังจากเธอได้ใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อรอให้ข้อมูลที่เดรโกบอกเธอนั้นซึมเข้าสู่ระบบสมองของเธอแล้ว หญิงสาวยังจะต้องการใช้เวลาเพื่อหาทางจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถจัดการหรือควบคุมได้ก็ตาม พอ ๆ กับที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าถึงเธอจะพยายามรวบรวมความกล้าและพยายามรักษาท่าทีของเธอให้ดูนิ่งเฉยเพียงใด ความหวาดกลัวที่ได้แล่นเข้าเกาะกุมหัวใจของหญิงสาวและเริ่มแผ่ขยายไปทั่วร่างเล็กของเธอนั้นตอนนี้มันได้มาฉายอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลของเธออย่างชัดเจนพอ ๆ กับที่เธอเห็นแววแห่งความโกรธและเกลียดชังฉายชัดอยู่ในแววตาสีเงินของเดรโกยามที่เขาจ้องมองเธอ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะนิ่งเงียบและไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกไปได้ อีกทั้งเธอยังคิดว่าการเงียบเฉยอาจจะหมายถึงการยอมรับในสิ่งที่เขาได้กล่าวหาเธอก็เป็นได้ ดังนั้นหลังจากต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งในการตั้งสติและรวบรวมความกล้าหญิงสาวก็พูดประโยคแรกที่เธอคิดได้ออกไป

“ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดสิ่งแรกที่เธอคิดได้ออกไปโดยที่เธอหวังว่ามันจะช่วยให้สถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้ดีขึ้น หากแต่การกระทำของเธอกลับส่งผลที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่หญิงสาวคาดหวังไว้เมื่อเธอพบว่ามันกลับทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม เมื่อเธอพบว่าแววตาของเดรโกที่กำลังจ้องมองเธออยู่นั้นราวโรจน์ราวกับมันจะลุกเป็นไฟ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดก่อนจะใช้มือแข็งแกร่งของเขาซึ่งกุมร่างเล็กของเธอไว้ผลักมันเข้าหากำแพง

ความเจ็บปวดเป็นสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเมื่อร่างของเธอกระแทกเข้ากับผนังของคฤหาสน์ ความเจ็บปวดแล่นผ่านกระดูกสันหลังของหญิงสาวจนเธอต้องครางออกมา เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเดรโกอย่างตกใจระคนหวาดกลัวในวินาทีต่อมาหลังจากที่หญิงสาวรู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และสิ่งที่เธอมองเห็นตรงหน้านั้นก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากใบหน้าเกรี้ยวกราดของเดรโก มัลฟอย ซึ่งดวงตาสีเงินที่ถอดแบบออกมาจากพ่อของเขาที่กำลังมองมาทางเธอนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดแฝงอยู่เลยนอกจากความโกรธและความเกลียดชัง ไม่มีแม้กระทั่งแววปราณีซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นของชายหนุ่มจนมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงแววตาแบบเดียวกันของนายลูเซียสในคืนที่เขาใช้กำลังขืนใจเธอ และการได้เห็นแววตาแบบเดียวกันนี้อยู่ในดวงตาของเดรโกในสถานการณ์ที่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบของเขานั้นมันก็ทำให้หญิงสาวตัวสั่นได้ไม่ยาก และโดยไม่ทันที่จะรู้สึกว่าความเจ็บปวดได้จางหายไปจากร่างเล็กของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็คิดได้ว่าเธอควรจะต้องรีบเอาตัวเองออกไปจากสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้เสียที

แต่ก่อนที่หญิงสาวจะหาทางออกไปจากสภาพรวมทั้งสถานการณ์ที่เธอตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบชายตรงหน้าอยู่นั้น ร่างสูงของเดรโกก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เธอเสียก่อน ชายหนุ่มใช้ร่างสูงใหญ่ของเขากันไม่ให้เฮอร์ไมโอนี่สามารถหนีจากการเกาะกุมของเขาไปได้เมื่อร่างของเดรโกเคลื่อนเข้าใกล้เธอจนหญิงสาวแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาพอ ๆ กับที่เธอรู้สึกถึงสายตาของเขาที่มองมาที่เธออย่างทิ่มแทงและเต็มไปด้วยความเกลียดชังก่อนที่น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาจะดังขึ้น

“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกชื่อฉันด้วยริมฝีปากโสโครกของเธออีก เธอมันก็แค่ผู้หญิงแพศยาที่โชคดีมาแต่งงานกับพ่อของฉันแล้วก็หักหลังเขาด้วยการไปเป็นชู้กับอาจารย์ของตัวเอง เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไงเกรนเจอร์ที่พวกเธอลักลอบมาพบกันที่นี่! ในคฤหาสน์หลังนี้ซึ่งเป็นของพ่อฉันน่ะ!!!” เขาตะโกนใส่เธออย่างเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ป่าที่กำลังโกรธ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นรู้สึกถึงความกลัวที่แล่นเข้าจับขั้วหัวใจของเธอ และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้มันมากเท่ากับความหวาดกลัวในตอนที่นายลูเซียสลงมือขืนใจเธอเมื่อคืนก่อนหรือเปล่า แต่เท่าที่เธอรู้ก็คือเมื่อมองจากแววตาที่ราวโรจน์รวมทั้งท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้าแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเดรโกสามารถจะทำร้ายเธอได้มากกว่าสิ่งที่เขาได้ลงมือทำไปเมื่อครู่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในตอนที่เขามีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือขณะที่เธอนั้นไม่ต่างจากมักเกิ้ลธรรมดา ๆ ยามที่เธอไร้ไม้กายสิทธิ์เพื่อป้องกันตัวเองแบบนี้ ซึ่งมันทำให้เขาสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสาปเธอด้วยคาถาที่ร้ายแรงหรือแม้แต่ทรมานเธอด้วยคาถากรีดแทง และในวินาทีนี้เองที่เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งค้นพบว่าเธอเกรงกลัวสิ่งที่เดรโกกำลังจะทำกับเธอมากกว่าที่เธอเกรงกลัวนายลูเซียสในคืนที่เขาใช้กำลังขืนใจเธอเสียอีก ซึ่งหญิงสาวก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมเธอจึงรู้สึกเช่นนั้น แต่ท่ามกลางความหวาดกลัวและความแปลกใจของตัวเธอเอง ณ วินาทีที่ความคิดดังกล่าวแวบเข้ามาในหัวของเธอนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญรวมทั้งไม่สามารถช่วยเธอให้รอดพ้นจากสถานการณ์คับขันที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้ได้ ก่อนที่เธอจะหันไปพยายามทำสิ่งที่น่าจะช่วยเหลือตัวเธอเองออกจากสถานการณ์แบบนี้ลงไปมากกว่าเมื่อหญิงสาวรวบรวมความกล้าขึ้นมาก่อนจะพูดออกไปอีกครั้ง

“เธอกำลังเข้าใจผิดนะ อาจาร.......” เธอกัดริมฝีปากก่อนจะพูดต่อ “…..สเนปอาจจะมาหาฉันที่นี่จริง แต่เขามาด้วยธุระอื่น แล้วฉันก็ไม่เคยคิดจะทำเรื่องอย่างที่เธอว่าเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปพร้อมกับพยายามเงยหน้าขึ้นสบตาเดรโก ขณะที่ในใจของเธอภาวนาขอให้ชายหนุ่มนั้นมีอารมณ์ที่เย็นลงกว่านี้รวมทั้งมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังคำอธิบายของเธอบ้าง นอกจากนี้หญิงสาวยังทำแม้กระทั่งยกมือเล็กของเธอขึ้นแตะแขนของร่างสูงตรงหน้าเบา ๆ โดยหวังที่จะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเย็นลงบ้าง หากแต่การกระทำของเธอกลับส่งผลที่ตรงกันข้ามเช่นเดียวกับที่เธอทำก่อนหน้านี้เมื่อเดรโกสะบัดมือของเธอออกอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีราวกับเขารังเกียจที่เธอมาถูกตัวเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดขึ้นพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาที่ราวโรจน์มากกว่าเดิม

“เธอคิดว่าฉันจะเป็นไอ้งั่งให้เธอหลอกได้หรือไง เธอควรจะเก็บคำโกหกของเธอไว้ใช้กับพ่อของฉันจะดีกว่านะ เกรนเจอร์ เธออาจจะหลอกพ่อฉันได้ แต่เธอหลอกฉันไม่ได้!” เดรโกคำรามออกมาด้วยเสียงอันดังก่อนที่เขาจะเบียดร่างเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นจนเธอรู้สึกว่าใบหน้าของเขาอยู่ห่างกับเธอเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น ขณะที่ดวงตาสีเงินของเดรโกกำลังมองร่างเล็กของหญิงสาวที่อยู่ในสถานภาพแม่เลี้ยงด้วยสายตาทิ่มแทงและเต็มไปด้วยความเกลียดชังชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ในคราวนี้เดรโกเค้นคำพูดแต่ละถ้อยคำออกมาจากปากของเขาอย่างยากเย็น

“อันที่จริงฉันก็ไม่อยากจะสนเรื่องที่พ่อของฉันจะถูกเธอสวมเขาหรอกนะ มันเป็นความผิดของเขาเองที่ดันมาหลงผู้หญิงอย่างเธอ แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะกล้าไปพลอดรักกับสเนปในห้องนอนของแม่ฉัน! เธอกล้าดียังไงที่ทำให้ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของฉันต้องแปดเปื้อนเพราะการกระทำของเธอกับชู้รักของเธอน่ะ!” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ราวกับเขากำลังจินตนาการภาพเธอกับสเนปกำลังพลอดรักกันในห้องนอนของนางนาร์ซิสซา และเป็นเพราะสายตาดูถูกเหยียดหยามที่ชายหนุ่มใช้มองเธอและการกล่าวหาว่าเธอทำสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างการไปมีสัมพันธ์สวาทกับสเนปในห้องนอนของนางมัลฟอยนี้เอง ที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะทนสบตาเดรโกได้อีกต่อไป เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะทนมองหน้าคนที่กล่าวหาเธอด้วยข้อหาที่น่ารังเกียจแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกที่จะเบือนหน้าหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของเดรโกไปเสีย หากแต่เธอกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นานเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากที่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเขาแล้ว มือใหญ่อันแข็งแกร่งของเดรโกก็เข้ามากุมคางของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ก่อนที่จะบังคับให้มันกลับมามองสบตาเขาแบบเดิมพร้อมกับที่เขาพูดขึ้น

“ทำไม ฉันพูดความจริงแค่นี้ทนฟังไม่ได้หรือยังไง!” เขาพูดพร้อมกับมองเธอด้วยสีหน้าเหยียดหยามก่อนจะออกแรงบีบมือที่กุมใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้อย่างแรงจนเธอต้องครางออกมา น้ำตาใสเริ่มเอ่อดวงตาคู่สวยของเธอ หากแต่กลับไม่มีแววปราณีแฝงอยู่ในดวงตาสีเงินแบบเดียวกับพ่อของเขาเลย ขณะที่มันกำลังมองร่างตรงหน้าที่พยายามดิ้นรนจากการเกาะกุมของเขาอย่างหมดหนทาง

“ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของชายตรงหน้า หากแต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้ดีว่าการกระทำของเธอนั้นเปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่าอย่างไรยามที่เธอไม่มีไม้กายสิทธิ์ไว้ป้องกันตัว เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่อาจจะสู้แรงผู้ชายอกสามศอกอย่างเดรโกได้ พอ ๆ กับที่เธอไม่อาจจะสู้แรงนายลูเซียสพ่อของเขาได้ยามที่เขาลงมือทำร้ายเธอเมื่อคืนก่อน และเป็นเพราะสถานการณ์อันเลวร้ายที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังเผชิญอยู่นี้นี่เอง หรืออาจจะรวมกับสาเหตุที่เธอเผลอไปนึกถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่นายลูเซียสได้ทำลงไปกับเธอเมื่อคืนก่อนด้วยทำให้หญิงสาวรู้สึกกดดันและหวาดกลัวขึ้นมาจับขั้วหัวใจ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าความกลัวแล่นเข้ามาจับที่หัวใจของเธอจนเกือบจะทำให้มันหยุดเต้นเมื่อเดรโกเบียดร่างของเขาเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นจนทำให้ความกลัวและความกดดันที่สุมอยู่ในอกของเธอนั้นกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียน

แม้จะตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ หญิงสาวตรงหน้าก็ร้องไห้ออกมา หากแต่แววตาที่แสดงออกถึงความตกใจของเดรโกนั้นกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาอันเย็นชาที่ไร้ซึ่งความปราณีเหมือนเดิมได้ภายในพริบตา หลังจากที่เขาได้เตือนตัวเองในสิ่งที่เขาเชื่อว่าผู้หญิงที่กำลังอยู่ตรงหน้าเขานี้ไม่ใช่ยายเด็กเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ที่เอาแต่ฝังใบหน้าอยู่หลังหนังสือและไม่เคยคบผู้ชายคนไหนมากกว่าเจ้าสองเพื่อนรักของเธอ ซึ่งก็คือ พอตเตอร์และวีสลีย์อีกต่อไปแล้ว หากแต่ที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้คือผู้หญิงเจ้าเล่ห์ร้อยมารยาที่หลอกลวงพ่อของเขามาโดยตลอดโดยการลักลอบเป็นชู้กับเซเวอร์รัส สเนป ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเขาเอง มิหนำซ้ำเธอยังนัดชู้รักของเธอเข้ามาพลอดรักกันในห้องนอนของแม่เขา ในคฤหาสน์หลังนี้ซึ่งเป็นเรือนหอของเธอกับสามีคนปัจจุบันของเธออีกด้วย แล้วเขาสมควรจะสงสารผู้หญิงคนนี้อีกอย่างนั้นหรือ ในเมื่อกล้าทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นลงไปใต้จมูกของพ่อเขาเอง อีกทั้งบางทีน้ำตาที่เขากำลังเห็นอยู่นี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงละครตบตาอันแสนจะแนบเนียนอย่างที่เธอเคยใช้หลอกพ่อของเขาสำเร็จมาแล้วก็ได้ เดรโกคิดเช่นนั้น และเพราะความคิดดังกล่าวที่ชายหนุ่มเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงนั้นเองกลับยิ่งทำให้น้ำตาของหญิงสาวตรงหน้ากลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเดือดร้อนยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

หลังจากพิจารณาท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งในตอนนี้เธอกำลังร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มและตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ด้วยดวงตาสีเงินที่เต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับน้ำแข็งของเขาแล้ว เดรโกก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์มากกว่าครั้งก่อน ๆ

“ฉันบอกแล้วไงว่าเก็บมารยาของเธอไว้ใช้กับพ่อของฉันดีกว่า เพราะเธอมันเจ้าน้ำตาแบบนี้สินะเธอถึงหลอกเขาได้สนิทใจแบบนี้ ถึงพ่อของฉันจะคิดว่าเขาโชคดีที่จอมมารออกคำสั่งให้เธอแต่งงานกับเขา แต่ฉันกลับมองว่าครอบครัวของฉันโชคร้ายมากกว่าที่ต้องต้อนรับผู้หญิงอย่างเธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้!” เขาพูดด้วยท่าทีที่แสดงถึงความรังเกียจออกมาอย่างไม่มีปิดบัง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นได้แต่มองเดรโกด้วยความรู้สึกราวกับว่าเธอไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ว่าเดรโก มัลฟอย จะไม่เคยทำตัวน่ารักกับเธอมากนักก่อนหน้านี้ แต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะมาพูดจาเหยียดหยามรวมทั้งทำร้ายจิตใจเธอได้ถึงขนาดนี้

แต่ถึงจะรู้สึกโกรธรวมทั้งเสียใจกับสิ่งที่ลูกเลี้ยงของเธอพูดออกมามากเพียงใดก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถจะทำอะไรลงไปได้มากนักในสถานการณ์ที่เธอกำลังเสียเปรียบอยู่แบบนี้ เพราะถ้าพูดตามตรงแล้วเดรโกมีสิทธิที่จะทำอะไรรุนแรงกับเธอลงไปก็ได้ในตอนนี้ และเฮอร์ไมโอนี่ก็เชื่อว่าเขาสามารถทำร้ายเธอลงไปได้ถ้าหากมีเหตุการณ์บางอย่างมาจูงใจให้เขาทำ ถ้าหากว่าเธอโต้ตอบเขาด้วยการตบหน้าหรือแม้กระทั่งการพูดคำพูดที่รุนแรงออกไปล่ะก็เดรโกอาจจะตอบแทนเธอด้วยการกระทำที่รุนแรงมากกว่าที่เธอทำก็เป็นได้ นี่ยังไม่รวมเรื่องที่เขาล่วงรู้ความลับที่สเนปมาหาเธอถึงที่คฤหาสน์และพวกเขาทั้งสองก็เข้าไปพูดคุยกันในห้องนอนเก่าของนางนาร์ซิสซา ซึ่งถ้าหากเดรโกแพร่งพรายความลับที่ว่านี้ให้ใครก็ตามโดยเฉพาะนายลูเซียสผู้เป็นพ่อของเขารู้ล่ะก็ ความลับที่เซเวอร์รัส สเนป สู้รักษามาด้วยชีวิตนั้นคงต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่ และแน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะยอมให้มันเป็นเช่นนั้นได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงคิดว่าในสถานการณ์ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรลงไปก็จะเป็นการเสียเปรียบชายหนุ่มตรงหน้าแบบนี้ เธอจึงไม่ควรตอบโต้อะไรออกไปไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะพูดจาทำร้ายจิตใจเธอมากเพียงไรหรือทำสิ่งอื่นที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นก็ตาม เพราะในตอนนี้มันไม่ได้มีแค่ชีวิตของเธอเท่านั้นที่กำลังแขวนอยู่ในกำมือของเดรโก หากแต่ยังมีความปลอดภัยของอดีตอาจารย์ของเธอและความลับของเขารวมอยู่ด้วย และเมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาร่างตรงหน้าขณะที่เธอพยายามกลั้นน้ำตาหยดต่อไปไม่ให้ไหลออกมาจากดวงตาที่แสนจะบอบช้ำของเธออย่างยากลำบาก เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้น

“ถึงเธอจะไม่เชื่อฉันก็ตามนะ แต่ฉันไม่เคยหลอกลวงพ่อของเธอ ฉันไม่เคยทำผิดต่อเขาอย่างที่เธอคิด และที่สำคัญฉันก็ไม่เคยต้องการจะแต่งงานกับเขาด้วย” เธอพูดออกไปพลางมองร่างสูงตรงหน้าด้วยดวงตาที่เด็ดเดี่ยวราวกับเธอไม่เกรงกลัวเขาอีกต่อไปแล้ว ราวกับเธอเชื่อมั่นในสิ่งที่เธอพูดออกไปแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อก็ตาม และด้วยเหตุผลบางประการการกระทำรวมทั้งท่าทีดังกล่าวของเฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับทำให้เดรโกเกรี้ยวกราดมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อหญิงสาวพบว่าชายหนุ่มเบียดร่างเข้ามาใกล้เธออีกครั้งพร้อมกับที่เธอรู้สึกถึงแรงบีบของมือใหญ่ที่กรามของเธอ ขณะที่ดวงตาสีเงินของชายหนุ่มจ้องมองมาทางเธออย่างราวโรจน์พร้อมกับที่เขาเค้นคำพูดต่อมาออกมาจากปากของเขาอย่างยากลำบาก

“อย่างนั้นหรือ เกรนเจอร์ เธอกำลังจะบอกฉันอย่างนั้นหรือว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่สเนปมาหาเธอถึงที่นี่เองเพราะว่าเขาหลงเสน่ห์เธออย่างเดียวกับที่พ่อของฉันอยากแต่งงานกับเธอเพราะว่าเขาหลงผู้หญิงอย่างเธออย่างนั้นหรือ” เดรโกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน หากแต่มันกลับมีแววไม่แน่ใจแฝงอยู่ในดวงตาสีเงินของเขาราวกับว่าลึก ๆ แล้วเขาเองก็กลัวว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ลอบสังเกตท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้าอยู่นั้นก็พูดออกมา

“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่ถ้าเธออยากจะเชื่ออย่างนั้นฉันเองก็ช่วยอะไรไม่ได้” เธอพูดออกไปตามตรง หากแต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่คำพูดซึ่งหญิงสาวคิดว่ามันเป็นคำพูดที่ปกติธรรมดาของเธอกลับทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านั้นเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกหน อันที่จริงต้องพูดว่าเขาเกรี้ยวกราดในทุก ๆ คำพูดที่ออกมาจากปากของเธอมากกว่า แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้เห็นสัญญาณอันตรายอันใหญ่หลวงที่กำลังก่อตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเดรโกก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากรู้แล้วสิว่าผู้หญิงอย่างเธอมีอะไรดีทั้งพ่อฉันทั้งสเนปถึงได้มาหลงเสน่ห์เธอแบบนี้” เขาพูดพลางมองหญิงสาวด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป และในวินาทีต่อมานั้นเองชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับจูบเธอที่ริมฝีปาก!

อันที่จริงสิ่งที่เดรโกทำกับเฮอร์ไมโอนี่นั้นแทบจะไม่สามารถเรียกว่าจูบได้ด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มทำนั้นคือการที่เขาบดขยี้ริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง ขณะที่มือแข็งแกร่งของเขากุมใบหน้าของเธอเอาไว้ และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะพยายามขัดขืน แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะสู้แรงผู้ชายอกสามศอกเช่นเขาได้พอ ๆ กับที่ชายหนุ่มตรงหน้าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรั้งร่างเล็กของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของพ่อเขาเองไว้ในอ้อมแขน ขณะที่เขาบดริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธอโดยไม่สนใจถึงการดิ้นรนขัดขืนของร่างเล็กในการคุมขังของเขาแต่อย่างใด เขาไม่สนแม้กระทั่งว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นเป็นภรรยาของพ่อแท้ ๆ ของเขา ซึ่งมันทำให้เธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของเขาในตอนนี้ เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหญิงสาวคนนี้คือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เพื่อนร่วมชั้นที่เขาเคยเกลียดชังมาก่อนในสมัยเรียน โทษฐานที่เธอเป็นเลือดสีโคลนที่อวดรู้และเป็นเพื่อนรักของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เขารังเกียจมากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะดูเหมือนกับว่าเฮอร์ไมโอนี่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้นั้นจะสามารถทำให้เขาเกลียดชังเธอได้มากกว่าเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ คนเก่าสมัยที่เขารู้จักที่ฮอกวอตส์เสียอีก เพราะเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอย คนนี้ได้มาแต่งงานกับพ่อของเขารวมทั้งได้เข้ามาแทนที่แม่ของเขาในฐานะคุณนายมัลฟอยคนใหม่ มิหนำซ้ำเธอยังหักหลังพ่อของเขาโดยการไปมีความสัมพันธ์กับอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอเองซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและทั้งสองยังลักลอบมีความสัมพันธ์กันในห้องนอนเก่าของแม่เขาอีกด้วย แค่เหตุผลเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเกลียดชังเธอได้แล้ว แล้วการทำสิ่งที่เขากำลังทำอยู่กับผู้หญิงที่เขาเกลียดมากกว่าอะไรทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด เดรโกคิดเช่นนั้น ท่ามกลางพายุแห่งความโกรธที่กำลังพัดอื้ออึงอยู่ในหัวของชายหนุ่มจนมันพัดพาสติสัมปชัญญะของเขาไปด้วย และท่ามกลางการดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ของร่างเล็กตรงหน้า หลังจากที่เขาจูบเธอจนพอใจแล้วเขาก็ถอนริมฝีปากออกมา หากแต่ร่างสูงของเดรโกยังคงแนบชิดร่างของหญิงสาวตรงหน้าอยู่พอ ๆ กับที่วงแขนที่แข็งแรงของเขานั้นกักขังเธอไว้ไม่ให้หนีออกจากการเกาะกุมของเขาไปได้ หลังจากถอนริมฝีปากออกมาแล้วเดรโกก็มองสำรวจใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะพูดขึ้นมา

“ฉันบอกแล้วไงว่าให้เธอเก็บมารยาของเธอไว้ใช้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันไม่หลงกลเธออย่างพ่อของฉันหรือสเนปแน่ แล้วเธอก็อย่าแม้แต่จะคิดล่ะว่าฉันจะใจอ่อนกับเธอหรือปล่อยเธอไปง่าย ๆ น่ะ เพราะธุระที่ฉันต้องจัดการกับเธอมันยังไม่จบเท่านี้หรอก!” ชายหนุ่มพูดลอดไรฟันออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขามองร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบเธออีกครั้ง ท่ามกลางการดิ้นรนขัดขืนที่ไร้ความหมายของเฮอร์ไมโอนี่ เดรโกจูบเธออย่างรุนแรงและไร้ความปราณีโดยที่เขาไม่สนใจสักนิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเจ็บปวดร้าวรานกับการกระทำของเขามากเพียงใด พอ ๆ กับที่เขาไม่สนใจเลยว่าเธอจะอยู่ในสถานะภรรยาของพ่อเขาเองก็ตาม และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะทำเพียงแค่จูบเธอเท่านั้นเมื่อมือใหญ่ของเขาเริ่มเลื่อนไปสัมผัสร่างบางตรงหน้าอย่างจงใจ ขณะที่หญิงสาวที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขานั้นเบิกตากว้างอย่างตกใจและเริ่มดิ้นรนขัดขืนมากยิ่งขึ้น แต่การดิ้นรนอย่างสุดความสามารถของเฮอร์ไมโอนี่กลับดูเป็นการกระทำอันไร้ประโยชน์ เมื่อเทียบกับแรงของผู้ชายอกสามศอกอย่างเดรโก

และเมื่อรู้ดีว่าการดิ้นรนขัดขืนของเธอนั้นไม่มีความหมายใด ๆ และไม่สามารถต้านทานการกระทำของร่างใหญ่ตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย เฮอร์ไมโอนี่ก็เพิ่งรู้สึกว่าเธอกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างแท้จริงเสียแล้ว หญิงสาวรู้สึกถึงความกลัวที่แล่นเข้ามาเกาะกุมขั้วหัวใจของเธอ เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเลื่อนมือใหญ่ของเขามาสัมผัสผิวกายของเธอ ขนทั้งกายของเฮอร์ไมโอนี่ลุกชันเนื่องมากจากการกระทำของเดรโกซึ่งบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พอใจจะหยุดอยู่เพียงแค่การจูบเธอเท่านั้น แต่มือใหญ่ที่เลื่อนมาสัมผัสเรือนร่างของเธออย่างจงใจรวมทั้งสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มบ่งบอกให้เธอรู้ว่าเขาพร้อมที่จะรุกรานร่างกายของเธอมากไปกว่านี้ และเขาอาจจะสามารถล่วงเกินเธอไปจนถึงขั้นที่พ่อของเขาเคยทำมาก่อนก็เป็นได้!

และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงพยายามดิ้นรนมากขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนหวาดกลัวเมื่อเธอค้นพบว่ามีชะตากรรมอะไรรอเธออยู่ต่อจากนี้ อีกทั้งมันยังเป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอหวาดกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นกับเธอมากที่สุดอีกด้วย เพราะเธอคงไม่สามารถทำใจได้เป็นแน่ถ้าหากมันจะเกิดเรื่องในแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับเธอในคืนก่อนอีกครั้ง หลังจากที่เธอต้องเจ็บช้ำจากการกระทำอันโหดร้ายของสามีของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน ที่เธอถูกนายลูเซียสผู้เป็นสามีของเธอเองใช้กำลังบังคับขืนใจเธอนั้นจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดมากเพียงใดก็ตาม แต่ความเจ็บปวดที่เธอต้องประสบมาก่อนหน้านี้นั้นก็คงไม่มีวันเทียบเท่ากับการที่เธอจะถูกเดรโกซึ่งอยู่ในฐานะลูกเลี้ยงของเธอลงมือทำในสิ่งเดียวกันกับที่พ่อของเขาได้ทำลงไปอย่างแน่นอน เพราะเฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเธอคงไม่สามารถทำใจได้เป็นแน่หากจะต้องเกิดเรื่องราวที่น่าอดสูแบบนั้นขึ้นกับเธออีกครั้งด้วยฝีมือของลูกชายแท้ ๆ ของสามีเธอเอง!

หลังจากที่ได้คิดจินตนาการถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเธอต่อจากนี้แล้ว มันก็ยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่ที่รู้สึกหวาดกลัวมากกว่าอะไรทั้งหมดนั้นดิ้นรนขัดขืนการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้ามากขึ้น แม้เธอจะรู้อยู่เต็มอกว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอนั้นไม่อาจจะสู้แรงของผู้ชายอกสามศอกเช่นเดรโกได้ รวมทั้งมันดูเหมือนว่าจะไม่มีหนทางที่เธอจะสามารถหนีไปจากการคุมขังของร่างใหญ่ตรงหน้าได้เลยก็ตาม แต่หญิงสาวก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดเหลือนอกจากดิ้นรนเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่ทำได้เพียงแค่ดิ้นรนอย่างสิ้นหวังเมื่อเธอรู้สึกว่ามือใหญ่ของเดรโกเริ่มรุกรานร่างกายของเธอมากขึ้น ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงครอบครองริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงพอ ๆ กับที่มือข้างหนึ่งของเขาได้กุมคางของเธอไว้อย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้เธอเบนหน้าหนีไปจากเขาได้ ท่ามกลางการกระทำอันเลวร้ายของชายหนุ่มที่ถูกชักจูงด้วยแรงโทสะของเขามากกว่าอะไรทั้งหมดจนทำให้เดรโกตัดสินใจทำสิ่งที่เขาจะไม่มีวันทำลงไปในยามที่เขามีอารมณ์เป็นปกตินั้น เมื่อมือใหญ่ของชายหนุ่มเลื่อนไปลูบไล้เรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าอย่างจงใจ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ตกอยู่ใต้การรุกรานของเขานั้นตัวสั่นราวกับลูกนกเมื่อเธอรู้แล้วว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอต่อไปนี้จะไม่ใช่เพียงแค่การจูบเท่านั้น และเมื่อเป็นเช่นนั้นน้ำตาใสก็ยิ่งไหลเอ่อจากดวงตาสีน้ำตาลของเธอมากขึ้นจนมันไหลเปรอะไปทั่วแก้มเนียนของใบหน้างามเมื่อเธอพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดความสามารถ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังยัดเยียดจูบของเขาให้เธอรวมทั้งสัมผัสเรือนร่างของเธออย่างไม่เกรงใจอยู่นั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามเบี่ยงตัวหลบสัมผัสของเดรโกอย่างอ่อนแรง หากแต่เธอก็ไม่อาจจะหลุดพ้นไปจากการเกาะกุมของชายหนุ่มตรงหน้าได้เลย

เมื่อเดรโกจูบร่างเล็กของหญิงสาวจนพอใจแล้ว เขาก็ถอนริมฝีปากขึ้นมา และสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาที่แสนจะบอบช้ำของหญิงสาวตรงหน้า และก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ตัดสินใจพูดหรือแม้แต่ทำอะไรลงไปนั้น เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งมีน้ำตานองหน้าพอ ๆ กับที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัวนั้นก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“ได้โปรด เดรโก อย่าทำแบบนี้ พ่อของเธอคงไม่ต้องการให้เธอทำแบบนี้แน่” เธอพูดพร้อมกับสะอื้นออกมา ราวกับหญิงสาวใคร่ครวญมาดีแล้วว่าการเอ่ยปากขอร้องชายหนุ่มตรงหน้านั้นเป็นเพียงทางเดียวที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่นี้ได้ แม้ว่าการกระทำนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จในตอนที่เธอใช้มันกับนายลูเซียสผู้เป็นพ่อของเดรโกก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเธอก็จำเป็นที่จะต้องลองดู เธอจำเป็นจะต้องขอร้องให้ชายหนุ่มตรงหน้าให้หยุดการกระทำของเขาเสียทีก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ หากแต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้เลยว่าการยกชื่อสามีของเธอมาใช้ขอร้องเดรโกนั้นเป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ อย่างน้อย ๆ ก็ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะหลังจากที่ถ้อยคำดังกล่าวหลุดออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาวแล้ว ดวงตาสีเงินของเดรโกที่เคยแสดงแววเห็นใจหญิงสาวตรงหน้าออกมาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่เขาเห็นเธอร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะการกระทำของเขาก็แปรเปลี่ยนมาเป็นดวงตาที่ดูโกรธขึ้งขึ้นมาในทันที และในตอนนี้ดวงตาที่แทบจะเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากพ่อของชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองมาทางเฮอร์ไมโอนี่อย่างราวโรจน์นั้นก็เต็มไปด้วยโทสะและความรังเกียจเดียดฉันท์จนทำให้หญิงสาวรู้สึกขนลุกเพียงเพราะเธอถูกจ้องมองด้วยดวงตาสีเงินของร่างตรงหน้าเท่านั้นเดรโก มัลฟอย จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่อยู่ในสถานะแม่เลี้ยงของเขาด้วยสายตาทิ่มแทงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยคิดว่าจะมีใครใช้กับเธอมาก่อน อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยคิดว่าเดรโกจะเป็นคนใช้สายตาเช่นนี้กับเธอ จนมันทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดอย่างยากที่จะบรรยายเมื่อถูกชายหนุ่มมองด้วยสายตาที่ทิ่มแทงจนเธอรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ และก่อนที่เธอจะตัดสินใจได้ว่าเธอควรจะพูดอะไรต่อเพื่อเป็นการช่วยเหลือตัวเองออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้ได้นั้น ริมฝีปากบางของเดรโกก็ขยับด้วยท่าทีเดียดฉันท์ก่อนที่เขาเอ่ยปากพูดออกมา

“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพ่อของฉันจะทำยังไงถ้าเขาได้รู้เรื่องที่เธอเป็นชู้กับสเนปแล้ว แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะทำกับเธอในตอนนี้ไม่ว่าเขาหรือใครก็มาห้ามฉันไม่ได้ทั้งนั้น!” ชายหนุ่มเค้นแต่ละคำพูดออกมาจากริมฝีปากของเขาอย่างหนักแน่นขณะที่ดวงตาสีเงินของเขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และเมื่อเขาพูดจบเดรโกก็โถมร่างเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่โดยไม่ลังเล ขณะที่หญิงสาวนั้นกรีดร้องอย่างเสียขวัญเมื่อรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอนั้นคืออะไร!

“ไม่! ได้โปรด!!! ช่วยด้วย!!!” เธอกรีดร้องขึ้นพร้อมกับพยายามผลักร่างใหญ่ของเดรโกออกไปด้วยเรี่ยวแรงที่มีอยู่เพียงน้อยนิด แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็กรีดร้องได้ไม่นานนักเมื่อมือใหญ่ของชายหนุ่มที่เลื่อนมาปิดปากของเธอไว้ไม่ให้ส่งเสียงร้องได้อีก ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอจะเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเธอพบว่าเดรโกได้เลื่อนจูบของเขาไปยังซอกคอของเธอซึ่งส่งผลทำให้หญิงสาวพยายามดิ้นรนมากขึ้น หากแต่การดิ้นรนของเธอนั้นกลับไร้ประโยชน์ภายใต้การเกาะกุมของร่างใหญ่ตรงหน้า ท่ามกลางพายุแห่งโทสะของชายหนุ่มที่ได้พัดเอาสติสัมปชัญญะของเขาออกไปจนหมดสิ้นแล้ว หญิงสาวภายใต้การควบคุมของเขาซึ่งพยายามกรีดร้องและดิ้นรนอย่างสุดความสามารถได้แต่ภาวนาในใจอย่างสิ้นหวังท่ามกลางความกลัวที่แล่นเข้าจับขั้วหัวใจของเธอและน้ำตามากมายที่ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยว่า ขอให้เดรโกหยุดการกระทำของเขาเสียที หรือถ้าหากสิ่งที่เธอขอไม่สามารถจะเป็นจริงได้ล่ะก็ อย่างน้อย ๆ เธอก็ขอให้มีใครซักคนผ่านมาช่วยเธอทีเถอะ พระเจ้า! เธอขอให้มีใครก็ได้มาช่วยหยุดการกระทำของชายหนุ่มในตอนนี้ด้วยเถอะ หญิงสาวทำได้เพียงแค่ภาวนาอย่างสิ้นหวังเท่านั้น!





…………………………………………….



ในขณะเดียวกับที่บนชั้นสองของคฤหาสน์เกิดเรื่องขึ้น บรรดาเอลฟ์ที่ทำงานอยู่ที่ชั้นหนึ่งของคฤหาสน์หรือในอยู่ห้องครัวกลับไม่มีท่าทีว่าพวกมันจะสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะคฤหาสน์มัลฟอยนั้นมีขนาดกว้างใหญ่มาก และห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นนั้นก็ตั้งอยู่ตรงสุดปีกด้านตะวันออกซึ่งห่างไกลจากห้องโถงของชั้นหนึ่งพอสมควร ดังนั้นแม้ว่าข้างบนชั้นสองจะเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นระหว่างหญิงสาวผู้อยู่ในฐานะนายหญิงของบ้านกับชายหนุ่มที่อยู่ในฐานะลูกเลี้ยงของเธอเองก็ตาม แต่ก็เป็นไปได้ยากที่บทสนทนาของทั้งสองรวมทั้งเสียงร้องของเฮอร์ไมโอนี่จะได้ยินไปถึงชั้นล่างของคฤหาสน์ ในขณะที่เอลฟ์เกือบทั้งหมดนั้นกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัวซึ่งอยู่ต่ำกว่าห้องโถงของคฤหาสน์ลงไปหนึ่งชั้นแบบนี้

ในเวลาไล่เลี่ยกับที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังโต้เถียงกับเดรโก รวมทั้งชายหนุ่มได้ลงมือล่วงเกินหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของพ่อเขาลงไปนั้น ณ ห้องโถงของคฤหาสน์มัลฟอยซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เจ้าของบ้านรวมทั้งแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยียนคฤหาสน์จะต้องผ่านเข้ามาเป็นที่แรกเนื่องจากเตาผิงหลักที่ใช้เชื่อมต่อกับผงฟลูนั้นตั้งอยู่ที่นี่ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบของคฤหาสน์ในช่วงเวลาก่อนอาหารเย็น จู่ ๆ ก็มีเปลวไฟสีมรกตลุกท่วมเตาผิงขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ในห้องโถง และก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของลูเซียส มัลฟอย จะก้าวออกมาจากเตาผิง เอลฟ์ที่มีหน้าที่มารอต้อนรับนายท่านของมันกลับบ้านก็รีบปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ เตาผิงในทันที และในวินาทีที่นายลูเซียสก้าวเท้าออกมาจากเตาผิง เมื่อรองเท้าหนังที่ขัดจนมันปลาบของเขาแตะพื้นหินแกรนิตที่ได้รับการขัดถูอย่างดีของห้องโถงเอลฟ์ร่างจ้อยก็รีบกล่าวต้อนรับนายท่านของมันอย่างทันท่วงที

“ยินดีต้อนรับนายท่านกลับมาที่คฤหาสน์ขอรับ” เอลฟ์ตัวจ้อยที่สวมผ้าม่านขาด ๆ ต่างเสื้อผ้านั้นกล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมกับก้มศีรษะต่ำจนจมูกของมันเกือบจะจรดพื้นหินแกรนิตของห้องโถง ในขณะเดียวกันชายผมบลอนด์ผู้เป็นนายท่านของคฤหาสน์หลังนี้ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเอลฟ์ร่างจ้อยที่กำลังยืนอยู่แทบเท้าของเขาเท่าไหร่นัก เมื่อนายลูเซียสเริ่มปลดเสื้อคลุมตัวนอกของเขาออกและส่งให้เอลฟ์อย่างที่เขาทำเป็นประจำ และหลังจากที่เอลฟ์รับเสื้อคลุมของเจ้านายมันซึ่งมันมีหน้าที่จะต้องนำไปซักและเก็บรักษาอย่างดีแล้ว นายมัลฟอยก็พูดขึ้น

“นายหญิงเป็นยังไงบ้างวันนี้” เขาถามขึ้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระ หากแต่ดวงตาสีเงินที่ปกติจะดูเย็นชาของชายผมบลอนด์นั้นดูอ่อนลงรวมทั้งมันยังแฝงแววกังวลเอาไว้เมื่อเขาเอ่ยถึงภรรยาสาวของเขา

“จากที่ทิสซี่รายงานมา วันนี้นายหญิงก็อยู่แต่ในห้องสมุดกับบนห้องนอนขอรับ เธอทานอาหารบนห้องและยังไม่ได้ลงมาที่ห้องอาหารเลยขอรับ” เอลฟ์ร่างจ้อยรายงาน และเมื่อได้ยินเช่นนั้นนายลูเซียสจึงถามต่อ

“งั้นตอนนี้นายหญิงก็อยู่บนห้องนอนอย่างนั้นหรือ” เขาถามด้วยท่าทีสุขุม หากแต่น้ำเสียงของเขานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความห่วงใยจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นกังวล และดูราวกับว่าเอลฟ์ตัวจ้อยสามารถจับความรู้สึกที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเจ้านายของมันได้เมื่อมันตัดสินใจพูดขึ้น

“นายท่านจะให้ฮ็อบปี้ไปบอกทิสซี่ให้ขึ้นไปดูนายหญิงให้ไหมขอรับ” เอลฟ์เสนอ แต่นายลูเซียสกลับส่ายศีรษะด้วยท่าทีปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่อยากให้ใครไปรบกวนเธอ อันที่จริงฉันว่าฉันจะขึ้นห้องเสียก่อนแล้วค่อยลงมาทานอาหาร พวกแกจัดสำรับสำหรับฉันแล้วก็เดรโกไว้ด้วยนะ เผื่อว่าเขาจะกลับมาทานมื้อเย็นที่คฤหาสน์” ชายผมบลอนด์สั่ง และหลังจากที่เขาเห็นว่าเอลฟ์ตรงหน้ารับคำสั่งของเขาไปเรียบร้อยแล้ว นายลูเซียสก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์เพื่อตรงไปยังห้องนอนใหม่ของเขา แต่ก่อนที่ชายผมบลอนด์จะเลี้ยวขวาตรงบันไดกลางเพื่อเดินไปปีกตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องนอนใหม่ของเขาซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงหนึ่งในห้องนอนสำหรับแขกที่เขาใช้เป็นที่พักชั่วคราวเท่านั้น นายลูเซียสก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากทางด้านปีกตะวันออก

เสียงที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงราวที่ฟังดูราวกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิง หากแต่มันดังอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะจางหายไป แต่ถึงอย่างไรก็ตามการได้ยินเสียงดังกล่าวนั้นก็มากพอที่จะทำให้ชายผมบลอนด์กังวลขึ้นมาได้ เพราะแน่นอนว่ามีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ซึ่งก็คือเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาของเขา และไม่ว่าเสียงที่นายลูเซียสได้ยินเมื่อครู่จะเป็นเสียงที่บ่งบอกถึงอะไรก็ตาม แต่เขาก็สามารถแน่ใจว่าเจ้าของเสียงนั้นต้องเป็นเฮอร์ไมโอนี่อย่างแน่นอน อีกทั้งบวกกับการได้ยินเสียงราวกับเสียงกรีดร้องเมื่อครู่นี้มันยิ่งทำให้เขารู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเรื่องที่ไม่ดีนักขึ้นระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ และในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อได้ยินเสียงร้องแบบนี้แล้ว นายลูเซียสก็สามารถเดาไปได้แล้วว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับภรรยาของเขาอย่างแน่นอน แต่มันจะเป็นอะไรกันเล่า เธอร้องไห้และกรีดร้องออกมาเพราะว่าเธอยังคงเสียใจในเรื่องที่เขาทำลงไปกับเธออย่างนั้นหรือ หรือเธอจะพยายามทำร้ายตัวเองเพราะว่าเธอทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้กันแน่ ชายผมบลอนด์ได้จินตนาการว่ามีสิ่งที่เลวร้ายรอเขาอยู่ที่ปลายทางเดินของปีกตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่รวมถึงห้องนอนของเขาด้วยไปเสียแล้ว และเมื่อคิดได้เช่นนั้นนายลูเซียสจึงตัดสินใจที่จะเดินไปหาภรรยาของเขาที่ห้องนอนของเธอทางปีกตะวันออกซึ่งเป็นที่ ๆ เขาได้ยินเสียงร้องดังกล่าวดังขึ้นเมื่อครู่นี้แทนที่จะตรงกลับไปยังห้องนอนทางด้านปีกตะวันตกอย่างที่เขาตั้งใจไว้ในตอนแรก หากแต่นายมัลฟอยกลับไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่า ขณะที่เขากำลังเร่งรีบเดินไปตามระเบียงทางเดินฝั่งตะวันออกเพื่อมุ่งไปยังต้นเสียงที่เขาได้ยินเมื่อครู่ว่ามันจะมีเรื่องราวที่น่าตกใจเสียยิ่งกว่าสิ่งที่เขาได้จินตนาการไว้หลายเท่านักรอเขาอยู่ที่ปลายทางเดินนั้น!





…………………………………………….






Create Date : 26 สิงหาคม 2556
Last Update : 31 สิงหาคม 2556 21:56:09 น. 0 comments
Counter : 1280 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.