Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 15 The Liaison PART II




ขณะที่ลูเซียส มัลฟอยออกมาจากห้องประชุมนั้นทางภรรยาของเขา เฮอร์ไมโอนี่ก็กำลังถูกทดสอบความสามารถในการสกัดใจจากอดีตอาจารย์สอนวิชาปรุงยาของเธอเองซึ่งเป็นพ่อมดที่เชี่ยวชาญการสกัดใจและพินิจใจเป็นอันดับต้น ๆ ของอังกฤษ แต่ถึงเซเวอร์รัส สเนปจะเป็นผู้ที่เก่งกาจในเรื่องพินิจใจมากก็ตาม แต่เขาก็ต้องแปลกใจที่ได้พบว่าเขาไม่สามารถเจาะเข้าไปในใจของหญิงสาวตรงหน้าซึ่งก็คืออดีตลูกศิษย์ของเขาได้อย่างง่ายดายอย่างที่ได้คาดคิดไว้ เพราะนอกจากทักษะในการสกัดใจที่เก่งกาจเกินแม่มดทั่วไปของเธอแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ยังสามารถล่อลวงสเนปโดยการสร้างความทรงจำที่แปลกปลอมขึ้นมาและส่งภาพนั้นมาล่อลวงเพื่อให้เขาเข้าใจผิดว่ามันเป็นภาพที่ได้จากการอ่านใจเธอได้อีกด้วย

หลังจากที่ลองทดสอบหญิงสาวอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าห้านาที ในที่สุดสเนปก็ลดไม้กายสิทธิ์ลงก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก

“ฉันยอมรับว่าความสามารถในการสกัดใจของเธอนับว่าใช้ได้ทีเดียว” ชายผมดำบอก ทั้งที่จริง ๆ แล้วความสามารถในการสกัดใจของหญิงสาวนั้นเกินคำว่าใช้ได้ไปมากแล้วก็ตาม แต่เธอก็รู้ดีว่ามันเป็นธรรมชาติของสเนปที่จะไม่ยอมเอ่ยปากชมใครออกมาตามตรงเลยแม้กระทั่งในตอนที่เธอสามารถทำข้อสอบของเขาได้คะแนนเต็มก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็อดไม่ได้ที่จะไม่พูดอะไรออกไปเลย

“อันที่จริงฉันได้ที่หนึ่งในชั้นตอนที่เรียนวิชาสกัดใจมานะคะ” เธอพูดออกมาอย่างอวดตัวเล็กน้อย ราวกับว่าการประเมินที่ต่ำเกินไปของสเนปนั้นทำให้เธอไม่พอใจ ขณะที่ชายผมดำมองมาทางหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาราวกับว่าเธอได้กลับมาเป็นเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์คนเดิมสมัยที่เธอเคยเป็นลูกศิษย์ของเขาอีกครั้ง

“แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การได้ที่หนึ่งในชั้นเรียนก็ไม่ได้รับประกันว่าเธอจะสามารถปกป้องความลับของฉันได้หรอกนะ” สเนปพูดเสียงแข็ง

“อาจารย์คะ อาจารย์ก็น่าจะรู้นี่คะว่าลูเซียสไม่น่าจะอ่านใจของฉันได้” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มเถียงเมื่อเห็นว่าอดีตอาจารย์ของเธอไม่มีท่าทีจะยอมเธอง่าย ๆ เหมือนดังเช่นที่เขาไม่เคยยอมให้เธอช่วยเหลือเนวิลล์ในวิชาปรุงยาของเขาตลอดเวลาหลายปีที่เธอเป็นลูกศิษย์ของเขาเลย

“ฉันบอกเธอแล้วไง เกรนเจอร์ ว่าที่ฉันเป็นห่วงนั้นไม่ใช่ว่าลูเซียสจะอ่านใจของเธอได้ เพราะเขาไม่ใช่นักพินิจใจที่ดี แต่ถึงเธอจะเก่งกว่านี้เธอก็ไม่สามารถต้านทานการพินิจใจของจอมมารได้ และเมื่อถึงตอนนั้น.......” เขาพยายามอธิบายด้วยท่าทีรำคาญใจ แต่กลับถูกอดีตลูกศิษย์ของเขาขัดขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าคุณกลัวว่าความลับของคุณจะรั่วไหลมากล่ะก็ คุณก็รีบลบความทรงจำของฉันเสียเถอะค่ะ แล้วก็รีบออกไปจากที่นี่เสียก่อนที่ลูเซียสจะกลับมาเจอคุณเข้า” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันพลางจ้องมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาตัดพ้อ ซึ่งในตอนแรกสเนปนั้นทำท่าจะยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น และเมื่อเห็นเช่นนั้นหญิงสาวที่มีท่าทีราวกับชายตรงหน้าเพิ่งทำร้ายจิตใจเธออย่างที่ไม่น่าจะให้อภัยก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“แต่ก่อนที่คุณจะลบความทรงจำของฉัน ช่วยบอกฉันซักนิดได้ไหมคะ แม้ว่าหลังจากนี้ฉันจะจำเรื่องที่คุณบอกฉันไม่ได้ก็ตาม ว่าแฮร์รี่รวมทั้งคนอื่น ๆ ในภาคีปลอดภัยดี” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเสียใจ ซึ่งสเนปเองก็ไม่แน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าเสียใจเพราะการกระทำของเขาหรือว่าเธอเสียใจเมื่อนึกถึงเพื่อนรักของเธอซึ่งเป็นคนที่จอมมารต้องการชีวิตมากที่สุดกันแน่ และเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของเฮอร์ไมโอนี่ชายผมดำก็ไม่อาจจะตัดใจลบความทรงจำเธอในตอนนี้ได้ และหลังจากนั้นเองสเนปก็ได้ทำสิ่งที่แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังแปลกใจเมื่อเขาค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธิ์ลง ก่อนจะจ้องมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความเห็นใจ ชายผมดำมีท่าทีราวกับเขาต้องต่อสู้กับตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดออกมา

“ฉันจะไม่ลบความทรงจำของเธอด้วยเงื่อนไขเพียงข้อเดียวเท่านั้น คือเธอต้องสาบานมาก่อนว่าเธอจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่เธอได้รู้เข้าให้คนอื่นรู้เป็นอันขาด เรื่องเหล่านี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองคนเท่านั้น!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจนหญิงสาวรู้สึกตัวสั่นขึ้นมา “สาบานกับฉันสิ เกรนเจอร์!” แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็กลับไม่ลังเลเลยยามที่เธอตอบเขาออกมา

“ฉันสาบานค่ะ ว่าจะไม่มีวันพูดเรื่องของอาจารย์ให้ใครได้รู้ทั้งนั้น รวมทั้งฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเก็บรักษาความลับของอาจารย์ไม่ให้คนอื่นมารู้เข้าโดยเด็ดขาดค่ะ” เธอกล่าว ขณะที่สเนปมองเธอด้วยแววตาที่เฉียบคมของเขาอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาสามารถเชื่อหญิงสาวตรงหน้าได้เขาก็พูดขึ้น

“แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าหากฉันเห็นว่าความลับของฉันมีความเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผย ฉันก็จะลบความทรงจำของเธอทันทีในแบบที่เธอจะไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวเลย เธอคงเข้าใจนะ มิสเกรนเจอร์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเขาสามารถทำอย่างที่พูดได้แน่นอน ขณะที่เธออ้าปากเพื่อจะเถียงอะไรบางอย่างออกไป แต่เมื่อเห็นสายตาของร่างตรงหน้าหญิงสาวก็กลืนคำพูดนั้นลงคอไป เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจออกมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันมาจากความรู้สึกโล่งอกหรือหนักใจมากกว่ากันก่อนที่เธอจะเปลี่ยนมาพูดเรื่องอื่นขึ้นแทน

“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกฉันได้ไหมคะ ว่าแฮร์รี่กับรอน รวมทั้งคนอื่น ๆ เป็นยังไงบ้าง” เธอถาม และเฮอร์ไมโอนี่ก็สังเกตุเห็นแววลำบากใจในดวงตาสีดำของอดีตอาจารย์ของเธอ ชายผมดำมีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา

“เท่าที่ฉันรู้พอตเตอร์รวมทั้งวีสลีย์หนีไปซ่อนตัวชั่วคราว หลังจากที่เธอหายไปจากการสอบเป็นมือปราบมาร พวกผู้เสพความตายเชื่อกันว่าถ้าหากพวกเขาไม่เดินทางออกตามหาเธอ พวกเขาก็คงถูกสมาชิกภาคีนำไปซ่อนตัวด้วยคาถาฟิลิเดสอัส เนื่องจากเรายังไม่สามารถหาเบาะแสของทั้งสองคนนั้นได้เลยจนถึงตอนนี้” สเนปบอกกับหญิงสาวที่มีท่าทีโล่งอกขึ้น

“แต่ถึงเราจะคาดเดาได้ว่าพอตเตอร์กับวีสลีย์จะยังปลอดภัยก็ตาม แต่ทางภาคีรวมทั้งพวกมือปราบมารกำลังถูกจู่โจมอย่างหนัก พวกผู้เสพความตายบุกไปฆ่าสมาชิกภาคีได้หลายคนในเวลาสิบวันที่ผ่านมา อีกทั้งพวกนั้นยังเข้าแทรกแซงการทำงานของมือปราบมารได้แล้วด้วย” ชายผมดำพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด และเพราะคำพูดของเขาเองที่ทำให้หัวใจที่พองโตด้วยความหวังของเฮอร์ไมโอนี่กลับมาหนักอึ้งอีกครั้งเมื่อทราบข่าวเกี่ยวกับการฆ่าสังหารสมาชิกภาคีและการแทรกแซงสำนักงานมือปราบมารของพวกผู้เสพความตาย โดยเฉพาะเมื่อเธอได้ยินประโยคต่อไปที่สเนปพูดขึ้น

“เหตุการณ์เลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่จอมมารได้อำนาจของเธอไปอยู่ฝ่ายของเขา” ชายผมดำพูดออกมาตามตรงพลางมองหญิงสาวตรงหน้า แต่เพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ตาโต ก่อนที่เธอจะพูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า

“คุณจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของฉันอย่างนั้นหรือคะ” เธอเถียงออกมาอย่างโมโห

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น มิสเกรนเจอร์……” สเนปพยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไม่ยอมฟังเขาเลยแม้แต่น้อย

“ถ้าคุณคิดว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฉันล่ะก็ ทำไมคุณไม่ลองคิดบ้างละคะว่าถ้าหากฉันไม่ถูกผู้เสพความตายเพื่อนของคุณจับตัวมา รวมทั้งเจ้านายของคุณไม่ขู่ที่จะฆ่าพ่อแม่ของฉัน ฉันก็คงไม่มีวันยอมให้เรื่องทั้งหมดนี่เกิดขึ้นหรอก!” เธอตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่สเนปยังคงมีท่าทีเรียบเฉยเมื่อเขาพูดขึ้น

“เธอเองก็น่าจะรู้ดีนะว่าจอมมารไม่ใช่เจ้านายที่แท้จริงของฉัน แล้วอีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้โทษเธอในเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย แต่ที่ฉันพูดแบบนั้นออกไปเป็นเพราะเธอเป็นคนถามฉันเองต่างหาก” สเนปพูดอย่างมีเหตุผล ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะหาคำพูดใดมาโต้เถียงเขาได้ และเมื่อผ่านไปซักครู่หญิงสาวที่เริ่มมีอารมณ์ที่เย็นลงและเริ่มไตร่ตรองสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุผลได้ก็มองอาจารย์ของเธอด้วยสายตาที่แสดงความรู้สึกผิดแต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากขอโทษชายผมดำออกมาแต่อย่างใด


หลังที่สเนปพูดประโยคสุดท้ายของเขาจบ ความเงียบที่น่าอึดอัดก็เข้ามาปกคลุมภายในห้องทำงานซึ่งทั้งสองใช้เป็นสถานที่เจรจาพูดคุยกัน และหลังจากที่คิดว่าเธอไม่สามารถทนกับความอึดอัดนี้ได้อีกต่อไปเฮอร์ไมโอนี่ก็เงยหน้าขึ้นเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างที่จะเป็นการทำลายความเงียบออกไป แต่เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาสเนป ความคิดบางอย่างก็แวบขึ้นมาในสมองเธอราวกับมีใครกดสวิตซ์ไฟหัวของเธอเพียงแต่มันรุนแรงกว่านั้นมาก เพราะในวินาทีที่ความคิดนั้นแวบเข้ามาในสมองเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกราวกับเธอถูกความจริงที่มีอำนาจพอ ๆ กับสำแสงสะกดนิ่งสิบลำพุ่งเข้ากระทบร่างของเธอ ซึ่งมันทำให้หญิงสาวแทบจะอ้าปากค้างขณะที่ความคิดนั้นแล่นผ่านเข้ามาในสมอง จนสเนปที่เห็นอาการผิดปกติของอดีตลูกศิษย์เอ่ยปากถามขึ้น

“มิสเกรนเจอร์…..” ชายผมดำถามพลางมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสงสัย เพราะในตอนนี้นั้นใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงความตกใจเป็นอย่างมาก และมันต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามสิบวินาทีกว่าที่เธอจะเอ่ยปากตอบคำถามของอดีตอาจารย์ของเธอออกมาได้

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงไปในลำคอที่แห้งผากก่อนที่จะพูดขึ้นมา

“ในวันที่ฉันถูกจับมาที่ศูนย์บัญชาการศาสตร์มืด คุณรู้ไหมคะว่าทำไมจอมมารถึงได้เลือกลูเซียสให้......” เธอกลืนน้ำลายอีกครั้งราวกับเธอรู้สึกกลัวที่จะพูดประโยคต่อไปออกมา “ให้แต่งงานกับฉัน” ขณะที่สเนปที่ได้ยินคำถามนั้นแล้วก็หรี่ตาลงพร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“ฉันไม่คิดว่าการรู้เหตุผลของจอมมารในเรื่องนี้จะมีประโยชน์อะไรต่อทั้งฉันและเธอหรอกนะ” ชายผมดำตอบเรียบ ๆ แต่แววตาของเขายังไม่คลายความสงสัยลงแต่อย่างใด ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามที่จะพูดต่อ

“ฉันหมายความว่า.......คุณก็ได้ยินคำทำนายนั่นไม่ใช่เหรอคะ ว่าคนที่แต่งงานกับเจ้าหญิงจะได้ครอบครองอำนาจของเธอ” หญิงสาวใช้สรรพนามบุรุษที่สามแทนตัวเจ้าหญิงแห่งความมืดราวกับเธอยังไม่อาจยอมรับได้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าหญิงที่เธอว่านั้นก็คือตัวเธอเอง

“แต่ถ้าหากในวันนั้นจอมมารไม่ได้เลือกลูเซียสให้แต่งงานกับฉัน แต่เขาเลือกคุณแทน” เธอพูดเพียงเท่านี้ แต่เมื่อดูจากสีหน้าและแววตาของชายผมดำแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็แน่ใจว่าสเนปเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะบอกเขาเป็นอย่างดี เผลอ ๆ เขาอาจจะล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อนหญิงสาวแล้วก็ได้ เพราะเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่นายลูเซียสจับตัวเธอมาให้ลอร์ดโวลเดอมอร์ที่ศูนย์บัญชาการศาสตร์มืด รวมทั้งสเนปก็ได้รับฟังคำทำนายที่เกี่ยวกับอนาคตของเฮอร์ไมโอนี่ในฐานะทายาทคนสุดท้ายของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดแล้วด้วย

คำทำนายที่ว่าหากชายใดได้ครอบครองเจ้าหญิง ชายผู้นั้นจะได้ครอบครองอำนาจของเธอซึ่งเป็นกุญแจนำไปสู่ชัยชนะในสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้โวลเดมอร์ต้องการให้ลูกสมุนของเขาแต่งงานกับเฮอร์ไมโอนี่หลังจากที่เธอปฏิเสธที่จะช่วยเหลือจอมมารที่จะใช้อำนาจของเธอทำร้ายเพื่อนรักของเธอ แน่นอนว่าคู่แต่งงานที่จอมมารเลือกหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสั่งให้แต่งงานกับหญิงสาวนั้นก็คือลูเซียส มัลฟอยซึ่งในตอนนี้อยู่ในฐานะสามีของเฮอร์ไมโอนี่และผู้ที่ครอบครองอำนาจของเธอ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็เพิ่งนึกได้ว่า ในตอนแรกจอมมารตั้งใจจะยกเธอให้แต่งงานกับลูกสมุนที่ซื่อสัตย์ของเขาคนใดคนหนึ่งระหว่างเซเวอร์รัส สเนป กับลูเซียสมัลฟอย และแม้ว่าในตอนที่ถูกจับตัวมานั้นเฮอร์ไมโอนี่จะไม่สามารถตอบได้ว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับใครมากกว่ากันระหว่างลูเซียส กับสเนป และการที่จอมมารเลือกยกเธอให้นายมัลฟอยนั้นก็มีข้อดีอันน้อยนิดอยู่ตรงที่เธอจะไม่ต้องแต่งงานกับฆาตกรที่ฆ่าดัมเบิลดอร์อย่างสเนป แต่ในตอนนี้ หลังจากที่ได้รู้ความจริงทั้งหมดของชายผมดำรวมทั้งการเสียสละของเขาต่อเพื่อนรักของเธอและดัมเบิลดอร์แล้ว เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่าเธอต้องการให้จอมมารเลือกสเนปเป็นคู่แต่งงานของเธอแทน เพราะแม้ว่ามันอาจจะฟังดูแปลกมากก็ตามที่เธอจะต้องมาแต่งงานกับอดีตอาจารย์ของตัวเอง แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าถ้าหากเธอได้แต่งงานกับสเนปแทนนายลูเซียสแล้วล่ะก็ เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ชายผมดำเพิ่งจะเล่าให้เธอฟังก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้วสเนปนั้นภักดีกับดัมเบิลดอร์และยังคงทำหน้าที่เป็นสายลับของเขามาตลอดแม้ว่าดัมเบิลดอร์จะตายจากไปแล้วก็ตาม และเพราะเหตุนี้ถ้าหากเธอได้แต่งงานกับสเนปแล้ว อำนาจในการชี้ชะตากรรมของสงครามก็จะมาตกอยู่ที่ฝ่ายของแฮร์รี่ ซึ่งจะทำให้การที่ฝ่ายของเธอจะชนะสงครามนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามการได้รับรู้ความจริงเหล่านี้ก็ไม่อาจจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ขึ้นได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามหญิงสาวก็ไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วได้เลย รวมทั้งเธอไม่อาจจะไปทวงอำนาจของเธอคืนจากลูเซียส มัลฟอยผู้ที่ช่วงชิงแทบจะทุกสิ่งอย่างไปจากเธอได้อีกด้วย
หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ ความเงียบที่น่าอึดอัดก็เข้ามาปกคลุมภายในห้องทำงานอีกครั้ง มันเงียบเสียจนหญิงสาวสาบานได้ว่าเธอได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอกเพราะความจริงที่เธอเพิ่งค้นพบ ขณะที่อดีตอาจารย์ของเธอมองเธอด้วยสายตาที่ล้ำลึกราวกับเขาต้องการจะบอกเธอว่าเขาเองก็ล่วงรู้เรื่องที่เธอกำลังคิดอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดออกมา และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงหลบสายตาของชายตรงหน้าไปด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความกดดันหลังจากที่คิดทบทวนเรื่องทั้งหมดอยู่ในสมอง แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่า ไม่ว่าเธอจะปรารถนาที่จะกลับไปแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตมากเพียงใด เธอก็ไม่อาจจะทำได้เลย และไม่ว่าเธอจะปรารถนาให้ตัวเองไม่ได้แต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยมากเพียงใด เธอก็ไม่มีวันที่จะหนีจากสถานะภาพภรรยาของเขาไปได้เช่นกัน

แต่ในขณะที่กำลังคิดเสียใจกับการแต่งงานที่เกิดขึ้นอยู่นั้น เฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งสเนปไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าเจ้าของห้องทำงานที่แท้จริงนั้นได้กลับมาถึงคฤหาสน์แล้ว แถมเขายังมายืนอยู่หน้าห้องทำงานที่ทั้งสองกำลังอยู่ข้างในอีกด้วย

หลังจากที่นายลูเซียสได้รับอนุญาตจากลอร์ดโวลเดอมอร์เขาก็รีบกลับมาที่คฤหาสน์รวมทั้งรุดหน้ามาที่ห้องทำงานของเขาในทันทีที่เขาใช้ผงฟลูเดินทางมาถึงคฤหาสน์ และก็เป็นอย่างที่ชายผมบลอนด์คาดคิดไว้ก็คือมีคนบุกรุกเข้าไปในห้องทำงานของเขาในระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้าน ในตอนแรกนายมัลฟอยปักใจเชื่อว่าผู้บุกรุกนั้นจะไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้นอกจากเฮอร์ไมโอนี่ ภรรยาใหม่ที่แสนจะดื้อดึงของเขา แต่เมื่อเขาได้มายืนอยู่หน้าห้องดังกล่าวแล้วชายผมบลอนด์กลับได้ยินเสียงคนคุยกันภายในห้อง แม้ว่าจะได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นในห้องได้ไม่ชัดเจนนัก แต่นายลูเซียสก็แน่ใจว่ามีคนอย่างน้อยสองคนอยู่ในห้องทำงานของเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นภรรยาของเขา ส่วนอีกเสียงหนึ่งที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างมากซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีทางเป็นเสียงของเอลฟ์ประจำบ้านเป็นแน่ อีกทั้งเอลฟ์ประจำบ้านก็ไม่มีวันที่จะปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในห้องที่เขาได้สั่งไว้นักหนาแล้วว่าห้ามไม่ให้เธอเข้ามาอันขาด และเมื่อเห็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงตัดสินใจที่จะรอฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นในห้องต่อไปเมื่อเขาขยับกายเข้าไปใกล้บานประตูมากขึ้นพลางตั้งใจฟังเสียงพูดคุยกันของคนทั้งสองอีกครั้ง

ถึงแม้ว่าสเนปจะร่ายคาถากันรบกวนไว้เพื่อป้องกันการดักฟังจากคนภายนอกแล้วก็ตาม แต่ชายผมดำไม่รู้มาก่อนว่าห้องทำงานนี้ถูกร่ายคาถาป้องกันขั้นสูงไว้ นอกจากคาถาเตือนภัยที่จะเตือนไปยังวัตถุเวทย์มนต์ของเจ้าของคฤหาสน์เมื่อมีผู้บุกรุกแล้ว เวทย์มนต์ป้องกันชนิดนี้ยังสามารถทำให้คาถาป้องกันต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงคาถากันรบกวนของผู้บุกรุกไม่ทำงานอีกด้วย ดังนั้นมันจึงไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ ที่นายลูเซียสจะแอบฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นภายในห้องจากหน้าประตูห้องทำงานของเขาเลย

โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าบทสนทนาระหว่างเธอและสเนปนั้นไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งนิ่งเงียบไปนานก็พูดขึ้น

“ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้ก็ดีสิคะ” หญิงสาวพึมพำออกมาอย่างหมดหวัง ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองอดีตอาจารย์ของเธอที่มองมาทางเธออย่างอึดอัด

“เธอก็น่าจะรู้ดีนะ มิสเกรนเจอร์ ว่าทั้งเธอรวมถึงฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นได้” สเนปกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ส่วนทางด้านเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างยอมรับ

“ฉันรู้ค่ะ......เพียงแต่ ฉันแค่หวังเท่านั้นว่ามันจะเป็นคุณมากกว่าเขา” เธอพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาชายตรงหน้าอีกครั้ง และในครั้งนี้สายตาของหญิงสาวที่มองชายผมดำนั้นบอกเขาว่าเธอหมายความตามที่พูดจริง ๆ

“ฉันหวังว่าจอมมารจะเลือกให้คุณมาแต่งงานกับฉันแทนที่จะเป็นเขา” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปตามตรง และถึงแม้ว่ามันจะฟังดูแปลกก็ตามที่เธอต้องการจะแต่งงานกับอดีตอาจารย์ของเธอเองมากกว่าสามีคนปัจจุบันของเธอแบบนี้ แต่ถึงกระนั้นทั้งหญิงสาวและสเนปต่างก็รู้ดีว่าคำพูดที่เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมานั้นสื่อถึงความต้องการที่จะให้อำนาจของเธอตกอยู่ในมือของสเนปที่ภักดีต่อดัมเบิลดอร์มากกว่าจะตกอยู่กับนายลูเซียสที่ความจงรักภักดีทั้งหมดของเขาได้มอบให้จอมมารอย่างไม่มีข้อสงสัยมากกว่า ไม่ใช่เธอพูดออกมาเพราะว่าเธอต้องการเป็นภรรยาของสเนปมากกว่าลูเซียสแต่อย่างใด แต่ถึงแม้ว่าจะรู้เช่นนั้นก็ตามชายผมดำก็อดไม่ได้ที่จะมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่แสดงถึงความแปลกใจอยู่ดี

แต่ก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสจะตอบอะไรออกไปหรือก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้พูดอะไรต่อไปประตูห้องทำงานก็เปิดออก เผยให้เห็นร่างของคนที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้เจอมากที่สุดในตอนนี้

ที่ธรณีประตูนั้น ลูเซียส มัลฟอย สามีของเฮอร์ไมโอนี่กำลังยืนมองทั้งสองอยู่ด้วยท่าทีเย็นชา หากแต่ดวงตาสีเงินของเขานั้นแทบจะลุกเป็นไฟ ท่ามกลางความตกใจของทั้งสเนปและเฮอร์ไมโอนี่ชายผมบลอนด์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บอกไม่ได้ว่าเขาโกรธหรือตกใจมากกว่ากัน

“ถ้าเธอต้องการอย่างนั้นจริง ๆ เธอก็น่าจะบอกจอมมารเสียตั้งแต่วันนั้นเลยนะว่าเธอต้องการแต่งงานกับเขามากกว่าฉันน่ะ”




*************************************************




คุยกันหลังอ่านนะคะ

ตอนที่ 15 นี้เอามาลงเร็วหน่อย แต่ตอนที่ 16 คงต้องเป็นหลังปีใหม่เลยนะคะ

ก่อนหน้านี้เราไปอ่านทบทวนฟิคตอนแรก ๆ แล้วก็เจอคำผิดเยอะเลย -*- เลยถือโอกาสตรวจแก้ทั้งฟิคเลยค่ะ

ส่วนตอนที่ 15 นี้อ่านแล้วคิดว่ายังไงรวมทั้งคิดว่าตอนหน้าจะเป็นยังไง อย่าลืมเอามาแชร์กันนะคะ ^^






Create Date : 15 ธันวาคม 2555
Last Update : 15 ธันวาคม 2555 17:40:48 น. 0 comments
Counter : 1285 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.