Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 12 Malfoy Manor PART III



กว่าที่นายลูเซียสและเฮอร์ไมโอนี่จะกลับมาถึงคฤหาสน์ก็เลยเวลาบ่ายโมงมาได้พักหนึ่งแล้ว ทั้งสองทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ห้องอาหารเป็นครั้งแรกซึ่งเอลฟ์ได้จัดเตรียมอาหารอย่างดีไว้ให้เจ้านายของมันอย่างเช่นเคย หลังจากอิ่มหนำกับอาหารมื้อเที่ยงแล้วนายลูเซียสก็บอกหญิงสาวว่าเขาจะพาเธอไปชมภายในคฤหาสน์หลังจากนี้ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป แม้ว่าอันที่จริงแล้วเธอจะต้องการกลับไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมากกว่าก็ตาม แต่หญิงสาวก็ฉลาดพบที่จะไม่ขัดใจชายผมบลอนด์ในเรื่องที่ไม่จำเป็นแบบนี้บวกกับการที่เธอได้ให้คำสัญญากับเขาไปแล้วว่าเธอจะไม่ยอมศึกษาเวทย์มนต์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์อีก มันจึงทำให้ความสนใจในการเข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของเฮอร์ไมโอนี่ลดลงไประดับหนึ่งทีเดียว และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงตอบตกลงที่จะไปชมคฤหาสน์กับสามีของเธอแต่โดยดี และเธอก็ได้พบในทีหลังว่าคฤหาสน์มัลฟอยนั้นกว้างใหญ่และมีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทั้งสองเริ่มจากชั้นแรกของคฤหาสน์ก่อนซึ่งมันเป็นที่ตั้งของห้องโถง ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องอาหาร และห้องสำหรับปรุงยาซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครมาใช้งานเท่าไหร่นัก อันที่จริงชั้นแรกนั้นเป็นที่ตั้งของห้องครัวด้วยเพียงแต่นายลูเซียสปฏิเสธที่จะพาเธอไปดูเนื่องจากเขาคิดว่ามันไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะไปเยี่ยมชมแต่อย่างใด เพราะว่ามันไม่มีอะไรนอกจากควันไฟ กลิ่นอาหาร และเอลฟ์จำนวนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในครัวเท่านั้น

หลังจากที่ชายผมบลอนด์พาเฮอร์ไมโอนี่ชมคฤหาสน์ชั้นแรกจนทั่วแล้ว เขาก็พาเธอขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ (อันที่จริงหญิงสาวรู้ว่ามีอีกสถานที่หนึ่งนอกจากห้องครัวที่เขาไม่ยอมพาเธอเข้าไปดูซึ่งก็คือห้องลับสำหรับเก็บสิ่งของศาสตร์มืดของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้ห้องนั่งเล่น ซึ่งเธอรู้ความลับนี้จากแฮร์รี่และรอนที่ปลอมตัวเป็นแครบกับกอยล์เข้าไปหลอกถามเรื่องทายาทของสลิธีรินจากเดรโกในตอนที่พวกเขาอยู่ปีสอง แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามเรื่องนี้ออกไปเพราะมันเท่ากับเป็นการเปิดเผยแผนการของสามสหายในตอนนั้นด้วย)

ชั้นสองของคฤหาสน์นั้นประกอบด้วยห้องนอนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งห้องนอนของทั้งเฮอร์ไมโอนี่และนายลูเซียสซึ่งเป็นห้องนอนใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่ชั้นสอง และห้องนอนของเดรโกซึ่งตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ไปจนถึงห้องนอนสำหรับรับแขกที่มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนและห้องนั่งเล่นห้องที่สองซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสองนี้ด้วย แต่โดยรวมแล้วชั้นสองของคฤหาสน์นั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษมากนัก นายลูเซียสจึงใช้เวลาพาเธอชมชั้นนี้ไม่นานนักก่อนที่เขาจะพาเธอเดินขึ้นไปยังชั้นสาม

ชั้นสามนั้นประกอบด้วยห้องนอนอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ทางด้านตะวันออกของคฤหาสน์ ส่วนทางด้านตะวันตกนั้นเป็นที่ตั้งของห้องต่าง ๆ มากมาย เช่น ห้องสมุด ห้องสำหรับเต้นรำซึ่งมีกระจกประดับอยู่รอบห้องและมีกลไลสำหรับทำให้พื้นห้องหมุนเอง รวมทั้งมีเครื่องดนตรีที่บรรเลงได้เองอยู่ และรวมไปทั้งถึงทางเดินเชื่อมจากคฤหาสน์ไปยังหอดูดาว และเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่มีความสูงเท่ากับตึกสามชั้นซึ่งบรรจุพรรณไม้นานาชนิดเอาไว้ราวกับมีใครขนเอาต้นไม้ทั้งหมดจากเรียนกระจกของศาสตราจารย์สเปราซ์มาบรรจุเอาไว้ที่นี่ แต่ห้องที่ทำให้หญิงสาวต้องตื่นตาตื่นใจมากที่สุดนั้นเห็นจะเป็นห้องดนตรีที่มีเครื่องดนตรีเกือบจะทุกชนิดบรรจุอยู่ รวมไปถึงแกรนด์เปียโนสีดำสนิทซึ่งวางเด่นอยู่กลางห้องด้วย

หลังจากที่ตะลึงกับความหลากหลายของเครื่องดนตรีจำนวนมากในห้องดนตรีอยู่ได้ไม่นาน เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินเข้าไปหาแกรนด์เปียโนที่วางอยู่กลางห้องอย่างสนใจ หญิงสาวไล้มือไปตามผิวสีดำเงางามของมันซึ่งบอเธอว่าเปียโนตัวนี้ได้รับการดูแลอย่างดี และเมื่อเธอลองดีดโน๊ตสองสามตัวเสียงที่ดังออกมานั้นก็บอกว่ามันได้รับการจูนเสียงอย่างดีเช่นกัน

“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยค่ะว่าที่นี่มีเปียโนด้วย” เธอพึมพำออกมาก่อนจะคิดได้ว่าการที่คฤหาสน์แห่งนี้มีเปียโนอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ธรรมดามากที่สุด เพราะมันดูราวกับว่าคฤหาสน์มัลฟอยได้รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ที่นี่หมดแล้ว และในตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่คงไม่แปลกใจเสียแล้วถ้าหากเธอจะเจอห้องแห่งความลับซ่อนอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้

“เธอเล่นเป็นไหม” นายลูเซียสตอบคำถามของหญิงสาวด้วยการตั้งคำถามขึ้นมาใหม่ขณะที่ก้าวเข้ามายืนใกล้ ๆ ภรรยา เมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่นั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้าเปียโนตัวนั้น

“นิดหน่อยค่ะ ฉันเคยเรียนสมัยที่ยังเป็นเด็ก” หญิงสาวตอบก่อนจะเริ่มวางนิ้วลงบนแป้น เธอเคยเรียนเปียโนตั้งแต่เธอยังไม่เข้าเรียกที่ฮอกวอตส์เสียอีก เฮอร์ไมโอนี่ยังคงจำได้ดีว่าแม่ของเธอต้องขับรถไปส่งเธอในเมืองทุกวันเสาร์เพื่อเรียนเปียโนกับสถาบันสอนดนตรีชื่อดังในลอนดอน แต่หลังจากได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจหยุดเรียนเปียโนไปก่อนที่เธอจะสามารถเล่นมันได้อย่างเชียวชาญเพราะเธอต้องการทุ่มเทเวลาทั้งหมดของเธอไปกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียน

และเป็นเพราะการคิดถึงพ่อแม่ของเธอนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบในอกอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าเธอพยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอของเธอออกมาต่อหน้านายลูเซียสก็ตาม แต่หญิงสาวก็พบว่าการคิดถึงพ่อแม่ของเธอบวกกับคำถามที่เกิดขึ้นในใจว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้นั้นทำให้เธอไม่อาจมีสมาธิกับโน๊ตเพลงที่กำลังจะเล่นได้ จนในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็กดแป้นผิดจนทำให้เกิดเสียงแหลมไม่น่าฟังขึ้น

“ฝีมือฉันแย่จังเลยค่ะ” หญิงสาวพูดพลางยิ้มกลบเกลื่อนร่องรอยกังวลบนใบหน้าของเธอ ขณะที่ชายผมบลอนด์ที่ยืนดูเธออยู่นั้นมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป ตรงกันข้ามเขากลับเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับหญิงสาว และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจนายลูเซียสก็พูดขึ้น

“ฝีมือเธอไม่ได้แย่หรอก เธอแค่ใจลอยไปหน่อยเท่านั้น” เขาพูดก่อนจะจับมือเล็กของหญิงสาวขึ้นมาแล้ววางมันลงบนคีย์อย่างเหมาะสม “อีกอย่างมือของเธอเล็กไปหน่อย ลองกางมือแบบนี้สิ” เขาแนะนำก่อนจะค่อย ๆ สอนเธอดีดเปียโนแบบที่ถูกต้องอย่างช้า ๆ แต่การกระทำของเขากลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่ประหม่ามากกว่าเดิมเมื่อเธอสัมผัสถึงลมหายใจของชายผมบลอนด์ซึ่งปะทะอยู่ที่ข้างแก้มของเธอพอ ๆ กับที่วงแขนของเขาโอบกอดเธอไว้ และมือใหญ่ของเขาวางอยู่เหนือมือเล็กของเธอ แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามรวมรวบสติมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถจดจ่อสมาธิของเธออยู่กับสิ่งที่เขากำลังสอนได้เมื่อหัวใจของเธอเต้นแรงจนหญิงสาวกลัวไปว่านายลูเซียสจะได้ยินมันเข้า และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงชักมือของเธอออกมาจากมือใหญ่ของสามี และเมื่อเขามองมาทางเธออย่างไม่เข้าใจเฮอร์ไมโอนี่จึงตอบออกไปว่า

“ฉันไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้เท่าไหร่หรอกค่ะ คุณอย่าเสียเวลาสอนฉันเลยจะดีกว่า” เธอพูด แต่แน่นอนว่าชายผมบลอนด์รู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่คำพูดกลบเกลื่อนของหญิงสาวเท่านั้น และริมฝีปากบางของนายลูเซียสก็ยกสูงขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าแก้มของเฮอร์ไมโอนี่ที่กลายเป็นสีชมพู รวมทั้งท่าทีประหม่าของเธอซึ่งทำให้หญิงสาวนั้นน่าเอ็นดูขึ้นไม่น้อย จนชายผมบลอนด์อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบเธอที่ริมฝีปาก

แม้ว่าจะรู้ดีว่าร่างตรงหน้ากำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่ได้ขัดขืนออกไปแต่อย่างใดราวกับว่าเธอเคยชินรวมทั้งทำใจได้กับการที่สามีของเธอจูบเธอแบบนี้ อันที่จริงความรู้สึกของหญิงสาวที่มีต่อการกระทำของนายลูเซียสนั้นเลยขั้นของการทำใจยอมรับได้ไปเสียแล้ว เพราะแม้จะรู้ดีว่าชายตรงหน้านั้นเป็นผู้เสพความตายกระหายเลือดที่ช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกดีไปกับสัมผัสของเขาได้ โดยเฉพาะในยามที่เขาจูบเธอ ยามที่ริมฝีปากบางของเขาสัมผัสปากอิ่มของเธออย่างอ่อนโยนแบบนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับร่างกายของเธอเบาหวิว หญิงสาวหลับตาลงพลางจูบตอบอย่างไม่นึกเขินอาย จนกระทั่งร่างใหญ่นั้นถอนริมฝีปากของเขาขึ้นมา

หลังจากที่จูบร่างเล็กในอ้อมแขนของเขาจนพอใจแล้วนายลูเซียสก็ถอนริมฝีปากของเขาออกมาและจูบเธออีกครั้งที่หน้าผากพร้อมกับมองหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู จนกระทั่งเธอเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างขึ้น

“ลูเซียสคะ” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มพูด มีร่องรอยของความลังเลยอยู่ในน้ำเสียงของเธอยามที่เธอเอ่ยประโยคนั้นออกมา

“มีอะไรหรือ” เขาถามพลางมองเธออย่างสงสัย
“ฉันอยากถามบางอย่างกับคุณน่ะค่ะ” เธอพูดพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา และเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของหญิงสาวที่มองมาแล้วชายผมบลอนด์จึงตอบเธอออกไป

“เธอจะถามอะไรฉันหรือ” เขากล่าวพลางลูบแก้มเนียนของเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ ขณะที่หญิงสาวมีท่าทีลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

“ฉันอยากรู้ว่าพ่อแม่ของฉันเป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ” เธอพูดออกไปพลางมองหน้าของสามี แน่นอนว่านายลูเซียสรู้ดีว่า ‘ พ่อแม่ ’ ที่เฮอร์ไมโอนี่พูดถึงนั้นหมายถึงพ่อแม่บุญธรรมของเธอซึ่งเป็นมักเกิ้ล ไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้วแต่อย่างใด และเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงยิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนจะพูดขึ้น

“เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นาว่าพ่อแม่ของเธอปลอดภัยดี พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองอย่างดีตามที่สัญญาระบุไว้” ชายผมบลอนด์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลดุจแพรไหม ซึ่งเขาจะใช้มันทุกครั้งที่เขาต้องการจะเกลี้ยกล่อมหรือชักจูงให้เธอเชื่อในเรื่องที่เขาพูดออกมา แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าชายตรงหน้าไม่ได้พูดความจริงกับเธอทั้งหมด เพราะอันที่จริงแล้วสิ่งที่สัญญาระบุได้คือการที่ผู้เสพความตายไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ สองสามีภรรยาเกรนเจอร์ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่รายละเอียดของสัญญานั้นไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองพวกเขาจากภัยอันตรายอื่น ๆ นอกเหนือจากการคุมคามของลูกสมุนของจอมมารแต่อย่างใด

“ฉันหมายความว่าฉันอยากรู้ว่าพวกท่านเป็นยังไงบ้างหลังจากที่ฉันหายไปน่ะค่ะ ฉันอยากรู้ว่าพวกท่านสบายดีไหม” น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเครือยามที่เธอเอ่ยถึงพ่อแม่อุปถัมด์ของเธอเอง แม้เธอจะรู้ดีว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่ได้รู้สึกรักพวกท่านทั้งสองน้อยลงไปกว่าเดิมเลย และการพูดถึงพวกท่านก็นำความเจ็บปวดรวมทั้งความห่วงหาอย่างไม่อาจประมาณได้มาให้แก่หญิงสาว แต่เธอก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้ออกมา ขณะที่สามีของเธอมีสีหน้ายุ่งยากใจกับคำถามนี้ ราวกับเขาคิดไว้แล้วว่าภรรยาของเขาจะต้องร้องไห้ออกมาในอีกไม่วินาทีต่อไปอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นนายลูเซียสก็ยอมตอบคำถามของเธอออกมาเป็นอย่างดี

“พวกเขาสบายดี” เขาเริ่มพูด “สายของเราคอยจับตาดูพวกเขาอยู่เป็นระยะ ๆ มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกเขาที่เธอต้องเลยกังวลเลย” ชายผมบลอนด์อธิบาย แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่สามารถทำอย่างที่เขาแนะนำได้เมื่อเธอถามเขาต่อ

“แล้วพ่อกับแม่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ พวกท่านกังวลเรื่องที่ฉันหายตัวไปหรือเปล่า” เธอถามอย่างรวดเร็ว ขณะที่นายลูเซียสถอนหายใจออกมา เขามีท่าทีราวกับเขารู้สึกอึกอัดใจเป็นอย่างมากในการตอบคำถามนี้ แต่เมื่อได้เห็นแววตาอ้อนวอนของภรรยาแล้ว ชายผมบลอนด์ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่เพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจตอบคำถามของเธอออกมา

นายลูเซียสหันมามองหญิงสาวอย่างเต็มตาก่อนที่เขาจะพูดขึ้น

“หลังจากที่เธอเซ็นต์สัญาแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งก็เข้าไปหาพ่อแม่ของเธอที่บ้านเพื่อแปลงความทรงจำของพวกเขา” เขาอธิบาย ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าตกใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไปนั้นสามีของเธอก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“เราทำไปเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง เราจำเป็นต้องทำให้พ่อแม่ของเธอเข้าใจว่าเธอต้องไปฝึกอบรมการเป็นมือปราบมารอย่างไม่มีกำหนดซึ่งนั่นเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะไม่ไปแจ้งกระทรวงเรื่องที่เธอหายตัวไป” เขาตอบออกมาตามตรง แต่ดูเหมือนว่าการได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอนั้นจะไม่ได้ช่วยให้หญิงสาวคลายความเป็นห่วงพวกเขาลงได้เลย ตรงกันข้ามเธอกลับตื่นตระหนกมากกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่อได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของเธอบ้าง

“พวกคุณทำอะไรพวกท่านคะ!” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเรียกได้ว่าเกรี้ยวกราด จนนายลูเซียสต้องส่งสายตาปราม ๆ มาให้เฮอร์ไมโอนี่เมื่อเธอเริ่มขึ้นเสียงกับเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ได้ทีท่าทีโกรธเคืองแต่อย่างใด

“เธอก็รู้ว่าเราทำอะไรพวกเขาไม่ได้ตามสัญญาการแต่งงานที่เธอได้เซ็นต์ลงไป!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และเมื่อลองมาพิจารณาสิ่งที่นายมัลฟอยได้พูดและเห็นว่ามันสมเหตุสมผลแล้วหญิงสาวจึงมีท่าทีที่สงบลง แต่เธอก็ยังไม่ยอมเลิกตั้งคำถามเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอกับชายตรงหน้าอยู่ดี

“คุณเป็นคนแปลงความทรงจำของพวกท่านหรือคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามต่


“ไม่ใช่ฉัน” เขาตอบอย่างไม่สู้พอใจนัก

“ถ้างั้นเป็นใครกันคะ” เธอยังคงไม่ลดละความพยายามแม้จะเห็นว่าชายผมบลอนด์มีท่าทีรำคาญใจกับคำถามของเธอก็ตาม

“เธอจะรู้ไปทำไมกัน” เขากล่าว

“ฉันอยากรู้ค่ะ” เธอตอบอย่างแน่วแน่ ขณะที่สามีของเธอจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง นายมัลฟอยมีสีหน้ายุ่งยากใจก่อนจะตอบคำถามนั้นออกมา

“เซเวอร์รัส เซเวอร์รัสเป็นคนร่ายคาถาปรับความทรงจำพ่อแม่ของเธอ” นายลูเซียสตอบออกมาในที่สุด และสิ่งแรกที่หญิงสาวรู้สึกหลังจากได้ยินชื่ออดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอก็คือคลื่นความเกลียดชังที่แผ่ไปทั่วร่างกายของเธอราวกับยาพิษ แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่เคยไม่ชอบอาจารย์คนไหนมากเป็นพิเศษก็ตาม (อาจจะยกเว้นอัมบริดจ์ที่ทำตัวร้ายกาจกับแฮร์รี่และสมาชิกก.ด.มากเท่านั้น) เธอกลับต้องแปลกใจที่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อสเนปได้ก้าวข้ามจากความไม่พอใจไปเป็นความเกลียดชังหลังจากที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนสังหารดัมเบิลดอร์และทรยศต่อภาคี แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามหญิงสาวกลับรู้สึกโล่งอกไม่น้อยที่สเนปเป็นคนร่ายคาถาแปลงความทรงจำของพ่อแม่เธอ เพราะเฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่านอกจากสเนปจะเชี่ยวชาญทางด้านการปรุงยาและศาสตร์มืดแล้วเขายังเป็นนักสกัดใจและพินิจใจที่ดีคนหนึ่ง ซึ่งความสามารถในการจัดการกับความทรงจำของเขานั้นคงจะมีมากกว่าผู้เสพความตายคนอื่นเป็นแน่

หลังจากได้รับคำตอบแล้วความเงียบที่น่าอึดอัดก็เข้ามาปกคลุมห้องดนตรี ทั้งนายลูเซียสและเฮอร์ไมโอนี่ต่างไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งชายผมบลอนด์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา

“ตอนนี้พ่อแม่ของเธอสบายดี มันไม่มีอะไรที่เธอต้องเป็นห่วงเลย” เขาพูดขึ้นพลางบีบมือของหญิงสาวเบา ๆ ขณะที่เธอพยักหน้าอย่างรับรู้ แม้จะกังวลในเรื่องของพ่อแม่มากก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่าเธอไม่อาจทำอะไรในเรื่องนี้ได้เลย อีกทั้งการที่สเนปร่ายคาถาปรับความทรงจำของพ่อแม่ของเธอนั้นอาจจะเป็นการดีต่อพวกเขาก็เป็นได้ เพราะว่าอย่างน้อย ๆ พวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติโดยที่ไม่ต้องมากังวลในเรื่องที่เธอหายตัวไปแบบนี้ อันที่จริงเฮอร์ไมโอนี่เองก็วางแผนที่จะแปลงความทรงจำของพ่อแม่เธอแบบเดียวกับที่ผู้เสพความตายได้ทำลงไปเหมือนกัน เนื่องจากเธอ แฮร์รี่ และรอนได้สัญญากันไว้ว่าหลังจากที่พวกเขาได้รับตำแหน่งมือปราบมารแล้วทั้งสามจะออกตามหาฮอกครักซ์ในทันที และเมื่อถึงตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ตั้งใจที่จะร่ายคาถาปรับความทรงจำของพ่อแม่เธอเพื่อให้พวกเขาลืมเรื่องราวของเธอและส่งพวกเขาไปยังที่ไกล ๆ เพื่อให้พวกเขาปลอดภัยของสงคราม แต่หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะถูกผู้เสพคความตายจับตัวมารวมทั้งจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยแบบนี้

หลังจากที่ทำใจให้สงบลงและสามารถยอมรับได้แล้วว่าสิ่งที่นายมัลฟอยได้บอกเธอนั้นเป็นข้อมูลที่มีเหตุผลรวมทั้งมีประโยชน์ต่อเธอไม่น้อย เฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองสามีของเธอก่อนจะพูดขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นเบา ๆ ขณะที่นายลูเซียสมองเธอพิจารณา และเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีที่สงบลงมากแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะชวนเธอออกไปชมส่วนอื่นของคฤหาสน์ต่อ

“ฉันว่าเราออกไปห้องอื่นกันดีกว่าไหม” เขาถามอย่างสุภาพพลางมองเข้าไปในดวงตาของภรรยา และเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ตอบรับด้วยการพยักหน้าเบา ๆ ชายผมบลอนด์จึงพาเธอลุกจากเก้าอี้และเดินออกจากห้องไป


…………………………………………….


กว่าที่เฮอร์ไมโอนี่จะสำรวจห้องทุกห้องบริเวณปีกตะวันตกของชั้นสามจนครบก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว และเมื่อเป็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงพาเธอลงจากชั้นสามไปยังห้องอาหาร แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ลงบันไดไปยังด้านล่างหญิงสาวก็สะดุดตาเข้ากับห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้กับระเบียงทางเดินชั้นสามขึ้นมา

“นั่นห้องอะไรคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ แต่เมื่อเธอได้เห็นสีหน้าอึดอัดใจของนายลูเซียส เธอก็รู้ทันทีว่าเธอได้ถามคำถามที่ไม่ควรถามออกไปเสียแล้ว เพราะเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ในตอนนี้เองว่าห้องที่เธอเห็นนั้น่าจะเป็นหนึ่งในสองห้องที่นายลูเซียสห้ามไม่ให้เธอเข้าไปในคฤหาสน์แห่งนี้ ซึ่งห้องหนึ่งก็คือห้องทำงานของเขาที่เชื่อมต่อกับห้องสมุด ส่วนอีกห้องนั้นเป็นห้องนอนของภรรยาเก่าของเขา

แม้ว่าจะอึดอัดใจกับคำถามของหญิงสาวมากก็ตามแต่ชายผมบลอนด์ก็ยอมตอบคำถามนั้นออกมาแต่โดยดี

“นั่นเป็นห้องนอนเก่าของฉันกับนาร์ซิสซา” เขาตอบออกมาด้วยท่าทีที่เรียบเฉย แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาลำบากใจไม่น้อยที่จะต้องพูดเรื่องนี้ออกมา

“ฉันขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเธอต้องการบอกเขาว่าเธอรู้สึกผิดในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าสามีของเธอจะไม่ได้ติดใจการกระทำของเธอแต่อย่างใด หรืออย่างน้อย ๆ เขาก็คงแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่สนใจในความผิดพลาดนั้นของเธอ ขณะที่สายตาของเขาจะละไปจากใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่และเลื่อนไปมองบานประตูซึ่งด้านหลังของมันเป็นห้องนอนเก่าที่น่าจะเต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขากับนางนาร์ซิสซาด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้า และเมื่อเห็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจพูดขึ้น

“อันที่จริงฉันอยากจะลงไปอาบน้ำก่อนทานอาหารน่ะค่ะ แล้วเราค่อยไปเจอกันที่ห้องอาหารดีกว่านะคะ” เธอพูด และเมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความไม่เข้าใจของนายลูเซียสหญิงสาวจึงเสริมขึ้นอย่างแผ่วเบา

“ฉันคิดว่าฉันน่าจะปล่อยให้คุณไว้ที่นี่ดีกว่า เผื่อว่าคุณอยากจะเข้าไปที่ห้องนั้น.......” เธอพูดออกมาราวกับเธอเข้าใจในสิ่งที่เขารู้สึกเป็นอย่างดี ซึ่งอันที่จริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่เธอจะเข้าใจความรู้สึกของเขา เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยต้องสูญเสียคู่แต่งงานที่ใช้ชีวิตร่วมกับมานานอย่างที่นายลูเซียสสูญเสียภรรยาเก่าของเขา แต่โดยไม่ได้คาดการณ์มาก่อนชายผมบลอนด์ตอบแทนข้อเสนอแนะของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขันระคนเศร้าหมองเมื่อเขาพูดขึ้นมา

“อะไรทำให้เธอคิดว่าฉันอยากเข้าไปในห้องนั้นกัน” เขาถามกับสีหน้าแปลกใจของเฮอร์ไมโอนี่

“ก็คุณ.....” หญิงสาวตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเงียบไป เมื่อสามีของเธอก้าวเข้ามาใกล้เธออีกสองก้าว ก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ

“ฉันไม่เคยเข้าไปในห้องนั้นอีกเลย ตั้งแต่นาร์ซิสซาจากฉันไป” เขาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความปวดร้าวจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกใจหาย

“คุณปิดตายห้องนั้นหรือคะ” เธอถามออกไปก่อนที่จะห้ามตัวเองได้ทัน แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ชายผมบลอนด์จะดูไม่โกรธเคืองแต่อย่างใดเมื่อเธอถามเรื่องอดีตของเขาออกมาตามตรงแบบนี้

“ก็ไม่เชิงหรอก” เขาตอบ แววตาของเขาดูเศร้าหมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่ดูสุขุมตามแบบฉบับของมัลฟอยภายในเสี้ยววินาทีเมื่อเขาพูดต่อ “ฉันว่าเราลงไปที่ห้องอาหารกันดีกว่าไหม” เขาถาม และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ตอบอะไรออกมานอกจากพยักหน้าเบา ๆ นายลูเซียสก็คว้ามือเล็กของเธอมากุมและพาเธอเดินลงไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์โดยทิ้งบานประตูที่ภายในเต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขากับภรรยาเก่าเอาไว้เบื้องหลัง




*************************************************





Create Date : 23 สิงหาคม 2555
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 19:38:59 น. 0 comments
Counter : 1735 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.