Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 18 The Unexpected Events PART II




ในขณะเดียวกันนั้นที่สุดปลายทางเดินของปีกตะวันออก ท่ามกลางพายุแห่งโทสะที่กำลังโหมกระหน่ำจนมันพัดพาเอาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีออกไปจากชายหนุ่มผมบลอนด์อยู่นั้นเดรโก มัลฟอย ก็ได้ลงมือกระทำสิ่งที่ไม่อาจจะเรียกเป็นอย่างอื่นได้นอกจากการฝืนใจหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของพ่อเขาลงไป ท่ามกลางท่าทีหวาดกลัวและความพยายามในการดิ้นรนของหญิงสาวที่กำลังถูกเขาใช้กำลังรุกรานร่างกายของเธออยู่นั้น ดูเหมือนว่าเดรโกจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นจะเจ็บปวดรวมทั้งไม่เต็มใจในการกระทำของเขามากเพียงใด เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าแก้มเนียนของเธอจะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธออย่างไม่ขาดสายเพราะการกระทำของเขา รวมทั้งเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นจะอยู่ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องของพ่อเขา ซึ่งทำให้เธอมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของเขาด้วยก็ตาม เพราะในตอนนี้โทสะและความโกรธเกรี้ยวของเดรโกนั้นได้มามีอำนาจเหนือสติสัมปชัญญะของเขาซึ่งมันควรจะมีหน้าที่ยับยั้งไม่ให้เขาทำเรื่องที่ผิดพลาดแบบนี้ลงไปเสียแล้ว และในตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะมายับยั้งหรือหยุดการกระทำของชายหนุ่มได้เลย อันที่จริงเดรโกแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นคืออะไรและมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องมากเพียงใด เขารู้เพียงแค่ว่าเขาต้องการสั่งสอนหญิงสาวตรงหน้าให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำลงไปกับพ่อของเขาเท่านั้น และในขณะที่เดรโกกำลังสั่งสอนเฮอร์ไมโอนี่ด้วยวิธีที่เขาเห็นว่าสมควรอยู่นั้นชายหนุ่มกลับไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเขานั้นจะส่งผลที่ร้ายแรงต่อเขาในเวลาต่อมาอย่างไรบ้าง! เดรโกไม่แม้แต่รับรู้ถึงการมาของร่างอีกร่างหนึ่งที่เพิ่งเข้ามายืนมองการกระทำของเขาจากด้านหลังขณะที่เขากำลังฝังใบหน้าของเขาเข้ากับซอกคอของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังดิ้นรนขัดขืนการกระทำของชายหนุ่มอยู่อย่างสุดความสามารถในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ

หากแต่ในไม่ช้าเดรโกก็ได้มีโอกาสรับรู้ถึงการมาเยือนของบุคคลที่สามขณะที่เขากำลังไล้ริมฝีปากไปทั่วซอกคอของหญิงสาวตรงหน้าอยู่เมื่อเขารู้สึกได้ถึงวัตถุบางชนิดที่น่าจะทำจากโลหะซึ่งเข้ามาสัมผัสที่ไหล่ของเขา และเพราะสัมผัสที่เย็นเยียบของมันซึ่งชายหนุ่มรู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่น้อยนั้นเองที่ส่งผลให้เขาละใบหน้าออกจากร่างเล็กตรงหน้าก่อนจะเอี้ยวคอไปมองวัตถุที่อยู่บนไหล่ของเขาเองด้วยความสงสัย และสิ่งที่เดรโกได้ค้นพบจากการกระทำนั้นของเขาก็คือวัตถุดังกล่าวนั้นเป็นวัตถุสีเงินที่มีรูปร่างเป็นงู และมันก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากเป็นสิ่งที่ประดับอยู่บนไม้เท้าของพ่อเขาเอง!

ดวงตาสีเงินของเดรโกเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อมันมองไปพบเข้ากับดวงตาสีมรกตของไม้เท้ารูปงู และเมื่อชายหนุ่มหันหลังกลับไป ดวงตารวมทั้งสีหน้าของเขาก็ยิ่งดูตกใจมากขึ้นเมื่อมันสบเข้ากับดวงตาแบบเดียวกันของเจ้าของไม้เท้าดังกล่าว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลูเซียส มัลฟอย พ่อแท้ๆของเขาเอง!!!

ขณะที่มัลฟอยผู้เป็นลูกนั้นหันกลับมาเผชิญหน้าพ่อบังเกิดเกล้าของเขาด้วยท่าทีตื่นตระหนกจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่ขาวซีดราวกับไร้สีเลือดอยู่นั้น ใบหน้าของนายมัลฟอยผู้พ่อที่บัดนี้ดูเย็นชาและแข็งกระด้างราวกับหินอ่อนขัดกับดวงตาที่ดูราวโรจน์ราวกับจะลุกเป็นไฟของเขาก็มองข้ามไหล่ของลูกชายไปยังร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งกำลังยืนหลังพิงผนังอยู่ห่างจากเขาไม่มากนัก และเมื่อเขาทำเช่นนั้นนายลูเซียสก็พบว่าหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขานั้นกำลังอยู่ในสภาพที่มีน้ำตานองหน้า ดวงตาคู่สวยของเธอนั้นแดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมเผ้าของเธอที่ยุ่งเหยิงรวมถึงเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่าทุกอย่างที่กล่าวมาก็คือสภาพของร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาและสะอึกสะอื้นอยู่ รวมทั้งดวงตาสีน้ำตาลที่บอบช้ำของเฮอร์ไมโอนี่นั้นยังบ่งบอกนายลูเซียสได้ดีกว่าอะไรทั้งหมดว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก่อนหน้านี้ และคำตอบที่ชายผมบลอนด์ได้จากสิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้นั้นก็ไม่ใช่คำตอบอื่นใดนอกจากการที่ลูกชายของเขาใช้กำลังข่มแหงภรรยาของเขาเอง!

และเมื่อเห็นเช่นนั้น นายมัลฟอยก็รู้สึกราวกับความจริงได้วิ่งอัดร่างของเขาอย่างรุนแรงพอ ๆ กับลำแสงสะกดนิ่งสักสิบลำแสง แต่หลังจากตกใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งค้นพบอยู่ได้ไม่นานนักนายลูเซียสก็รู้สึกถึงความโกรธที่จู่ๆ ก็ท่วมท้นขึ้นภายในอกของเขาราวกับภูเขาไฟที่เพิ่งระเบิด! และในวินาทีต่อมา ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเขากำลังจะทำอะไรลงไปนั้นชายผมบลอนด์ก็คว้าเสื้อคลุมของลูกชายไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และผลักร่างของเดรโกออกห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เขามี

ในวินาทีต่อมาร่างสูงของชายหนุ่มผมบลอนด์ก็เซไปตามแรงผลักของพ่อเขาเอง และเมื่อเดรโกรู้สึกตัวอีกครั้งหลังของเขาก็ถูกดันติดผนังด้วยฝีมือของนายลูเซียส ขณะที่ร่างใหญ่ของนายมัลฟอยนั้นย่างสามขุมตามลูกชายไปพร้อม ๆ กับที่มือหนึ่งของของเขาคว้าเสื้อคลุมของชายหนุ่มเอาไว้

“แกกล้าดียังไง!!!” นายลูเซียสคำราม พร้อมกับมองลูกชายของตัวเองด้วยแววตาราวโรจน์ซึ่งเขาไม่เคยใช้กับเดรโกมาก่อนไม่ว่าเขาจะโกรธชายหนุ่มมากแค่ไหนก็ตาม

“พ่อ ฟังผมก่อน!” เดรโกพยายามจะอธิบาย หากแต่ดูเหมือนว่านายมัลฟอยผู้พ่อนั้นจะไม่ยอมรับฟังคำแก้ตัวของลูกชายของเขาอีกต่อไปหลังจากที่เขาเพิ่งได้เห็นกับตาในสิ่งที่เดรโกทำกับเฮอร์ไมโอนี่

“แกยังจะมีหน้ามาอธิบายอะไรอีก! ในเมื่อฉันเห็นสิ่งที่แกทำกับตาแบบนี้ แกกล้าดียังไง!!! แกทำแบบนี้ได้ยังไง!!!” เขาตะโกนใส่ใบหน้าลูกชาย มือใหญ่ที่กุมเสื้อคลุมของเดรโกอยู่นั้นสั่นเทาด้วยความโกรธ สีหน้าของนายลูเซียสในตอนนี้นั้นดูราวกับเขาต้องพยายามห้ามตัวเองเป็นอย่างมากไม่ให้ลงมือทำร้ายร่างตรงหน้าผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเองลงไป หลังจากที่เขาจับได้คาหนังคาเขาว่าเดรโกนั้นล่วงเกินภรรยาใหม่ของเขาอย่างเฮอร์ไมโอนี่ แต่ดูเหมือนว่าความอดทนของนายลูเซียสที่จะไม่ลงมือทำร้ายหรือสั่งสอนชายหนุ่มนั้นก็ไม่สามารถคงอยู่ได้นานเมื่อลูกชายของเขาพูดประโยคต่อไปออกมา

“ผมทำได้ยังไงอย่างนั้นหรือ” เดรโกเค้นแต่ละคำพูดออกมาจากริมฝีปากบางแบบเดียวกับนายลูเซียสอย่างยากลำบาก “แล้วทีนังแพศยาเมียพ่อล่ะ………” และเพราะคำพูดนี้ของชายหนุ่มเอง ที่ทำให้ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจนจบประโยค ฝ่ามือใหญ่ของนายมัลฟอยผู้พ่อก็ฟาดเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าของเดรโกจนใบหน้าของชายหนุ่มนั้นหันตามแรงตบของชายผมบลอนด์ เสียงที่เกิดขึ้นซึ่งดังก้องไปทั่วระเบียงทางเดินนั้นบ่งบอกได้ดีว่าการที่นายลูเซียสลงมือตบสั่งสอนลูกชายของตัวเองนั้นรุนแรงเพียงใด และเพราะเสียงที่ดังขึ้นนั้นเองทำให้ทั่วบริเวณนั้นตกอยู่ในความเงียบที่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นผู้ดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่นั้นคิดว่าหากมีเข็มตกลงพื้นเธอก็คงสามารถได้ยินได้ท่ามกลางความเงียบงันเช่นนี้

แต่ความเงียบที่กล่าวถึงนั้นไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นในบริเวณปีกตะวันออกของคฤหาสน์ เพราะนอกจากความเงียบสงัดจนแทบจะไม่มีเสียงหายใจแล้วนั้นการกระทำของนายมัลฟอยเมื่อครู่ยังก่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดอย่างมหาศาลขึ้นมาด้วย เพราะเมื่อเดรโกเงยหน้าขึ้นมามองชายผมบลอนด์หลังจากที่พ่อแท้ ๆ ของเขาเพิ่งตบหน้าเขาเป็นครั้งแรก ดวงตาสีเงินแบบเดียวกับบิดาของชายหนุ่มนั้นก็แสดงออกถึงความเจ็บปวดและเสียใจกับการกระทำของนายลูเซียสออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ชายผมบลอนด์ผู้เป็นคนลงมือทำร้ายลูกชายของเขาลงไปเป็นครั้งแรกก็มองใบหน้าของเดรโกสลับกับมือใหญ่ของเขาเองด้วยท่าทีที่แสดงถึงความสับสนราวกับเขาเองก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปเช่นกัน แต่สีหน้าและแววตาที่แสดงถึงความสับสนและไม่แน่ใจนั้นก็คงอยู่บนใบหน้าของนายมัลฟอยได้ไม่นานนักเพราะหลังจากที่นายลูเซียสเงยหน้าขึ้นสบตาลูกชายได้ครู่หนึ่ง และถึงแม้ว่าสิ่งที่นายลูเซียสจะได้เห็นจากการเงยหน้าขึ้นสบตาเดรโกนั้นจะเป็นสีหน้าที่แสดงถึงความตกใจระคนเสียใจในสิ่งที่พ่อของเขาได้ทำลงไปก็ตาม หากแต่คำพูดต่อมาของชายหนุ่มนั้นเองที่ทำให้ความรู้สึกสงสารของชายผมบลอนด์ที่มีต่อลูกชายของเขาแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นความโกรธเกรี้ยวอีกครั้งเมื่อเดรโกพูดขึ้นว่า

“นี่พ่อคงหลงนังนี่มันมากนักใช่มั๊ย!” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ หากแต่ดูเหมือนว่าความเสียใจที่เดรโกแสดงออกมาทางน้ำเสียงและท่าทางของเขานั้นจะไม่ทำให้พ่อของเขารู้สึกสงสารหรือเห็นใจเขาขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย “พ่อไม่รู้เลยใช่มั๊ยว่าพ่อกำลังถูกมัน……………” ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจนจบ นายลูเซียสก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“แกอย่าบังอาจมาเรียกเฮอร์ไมโอนี่แบบนี้อีก! รวมทั้งอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับเธอด้วย! แค่เรื่องที่แกทำกับเธอนี่มันก็มากพอแล้ว!!!” ชายผมบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ขณะที่เดรโกนั้นมองพ่อของเขาด้วยสายตาราวกับเขาไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ที่พ่อของเขาไปเข้าข้างเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของพ่อมากกว่าเขาซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ แบบนี้ และเพราะการกระทำนั้นของนายลูเซียสเองที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเดือดดาล ผิดหวัง และเสียใจจนเขาไม่สามารถจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ราวกับความรู้สึกทั้งหมดอัดอั้นอยู่ในอกของเขาจนมันแทบจะระเบิดออกมา เพราะสำหรับเดรโกแล้วแค่เรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่นอกใจพ่อของเขาไปเป็นชู้กับสเนปมันก็มากเกินพอแล้ว แต่การที่เขาได้มารับรู้ว่าพ่อของเขาเลือกที่จะเข้าข้างเมียใหม่ของพ่อแทนที่จะฟังเขาซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อเองนั้นเป็นเรื่องที่เกินจะรับไหวสำหรับเดรโก และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจพูดขึ้นอีกครั้ง

“ทำไมผมจะเรียกมันแบบนี้ไม่ได้! ก็นังแพศยานี่มันเป็นอย่างที่ผมเรียกจริงๆนี่ ไม่งั้นมันคงไม่นอกใจพ่......” ชายหนุ่มตะโกน หากแต่เขาก็ไม่สามารถจะพูดประโยคดังกล่าวจนจบได้ เมื่อนายลูเซียสผู้เป็นพ่อของเขาชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปทางชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายของเขาเอง

“ฉันบอกให้แกหยุดไง!!!” ชายผมบลอนด์ประกาศก้อง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นผู้ดูเหตุการณ์อยู่นั้นรู้สึกราวกับหัวใจของเธอตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หญิงสาวตกใจไม่น้อยที่เดรโกเกือบจะบอกความลับของเธอที่เขาบังเอิญไปค้นพบเข้ากับพ่อของเขาไป หากแต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากกว่านั้นก็คือการที่นายมัลฟอยชักไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้ไปที่ลูกชายของเขาเองแบบนี้

แต่ถึงแม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของเขาจะตกใจกับการกระทำของสามีมากเพียงใดก็ตาม ชายหนุ่มที่อยู่ในฐานะลูกเลี้ยงของเธออย่างเดรโกนั้นกลับรู้สึกตกใจมากกว่าเฮอร์ไมโอนี่นับร้อยนับพันเท่า เพราะแค่การที่พ่อของเขาลงมือตบเขาเป็นครั้งแรกนั้นก็เป็นสิ่งที่ยากเกินจะรับได้สำหรับชายหนุ่มแล้ว หากแต่คราวนี้นายลูเซียสถึงกับชี้ไม้กายสิทธิ์ของเขาไปที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเอง ราวกับเขาพร้อมจะสาปชายหนุ่มได้ทุกเมื่อหากเขาไม่ยอมหยุดกล่าวหาภรรยาใหม่ของนายมัลฟอยเสียที ซึ่งมันเป็นการกระทำที่เดรโกไม่เคยคิดมาก่อนว่านายลูเซียสจะทำเช่นนี้กับเขา มันจึงทำให้สถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้นเป็นเรื่องที่เกินกว่าที่จะรับได้สำหรับชายหนุ่ม

และเมื่อได้เห็นท่าทีที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าพ่อจะมีแสดงต่อเขาแบบนี้แล้วนั้น เดรโกก็มองชายผมบลอนด์ผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเขาด้วยท่าทีตกใจก่อนที่สายตาที่แสดงออกมาจากดวงตาแบบเดียวกันกับนายลูเซียสจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองราวกับมันไม่ใช่สายตาที่ชายหนุ่มใช้มองบิดาที่เขาควรจะเทิดทูนแต่อย่างใด ริมฝีปากบางแบบเดียวกับนายมัลฟอยบิดเบี้ยวด้วยท่าทีที่แสดงถึงความรู้สึกเหยียดหยันของเจ้าตัวออกมาก่อนที่เขาจะพูดมา

“พ่อคงหลงนังนี่มากจริง ๆ สินะ” ชายหนุ่มพูดอย่างตัดพ้อ ขณะที่บิดาของเขามองลูกชายด้วยแววตาที่ราวโรจน์โดยที่เจ้าตัวยังไม่ยอมลดไม้กายสิทธิ์ลงแต่อย่างใด

“ฉันบอกให้แกหยุดไง!” นายลูเซียสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเขาจะลงมือสั่งสอนชายหนุ่มเป็นแน่หากเดรโกไม่หยุดการกระทำของเขาเสียที และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตลอดก็คิดว่าเธอควรจะต้องทำอะไรลงไปซักอย่างเสียแล้ว ก่อนที่เรื่องราวมันจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้ อีกทั้งหญิงสาวเองก็ไม่ต้องการให้เดรโกโกรธแค้นเธอรวมถึงพ่อของเขาเองไปมากกว่านี้ซึ่งมันอาจจะนำมาซึ่งความยุ่งยากให้แก่เธอในภายหลังก็เป็นได้

และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเอ่ยปากพูดขึ้นหลังจากนายลูเซียสเพิ่งพูดจบไม่นาน ท่ามกลางความบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดในขณะนั้น

“อย่าค่ะ….” หญิงสาวเอ่ยปากออกไป สิ้นเสียงของเธอสองพ่อลูกมัลฟอยก็หันมามองเธอด้วยท่าทีแปลกใจราวกับว่าพวกเขาลืมไปเสียแล้วว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วย รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดส่วนหนึ่งนั้นก็มีสาเหตุมาจากเธอทั้งสิ้น ท่ามกลางความแปลกใจของทั้งสองและบรรยากาศที่กดดันในขณะนี้ เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าสามีของเธอกำลังมองมาทางเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความแปลกใจระคนสงสัย นอกจากนี้มันยังดูราวกับว่ามีสิ่งอื่นแฝงอยู่ในแววตาของเขาที่มองมาทางเธอในตอนนี้ด้วย หากแต่หญิงสาวก็ไม่มีเวลามากพอที่จะค้นหาว่าสิ่งที่แอบแฝงอยู่ในแววตาของชายผมบลอนด์นั้นคืออะไรในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะสิ่งที่เธอควรจะทำในตอนนี้มากที่สุดก็คือการยับยั้งความขัดแย้งของชายสองคนตรงหน้าเธอที่ดูจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที ดังนั้นเมื่อนายลูเซียสส่งสายตาที่แสดงถึงความสงสัยมาให้เธออีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ก็เอ่ยปากพูดออกไป

“พอเถอะค่ะ” เธอพูดพลางมองไปทางสามีของเธอด้วยแววตาอ้อนวอน หากแต่เสียงเล็ก ๆ ที่หญิงสาวพยายามจะบังคับให้มันฟังดูเข้มแข็งของเธอนั้นกลับฟังดูสั่นเทาและน่าสงสารในสายตาของผู้ฟังอย่างเช่นนายมัลฟอยอยู่ไม่น้อย และดูเหมือนว่าน้ำเสียง แววตารวมทั้งสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่พอจะทำให้ชายผมบลอนด์ผู้เป็นสามีของเธอใจอ่อนได้ไม่ยาก เพราะหลังจากที่เขาได้สบดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาแล้ว นายลูเซียสก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปทางลูกชายโดยที่เขาลดไม้กายสิทธิ์ในมือให้ต่ำลงก่อนจะพูดขึ้นว่า

“แกไปได้แล้ว” นายลูเซียสกล่าวเรียบ ๆ หากแต่สายตาที่เขาใช้จ้องมองเดรโกนั้นบ่งบอกว่าเขายังไม่ให้อภัยเรื่องที่ชายหนุ่มเพิ่งทำลงไปได้ง่าย ๆ นัก ขณะที่เดรโกนั้นมองพ่อของเขาด้วยสีหน้าและแววตาราวกับเขาไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาที่ชายหนุ่มใช้มองพ่อบังเกิดเกล้าของเขานั้นเป็นสายตาที่ผสมปนเปไปด้วยความโกรธ ตกใจ ผิดหวัง และเสียใจ หากแต่เดรก็ใช้สายตาดังกล่าวมองนายลูเซียสอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะหลังจากนั้นสายตาของชายหนุ่มก็เลื่อนไปมองภรรยาใหม่ของชายผมบลอนด์อย่างเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ก่อนที่เขาจะหันกลับมาพูดกับนายลูเซียสผู้เป็นบิดาอีกหน

“นี่พ่อไม่รู้ตัวหรือไงว่าถูกมันหลอกอยู่นะ!” เดรโกพยายามพูด หากแต่เขาก็ไม่มีโอกาสพูดได้ไปมากกว่านั้นเมื่อนายลูเซียสตวัดสายตาที่เฉียบคมไปทางลูกชายของตนเองก่อนจะพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า

“แกไปซะ! แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!!” เขาพูดอย่างเด็ดขาดพร้อม ๆ กับที่ชายหนุ่มผมบลอนด์มองนายมัลฟอยด้วยท่าทีโกรธเคือง แต่ในวินาทีต่อมาเดรโกก็ยอมทำตามที่พ่อของเขาสั่งแต่โดยดี หากแต่ก่อนที่จะเดินออกไปให้พ้นหน้าพ่อของเขาอย่างที่นายลูเซียสต้องการนั้น ชายหนุ่มผมบลอนด์กลับไม่ยอมเดินจากไปเฉย ๆ เพราะเขาได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายของเขาไว้กับพ่อของเขาว่า

“ได้! ผมไปก็ได้! แล้วก็เชิญพ่อโง่ต่อไปแล้วกัน!!!” เดรโกพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะผลุนผลันออกไปให้พ้นหน้าพ่อของเขาอย่างที่นายลูเซียสต้องการในทันที ขณะที่บิดาของชายหนุ่มนั้นมองตามแผ่นหลังของลูกชายแท้ ๆ ของเขาที่เดินหายลับไปตามระเบียงทางเดินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง หากแต่สายตาของชายผมบลอนด์นั้นกลับแลดูอ่อนโยนลงในทันทีเมื่อเขาหันกลับมามองภรรยาสาวข้างกายของเขา ที่ตอนนี้อยู่ในสภาวะที่ดูสงบนิ่งมากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะยังมีคราบน้ำตาเปรอะอยู่ที่แก้มเนียนทั้งสองข้างของหญิงสาวซึ่งมันบ่งบอกว่าเธอผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้านี้ก็ตาม

และเมื่อได้เห็นเฮอร์ไมโอนี่ในสภาพเช่นนี้แล้ว นายลูเซียสสก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมาขณะที่เขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเห็นใจ และก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะมีโอกาสได้พูดอะไรออกไปชายผมบลอนด์ก็วางมือใหญ่ของเขาลงบนไหล่เล็กของหญิงสาว และถึงแม้ว่าเขาจะรับรู้ว่าร่างตรงหน้านั้นสะดุ้งเบา ๆ เพราะสัมผัสของเขาก็ตาม แต่นายมัลฟอยก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวขณะที่เขาเอ่ยปากพูดขึ้นมา

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หากแต่ดวงตาสีเงินของเขาที่ใช้มองเธอนั้นแลดูอ่อนโยนและแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจที่เขามีต่อเธอออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งมันต่างจากดวงตาแบบเดียวกันของเดรโกที่ใช้จ้องมองหญิงสาวก่อนหน้านี้เหลือเกิน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายอย่างที่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าเธอจะต้องมาเผชิญนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองสามีของเธอด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความสงสัยและคลางแคลงใจ หากแต่เมื่อหญิงสาวรับรู้ถึงความห่วงใยที่แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาของชายตรงหน้าแล้วนั้นเธอก็เลือกที่จะพยักหน้าให้เขาเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อหลบตาเขาแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้น

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกขณะที่พยายามรักษาท่าทีให้ดูเรียบเฉยและดูไม่เป็นไรอย่างที่เธอได้ตอบเขาออกไป หากแต่ลึก ๆ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าสภาพของเธอในตอนนี้นั้นห่างไกลกับคำว่า ‘ ไม่เป็นไร ‘ มากนัก แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเธอควรจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ ในสถานการณ์ที่นายลูเซียสเป็นคนช่วยเธอไม่ให้ถูกเดรโกทำร้ายรวมทั้งรุกรานร่างกายของเธออย่างที่ชายหนุ่มต้องการจะทำแบบนี้

และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกดีใจที่นายมัลฟอยปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเธอให้พ้นจากเงื้อมมือของชายหนุ่มผมบลอนด์มากเพียงใดก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าชายตรงหน้าของเธอก็เคยทำในสิ่งที่ลูกชายของเขาพยายามทำมาแล้ว และถ้าจะให้พูดตามตรงสิ่งที่นายลูเซียสได้ทำลงไปกับเธอนั้นมันเกินเลยรวมทั้งร้ายแรงมากกว่าสิ่งที่เดรโกทำกับเธอในวันนี้เสียด้วยซ้ำ! แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาเป็นคนที่มาช่วยเหลือเธอให้พ้นจากสถานการณ์เลวร้ายที่เธอกำลังเผชิญอยู่ก่อนหน้านี้ และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเฮอร์ไมโอนี่จึงไม่อาจตัดสินใจได้ว่าเธอควรจะทำเช่นไรในสถานการณ์ที่เธอต้องเผชิญหน้าเขาอย่างเช่นในตอนนี้ดี เพราะแค่การพบหน้าเขาหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนที่เขาเป็นคนลงมือขืนใจหญิงสาวลงไปนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอแล้ว แต่การที่เธอต้องมาพบหน้าเขาหลังจากที่เขาเพิ่งช่วยเธอจากการกระทำอันเลวร้ายของลูกชายแท้ ๆ ของเขาแถมมันยังเป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากที่เขาเคยทำลงไปกับเธอด้วยแล้วนั้น มันยิ่งทำให้เรื่องทุกอย่างนั้นยากขึ้นไปอีกสำหรับเธอ และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงเลือกที่จะไม่แสดงท่าทีใด ๆ ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสับสนของเธอออกไปให้ชายตรงหน้าได้เห็น โดยเธอเลือกที่จะรักษาสีหน้าที่เรียบเฉยไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ความพยายามนั้นของเฮอร์ไมโอนี่ก็คงอยู่ได้ไม่นานนักเมื่อชายผมบลอนด์มองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอก่อนที่เขาจะถามขึ้นอีกครั้ง

“เขา……เดรโกได้ทำอะไรเธอบ้าง” นายลูเซียสถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความอึดอัดใจ ราวกับว่ามันเป็นคำถามที่เขาไม่ต้องการจะถามมันออกมาตรง ๆ หากแต่เขาก็อยากรู้คำตอบของมันมากกว่าอะไรทั้งหมด ขณะที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองสามีของเธออีกครั้ง และราวกับว่าคำถามของชายผมบลอนด์นั้นเป็นมีดที่ทิ่มแทงจิตใจที่แสนจะเปราะบางของเฮอร์ไมโอนี่ เพราะหลังจากที่ได้ยินคำถามดังกล่าวแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดก็กลับไปเหมือนตอนที่อดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอถามเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับนายลูเซียสในคืนที่เขาลงมือขืนใจเธอ ภาพความทรงจำที่เลวร้ายซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไหลหลั่งเข้ามาในสมองของหญิงสาวราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก ซึ่งแต่ละภาพเหตุการณ์นั้นล้วนเป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ทั้งสิ้น และเป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้หญิงสาวไม่อาจจะรักษาท่าทีเข้มแข็งที่เธอพยายามสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้ เพราะเมื่อเธอได้มองสบดวงตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยของนายลูเซียสที่กำลังจ้องมองมาทางเธออีกครั้งมันก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

น้ำตาใสไหลออกมาจากดวงตาอันแสนจะอ่อนโยนของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่รู้ว่ามันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เธอต้องเสียน้ำตาตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ หากแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอแน่ใจว่าสาเหตุของการร้องไห้ของเธอในครั้งนี้ไม่ได้มาจากชายผมบลอนด์ตรงหน้าของเธออย่างที่มันควรจะเป็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ตรงกันข้ามเมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงน้ำตาใสที่ไหลเอ่อดวงตาของเธอมายังแก้มเนียนทั้งสองข้างนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามอย่างสุดความสามารถแต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาของเธอไม่ให้ไหลออกมาได้ และในขณะที่เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเพื่อพยายามปิดบังใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาจากสายตาของชายตรงหน้านั้น นายลูเซียสก็คว้าร่างเล็กของเธอเข้ามาสวมกอด

ชายผมบลอนด์คว้าร่างบางของภรรยามาสวมกอดท่ามกลางความแปลกใจของหญิงสาวในอ้อมแขนของเขา เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะทำเช่นนี้พอ ๆ กับที่เธอก็ไม่คิดมาก่อนเช่นกันว่าตัวเธอเองจะยอมให้เขาสวมกอดเธอได้ง่าย ๆ โดยที่เธอไม่ดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ผ่านมานี้นายลูเซียสเคยใช้สองมือของเขาทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสมาแล้ว แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่กลับค้นพบว่าตัวเธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อต้านการกระทำของชายตรงหน้าอย่างที่เธอควรจะทำแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกันแล้วในขณะที่ร่างเล็กของเธอถูกสวมกอดด้วยวงแขนที่แข็งแรงของชายผมบลอนด์อย่างแน่นหนาราวกับเขาต้องการใช้อ้อมกอดของเขาปกป้องเธอจากภัยอันตรายทั้งหมดทั้งปวงนั้น หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของเขา และแม้ว่าเธอจะไม่อยากยอมรับความจริงในข้อนี้มากเพียงใดก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าลึก ๆ แล้วในตอนนี้เธอเองก็ต้องการให้นายลูเซียสเข้ามาโอบกอดเธอมากกว่าอะไรทั้งหมด เมื่อหญิงสาวตัดสินใจซบใบหน้าของเธอเข้ากับอกของสามีแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นอ้อมกอดของผู้ชายคนเดียวกับคนที่เคยทำร้ายเธออย่างไม่น่าให้อภัยมาแล้วก็ตาม หรืออาจจะเป็นเพราะว่าในตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่นั้นต้องการเพียงแค่อ้อมกอดของใครซักคนเพื่อเป็นที่พึ่งของเธอในเวลานี้เท่านั้น โดยเธอไม่มีโอกาสฉุกคิดหรือแม้กระทั่งไตร่ตรองดูให้ดีก่อนว่าผู้ชายที่เธอกำลังซบใบหน้าเข้ากับอกของเขาขณะที่วงแขนของเขากำลังโอบกอดเธออย่างแน่นหนาอยู่นั้นเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่เคยใช้กำลังขืนใจรวมทั้งช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอจนหมดสิ้น เมื่อหญิงสาวซุกใบหน้าเข้ากับอกของนายลูเซียสราวกับมันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอขณะที่มือเล็กของเธอเริ่มขยำเสื้อคลุมของชายผมบลอนด์เพื่อระบายความอัดอั้นในใจเมื่อเธอเริ่มสะอื้นออกมาเงียบ ๆ ในอ้อมกอดของสามีที่ขณะนี้กำลังลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาของเธอเบา ๆ ด้วยท่าทีเห็นใจ ดวงตาสีเงินของร่างใหญ่ที่กำลังโอบกอดเฮอร์ไมโอนี่อยู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวลรวมทั้งมันยังแสดงออกถึงความสงสารที่เขามีต่อร่างเล็กในอ้อมแขนเมื่อนายลูเซียสถอนหายใจออกมายามที่มือใหญ่ของเขากำลังลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อปลอบโยนหญิงสาวอยู่อย่างอ่อนโยน





…………………………………………….





เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็มีท่าทีสงบขึ้น และหลังจากหญิงสาวหยุดร้องไห้รวมทั้งมีท่าทีที่สงบขึ้นซึ่งบ่งบอกว่าเธอกลับมามีสติเหมือนเช่นดังเดิมแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ผละออกจากอ้อมอกของชายตรงหน้าด้วยท่าทีงุนงงราวกับเธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ใบหน้างามค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีเงินของนายลูเซียสด้วยท่าทีสับสนก่อนที่มือเล็กของเธอจะเลื่อนขึ้นไปเช็ดน้ำตาที่ไหลเปรอะแก้มเนียนราวกับเธอเพิ่งรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้เธอร้องไห้ออกมาต่อหน้าชายผมบลอนด์ แต่ก่อนที่มือของร่างเล็กจะทันได้ยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้ตัวเองได้หมดนั้น มันก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือใหญ่ของสามีของเธอที่เขายกขึ้นมาจับมือเล็กของเธอไว้ก่อนที่เขาจะใช้มืออีกข้างหนึ่งของเขาเช็ดน้ำให้หญิงสาวเบา ๆ

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอรู้สึกถึงนิ้วโป้งของชายตรงหน้าที่ไล้สัมผัสแก้มเนียนของเธอเบา ๆ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหลบการกระทำของเขาแต่อย่างใด อันที่จริงหญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอควรจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากที่สามีของเธอเข้ามาพบว่าเธอถูกลูกชายแท้ ๆ ของเขาทำร้ายจนนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งที่ใหญ่โตระหว่างพ่อลูกตระกูลมัลฟอยโดยมีต้นเหตุมาจากเธอแล้ว และในตอนนี้นายลูเซียสก็ได้เข้ามาปลอบโยนเธอที่กำลังเสียใจรวมทั้งตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ซึ่งหลังจากได้ผ่านเหตุการณ์มากมายเหล่านี้มาแล้วมันก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสับสนเหลือเกินว่าเธอควรจะทำตัวเช่นไรในสถานการณ์เช่นนี้ดี เธอควรจะโกรธสามีของเธอในเรื่องที่เขาได้ทำลงไปกับเธอเมื่อคืนก่อนดีหรือไม่ หรือเธอควรจะขอบคุณเขาที่เขามาช่วยเธอจากเดรโกในครั้งนี้กันแน่ และในขณะที่กำลังระดมความคิดเพื่อตัดสินใจว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดีนั้นหญิงสาวก็รู้สึกถึงสัมผัสที่อบอุ่นจากฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังลูบไล้แก้มเนียนของเธอเพื่อเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองสบดวงตาของร่างใหญ่ตรงหน้านั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยกำลังมองมาทางเธออย่างเป็นห่วงรวมทั้งดวงตาของเขายังแสดงถึงความกังวลออกมาอย่างไม่มีปิดบัง และเมื่อนายลูเซียสมองเห็นสายตาของร่างเล็กที่กำลังจ้องมองมาทางเขารวมทั้งชายผมบลอนด์ก็รู้ตัวว่าเขาเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถอนมือใหญ่ของเขาออกมาจากใบหน้าของเธอ นายมัลฟอยจ้องมองภรรยาของเขาด้วยท่าทีราวกับเขากำลังตัดสินใจเรื่องบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดขึ้น

“เธอไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูสุขุม หากแต่มันกลับแฝงไว้ด้วยความห่วงใย รวมทั้งสายตาที่ชายผมบลอนด์ใช้มองหญิงสาวนั้นก็บ่งบอกถึงความห่วงใยที่มีต่อเธอออกมาอย่างไม่มีการปิดบัง และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เธอจะตอบออกไป

“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ” เธอพูดหลังจากกลืนน้ำลายด้วยอาการกดดัน ร่างเล็กสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัว เพราะถึงแม้ว่าท่าทีของนายลูเซียสจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นห่วงเธอก็ตาม หากแต่อีกใจหนึ่งเธอก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะโกรธเคืองเธอรวมทั้งเข้าใจผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เหมือนอย่างที่เขาเคยเข้าใจผิดและตีความไปเองว่าเธอลอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนผู้เสพความตายของเขา หลังจากที่นายมัลฟอยจับได้ว่าเธอกับอดีตอาจารย์ของเธอลักลอบพบกันโดยไม่ให้ชายผมบลอนด์ล่วงรู้ ซึ่งผลของการเข้าใจผิดของนายลูเซียสนั้นก็ส่งผลที่ร้ายแรงต่อตัวเธอเองด้วย ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่หญิงสาวจะรู้สึกหวาดกลัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะส่งผลไปในทางที่ไม่ต่างจากสิ่งที่เธอได้เจอเมื่อคืนก่อนเท่าไหร่นัก

หากแต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะผิดไปจากที่เฮอร์ไมโอนี่คาดการณ์ไว้เป็นอย่างมาก เพราะดูเหมือนว่าชายผมบลอนด์จะรับรู้รวมทั้งเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแง่มุมที่ตรงกับความเป็นจริงมากกว่าในตอนที่เขาเข้าไปเจอเฮอร์ไมโอนี่อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับสเนปมากนัก เพราะในตอนนี้นายมัลฟอยไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองหญิงสาวแม้แต่น้อย รวมทั้งหลังจากที่เธอตอบคำถามของเขาออกมาว่าเธอไม่เป็นไรแล้ว มันกลับไม่สามารถทำให้นายลูเซียสเลิกมองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วงได้แต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับแสดงท่าทีเป็นห่วงเธอมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่อชายผมบลอนด์ถามต่อว่า

“เธอคงไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม” เขาถามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือใหญ่ที่เข้ามาคว้าไหล่ของเธอเอาไว้ และถึงแม้ว่าคำพูดของนายมัลฟอยนั้นจะดูไม่เหมือนประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่น้ำเสียงและแววตาของนายลูเซียสที่แสดงออกมาก็บอกหญิงสาวตรงหน้าว่าเขาต้องการคำตอบในคำถามนี้จากเธอ แต่เป็นเพราะคำถามนี้ของเขาเองที่ทำให้ภรรยาของเขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา หากแต่สิ่งที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หวาดกลัวนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่แต่อย่างใด แต่ในครั้งนี้มันกลับมาจากการที่เธอจะต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สามีของเธอฟัง ซึ่งมันอาจจะนำไปสู่คำถามที่ว่าทำไมเดรโกถึงเข้ามาหาเรื่องเธออย่างในวันนี้ และแน่นอนว่าหญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่อาจจะตอบคำถามนี้กับนายลูเซียสออกไปโดยไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เดรโกเพิ่งไปล่วงรู้เข้าในวันนี้ซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวเธอเองและเซเวอร์รัส สเนป ได้



และเพราะเหตุนี้เอง หลังจากที่ได้ยินคำถามดังกล่าวแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เม้มริมฝีปากแน่นด้วยท่าทีกดดัน เธอต้องใช้เวลาตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา

“มัน.........” หญิงสาวอ้ำอึ้ง ก่อนจะเงยหน้าก็ขึ้นสบตาชายตรงหน้า ขณะที่ในหัวของเธอนั้นกำลังระดมสมองเพื่อคิดคำตอบที่ดูเหมาะสมที่สุดเพื่อตอบคำถามของชายผมบลอนด์ออกมา เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าการตอบคำถามดังกล่าวของชายผมบลอนด์ออกไปนั้นจะไม่ส่งผลกระทบแค่กับตัวเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่การเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้สามีของเธอฟังสามารถที่จะส่งผลกระทบไปถึงเซเวอร์รัส สเนป ผู้เป็นอดีตอาจารย์ของเธอรวมทั้งสายลับของดัมเบิลดอร์ที่ในตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยปกป้องความลับของเขาอยู่ด้วยได้ ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่ที่รู้ดีว่าการตอบคำถามนี้ของนายลูเซียสออกไปเป็นการเสี่ยงต่อความปลอดภัยของทั้งตัวเธอและสเนปเพียงไรนั้นจึงจำเป็นต้องคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนก่อนที่เธอจะตัดสินใจพูดอะไรออกไป หากแต่ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็รู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้เธอก็ไม่อาจจะนิ่งเงียบและไม่ตอบอะไรออกไปเลยโดยที่นายมัลฟอยจะไม่สงสัยได้

และเมื่อเป็นเช่นนั้นหลังจากที่ใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อคิดและไตร่ตรองในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจเอ่ยปากพูดออกไป

“มันก็เป็นอย่างที่คุณเห็นแหละค่ะ…….” เธอเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ ”จู่ ๆ เดรโกก็เข้ามาหาเรื่องฉัน………ฉันไม่ได้…….” เธอพูดตะกุกตะกัก ใบหน้างามซีดขาวด้วยความหวาดกลัว แต่บุคคลที่เธอกำลังเกรงกลัวอยู่นั้นกลับไม่ใช่ใครอื่นนอกจากร่างใหญ่ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้นี่เอง แต่ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้นที่รู้สึกกลัวไปเอง เนื่องจากนายลูเซียสในตอนนี้ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองเธอมากไปกว่าที่เขาโกรธเดรโกแต่อย่างใด ตรงกันข้ามชายผมบลอนด์กลับมองหญิงสาวตรงหน้าเขาด้วยสายตาที่แสดงถึงความเห็นใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะพูดขึ้น

“ฉันเข้าใจ ฉันจะไม่ซักไซ้เธอก็แล้วกัน” เขาพูด ก่อนจะเลื่อนมือใหญ่ไปจับแขนของเธอไว้ “ฉันว่าเธอเข้าไปพักผ่อนในห้องดีกว่านะ ฉันจะพาไป” เขาพูดขึ้นเรียบ ๆ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะหาเหตุผลใดมาปฏิเสธของชายตรงหน้าได้ เธอก็พยักหน้าเบาๆ เมื่อนายลูเซียสพาเธอกลับเดินไปยังห้องนอนของเธอมเองซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่ในตอนนี้เท่าไหร่นัก





…………………………………………….





ไม่นานนักทั้งสองก็เข้ามาภายในห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือก่อนหน้านี้มันเป็นห้องนอนของเธอกับนายลูเซียสก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายออกไปนอนที่ห้องอื่นเสียก่อน และถึงแม้ว่าการที่ชายผมบลอนด์กลับเข้ามาในห้องนอนห้องนี้จะสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นภายในห้องระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นก็ตาม เพราะนอกจากห้องนอนห้องนี้จะเป็นเรือนหอของทั้งคู่แล้ว มันยังเป็นสถานที่ที่เกิดเรื่องราวอันเลวร้ายกับหญิงสาวขึ้นด้วย แต่ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดที่ต้องกลับมาอยู่ในห้องกับชายผมบลอนด์ตามลำพังอยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกอุ่นใจไม่น้อยที่นายลูเซียสมาส่งถึงในห้องหลังจากเพิ่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวที่หน้าห้องนอนของเธอขึ้นแบบนี้ เพราะถึงก่อนหน้านี้เธอจะเกรงกลัวสามีของเธอมากเพียงใดก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาก็เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเธอในโลกของผู้เสพความตายที่เธอถูกบังคับให้ก้าวเข้ามาใบนี้ ยกเว้นแค่เซเวอร์รัส สเนป ที่เธอเพิ่งล่วงรู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอรวมทั้งแฮร์รี่มาโดยตลอด

และเมื่อกระแสความคิดของเธอวกไปคิดถึงเรื่องของอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาที่เธอได้กลายมาเป็นผู้รักษาความลับของเขาในตอนนี้แล้วหัวใจของหญิงสาวก็กระตุกด้วยความกังวล เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าเดรโกได้ล่วงรู้เรื่องที่สเนปเข้ามาหาเธอที่คฤหาสน์หลังนี้ซึ่งเป็นสาเหตุให้ชายหนุ่มเข้ามาหาเรื่องเธอในวันนี้ และถึงแม้ว่าจะเป็นโชคดีของเธออย่างยิ่งที่วันนี้เดรโกไม่ได้มีโอกาสจะเอ่ยปากบอกพ่อของเขาในเรื่องที่ชายหนุ่มได้ไปล่วงรู้มาก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะแน่ใจได้ว่าเธอจะสามารถปกป้องความลับนี้ไปได้นานแค่ไหนเนื่องจากเดรโกอาจจะหาโอกาสบอกพ่อของเขาในเรื่องที่เขาได้รู้เห็นมาหลังจากวันนี้ไปแล้วก็เป็นได้ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็มองไม่เห็นด้วยว่ามันจะมีหนทางใดที่เธอจะสามารถขัดขวางการกระทำของชายหนุ่มได้

และถ้าเป็นเช่นนั้นเธอควรจะทำอย่างไรดีล่ะ แน่นอนว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอคือการลบความทรงจำของเดรโกเสีย หากแต่หญิงสาวไม่อาจทำเช่นนั้นได้เนื่องจากเธอไม่มีไม้กายสิทธิ์ รวมทั้งเธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอจะสามารถตามหาตัวเขาได้จากที่ไหน เพราะหลังจากที่สามีของเธอระเบิดอารมณ์ใส่ชายหนุ่มรวมทั้งไล่เขาออกไปให้พ้นจากสายตาแล้วนั้นเธอก็ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเดรโกจะไปที่ไหนถ้าเขาออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปแล้ว และในเมื่อเธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าชายหนุ่มอยู่ที่ไหนแบบนี้เธอจะสามารถจัดการรักษาความลับที่เธอต้องการเก็บรักษามันไว้ด้วยการลบความทรงจำของเขาได้อย่างไรกัน นี่ยังไม่นับเรื่องที่เธอไม่มีแม้แต่ไม้กายสิทธิ์เพื่อมาร่ายคาถาสำหรับลบความทรงจำเดรโกเสียด้วยซ้ำ!!!

และเป็นเพราะหญิงสาวกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองในการหาหนทางเพื่อรักษาความลับของเธอกับเซเวอร์รัส สเนป ไม่ให้ล่วงรู้ไปถึงหูของนายมัลฟอยอยู่นั้น กว่าเฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่สามีของเธอพาเธอมายังเตียงนอนของพวกเขาเสียแล้ว และถึงแม้ว่าจะตกใจไม่น้อยที่จู่ๆนายลูเซียสก็พาเธอไปนั่งบนเตียงนอนของพวกเขา ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เธอและเขาอยู่บนเตียงหลังนี้ด้วยกันนั้นมันได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำสำหรับหญิงสาวขึ้น หากแต่ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ชายผมบลอนด์จะพาเธอไปนั่งยังเตียงนอนด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ โดยสิ้นเชิงเมื่อเขาพูดขึ้นหลังจากที่เขาพาหญิงสาวไปนั่งลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่สบายใจและความกดดันของเธอ

“เธอควรจะพักผ่อนนะ เธออยากทานหรือดื่มอะไรไหม” เขาถามขึ้นเรียบๆ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าส่ายหน้าเบา ๆ ในเชิงปฏิเสธด้วยท่าทีที่บ่งบอกว่าเธอรู้สึกประหม่าไม่น้อยเมื่อต้องอยู่กับเขาสองต่อสองในสถานที่ที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์อันไม่น่าจดจำขึ้นระหว่างเขากับเธอแบบนี้ และแน่นอนว่านายลูเซียสเห็นรวมถึงรับรู้ถึงความรู้สึกประหม่ารวมทั้งความวิตกกังวลที่หญิงสาวกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และเมื่อเห็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงยื่นมือของเขาออกไปเพื่อลูบผมของเธอโดยหวังว่าการกระทำของเขาจะไปช่วยลดความตึงเครียดที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้ได้ แต่นายมัลฟอยกลับนึกไม่ถึงว่า ไม่ทันที่มือใหญ่ของเขาจะได้สัมผัสร่างเล็กของหญิงสาวตรงหน้านั้น เธอก็สะดุ้งและเบี่ยงตัวหลบสัมผัสจากเขาเสียก่อน

ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนชายผมบลอนด์ไม่อาจจะคิดว่ามันเป็นอย่างอื่นได้นอกจากปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติของเฮอร์ไมโอนี่ และแม้ว่าจะไม่ได้คาดการณ์ว่าจะได้รับกิริยาโต้ตอบแบบนั้นจากหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาไว้ก็ตาม แต่นายลูเซียสก็ปล่อยให้ตัวเองงุนงงกับการกระทำของร่างตรงหน้าอยู่ได้ไม่นานก่อนที่เขาจะชักมือกลับออกมาวางบนไม้เท้าด้วยท่าทีเสียไม่ได้ และเมื่อเขาได้มองสบดวงตาสีน้ำตาลที่เพิ่งเงยขึ้นมองเขาซึ่งมันเต็มไปด้วยความตกใจและความสับสนแล้วนั้น ชายผมบลอนด์ก็รู้ดีว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อเขาถอยห่างออกจากร่างเล็กตรงหน้าออกมาสองก้าว ดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาประเมินเพียงครู่เดียวและก่อนที่เธอจะได้มีโอกาสเอ่ยปากพูดอะไรออกมา นายลูเซียสก็พูดขึ้น

“ถ้าเธอไม่ต้องการอะไรแล้ว ฉันก็จะปล่อยให้เธอพักผ่อนแล้วกัน” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและสุขุมหากแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างในแววตาสีเงินของเขาที่ดูเปลี่ยนแปลงไป แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้มีโอกาสพูดหรือแม้แต่เอ่ยปากทักท้วงอะไรออกไป ชายผมบลอนด์ก็หันหลังและรีบเดินไปยังประตูห้องนอนเพื่อออกไปจากห้องเสียแล้ว

ขณะที่เห็นว่าแผ่นหลังของชายตรงหน้านั้นก้าวห่างไปจากเธอมากขึ้นทุกที ในใจของเฮอร์ไมโอนี่ก็ร้องเตือนขึ้นมาในทันทีว่าเธอไม่อาจจะปล่อยให้สามีของเธอออกไปจากห้องได้ ไม่ใช่ในตอนนี้! เพราะถ้านายลูเซียสออกไปจากห้องนอนในตอนนี้แล้วเธอก็ไม่อาจจะแน่ใจได้เลยว่าเขาจะได้มีโอกาสพบเดรโกรวมทั้งจะได้รับรู้เรื่องที่สเนปมาหาเธอที่คฤหาสน์ในวันนี้จากปากของลูกชายของเขาหลังจากนี้หรือไม่ และมันก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องป้องกันไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อรักษาความลับที่บัดนี้เธอได้กลายมาเป็นผู้มีส่วนรู้เห็นเพื่อความปลอดภัยของอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอรวมถึงตัวเธอเองด้วย ดังนั้นเธอจะปล่อยให้สามีของเธอล่วงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จากปากของเดรโกไม่ได้เป็นอันขาด!

และเมื่อคิดได้เช่นนั้น ก่อนที่เธอจะได้ทันคิดหาข้ออ้างหรือเหตุผลใด ๆ มารั้งตัวชายผมบลอนด์ไว้ที่นี่ให้นานมากไปกว่านี้ได้นั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป

“เดี๋ยวค่ะ! อย่าเพิ่งไป” เธอกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว และการกระทำของเธอก็ได้ผลเมื่อนายลูเซียสชะงักฝีเท้าของเขาในตอนที่เขากำลังจะเดินไปถึงหน้าประตูพอดี ชายผมบลอนด์หันมามองภรรยาของเขาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนด้วยสายตาแปลกใจก่อนจะถามขึ้น

“เธอมีอะไรอย่างนั้นหรือ” เขาถามพลางมองหญิงสาวด้วยแววตาสงสัย และเป็นเพราะคำถามนั้นของนายลูเซียสที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีสับสนเสียเองเมื่อเธอต้องระดมสมองอย่างหนักเพื่อหาคำตอบมาตอบคำถามของชายตรงหน้าออกไปให้ได้ แต่หลังจากใช้เวลาคิดอยู่ไม่นานนัก แม่มดที่ฉลาดที่สุดในรุ่นรวมทั้งเธอยังได้รับมรดกทางด้านสติปัญญาซึ่งตกทอดมาจากเรวีน่า เรเวนคลอเองนั้นก็สามารถหาคำตอบมาตอบชายตรงหน้าออกไปได้

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองสามีของเธอซึ่งบัดนี้กำลังรอคำตอบจากเธออยู่ ขณะที่ชายผมบลอนด์เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวด้วยท่าทีสงสัย เธอก็พูดออกไป

“คุณจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยหรือคะ” เธอถามเสียงแผ่ว และเมื่อพิจารณาจากแววตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่ใช้มองมาทางเขาแล้วนายลูเซียสก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่แต่อย่างใด หากแต่เธอหมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอก่อนหน้านั้น เหตุการณ์ที่เขาได้ใช้กำลังขืนใจเธอด้วยมือของเขาเอง

แต่ถึงจะล่วงรู้ในสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าต้องการจะสื่อดีก็ตาม แต่นายลูเซียสกลับแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอถามเมื่อเขาถามกลับไป

“เธอหมายถึงเรื่องไหนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่…….” เขาถามออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากแต่ดวงตาสีเงินของเขากลับมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างพิจารณา ในขณะเดียวกันนั้นชายผมบลอนด์ก็เดินกลับเข้ามาใกล้ร่างที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงมากขึ้นจนกระทั่งเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้งโดยที่เขายืนห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ออกไปเพียงสองสามก้าวเท่านั้นก่อนที่เขาจะพูดต่อ “หรือว่าเรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้กัน……” เขากล่าวพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว

และเมื่อเป็นเช่นนั้น เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะถูกนายลูเซียสตอบคำถามของเธอด้วยคำถามของเขาแบบนี้จึงมีท่าทีสับสนไม่น้อยกับคำพูดนั้นของชายตรงหน้า และเมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็ทำให้เธอไม่อาจจะทนสบตาเขาได้อีกต่อไป หญิงสาวจึงเลือกที่จะหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเขา แต่เมื่อเธอทำเช่นนั้นสามีของเธอกลับใช้โอกาสนั้นขยับตัวเข้ามาใกล้เธออีกจนบัดนี้เขาเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง

นายลูเซียสมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาพิจารณา เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมา

“ถึงแม้ว่า เธอจะคิดว่าเธอต้องการคำอธิบายในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฉันเกรงว่าฉันจะคงไม่สามารถให้เธอได้” เขากล่าว และเพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หันหน้ากลับมามองเขาอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสับสนกับสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยิน เขาไม่มีคำอธิบายในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เขาทำลงไปกับเธอ ที่เขาทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสขนาดนั้นก็เกิดมาจากการบันดาลโทสะของเขาเพียงอย่างเดียวสินะ ทุกอย่างที่เขาทำลงไปกับเธอนั้นเกิดมาจากอารมณ์เพียงอย่างเดียวใช่ไหม ในเมื่อเขาบอกเองว่ามันการกระทำที่ไม่มีเหตุผลและคำอธิบายอย่างนี้! เธอคิดอย่างโกรธเคือง แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะมีโอกาสโต้เถียงหรือต่อว่าชายตรงหน้าไปนั้น นายลูเซียสก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“แล้วที่ฉันไม่ต้องการจะอธิบายอะไรให้เธอฟัง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉันไม่คิดว่าเธออยากจะฟังคำอธิบายอะไรจากฉัน รวมทั้งเธออาจจะไม่อยากให้ฉันอยู่ในห้องนานไปมากกว่านี้ด้วยซ้ำ” เขาพูด และเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะคำพูดนั้นของเขาก่อนที่ชายผมบลอนด์จะเอ่ยปากพูดประโยคต่อไปเพื่อไขข้อข้องใจให้เธอ

“หรือเธอจะปฏิเสธว่าเธอไม่ได้กลัวฉัน” เขาพูดขึ้นเรียบ ๆ ด้วยท่าทีราวกับพวกเขากำลังคุยเรื่องลมฟ้าอากาศกันแต่ในขณะเดียวกันนั้นสายตาของนายมัลฟอยก็เหลือบไปมองข้อมือเล็กของหญิงสาวที่วางอยู่ข้างตัวของเธอราวกับเขาต้องการสำรวจว่ารอยช้ำที่มาจากการกระทำของเขาบนร่างเล็กนั้นยังคงอยู่หรือไม่ ก่อนที่ดวงตาสีเงินของชายผมบลอนด์จะเลื่อนกลับมามองสบตาเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง เขาจึงพูดต่อ

“เธอสะดุ้งตอนที่ฉันพยายามจะแตะตัวเธอก่อนหน้านี้” นายลูเซียสกล่าว และเพราะคำพูดนั้นของเขาทำให้หญิงสาวย้อนคิดไปถึงการกระทำของตัวเองก่อนหน้านั้น แล้วเธอก็พบว่าเธออาจจะทำอย่างที่สามีของเธอบอกออกไปจริง ๆ หากแต่เธอก็แน่ใจว่ามันเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นเองโดยสัญชาตญาณ ไม่ใช่การกระทำที่มาจากการที่เธอตั้งใจทำแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธชายผมบลอนด์ได้ว่าเธอไม่ได้ทำกิริยาเช่นนั้นลงไปเมื่อเขาสัมผัสร่างกายเธอ

และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะหาคำพูดใดมาโต้เถียงชายตรงหน้าเรื่องปฏิกิริยาตอบสนองที่เธอมีต่อการกระทำของเขาได้จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเสียขณะที่เธอได้ยินเสียงของสามีพูดขึ้นอีกครั้ง

“และพอเธอมีปฏิกิริยาแบบนั้น ฉันก็คิดว่าฉันน่าจะปล่อยให้เธออยู่คนเดียวจะดีกว่า” เขาสรุปเหตุผลอันเป็นที่มาของการกระทำทั้งหมดของเขา และเมื่อได้ฟังถ้อยคำทั้งหมดของนายลูเซียสแล้ว หญิงสาวก็รู้สึกเข้าใจในการกระทำของเขาในวันนี้มากขึ้น และมันก็มีส่วนทำให้ความรู้สึกไม่พอใจที่เธอมีต่อเขาก่อนหน้านี้ลดน้อยลงบ้าง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายหรือพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนก่อนก็ตาม แต่ถึงเฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกพอใจในคำพูดของชายผมบลอนด์ไม่น้อย แต่เธอก็ยังคงต้องหาเรื่องพูดคุยหรือไม่ก็หาเรื่องโต้เถียงกับเขาต่อเพื่อที่จะรั้งตัวเขาไว้กับเธอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองร่างใหญ่ตรงหน้าพร้อมกับพูดออกมา

“แล้วถ้าคุณออกไปจากห้องแล้ว คุณจะไปตามหาเดรโกหรือเปล่าคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามคำถามแรกที่เธอคิดได้รวมทั้งมันเป็นคำถามที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ออกไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว ขณะที่ชายผมบลอนด์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจกับคำถามนั้นของภรรยา แต่เขาก็ยอมตอบมันออกมาแต่โดยดี

“ฉันคงยังไม่ไปตามหาเขาหรอก” นายลูเซียสตอบออกมา และเฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถจับความเกรี้ยวกราดในน้ำเสียงของเขาได้ราวกับว่าเขายังไม่หายโกรธลูกชายในเรื่องที่ชายหนุ่มเพิ่งทำลงไปเร็วนัก รวมทั้งตัวชายผมบลอนด์เองก็รู้สึกติดใจกับคำถามของหญิงสาวไม่น้อยเมื่อเขาพูดขึ้น

“แล้วเธอถามอย่างนี้ทำไม เธอเป็นห่วงเขาอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงที่นายมัลฟอยใช้ถามออกมานั้นฟังดูเคร่งเครียดจนเกือบจะเรียกได้ว่าคาดคั้น และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นแววอันตรายที่ปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของชายตรงหน้าแล้วนั้นเธอก็รีบพูดปฏิเสธออกไปทันที

“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้เป็นห่วงเขาค่ะ” หญิงสาวกัดริมฝีปากขณะที่เอกำลังใช้ความคิด “ฉันแค่……ฉันแค่ไม่อยากให้คุณต้องทะเลาะกับเขาน่ะค่ะ” เธอกล่าว แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหกคำโตที่แม้แต่เฮอร์ไมโอนี่เองยังรู้สึกว่าเธอพูดมันออกไปได้ไม่แนบเนียนเลยก็ตาม หากแต่หญิงสาวก็ต้องแปลกใจที่ว่านายลูเซียสไม่ได้ทักท้วงอะไรเธอออกมา ตรงกันข้ามเขากลับพยักหน้าเบา ๆ ด้วยท่าทีราวกับเขาเข้าใจ และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป

“แล้วคุณล่ะคะ คุณเป็นห่วงเขาหรือเปล่าคะ” เธอถามพลางมองเข้าไปในดวงตาสีเงินของชายตรงหน้า และเมื่อเธอเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามจ้องเธอกลับด้วยท่าทีแปลกใจเธอจึงรีบเสริมออกไปว่า

“ฉันหมายความว่ายังไงเขาก็เป็นลูกของคุณนะคะ แล้วตอนนี้เขาก็อาจจะออกไปนอกคฤหาสน์ด้วย” หญิงสาวถามเพื่อต้องการคำตอบว่าในตอนนี้นายลูเซียสรู้หรือไม่ว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ไหน และถ้าหากเขาไม่รู้เขาจะสามารถเดาได้หรือไม่ เพราะข้อมูลนี้จะสามารถนำไปคาดการณ์ได้ว่าสองพ่อลูกมัลฟอยจะได้พบกันอีกครั้งเมื่อไหร่ ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเฮอร์ไมโอนี่ที่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หรือไม่อย่างน้อยที่สุดก็ให้มันเกิดขึ้นช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ถึงจะต้องการคำตอบจากปากของชายผมบลอนด์มากเพียงใดก็ตาม แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รับมันในทันทีที่เธอต้องการ เมื่อชายตรงหน้ามีท่าทีอึดอัดกับคำถามของเธอเมื่อเขาหันหน้าไปทางอื่นราวกับเขาไม่ต้องการจะตอบคำถามนั้นออกมา แต่ในระหว่างที่กำลังรอคอยคำตอบจากนายลูเซียสอยู่อย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้น ไม่นานนักชายผมบลอนด์ก็หันกลับมาหาหญิงสาว และเมื่อได้สบสายตาของภรรยาที่บ่งบอกว่าเธอกำลังรอคอยคำตอบของเขาอยู่ นายมัลฟอยก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“ทิสซี่!” เขาพึมพำชื่อเอลฟ์ประจำบ้านขึ้นมา และในวินาทีต่อมาร่างเล็กจ้อยของทิสซี่ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสอง และเมื่อมันเห็นว่ามันกำลังอยู่ต่อหน้านายท่านและนายหญิงเอลฟ์ก็ก้มศีรษะลงเพื่อทำความเคารพทั้งสองอย่างนอบน้อมพร้อมกับที่มันพูดขึ้น

“นายท่านมีอะไรให้ทิสซี่รับใช้เจ้าคะ” เอลฟ์กล่าวขณะที่มันก้มศีรษะลงต่ำจนจมูกของมันแทบจะจรดพื้น แต่ไม่ทันที่ทิสซี่จะได้ขึ้นมายืนตรงอีกครั้ง นายลูเซียสก็พูดขึ้น

“ฉันอยากให้แกมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็คอยดูแลนายหญิงให้ดี” เขาสั่ง และเพราะคำพูดนั้นของเขาที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองสามีของเธอด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอมองเขาราวกับเธอกำลังถามเขาว่าเขาจะรีบไปจากที่นี่แล้วหรือ

“คุณจะไปแล้วหรือคะ” เธอถามออกไปโดยไม่ทันจะได้ยับยั้งตัวเอง และเมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาวนายลูเซียสก็หันไปทางเธอก่อนจะตอบออกมา

“ฉันควรจะปล่อยให้เธอพักผ่อนจะดีกว่า” เขาพูดกับเธอเรียบ ๆ ก่อนจะหันไปทางเอลฟ์ “อ้อ ตอนนี้นายน้อยออกไปข้างนอกแล้วใช่มั๊ย” นายลูเซียสถามเอลฟ์ด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าภรรยาของเขากำลังตั้งใจฟังคำตอบที่ออกมาจากปากทิสซี่ด้วยหัวใจที่เต้นแรง

“เจ้าค่ะ ทิสซี่ได้ยินเอลฟ์ตัวอื่นบอกว่านายน้อยผลุนผลันออกจากคฤหาสน์ไปก่อนหน้านี้เจ้าค่ะ แต่ทิสซี่ไม่ทราบเจ้าค่ะว่านายน้อยออกไปไหน” มันรายงานตามตรง ขณะที่ชายผมบลอนด์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่เขาจะพูดต่อ

“ถ้าอย่างนั้น ถ้านายน้อยกลับมาที่คฤหาสน์เมื่อไหร่แกก็ให้เอลฟ์ตัวไหนก็ได้มารายงานฉันด้วยแล้วกัน” เขาสั่ง และเอลฟ์ก็รับคำอย่างกระตือรือร้น

“เจ้าค่ะ ทิสซี่จะทำตามที่นายท่านสั่งเจ้าค่ะ” ทิสซี่กล่าว ขณะที่นายลูเซียสหันกลับมาที่ภรรยาของเขาอีกครั้ง

“ฉันจะกลับไปที่ห้องของฉันแล้ว ส่วนเธอก็พักผ่อนแล้วกัน” เขาพูดอย่างราบเรียบขณะที่เขามองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว และเป็นเพราะสาเหตุบางประการที่ทำให้ชายผมบลอนด์รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ต้องการให้เขาไปจากเธอในตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะสายตาที่เธอใช้มองเขาในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยแววตาอ้อนวอนระคนกับความรู้สึกอึดอัดใจที่แสดงออกมาทั้งทางสายตาและท่าทางของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้ชายผมบลอนด์เผลอคิดไปเองว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องการให้เขาอยู่กับเธอต่อในห้องนี้มากกว่าที่จะให้เขาออกไปจากห้องอย่างที่เขาเข้าใจในตอนแรก อีกทั้งเมื่อชายผมบลอนด์ตัดสินใจเดินออกไปจากเตียงนอนที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอยู่ไปยังประตูห้องนอนของเธอนั่นเอง หญิงสาวก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่อเดินไปส่งเขาจนถึงหน้าประตูห้อง และเมื่อเห็นเช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะการแสดงออกถึงท่าทีดังกล่าวของเฮอร์ไมโอนี่นั่นเองที่ทำให้นายลูเซียสชะงักฝีเท้าของเขา ชายผมบลอนด์ไม่ได้เดินออกไปจากห้องนอนในทันทีอย่างที่เขาได้ตั้งใจไว้ในตอนแรก ตรงกันข้ามเขากลับหันมาหาภรรยาสาวของเขาที่เดินตามเขามาจนเกือบถึงประตูห้องอีกครั้ง และเมื่อนายมัลฟอยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่ดูเหมือนกำลังอ้อนวอนเขาอยู่ของหญิงสาวตรงหน้าแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจพูดขึ้น

"เธอควรจะพักผ่อนนะ" เขากล่าวเรียบ ๆ หากแต่แววตาที่เขาใช้มองเฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “ทิสซี่จะดูแลเธอ และถ้าเธอต้องการอะไรเธอก็บอกมันแล้วกัน” และเมื่อชายผมบลอนด์พูดประโยคดังกล่าวจบเขาก็สังเกตเห็นแววผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาสีน้ำตาลของภรรยาสาวของเขาในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และเมื่อเป็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงยกมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาราวกับเขาตั้งใจจะใช้มันวางลงบนไหล่เล็กของหญิงสาวตรงหน้าเพื่อปลอบเธอ หากแต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองการกระทำของเขา ชายผมบลอนด์กลับชะงักการกระทำนั้นของเขาเสียก่อนและเปลี่ยนไปใช้มือข้างนั้นจับไม้เท้าของเขาด้วยท่าทีขัดเขินแทน ราวกับว่าเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าอาจจะไม่ต้องการให้เขาถูกตัวเธอในตอนนี้ก็เป็นได้

หลังจากวินาทีที่น่ากระอักกระอ่วนและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แสดงถึงความลำบากใจของทั้งคู่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว นายลูเซียสก็เงยหน้าขึ้นสบตาภรรยาก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าเธอต้องการอะไรก็ให้ทิสซี่จัดการให้เธอแล้วกัน หรือถ้าสิ่งที่เธอต้องการมันนอกเหนือจากนั้น ฉันจะอยู่ที่ห้องนอนทางปีกตะวันตก” เขาพูดด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนมากเท่าที่ลูเซียส มัลฟอยจะสามารถพูดได้ และหลังจากได้ฟังคำพูดของชายตรงหน้าแล้วหญิงสาวก็พอจะเข้าใจว่าสามีของเธอต้องการจะบอกเธอว่า ถ้าหากเธอต้องการจะพบเขา เขาก็จะอยู่ที่ห้องนอนใหม่ของเขาทางด้านปีกตะวันตกของคฤหาสน์ และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องการรั้งตัวนายลูเซียสไว้ให้อยู่กับเธอต่อไปมากเพียงใดก็ตามแต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะหาคำพูดหรือเหตุผลใด ๆ มาเหนี่ยวรั้งชายตรงหน้าไว้ในสถานการณ์เช่นนี้ไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว อีกทั้งถ้าหากเธอพูดหรือทำอะไรลงไปมากกว่านี้ชายผมบลอนด์อาจจะสงสัยในการกระทำของเธอก็เป็นได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากพยักหน้าเบา ๆ ในเชิงยอมรับให้กับสามีของเธอ



ทางด้านลูเซียสเมื่อเขาเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ามีท่าทียอมรับในสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไปแล้ว ชายผมบลอนด์จึงมองหญิงสาวตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาผสมปนเปไประหว่างความเป็นห่วงเป็นใยและการครุ่นคิดพิจารณา แต่นายลูเซียสก็ใช้เวลามองสำรวจภรรยาสาวของเขาอยู่ได้ไม่นานนักเมื่อเขาตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อเดินออกไปจากห้องโดยที่เขาไม่หันมามองทางเฮอร์ไมโอนี่อีกเลย





…………………………………………….






Create Date : 26 สิงหาคม 2556
Last Update : 31 สิงหาคม 2556 21:57:13 น. 0 comments
Counter : 1358 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.