Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 12 Malfoy Manor PART I [Warning: R]


คำเตือน: ฟิคตอนนี้มีฉากเรท ใครไม่ชอบกรุณาอย่าอ่านนะคะ หรือถ้าต้องการอ่านฟิคตอนนี้ในเวอร์ชั่น PG-13 สามารถหาอ่านได้ที่เด็กดีตามลิ้งเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

//writer.dek-d.com/piksi/story/viewlongc.php?id=760263&chapter=12




หลังจากพยายามใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอย่างนานที่สุดเท่าที่จะทำได้เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจหาเหตุผลใด ๆ มาอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำนานไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เมื่อเธอตรวจสอบตัวเองในกระจกเป็นรอบที่สามสิบ และพบว่าภาพที่เห็นก็คือหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังใส่ชุดนอนผ้าไหมที่มีเสื้อคลุมยาวกำลังจ้องตอบกลับมา (เฮอร์ไมโอนี่เจอเสื้อคลุมแขนยาวสำหรับใส่นอนในตู้เสื้อผ้าหลังจากเธอเกือบจะหมดหวังในการหาชุดนอนที่ไม่บางจนเกินไปมาใส่และเกือบจะตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าสำหรับใส่กลางวันมาใส่นอนเสียแล้ว) เธอก็จัดเสื้อคลุมด้านหน้าของตนให้เรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายพลางดึงคอเสื้อที่คว้านต่ำขึ้นมาปกปิดบริเวณเนินอกของตนเองก่อนที่จะสูดลมหายใจลึก ๆ อีกครั้ง แน่นอนหญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่อาจจะอยู่ในห้องแต่งตัวแบบนี้ไปตลอดทั้งคืนได้ เพราะถ้าเธอใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมากกว่านี้นายลูเซียสอาจจะเข้ามาตามเธอถึงในห้องแต่งตัวนี้ก็เป็นได้ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็แอบหวังว่าการอาบน้ำแต่งตัวที่กินเวลายาวนานของเธอจะทำให้สามีของเธอรอคอยไม่ไหวและเข้านอนไปเสียก่อน แต่หญิงสาวกลับพบว่าเธอคิดผิดโดยสิ้นเชิงเมื่อเธอกลับเข้าไปในห้องนอนและพบว่านายมัลฟอยกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโซฟาหน้าเตาผิง ขณะที่มือหนึ่งของเขาถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้

ชายผมบลอนด์หันมามองทางเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เขาได้ยินเสียงเปิดประตู ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกสะกดเมื่อเขามองมาทางเธอด้วยดวงตาสีเงินลึกลับของเขา นายลูเซียสสวมเสื้อคลุมสำหรับเข้านอนสีเขียวเข้มที่ทำจากผ้าเนื้อดีเช่นเดียวกับชุดนอนของเฮอร์ไมโอนี่ และเมื่อสังเกตุให้ดีแล้วเธอก็พบว่าปลายผมสีบลอนด์ของเขาเปียกเล็กน้อยซึ่งบอกเธอว่าเขาเองก็เพิ่งอาบน้ำมาเช่นกัน

“ฉันคิดว่ากำลังจะเข้าไปตามเธออยู่พอดีเชียว ฉันนึกว่าเธอเป็นลมไปตอนกำลังแช่น้ำร้อนในอ่างเข้าเสียแล้ว” เขาพูดด้วยท่าทีปกติราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดที่เขาจะเข้าไปในห้องน้ำที่หญิงสาวกำลังอาบน้ำอยู่ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้ว่าเธอจะก้าวไปทางไหนหรือควรจะพูดหรือทำอะไรต่อ อันที่จริงหญิงสาวต้องการจะหนีออกไปจากห้องนี้เพื่อไปให้ไกลจากชายตรงหน้ามากกว่าอะไรทั้งหมด แต่เธอก็พบว่าเธอไม่สามารถทำได้เมื่อสามีของเธอวางแก้วเครื่องดื่มและหนังสือพิมพ์ในมือลงบนโต๊ะกลางก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาและเดินมาทางเธอ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้ตัวอีกครั้งร่างใหญ่นั้นก็เข้ามาประชิดตัวเธอเสียแล้ว

“อยากดื่มอะไรหน่อยไหม” เขาถามอย่างสุภาพ พลางจ้องมองร่างเล็ก ๆ ตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดูซึ่งมันดูเจ้าเล่ห์มากกว่าอะไรทั้งหมดในสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ ขณะที่หญิงสาวใช้เวลาคิดเพียงครู่เดียวก่อนจะตอบออกไป

“ไม่ค่ะ........อันที่จริง........” คำพูดของเธอเริ่มติดขัดเมื่อร่างใหญ่ของชายผมบลอนด์โน้มเข้ามาใกล้ร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ นายลูเซียสโน้มใบหน้าของเขาเข้ามาที่ข้างแก้มของหญิงสาวราวกับเขาต้องการสูดกลิ่นกายที่หอมหวานของเธอ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ได้คว้าร่างบางของเธอมาโอบกอดไว้แต่อย่างใด

“คือ ฉันจะมาบอกคุณว่าฉันอยากจะกลับไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดต่อเสียหน่อยน่ะค่ะ” เธอพูดและพยายามเบี่ยงตัวหลบใบหน้าของนายมัลฟอยที่บัดนี้อ้อยอิ่งอยู่ข้างแก้มของเธอ และถอยหลังออกมาอีกก้าวหนึ่ง ในขณะเดียวกันนั้นนายลูเซียสก็ยิ้มน้อย ๆ ให้กับการเอาตัวรอดของหญิงสาวที่ไม่สู้ฉลาดนักในความคิดของเขา เธอคิดจริง ๆ หรือว่าเธอจะหนีไปจากเขาได้ รวมทั้งเธอคิดจริง ๆ อย่างนั้นหรือว่าเขาจะยอมให้เธอแอบฝึกเวทย์มนต์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ใต้จมูกของเขาแบบนี้ แน่นอนว่าไม่ เขาไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้นเป็นแน่ รวมทั้งเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอออกจากห้องนี้ไปจนกว่าจะถึงเวลาเช้าเท่านั้น

เมื่อคิดได้เช่นนั้นมือใหญ่ของชายผมบลอนด์ก็เลื่อนไปจับแขนของหญิงสาวไว้ก่อนที่เธอจะมีโอกาสเดินหนีเขาไปไหน นายลูเซียสมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของภรรยาที่กำลังมองกลับมาที่เขาด้วยแววตาแปลกใจก่อนจะตอบเธอออกไป

“เธอคงไม่คิดว่าห้องสมุดจะเปิดในเวลากลางคืนแบบนี้หรอกจริงไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มราวกับแพรไหม แต่แววตาของเขาที่มองมาทางเธอกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขนลุก เธอจ้องเขาตอบด้วยความแปลกใจ

“แต่คุณบอกฉันเองไม่ใช่หรือคะว่าฉันสามารถเข้าไปใช้ห้องสมุดได้ เพราะว่า......เพราะว่ามันก็เป็นของฉันเหมือนกัน” หญิงสาวพบว่าตัวเองตอบออกไปเช่นนั้น และเมื่อเธอมองสบตาของชายตรงหน้า เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่านายลูเซียสมองเธอด้วยสายตาราวกับต้องการบอกเธอว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดที่เธอพยายามจะปิดบังเขาไว้แล้ว

“ใช่ ฉันพูดอย่างนั้นจริง ก่อนที่ฉันจะรู้ว่าเธอไปที่ห้องสมุดเพื่อค้นคว้าเรื่องอะไรบ้าง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังเพราะคำพูดของเขา

“คุณรู้อย่างนั้นหรือคะ” เธอกระซิบออกมา ขณะที่ชายผมบลอนด์ก้าวเข้ามาใกล้เธออีกก้าวจนเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นสบู่จาง ๆ จากร่างกายของเขา

“เธอคิดว่าฉันโง่พอที่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านของฉันบ้างอย่างนั้นหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ราวสามีที่อ่อนโยนและเอ็นดูเธอได้หายไปเพราะเขาได้กลับกลายมาเป็นลูเซียส มัลฟอยคนเดิมเสียแล้ว ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับหัวใจของเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามที่จะรักษาท่าทีให้เป็นปกติ แม้ว่าจริง ๆ แล้วเธอจะหวาดกลัวมากก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อนายลูเซียสยกมือหนึ่งของเขาขึ้นมาเชยคางของเธอให้เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา หลังจากที่เธอหลบสายตาเขาไปมองทางอื่น

“บอกฉันสิ เฮอร์ไมโอนี่ เธอคิดว่าฉันจะไม่รู้เลยหรือว่าเธอแอบทำอะไรบ้านของฉันเองน่ะ” เขาถามพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีแปลกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด

“คุณให้เอลฟ์จับตาดูฉันหรือคะ” เธอถามด้วยเสียงแหลมสูง ราวกับเธอรู้สึกไม่พอใจในความจริงที่เธอเพิ่งค้นพบเป็นอย่างมาก ขณะที่ชายผมบลอนด์ยังคงจ้องมองหญิงสาวอยู่

“ฉันยอมรับว่าฉันให้เอลฟ์จับตาดูเธอ แต่มันไม่ได้มาบอกฉันในเรื่องหนังสือที่เธออ่านวันนี้หรอก” เขาพูดกับสีหน้าที่มีแววสงสัยของภรรยา

“เธอคิดว่าฉันจะไม่รู้จริง ๆ หรือว่าหนังสืออะไรบ้างที่อยู่บนโต๊ะในตอนที่ฉันไปเจอเธอนอนหลับอยู่ในห้องสมุดน่ะ” นายลูเซียสพูดออกมาตามตรง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนผ่าวด้วยความอับอายราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้นั้นมันร้ายแรงมากกว่าการถูกจับได้ว่าทำความผิดเล็ก ๆ น้อยมากนัก

“ฉัน.....แต่ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะค้นคว้ามันไม่ใช่หรือคะ” เธอเถียง ขณะที่พยายามรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอจะกลัวมากก็ตามที่เขาจับได้ว่าเธอพยายามหาทางศึกษาเวทย์มนต์เพื่อมาใช้ต่อกรกับเขาแบบนี้ เพราะสิ่งสุดท้ายที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องการให้เกิดขึ้นในตอนนี้รองจากการที่โวลเดอมอร์ฆ่าแฮร์รี่และยึดครองโลกเวทย์มนต์ได้ก็คือการได้เห็นชายตรงหน้าโกรธนี่แหละ

และดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องรอนานเท่าไหร่นักเมื่อความกลัวอีกอย่างหนึ่งของเธอเป็นจริงขึ้นมา เพราะหลังจากที่หญิงสาวพูดจบ ชายตรงหน้าก็มองเธอด้วยแววตาที่เกือบจะเรียกไว้ว่าเกรี้ยวกราด มือใหญ่ที่กุมแขนบอบบางของหญิงสาวไว้บีบมันแน่นราวกับคีมเหล็ก ความเจ็บปวดแล่นไปตามกระดูกจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องครางออกมาเบา ๆ และพยายามดิ้นรนจากการเกาะกุมของสามี แต่ถึงเธอจะแสดงท่าทีว่าเธอเจ็บปวดออกมาก็ตามมันกลับไม่มีแววปราณีอยู่ในดวงตาสีเงินของนายลูเซียสที่ใช้จ้องมองภรรยาของเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ร่างบางตรงหน้าก่อนจะจูบเธออย่างหนักหน่วง

หญิงสาวพยายามขัดขืนการกระทำของร่างตรงหน้า แต่เธอก็ไม่อาจทำอะไรมากไปกว่าดิ้นรนอยู่ภายใต้การเกาะกุมของเขาขณะที่ชายผมบลอนด์จูบเธออย่างรุนแรง และพยายามจะสอดลิ้นเข้าไปในปากของเธอ ซึ่งแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลังเธอก็ไม่อาจต้านทานความต้องการของร่างตรงหน้าได้ เมื่อชายผมบลอนด์จูบร่างเล็กในอ้อมแขนของเขาจนพอใจแล้วเขาก็ถอนใบหน้าออกมา และสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือดวงตาสีน้ำตาลที่มีแววเจ็บปวดของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งมองมาทางเขาอย่างเกลียดชัง!
และเพราะสายตาของหญิงสาวนี้เองที่ทำให้นายลูเซียสรู้สึกผิดกับการกระทำของเขาขึ้นมาในทันที แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาได้ประสบบ่อยนักก็ตาม แต่เขากลับไม่รู้สึกชอบมันเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามชายผมบลอนด์รู้สึกโมโหตัวเองมากกว่าอะไรทั้งหมดที่เขาจะต้องมารู้สึกแบบนี้หลังจากที่เขาเพิ่งจูบภรรยาที่แสนจะดื้อดึงของเขาคนนี้ลงไป ซึ่งอันที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เขาจะจูบเธอ ในเมื่อเธอได้ตกเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว รวมทั้งเขาน่าจะโมโหในความดื้อดึงของหญิงสาวคนนี้จนลงโทษเธอหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่มันกลับมีอะไรบางอย่างมาทำให้เขารู้สึกว่าการที่เขาทำรุนแรงกับเธอนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งความคิดนั้นทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าอะไรทั้งหมด และหลังจากได้สบดวงตาสีน้ำตาลที่แสดงออกถึงความเสียใจของเฮอร์ไมโอนี่แล้ว นายลูเซียสก็รู้สึกว่าเขาควรจะต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป

“เธออาจจะมีสิทธิ์ค้นคว้าข้อมูลในห้องสมุด” เขากระซิบกับหญิงสาวอย่างแผ่วเบา แต่เธอกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน “แต่ฉันเองก็มีสิทธิ์ที่จะห้ามไม่ให้เธอทำในสิ่งที่ฉันไม่พอใจในบ้านของฉัน เธอก็รู้ว่าฉันสามารถห้ามไม่ให้เธอเข้าไปใช้ห้องสมุดอีกเลย หรือฉันทำได้แม้กระทั่งทำลายหนังสือทุกเล่มที่เธออ่านในวันนี้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องแอบฝึกเวทย์มนต์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์อีก” นายลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ตาโตเพราะคำพูดของสามี แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้เขาทำอย่างที่ที่เขาพูดแต่อย่างใด แต่ก่อนที่เธอจะได้ทักท้วงอะไรออกไปชายผมบลอนด์ก็พูดขึ้นก่อน

“อีกอย่างการกระทำของเธอก็ไม่ได้เป็นการนำประโยชน์ใด ๆ มาให้กับเธอเลย เพราะถึงเธอจะศึกษาการใช้เวทย์มนต์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ได้สำเร็จก็ตาม แต่มันก็ช่วยให้เธอหนีไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี รวมทั้งเธอไม่สามารถใช้มันมาทำร้ายฉันได้ด้วย” เขาพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ราวกับต้องการย้ำเตือนความเป็นจริงที่ว่าถึงแม้เธอจะสามารถใช้เวทย์มนต์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ได้อย่างเชี่ยวชาญแล้วก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถใช้เพียงเวทย์มนตร์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์หนีไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ได้ รวมทั้งเธอไม่อาจใช้มันทำร้ายนาย มัลฟอยซึ่งอยู่ในฐานะสามีของเธอในตอนนี้ได้เลย เนื่องจากพันธะสัญญาการแต่งงานระบุไว้อย่างชัดเจนว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วเธอซึ่งเป็นภรรยาของนายลูเซียสไม่อาจจะเสกเวทย์มนต์ใด ๆ ขึ้นมาทำร้ายเขาได้ เธอทำไม่ได้แม้กระทั่งขอหย่าขาดจากเขา แต่ในทางตรงกันข้ามสัญญากลับไม่ได้ระบุห้ามการที่เขาจะเสกเวทย์มนต์ซึ่งมีผลต่อตัวเธอขึ้น รวมทั้งเขาเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่มีสิทธิ์ขอหย่าขาดจากเธอหากเขาต้องการ นี่ยังไม่นับเรื่องที่เธอไม่อาจหนีไปจากคฤหาสน์หลังนี้ได้ เพราะนอกจากนายมัลฟอยจะคอยให้เอลฟ์จับตาดูเธออยู่ตลอดเวลาแล้ว แหวนแต่งงานที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอก็จะเป็นตัวบอกที่อยู่ของเธออย่างแม่นยำมากทีเดียวในกรณีที่เธอเกิดหนีไปได้

หลังจากเข้าใจแล้วว่าการกระทำของเธอเองไม่อาจนำประโยชน์ใด ๆ มาให้กับเธอได้เลย ตรงกันข้ามมันกลับจะนำความเดือดร้อนมาให้เธอด้วยซ้ำเมื่อชายผมบลอนด์ค้นพบว่าเธอกำลังหาทางขัดคำสั่งเขาแบบนี้ ในตอนนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาในทันที ราวกับว่ามันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องยอมรับความจริงที่ว่า ไม่ว่าเธอจะพยายามเพียงใดเธอก็ไม่อาจเอาชนะชายตรงหน้าที่เหนือกว่าเธอทั้งในด้านความคิดและพลังเวทย์มนต์ไปได้ แม้ว่าเธอจะได้ชื่อว่าเป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในรุ่นรวมทั้งเป็นทายาทของเรเวนคลอก็ตาม แต่หญิงสาวกลับรู้สึกราวกับเธอเป็นเพียงเด็กที่ไม่ประสีประสาเท่านั้น เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับผู้เสพความตายที่รู้ทันเธอราวกับเขาอ่านใจเธอออกแบบนี้ หรือในที่สุดมันถึงเวลาที่เธอจะต้องยอมรับได้แล้วว่าเธออยู่ในการควบคุมของนายลูเซียสในทุก ๆ เรื่องอย่างที่เขาต้องการให้มันเป็นและในอย่างที่เธอขัดขืนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ในขณะเดียวกันนั้นเองชายผมบลอนด์ซึ่งกำลังจ้องมองภรรยาของเขาอยู่ก็รู้สึกพอใจไม่น้อยที่ได้เห็นท่าทีสับสนของหญิงสาว รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากของนายลูเซียสเมื่อเขาพบว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่อาจหาข้อโต้แย้งใด ๆ มาโต้เถียงเขาได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงใช้มือข้างหนึ่งเชยคางของเธอขึ้นมาและบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา

“การกระทำของเธอนั้นไม่ได้เรื่องที่ฉลาดเลย เพราะนอกจากมันจะไม่นำประโยชน์ใด ๆ มาให้เธอแล้ว มันยังจะทำให้เธอสูญเสียโอกาสที่เธอจะได้ไม้กายสิทธิ์ของเธอคืนอีกด้วย” เขาพูดพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ ขณะที่หญิงสาวจ้องเขาตอบด้วยสายตาราวกับเธอไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา

“คุณว่าอะไรนะคะ!” เธอกระซิบ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของชายผมบลอนด์อีกครั้งเมื่อเขามองเธออย่างเอ็นดูพร้อมกับลูบแก้มเนียนของเธอด้วยมืออีกข้างหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเพราะสัมผัสนั้น แต่เธอก็ไม่ได้ถอยหนีจากเขาแต่อย่างใด

“ฉันกำลังบอกเธอว่าฉันอาจจะคืนไม้กายสิทธิ์ให้เธอ ถ้าหากเธอทำตัวดี ๆ และเชื่อฟังที่ฉันพูด” นายลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มราวกับแพรไหม ขณะที่หญิงสาวรีบถามออกไปทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ

“คุณจะคืนไม้กายสิทธิ์ให้ฉันอย่างนั้นหรือคะ เมื่อไหร่คะ” เธอถามออกไปอย่างรวดเร็ว ชายผมบลอนด์มีท่าทีอึดอัดใจเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ แต่เขาก็สามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติไว้ได้

“แน่นอนว่าไม่ใช่เร็ว ๆ นี้” เขาพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย ขณะที่แววตื่นเต้นบนใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่นั้นจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเธอรู้ว่าเธอได้ตกหลุมพรางที่ชายตรงหน้าวางเอาไว้เสียแล้ว เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะคืนไม้กายสิทธิ์ให้เธอจริง ๆ ตรงกันข้ามเขาแค่ต้องการให้เธอเชื่อเช่นนั้นเพื่อที่เธอจะได้ทำตามที่เขาต้องการทุกอย่าง

และเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังระคนโกรธเคืองของหญิงสาวตรงหน้าแล้ว นายลูเซียสจึงพูดขึ้น

“ฉันมีความตั้งใจจะคืนไม้กายสิทธิ์ให้เธอ” เขาเอ่ยอย่างหนักแน่น ขณะที่ใช้มือหนึ่งกุมใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ให้หันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่าดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวมองเขาอย่างไม่ไว้ใจชายผมบลอนด์จึงพูดต่อ

“แต่ฉันจะคืนไม้กายสิทธิ์ให้เธอเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น และฉันขอพูดได้เลยว่าฉันไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเก็บมันไว้กับฉันตลอดไป” เขากล่าวพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ แม้ว่าสายตาที่เขาใช้มองมาที่เธอนั้นจะดูหนักแน่นและจริงใจมากก็ตาม แต่ส่วนลึก ๆ ในสมองของเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงบอกเธอไม่ให้เชื่อคำพูดของชายตรงหน้าอยู่ดี

“แล้วเวลาที่เหมาะสมของคุณนั้นมันเมื่อไหร่กันคะ หลังจากที่พวกคุณชนะสงคราม หรือว่าหลังจากวันครบรอบแต่งงานปีที่สิบของเรางั้นหรือคะคุณถึงจะคืนไม้กายสิทธิ์ให้ฉันได้!” เธอโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน และคาดเอาไว้ว่าสามีของเธอคงจะต้องโมโหไม่น้อยกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไป แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับคิดผิดเมื่อเธอเห็นว่าร่างใหญ่ตรงหน้าของเธอยังคงมีท่าทีปกติ ริมฝีปากบางของเขายกสูงในเชิงขบขัน

“ฉันมั่นใจว่ามันคงเร็วกว่าวันครบรอบแต่งงานปีที่สิบของเราอย่างแน่นอน” เขาพูดพลางมองเธอด้วยสายตาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกอับอายในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไป ราวกับว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมานั้นเป็นเรื่องที่น่าขบขันเหลือเกินสำหรับเขา ในขณะเดียวกันเฮอร์ไมโอนี่กลับพบว่าความคิดที่ว่าการชีวิตแต่งงานของเธอและนายลูเซียสจะยืนยาวไปถึงสิบปีนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ชายที่เหมือนปีศาจร้ายคนนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกแต่อย่างใด

หลังจากจมอยู่กับความสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเธอพบว่าแรงบีบที่แขนของเธอได้คลายลง แต่ร่างใหญ่ตรงหน้ายังคงไม่ยอมปล่อยเธอจากการเกาะกุมแต่อย่างใด เมื่อเขาเลื่อนมือใหญ่ของเขาไปกุมข้อมือของหญิงสาวไว้ก่อนที่จะพูดขึ้น

“เธอก็น่าจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะขัดขืนฉัน” เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหากแต่ฟังดูอันตราย “อันที่จริงเธอน่าจะจำได้นะว่าเธอเคยสัญญากับฉัน ว่าเธอจะยอมเชื่อฟังฉันทุกอย่างเพื่อแลกกับที่ฉันไว้ชีวิตมาดามมัลกิ้นให้เธอ” ชายผมบลอนด์พูดพลางไล้มือใหญ่ของเขาผ่านไหล่บางที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยชุดนอนผ้าไหมเบา ๆ

“แล้วจากที่ฉันเห็น ฉันก็ไม่คิดว่าเธอได้ทำตามสัญญาเท่าที่ควรเลย บางทีฉันน่าจะลองใคร่ครวญดูว่าฉันควรจะรักษาสัญญาของฉันต่อไปดีไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แม้จะรู้ว่ามันเป็นหลุมพรางที่เขาวางไว้ก็ตาม แต่หญิงสาวก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะเดินลงไปในหลุมพรางนั้นของเขา อันที่จริงเธอมีทางเลือกที่จะไม่ทำตามที่เขาต้องการ แต่เธอไม่ต้องการที่จะเลือกเส้นทางนั้นเพราะเฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเธอไม่อาจทนเห็นคนบริสุทธิ์อย่างมาดามมัลกิ้นถูกฆ่าได้ แม้ว่าการช่วยชีวิตของหล่อนจะต้องแลกมากับการเสียสละอย่างมหาศาลของหญิงสาวก็ตาม

“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ คุณผิดสัญญาที่ให้ไว้กับฉันไม่ได้!” เธอพูดเสียงแหลม แต่ชายผมบลอนด์ไม่มีท่าทีตกใจแม้แต่น้อยกับท่าทีของภรรยา

“ฉันบอกเธอแล้วไงที่รัก ว่าฉันจะรักษาสัญญาของฉันก็ต่อเมื่อเธอทำในแบบเดียวกันเท่านั้น แต่ถ้าเธอไม่ต้องการที่จะรักษาสัญญาต่อไปก็ไม่มีปัญหา ฉันจะได้บอกเบลลาทริกซ์ว่าเธอไม่ต้องการจะเก็บมาดามมัลกิ้นไว้เป็นช่างตัดเสื้อคลุมประจำตัวแล้ว” เขาพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยราวกับพวกเขาไม่ได้กำลังตกลงอะไรบางอย่างที่เกี่ยวพันถึงชีวิตแม่มดบริสุทธิ์แบบนี้ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองชายที่เปรียบเสมือนปีศาจร้ายตรงหน้าอย่างเกลียดชังระคนโกรธเกรี้ยว

“คุณกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้กัน! คุณไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคุณถึงเอาชีวิตของคนอื่นมาข่มขู่ฉันแบบนี้น่ะ!” หญิงสาวพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง โดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าคำพูดของเธออาจจะทำให้ชายตรงหน้าโกรธ และมันอาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอแต่อย่างใด เพราะเธอทนไม่ไหวแล้วที่เขามาคอยขมขู่และบงการเธอในทุก ๆ เรื่องแบบนี้

“ฉังคงไม่ต้องใช้วิธีนี้กับเธอหรอกถ้าเธอทำตามสัญญาดี ๆ ตั้งแต่แรก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นเรื่องนี้ก่อนเลย แต่เป็นเธอต่างหากที่ขอร้องให้ฉันไว้ชีวิตมาดามมัลกิ้นเอง” เขาพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกความโกรธที่แล่นผ่านใบหน้าจนเธอแน่ใจว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอต้องเป็นสีแดงเหมือนกับที่รอนเป็นเวลาเขาโกรธอย่างแน่นอน หญิงสาวอยากจะสาปใบหน้าหยิ่งยโสและถือดีของร่างตรงหน้าเหลือเกิน แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้พอ ๆ กับที่การทำร้ายเขานั้นไม่อาจนำประโยชน์ใด ๆ มาให้เธอได้ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือการที่เฮอร์โอนี่เพิ่งค้นพบว่าคนที่เธอควรโกรธเคืองไปมากกว่าเขาก็คือตัวของเธอเองที่ยอมให้เขามามีอำนาจอยู่เหนือเธอทุกอย่างแบบนี้!

แม้ว่าเธอจะเพิ่งแต่งงานกับเขาได้เพียงแค่วันเดียวก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็พอจะอ่านความคิดของชายตรงหน้าออกได้ในบางเรื่อง เธอสังเกตุว่าเขาจะมีไม่กี่วิธีเท่านั้นในการทำให้เธอทำตามที่เขาต้องการ หนึ่งในนั้นก็คือการเกลี้ยกล่อมให้เธอทำตามเขา ถ้าเธอไม่ยอมเขาก็จะใช้กำลังบังคับเธอ และถ้าหากเธอยังไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการแม้จะถูกเขาบังคับแล้วก็ตาม เขาก็จะใช้วิธีบังคับเธอทางอ้อมโดยการยกเอาความปลอดภัยของคนอื่นมาข่มขู่เธอ แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือเธอกลับไม่พบหนทางใดที่จะมาขัดขืนอะไรชายตรงหน้าได้เลย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้กำลังบังคับเธอทางตรงได้ เขาก็สามารถบังคับเธอทางอ้อมโดยการขู่ว่าจะทำร้ายพ่อแม่ของเธอหรือแม้กระทั่งมาดามมัลกิ้นได้อยู่ดี ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมทำตามที่เขาต้องการเท่านั้น

ประโยคต่อมาที่ชายผมบลอนด์พูดนั้นดูราวกับดังมากจากที่ไกลแสนไกล แต่น่าประหลาดเหลือเกินที่หญิงสาวกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน

“ฉันจะให้โอกาสเธอเพียงครั้งเดียว เฮอร์ไมโอนี่ สัญญากับฉันมาว่าเธอจะไม่ค้นคว้าเรื่องการใช้เวทย์มนต์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์อีก รวมทั้งเธอจะต้องทำตามที่ฉันต้องการทุกอย่างด้วย ไม่อย่างนั้น…….” เขาละคำพูดสุดท้ายไว้ แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาต้องการจะบอกอะไรกับเธอ ขณะที่เธอมองชายตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งโกรธเคือง สับสน และหวาดกลัว แต่หญิงสาวก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตัดสินใจครั้งนี้ ราวกับว่าเธอมีคำตอบรอไว้อยู่แล้ว แถมมันยังเป็นคำตอบที่เขาต้องการจะได้ยินเสียด้วย

“ตกลงค่ะ” เธอพูดออกไปเรียบ ๆ แต่เมื่อเธอเห็นสายตาของสามีที่มองมา เฮอร์ไมโอนี่จึงเสริมออกไปว่า “ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่แอบศึกษาเวทย์มนต์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์อีก แล้วฉันก็จะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง คุณพอใจหรือยัง!” หญิงสาวพูดออกไปอย่างโกรธเคือง แต่ดูเหมือนว่าชายตรงหน้าจะไม่มีท่าทีไม่พอใจในการกระทำของเธอแต่อย่างใด ตรงกันข้ามรอยยิ้มมุมปากของนายลูเซียสกลับบอกเธอว่าเขาพอใจในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมาเป็นอย่างมาก จนเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้พูดประโยคต่อไปได้

“คุณพอใจใช่ไหมคะที่ฉันจะทำตามที่คุณต้องการทุกอย่าง! คุณพอใจหรือยังที่คุณจะได้บงการชีวิตของฉันตามใจชอบแบบนี้!” เธอตะโกนออกมาอย่างไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ได้ หญิงสาวรู้สึกว่าขอบตาของเธอร้อนผ่าวและเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเลือกที่จะหันหลังให้ร่างตรงหน้าก่อนที่เธอจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นอีกครั้ง ขณะที่ชายผมบลอนด์มองแผ่นหลังที่สั่นเทาของภรรยาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจเคลื่อนกายเข้าไปโอบกอดร่างบางนั้นจากทางด้านหลัง นายลูเซียสแนบใบหน้าของเขาเข้าที่ข้างแก้มของเฮอร์ไมโอนี่ ขณะที่วงแขนแข็งแกร่งของเขาโอบกอดร่างเล็ก ๆ นั้นไว้อย่างแน่นหนาก่อนจะพูดออกมา

“ฉันจะพอใจมากกว่านี้ถ้าเธอยอมเชื่อฟังฉันทุกอย่างตั้งแต่แรก” เขากระซิบเข้าที่ข้างหูของหญิงสาวในอ้อมแขน และเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ตอบอะไรออกมาเขาก็ก้มลงจูบเธอที่แก้มเบา ๆ แต่เมื่อชายผมบลอนด์ทำเช่นนั้นเขาก็พบว่าแก้มของเฮอร์ไมโอนี่เปียกชื้นด้วยน้ำตา และในวินาทีต่อมาเมื่อนายลูเซียสหันร่างของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้ากับเขา เขาก็ได้เห็นว่าดวงตาคู่สวยของเธอมีน้ำตาคลอเอ่อ แต่ถึงจะเห็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ยื่นมาเช็ดน้ำตาให้เธอแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกับกลับทำเพียงแค่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอเท่านั้น

“เธอร้องไห้ทำไมกัน” แม้ว่ามันจะเป็นคำถามที่ธรรมดามาก็ตาม แต่หญิงสาวกลับไม่แน่ใจว่าเธอจะตอบเขาออกไปว่าอะไร

“คุณก็รู้ว่าทำไม” เธอพูดเพียงเท่านั้นนั้นก่อนจะเบือนหน้าหนีเขา แต่เพราะการกระทำนั้นเองมันจึงทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีโอกาสได้เห็นแววสับสนในดวงตาของนายลูเซียสเมื่อเธอเอ่ยถ้อยคำดังกล่าวออกมา ถ้อยคำที่บอกว่าเธอร้องไห้เพราะการกระทำของเขา แต่แววตาสับสนนั้นก็ปรากฏอยู่ในดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยได้ไม่นานนักเมื่อเขาเอื้อมมือหนึ่งไปเชยคางของหญิงสาวเอาไว้ และบังคับให้เธอหันกลับมาสบตาเขา

“ฉันรู้ว่ามันยากสำหรับเธอในเรื่องการแต่งงานของเรา.......” ไม่ทันที่เขาจะพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็ขัดขึ้นก่อน

“คุณไม่มีวันจินตนาการได้หรอกค่ะว่ามันยากแค่ไหนสำหรับฉัน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ก่อนจะเบือนหน้าหนีเขาอีกรอบ ขณะที่นายลูเซียสรู้สึกถึงความโกรธที่แล่นผ่านร่างกายของเขาราวกับยาพิษ แน่นอนว่าเขารู้มาก่อนว่าหญิงสาวที่เขาได้แต่งงานด้วยนี้เป็นคนที่ดื้อดึงเพียงไร แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะมีความสามารถในการทำให้เขาโมโหได้บ่อยขนาดนี้
แม้ว่าชายผมบลอนด์จะโกรธหญิงสาวตรงหน้ามากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ต้องการจะทำร้ายเธอซึ่งตอนนี้อยู่ในฐานะภรรยาของเขาแบบนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลยกับความอวดดีของเธอและเมื่อคิดได้เช่นนั้นนายลูเซียสจึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า

“งั้นก็ดี ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันยากแค่ไหนที่เธอจะต้องมาเป็นภรรยาของฉันแบบนี้” เขาพูดก่อนจะก้มลงจูบหญิงสาวที่ริมฝีปาก ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจ แม้จะรู้ดีว่าร่างตรงหน้ากำลังทำอะไรกับเธอก็ตาม แต่เธอก็ไม่อาจจะขัดขืนการกระทำของเขาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเพราะวงแขนแข็งแรงที่กำลังกอดรัดร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา หรือเป็นเพราะสัมผัสเร่าร้อนจากริมฝีปากของชายตรงหน้าก็ตาม กว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็ตกอยู่ใต้การควบคุมของเขาอย่างเบ็ดเสร็จเมื่อเขาเริ่มไล้จูบของเขาไปตามขากรรไกรของหญิงสาว ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามเบี่ยงตัวเพื่อหลีกหนีสัมผัสจากร่างตรงหน้าอย่างสุดความสามารถ

“อย่าค่ะ!” เธอร้อง แต่ดูเหมือนว่าร่างใหญ่ของนายลูเซียสจะไม่ได้ยินเสียงประท้วงของเธอแต่อย่างใดเมื่อเขาเลื่อนจูบของเขาไปตามขากรรไกรลงของหญิงสาว และในขณะเดียวกันมือใหญ่ของเขาก็กุมร่างเล็กของภรรยาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา ส่วนหญิงสาวนั้นทำได้เพียงแค่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเขาเท่านั้น

“เธอจะขัดขืนไปทำไม เฮอร์ไมโอนี่” ลูเซียส มัลฟอยกระซิบที่ข้างหูของภรรยาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มประดุจแพรไหม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นเมื่อพบว่าลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ที่ใบหู

“เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีวันหนีไปจากฉันได้” เขาย้ำความจริงที่ไม่น่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อยให้เธอฟัง ซึ่งอันที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่เธอรู้ดีมาตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่เธอยังไม่สามารถทำใจให้ยอมรับมันได้เท่านั้นเอง เธอไม่สามารถทำใจยอมรับการที่เธอจะต้องมาเป็นภรรยาของลูเซียส มัลฟอยได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองร่างตรงหน้าที่กำลังโอบกอดเธอไว้ และสิ่งเดียวที่เธอเห็นก็มีเพียงแค่ดวงตาสีเงินที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของนายลูเซียสเท่านั้น

“แล้วคุณต้องการอะไรจากฉันกันคะ แค่ที่คุณได้ไปทั้งหมดนี่มันยังไม่พออีกหรือไงคะ คุณต้องการอะไรจากฉันอีก!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปตามตรง

“เธอก็รู้ว่าฉันต้องการอะไร ที่รัก” เขาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพลางมองเธออย่างสเน่หา แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าสายตาของเขาที่มองมานั้นดูเป็นอันตรายมากกว่าอะไรทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขากระชับวงแขนที่โอบกอดร่างของเธอเข้ามาเพื่อรั้งร่างบางให้มาแนบชิดกับร่างของเขามากขึ้นจนเธอรู้สึกถึงเสียงหัวใจของเขา

“แล้วถ้าฉันไม่ต้องการมันล่ะคะ คุณจะบังคับฉันอย่างนั้นหรือคะ” เธอถามออกไปตามตรง และสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับต่อมาก็คือสายตาของชายผมบลอนด์ที่มองเธอราวกับเธอกำลังถามปัญหาที่ทำให้เขาปวดหัว และเมื่อเป็นเช่นนั้นนายลูเซียสก็เริ่มคลายวงแขนของเขาออกจากร่างตรงหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เขาสามารถมองใบหน้าเธอได้ชัดยิ่งขึ้น มือใหญ่ของเขาเลื่อนมาลูบแก้มเนียนของหญิงสาวตรงหน้าอย่างเบามือพลางสำรวจใบหน้างามที่บัดนี้ดูเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธออย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“ฉันจะไม่บังคับเธอ แต่ฉันจะทำให้เธอยอมทำตามฉันแต่โดยดี” เขากระซิบ พลางมองร่างตรงหน้าด้วยสายตาที่มีความหมาย

แม้ว่าลูเซียส มัลฟอยจะเป็นผู้เสพความตายที่เคยทำเรื่องเลวร้ายมามากแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบใช้กำลังบังคับผู้หญิงเรื่องแบบนี้ แม้ว่าเขาไม่มีปัญหากับการใช้กำลังบังคับให้ผู้อื่นทำตามในเรื่องอื่นก็เถอะ แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ต้องการทำเช่นนั้นกับเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในฐานะภรรยาของเขาแบบนี้ ถึงแม้นายลูเซียสจะยอมรับว่าสิ่งที่เขาได้ทำลงไปกับหญิงสาวคืนแต่งงานของทั้งสองนั้นไม่ได้ต่างจากการบังคับขืนใจเท่าไหร่นัก แต่ชายผมบลอนด์ก็คิดว่าเรื่องในทำนองนั้นไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นอีกหลังจากที่หญิงสาวได้ตกเป็นภรรยาของเขาแล้ว เพราะเขาแน่ใจว่าต่อจากนี้ไปเขาจะสามารถทำให้หญิงสาวตรงหน้ายอมโอนอ่อนผ่อนตามเขาได้ในทุก ๆ เรื่อง เพียงแต่มันอาจจะต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่าที่เขาคาดไว้เท่านั้น

ขณะที่เห็นว่าร่างตรงหน้ากำลังพิจารณาใบหน้าของตนเองอยู่นั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นมา

“ถึงยังไงคุณก็จะไม่ยอมปล่อยฉันไปใช่ไหมคะ” เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเธอจะได้รับคำตอบอย่างไร เพราะแน่นอนว่านายลูเซียสไม่มีทางยอมปล่อยเธอไปอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นในตอนนี้หรือในอนาคตข้างหน้าก็ตาม ขณะที่ริมฝีปากของชายผมบลอนด์ยกสูงขึ้นในเชิงขบขันในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมา

“ฉันไม่มีเหตุผลจะต้องปล่อยเธอไปไหน ในเมื่อเธอแต่งงานกับฉันแล้ว อีกอย่างฉันก็จะไม่ปล่อยเธอออกจากห้องจนกว่าจะถึงเวลาเช้าเท่านั้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มดุจแพรไหมก่อนจะจับมือข้างหนึ่งของหญิงสาวขึ้นมาจูบเบา ๆ โดยไม่ยอมละสายตาไปจากเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอแกว่งวูบเพราะสัมผัสของเขา แม้ว่าเธอจะตกเป็นภรรยาของนายลูเซียสแล้วก็ตามแต่เธอก็ไม่อาจทำใจให้เคยชินกับชายที่อยู่ตรงหน้าได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเขาพูดประโยคต่อไปออกมา

“อันที่จริงฉันว่านี่ก็ดึกแล้ว เราควรจะไปเข้านอนกันได้แล้ว ที่รัก” เขาพูดพลางก่อนจะออกแรงอุ้มฮอร์ไมโอนี่ไว้พร้อมกับเดินไปที่เตียง ขณะที่หญิงสาวหวีดร้องเบา ๆ อย่างตกใจก่อนจะพยายามจะขัดขืนเขา แต่เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้มากเนื่องจากเธอรู้ดีว่าถึงเธอจะดิ้นรนเพียงใดเธอก็ไม่อาจหนีไปจากการอ้อมกอดของร่างตรงหน้าได้ พอ ๆ กับที่เธอรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนั้นไม่ใช่แต่เพียงการนอนหลับเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ตื่นตระหนกได้เมื่อชายผมบลอนด์วางร่างของเธอลงบนเตียงก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้ามาจูบเธอที่แก้ม แม้ว่าจะหวาดกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่มากก็ตาม แต่หญิงสาวกลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับตัวเมื่อสามีของเธอเลื่อนจูบของเขามาที่ริมฝีปากอิ่มก่อนจะรั้งร่างของเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียง หลังจากจูบหญิงสาวในอ้อมแขนจนพอใจแล้ว ชายผมบลอนด์ก็ละใบหน้าขึ้นมาจากและสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของภรรยา

“เธอกลัวอย่างนั้นเหรอ” เขากระซิบ แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ยอมตอบคำถามเขาก็ตาม แต่นายลูเซียสก็รู้ดีว่าภรรยาของเขาหวาดกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะเคยพาเธอผ่านมันมาแล้วก็ตามแต่เขาก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ได้มาจากความเต็มใจของเธอทั้งหมดแต่อย่างใด แต่มันมาจากการที่เขาเร่งรัดเธอและเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ต่างหาก

และเมื่อคิดได้เช่นนั้นนายลูเซียสจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของร่างเล็กตรงหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“เธอก็รู้นี่ว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เมื่อฉันพาเธอผ่านมันมาแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพลางมองร่างเล็กในอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ราวกับความรู้สึกของเธอเป็นสิ่งที่เขาห่วงใยมากกว่าอะไรทั้งหมด และอาจจะเป็นเพราะสัมผัสรวมทั้งสายตาที่อ่อนโยนของเขาที่ทำให้หญิงสาวผ่อนคลายลงได้ไม่ยาก แม้ว่าความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเขากับเธอที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อคืนนั้นจะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งนายลูเซียสยังทำให้เธอได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ตาม แต่ความเจ็บปวดก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำนักในเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่เมื่อเธอได้เห็นสายตาที่อ่อนโยนของสามีที่มองมาทางเธอแล้ว หญิงสาวก็ห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจชายตรงหน้าได้

อันที่จริงเธอจะไม่ไว้วางใจเขาได้อย่างไรเล่า ในเมื่อในตอนนี้ชีวิตของเธอในตอนนี้มีแค่เขาเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง เพราะในโลกด้านใหม่ที่เธอเพิ่งหลงมานี้เธอก็มีแค่เขาเท่านั้นที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุด แม้ว่าจริง ๆ แล้วเธอจะต้องการหนีไปจากชายตรงหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ พอ ๆ กับที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดในโลกของผู้เสพความตายใบนี้

และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินที่กำลังจ้องมองเธออย่างโอนโยนแต่แฝงไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะพยักหน้าอย่างแผ่วเบาราวกับเธอได้ยอมรับในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอต่อไปได้แล้ว ขณะที่นายลูเซียสนั้นมองท่าทีของภรรยาพลางยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู เขาเข้าใจดีว่าทำไมหญิงสาวถึงได้หวาดกลัวในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นแม้ว่าเธอจะเคยผ่านมันมาแล้วก็ตาม แต่เพราะหตุนั้นเองมันอาจจะทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ครั้งแรกของพวกเขา แต่แน่นนอนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เพราะในตอนนี้เธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว แต่เธอได้ตกเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์แบบเสียแล้ว และในตอนนี้เขาก็จะสอนให้เธอได้รู้จักความสุขจากการที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคู่รักโดยที่ไม่มีความเจ็บปวดมาเจือปนแต่อย่างใด
เมื่อเห็นว่าร่างตรงหน้าไม่มีท่าทีขัดขีนอีกต่อไปแล้วนายลูเซียสก้มลงไปจูบเธอที่แก้มอย่างแผ่วเบา เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของเนื้อสาวที่ทำให้อารมณ์ภายในกายของเขาพลุ่งพล่าน และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงเลื่อนริมฝีปากของเขาไปจูบเฮอร์ไมโอนี่ที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยนก่อนจะรั้งร่างของเธอลงบนเตียงพร้อมกับที่ไฟในห้องดับลง


…………………………………………….


หลังจากรั้งร่างของเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียงแล้ว นายลูเซียสก็ค่อย ๆ จูบร่างในอ้อมแขนของเขาอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากบางของชายผมบลอนด์เม้มปากอิ่มสีกุหลาบของภรรยาอย่างนุ่มนวลก่อนที่เขาจะค่อย ๆ แทรกลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานในปากของหญิงสาว เขาจูบเธออยู่อย่างเนิ่นนาน อ่อนโยน และไร้ซึ่งการบังคับ ชายผมบลอนด์สำรวจริมฝีปากของหญิงสาวอย่างช้า ๆ และไม่เร่งรีบราวกับเขามีเวลาทั้งคืนที่จะจูบเธอ ซึ่งผลจากการกระทำของเขานั้นก็เป็นที่ที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อร่างเล็กตรงหน้าเริ่มจูบเขาตอบเป็นครั้งแรก แม้ว่าการจูบของเฮอร์ไมโอนี่นั้นจะเต็มไปด้วยความลังเลเพราะเธอยังไม่เก่งกาจในเรื่องนี้นักก็ตาม แต่จูบที่ไร้เดียงสาของเธอนั้นกลับทำกลายเป็นตัวปลุกอารมณ์ชั้นดีของนายลูเซียสเมื่อเขาละริมฝีปากของเขาจากริมฝีปากอิ่มของหญิงสาวก่อนจะเลื่อนจูบของเขาลงมาที่ซอกคอของเธอแทน ริมฝีปากบางของชายผมบลอนด์จูบผิวเนียนพร้อมเม้มกับผิวเนื้อบริเวณซอกคอของเฮอร์ไมโอนี่เล่นอย่างเพลิดเพลิน ขณะที่หญิงสาวนั้นไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ นอกจากส่งเสียงครางในลำคอเท่านั้น

ชายผมบลอนด์จูบผิวเนียนของร่างบางตรงหน้าอย่างสเน่หาขณะที่เขาค่อยๆ ปลดชุดนอนที่ทำจากผ้าเนื้อดีออกจากร่างเนียนนุ่มของภรรยา แม้ว่าชุดนอนที่เฮอร์ไมโอนี่สวมอยู่นั้นจะตัดเย็บจากผ้าไหมเนื้อดีที่สุดก็ตามแต่มันก็ไม่อาจเทียบกับความเนียนนุ่มของร่างบางและกลิ่นหอมของเนื้อสาวได้ และแน่นอนว่านายลูเซียสต้องการที่จะสัมผัสผิวเนื้อของหญิงสาวมากกว่าแพรพรรณชิ้นงามนี้ แต่เขาก็เลือกที่จะกำจัดมันออกจากร่างกายของหญิงสาวอย่างช้า ๆ ซึ่งจุดประสงค์ที่เขาดำเนินทุกอย่างอย่างเชื่องช้าเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้หญิงสาวในอ้อมแขนล่วงรู้ถึงการกระทำของเขาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขาต้องการที่จะทรมานร่างตรงหน้าด้วยการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธออย่างเชื่องช้าจนน่าอึดอัดจนทำให้เธอทนไม่ไหวกับความต้องการของตัวเองและเอ่ยปากฝ่ายร้องขอสัมผัสจากเขาออกมา

และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เขาคาดหวังไว้ เพราะแม้ว่ามือเล็กของเฮอร์ไมโอนี่จะเอื้อมมาจับมือของนายลูเซียสไว้ในตอนแรกที่เธอรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกับเสื้อผ้าของเธอก็ตาม แต่หลังจากที่เขาเลื่อนจูบของเขาลงมาที่ซอกคอของหญิงสาวไล่ลงมาจนถึงร่องอกอิ่มแล้ว มือน้อย ๆ ที่เคยขัดขืนก็กลับเลื่อนไปกุมผ้าปูที่นอนแน่นราวกับต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว ขณะที่สามีของเธอหันไปจัดการกับเสื้อผ้าที่เหลือของเธอรวมทั้งของตัวเขาเองพร้อม ๆ กับไล้จูบของเขาไปทั่วร่างบางที่สั่นสะท้านนั้นด้วย แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานนักเมื่อมือใหญ่ของนายลูเซียสยกร่างของเธอให้ขึ้นมาอยู่ในท่านั่งอีกครั้ง ขณะที่หญิงสาวมองชายตรงหน้าด้วยแววตาแปลกใจเขาก็ถอดเสื้อคลุมสำหรับใส่นอนของเขาออกและโยนมันไปไกล ๆ จนกระทั่งแผ่นอกแข็งแกร่งของเขาปรากฏขึ้นสู่สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ท่ามกลางแสงสลัวภายในห้องนอน แต่ชายผมบลอนด์ก็ไม่ให้โอกาสหญิงสาวตกใจมากนักเมื่อเขาเลื่อนมือไปถอดชุดนอนของเธอและดึงมันออกผ่านทางศีรษะของเธอในทันที ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือไปโอบร่างบางตรงหน้าไว้พลางซุกใบหน้าเข้าที่ซอกคอของเธอเมื่อมือทั้งสองข้างของเขาเอื้อมไปปลดตะขอบราของเธอออกอย่างแผ่วเบา ๆ

“ลูเซียส” หญิงสาวพึมพำออกมาเมื่อพบว่าบราเซียของเธอได้หลุดออกจากร่าง และมือใหญ่ของสามีก็เข้ามาโอบอุ้มทรวงอกของเธอไว้ แต่เสียงที่ดังออกมานั้นมันช่างแผ่วเบาราวกับว่ามันเป็นเสียงกระซิบจนนายลูเซียสแน่ใจว่ามันไม่ได้เป็นถ้อยคำที่ต่อต้านการกระทำของเขาแต่อย่างใด และเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงดำเนินบทรักของเขาต่อโดยการรั้งร่างของหญิงสาวลงบนเตียงอีกครั้ง พร้อมกับที่มือใหญ่ของเขาเค้นคลึงทรวงอกของร่างตรงหน้าซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้มีท่าทีประท้วงการกระทำของเขาแต่อย่างใดนอกเสียจากส่งเสียงครางในลำคอเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อนายลูเซียสไล้ริมฝีปากของเขามายังอกอิ่มของหญิงสาวก่อนจะดูดกลืนยอดถันของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสจากเขาเท่านั้น

เมื่อนายลูเซียสจูบทรวงอกอิ่มของภรรยาจนพอใจแล้ว เขาก็เลื่อนริมฝีปากของเขาลงมายังหน้าท้องแบนราบ เขาจูบทุกตะรางนิ้วบนร่างกายของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาหากแต่เต็มไปด้วยความสเน่หาก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนจูบของเขาลงต่ำมายังต้นขาของเธอพร้อม ๆ กับที่มือใหญ่ของเขาเลื่อนมาคว้าอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ และค่อย ๆ ถอดมันออกจากร่างกายของเธออย่างช้า ๆ แต่คราวนี้กลับไม่มีการขัดขืนจากร่างบางที่อยู่ตรงหน้าแต่อย่างใด ตรงกันข้ามหญิงสาวกลับต้องกัดริมฝีปากของเธอแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้เสียงครางเร็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเมื่อมือใหญ่ของสามีเข้ามากุมต้นขาของเธอไว้ก่อนจะพรมจูบลงบนต้นขาเนียนขณะที่มือของเขาเลื่อนไปสัมผัสจุดที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ

เฮอร์ไมโอนี่ครางออกมาเมื่อรู้สึกถึงสิ่งที่รุกรานเข้ามาในร่างกายของเธอซึ่งเป็นนิ้วเรียวของสามี หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นเมื่อร่างตรงหน้าขยับปลายนิ้วของเขาราวกับต้องการทดสอบ แน่นอนว่าการกระทำของเขาไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เธอแต่อย่างใด ตรงกันข้ามสัมผัสของเขากลับทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านจนเธออดไม่ได้ที่จะครางออกมา

ลูเซียสมองร่างตรงหน้าที่กำลังครวญครางพราะสัมผัสที่เขามอบให้อย่างพอใจ ก่อนจะรุกรานร่างกายของเธออย่างหนักแน่นมากกว่าเดิมเมื่อแน่ใจแล้วว่าสัมผัสของเขาไม่ได้นำความเจ็บปวดใด ๆ มาให้หญิงสาวเลย ตรงกันข้ามมันกลับนำความพึงพอใจมาให้เธอเสียมากกว่า ชายผมบลอนด์จงใจรุกรานร่างตรงหน้าอย่างรุนแรงและหนักหน่วงมากยิ่งขึ้นราวกับเขาต้องการทำให้ร่างตรงหน้าทนไม่ไหวกับสัมผัสที่เขามอบให้ แต่เมื่อความต้องการของเฮอร์ไมโอนี่พุ่งจนเกือบถึงขีดสุดแล้วนายลูเซียสกลับหยุดการกระทำของเขาเสียก่อน ส่งผลให้หญิงสาวดิ้นรนอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างทรมานเพราะแรงปรารถนา ขณะที่เธอมองเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจหากแต่มันกลับดูเหมือนสายตาเว้าวอนยิ่งนักในมุมมองของสามีของเธอ และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงจ้องเธอกลับด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลดศีรษะของเขาลงไปจูบที่ต้นขาเรียวที่สั่นระริกของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา และดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเธอพบว่าชายผมบลอนด์เลื่อนจูบของเขาไปยังกึ่งกลางร่างกายของเธอ!


“ยะ อย่าค่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาอย่างหวาดกลัวเมื่อพบว่าร่างตรงหน้ากำลังทำอะไรกับร่างกายของเธอ แต่นายลูเซียสกลับไม่ยอมฟังคำประท้วงจากหญิงสาวแต่อย่างใดขณะที่มือใหญ่ของเขากดลงที่หน้าท้องของเธอและอีกมือหนึ่งของเขาก็กุมต้นขาของเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอขยับตัวหนีไปจากเขาได้ก่อนที่เขาจะก้มลงไปชิมความหอมหวานที่กลางกายเธอ

เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงในวินาทีที่รู้ว่าร่างตรงหน้าต้องการอะไร ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำด้วยความอับอายในสิ่งที่ชายผมบลอนด์ได้ทำกับเธอ แต่ความรู้สึกอับอายนั้นก็คงอยู่ได้ไม่นานเนื่องจากมีความรู้สึกใหม่ที่รุนแรงกว่าเข้ามาแทนที่ มันเป็นความรู้สึกที่ดีหากแต่ทรมานจนยากเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากของตัวเองเพื่อไม่ให้เธอส่งเสียครางที่น่าอับอายออกมา แต่หญิงสาวกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นานเมื่อสัมผัสที่หนักแน่นของร่างตรงหน้านั้นทำให้สิ่งความรู้สึกที่เคยก่อตัวอยู่ในร่างกายของเธอนั้นพุ่งสูงขึ้นจนหญิงสาวไม่อาจควบคุมได้เมื่อเธอรู้สึกราวกับบางอย่างได้ระเบิดขึ้นภายในตัวเธอและส่งกระแสแห่งความสุขไปทั่งร่างกายของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ขณะที่มือใหญ่ของสามีกุมร่างเล็ก ๆ ที่กำลังดิ้นรนด้วยความแรงปรารถนาไว้อย่างหนาแน่นเมื่อเธอโบยบินไปสู่ความสุขเป็นครั้งแรกของค่ำคืนนี้


เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่ามันนานผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เธอนอนหอบหายใจรวยรินอยู่บนเตียงหลังจากบทรักที่นายลูเซียสเพิ่งมอบให้เธอจบลง แต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังพยายามจะปรับลมหายใจอยู่นั้นเธอก็รู้สึกถึงร่างใหญ่ที่เคลื่อนเข้ามาแนบชิดกับร่างบางของเธอ ซึ่งในตอนนี้เขาเองก็ปราศจากอาภรณ์สวมใส่เช่นเดียวกับเธอ ร่างสูงใหญ่ของลูเซียส มัลฟอยขึ้นมาคร่อมร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ก่อนที่เขาจะก้มลงจูบเธอที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ผมสีบลอนด์ของเขาระอยู่ใบหน้าและไหล่ของหญิงสาวเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าลงมาจ้องมองเธอก่อนจะพูดขึ้น

“เธอมีความสุขไหม” เขาถามคำถามที่ฟังดูน่าอายมากที่สุดออกมาด้วยท่าทีธรรมดามากกว่าอะไรทั้งหมด จนเฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันเกือบจะเหมือนกับว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องลมฟ้าอากาศกันอยู่เลยทีเดียวถ้าหากดวงตาสีเงินของชายผมบลอนด์ไม่ได้กำลังมองเธอด้วยความปรารถนาแบบนี้ และเมื่อพบว่าเธอไม่สามารถตอบคำถามนี้ออกไปได้ เฮอร์ไมโอนี่จึงหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่แผดเผาของร่างตรงหน้า แต่เมื่อเธอทำเช่นนั้นหญิงสาวกลับพบว่าเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ข้างแก้มเมื่อสามีของเธอเลื่อนมาจูบที่ขากรรไกรเบา ๆ ก่อนจะกระซิบเข้ากับใบหูของเธอ

“ฉันรู้ว่าเธอชอบมัน ที่รัก และฉันก็คิดว่ามันคงไม่ยากสำหรับเธอเท่าไหร่ในการเป็นภรรยาของฉันหรอกจริงไหม” เขาพูดอย่างรู้ทัน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวด้วยความอาย จนหญิงสาวตะโกนออกไปในใจว่า ‘ คุณมันขี้โกง! ’ ข้อหาที่เขากล้าใช้ความสัมพันธ์ทางกายมาเอาชนะเธอแบบนี้ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดประโยชน์ที่เธอได้คิดไว้ในใจออกไปนั้น นายลูเซียสก็กระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูเธออีกครั้ง

“ฉันอยากทำให้เธอมีความสุข เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะได้ไม่ต้องเสียใจอีกที่เธอแต่งงานกับฉัน” เขาพูดเพียงเท่านั้น และโดยไม่ได้บอกให้กล่าวใด ๆ เลยชายผมบลอนด์ก็เคลื่อนกายเข้าครอบครองเธอ!

ความรู้สึกอึดอัดเป็นสิ่งแรกที่หญิงสาวได้รับเมื่อสามีของเธอเริ่มบทรักของเขาอีกครั้งโดยไม่มีการบอกกล่าวแต่อย่างใด แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีจะประท้วงการกระทำของเขาในตอนแรก แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นานเมื่อนายลูเซียสถอนกายออกก่อนจะเคลื่อนกายเข้าครอบครองเธออีกครั้งอย่างระมัดระวังราวกับเขาไม่แน่ใจว่าเขาทำให้เธอเจ็บหรือไม่ แต่หลังจากที่ชายผมบลอนด์เห็นว่าหญิงสาวไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ ให้ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เขาจึงเริ่มดำเนินบทรักที่หนักแน่นและแน่นอนเร่าร้อนขึ้น ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากครางในลำคอรับกับสัมผัสของร่างใหญ่ตรงหน้าเท่านั้น ซึ่งชายผมบลอนด์ก็ตอบสนองเสียงครางของหญิงสาวด้วยการโถมร่างของเขาเข้าไปในกายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับพรมจูบไปทั่วซอกคอขาวผ่องส่งผลให้เกิดร่องรอยใหม่ขึ้นมาคู่กับรอยเก่าที่เขาได้สร้างไว้ในคืนแต่งงานของทั้งสอง นายลูเซียสโถมกายเข้าครอบครองร่างบางนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับครางในลำคออย่างพึงพอใจขณะที่ร่างทั้งสองเคลื่อนไหวสอดประสานไปพร้อมกันโดยมีเสียงหอบหายใจของทั้งคู่เป็นดนตรีประกอบบทรักของพวกเขา จนกระทั่งร่างบางภายในอ้อมแขนชายผมบลอนด์ไม่สามารถสัมทนต่อสัมผัสที่เขามอบได้อีกต่อไป

“ลูเซียส.....” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำชื่อของสามีออกมาพลางกอดไหล่กว้างของเขาไว้แน่นเมื่อเธอรู้สึกถึงคลื่นความสุขที่ก่อตัวขึ้นภายในกายเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่” นายลูเซียสพึมพำชื่อของหญิงสาวออกมาพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอขณะที่เขาโถมกายเข้าไปในร่างของเธออย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจต้านทานความต้องการของตัวเองไว้ได้ หญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อเธอถึงฝั่งฝันเป็นครั้งที่สอง มือน้อย ๆ ของเธอโอบกอดไหล่ของสามีไว้แน่น ขณะที่เขาจดจำใบหน้าเปี่ยมสุขของเธอไว้ก่อนที่เขาจะโถมกายเข้าไปในร่างของเธออีกสองสามครั้งและล่องลอยสู่ความสุขโดยที่กอดร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แน่นเมื่อร่างของพวกเขาทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งท่ามกลางความมืดยามราตรี

นายลูเซียสซบศีรษะลงบนร่างบางของภรรยาพลางหอบหายใจอย่างหนักหลังจากที่บทรักของพวกเขาจบลง แต่เมื่อเขาได้เห็นสีหน้าที่แสดงความอึดอัดของหญิงสาวในอ้อมแขนชายผมบลอนด์จึงรีบยกร่างของเขาขึ้นจากร่างบางทันที

“ฉันหนักไปอย่างนั้นหรือ” เขาถาม

“นิดหน่อยค่ะ คุณช่วยออกไปนิดได้ไหมคะ” เธอกระซิบ ซึ่งนายลูเซียสก็ยอมทำตามแต่โดยดีโดยการเคลื่อนกายมานอนข้าง ๆ ร่างของเฮอร์ไมโอนี่แทน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนแต่อย่างใดราวกับเขาต้องการยืนยันคำพูดที่เขาเคยได้บอกเธอไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอออกจากหเองจนกว่าจะถึงเวลาเช้าเท่านั้น และหลังจากปรับลมหายใจของตัวเองได้แล้วชายผมบลอนด์ก็รั้งร่างบอบบางที่อ่อนแรงของภรรยาเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะมีท่าทีประท้วงในตอนแรกแต่เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นานเมื่อนายลูเซียสก้มลงมาจูบเธอที่ริมฝีปากก่อนจะกระซิบขึ้นว่า

“ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก” เขากล่าว ก่อนจะกอดร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แนบอกโดยให้เธอใช้แผ่นอกของเขาต่างหมอนหนุน ขณะที่หญิงสาวซึ่งเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะโต้แย้งอะไรออกไปได้ถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางมองร่างตรงหน้าที่กำลังโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนล้าก่อนจะหลับตาลงแล้วจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราอย่างไม่อาจต้านทานได้



…………………………………………….




มีต่อ PART II นะคะ




Create Date : 23 สิงหาคม 2555
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 17:22:44 น. 2 comments
Counter : 4100 Pageviews.

 
เฮอร์;p


โดย: monasde IP: 101.51.154.177 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:57:47 น.  

 
เฮอร์;p


โดย: monasde IP: 101.51.154.177 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:57:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.