Group Blog
 
All Blogs
 

Meanness : Chapter 4 Welcome to Malfoy Manor


***Chapter 4 Welcome to Malfoy Manor***

หลังจากรอนกลับจากคอนโดของเดรโกในกลางดึกคืนนั้นแล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้นอนอีกเลย ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขามัวแต่ครุ่นคิดเรื่องการทุ่มเถียงระหว่างกับรอนที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว เดรโกคิดถึงคำพูดที่เพื่อนรักของเขาทิ้งท้ายไว้ก่อนเขาจะกลับ

‘ ฉันจะรอวันที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ความจริงทั้งหมด เดรโก ฉันจะรอวันที่เธอเกลียดชังนายอย่างที่เธอไม่เคยเกลียดใครมาก่อน ’

คำพูดนั้นของรอนยังคงก้องอยู่ในหัวของเดรโกแม้ในยามที่เจ้าตัวจากไปแล้วก็ตาม และชายหนุ่มเองก็ยอมรับว่าสิ่งที่เพื่อนรักของเขาพูดออกมานั้นเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดว่ามันจะเกิดขึ้น

‘ ถ้าหากว่าเธอรู้ว่านายหลอกลวงเธอ เธอจะเกลียดนายไปชั่วชีวิต ’ เสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้นในหัวนั้นเตือนเขาให้นึกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหากเขายังคงหลอกลวงเฮอร์ไมโอนี่ต่อไปแบบนี้และเดรโกเองก็ยอมรับว่าผลลัพธ์ที่ว่านั้นมันไม่น่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อย
แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดนี่ก็เพราะเขารักเธอ! เดรโกเถียง ที่เขายอมเป็นคนหลอกลวง ยอมถูกเพื่อนรักเกลียดชัง ทั้งหมดนี่ก็เพราะเรารักเธอ เขาต้องการทำให้เธอมีความสุขเพราะเขารักเธออย่างที่เขาไม่เคยรักใครมาก่อน!

‘ แล้วนายคิดว่าเธอจะยอมฟังที่นายพูดงั้นเหรอ ถ้าเธอรู้ความจริงขึ้นมาเธอจะยอมยกโทษให้นายเพียงเพราะที่นายทำลงไปเพราะว่านายรักเธออย่างนั้นเหรอ ’ เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนว่าคราวนี้ชายหนุ่มจะหมดหนทางโต้เถียงกับมันเสียแล้ว

เดรโกหลับตาลงพลางใช้นิ้วทั้งสองบีบตรงหว่างคิ้วเบา ๆ เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายลงบ้าง
‘ ช่างเถอะ ถ้าวันนั้นมาถึงจริง ๆ ต่อให้เธอจะโกรธหรือจะเกลียดฉันก็ตาม ฉันก็จะใช้ความรักของฉันรั้งเธอให้อยู่กับฉันได้อยู่ดี ’ เขาคิดก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

เดรโกเดินกลับไปที่ห้องนอน ชายหนุ่มตรงไปยังห้องแต่งตัวซึ่งเต็มไปด้วยตู้เสื้อผ้าบิวด์อินเรียงรายอยู่ตลอดด้านหนึ่งของผนัง เขาคว้าเสื้อคลุมมาเปลี่ยนโดยไม่ใส่ใจว่ามันจะเป็นชุดไหน และหลังจากที่แต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็หายตัวกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา

เท้าของเดรโกแตะลงบนพื้นหินแกรนิตในห้องโถงของคฤหาสน์มัลฟอย เขาสำรวจไปรอบ ๆ บ้านที่เขาไม่ได้มาเหยียบเป็นเวลาหลายปี ทุกอย่างดูไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างในคฤหาสน์ยังคงเหมือนกับวันสุดท้ายที่เขาอยู่ที่นี่ก่อนที่เขาจะย้ายออกไปเนื่องจากเดรโกไม่อาจทำใจอยู่ในที่ที่พ่อกับแม่ของเขาสิ้นใจลงได้
แค่ไม่กี่อึดใจต่อมาหลังจากเดรโกมาเหยียบคฤหาสน์ของเขา เสียงป๊อปก็ดังขึ้นรอบกายของชายหนุ่มพร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์ประจำบ้านจำนวนมาก เอลฟ์เหล่านั้นดูปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นเขา พวกมันก้มศีรษะลงต่ำในเชิงทำความเคารพและพร้อมใจพูดออกมาว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านขอรับนายท่าน”
เดรโกโบกมือให้เอลฟ์เหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจกับท่าทีพินอบพิเทาเกินควรของพวกมัน จนกระทั่งมีเอลฟ์ที่ดูสูงอายุกว่าตัวอื่น ๆ ก้าวออกมาหาเขา ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นหัวหน้าเอลฟ์ในบ้านของเขา
“พวกเราไม่ทราบว่านายท่านจะกลับมาที่นี่ดึกขนาดนี้ ไม่งั้นเราคงจะเตรียมอาหารและของว่างไว้ต้อนรับนายท่านแล้ว” เอลฟ์ชรานามว่า ‘ คอลี่ ’ พูดขึ้น [ชื่อเอลฟ์อาจจะซ้ำกะฟิคเรื่องอื่นนะคะ เพราะเราคิดไม่ออกอ่ะ - -“]
“ไม่เป็นไร ความจริงฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะกลับคฤหาสน์ในคืนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แต่ที่ฉันเปลี่ยนใจเป็นเพราะฉันอยากมาดูว่าพวกแกทำงานที่ฉันสั่งได้เรียบร้อยหรือยัง” เขาถามคอลี่
“พวกเราจัดการตามที่นายท่านสั่งเรียบร้อยทุกอย่างแล้วขอรับ” คอลี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดคฤหาสน์ใหม่ทั้งหมด ปิดตายห้องใต้ดินของนายท่านคนก่อน รวมทั้งจัดหาข้าวของเครื่องใช้ให้คุณผู้หญิงด้วยขอรับ” เอลฟ์ชราอธิบาย เดรโกมีสีหน้าพอใจ
“งั้นก็ดี ว่าแต่แกจัดห้องของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ข้าง ๆ ห้องของฉันรึเปล่า” เขาถามและเริ่มเดินไปทางบันไดขนาดใหญ่ที่มีราวจับสีเงินและปูด้วยพรมสีเขียวเข้ม อันที่จริงแล้วทุกอย่างในคฤหาสน์หลังนี้ล้วนเป็นสีเขียวและเงินทั้งนั้น เพราะมันอีกทางหนึ่งที่แสดงออกว่าตระกูลมัลฟอยภูมิใจกับความเป็นสลิธีรินของพวกเขามากเพียงใด
“แน่นอนขอรับ” คอลี่บอกขณะที่มันและเอลฟ์อีกสองตัวเดินตามเขามาติด ๆ ส่วนเอลฟ์ที่เหลือต่างไปหาน้ำชามารองรับเจ้านายของพวกมัน “กระผมจัดห้องของคุณผู้หญิงไว้ข้าง ๆ ห้องของนายท่านขอรับ และตระเตรียมทุกอย่างสำหรับคุณผู้หญิงไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ เหลือแต่รอเธอย้ายเข้ามาเท่านั้น แต่ที่กระผมหนักใจก็คือเรื่อง............” เสียงของคอลี่ขาดหายไป เดรโกมองมันอย่างสงสัย
“เรื่องอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม ขณะที่คอลี่มีท่าทีราวกับมันไม่ต้องการจะพูดออกมา
“อภัยให้คอลี่ด้วยเถอะขอรับนายท่าน แต่คอลี่ไม่ต้องการอาจจะ....” มันอึกอัก
“ฉันบอกให้พูดมา!” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่านั่นเป็นคำขาด และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาพูดแบบนี้กับเอลฟ์ประจำบ้าน เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกับเฮอร์ไมโอนี่ชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปปฏิบัติกับเอลฟ์ประจำบ้านอย่างดีมาตลอด
“คอลี่หนักใจเรื่องที่.............ที่นายท่านจะพาคุณผู้หญิงเข้ามาอยู่ที่นี่.......ไม่ใช่สิขอรับ คอลี่หนักใจเรื่องที่นายท่านจะพาเธอมานอนที่ห้องนั้นมากกว่า เพราะนายมันเป็นห้องพิเศษ.......เป็นห้องที่คู่กับห้องนอนของนายท่าน และผู้หญิงที่สมควรจะมานอนที่ห้องนั้นก็ควรจะเป็นนายหญิงคนต่อไปขอคลอนี่” เอลฟ์อธิบาย น้ำเสียงของมันสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ราวกลับมันกลัวว่าจะถูกมัลฟอยลงโทษก่อนที่จะพูดจบ
เรื่องที่คอลี่พูดนั้นเกี่ยวกับห้องนอนที่เดรโกสั่งให้เอลฟ์จัดเตรียมไว้สำหรับเฮอร์ไมโอนี่ เพราะตั้งแต่เธอยอมตกลงมาอยู่กับเขาหลังจากออกจากโรงพยาบาล ชายหนุ่มก็สั่งให้คอลี่เปิดห้องนอนที่คู่กับห้องนอนของเขาและจัดห้องนั้นเพื่อรอต้อนรับเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งอันที่จริงแล้วห้องนอนที่ว่านั้นเป็นห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องนอนของเดรโกและมีประตูเชื่อมถึงกัน และมันเป็นห้องที่จะเตรียมไว้ให้เจ้าสาวของเขาในอนาคตอยู่
ตามธรรมเนียมของตระกูลมัลฟอยแล้ว สามีภรรยาจะไม่นอนห้อง ๆ เดียวกัน แต่ทั้งสองจะมีห้องนอนที่ติดกันและมีประตูเชื่อมห้องทั้งสองเข้าด้วยกัน ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถที่จะปิดประตูนั้นและอยู่ในห้องของตัวเองได้ และตอนนี้เดรก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคอลี่ถึงได้หนักใจเรื่องที่เขาจะพามาเฮอร์ไมโอนี่มานอนที่ห้องนั้นนัก เพราะว่าคอลี่ซึ่งเป็นเอลฟ์ที่อาวุโสที่สุดในบ้านยังคงยึดถือธรรมเนียมเก่าแก่ของตระกูลที่ว่าผู้หญิงที่จะมานอนในห้องนอนที่คู่กับห้องของเดรโกได้นั้นจะต้องเป็นเจ้าสาวของเขาเท่านั้น
ชายหนุ่มมองเอลฟ์ที่กำลังตัวสั่นงันงกด้วยสายตาที่เรียบเฉย ขณะที่คอลี่กำลังคิดว่าเจ้านายจะลงโทษมันด้วยวิธีไหนเดรโกก็พูดขึ้น
“แกไม่ต้องกังวลว่ามันจะผิดธรรมเนียมของตระกูลหรอก เพราะผู้หญิงที่ฉันจะพามานี่คือว่าที่นายหญิงมัลฟอยคนต่อไป” เขาพูดท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของเอลฟ์ประจำบ้าน แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะยังไม่รักเขา และยังไม่ได้ตอบรับคำขอแต่งงานที่ชายหนุ่มเองยังไม่เคยขอเธอก็ตาม แต่เดรโกรู้ดีว่าเขาสามารถทำให้เธอรักเขาได้ไม่ยากหากเธอลืมแฮร์รี่ออกไปจากใจของเธอได้แล้ว และเมื่อถึงวันที่เธอรักเขาจนหมดหัวใจเมื่อไหร่เดรโกก็จะขอเธอแต่งงาน เขาจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะผูกมัดเธอให้อยู่กับเขาตลอดไปโดยการให้เธอเป็นเจ้าสาวของเขา เป็นคุณนายมัลฟอยของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

‘ เฮอร์ไมโอนี่ จีน มัลฟอย อย่างนั้นรึ เป็นชื่อที่เพราะอยู่ไม่น้อยทีเดียว ’ ชายหนุ่มยิ้มให้กับความคิดนั้นก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์เพื่อไปดูห้องนอนของว่าที่ ‘ เจ้าสาว ’ ของเขา


.................................................


หลังจากจัดการเรื่องที่คฤหาสน์เสร็จเรียบร้อยแล้วเดรโกก็มาที่โรงพยาบาลในตอนเช้าเพื่อมารับเฮอร์ไมโอนี่กลับไปกับเขา ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปที่ห้องของเธอเขาก็พบกับผู้บำบัดส่วนตัวของหญิงสาวเสียก่อน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณมัลฟอย มาแต่เช้าเชียวนะคะ” มารี ที่เป็นผู้บำบัดของเฮอร์ไมโอนี่ทักขึ้น เดรโกยิ้มให้เธอ
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณก็รู้นี่ว่าทำไมผมถึงต้องมาแต่เช้า” ชายหนุ่มตอบ
“แน่นอนว่าฉันรู้ค่ะว่าคุณจะมารับเธอกลับบ้าน” มารีพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
“อาการของเธอเป็นยังไงบ้างครับ แล้วนี่เธอตื่นหรือยัง” เดรโกถาม
“ยังค่ะ เมื่อคืนเราให้ยานอนหลับเธอไปเพราะต้องการให้เธอพักผ่อน อาการของเธอดีขึ้นมากแล้วค่ะแต่คุณต้องเช็คกับคุณยอร์กอีกทีนะคะ คุณก็รู้ว่าฉันเป็นแค่ผู้บำบัดฝึกหัดเท่านั้น” หญิงสาวผมบลอนด์พูด ดูจากภายนอกแล้วเธอน่าจะอายุอ่อนกว่าเดรโกไม่มากนัก
“ตกลงครับ แต่ผมขอไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ก่อนนะครับ” เขาพูดพลางเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตู
“เชิญเลยค่ะ แต่อย่าเผลอปลุกเธอเข้านะคะ” มารีพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเธอล้อเล่นมากกว่าจะหมายความตามนั้นจริง ๆ ขณะที่ชายหนุ่มเข้าไปในห้องของเฮอร์ไมโอนี่
หญิงสาวกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องมาจากหน้าต่าง มันทำให้ดูงดงามเหลือเกินแม้ในยามที่ใบหน้าของเธอไร้การแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใด ๆ ก็ตาม
เดรโกเดินไปที่เตียงของเธอช้า ๆ พลางนั่งลงบนโต๊ะข้าง ๆ มัน เข้าเฝ้าดูเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก และเพราะความงดงามของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวที่จะก้มลงไปจูบเธอ
เดรโกจูบเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาราวกับเขาไม่ต้องการให้เธอตื่นเพียงเพราะสัมผัสของเขา และมันก็เป็นดังเช่นที่เขาต้องการ เพราะแม้ว่าชายหนุ่มจะถอนใบหน้าของเขาออกมาแล้วหญิงสาวก็ยังคงนอนหลับอย่างสงบนิ่งอยู่บนเตียง
เดรโกยิ้มให้กับภาพที่เห็น เขาไม่ต้องการปลุกเธอให้ตื่นมาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับอยากนั่งมองเธอนอนกลับแบบนี้ไปนาน ๆ เสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มคิดขณะที่มือใหญ่ของเขาเลื่อนไปลูบศีรษะของหญิงสาวผู้เป็นที่รักอย่างแผ่วเบา เดรโกเฝ้ามองเธออยู่เงียบ ๆ เพื่อรอเธอตื่นขึ้นมา

.................................................

มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเดรโกไม่ทราบแน่ชัด เพราะกว่าเขาจะรู้สึกอีกทีก็เป็นเวลาที่เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมา ขนตาที่เป็นแพงอนงามของเธอกระพริบเบา ๆ สู้แสงแดดที่ส่องมาจากหน้าต่างในยามสาย ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอจะหันมาสบกับดวงตาเงินของชายหนุ่ม
“เดรโก” นั่นเป็นสิ่งที่เธอพูดขึ้นเป็นครั้งแรกของวันนี้ แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะพูดอะไรได้มากไปกว่านั้นเมื่อชายหนุ่มจูบเธอที่ริมฝีปากเบา ๆ
“อรุณสวัสดิ์” เขาพูด พลางจูบเธอซ้ำที่แก้มอีกครั้ง และทำให้แก้มของเธอขึ้นสีได้อย่างไม่ยาก
“อรุณสวัสดิ์ เธอมานานแล้วเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม เดรโกยิ้มให้เธอ
“ไม่นานนักหรอก ฉันไม่อยากปลุกเธอน่ะ” เขาโกหก ความจริงจะเรียกว่าโกหกก็ไม่ถูกนัก เพราะเขาเองก็จำไม่ได้ว่าเขานั่งมองเธอหลับมาเป็นเวลานานเท่าไหร่
“แล้วทำไมวันนี้มาเช้าจังล่ะ” หญิงสาวถามขึ้น ใบหน้าของเธอเป็นสีเข้มขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มนั่งมองเธอหลับมาก่อน
“ก็วันนี้เธอจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่นา ฉันเลยมารับเธอเช้าหน่อย” เขาพูด แต่สีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่กลับสลดลงเมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘ ออกจากโรงพยาบาล ’ และแน่นอนว่าเดรโกสังเกตเห็นความไม่สบายใจของเธอได้ไม่ยากนัก
“เป็นอะไรไปเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นขณะที่หญิงสาวหลบตาเขา
“เปล่า ฉันแค่กังวลเท่านั้น” เธอตอบออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก และเมื่อเป็นเช่นนั้นเดรโกจึงเลื่อนมือใหญ่ของเขาไปกุมมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้
“เธอกังวลอะไร” เขาถามอย่างอ่อนโยนขณะที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“ฉัน....มันไม่มีอะไรมากหรอกเดรโก......ฉันแค่กังวลเรื่องที่ฉันต้องออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น ที่เธอจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเธอน่ะ ฉันหมายความว่าฉันไปอยู่กับเธอได้จริง ๆ เหรอ แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะ” เธอพูดออกมาตามตรง ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ กับคำพูดนั้น
“เธอไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น เฮอร์ไมโอนี่ เธอไปอยู่กับฉันได้อย่างแน่นอน เพราะถึงยังเธอก็เป็นคนรักของฉัน เราเป็นคนรักกัน” เขาย้ำประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจน “บ้านของฉันก็เหมือนกับบ้านของเธอ แล้วถ้าเธอกังวลเรื่องพ่อแม่ของฉันล่ะก็เธอก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เพราะพวกท่านตายจากฉันไปนานแล้ว ฉันเองก็เหมือนเธอที่สูญเสียพ่อแม่ไปในสงคราม” เฮอร์ไมโอนี่ตาโตเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เดรโก ฉันขอโทษ ฉันหมายถึงฉันจำไม่ได้เลยเรื่องพ่อแม่ของเธอ ฉันเสียใจ” หญิงสาวพูดออกมา แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มให้เธอและเอื้อมมือมาลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างรักใคร่
“ฉันรู้ ฉันไม่โกรธเธอหรอก ว่าแต่เธอพร้อมจะกลับบ้านกับฉันหรือยัง” เขาถาม
“เอ่อ ฉันว่าฉันพร้อมแล้วนะ แต่ฉันต้องขออาบน้ำแต่งตัวก่อน ก็เธอเล่นมาซะเช้าแบบนี้นี่นา” เฮอร์ไมโอนี่พูด และใบหน้าของเธอก็เป็นสีแดงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มก้มลงมาจูบเธอที่หน้าผากเบา ๆ
“งั้นก็ได้ ระหว่างรอเธอแต่งตัวฉันจะไปคุยกับผู้บำบัดซักหน่อย ว่าแต่เธออาบน้ำคนเดียวได้ใช่ไหม เธอต้องการให้ใครช่วยรึเปล่า” เขาถามออกไปก่อนที่จะลืมคิดถึงความหมายอีกแง่หนึ่งของคำถามนั้น
ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แดงก่ำเสียยิ่งกว่าตอนที่ชายหนุ่มจูบเธอเป็นไหน ๆ
“ฉันหมายความว่าเธออยากให้มารีมาช่วยเธอแต่งตัวรึเปล่าน่ะ” เดรโกรีบพูดทันทีเมื่อเขาเห็นท่าทีเขินอายของเฮอร์ไมโอนี่ แต่ชายหนุ่มก็ชอบไม่น้อยเวลาที่เธออายแบบนี้ เพราะมันทำให้เขาอยากกอดเธอไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน
“ไม่ต้องหรอก แค่อาบน้ำแต่งตัวฉันทำเองได้” เธอพูดโดยที่ไม่ยอมสบตาเขา และเริ่มลุกจากเตียง เดรโกประคองเธอเดินไปจนถึงห้องน้ำ [ ความจริงนอกจากอาการสูญเสียความทรงจำแล้วเฮอร์ไมโอนีบาดแผลอื่น ๆ บนร่างกายของเธอก็ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเดรโกก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเธอยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำอะไรเองยู่ดี ] และชายหนุ่มก็ส่งเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาซื้อมาเธอ หลังจากหญิงสาวหายลับไปในห้องน้ำแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อคุยกับผู้บำบัดเรื่องพาเธอออกจากโรงพยาบาล

.................................................

เฮอร์ไมโอนี่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เดรโกกลับมาจากการพูดคุยกับผู้บำบัด โดยผู้บำบัดได้บอกเขาว่าแม้เฮอร์ไมโอนี่จะอาการดีขึ้นจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่สภาพจิตใจของเธอยังไม่เป็นปรกติเท่าไหร่นัก และเขาก็แนะนำให้เดรโกดูแลเธออย่างใกล้ชิดรวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจของเธอ และชายหนุ่มต้องพาเธอมาตรวจที่นี่ทุกสัปดาห์และเขายังสั่งยาให้เธอไปทานที่บ้านด้วย
หลังจากหารือกับผู้บำบัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดรโกก็ให้เฮอร์ไมโอนี่รอเขาที่ห้องพักระหว่างที่เขาไปรับยาของเธอกับจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับมาที่ห้องพักเพื่อหาเธอหายตัวกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา ซึ่งก่อนออกจากโรงพยาบาลเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ลืมที่จะบอกลามารี ผู้บำบัดฝึกหัดที่ดูแลเธอตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่
“ลาก่อนนะคะ ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างค่ะ” หญิงสาวพูดกับผู้บำบัดผมบลอนด์ที่มีหน้าที่ดูแลเธออย่างใกล้ชิดมาตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้คุณโชคดีและหายเร็ว ๆ นะคะ” มารีพูดพลางยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ หญิงสาวมีรอยยิ้มที่อ่อนหวานราวกับแม่พระสมกับชื่อของเธอจริง ๆ
“เราต้องไปแล้วครับมารี ขอบคุณคุณมากที่ช่วยดูแลเฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูดขณะที่เขาโอบเอวหญิงสาวที่เขารักไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง
“ยินดีค่ะคุณมัลฟอย แล้วเจอกันใหม่นะคะ” เธอกล่าว
“ครับ แล้วเจอกันใหม่” ชายหนุ่มว่าก่อนจะกอดเฮอร์ไมโอนี่แน่นก่อนจะหาเธอหายตัวไป

.................................................

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเธอก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ดูโอ่อ่าราวกับพระราชวัง แต่ต่างมันต่างจากพระราชวังตรงที่คฤหาสน์หลังนี้ถูกตกแต่งด้วยสไตส์โกธิคที่ดูลึกลับหากแต่ก็สวยงามในคราวเดียวกัน หญิงสาวมองสำรวจพื้นหินแกรนิตสีดำที่เธอกำลังยืนอยู่ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังประตูบานยักษ์ที่ถูกตกแต่งด้วยกระจกสีต่าง ๆ และหันกลับมาหาชายหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเป็นคนรักของเธอ แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้พูดอะไรออกไปเสียงป็อปดังขึ้นเสียก่อน
เอลฟ์ประจำบ้านจำนวนห้าตนปรากฏกายขึ้นตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง ทุกตัวล้วนแต่ตัวเล็กกระจ้อยร่อยและสวมอะไรบางอย่างที่ไม่อาจเรียกว่าเสื้อผ้าได้ แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ไม่ได้ดูเหมือนเอลฟ์ที่อดอยากหรือถูกใช้งานอย่างทารุณ ตรงกันข้ามพวกมันกลับดูอยู่ดีกินดีเสียด้วยซ้ำ
“ยินดีต้อนรับนายท่ายและนายหญิงขอรับ/เจ้าค่ะ” เอลฟ์พูดอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะพากันก้มศีรษะลงจนจมูกแทบจรดกับพื้น และในวินาทีนั้นเองเดรโกก็ดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาใกล้ ๆ และกระซิบกับเธอเบาๆ
“ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์มัลฟอย” เขาบอกเธอ ก่อนจะหันไปสั่งงานเอลฟ์ตรงหน้า
“อาหารเช้าเรียบร้อยหรือยัง” ชายหนุ่มถาม และก็เอลฟ์ตัวหนึ่งตอบกลับมาในทันทีว่าเรียบร้อยแล้ว เดรโกพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไป
“งั้นพวกแกมาเอาของของนายหญิงไปไว้ในห้องนอน แล้วก็จัดเก็บให้เรียบร้อยด้วยล่ะ” เขาสั่ง และก็มีเอลฟ์สองตัวเดินเตาะแตะมาหยิบกระเป๋าที่มีข้าวของของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเดรโกนำกลับมาจากโรงพยาบาลมาด้วยขึ้นไปไว้บนห้อง
เมื่อเห็นภาพเอลฟ์ประจำบ้านถูกใช้งาน เฮอร์ไมโอนี่ก็อดไม่ได้ที่จะมองชายหนุ่มอย่างตำหนิซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นเพราอะไร แต่เธอก็ต้องแปลกใจไม่น้อยที่เขาดูไม่มีท่าทีประหลาดใจกับสายตาของเธอเลย
“ฉันรู้ว่าเธอรักเอลฟ์ประจำบ้านมากแค่ไหน แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้ใช้งานพวกมันเยี่ยงทาสอย่างที่เธอคิดหรอกนะ” เขาพูดพลางจูบแก้มเฮอร์ไมโอนี่ที่มีท่าทีประหลาดใจ
“เธอว่าฉันรักเอลฟ์ประจำบ้านอย่างนั้นเหรอ” เธอถามพลางมองเดรโกอย่างค้นหา ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนจะตอบออกมา
“ใช่ เธอเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะ ว่าแต่เราจะเข้าบ้านกันได้หรือยัง” เดรโกพูด และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเบา ๆ ชายหนุ่มก็ออกแรงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน
“ว้าย!” หญิงสาวร้องขึ้นมา “ทำอะไรน่ะ”
“ก็พาเธอเข้าบ้านน่ะสิ” เดรโกพูดพร้อมกับพาเธอเดินเข้าไปในตัวบ้าน ในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่ทำท่าจะประท้วง แต่เมื่อชายหนุ่มก้มลงมาจูบเธอเบา ๆ คำพูดนั้นของเธอก็จางหายไปกับจูบนั้นในทันที เธอจึงทำได้แค่ซุกใบหน้ากับอกของเดรโกขณะที่เขาพาเดินเข้าไปในบ้านเท่านั้น
แม้ว่าภายนอกของคฤหาสน์มัลฟอยจะดูโอ่อ่ามากก็ตาม แต่มันก็เทียบมาได้กับสิ่งที่อยู่ข้างในเลย ตั้งแต่วินาทีแรกที่เดรโกพาเฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ [หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขาอุ้มเธอเข้ามา] หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่หากแต่ว่าหรูหรา ภายในเป็นห้องโถงเพดานสูงที่ถูกตกแต่งเป็นอย่างดี พื้นหินแกรนิตสีดำสนิทรับกับวอลเปเปอร์สีเข้มและเครื่องเรือนโบราณที่เธอไม่อาจประเมินค่าได้ ทางขวามือมีบันไดที่มาราวจับสีเงินและปูด้วยพรมสีเขียวเข้มอยู่ ตรงผนังริมบันไดนั้นประดับประดาไปด้วยภาพเขียนเก่าแก่จำนวนนับไม่ถ้วน
เฮอร์ไมโอนี่สองสำรวจรอบ ๆ คฤหาสน์อย่างตื่นตาตื่นใจ แม้เธอจะพอดูออกว่าชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นคนรักของเธอเป็นคนมีฐานะ แต่เธอเคยไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะร่ำรวยขนาดนี้
“เธออาศัยอยู่ที่นี่เหรอ” หญิงสาวพูดออกไปก่อนที่จะทันห้ามตัวเองทัน และเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่น่าถามคำถามแบบนั้นออกไปเลย เพราะมันคงฟังดูโง่เง่ามากแน่ ๆ ในสายตาของชายหนุ่ม
แต่เดรโกกลับยิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนตอบออกมา
“ฉันโตขึ้นมาที่นี่ แต่ฉันย้ายออกไปหลังจากสงครามจบลง ฉันมีคอนโดอยู่ในลอนดอนอีกที่หนึ่งและมีบ้านพักตากอากาศสองสามแห่ง แต่หลัง ๆ มานี่ฉันจะอยู่ที่คอนโดมากกว่า” เดรโกพูดก่อนที่จะคิดขึ้นได้ว่าคำพูดนี้ของเขาอาจจะนำคำถามต่อไปมาสู่ตัวเขาเอง
และก็เป็นยังที่เดรโกคาด เพราะเฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วราวกับไม่เข้าใจในคำตอบนั้นก่อนจะถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วทำไมเธอถึงไม่พาฉันไปอยู่ที่คอนโดของเธอแทนล่ะ” ชายหนุ่มเงียบไปพักหนึ่งก่อนตอบออกมา
“มันไม่ค่อยสะดวกน่ะ ถ้าเธอมาอยู่ที่นี่ฉันจะได้ให้เอลฟ์คอยดูแลเธอได้เวลาที่ฉันไม่อยู่บ้าน เพราะคอนโดของฉันตั้งอยู่ในเขตมักเกิ้ล มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากจะมีเอลฟ์ประจำบ้านอยู่ที่นั่น อีกอย่างที่คอนโดของฉันก็มีคนมาหาบ่อยที่นี่น่าจะสะดวกให้เธอพักผ่อนมากกว่า” เดรโกเลือกที่จะไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงของเขาในการพาเธอมาอยู่ที่นี่ เพราะเหตุผลนั้นก็คือชายหนุ่มไม่ต้องการให้เธอเจอคนรู้จักคนอื่น รวมทั้งเขาไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานของเธอคนใดมาเยี่ยมเธอทั้งสิ้น เพราะเขากลัวว่าคนพวกนั้นจะเล่าเรื่องของแฮร์รี่ให้เธอฟัง
“แล้วเธอจะอยู่ที่นี่กับฉันตลอดรึเปล่า หรือเธอต้องกลับไปที่คอนโดของเธอด้วย” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงกังวล เดรโกจึงยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู
“แน่นอนว่าฉันจะอยู่กับเธอที่นี่ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหนทั้งนั้นนอกเสียจากว่าฉันต้องออกไปทำงานเท่านั้น” เขาบอกเพื่อให้เธอสบายใจ “ว่าแต่เราขึ้นไปดูห้องนอนของเธอกันดีกว่ามั๊ย” เขาเสนอ
“ได้สิ แต่เธอน่าจะปล่อยฉันก่อนนะ เดรโก” หญิงสาวอ้อมแอ้มออกมา ใบหน้าของเธอยังคงเป็นสีแดง
“ไม่ ฉันอุ้มเธอขึ้นไปแบบนี้แหละ เราน่าจะทำตามธรรมเนียมกันหน่อยจริงไหม” ชายหนุ่มล้อ และผลที่ตามมาก็คือใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีจัดยิ่งกว่าเดิมราวกับเธอไข้ขึ้นกะทันหัน
“เราไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อยนะ” เธอท้วง
“แล้วอยากแต่งไหมล่ะ” เดรโกหยอกเธอ เขาชอบเหลือเกินเวลาที่เฮอร์ไมโอนี่อาย เพราะมันทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิงน้อย ๆ ที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์มากกว่าอะไรทั้งหมด
“บ้า!” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับรัวกำปั้นใส่อกของชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่เมื่อเดรโกเห็นใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาวเขาก็รู้ว่าควรเลิกแกล้งเธอได้แล้ว
“ล้อเล่นนิดเดียวเอง ฉันว่าเราไปดูห้องของเธอกันดีกว่า” เขาบอกพลางจูบแก้มเธอเบา ๆ อย่างเอาใจก่อนจะอุ้มเธอขึ้นบันไดไป

………………………………………………………...


ห้องที้เดรโกพาเฮอร์ไมโอนี่ไปนั้นเป็นห้องนอนที่ถูกกว้างขวางโอ่อ่าและถูกตกแต่งเป็นอย่างดี มีเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ชุดรับแขก เตาผิง ชั้นหนังสือ แต่ที่น่าแปลกก็คือห้อง ๆ นี้ถูกตกแต่งในแบบที่แตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ของคฤหาสน์ มันดูอบอุ่นและอ่อนโยนมากกว่า โทนสีที่ใช้ในห้องรวมทั้งเครื่องเรือนก็ดูเป็นสีที่อ่อนกว่าที่ใช้ตกแต่งห้องโถงราวกับมันเป็นห้องนอนที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
และแน่นอนว่าเดรโกก็เดาความคิดของหญิงสาวออกได้ไม่ยาก เขาเฉลยสิ่งที่เธอสงสัยออกมาหลังจากชายหนุ่มวางเธอลงบนโซฟาหน้าเตาผิงแล้ว
“นี่เคยเป็นห้องของแม่ฉันน่ะ” เขาพูดพลางยิ้มให้เธอ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจปกปิดน้ำเสียงโศกเศร้าของเขาไว้ได้ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างสงสารขณะที่เดรโกนั่งลงบนโซฟา
“ทำไมเธอไม่เคยเล่าเรื่องพ่อแม่ของเธอให้ฉันฟังเลยล่ะ เดรโก ฉันหมายถึงฉันอาจจะรู้อยู่ก่อนแล้ว แต่หลังจากที่ฉันสูญเสียความทรงจำเธอก็ไม่เคยพูดถึงครอบครัวของเธอให้ฉันฟังเลย” หญิงสาวถามขึ้นมา
ชายหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด เขาถอนใจก่อนจะตอบออกมา
“ที่ฉันไม่ได้เล่าเรื่องครอบครัวให้เธอฟังเพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรจะเล่าให้เธอฟัง เพราะฉันกลัวว่ามันจะให้เธอตกใจ” เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าประหลาดใจกับคำพูดนั้น
“แล้วทำไมฉันจะต้องตกใจด้วยล่ะ ในเมื่อฉันคนเดิม หมายถึงฉันในตอนก่อนสูญเสียความทรงจำก็น่าจะรู้เรื่องครอบครัวของเธอดีนี่นา” เธอถาม เดรโกพยักหน้า
“ใช่ เธอรู้เรื่องของฉันดี และอาจจะดีมากกว่าใครด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มพูด ใช่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนที่รู้เรื่องครอบครัวของเขาดีมากที่สุดรองจากตัวของเขาเอง แม้ว่ามันอาจจะฟังดูแปลกอยู่บ้างที่เลือดสีโคลนอย่างเธอจะมาล่วงรู้ความเป็นไปของครอบครัวเลือดบริสุทธ์อย่างครอบครัวมัลฟอยดีกว่าใครทั้งหมด แต่นั่นก็เป็นเพราะเดรโกเป็นคนเล่าให้เธอฟัง เขาเป็นคนเล่าเรื่องครอบครัวที่เขาเพิ่งสูญเสียไปให้เธอฟังด้วยตนเองหลังจากที่เขามาเข้าร่วมภาคีเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่พ่อกับแม่ของเขาเพิ่งเสียชีวิตลงไม่นานด้วยน้ำมือของจอมมารและนั่นเป็นเพราะสาเหตุนั้นที่ทำให้เขาก็เข้าร่วมกับภาคีโดยไม่ลังเลใจเลย ด้วยจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวก็คือ เพื่อแก้แค้นให้แม่ของเขาที่เพิ่งตายลงไป แต่ถึงแม้มันจะผ่านไปหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่เธอจากเขาไป แต่เดรโกก็ไม่อาจจะลืมเลือนเธอได้เลย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ชายหนุ่มไม่อาจจะทำใจลืมเธอได้ต่างหาก แม้ว่าการคิดถึงเธอจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดยิ่งนักสำหรับเขา แต่การต้องใช้ทำชีวิตอยู่โดยไม่คิดถึงเธอและพยายามลืมเธอไปจากใจของเขานั้นมันกลับเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าสำหรับเขา


Flash Back

เดรโก มัลฟอยกำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือที่เหม็บอับของกริมโมลด์เพลซเลยที่สิบสองซึ่งเป็นกองบัญชาการภาคีนกฟินิกซ์มานับตั้งแต่โวลเดอมอร์หวนคืนสู่อำนาจ ชายหนุ่มมาเข้าร่วมกับภาคีมาเป็นเวลาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว และมันก็ผ่านมาได้สามเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่พ่อกับแม่จากเขาไป แต่เดรโกก็ไม่อาจจะลืมพวกเขาได้เลย ต้องพูดว่าเขาไม่อาจจะลืมเธอได้เลยถึงจะถูก ชายหนุ่มไม่อาจจะลืมแม่ผู้เป็นที่รักของเขาได้เลย
แต่สำหรับพ่อของเขานั้น เดรโกยอมรับว่าตอนที่เกิดเรื่องขึ้นใหม่ ๆ เขาโทษว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของพ่อ เป็นเพราะพ่อไปรับใช้จอมมารจึงทำให้เขารวมทั้งแม่ต้องตาย และมันทำให้ชายหนุ่มไม่ได้เสียใจกับการตายของพ่อเท่ากับการตายของแม่เลย แต่เขากลับคิดว่าที่แม่ของเขาต้องมาตายนั้นเป็นเพราะพ่อของเขาเป็นต้นเหตุ
แต่หลังจากเขาได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไปได้ ชายหนุ่มก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นเขาก็เลิกโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อ ตรงกันข้ามเดรโกกลับรู้สึกเสียใจกับการจากไปของเขาไม่ต่างไปจากแม่เลย เพราะถึงแม้นายลูเซียสจะเป็นคนที่เย็นชาแม้กระทั่งกับลูกและภรรยา แต่เดรโกก็รู้ดีว่าลึก ๆ แล้วพ่อของเขารักเขาและแม่มากทีเดียว อย่างน้อย ๆ เขาก็คงรักเดรโกและแม่พอ ๆ กับที่ผู้ชายคนอื่นจะรักลูกและภรรยาของตัวเองได้
เดรโกจำได้ดีว่าระหว่างที่เขากำลังนั่งเหม่อลอยโดยมีล็อกเก็ตซึ่งเป็นของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวของแม่ที่เขานำติดตัวมาด้วยอยู่ในมือนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น เสียงนั้นเบามากจนเขาแทบจะไม่ได้ยิน แต่สิ่งที่มาปลุกชายหนุ่มขึ้นจากภวังค์ก็คือเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง
“อุ๊ย ฉันขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์พูดขึ้นเมื่อเธอเห็นมัลฟอยกำลังนั่งเหม่ออยู่ในห้องหนังสือขณะที่ชายหนุ่มก็เพิ่งสังเกตการมาของเธอ เขาเห็นว่าในมือของเธอมีหนังสือจำนวนสองสามเล่มอยู่ด้วย
“เกรนเจอร์” เขาพึมพำออกมาขณะหันมามองเธอ
“โทษที มัลฟอย ฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่” หญิงสาวอ้อมแอ้มและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่เดรโกกลับรั้งเธอไว้ด้วยคำถามของเขาเสียก่อน
“เธอมาทำอะไรที่นี่” เขาถามขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วให้เขา
“ฉันก็เข้ามาหาที่เงียบ ๆ อ่านหนังสือน่ะสิ” หญิงสาวพูดด้วยท่าทีราวกับต้องการจะบอกเพิ่มว่า ‘ นี่นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันถือหนังสือมาด้วยน่ะ ’ “แต่ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้น.....”
“เธอไม่ต้องออกไปไหนหรอกเกรนเจอร์ ฉันกำลังจะไปอยู่พอดี” เดรโกพูดก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่เขากลับทำสร้อยในมือหล่นเสียก่อน
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะก้มลงไปเก็บมัน หญิงสาวก็ก้าวเข้ามาและหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาจากพื้น เธอมีท่าทีสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปในล็อกเกตที่กำลังเปิดอยู่ เพราะมันเป็นรูปของนาร์ซิลซาร์ มัลฟอย และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมเดรโกถึงได้ปลีกตัวมานั่งอยู่คนเดียวในห้องนอนที่เหม็นอับและไม่มีใครอยากจะเข้ามาแบบนี้ มันคงเป็นเพราะเดรโกไม่ต้องการให้มีใครมาเห็นเขาตอนที่กำลังอ่อนแอเพราะคิดถึงครอบครัวที่จากไปแบบนี้
“ขอของของฉันคืนด้วย เกรนเจอร์” ชายหนุ่มพูดขึ้น ขณะที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาเห็นใจก่อนจะส่งของล็อกเกตในมือไปให้เขา ชายหนุ่มบรรจงปิดมันและเก็บใส่กระเป๋าเสื้ออย่างระวัง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูมันเลย มัลฟอย ฉันขอโทษ” เธอพูด
“ช่างมันเถอะ” เดรโกพูดออกมาเรียบ ๆ ราวกับเขาไม่ใส่ใจใด ๆ ต่อการกระทำนั้น แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นก่อน
“ความจริงเธอพูดกับฉันได้นะ มัลฟอย ฉันหมายถึงถ้าเธอมีเรื่องไม่สบายใจฉันยินดีให้คำปรึกษา” เธอพูดขึ้น
“ขอบใจ เกรนเจอร์ แต่ฉันคิดว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ” เขาตอบเสียงเย็น
“แต่ฉันช่วยเธอได้นะ เพราะตอนนี้ฉันเองก็เป็นแบบเดียวกับเธอ ฉันคิดว่าฉันน่าจะข้าใจความรู้สึกของเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“เธอไม่มีวันเข้าใจฉันหรอก” เดรโกหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ แม้ว่าดวงตาสีเงินที่มองมาทางหญิงสาวจะดูเย็นชาอยู่มากก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้มีแววเหยียดหยามเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
“แต่ฉันก็รับฟังได้นี่นา ฉันหมายความว่า ฉันรู้นะว่ามันแย่มาก ๆ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันด้วย แล้วฉันก็ผ่านเวลาช่วงนั้นมาแล้วถึงแม้มันจะลำบากมากก็ตาม แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องผ่านมันไปได้แน่ เพราะฉะนั้นให้ฉันช่วยเธอเถอะนะ มัลฟอย ฉันต้องการจะช่วยเธอจริง ๆ ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และจู่ ๆ โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่คาดคิดมาก่อน ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา มันนับว่าเป็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เดรโกสูญเสียพ่อแม่ของเขาไป และดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่ก็งุนงงกับมันอยู่ไม่น้อย
“เธอนี่มันตื๊อไม่เลิกจริง ๆ นะยายหัวฟู” เขาเหน็บเธอ หญิงสาวจึงนิ่วหน้าใส่เขา
“อย่างน้อยฉันก็ทำให้เธอยิ้มได้ละกันน่า อีกอย่างเลิกเรียกฉันแบบนั้นได้แล้ว เพราะอย่างน้อยผมฉันก็ไม่ได้ฟูเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด และก็เป็นอย่างที่เธอว่าจริง ๆ เพราะในตอนนี้เธอได้เปลี่ยนจากเด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูฟ่องที่ชอบหิ้วหนังสือไม่ต่ำกว่าสิบเล่มไว้ในอ้อมแขนเมื่อหลายปีก่อนมาเป็นหญิงสาวผู้มีผมหยักศกยาวสลวยที่รับกับดวงตาสีน้ำตาลกลมโตและใบหน้าที่อ่อนหวาน แม้ว่าเดรโกจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมาก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าที่งดงามของเธออย่างไม่ปิดบังในคราวนี้
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับสายตาที่ชายหนุ่มจ้องมองมา แต่เธอก็แกล้งหาเรื่องอื่นพูดเพื่อกลบเกลื่อนเสียก่อน
“แล้วตกลงเธอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม เรื่องของเธอน่ะ” หญิงสาวพูดขึ้น เดรโกมีท่าทีครุ่นคิดก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“อาจจะนะ ถ้าฉันเกิดอยากจะเล่าขึ้นมา”
“แต่ฉันเป็นห่วงเธอนะ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่สารภาพ ขณะที่เดรโกเลิกคิ้ว ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นยายจอมจุ้นมากพอ ๆ กับที่เป็นยายรู้มาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดรู้สึกดีไม่ได้ที่มีใครซักคนมาเป็นห่วงเขาหลังจากที่ทุกคนที่รักเขาตายจากเขาไปจนหมด
“ฉันหมายถึงตอนนี้เราไม่ใช่ศัตรูกันแล้ว เธอเป็นสมาชิกของภาคีเพราะฉะนั้นเธอก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนกับฉันเหมือนกัน.........” หญิงสาวกำลังจะพูดต่อ แต่เดรโกกลับห้ามเธอไว้เสียก่อนเพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าถ้าเขาปล่อยให้เธอพูดต่อไปมีหวังเขาต้องหูแฉะแน่ ๆ
“ตกลง เกรนเจอร์ ฉันตกลงจะเล่าเรื่องของฉันให้เธอฟังในตอนที่ฉันกลุ้มใจ” ชายหนุ่มพูดออกมา เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้าง แต่รอยยิ้มของเธอก็ต้องจางลงเมื่อเดรโกพูดประโยคต่อไป
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ ฉันไม่มีอารมณ์อยากคุยกับใครตอนนี้ ฉันเหนื่อยและอยากพักผ่อนแล้วด้วย แต่ฉันสัญญาว่าถ้าฉันกลุ้มใจขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันจะบอกเธอเป็นคนแรก ตกลงไหม” เธอยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อเขาพูด
“ตกลง มัลฟอย” หญิงสาวพูดพลางส่งยิ้มที่แสนจะอ่อนโยนให้เขา และนั่นเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มของเลือดสีโคลนที่เคยเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาอย่างเฮอร์ไมโอนี่

End of Flash Back

“เดรโก” เสียงหวานที่เรียกชื่อเขาทำให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจากภวังค์ และสิ่งที่เขาเห็นเป็นเวลาต่อมาก็คือดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่จ้องมองมาทางเขา
“เอ่อ โทษที เมื่อกี๊เธอพูดว่าไงนะ” เขาถามขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย จู่ ๆ เธอก็เงียบไป แต่ก่อนหน้านั้นฉันถามเธอว่าทำไมเธอถึงไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของเธอให้ฉันฟังเลย แล้วเธอก็บอกว่าเธอกลัวว่าฉันจะกลัวถ้าหากเธอเล่าเรื่องครอบครัวให้ฉันฟัง” หญิงสาวพูด และชายหนุ่มก็มีท่าทีราวกับเขาเพิ่งจำบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้
เดรโกเลื่อนแขนทั้งสองข้างไปโอบกอดเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้และยกร่างของเธอขึ้นมานั่งบนตักของเขา
“เดรโก” หญิงสาวประท้วงขึ้นมา แต่เสียงนั้นก็เงียบหายไปเมื่อชายหนุ่มเข้าไปจูบเธอเบา ๆ ที่ริมฝีปากก่อนจะมองเธอด้วยแววตาสีเงินที่เต็มไปด้วยความลังเลใจ และหญิงสาวก็สังเกตได้ถึงความอึดอัดใจของเขา
“ถ้าเธอไม่อยากพูดถึงเรื่องครอบครัวให้ฉันฟังก็ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่ว่าเธอหรอก” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดขึ้นมา แต่เดรโกกลับส่ายหน้า
“ฉันอยากเล่าทุกเรื่องเกี่ยวกับฉันให้เธอฟัง เฮอร์ไมโอนี่ แต่อย่างที่ฉันได้พูดไปแล้วว่าฉันกลัวว่าเธอจะกลัวเสียก่อนถ้าหากฉันเล่าเรื่องอดีตทั้งหมดของฉันให้เธอฟัง” เขาพูดอย่างสับสน แต่จู่ ๆ หญิงสาวก็ยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาเบา ๆ เธอลูบแก้มของเขาอย่างแผ่วเบาด้วยมือที่อ่อนนุ่มของเธอก่อนจะส่งรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยนมาให้เขา
“ก็เธอบอกว่าเราเป็นคนรักกันไม่ใช่เหรอ แล้วฉันจะไปกลัวเรื่องของเธอได้ยังไงกันล่ะ อีกอย่างฉันก็บอกไปแล้วนี่นาว่าถ้าฉันคนเก่าก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำรับได้กับอดีตของเธอ แล้วทำไมฉันในตอนนี้จะรับไม่ได้ล่ะ จริงไหม” หญิงสาวพูดเบา ๆ ขณะที่ชายหนุ่มมองเธออย่างหลงใหล

เธอยังเป็นเฮอร์ไมโอนี่คนเดิมของเขาจริง ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะสูญเสียความทรงจำไปแล้วก็ตาม แต่ความอ่อนโยนและความห่วงใยที่เธอมีให้ต่อเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย แถมมันดูจะเพิ่มพูนมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะในอดีตความห่วงใยที่เฮอร์ไมโอนี่มีต่อเดรโกนั้นถูกจำกัดอยู่แค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น แต่ในตอนนี้หญิงสาวคิดว่าเธอเป็นคนรักของเขาตามที่เขาได้บอกเธอ เพราะฉะนั้นความรู้สึกที่เธอมีให้เขา ความห่วงใยที่เธอมอบให้เขามันจึงลึกซึ้งและมากมายกว่าที่เขาเคยได้รับยิ่งนัก
และแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีวันยอมสูญเสียความรู้สึกที่แสนดีอย่างนี้ไปเป็นอันขาด เขาจะไม่มีวันยอมสูญเสียเฮอร์ไมโอนี่ที่แสนอ่อนโยนซึ่งในตอนนี้เป็นของเขาแค่เพียงคนเดียวไปอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกหกหลอกลวง หรือแม้แต่คนทรยศก็ตาม
เดรโกจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาว และเธอก็จ้องตอบกลับมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มให้เขา
“ใช่ ฉันคิดผิดไป ฉันกลัวไปเองทั้งนั้น” เขาสารภาพออกมาพลางลูบผมเธอเบา ๆ “ฉันกลัวว่าถ้าฉันเล่าเรื่องครอบครัวของฉัน ทั้งหมด ให้เธอฟังเธอจะกลัวแล้วก็วิ่งหนีฉันไปเลย” เขาพูดตามตรง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขบขันกับความคิดนั้น แต่ก็เธอได้แต่ยิ้มหวานให้เขา มือทั้งสองข้างของหญิงสาวลูบใบหน้าซีดขาวของเขาเบา ๆ
“ฉันไม่มีวันหนีเธอไปไหนเธอก็รู้ เธอเป็น.......” เธอมองเขาด้วยแววตาที่ล้ำลึก “เธอเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันเหลืออยู่ในโลกนี้ เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ดีกับฉันและเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือฉันตั้งแต่ฉันสูญเสียความทรงจำ” เธอพูดออกมา และเพราะเหตุผลบางประการเดรโกรู้สึกเจ็บปวดเพราะคำพูดนั้น เขาเจ็บปวดที่เธอเชื่อคำโกหกของเขาอย่างหมดใจ เขาปวดร้าวที่ต้องหลอกลวงเธอ เธอที่ไร้เดียงสา บริสุทธิ์และอ่อนโยนมากกว่าใคร ทั้ง ๆ ที่เธอเชื่อใจเขามากกว่าใครทั้งหมด แต่เขากลับหลอกลวงเธอเพียงเพราะเขาต้องการได้เธอมาเป็นของเขา พระเจ้า ช่วยบอกเขาได้ไหมว่าในโลกนี้จะมีใครที่เห็นแก่ตัวไปกว่าเขาอีก! เขาซึ่งหลอกลวงได้แม้กระทั่งผู้หญิงที่เขารัก!
แต่ที่เขาทำลงไปทั้งหมดก็เพราะเขารักเธอ! ถึงแม้มันจะเป็นการทำสิ่งที่ผิดก็ตาม แต่ที่เขาทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อให้เธอมีความสุข! ถ้าหากเธอไม่รู้ความจริงที่เขาปิดบังเธอไว้เธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างปลอดภัยและมีความสุข และเขาจะเป็นคนปกป้องเธอเอง เขาจะเป็นคนทำให้เธอมีความสุขเองโดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้เธอรับรู้เรื่องอดีตเลยแม้แต่น้อย!

‘ นายแน่ใจเหรอว่านายจะปิดบังเธอได้ตลอดไปน่ะ ถ้าซักวันความทรงจำของเธอกลับคืนมาล่ะ ’ เสียงเล็ก ๆ ที่ชั่วร้ายดังขึ้นในหัวของเดรโก แต่ในครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่สนใจมัน

ชายหนุ่มคิดพลางสะบัดศีรษะน้อย ๆ เพื่อไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนจะหันมาสบดวงตาสีน้ำตาลที่มีแววสงสัยของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
เดรโกฝืนยิ้มให้เธอ
“ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น เฮอร์ไมโอนี่ แต่ถึงเธอจะพูดแบบนั้นฉันก็จะขอยืนยันว่าฉันจะไม่มีวันยอมปล่อยให้เธอจากฉันไปไหนเป็นอันขาด เพราะถึงเธอจะวิ่งหนีฉันไปฉันก็จะไม่ลังเลที่จะไล่ตามเธอ เพราะฉันรู้ว่าชีวิตของฉันไม่อาจจะมีความสุขโดยปราศจากเธอได้” เขาสารภาพความในใจของมา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแปลกใจกับคำพูดนั้น
“เธอรักฉันขนาดนั้นเชียวเหรอเดรโก” เธอถามเบา ๆ และมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ อันที่จริงไม่มีเหตุผลอะไรที่เฮอร์ไมโอนี่จะเคลือบแคลงในความรู้สึกของเดรโกที่มีต่อเธอ เพราะเขาก็แสดงมันออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจริงจังกับเธอแค่ไหน เพียงแต่ที่หญิงสาวไม่แน่ใจก็คือความโชคดีของเธอนั่นเอง เพราะในสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ เธอคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอที่หญิงสาวหน้าตาธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรสะดุดตาอย่างเธอจะมีคนรักที่ทั้งหล่อเหลา สมบูรณ์ แสนดีและรักเธอมากขนาดนี้ เธอไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้เลย
หากแต่หญิงสาวไม่รู้หรอกว่า ในสายตาของเดรโก รวมทั้งผู้ชายที่ได้ใกล้ชิดเธอแทบจะทุกคนนั้นล้วนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอไม่ได้เป็นแค่หญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่ไม่มีอะไรสะดุดตาเลยแม้แต่น้อย
“เธอก็น่าจะรู้นี่ว่าฉันรักเธอแค่ไหน” เขากระซิบพลางจูบเธอที่ใบหู ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาเพื่อจ้องมองเธออีกครั้ง
“ปัญหามันอยู่ที่ว่า เธอรักฉันบ้างไหมเฮอร์ไมโอนี่ ฉันรู้ว่ามันอาจจะเร็วไปที่จะถามแบบนี้” เดรโกรีบพูดเมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของหญิงสาว “ฉันรู้ดีว่าความทรงจำของเธอยังไม่กลับมา แต่ฉันไม่ได้อยากรู้ความรู้สึกของเธอที่มีต่ออดีตของเรา”
‘ เพราะเราไม่เคยมีอดีตต่อกันและกัน ‘ ความคิดนั้นผุดขึ้นในหัวสมองของชายหนุ่ม แต่เขากลับเลือกที่จะไม่พูดมันออกมา ไม่ใช่สิ เขาพูดมันออกมาไม่ได้ ตราบที่เขาไม่อยากจะเสี่ยงต่อการสูญเสียเธอไป
“ฉันแค่อยากรู้ว่าในตอนนี้ วินาทีนี้ เธอรักฉันบ้างไหม” เขาถามออกไปพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในแววตาของหญิงสาว และสิ่งเดียวที่ได้รับจากการอ่านสายตาของเธอก็คือ ความสับสน ใจหนึ่งของเดรโกคิดว่าหญิงสาวคงจะไม่ให้คำตอบเขาออกมาในทันทีเป็นแน่ หรือถ้าเธอตอบออกมามันก็คงเป็นคำตอบที่ทำให้เขาผิดหวัง แต่ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าโชคของเขาในวันนี้นั้นมันดีเกินกว่าที่เขาคาดหวังเอาไว้มากนัก
เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีลังเลอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะตอบออกมา
“ฉันไม่แน่ใจนะเดรโกว่า ว่ามันใช่อย่างที่เธออยากจะได้ยินรึเปล่า แต่เท่าที่ฉันรู้ก็คือ ฉันรู้สึกดีเวลาที่มีเธออยู่ใกล้ ๆ ความจริงมันมากกว่าแค่รู้สึกดีซะอีก ฉันหมายถึงหัวใจของฉันเต้นแรงตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เธอพยายามจะหลบตาเขา แต่เดรโกกลับใช้มือเชยคางของเธอให้กลับมาสบตาเขาดังเดิม ขณะที่ชายหนุ่มมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เขารอฟังประโยคต่อไปด้วยใจที่เต้นระทึก
“ถ้าการที่เราคิดถึงใครทุกลมหายใจหรือ รู้สึกอยากให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ เราตลอดเวลามันเรียกว่าความรักล่ะก็ ฉันคิดว่าฉันคงจะรู้สึกไม่ต่างจากเธอในตอนนี้หรอกเดรโก........ฉันคิดว่าฉันอาจจะรักเธอ” เธอพูดออกมา แม้ว่าคำพูดนั้นจะฟังดูลังเลและไม่แน่ใจอยู่มากก็ตาม แต่น้ำเสียงและแววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ก็บอกให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอพูดทุกอย่างมาจากใจจริง ๆ รวมทั้งคำว่า เธออาจจะรักเขาด้วย
เดรโกนิ่งอึ้งเพราะคำพูดนั้น เขามองเธอด้วยแววตาที่สับสนระคนประหลาดใจจนเฮอร์ไมโอนี่นึกว่าเธอคงพูดอะไรผิดไป
“ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า เดรโก ฉันเสียใจ.....ฉัน.........” แต่จู่ ๆ เสียงของหญิงสาวก็ขาดหายไปเมื่อเดรโกเลื่อนริมฝีปากร้อน ๆ เข้ามาจูบปิดปากของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ตกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะจูบตอบโดยไม่ลังเล แต่แล้วดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากของเขาลงไปที่ลำคอของเธอ พร้อมกับมือแข็งแกร่งของเขาที่รั้งร่างของเธอลงบนโซฟา!


*************************************************


อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง ทิ้งคอมเม้นเอาไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ




 

Create Date : 17 มกราคม 2553    
Last Update : 17 มกราคม 2553 23:21:48 น.
Counter : 1229 Pageviews.  

Meanness : Chapter 3 The Argument



เดรโกรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาหลังจากที่เขาพูดตำนั้นออกไป ใบหน้าของรอนขาวซีดด้วยความตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธภายในเสี้ยววินาที!
“นายว่าอะไรนะ!” รอนว่า เขาลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟาทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ขณะที่เดรโกยังคงนั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“นายได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันบอกเฮอร์ไมโอนี่ไปว่าฉันกับเธอเป็นคนรักกัน” เดรโกพูดต่อด้วยท่าทีไม่รู้สึกรู้สาอะไร และคงเป็นเพราะใบหน้าเรียบเฉยที่ดูยียวนกวนอารมณ์ของเขาด้วยกระมัง มันเลยทำให้ความอดทนของรอนหมดลง ชายหนุ่มคว้าคอเสื้อของเดรโกและดึงร่างของเขาขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที ปื้นสีแดงบนใบหน้าของเขาแผ่ไปถึงใบหูและลำคอราวกับรอยหมึกสีแดงที่ซึมไปตามกระดาษ
“นายมัน!” รอนเค้นคำพูดนั้นออกมาจากปากอย่างยากเย็น พอ ๆ กับที่เขาพยายามชั่งใจว่าจะต่อยเดรโกดีหรือไม่ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เดรโกรู้ทันความคิดของรอน
“นายจะต่อยฉันก็ได้นะ หรือจะสาปฉัน ทำยังไงกับฉันก็ได้ถ้านายต้องการ” เดรโกพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับเขาไม่รู้สึกถึงสถานะเสียเปรียบของตนเลยแม้แต่น้อย กำปั้นของรอนง้างอยู่กลางอากาศ แต่ในที่สุดชายหนุ่มก็ลดมันลง เขาเหวี่ยงร่างที่ไร้การขัดขืนของอีกฝ่ายออกห่าง
รอนยืนหอบหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์อยู่นาน ก่อนจะหันมาทางเดรโก
“นายทำได้ยัง......” ฟังจากน้ำเสียงของรอนแล้วดูเหมือนเขาพยายามเค้นทุกคำพูดออกมาจากปากอย่างยากเย็น และทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง เสียใจ และโกรธแค้น
“นายทำได้ยังไงกัน!” รอนแผดเสียงดังลั่นห้อง เดรโกไม่ตอบอะไรออกไป เขายังคงมองรอนด้วยแววตาสีเงินที่ดูนิ่งเฉย “นายโกหกเธอได้ยังไง.....นายก็รู้ว่าเธอเป็นคนรักของแฮร์รี่.......นายก็รู้ว่าสองคนนั้นคือเพื่อนที่สนิทที่สุดของนาย”
“เรื่องนั้นฉันก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้ว” เดรโกพูดขึ้น “แต่รู้แล้วยังไงล่ะ....ถึงรู้แล้วทำอะไรได้.....ในเมื่อฉันรู้อยู่เต็มอกว่าเธอรักคนอื่น......แต่ฉันก็ยังรักเธออยู่ดี” ชายนหนุ่มพูดอย่างขมขื่น
“ที่สำคัญนายคงน่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันมากกว่าใครทั้งหมดนะ” รอนตวัดนัยน์ตาเฉียบคมมาทางเดรโก และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเห็นเปลวไฟวาบวับอยู่ในดวงตาสีอ่อนคู่นั้นของเขา
“เข้าใจเรอะ! ทำไมฉันต้องเข้าใจนายด้วยในเมื่อนายมันก็เป็นแค่ไอ้คนหลอกลวงคนหนึ่งเท่านั้น!” รอนตะโกนพลางชะโงกตัวข้ามโต๊ะกาแฟมาหาเดรโก สายตาที่ชายหนุ่มผมแดงใช้มองเพื่อนรักของเขานั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก และถ้าหากการจ้องตาทำให้ใครตายได้ล่ะก็ป่านนี้เดรโกคงลงไปดิ้นทุรนทุรายอบู่บนพื้นเป็นแน่
“นายจะเรียกฉันยังไงก็ได้” เดรโกพูดขึ้นพลางหยิบบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมาจุด “ฉันสามารถเป็นได้ทุกอย่าง ฉันสามารถทำได้ทุกอย่างเพียงแค่ให้เธอมีความสุข”
“ความสุขที่มาจากการหลอกลวงของนายน่ะนะ นายคิดเรอะว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องการมันน่ะ อย่างที่ฉันพูดกับนายไว้ไง ถ้าวันหนึ่งถ้าเธอจำเรื่องทุกอย่างได้ เธอจะเกลียดนายไปชั่วชีวิต!” รอนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น น้ำเสียงที่เขาไม่ได้ใช้กับเดรโกมานานหลายปี
“แล้วพอถึงวันนั้นนายก็จะเข้ามาดูแลเธอแทนฉันใช่ไหม นั่นคือสิ่งที่นายหวังงั้นสิ” เดรโกพูดพลางพ่นควันบุหรี่ออกมา สีหน้าของเขาสงบนิ่ง แต่แววตาสีเงินคู่นั้นกลับดูน่ากลัวไม่แพ้ของรอนเลยทีเดียว
เพราะคำพูดคำนั้นของเดรโกส่งผลให้รอนนิ่งเงียบไป และเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักไม่โต้เถียงอะไร ชายหนุ่มจึงพูดต่อ
“ที่นายโกรธฉันขนาดนี้มันก็สมควรอยู่หรอก เพราะฉันทำผิดที่หลอกลวงเฮอร์ไมโอนี่ แต่ฉันคิดว่ามันมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นายโกรธจนแทบอยากจะฆ่าฉันให้ตายตรงนี้ และเหตุผลที่ว่านั่นก็คือ.....นายอิจฉาฉัน” พอจบคำพูดของเดรโก รอนก็ชะงักกึกราวกับถ้อยคำสุดท้ายของชายหนุ่มมีเวทย์มนตร์ แต่ไม่นานนักเขาก็เถียงออกมา
“ทำไมฉันต้องอิจฉานายด้วย” ชายหนุ่มผมแดงพูด
“ฉันรู้ว่านายเองก็หลงรักเธอ เราทั้งสองคนอยู่ในสถานะเดียวกันมาตลอด เหมือนกับม้าแข่งที่วิ่งมาคู่กันในสนามและมีม้าอีกตัวนำเราสองคนไปไกลอย่างที่เราทั้งสองไม่มีวันตามทัน แต่เมื่อม้าตัวแรกล้มลง เราซึ่งเป็นเพื่อนรักกันก็สมควรวิ่งเคียงคู่กันไปอย่างเดิม แต่จู่ ๆ ฉันกลับวิ่งแซงนายไปก่อนที่นายจะรู้ว่าม้าตัวแรกล้ม ฉันไม่ได้วิ่งเคียงคู่กับนายเหมือนเก่า และเมื่อฉันได้รับชัยชนะก็ไม่แปลกที่นายจะอิจฉาฉัน” เดรโกพูดพลางพ่นควันออกมาอีกระลอก รอนอ้าปากเพื่อจะโต้เถียงอะไรบางอย่างออกมา แต่เขาก็ไม่อาจหาคำพูดอะไรมาพูดได้ ในเมื่อสิ่งที่เดรโกพูดออกมานั้นถูกต้องทุกประการ!
แม้การตายของแฮร์รี่จะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับรอน แน่นอนว่ามิตรภาพระหว่างเขาและแฮร์รี่นั้นอยู่เหนือความเห็นแก่ตัวของชายหนุ่มแน่นอน รอนจึงปิดปังเรื่องที่เขารักเฮอร์ไมโอนี่มาตลอดโดยไม่ยอมบอกให้ใครรู้ แต่มาตอนนี้แฮร์รี่ตายจากไปแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นการสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับมาก็ตาม และแน่นอนว่ามันต้องสร้างความโศกเศร้าอย่างมหาศาลให้กับเฮอร์ไมโอนี่ถ้าเธอยังจำทุกอย่างได้ แต่ถึงอย่างนั้นรอนก็ยังคิดว่าถ้าสักวันหนึ่งเธอทำใจเรื่องแฮร์รี่ได้ เธอจะหันมามองที่เขาบ้าง สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มหวังคือให้เธอมองเขาในฐานะอื่นนอกจากเพื่อนสนิทของเธอบ้างเพียงเท่านั้น
แต่จู่ ๆ ความหวังของเขาก็พังทลายลงเมื่อเขามารู้ว่าเดรโกชิงหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่ไปก่อนที่เขาจะได้ตั้งตัวเสียแล้ว ราวกับม้าที่ตอนแรกวิ่งอย่างเหยาะเหยาะเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีวันชนะ ถูกเพื่อนรักแซงหน้าไปโดยไม่บอกกล่าวและเห็นเพื่อนคนนั้นชิงชัยชนะไปต่อหน้าต่อตาอย่างน่าเจ็บใจ
ใช่แล้ว ที่รอนโกรธเดรโกมากที่สุดก็เพราะว่าเขาใช้วิธีสกปรกขโมยหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่ไปโดยไม่บอกกล่าว แทนที่เขาจะบอกความจริงกับเธอทุกอย่างกับเธอ และค่อยให้เธอเลือกเอาเองว่าเธอต้องการให้ใครมาเป็นคนดูแลเธอต่อจากแฮร์รรี่ เดรโกหรือว่ารอน หรือเธออาจจะเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเขาทั้งสองก็ได้ แต่เดรโกกลับผูกมัดเฮอร์ไมโอนี่ให้อยู่ในฐานะ ‘ คนรัก ’ ของเขาด้วยการหลอกลวงเธอ ซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ชายหนุ่มยอมไม่อาจจะยอมรับได้
“นายไม่มีวันทำแบบนี้ได้นานหรอก” รอนพูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไประยะหนึ่ง เดรโกเลิกคิ้วพลางจ้องมองเขา
“นายก็รู้ว่าวันหนึ่งความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่จะกลับมา และเมื่อถึงวันนั้นเธอก็จะเกลียดนายไปชั่วชีวิต” คำขู่นั้นของรอนราวกับบาดลึกเข้าไปใจจิตใจของเดรโก สิ่งที่ชายหนุ่มผมแดงพูดออกมานั้นถูกต้องอย่างที่สุด เพราะตอนนี้ความกลัวเพียงอย่างเดียวของเดรโกคือการที่เฮอร์ไมโอนี่จำเรื่องราวทุกอย่างได้และรู้ว่าเขาหลอกลวงเธอ
แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มผมบลอนด์ก็ยังมีสีหน้าที่เรียบเฉยอยู่ เดรโกบรรจงขยี้บุหรี่ที่ยังไม่หมดดีลงบนที่ดับ ราวกับเขาต้องการสูบมันเพียงแค่ระบายความเครียดเท่านั้น
“แล้วถ้าความทรงจำของเธอไม่กลับมาล่ะ” เขาพูดอย่างใจเย็น “ผู้บำบัดบอกฉันว่าไม่มียาใดในโลกที่จะสามารถรักษาเฮอร์ไมโอนี่ให้หายได้ แต่เธอต้องรักษาตัวของเธอเอง ซึ่งมันต้องใช้เวลา และผู้บำบัดเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าความทรงจำของเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ ไม่ใช่สิ พวกเขาไม่แน่ใจด้วยว่าความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่จะกลับมาไม่ เพราะมันอาจจะสูญหายไปตลอดกาลก็ได้” เดรโกสังเกตว่าดวงตาของรอนเบิกกว้างเมื่อเขาพูดประโยคสุดท้ายอออกมา เสียงกัดฟันของชายหนุ่มผมแดงดังขึ้นท่ามกลางความห้องที่เงียบกริบ
“นั่นคงเป็นสิ่งที่นายต้องการสินะ! นายต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่จำเรื่องราวของเธอไม่ได้ตลอดไปเพื่อที่นายจะได้หลอกลวงเธอต่อไป! นายมันทุเรศที่สุด เดรโก นายรู้ตัวบ้างมั๊ยว่านายกำลังทำอะไรอยู่ นายไม่คิดบ้างเหรอว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องทุกข์ทรมานแค่ไหนกับการสูญเสียความทรงจำน่ะ แต่ที่นายต้องการก็คือให้เธอความจำเสื่อมไปตลอดเพื่อที่จะให้เธอเชื่อว่านายเป็นคนรักของเธอนี่นะ ฉันไม่เคยได้ยินอะไรที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้มาก่อนเลย!” รอนพูดขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมาอย่างเมื่อครู่ แต่คำพูดนั้นกลับแทงใจดำของเดรโกอย่างประหลาดจนชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยกับคำพูดนั้น
“ฉันยอมรับว่าฉันเห็นแก่ตัว แล้วนายก็คงลืมไปแล้วสิว่ายังไงฉันก็เป็นสลิธีริน และมันก็เป็นธรรมชาติของสลิธีรินที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ” เดรโกพูดเรียบ ๆ รอนมองเขาอย่างโกรธเคือง
“แม้กระทั่งทำร้ายคนที่นายรักเนี่ยนะ นายยังมีหัวใจอยู่รึเปล่าเดรโก! นายไม่คิดบ้างเหรอไงว่......” รอนเริ่มแผดเสียงอีกครั้งขณะที่ชายหนุ่มผมบลอนด์ตวัดสายตาอันเฉียบคมมามองเขา
“ฉันไม่มีหัวใจอย่างงั้นรึ” น้ำเสียงเย้ยหยันดังออกมาจากริมฝีปากเรียวซีดของชายหนุ่ม “นายก็น่าจะรู้นี่ว่าเพราะฉันรักเธอฉันถึงได้ทำแบบนี้ ฉันรักเธอมานานแล้วและก็ไม่ได้รักเธอน้อยไปกว่านายด้วย!”
“อย่าเอาตัวนายมาเปรียบเทียบกับฉันดีกว่า เดรโก คำว่า ‘ รัก ’ ของนายมันเป็นแค่ข้ออ้างที่ให้นายโกหกเธอเพื่อให้นายได้สิ่งที่นายต้องการต่างหากล่ะ” รอนแย้ง ใบหน้าของเขาเริ่มเป็นสีเข้มขึ้นมาอีกครั้ง
“ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อความสุขของเฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่ต้องการจะเห็นเธอเสียใจอีกแล้ว รอน แค่ครั้งเดียวมันก็มากเกินพอแล้วสำหรับฉัน และาถ้านายเป็นฉันในตอนนั้นนายก็คงจะอะไรที่ไม่ต่างจากฉัน นายคงไม่มีวันบอกเธอเรื่องแฮร์รี่ ถ้านายรู้ว่ามันจะกระทบกระเทือนต่อจิตใจเธอแค่ไหน” เดรโกอธิบาย ขณะที่รอนจ้องเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว
“นายไม่มีวันรู้หรอกว่าฉันจะทำยังไงถ้าฉันเป็นนาย เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวแบบนาย” ชายหนุ่มผมแดงพูดพลางมองเพื่อนรักของเขาอย่างโกรธเคือง ราวกับการพูดว่ารอนคงจะทำแบบเดียวกับเดรโกถ้าหากเขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับชายหนุ่มเป็นการดูถูกเขาอย่างที่สุด
เกิดความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้นระหว่างชายหนุ่มทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งเดรโกเบนหน้าไปทางอื่นรอนก็พูดอะไรบางอย่างขึ้น
“นายไม่กะจะบอกเรื่องอดีตของเฮอร์ไมโอนี่ให้เธอรู้เลยใช่ไหม” เขาถามขึ้น เดรโกมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“ฉันคิดว่าจะเล่าให้เธอฟังเท่าที่จำเป็น และแน่นอนว่าเรื่องเหล่านั้นต้องไม่มีเรื่องของแฮร์รี่รวมอยู่ด้วย”
เสียงหัวเราะที่ฟังดูเย้ยหยันดังขึ้นจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามเขา เดรโกนึกแปลกใจไม่น้อยที่รอนสามารถทำเสียงแบบนั้นออกมาได้ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเพื่อนสนิทของเขาคนนี้ไม่เคยแม้กระทั่งพูดดูถูกใครมาก่อน
“นายก็รู้ว่านายไม่มีวันลบแฮร์รี่ออกจากใจของเฮอร์ไมโอนี่ได้ เธออาจจะลืมเขาในตอนนี้ แต่ซักวันเธอจะต้องจำเขาได้ พวกเขาเคยรักกันมาก เธอเคยรักเขามาก และตอนนี้เธอก็ยังรักเขาอยู่” น้ำเสียงของรอนฟังดูเจ็บปวดเมื่อเขาต้องพูดประโยคสุดท้ายออกมา ซึ่งมันเป็นคำพูดที่ทิ่มแทงจิตใจของชายหนุ่มทั้งสองเหลือเกิน
“เธอลืมเขาไปแล้ว รอน นายควรจะยอมรับความจริงข้อนี้ซักที” เดรโกพูดอย่างใจเย็น เขาพยายามจะเกลี้ยกล่อมรอนให้เห็นด้วยกับเขาแม้เดรโกจะรู้ดีว่าโอกาสของมันมีพอ ๆ กับการที่จะทำให้แฮร์รี่ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็ตาม
“ฉันเชื่อว่าซักวันเธอจะต้องจำเขาได้” รอนพูดอย่างมั่นใจ
“แล้วถ้าหากเธอจำเขาไม่ได้เลยล่ะ” เดรโกพูดอย่างเป็นต่อ “ผู้บำบัดบอกฉันว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องรักษาตัวเธอเอง คนที่สามารถนำความทรงจำที่กระจัดกระจายของเธอมาปะติดปะต่อได้นั้นไม่มีใครนอกจากตัวเธอเองเท่านั้น และถ้าหากเธอไม่รู้ว่าแฮร์รี่มีตัวตนมาก่อน ถ้าหากว่าเธอไม่รู้ว่าเธอเคยรู้จักหรือผูกพันกับผู้ชายคนนี้ เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขามีตัวตนอยู่บนโลกนี้ เธอจะยังจำเขาได้ไหม” ชายหนุ่มอธิบายอย่างมีเหตุผล ในขณะที่รอนกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขากลับมาเป็นสีแดงอีกครั้งซึ่งบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจกับคำพูดของเดรโกมากเพียงไร! แต่ชายหนุ่มผมแดงกลับเลือกที่จะระงับอารมณ์ไว้แทนที่จะลุกขึ้นไปชกใบหน้าหล่อเหลาของเดรโก
“ถ้าหากนายตั้งใจจะทำอย่างนั้น ถ้านายจะไม่ยอมเล่าเรื่องของแฮร์รี่ให้เธอฟังเพราะว่านายไม่ต้องการให้เธอจำเขาได้ ฉันก็จะเล่าเรื่องของเขาให้เธอฟังเอง!” รอนพูดออกมาอย่างมุ่งมั่นก่อนที่เขาจะลุกจากเก้าอี้และตรงไปยังประตู!

.................................................

เดรโกลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับเพื่อนรักของเขา และก่อนที่รอนจะได้ผ่านธรณีประตูออกไปชายหนุ่มผมบบลอนด์ก็ร่ายคาถาปิดมันอย่างแน่นหนา
รอนมองเดรโกอย่างตกใจ เขากำลังจะหยิบไม้กายสิทธิ์ของเขาออกมาเพื่อร่ายคาถาเปิดมันออก แต่ก่อนที่เขาจะทำเช่นนั้นเดรโกก็เสกคาถาปลดอาวุธใส่เขา
ไม้กายสิทธิ์ของรอนลอยหวือไปอยู่ในมือของเดรโกทันที ขณะที่ชายหนุ่มผมแดงหันกลับมามองเพื่อนรักของเขาด้วยสีหน้าโกรธจัดจนแทบจะเรียกได้ว่าเคียดแค้น ปื้นสีแดงกระจายไปทั่วใบหน้าที่เต็มไปด้วยกระของชายหนุ่มเมื่อเขาพบว่าเดรโกกำลังชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเขา!
“แก!” รอนคำราม
“ถ้านายจะไปบอกเรื่องแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ล่ะก็ ฉันจะฆ่านายก่อนที่นายจะได้เห็นหน้าเธอแน่ รอน นายก็รู้ว่าฉันทำได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเขาเอาจริงแน่
“แก! ไอ้สารเลว!” รอนพูดรอดไรฟัน
“ฉันยอมรับเรื่องนั้น และฉันก็ไม่ว่าอะไรนายด้วยถ้านายจะด่าฉันมากกว่านี้ เพราะฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูด
“แกทำเพื่อความสุขของตัวเองต่างหากล่ะ! แกหลอกลวงเฮอร์ไมโอนี่ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของแก ไอ้มันเป็นไอ้สารเลวเดรโก!” รอนตะโกน บัดนี้หูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นเดียวกับใบหน้าของเขาเรียบร้อยแล้ว แต่เดรโกกลับไม่โต้ตอบอะไรออกไป
“หรือว่านายจะปฏิเสธว่านายจะไม่ทำแบบนี้ถ้าหากว่านายเป็นฉัน” เขาพูดเรียบ ๆ อย่างไม่แยแสเลยว่าชายหนุ่มผมแดงจะโกรธเขามากเพียงไร
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเอาฉันไปเปรียบกับแก! ฉันไม่เหมือนแก และฉันไม่มีวันจะทำเหมือนแกด้วย!”
“นายไม่มีวันรู้หรอกว่านายจะทำเหมือนฉันรึเปล่า รอน แต่เท่าที่ฉันรู้ในตอนนี้สิ่งที่นายต้องการเพียงอย่างเดียวคือบอกเรื่องของแฮร์รี่ให้เฮอร์ไมโอนี่รู้เพื่อให้เธอโกรธเกลียดฉันฐานะที่ฉันเป็นคนโกหกหลอกลวงใช่ไหม” เดรโกถาม
“ใช่! และฉันกำลังจะทำมันด้วย” รอนกำลังจะหันกลับไปทางประตู แต่เดรโกกลับยกไม้ของเขาขึ้นสูงในเชิงเตือน รอนจึงต้องหยุดการกระทำของเขาโดยดี
“แล้วนายต่างจากฉันตรงไหนล่ะ เพราะที่นายทำลงไปไม่ใช่เพราะนายเองหวังดีกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่นายต้องการทำให้เธอเกลียดฉัน ทั้ง ๆ ที่นายก็รู้อยู่เต็มอกว่าการบอกเธอเรื่องคู่หมั้นที่เพิ่งตายไปอาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของเธอ แต่นายก็ยังดึงดันที่จะทำเพราะว่านายต้องการให้เธอโกรธเกลียดฉัน และเพื่อให้เธอหันมาหานายซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่เธอเหลืออยู่นอกจากฉัน และก็รักเธอไม่ต่างจากฉัน ถ้านายคิดอย่างนั้นไหนลองฉันบอกซิ ว่านายไม่ได้เห็นแก่ตัวเหมือนกันฉัน”
เพราะคำพูดนั้นของเดรโกทำให้รอนถึงกับนิ่งอึ้งราวกับมันแทงใจดำของเขาเข้าอย่างจัง
“แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่เคยหลอกลวงเธออย่างแก” เขาพูดออกมาหลังจากเงียบไปราว ๆ ครึ่งนาที
“แต่นายก็กำลังจะทำให้เธอเสียใจถ้านายบอกความจริงกับเธอ” เดรโกโต้ขึ้นมาในทันที และดูเหมือนครั้งนี้รอนจะอับจนคำพูดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เพราะสิ่งที่เดรโกพูดออกมานั้นมันถูกต้องทุกอย่าง!
ใช่แล้ว เดรโกพูดถูก ที่รอนต้องการบอกความจริงกับเฮอร์ไมโอนี่เพราะเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรบอกเธอ แม้ว่าเธอจะจำคู่หมั้นที่เพิ่งเสียชีวิตไปของเธอไม่ได้ก็ตาม แต่หญิงสาวก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขาโดยไม่มีการปิดบังอย่างที่เดรโกทำในตอนนี้
แต่จุดประสงค์อีกอย่างหนึ่งของชายหนุ่มในการบอกเรื่องของแฮร์รี่กับเธอคือการให้เฮอร์ไมโอนี่รู้ความจริงว่าเดรโกโกหกเธอ รอนต้องการให้เธอสาสว่างกับเรื่องที่เดรโกหลอกเธอมาตลอดเสียที และเมื่อถึงตอนที่หญิงเกลียดชังเดรโกเนื่องจากสิ่งที่เขาได้ทำลงไปแล้วรอนก็จะเป็นคนที่เข้ามาดูแลเธอต่อจากเดรโก แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่เขาเคยว่าชายหนุ่มไว้เช่นกัน

“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง” รอนพูดขึ้นมาในที่สุด เขาดูใจเย็นขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่านัก รอยสีแดงบนแก้มของเขาแทบจะจางหายไปหมดแล้วในขณะที่เดรโกค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธิ์ของเขาลง
“ก่อนตาย แฮร์รี่ฝากฝังฉันไว้ให้ฉันดูแลเฮอร์ไมโอนี่แทนเขาถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไป” ชายหนุ่มพูดขณะที่เพื่อนรักของเขาทำท่าทีราวกับจะพูดว่า ‘ เรื่องนั้นฉันรู้หรอกน่า นายจะเอามาพูดทำไม ’
ดวงตาสีเงินของเดรโกจ้องมองรอนอย่างคาดหวัง ก่อนจะพูดประโยคต่อไปออกมา
“แล้วนายรู้ไหมว่าทำไมเดรโกถึงฝากเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับฉันแทนที่จะเป็นนาย ทั้ง ๆ ที่เขาคบกับนายมานานกว่าฉัน และแฮร์รี่ก็น่าจะไว้ใจนายมากกว่าฉัน” ชายหนุ่มผมบลอนด์พูดขึ้นขณะที่รอนทำสีหน้าเหมือนต้องการจะบอกว่า ‘ เรื่องนายมันไม่น่าไว้ใจน่ะมันแน่อยู่แล้ว! ’ แต่เมื่อสบสายตาของเพื่อนรัก รอนจึงตอบออกไปว่า
“ฉันไม่รู้ว่านายหมายความว่าอะไร”
เดรโกส่งไม้กายสิทธิ์คืนให้รอน เขาเดินไปที่หน้าต่างพลางมองไปยังท้องฟ้ามืดมิดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคิดก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดอีกครั้ง ตั้งแต่รอนก้าวเข้ามาในห้องของเขาเดรโกสูบบุหรี่ไปเป็นมวนที่สามแล้ว
“ที่แฮร์รี่ฝากฝังเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับฉัน เพราะเขารู้มาตลอดว่าฉันรักเธอ แฮร์รี่รู้ว่ามาตลอดว่าฉันรักเฮอร์ไมโอนี่ และก็รักไม่แพ้เขาด้วย!” เดรโกสารภาพออกมาก่อนจะสูบบุหรี่และพ่นควันออกมาช้า ๆ ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่สูบหนักเท่าไหร่นักแต่ชายหนุ่มเลือกที่จะสูบเวลาที่เขาเครียดจริง ๆ มากกว่า ประกอบกับการมีเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเกลียดกลิ่นบุหรี่มากกว่าอะไรทั้งหมดเป็นเพื่อนรักมันจึงทำให้เดรโกเลิกสูบบุหรี่ไปได้พักหนึ่ง แต่เขาเพิ่งกลับมาสูบมันหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับบาดเจ็บกลับมาได้ไม่นาน
รอนดูมีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่เดรโกพูดออกมา
“ไม่จริง!” ชายหนุ่มร้องขณะที่เดรโกกันกลับมาเผชิญหน้าเขาด้วยและถามเขาด้วยสีหน้าว่า ‘ มันไม่จริงยังไง ’ และรอนก็ตอบคำถามนั้นของเดรโกด้วยคำพูด
“แฮร์รี่จะรู้ได้ยังไงว่านายรักเฮอร์ไมโอนี่ ถ้านายไม่ได้บอกเขา หรือว่านาย.....” เดรโกส่ายหน้ากับคำถามของรอน
“ฉันไม่ได้บอกแฮร์รี่ และไม่มีวันที่จะบอกด้วย แต่เขาเดาออกเอง เขาคงสังเกตจากสายตาของฉันที่มองเฮอร์ไมโอนี่ และเขาคงเดาความจริงได้ไม่ยาก นายก็รู้นี่ว่าแฮร์รี่ไม่ใช่คนโง่” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียราวกับจะเย้ยหยันตัวเอง
ชายหนุ่มคิดมาตลอดว่าเขาสามารถซ่อนความรู้สึกที่เขามีต่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่ให้คนอื่นรู้ได้แล้วเชียว แต่คนที่ดูเขาออกและล่วงรู้ถึงความลับที่เขาอยากจะเก็บซ่อนเอาไว้มากที่สุดกลับเป็นแฮร์รี่ คู่หมั้นของเฮอร์ไมโอนี่เอง ทั้ง ๆ ที่เดรโกคิดว่าเขาสามารถตีสีหน้าเรียบเฉยและแสร้งทำเป็นเพื่อนของเธอได้อย่างแนบเนียนที่สุดแล้วในตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน แต่แฮร์รี่ก็ยังดูเขาออกอยู่ดี เดรโกไม่รู้ว่าแฮร์รี่รู้ความรู้สึกของเขาได้อย่างไร บางทีอาจจะเป็นจากสายตาล่ะมั้ง แฮร์รี่คงอ่านสายตาที่เขาใช้มองเฮอร์ไมโอนี่ออกว่ามันเป็นสายตาที่ผู้ชายใช้มองผู้หญิงที่เขารัก เช่นเดียวกับที่เดรโกมองออกว่ารอนรู้สึกยังไงกับเฮอร์ไมโอนี่ผ่านทางสายตาที่เขาใช้จ้องมองเธอ
แต่ถ้าเช่นนั้นทำไมแฮร์รี่ถึงไม่รู้ว่ารอนแอบรักเฮอร์ไมโอนี่อยู่ล่ะ หรือถ้าเขารู้ความรู้สึกของรอนเหมือนกับที่เขาอ่านความรู้สึกของเดรโกออก แล้วทำไมแฮร์รี่จึงไม่ฝากเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับรอนแทนที่จะเป็นเดรโกล่ะ เรื่องนั้นชายหนุ่มไม่อาจหาคำตอบได้เลย
เดรโกนึกย้อนไปถึงตอนที่แฮร์รี่ยังมีชีวิตอยู่ คืนก่อนที่เขาจะออกไปตามล่าโวลเดอมอร์และได้ฝากฝังเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับชายหนุ่ม

Flash Back

“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องไป” แฮร์รี่พูด เดรโกนิ่งเงียบ เขาไม่รู้ว่าจะโต้เถียงอะไร “แต่ฉันจะไปอย่างสบายใจถ้านายสัญญาว่านายจะดูแลเฮอร์ไมโอนี่ถ้าฉันไม่กลับมา สัญญากับฉันสิเดรโกว่านายจะดูแลเธอแทนฉัน”
“ได้สิแฮร์รี่ ฉันสัญญา” เดรโกพูดออกมาในที่สุด เขาถอนหายใจอย่างอัดอั้น
“แต่ความจริงนายไม่จำเป็นต้องทำอย่างงั้นเลยนะ.....” เขาพูดยังไม่ทันจะขาดคำแฮร์รี่ก็ขัดขึ้นก่อน
“นายสัญญากับฉันแล้วนะ เดรโก ว่านายจะดูแลเฮอร์ไมโอนี่แทนฉัน” ชายหนุ่มเตือน
“ฉันรู้ ฉันจะดูแลเธอแทนนายแน่นอน แต่….”
“ไม่มีคำว่าแต่ทั้งนั้น เดรโก สิ่งเดียวที่ฉันขอร้องนายคือให้นายดูแลเฮอร์ไมโอนี่แทนฉันถ้าฉันไม่กลับมา ฉันขอให้นายทำให้เธอมีความสุข และรักเธอแทนฉันเท่านั้น นายทำให้ฉันได้ไหม” ชายหนุ่มผมดำพูดขณะที่เพื่อนรักของเขามองเขาอย่างตกตะลึง
แฮร์รี่มองเดรโกด้วยแววตาที่บอกเขาว่า ‘ ฉันรู้เรื่องของนายดี ’
“นายหมายความว่ายังไง” เดรโกถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
“ฉันรู้ดีว่านายรักเธอ เดรโก นายรักเฮอร์ไมโอนี่ นายรักเธอมานานแล้วใช่ไหม” ดวงตาสีเงินฉายแววตกใจเพราะคำพูดนั้น
“ฉัน”
“บอกมาตามตรงเถอะว่าที่ฉันพูดมันถูกต้องใช่ไหม ฉันไม่โกรธนายหรอก เดรโก” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และในที่สุดเดรโกก็ตัดสินใจพูดออกมา
“ใช่ แฮร์รี่ฉันรักเฮอร์ไมโอนี่ ฉันรักเธอมานานแล้ว” เขาสารภาพออกมาตามตรง นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาปิดบังความจริงอีกต่อไปในเมื่อแฮร์รี่เองก็รู้ความลับของเขาแล้ว ความลับที่เขาหลงรักคู่หมั้นของชายหนุ่ม
“ฉันนึกแล้วว่าฉันเดาไม่ผิด แต่ก็ดี....” ชายผมดำพึมพำเบา ๆ ดวงตาสีมรกตของเขามีแววครุ่นคิด “ฉันเองจะได้วางใจได้ว่านายจะดูแลเฮอร์ไมโอนี่อย่างดีที่สุด ในฐานะคนที่รักเธอเช่นเดียวกับฉัน และถ้าฉันไม่มีโอกาสได้กลับมา ฉันก็ไม่ว่านายหรอกนะถ้านายจะบอกความรู้สึกที่นายมีต่อเธอให้เธอรู้น่ะ” เขาพูดอย่างใจกว้าง แฮร์รี่ดูโล่งใจไม่น้อยที่เขาสามารถหาคนที่เขาพอจะฝากเฮอร์ไมโอนี่ไว้ด้วยได้หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“นายอย่าพูดแบบนั้นเลยแฮร์รี่ นายต้องได้กลับมาอย่างแน่นอนเชื่อฉันสิ” ชายหนุ่มพูดให้กำลังใจเพื่อนรักแต่ดูเหมือนแฮร์รี่จะไม่เชื่อคำพูดของเดรโกมากไปกว่าการเชื่อคำพยากรณ์ที่เขาเรียนในวิชาของศาสตราจารย์ทวีลอนีย์เลย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเดรโก ฉันรู้แค่ว่าฉันจะต้องฆ่าโวลเดอมอร์ให้ได้ก็เท่านั้น ส่วนฉันจะได้กลับมาหรือเปล่านั่นมันอีกเรื่อง” ชายหนุ่มผมดำพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเดรโก
“แต่อย่างน้อยฉันก็สบายได้อย่างหนึ่งตรงที่นายสัญญาว่าจะดูแลเฮอร์ไมโอนี่แทนฉัน ขอบใจนายมากนะ” เขาพูดขณะที่เดรโกวางมือลงบนใหล่ของเขา ชายหนุ่มผมบลอนด์พูดขึ้น
“นายก็รู้ว่าฉันต้องดูแลเธออยู่แล้ว ไม่ว่านายจะขอฉันไว้หรือไม่ เพราะฉัน.....” น้ำเสียงของเดรโกขาดห้วงไป “เพราะฉันเองก็รักเธอเหมือนกับนาย” เขาพูดออกมาในที่สุด
แฮร์รี่ยิ้มให้เขา
“ฉันดีใจที่นายคิดแบบนี้เดรโก อย่างน้อย เธอก็ยังมีนายคอยให้ความรักกับเธอถ้าฉันเป็นอะไรไป” ชายหนุ่มผมดำพูดออกมาจากใจจริง ขณะที่เดรโกยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนรัก

End of Flash Back

เสียงของรอนที่ดังขึ้นปลุกเดรโกขึ้นจากภวังค์
“ฉันไม่เข้าใจ” เขาว่า
“ถ้าแฮร์รี่ดูออกเรื่องนายรักเฮอร์ไมโอนี่ แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องฉัน ฉันหมายความถึงเรื่องที่ฉันเองก็รักเธอเหมือนกัน” รอนพูดประโยสุดท้ายออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับเขากลัวว่าแฮร์รี่ที่จากไปแล้วจะได้ยินคำพูดนั้น “หรือว่าเขาจะรู้แต่เขาไม่พูดออกมา”
เดรโกมีสีหน้าครุ่นคิด “ฉันว่าแฮร์รี่ไม่น่าจะรู้เรื่องนายนะ รอน ฉันหมายถึงเขาไม่น่าจะเดาความรู้สึกของนายออก”
“แต่เขาดูนายออกนี่นา เขารู้ว่านายรักเฮอร์ไมโอนี่” รอนเถียงขึ้นมา สีหน้าของเขาดูกังวล ราวกับเขากำลังคิดอยู่ว่าแฮร์รี่จะมองเขาเช่นไรหากชายหนุ่มรู้ว่ารอนรักคู่หมั้นของเขา
“ฉันว่าเขาไม่น่าจะรู้เรื่องของนายนะรอน เพราะนายเป็นเพื่อนรักกับเขารวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่มานาน พวกนายสนิทกันมาตั้งแต่เริ่มเรียนที่ฮอกวอตส์ และการที่นายสนิทสนมกับเฮอร์ไมโอนี่มากมันเลยไม่ใช่เรื่องแปลกในสายตาของแฮร์รี่ ต่างจากฉันที่เพิ่งเข้ามาสนิทกับพวกนาย แฮร์รี่เลยเดาความรู้สึกของฉันได้ไม่ยากไม่เหมือนกับความรู้สึกของนาย” เดรโกพูดอย่างมีเหตุผล ซึ่งมันก็คงจริงอย่างที่เขาว่า รอนและเฮอร์ไมโอนี่สนิทกันมาเกือบจะพร้อม ๆ กับที่แฮร์รี่และรอนเป็นเพื่อนรักกัน มันจึงทำให้มิตรภาพระหว่างรอนกับเฮอร์ไมโอนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรเคลือบแคลง และแฮร์รี่คงไม่มีวันสงสัยว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาจะหลงรักคนรักของเขาเองพอ ๆ กับที่รอนพยายามจะเก็บความรู้สึกของเขาที่มีต่อเฮอร์ไมโอนี่ไว้ให้ลึกที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อไม่ให้แฮร์รี่ดูออกว่ารอนรักคนรักของเขา
“และเพราะเหตุผลนั้น มันเลยทำให้เขาเลือกฝากเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับฉัน เขาบอกฉันว่าให้รักเธอแทนเขาได้ถ้าหากเขาไม่กลับมา” เดรโกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และเพราะประโยคอันแสนจะราบเรียบนี้เองที่ทำให้รอนโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“นายจะอ้างว่าเพราะแฮร์รี่ฝากเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับนาย นายเลยมีสิทธิ์ที่จะเอาตัวเธอไปอยู่กับนาย มีสิทธิ์ที่จะหลอกลวงเธอเรื่องเขาอย่างงั้นเรอะ!” รอนตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่เดรโกยังมีสีหน้าเรียบเฉย
“นายคิดได้ยังไง” ชายหนุ่มผมแดงพูด น้ำเสียงของเขาฟังดูน่ากลัวยิ่งนัก
“นายจะคิดยังไงก็แล้วแต่นายเถอะ รอน แต่คนที่แฮร์รี่มอบหน้าที่ในการดูและเฮอร์ไมโอนี่ไว้ก็คือฉัน เพราะเขารู้ว่าฉันรักเธอเหมือนกับเขา เขารู้ว่าฉันจะคงทำให้เธอมีความสุขได้ถ้าหากเขาไม่มีโอกาสได้กลับมาหาเธออีก” เดรโกพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนครั้งนี้รอนจะไม่ยอมฟังเขาเลย
“นายอย่ามาเอาแฮร์รี่มาอ้างเพื่อสนับสนุนความเห็นแก่ตัวของนายดีกว่าเดรโก!” เขาพูดอย่างมีโทสะ
“ฉันทำแน่ถ้านายเลิกเอาความถูกต้องมาอ้างการกระทำของนายเหมือนกัน” ชายหนุ่มโต้ ขณะที่รอนจ้องเขากลับอย่างโกรธเคือง แวบหนึ่งเดรโกคิดว่ารอนคงจะต่อยเขาลงไปกองกับพื้นหรือไม่ก็สาปเขาให้กลายเป็นตัวเฟเร็ตอีกรอบ แต่เมื่อผ่านไปราว ๆ หนึ่งนาที เดรโกก็พบว่าเขาคิดผิด เพราะรอนไม่ได้ทำอย่างที่เขาคิดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามชายหนุ่มกลับมีท่าทีที่เย็นลงอย่างน่าประหลาด
รอนเดินกลับไปที่ชุดรับแขกอีกครั้ง เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังราคาแพงของเดรโกอย่างแรงก่อนจะหันกลับมามองเจ้าของของมัน
“แล้วนายจะทำยังไงต่อไป นายจะโกหกเธอไปเรื่อย ๆ อย่างนี้น่ะเหรอ” ชายหนุ่มผมแดงถามขึ้น
“ใช่ ฉันจะโกหกเธอต่อไปในคำพูดของนาย แต่ถ้าในนิยามของฉันคือฉันจะทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าฉันจะต้องหลอกลวงเธอก็ตาม” เดรโกพูดออกมา แววตาของเขาดูเด็ดเดี่ยวยิ่งนักยามจ้องมองไปยังเพื่อนรักของเขาที่บัดนี้เดรโกเองก็ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มจะยังนับเขาเป็นเพื่อนอยู่อีกรึเปล่า
รอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาอีกหน มันดูแปลกประหลาดไม่น้อยสำหรับเดรโกที่ได้เห็นรอยยิ้มแบบที่เขาชอบทำประจำในสมัยก่อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรอน ชายหนุ่มผมแดงพูดขึ้นช้า ๆ
“ทั้ง ๆ ที่นายรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าวันนึงเธอจำทุกอย่างได้ขึ้นมา เธอจะเกลียดนายไปตลอดชีวิตเนี่ยนะ” คำพูดของรอนทิ่มแทงใจดำของชายหนุ่มราวกับเหล็กอันแหลมคมที่เจาะทะลุร่าง เหมือนรอนต้องการจะบอกเดรโกว่ามันคุ้มแล้วหรือกับการเสี่ยงที่จะถูกผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักเกลียดชังไปตลอดชีวิตเพียงเพื่อแลกมากับการเป็นเจ้าของเธอแค่เวลาสั้น ๆ เท่านั้น
“ถึงมันจะเสี่ยงอยู่มาก” เดรโกเบ้หน้าเมื่อเขานึกตามที่รอนพูด ชายหนุ่มนึกถึงเฮอร์ไมโอนี่ที่เกลียดชังเขามากกว่าตอนที่พวกเขาเป็นศัตรูกันสมัยอยู่ที่ฮอกวอตส์ และเดรโกก็พบว่าความคิดนั้นมันไม่น่ารื่นรมย์เลยแม้แต่น้อย “แต่สิ่งที่ได้มามันก็คุ้มค่ากับที่จะเสี่ยง” เขาเปลี่ยนไปนึกถึงใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เมื่อตอนอยู่ที่โรงพยาบาล นึกถึงรอยยิ้มสดใสของเธอ รอยยิ้มที่เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“งั้นก็ตามใจนาย” รอนพูด น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง “แต่ฉันเตือนนายไว้แล้วนะ ว่าถ้าความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่กลับมาเมื่อไหร่....”
“เธอจะเกลียดชังฉันไปจนชั่วชีวิต ข้อนั้นฉันรู้ดี” เดรโกต่อให้ “แต่ฉันก็อยากจะลองเสี่ยงดู และฉันก็สัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดีที่สุด ฉันจะทำให้เธอมีความสุขที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้” เขาพูดออกมา
“นายไม่ต้องมาบอกฉันหรอกเดรโก แต่นายต้องพิสูจน์เองว่านายจะทำได้จริงอย่างที่นายพูดรึเปล่า อีกอย่างฉันก็ไม่เห็นว่าการหลอกลวงเธอแบบนี้จะทำให้เฮอร์ไมโอนี่มีความสุขอย่างแท้จริงได้หรอก” ชายหนุ่มผมแดงพูดขึ้น และนี่เป็นอีกครั้งที่คำพูดของรอนเชือดเฉือนจิตใจของเดรโก แต่เขาไม่ได้โต้เถียงอะไรออกไป จนกระทั่งรอนลุกขึ้นจากโซฟา
“ฉันจะกลับแล้ว” เขาพูดออกมาสั้น ๆ ขณะที่เดรโกพยักหน้าเบา ๆ และเดินมาส่งรอนที่ประตู
แต่ก่อนจะออกจากคอนโดของชายหนุ่ม รอนก็ยังไม่ลืมที่จะทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ซึ่งบอกเดรโกว่ารอนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขาเพียงใด
“ฉันจะรอวันที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ความจริงทั้งหมด เดรโก ฉันจะรอวันที่เธอเกลียดชังนายอย่างที่เธอไม่เคยเกลียดใครมาก่อน” แม้เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ดวงตาสีอ่อนของรอนกลับบอกชายหนุ่มตรงหน้าว่าเขาจริงจังกับคำพูดนี้มากแค่ไหน
“ฉันเองก็จะภาวนาไม่ให้วันนั้นมาถึง รอน” เดรโกพูดขึ้นก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง


*************************************************




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2552    
Last Update : 27 ตุลาคม 2552 20:34:46 น.
Counter : 683 Pageviews.  

Meanness : Chapter 2 The Liar



หลังจากวันนั้นเดรโกก็แวะมาเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่หลังเลิกงานทุกวัน จนเวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์ตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลมา เดรโกรู้สึกโชคดีที่รอนต้องไปต่างประเทศเพราะเรื่องงาน เขาจึงมาเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ แต่เดรโกก็ได้เขียนจดหมายบอกถึงอาการของเธอไปให้รอนฟังแล้ว และรอนก็ตอบกลับมาว่าเขาจะพยายามกลับมาอังกฤษให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นเดรโกก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดกับรอนอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่เขาหลอกลวงเฮอร์ไมโอนี่
เดรโกมาถึงห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับดอกกุหลาบช่อใหญ่ในอ้อมแขนตามปรกติ เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงโดยมีผู้บำบัดดูแลอยู่
“สวัสดีค่ะคุณมัลฟอย” ผู้บำบัดของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นหญิงสาวผมบลอนด์ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ทักเดรโกอย่างเป็นมิตร “คุณเกรนเจอร์คะ คุณมัลฟอยมาเยี่ยม”
“เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด ยิ้มให้เขาและหันไปพูดกับผู้บำบัด “ขอบใจนะคะ มารี”
“ค่ะ ฉันจะปล่อยให้พวกคุณคุยกันเงียบ ๆ นะคะ” มารีพูดและเดินออกจากห้องไป เดรโกจึงมานั่งแทนที่เธอ
“เป็นอย่างไรบ้าง” เขาถาม และยื่นช่อดอกไม้ให้เธอ
“ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณ” เธอยิ้มหวาน และรับดอกไม้ไปดม “ความจริงเธอไม่ต้องซื้อมาทุกครั้งก็ได้ รู้ไหมว่ามารีบอกว่าที่นี่จะกลายเป็นร้านดอกไม้อยู่แล้วถ้าเธอไม่หยุดเอามันมาทุกครั้งที่มาเยี่ยมฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูด มองไปรอบ ๆ ห้อง บนโต๊ะข้างเตียงมีแจกันที่ใส่ดอกทิวลิปสีชมพูอยู่ อีกมุมหนึ่งมีช่อดอกลิลลี่ตั้งแต่เมื่อวาน และบนโต๊ะอีกตัวก็มีดอกกุหลาบขาวของเมื่อวันก่อน
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ฉันอยากให้เธอ” เขายิ้ม “ดีขึ้นเยอะแล้วใช่ไหม เธอคงจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็ว ๆ นี้แน่ ๆ ” สีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่สลดลง
“ถ้าฉันออกจากโรงพยาบาลไปแล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำฉันอาศัยอยู่ที่ไหน” เธอพูดด้วยท่าทางกังวล
“ไม่เอาน่า ใช่ว่าเธอจะไม่มีที่ไปเสียหน่อย ฉันบอกเธอไปแล้วนี่ว่าเธอมีคอนโดอยู่ที่ในลอนดอน” เดรโกอธิบาย
“แต่เธอบอกว่าพ่อกับแม่ของฉันตายหมดแล้วนี่ แล้วตลอดเวลาที่ฉันอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมฉันเลยนอกจากเธอ ฉันไม่รู้ว่าถ้ากลับไปแล้วฉันจะอยู่คนเดียวได้ไหม” เธอพูดอย่างเศร้าสร้อย น้ำตาเริ่มคลอเอ่อดวงตา
“อย่าคิดมาก ถ้าเธอไม่มีใครเธอไปอยู่กับฉันก็ได้นี่ ฉันรับเธอไปอยู่ด้วยก็ได้” เดรโกเสนอ ความจริงที่ไม่มีเพื่อน ๆ คนอื่นมาเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่เลยตั้งแต่เธอฟื้นก็เพราะว่าเดรโกกลัวว่าแขกที่มาเยี่ยมเธอคนใดคนหนึ่งอาจจะเอ่ยถึงชื่อของแฮร์รี่ออกมาให้เธอได้ยิน หรืออาจจะบอกเธอว่าเขาไม่ใช่คนรักของเธอ ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เดรโกเลยบอกคนอื่น ๆ ไปว่าสภาพจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่ไม่สู้ดีนัก และผู้บำบัดไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยมยกเว้นคนที่ใกล้ชิดเท่านั้น
“ฉันไปอยู่กับเธอได้หรือ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเหมือนเด็ก ๆ เดรโกยิ้ม
“ได้สิ อย่าลืมสิว่าเราเป็นอะไรกัน” เดรโกพูดและจูบเธอที่หน้าผาก เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง “เธอสัญญาแล้วนะว่าจะไปอยู่กับฉัน” เขากระซิบ หญิงสาวยิ้ม แม้ว่าเธอจะจำไม่ได้สักนิดว่าเขาและเธอเคยรักกัน แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขา เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนเดียวที่ห่วงใยเธอ
“อื้อ ฉันจะไปอยู่กับเธอ” เฮอร์ไมโอนี่รับคำ เดรโกมองเธออย่างรักใคร่
“ฉันรักเธอ” เขาพูด เอามือทั้งสองประคองหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้และก้มลงไปจูบเธอ

.................................................

“คุณ คุณคะ กรุณาอย่าวิ่งบนทางเดินค่ะ!”
“เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหน เธออยู่ที่ไหน!”
“คุณเกรนเจอร์พักอยู่ห้องสามศูนย์ห้าค่ะ คุณคะ ใจเย็น ๆ ก่อน!”
ประตูห้องเปิดออกอย่างแรงเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มแดงคนหนึ่ง เขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อย นัยต์ตาของเขาจ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวที่อยู่บนเตียง
“เฮอร์ไมโอนี่!” รอนร้องและรีบเข้าไปหาเธอ “เฮอร์ไมโอนี่ เธอปลอดภัย!” เธอมองรอนด้วยแววตาแปลกประหลาด ผู้บำบัดรีบตรงเข้ามาหารอนทันที
“คุณคะ มีบางอย่างที่คุณควรทราบค่ะ” เธอกล่าวอย่างดุ ๆ และดึงแขนรอนไว้ แต่เขาไม่สน
“ผมต้องการพบเพื่อนของผม ไม่เห็นน่ามีอะไรเสียหายนี่” รอนพูด และหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง
“ฉันนึกว่าเธอ... ดีใจจริง ๆ ที่เธอฟื้นขึ้นมาเสียที ความจริงฉันอยากมาเยี่ยมเธอเร็วกว่านี้ แต่เป็นเพราะฉันติดงานอยู่ที่อัลบาเนีย เธอก็รู้ว่าพวกเรานำกำลังคนเข้าค้นหาร่างของแฮร์ร...” รอนพูดอย่างรัวเร็ว
“รอน!” เสียงหนึ่งดังมาจากประตู ทุกคนที่อยู่ในห้องหันไปมอง เดรโกกำลังยืนอยู่ที่นั่น
“เดรโก!”
“นายมาทำอะไรที่นี่” เขาถามเสียงสั่น มองดูเพื่อนของเขาและหญิงสาวที่เขารักอย่างหวาดหวั่น
“ฉันก็มาเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่น่ะสิ ฉันอุตส่าห์รีบกลับมาจากอัลบาเนียทีเดียวนะ แต่พวกเราที่เหลือยังคงค้นหาเขาอยู่ แต่เราไม่อยากหวังอะไรมากนัก เพราะนี่ก็ผ่านมาตั้งสิบวันแล้วเรายังไม่พบร่างของเขาเลย” สีหน้าของรอนสลดลง แววตาของเขาดูเศร้าหมองเมื่อต้องเอ่ยถึงเพื่อนรักที่เพิ่งจากไป
“แต่ถึงยังไงเฮอร์ไมโอนี่ก็ฟื้นขึ้นแล้ว นับว่าทุกอย่างก็ไม่เลวร้ายไปเสียหมด” รอนพึมพำและมองเพื่อนรักของเขาอีกคนหนึ่ง แต่แววตาที่เธอจ้องเขากลับมานั้นมันดูไม่เหมือนแววตาของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอมองเขาราวกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“รอน ฉันคิดว่ามีเรื่องที่นายควรจะรู้” เดรโกพูดเรียบ ๆ เขามองมาที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างระแวง
“เรื่องอะไรหรือ” รอนถาม มีท่าทีวิตกเล็กน้อย “นายมีอะไรจะคุยกับฉัน”
“เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” เขาพูด พยายามพารอนออกนอกห้อง
“เดรโก...” เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขา เดรโกมองเธอแวบหนึ่ง
“เดี๋ยวฉันกลับมา” เขาบอก “มารีฝากดูแลเธอก่อนนะ” เดรโกพูดและเดินออกจากห้องไป
“นี่มันอะไรกันเดรโก” รอนพูดเมื่อพวกเขาออกมานอกห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่ “มีเรื่องอะไรสำคัญมากนักหรือ เมื่อกี๊ผู้บำบัดก็พยายามห้ามฉันเข้าไปเยี่ยมเธอครั้งหนึ่งแล้ว แล้วตอนนี้ก็นาย”
“ฟังนะรอน มันอาจจะยากที่จะยอมรับ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว แล้วฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อนหน้านี้” เดรโกเอ่ยอย่างเคร่างเครียดแล้วเล่าเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่สูญเสียความทรงจำให้รอนฟัง
“ไม่จริง!” รอนร้องหลังจากที่เดรโกเล่าจบ “นายว่าเธอจำเราไม่ได้งั้นเหรอ”
“ใช่ เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง” เดรโกตอบเรียบ ๆ
“แล้วเรื่องอื่นล่ะ แฮร์รี่ล่ะ” รอนถาม เดรโกนิ่งเงียบ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและหยิบแหวนของแฮร์รี่ขึ้นมา
“ตอนเธอฟื้นขึ้นมาฉันเอานี่มาให้เธอดู” เขาพูด “แต่เธอจำมันไม่ได้” รอนดูหมดแรงทันทีหลังจากที่เดรโกพูดจบ ถ้าเฮอร์ไมโอนี่ลืมแม้กระทั่งแหวนวงนี้ ก็ไม่มีทางที่เธอจะจดจำเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับคนรักของเธอได้
“แล้วเธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรือเปล่า เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร” รอนถามอีกครั้ง
“ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังไปแล้ว แต่ฉันเลือกเล่าเพียงบางส่วนเท่านั้น” เดรโกตอบเขา
“นายหมายความว่ายังไงเดรโก” รอนถาม เดรโกมีท่าทีกังวล แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังรอน ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรู้เข้าสักวัน
“ฉันไม่ได้บอกเธอเรื่องแฮร์รี่” เดรโกสารภาพ
“นายบ้าไปแล้วหรือ ทำไมนายถึงไม่บอกเธอ!” รอนร้อง
“ก็เพราะฉันไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะบอกเธอว่าเธอเพิ่งสูญเสียคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันน่ะสิ” เดรโกสวน “นายคิดว่าจะมีประโยชน์อะไรที่จะบอกเธอหรือ มันมีแต่จะทำให้เธอเสียใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่”
“แต่นายควรบอกความจริงกับเธอนะ” รอนร้อง
“แล้วถ้าเธอเกิดฟุ้งซ่านขึ้นมาล่ะ ถ้าเกิดมันไปกระทบกระเทือนจิตใจของเธอขึ้นมาล่ะ แล้วนายจะทำอย่างไร” เดรโกพูดเสียงดัง
“แต่เธอมีสิทธิ์จะรู้เรื่องทุกอย่าง อย่างน้อยก็ดีกว่าเราปิดบังเธอ” รอนแย้ง
“ถึงบอกไปเธอก็จำเขาไม่ได้ แฮร์รี่ตายไปแล้วนะรอน เขาตายจากเธอไปแล้ว” เดรโกเถียง เขาเน้นย้ำประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจน
“แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังอยู่ในใจของเธอ” รอนพูด “ถึงเขาจะตายไปแล้วแต่แฮร์รี่ก็ยังคงอยู่ในใจของเฮอร์ไมโอนี่”
“เธอลืมเขาไปแล้ว” เดรโกพูดเรียบ ๆ
“เธอไม่ได้ต้องการลืมเขาเลย แต่นายต้องการให้เธอจำเขาไม่ได้!” รอนโต้ ใบหน้าของเขาเป็นสีแดง พวกเขาเถียงกันเสียงดังจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาหันมามอง
“แต่ถ้าการที่เธอลืมเขาแล้วมันทำให้เธอมีความสุขฉันก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แฮร์รี่จากไปแล้ว และฉันก็เป็นคนที่จะดูแลเฮอร์ไมโอนี่ต่อจากนี้ ฉันจะทำให้เธอมีความสุข” เดรโกพูดอย่างมุ่งมั่น
“แต่ความสุขของเธอต้องมาจากการหลอกลวงของนายน่ะหรือเดรโก นายคิดอะไรของนายกันแน่” รอนพูดอย่างผิดหวัง เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้เพื่อนของเขากลายเป็นแบบนี้ได้
“ฉันจะทำให้เธอมีความสุขแม้ฉันจะต้องหลอกลวงเธอ แต่ฉันก็จะทำ นายไม่มาเป็นฉัน นายไม่มีวันเข้าใจหรอกรอน นายไม่มีวันเข้าใจฉัน” เดรโกพูดอย่างตัดพ้อ
“ใช่ ฉันอาจจะไม่เข้าใจนาย” รอนพูด เขาทั้งสองจ้องหน้ากันเนิ่นนาน
“ฉันขอเป็นคนดูแลเธอเองได้ไหม ฉันขอนายเท่านี้” เดรโกพูด รอนมีท่าทีครุ่นคิด
“ก็ตามใจนาย แต่ฉันขอเตือนนายไว้อย่างนะ ว่าวันที่เธอรู้ความจริง หรือวันที่ความทรงจำของเธอกลับมา เธอจะเกลียดนายไปชั่วชีวิต” รอนพูดก่อนจะเดินจากเขาไปโดยไม่หันมามอง และไม่กลับเข้าไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง เดรโกทรุดตัวลงพิงกำแพงอย่างหมดแรง เขาไม่ได้ทะเลาะกับรอนรุนแรงเท่านี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจะยืนยันคำพูดเดิม ถึงจะเป็นอย่างไร ถึงจะต้องทำผิดแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไปเด็ดขาด

.................................................

หลายวันผ่านไปรอนก็ยังคงไม่มาเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ เดรโกได้ยินมาว่าเขาเดินทางกลับไปอัลบาเนียอีกครั้งเพื่อค้นหาร่างของแฮร์รี่ โดยไม่บอกกล่าวเดรโกสักคำเดียว
หลังจากวันที่รอนกลับไปนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ถามเดรโกถึงเรื่องของเขา เดรโกจึงต้องจำใจโกหกเธอไปว่าที่รอนรีบกลับไปวันนั้นไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ แต่เพราะว่าเขามีธุระที่ต้องรีบไปทำ เฮอร์ไมโอนี่ก็ดูจะเข้าใจในสิ่งที่เดรโกพูดดี แต่ก็มีหลายครั้งที่เดรโกต้องจำใจเล่าเรื่องของรอนให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังตามที่เธอขอร้อง เพื่อให้หญิงสาวคลายความสงสัย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วชายหนุ่มไม่อยากเอ่ยชื่อของรอนให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย เพราะเขากลัวว่าถ้าหากว่าเขาเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟังมากเกินไป เฮอร์ไมโอนี่อาจจะจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้

ภายในห้องพักผู้ป่วยที่เซนต์มังก์โก เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง หลายวันนี้อาการของเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับจนผู้บำบัดพอใจ และคิดว่าน่าจะให้เฮอร์ไมโอนี่กลับบ้านได้ในเร็ววัน
เดรโกเดินเข้ามาบนในห้องพร้อมกับถ้วยที่บรรจุรังนกร้อน ๆ ซึ่งเขาสั่งให้เอล์ฟเตรียมมาจากบ้าน ชายหนุ่มวางมันลงบนโต๊ะข้างเตียงของเฮอร์ไมโอนี่ หญิงสาววางหนังสือในมือและหันมาหาเขา
“ทำไมเธอถึงยกมาเองล่ะเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย เพราะปรกติอาหารหรือยาต่าง ๆ ผู้บำบัดจะเป็นคนเอามาให้เธอทาน “อีกอย่างฉันก็ทานยาไปแล้วนะ”
“เปล่า นี่เป็นรังนกที่เอามาจากบ้าน แล้วไปขอยืมถ้วยชามของโรงพยาบาลเขาน่ะ” เดรโกตอบพลางถือถ้วยไว้ในมือ
“เธอยังไม่หายดี ควรจะบำรุงเยอะ ๆ หน่อย มาทานนี่ก่อนเถอะ” เขาว่าพลางใช้ช้อนตักรังนกป้อนใส่ปากเฮอร์ไมโอนี่ และหญิงสาวก็ยอมทานมันโดยดี เพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำอย่างนี้ ทุกครั้งที่มัลฟอยมาเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ เขาจะเป็นคนป้อนอาหารและยาให้เฮอร์ไมโอนี่เองกับมือ แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะหายดีพอจะทานได้ด้วยตัวเองแล้วก็ตาม
“เป็นยังไงบ้าง” เดรโกถามพลางตักรังนกขึ้นมาอีกคำ
“อร่อยดีนะ เธอทำเองเหรอเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ก็ทำนองนั้นน่ะ” ชายหนุ่มพูดและป้อนรังนกเข้าปากเธอ โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้หรอกว่าเขาต้องเกณท์เอล์ฟมากถึงหกตัวกว่าจะปรุงยาบำรุงสูตรนี้ออกมาได้
“อ้อ จริงสิ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้เธอฟังน่ะเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “เมื่อคืนฉันฝันถึงรอนด้วย” เธอพูดขึ้นมา และหญิงสาวก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของชายหนุ่มดูซีดเผือดลงทันตา
“เป็นอะไรรึเปล่าเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถาม เขาส่ายหน้า
“เปล่า เธอฝันว่าอะไรเหรอเฮอร์ไมโอนี่” เดรโกถามขึ้นอย่างหวาดหวั่น แต่เขาก็ยังบังคับน้ำเสียงให้ดูราบเรียบเช่นเดิมได้
“ฉันฝันว่าฉันกับรอน แล้วก็มีคนอื่นๆ ไปทำอะไรในสถานที่หนึ่งน่ะ ฉันก็จำไม่ค่อยได้นะ แต่ฉันจำได้ว่ามันเป็นระเบียงทางเดินยาว ๆ ฉันกับรอนเดินตามเด็กผู้ชายคนหนึ่งไปจนสุดระเบียง ฉันไม่เห็นหน้าเด็กคนที่เดินนำหรอกนะ แต่ฉันจำได้ว่าเขามีผมสีดำ” เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เล่าถึงตรงนั้นเดรโกก็ปล่อยช้อนลงจากมือ
“ตายจริง!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อช้อนกระเบื้องหล่นลงกับพื้น แตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างเป็นห่วง ในขณะที่ใบหน้าของชายหนุ่มขาวซีดราวกับกระดาษ
“เปล่าไม่เป็นไร” เขาบอกปัด ทั้งที่จริง ๆ แล้วหัวใจของเขาแกว่งวูบยามเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดถึงเด็กหนุ่มผมดำ
“แต่ว่าหน้าเธอซีดมากเลยนะ ไปให้ผู้บำบัดตรวจหน่อยดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้อง!” เดรโกเผลอขึ้นเสียงกับเธอขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก และมองเขาอย่างหวาด ๆ จนกระทั่งเดรโกได้เห็นสายตาของหญิงสาว ชายหนุ่มจึงรู้ตัวว่าเขาพูดกับเธอแรงเกินไป ทั้ง ๆ ที่เฮอร์ไมโอนี่แค่เป็นห่วงเขาเท่านั้น
“ฉันขอโทษเฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูดพลางคว้าร่างของหญิงสาวมาโอบกอด “ฉันขอโทษ ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะ” ชายหนุ่มว่า เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ
“แล้วเรื่องความฝันของฉันล่ะ เดรโก เธอพอจะรู้บ้างไหมว่ามันคืออะไร ใช่ส่วนหนึ่งของความทรงจำของฉันหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถาม เดรโกเม้มปาก เขารู้ดีว่าสิ่งที่เธอฝันเห็นนั้นคือทางเดินในกองปริศนาที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเพื่อน ๆ ของเขาถูกล่อลวงไปที่นั่น แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่มีวันบอกเธอเรื่องนี้เป็นอันขาด เขาจะไม่มีวันให้เธอจำอะไรได้อย่างทั้งนั้น โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ชื่อแฮร์รี่ พอตเตอร์!
“ไม่ใช่หรอก เธอคงฝันไปเองมากกว่า” เดรโกปด เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา
“แต่ความฝันนั้นมันเหมือนจริงมากเลยนะ และตอนนี้นฉันกับรอนก็น่าจะยังเรียนอยู่ด้วย ฉันเห็นเขาสวมเสื้อคลุมสีดำที่มีตราคล้าย ๆ กับตราโรงเรียนอยู่” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง ในขณะที่เดรโกมองเข้าไปในแววตาของเธอ
“ฉันไม่เคยได้ยินว่าเธอกับรอนไปทำอะไรในที่แบบนั้น ฉันแน่ใจว่าที่เธอฝันมันไม่ใช่ความทรงจำ แต่คงเป็นเพราะเธอคิดถึงรอนมากเกินไปก็เท่านั้น” เดรโกพูดตัดบท
“แต่เด็กผู้ชายผมดำคนนั้นล่ะ ที่ฉันฝันเห็นน่ะ เขาเป็นใครกัน” เฮอร์ไมโอนี่เถียงอีกครั้ง เดรโกกอดร่างเธอไว้แน่น
“นอกจากฉันกับรอน เธอก็ไม่มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายอีกแล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้ชายผมดำที่เธอว่า ฉันมั่นใจว่าเขามีตัวตนแค่ในความฝันของเธอเท่านั้น” เดรโกพูดอย่างหนักแน่น เฮอร์ไมโอนี่ยอมคล้อยตามที่เขาพูด แต่อีกใจหนึ่งหญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมนะ ด้านหลังของเด็กผู้ชายคนนั้นถึงได้ดูคุ้นเคยอย่างประหลาด

.................................................

หลายวันต่อมา อาการของเฮอร์ไมโอนี่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่น่าพอใจ และผู้บำบัดก็บอกว่าร่างกายของเธอแข็งแรงพอที่จะกลับบ้านในอีกสองวันได้แล้ว ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นเดรโกจึงจัดแจงส่งนกฮูกไปที่คฤหาสน์ของเขา สั่งให้พวกเอล์ฟทำความสะอาดบ้านรอต้อนรับเขาและเฮอร์ไมโอนี่ เพราะตั้งแต่พ่อและแม่ของเดรโกถูกสังหาร และเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาคีนกฟีนิกซ์แล้วเดรโกก็ไม่เคยกลับไปที่คฤหาสน์ของเขาอีกเลย เพราะเขามีความหลังฝังใจกับมัน ซึ่งเป็นที่ ๆ พ่อกับแม่ของเขาสิ้นใจ
เด็กหนุ่มจึงย้ายมาอยู่คอนโดใจกลางลอนดอนแทน เพื่อที่เขาจะได้ไปมาระหว่างที่ทำงานกับที่ตั้งภาคีอย่างสะดวก แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่เดรโกส่งจดหมายไปที่บ้านเพื่อเรียกตัวเอล์ฟประจำบ้านมารับใช้และทำความสะอาดคอนโดของเขา แต่เมื่อเขามีเพื่อนรักอย่างเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งเกลียดการใช้แรงงานพวกเอล์ฟอย่างไร้ความยุติธรรม เขาจึงเลิกให้เอล์ฟมารับใช้และเปลี่ยนไปทำความสะอาดห้องเองแทน [ โถ เดรโกหมดคราบคุณชายกันพอดีo_O ]
แต่ที่ตอนนี้เขาสั่งให้เอล์ฟทำความสะอาดคฤหาสน์ก็เพราะเขาต้องการจะพาเฮอร์ไมโอนี่กลับไปอยู่ที่นั่น เพราะถ้าเขาพาเธอกลับคอนโดที่ลอนดอน เพื่อน ๆ มือปราบมารคนอื่นๆ อาจจะตามมาที่นั่นได้ โดยเฉพาะรอนที่ดูเหมือนจะไม่พอใจการกระทำของเดรโกในครั้งนี้เสียเท่าไหร่นัก เขาจึงคิดว่าการนำเฮอร์ไมโอนี่กลับไปอยู่ที่คฤหาสน์นั้นเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะมีน้อยคนนักที่จะรู้ที่ตั้งของคฤหาสน์มัลฟอย แม้แต่เพื่อนรักของเขาอย่างรอนกับแฮร์รี่ยังไม่เคยมาเหยียบบ้านหลังนี้เลยสักครั้ง
ก่อนที่เดรโกจะพาเฮอร์ไมโอนี่กลับบ้านเขาส่งจดหมายไปหารอนเพื่อนรักของเขา เพื่อบอกเธอว่าเขาจะพาเฮอร์ไมโอนี่กลับบ้านในอีกสองวัน และหลังจากนั้นเขาจะเป็นคนดูแลเธอเอง แม้เดรโกจะไม่อยากบอกรอนเพียงใดว่าเขาจะพาเฮอร์ไมโอนี่ไปไหน แต่จะให้เขาพาเธอออกจากโรงพยาบาลไปเฉย ๆ โดยไม่บอกอะไรมันคงดูไม่ดีสักเท่าไหร่นัก ถึงอย่างไรรอนก็ยังเป็นเพื่อนของเขาอยู่ แม้ว่าตัวรอนเองอาจจะไม่คิดเช่นนั้นอีกแล้วก็ตาม
หลังจากที่เดรโกส่งจดหมายไปหารอนซึ่งรับหน้าที่ค้นหาร่างของแฮร์รี่อยู่ที่อัลบาเนีย โดยใจความในจดหมายที่เดรโกเขียนถึงรอนมีดังนี้

ถึง รอน วีสลีย์

ตอนที่นายได้รับจดหมายนี้ฉันคิดว่านายคงอยู่ที่อัลบาเนียและกำลังระดมกำลังคนค้นหาร่างของแฮร์รี่อยู่ ฉันรู้ดีว่านายคงยังโกรธฉันเรื่องที่ฉันปิดบังเฮอร์ไมโอนี่เรื่องของแฮร์รี่อยู่ และฉันก็ไม่ได้เขียนจดหมายมาเพื่อบอกให้นายยกโทษให้ฉันหรอกนะ เพียงแต่ฉันแค่อยากให้นายรู้ว่าตอนนี้อาการของเฮอร์ไมโอนี่ดีขึ้นมากแล้ว ถึงแม้ว่าความทรงจำของเธอจะยังไม่กลับมาก็ตาม แต่ผู้บำบัดก็อนุญาติให้เธอกลับบ้านได้ในอีกสองวัน แต่พอพูดถึงเรื่องกลับบ้านเฮอร์ไมโอนี่ก็กังวลขึ้นมาทันที เพราะถ้าเธอกลับไปที่คอนโดของเธอที่ลอนดอนเธอก็ต้องอยู่คนเดียวและถ้าเธออยู่คนเดียวอาจจะคิดฟุ้งซ่านอะไรขึ้นมา ฉันปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่ได้รอน ฉันจะต้องดูแลเธออย่างดีที่สุด เพราะฉะนั้นฉันเลยตัดสินใจว่าฉันจะเอาเธอไปอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน ฉันรู้ดีว่านายจะรู้สึกอย่างไรเมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้จบ แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะดูแลเธอเอง และฉันจะไม่ยอมให้เธอเสียใจอีกเป็นอันขาด ฉันคิดว่านายควรจะมาเยี่ยมเธอก่อนเธอออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันนะรอน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากให้นายมาก็เถอะ แต่เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่ถามถึงนาย ฉันว่านายควรมาเยี่ยมเธอซักครั้งเพื่อความสบายใจของเธอเองด้วย ฉันหวังว่านายจะมานะ

จาก เดรโก มัลฟอย

หลังจากที่เดรโกส่งจดหมายไปได้ไม่ถึงวัน รอนก็รีบกลับมาที่อังกฤษทันที แต่ไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด เพราะรอนตรงมาหาเดรโกที่คอนโดในกลางดึกทันทีที่เขากลับมาถึงอังกฤษ

.................................................

เสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงดังขึ้นที่หน้าห้องของเดรโก เสียงนั้นปลุกชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล เขางัวเงียขึ้นจากเตียงและเดินโซเซจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่นชายหนุ่มเอามือคลำที่สวิตซ์ข้าง ๆ ประตูห้อง ไฟในห้องสว่างพรึ่บขึ้นมาทันที
เสียงเคาะประตูยังคงดังปึงปังมาจากอีกด้านของประตูอย่างไม่เกรงอกเกรงใจคนข้างห้อง เป็นเหตุให้เดรโกรับรู้ถึงความร้อนใจของผู้มาเยือน ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าคอนโด เขาต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อปรับสายตาที่พร่ามัวให้ชินกับแสงสว่างภายในห้องก่อนทีจะเอื้อมมือไปคว้าลูกบิด
ประตูเปิดออก เผยให้เห็นโฉมหน้าของแขกผู้มาเยือน เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
รอนยืนอยู่หน้าห้องของเดรโกด้วยท่าทีที่มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าเขารีบร้อนกลับมาเพียงใด แต่ที่แปลกก็คือหูของชายหนุ่มนั้นกลายเป็นสีแดงเช่นเดียวกับผมของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันบอกถึงโทสะที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา
“นายหมายความว่ายังไง!” รอนพูดพลางชูจดหมายในมือให้เดรโกดู แน่นอน มันเป็นจดหมายที้เขาส่งให้รอนเมื่อวันก่อน “นายหมายความว่ายังไงเดรโก!” รอนพูดเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร เดรโกมองเขาด้วยแววตาสีเงินที่ดูไร้ความรู้สึก
“ฉันว่านายเข้ามาก่อนดีไหม” เดรโกพูดพลางหลีกทางให้รอนเข้ามาในห้อง รอนส่ายศีรษะอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ชายหนุ่มผมแดงทิ้งตัวลงบนโซฟาหนานุ่มอย่างหงุดหงิด ในขณะที่เดรโกนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเขาด้วยท่าทีสบาย ๆ ชายหนุ่มผมบลอนด์หยิบไม้กายสิทธิ์มาจากด้านในชุดนอน แล้วโบกทีหนึ่งก็เกิดเสียงกุกกักขึ้นมาจากในครัว กาน้ำชาเริ่มรินน้ำชาใส่ถ้วย และในไม่ช้าถ้วยน้ำชาสองถ้วยก็ลอยข้ามห้องมาอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งประจันหน้ากันอยู่
เดรโกผายมือในเชิงเชื้อเชิญ รอนจึงต้องหยิบน้ำชามาจิบอย่างเสียไม่ได้ พลางคิดในใจว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการณ์ไหนเดรโกก็ยังคงรักษามาดคุณชายของเขาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
รอนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะข้าง ๆ จดหมายที่เดรโกเขียนมาถึงเขา ซึ่งบัดนี้มันยับยู่ยี่ราวกับถูกขยำอย่างแรง เดรโกมองมาทางรอนอย่างพิจารณา และจากการสังเกตุของเขา เดรโกคิดว่ารอนอารมณ์เย็นลงแล้ว
“นายหมายความว่ายังไงที่นายจะเอาเฮอร์ไมโอนี่ไปอยู่ด้วยน่ะ” รอนพูดขึ้น เขาประสานมือทั้งสองไว้ที่เข่า
“ฉันก็หมายความตามนั้น” เดรโกพูด “คือฉันจะเอาเฮอร์ไมโอนี่ไปอยู่ด้วย เพราะว่าตอนนี้ฉันเป็นคนดูแลเธอ ฉันปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่ได้” เขาบอก
“แล้วทำไมนายต้องเอาเธอกลับคฤหาสน์ด้วยล่ะ นายเอาเธอมาอยู่ที่นี่ก็ได้นี่ เว้นแต่ว่า.......” เสียงของรอนขาดหายไปราวกับเขานึกอะไรบางอย่างออก
“เว้นแต่ว่าฉันจะไม่อยากให้ใครเจอเธอใช่ไหม” เดรโกพูดต่อด้วยสีหน้าปรกติที่สุด ทั้ง ๆ ที่รอนเองก็ตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น
“ฉันยอมรับว่าฉันคิดอย่างนั้น ฉันไม่อยากให้ใครเจอเธอ ไม่อยากให้ใครมาพูดเรื่องอดีตของเธอให้ฟัง เพราะฉันกลัวว่าเธอจะจำเรื่องที่ผ่านมาได้” เดรโกสารภาพออกมาตามตรง เขาจ้องมองรอนที่มองมาทางเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาด้วยแววตาที่แลดูเหม่อลอย
“แล้วนายกำลังจะถามฉันว่าทำไมฉันถึงทำอย่างนั้นใช่ไหม ทั้ง ๆ ที่นายเองก็น่าจะรู้ดีนี่” เดรโกพูดขึ้น รอนกลืนน้ำลายด้วยท่าทีหนักใจ ใช่ เขารู้ดีว่าเดรโกหลงรักเฮอร์ไมโอนี่มาตลอด ตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้หรอก แต่รอนเพิ่งดูออกหลังจากที่พวกเขาเป็นเพื่อนกับเดรโกมาได้เป็นปีแล้ว และสิ่งที่ทำให้รอนรู้นั้นก็ไม่ใช่สิ่งใดเลย รอนรู้ความในใจของเดรโกก็เพราะเขาสังเกตุเห็นว่าสายตาของเดรโกยามมองเฮอร์ไมโอนี่นั้นมันมีความหมายมากเกินกว่าสายตาที่ใช้มองคนที่เป็นเพื่อน โดยเฉพาะตอนที่เธออยู่กับแฮร์รี่ รอนรู้ได้เลยว่าสายตาที่เดรโกใช้มองทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจนเขายังรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วยเลย แต่จะไม่ให้เจ็บปวดตามได้อย่างไรเล่าในเมื่อตอนนั้นรอนเองก็ตกอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างกับเดรโกซักเท่าไหร่เลย!
ใช่แล้ว รอนเองก็เป็นคนหนึ่งที่หลงรักเฮอร์ไมโอนี่ เขารักเธอมานานมากแล้ว นายเสียจนรอนเองก็จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ และดูแล้วบางครั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็เหมือนจะมีใจให้เขาบ้าง แต่จนในที่สุดแล้วรอนก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดมาตลอด เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้คิดกับเขาเกินคำว่าเพื่อนเลย หนำซ้ำคนที่เธอหลงรักยังเป็นเพื่อนรักของรอนเองเสียอีก
ความเงียบอันน่าอึดอัดเข้าคลอบคลุมชายหนุ่มทั้งสองคน จนในที่สุดรอนก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“นายบอกเธอไปรึเปล่า” รอนถามขึ้นมา เดรโกตวัดสายตาที่เหม่อลอยมาทางรอนทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น “นายบอกเธอไปรึเปล่า เรื่องความรู้สึกของนาย” รอนพูด
“เปล่า” เดรโกตอบอย่างหนักแน่น รอนเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มอย่างแปลกใจทันที และราวกับเดรโกอ่านความคิดของรอนออกจากสีหน้าของเขา ชายหนุ่มจึงพูดต่อว่า
“แต่ฉันบอกเธอว่าเราเป็นคนรักกัน”

*************************************************




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2552    
Last Update : 27 ตุลาคม 2552 20:35:56 น.
Counter : 808 Pageviews.  

Meanness : Chapter 1 The Beginning

Meanness



Title : Meaness
Pairing : Draco/Hermione
Main Characters : Draco Malfoy, Hermione Granger, Ron Weasley, Harry Potter, OC
Genres : AU, Romance, Drama, Post-Hogwarts
Spoilers : All book Spoilers
Rated : R [for lemons, last chapter]
Warning : Coarse language, Limes [Mild Smut], Canon Character Death

Summary : Hermione lost the one she love along with her memory during the second wars; Draco who love her more than anything in this world had decided to take the place of someone she love by covered her about her fiancé death and told her she was his lover to protect her from sorrow. But he did it all for her, or for himself to held the one he had been desired for years?


Have you ever want someone so bad it hurt? Have your desire ever won over you mind and took the opportunity to do something bad just because to get what you want? That’s my feeling right now


ใครบางคนก็เคยทำอะไรเลวร้ายกันมาบ้างใช่ไหม แล้วคุณเคยเสียใจไหมที่ทำมันลงไป และถ้าคุณย้อนเวลากลับไปได้ล่ะ คุณจะยังต้องการให้มันเกิดขึ้นไหม
แล้วถ้ามีทางเลือกหนึ่งล่ะ ทางเลือกที่ว่าคุณจะต้องทำสิ่งที่เลวร้ายมาก คุณจะต้องหลอกลวงคนที่คุณรัก คุณจะต้องทรยศเพื่อนที่เชื่อใจคุณมากกว่าสิ่งใดเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการมาล่ะ สิ่งเดียวที่คุณต้องการมาตลอดชีวิต แล้วคุณจะทำมันลงไปไหม
.................................................

***Chapter 1 The Beginning***

ลอนดอน 8 นาฬิกาตรง
“เกิดเรื่องแล้ว หลีกทางหน่อยคนไข้ด่วน”
“เลือดออกมากเลยนะนี่”
“เฮอร์ไมโอนี่เข้มแข็งไว้นะ!”
“.....”
“เตรียมการผ่าตัดด่วน!”
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ เฮอร์ไมโอนี่!”
“ญาติกรุณารออยู่ข้างนอกก่อนนะคะ”
“เธอต้องปลอดภัยนะ เฮอร์ไมโอนี่!!!”
“กรุณารอด้านนอกค่ะ!”
ผมมองภาพร่างของเธอถูกนำเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยความรู้สึกที่ทุกทรมาน ถ้าเป็นผมได้ก็คงดีสินะ ถ้าเป็นผมได้น่ะ

...............................................................................
...........................................................

เดรโก มัลฟอย กำลังนั่งอยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดเป็นเวลานานกว่าสามชั่วโมงแล้ว สามชั่วโมงที่ทุกข์ทรมานราวกับตกนรกของเขา เมื่อผู้หญิงคนสำคัญของเขากำลังได้รับการผ่าตัดอยู่โดยที่เขาทำได้เพียงแต่รอโดยไม่มีโอกาสรู้ถึงชะตากรรมของเธอเลย
ชายหนุ่มผมแดงวิ่งกระหืดกระหอบมาจากลิฟต์ เขาวิ่งไปตามระเบียงทางเดินอย่างรีบร้อนโดยไม่สนใจสายตาดุ ๆ ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลายคนที่จ้องมองมาที่เขา รอน วีสลีย์ เพื่อนรักอีกหนึ่งคนของเฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปตามทางเดินจนกระทั่งถึงห้องผ่าตัด รอนหยุดทันทีเมื่อเห็นร่างของเดรโกที่หน้าห้อง
“เดรโก” รอนพูดกับเพื่อนสนิทซึ่งเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน เขาหอบน้อย ๆ เพราะความเหนื่อย เดรโกเงยหน้ามองเขา มือคีบบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดเอาไว้ เนื้อตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด
“เธออยู่ในห้องผ่าตัด” เดรโกพูดทันทีเมื่อเห็นหน้าเพื่อน “สามชั่วโมงแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเป็นยังไง”
“แล้ว แล้ว......” รอนพูดด้วยน้ำเสียงติด ๆ ขัด ๆ
“เราไม่พบร่างของเขา คิดว่าคงตกไปอยู่ก้นหน้าผา” เดรโกตอบเรียบ ๆ
“ไม่จริง!!!” รอนร้องเสียงดังจนคนในบริเวณนั้นหันมามองเขาเป็นตาเดียว “ไม่จริงใช่ไหมเดรโก นายบอกฉันสิว่าไม่จริง” รอนพูดพลางเขย่าตัวเดรโกที่มีท่าทีไม่ต่างกับตุ๊กตาที่ไร้วิญญาณเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร แต่เขากลับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบบางสิ่งมาให้รอนดู
มันคือแหวนวงหนึ่ง แหวนที่รอนจำได้ดีว่ามันเป็นของเพื่อนรักของเขา เพื่อนรักที่รอนร่วมสุขร่วมทุกข์ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่ครั้งยังอยู่ที่ฮอกวอตส์
แหวนของแฮร์รี่ พอตเตอร์
รอนยื่นมืออันสั่นเทาไปหยิบมันมาสัมผัส ขนาดของแหวนเท่า ๆ กับแหวนของผู้ชายทั่ว ๆ ไป รอนจำได้ดีว่ามันเป็นแหวนหมั้นของแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ที่เขามันใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลา
“เธอกำมันไว้แน่นตอนที่เราไปถึง และไม่ยอมปล่อยมันแม้ตอนที่ไม่ได้สติ พวกผู้บำบัดต้องช่วยกันแงะมันออกมาจากมือของเธอก่อนการผ่าตัด” เดรโกอธิบายกับรอนที่เหมือนจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นแล้ว น้ำตาของรอนไหลอาบแก้ม เขาเพิ่งสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาไปอย่างไม่มีวันหวนคืนกลับมา

*************************************************

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นตรงที่คนที่คุณก็รู้ว่าใครกลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาพยายามจะเรียกลูกน้องที่ภักดีกับเขากลับมาเป็นพวกเขาให้ได้มากที่สุด เดิมทีพ่อของเดรโกก็เป็นหนึ่งในผู้เสพความตายที่กลับมารับใช้เขาอีกครั้ง แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ก็เพราะว่าคนไม่ควรเอ่ยนามได้เรืองอำนาจจนถึงขีดสุด เขามีพลังอำนาจมากขึ้นและโหดร้ายกว่าที่ผ่านมา คนที่ขัดขวางเขาก็ได้รับความตายเป็นการตอบแทนเช่นเดียวกับลูกน้องที่ทำงานผิดพลาดก็ต้องถูกสังหารด้วยเช่นกัน
เดรโกยังคงจำได้ดีถึงวันที่เขากลับมาที่บ้านหลังจากจบการศึกษาที่ฮอกวอตส์และพบว่าพ่อกับแม่ของเขาถูกจอมมารสังหารเพราะว่าพ่อทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเดรโกก็เลยมาเข้าร่วมกับดัมเบิลดอร์และภาคีนกฟินิกซ์เพื่อแก้แค้นให้พ่อกับแม่ของเขา และที่นั่นเขาก็ได้พบกับศัตรูตัวฉกาจอย่างแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน อาจจะเป็นเพราะว่าเดรโกกับแฮร์รี่ได้อยู่ในสถานะเดียวกันแล้วในตอนนั้น ก็คือพวกเขาเป็นเด็กกำพร้า และคนที่ฆ่าพ่อและแม่ของเขาก็เป็นคน ๆ เดียวกัน พวกเขาทั้งสี่ใช้เวลาสามปีคร่ำเคร่งเรียนการเป็นมือปราบมาร จนเมื่อปีที่แล้วพวกเขาก็ได้เข้ารับตำแหน่งมือปราบมารทั้งสี่คน และตั้งแต่นั้นพวกเขาก็ทำงานให้ภาคีอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อต่อต้านคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
หลังจากที่พวกเขาได้อยู่ร่วมกันมานาน เดรโกก็ได้พบว่าเขาหลงรักเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ซึ่งตอนนี้เป็นเพื่อนรักของเขา และเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องสายเลือดของเธออีกต่อไป แต่เขาหลงรักที่ตัวตนของเธอมากกว่า แต่น่าเสียดายที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นได้เป็นคนรักของแฮร์รี่เพื่อนสนิทของเขาไปแล้ว เดรโกเลยทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าจะยินดีให้กับเขาทั้งสอง
หลังจากที่สมาชิกภาคีตรากตรำทำงานกันมานาน คนที่คุณก็รู้ว่าใครก็เริ่มอ่อนกำลัง เขาและลูกน้องหลบหนีไปซ่อนตัวที่ป่าแห่งหนึ่งในอัลบาเนีย คนไม่ควรเอ่ยนามบาดเจ็บสาหัส มือปราบมารถูกระดมกำลังให้ไปตามล่าเขา รวมทั้งแฮร์รี่ด้วย ซึ่งตอนนั้นเขาหมั้นกับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันในปีหน้าหลังจากเรื่องทั้งหมดยุติลง แต่การที่แฮร์รี่ถูกส่งไปในภารกิจอันตรายเช่นนี้จึงทำให้เฮอร์ไมโอนี่เป็นห่วงและแอบติดตามเขาไป ผลที่ตามมาก็คือแฮร์รี่ฆ่าคนไม่ควรเอ่ยนามได้ แต่ผู้เสพความตายที่เหลือก็ตามมาแก้แค้นเขา แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ถูกเล่นงานที่ชายป่าโดยผู้เสพความตายจำนวนหนึ่ง แฮร์รี่พลัดตกจากหน้าผาโดยที่มือของเฮอร์ไมโอนี่คว้าได้เพียงแค่แหวนของเขา ในขณะที่เธอเองก็บาดเจ็บ เดรโกและมือปราบมารคนอื่น ๆ ไปพบเธอเข้าในสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลฉกรรจ์ เขาจึงรีบนำร่างของเธอที่มีลมหายใจรวยรินส่งไปยังโรงพยาบาลโดยด่วน
และนั่นคือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในห้องผ่าตัดมาร่วมสี่ชั่วโมงแล้วแต่เขาก็ยังไม่รู้อาการของเธอเลยว่าเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าเป็นเขาก็ดีสินะ ถ้าตอนนั้นเขาห้ามแฮร์รี่ไม่ให้ไปตามล่าโวลเดอร์มอร์ก็ดีสินะ

“นายรู้ว่ามันอันตรายแล้วนายยังจะไปอีกหรือ” เดรโกพูดเมื่อรู้ว่าแฮร์รี่กำลังจะออกไปตามล่าโวลเดอมอร์
“แต่มันเป็นหน้าที่นี่เดรโก อีกอย่างถ้าฉันเองก็ต้องการกำจัดมันเสีย นายก็รู้ว่ามันฆ่าพ่อแม่ของฉัน” แฮร์รี่พูด
“แต่มันก็ฆ่าพ่อแม่ของฉันเหมือนกันนะ!” เดรโกเถียง “ถ้ายังไงนายให้ฉันไปแทนนายเถอะนะ นายอย่าลืมสิว่าถ้านายไปเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นห่วงนายแค่ไหน นายหมั้นกับเธอแล้วนะ แล้วถ้านายไม่กลับมาเธอจะเป็นยังไง”
“ถ้าฉันไม่กลับมานายก็ช่วยดูแลเธอแทนฉันด้วยแล้วกัน” แฮร์รี่พูดเรียบ ๆ
“นายจะทิ้งเธอไปอย่างนี้น่ะหรือแฮร์รี่”
“ฉันไม่ได้ต้องการจะทิ้งเธอนะเดรโก นายก็รู้นี่ว่าฉันรักเธอแค่ไหน แต่ถ้าฉันไม่ไปโวลเดอมอร์ก็จะหนีรอดไปได้อีก จำได้ไหมว่าฉันคนเดียวที่จะฆ่าเขาได้ นายจำคำพยากรณ์ที่ฉันเคยบอกนายได้ไหม เราสองคนจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ คนใดคนหนึ่งต้องฆ่าอีกคนให้ตาย!” แฮร์รี่ระเบิดถ้อยคำมาอย่างอัดอั้น
“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องไป” แฮร์รี่พูด เดรโกนิ่งเงียบ เขาไม่รู้ว่าจะโต้เถียงอะไร “แต่ฉันจะไปอย่างสบายใจถ้านายสัญญาว่านายจะดูแลเฮอร์ไมโอนี่ถ้าฉันไม่กลับมา สัญญากับฉันสิเดรโกว่านายจะดูแลเธอแทนฉัน”
“ได้สิแฮร์รี่ ฉันสัญญา”

แต่ทั้ง ๆ ที่เขาได้สัญญาไว้กับแฮร์รี่อย่างนั้น แต่เดรโกกลับดูแลเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ เขากลับปล่อยเธอให้หนีไป เขาปล่อยเธอให้ไปตามแฮร์รี่ไปที่นั่น และถ้าเธอเป็นอะไรไป ทั้งหมดก็เพราะเป็นเขาคนเดียว
ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก เดรโกและรอนสะดุ้ง ผู้บำบัดสวมชุดสีขาวเดินออกมาด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
“เธอเป็นอย่างไรครับ เฮอร์ไมโอนี่เป็นยังไงบ้าง” เดรโกถามอย่างร้อนรน ผู้บำบัดส่ายหน้าเบา ๆ
“เราได้พยายามช่วยเธอแล้ว และเธอก็รอดขีดอันตรายมาได้” ผู้บำบัดกล่าว เดรโกและรอนยิ้มอย่างดีใจ “ที่เหลือก็คงต้องรอเธอฟื้นเท่านั้นซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่”
“คุณหมายความว่ายังไง” เดรโกถาม
“คุณเกรนเจอร์พ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่เธอก็ยังไม่ได้สติ ซึ่งเราคงได้แต่ภาวนาให้เธอพื้นขึ้นมาอย่างเร็วที่สุดน่ะครับ” ผู้บำบัดตอบ
“เฮอร์ไมโอนี่” รอนคราง
“คุณสองคนจะเข้าไปเยี่ยมเธอก็ได้ แต่ผมอนุญาตแค่สิบนาทีเท่านั้นนะครับ” ผู้บำบัดบอกก่อนจะเดินออกไป เดรโกกับรอนเข้าไปในห้องเพื่อเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งตอนนี้เธอกำลังหลับไหลไม่ได้สติ ที่ศีรษะและลำตัวมีผ้าพันแผลพันไว้รอบด้าน และเธอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
“เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูดพลางลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างทนุถนอม แต่หญิงสาวไม่อาจรับรู้ถึงความห่วงใยของเขาเลยแม้แต่น้อย

*************************************************

สามวันผ่านไปเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่ได้สติ เธอย้ายเข้ามาอยู่ให้พักพิเศษแทนแล้วในตอนนั้น ซึ่งเดรโกและรอนรวมทั้งสมาชิกภาคีอื่น ๆ ต่างเข้ามาเยี่ยมเธออย่างไม่ขาดสาย จนในวันที่สี่เดรโกมาหาเธอในตอนเช้าพร้อมกับดอกลิลลี่ช่อใหญ่
เดรโกวางดอกไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียงและเฝ้ามองผู้หญิงที่เขารักด้วยความห่วงใย เขานั่งลงบนเก้าอี้และกุมมือเธอเอาไว้
“เฮอร์ไมโอนี่ ได้โปรดตื่นขึ้นมาเถิด ได้โปรดตื่นขึ้นมาพบฉัน” เดรโกวิงวอนกับร่างไร้สติของเธอ และจู่ ๆ ริมฝีปากของหญิงสาวก็ขยับน้อย ๆ
“แฮร์รี่....แฮร์รี่.....” เธอพึมพำ มีท่าทีทรมาน ตาสองข้างปิดสนิท มือน้อย ๆ บีบมือของเดรโกแน่น
“เฮอร์ไมโอนี่!”
“แฮร์รี่ ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไป แฮร์รี่ อย่าทิ้งฉันไป อย่าเดินไปทางนั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร่ำในขณะที่ยังไม่ได้สติ หยาดน้ำตาไหลรินมาจากดวงตาที่ยังปิดสนิท หญิงสาวดิ้นรนอย่างทรมาน ปากก็ร้องเรียกหาชายคนที่เธอรัก เดรโกมองเธออย่างรู้สึกสงสารจับใจ จนเขาต้องมาคว้าร่างของเธอไปโอบกอด
“แฮร์รี่ อย่าทิ้งฉันไปนะ เอาฉันไปด้วย เอาฉันไปด้วย อย่าทิ้งฉันไป” หญิงสาวพูด พร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู เดรโกกอดร่างของเธอไว้แน่น
“ได้โปรด เฮอร์ไมโอนี่ อย่าไป เธอต้องอยู่กับฉันที่นี่ ได้โปรด เธอต้องไม่เป็นไร” เขาพูดแข่งกับเสียงครวญครางด้วยความเศร้าของหญิงสาวในอ้อมกอดของเขา หญิงสาวที่เขารักมากกว่าชีวิตของตัวเอง
“นายเคยบอกฉันไม่ใช่หรือแฮร์รี่ ว่านายให้ฉันเป็นคนดูแลเธอ นายเคยบอกฉันไม่ใช่หรือว่าฉันต้องเป็นคนดูแลเธอแทนนายถ้านายไม่กลับมา เพราะฉะนั้นอย่าเอาเธอไปกับนาย แฮร์รี่ ให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ ให้ฉันเป็นคนดูแลเธอแทนนาย ได้โปรดเถอะ” เดรโกพูดอย่างหมดทนทาง สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าสิ่งใดในตอนนี้ก็คือได้เห็นหญิงสาวที่เขารักฟื้นคืนสติเท่านั้น แต่ไม่นานนักเฮอร์ไมโอนี่ก็สงบลง เธอไม่ได้เพ้อถึงชื่อของแฮร์รี่อีกต่อไป เธอยังคงหลับไหลอย่างสงบนิ่ง
เดรโกค่อย ๆ วางเธอลงกับเตียงช้า ๆ เขาเอามือเช็ดน้ำตาให้เธอเบา ๆ
“ขอบใจเพื่อน”

.................................................

ในคืนวันนั้นที่โรงพยาบาลวิเศษเพื่อผู้บาดเจ็บเซนต์มังโก ร่างสองร่างปรากฏขึ้นในเงามืดตามทางเดิน มันเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและหลบเร้นสายตาของผู้บำบัดไปได้ไม่ยาก มันลัดเลาะไปตามทางเดินจนกระทั่งถึงที่หมาย ซึ่งก็คือห้องผู้ป่วยหมายเลย 305
ร่างลึกลับร่างหนึ่งหยิบไม้กายสิทธ์ออกมาและร่ายคาถาปลดล็อค พวกเขาสองคนเข้าไปในห้องพักที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังหลับไหลอย่างไม่ได้สติอยู่ สองร่างนั้นมองร่างของเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่แน่ใจ ร่างหนึ่งจุดไฟที่ปลายไม้กายสิทธิ์ออกมา
“ใช่เธอจริง ๆ ด้วย”
“ดี อย่างนั้นก็ลงมือเสียสิ”
“ทำไมเราไม่ฆ่าเธอไปเลยล่ะ จะเก็บเธอไว้ทำไมกัน เธอรู้ที่หลบซ่อนของพวกเราแล้วนะ”
“ถ้าเราฆ่าเธอมันก็ต้องเป็นข่าวใหญ่น่ะสิ ทีนี้พวกกระทรวงคงไม่อยู่เฉยแน่ แต่ถ้าเราลบความทรงจำเธอซะ คนอื่น ๆ ก็จะคิดว่ามันเป็นผลกระทบมาจากอุบัติเหตุ”
“เยี่ยม ฉันไม่คิดว่าเธอจะฉลาดขนาดนี้”
“งั้นก็ลงมือซะสิ จะรอให้เราโดยจับก่อนรึไง”
“ได้”
ร่างหนึ่งชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาและชี้ไปที่เฮอร์ไมโอนี่
“อ็อบวิเลียต!”

.................................................

เช้าวันต่อมาเดรโกมาเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่เช่นเดิม แต่วันนี้เขามาพร้อมกับกุหลาบสีขาว เขาทักผู้บำบัดสองสามคน ระหว่างทางเดินและถามถึงอาการของเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งเดรโกได้รับคำตอบว่าเธอยังคงหลับไหลเหมือนเดิม
“ผมเพิ่งไปตรวจเธอเมื่อเช้านี้เองครับ ร่างกายของเธอเกือบเป็นปรกติแล้ว รอเพียงแค่เธอฟื้นขึ้นมาเท่านั้น” ผู้บำบัดบอกเดรโก ชายหนุ่มเข้าไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ในห้องพัก เธอกำลังหลับอยู่ที่เตียงตามเดิม เดรโกวางดอกกุหลาบช่อใหญ่ไว้ข้าง ๆ แจกันที่ใส่ดอกลิลลี่ทีเขาซื้อมาเมื่อวาน ก่อนจะเข้ามากุมมือเธอไว้
เดรโกลูบแก้มของเฮอร์ไมโอนี่อย่างทนุถนอม แววตาสีเทาเต็มไปด้วยความเศร้า เขามองผู้หญิงที่เขารักที่สุดด้วยความห่วงใย เมื่อไหร่หนอเธอถึงจะลืมตาขึ้นมาพบเขา เมื่อไหร่ที่เธอจะตื่นขึ้นมาเจอหน้าเขา
“ฉันจะรอ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันจะรอเธอจนกว่าเธอจะฟื้นขึ้นมา” เดรโกพูดอย่างหมองเศร้า เขาซบศีรษะเข้ากับมือของเฮอร์ไมโอนี่ และเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา เขาก็พบว่าเฮอร์ไมโอนี่เริ่มขยับตัว
เธอคงจะละเมอเป็นชื่อของแฮร์รี่อีกสินะ
เดรโกคิดเช่นนั้น แต่ไม่ใช่เลย เพราะตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมา ในไม่ช้าเธอก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลกระพริบสู้แสง เธอมองไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ และมาหยุดที่เดรโก
“เฮอร์ไมโอนี่!” เดรโกพูด เขายังดูตกตะลึงไม่หาย “เฮอร์ไมโอนี่ เธอฟื้นแล้วหรือ ฉันจะไปตามผู้บำบัดมานะ”
เฮอร์ไมโอนี่มองเดรโกด้วยท่าทีที่แปลกประหลาด ในขณะที่ชายหนุ่มคว้ามือเธอมาจับไว้แน่น เธอมองเขาและทำท่าราวกับครุ่นคิดอยู่นาน
“คุณเป็นใคร?”

*************************************************

“อะ...อะไรนะ” เดรโกพูดด้วยท่าทีตกใจ เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาและมองรอบ ๆ อย่างมึน ๆ
“คุณเป็นใคร ฉันรู้จักคุณอย่างนั้นหรือ” เธอถามช้า ๆ และมองเขาราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เดรโกรู้สึกราวกับเขาเพิ่งดึ่งลงเหวลึกนับพันฟุต มันไม่จริงใช่ไหม เธอจำเขาไม่ได้หรือนี่
“ฉันเดรโกไง เดรโก มัลฟอย เธอจำฉันไม่ได้หรือ” เดรโกพูดเสียงสั่น ความหวาดกลัวที่สุดเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาแล้วครุ่นคิด
“ฉันจำคุณไม่ได้ ฉัน....” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ขาดหายไปเมื่อความเจ็บปวดเริ่มจู่โจม เธอยกมือกุมแผลที่ศีรษะ
“ปวดหัว ฉันปวดหัว” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างทรมาน
“เดี๋ยวฉันจะเรียกผู้บำบัดให้นะ มีใครอยู่บ้างไหม! มีใครอยู่บ้างไหมครับ!” เดรโกตะโกนและรีบรุดออกไปจากห้อง ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับผู้บำบัดสองสามคน
“อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ เธอจำผมไม่ได้ พอเธอพยายามคิดเธอก็ปวดหัว” เดรโกพูดกับผู้บำบัดอย่างร้อนรน พวกเขารีบรุดเข้ามาดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่
“บางทีอาจจะมีความผิดปรกติที่สมอง ซึ่งเกิดจากการกระทบกระเทือน” ผู้บำบัดคนหนึ่งกล่าว “ผมจะรักษาเธอเอง แต่คุณกรุณาไปรอข้างนอกก่อน”
เดรโกยอมออกไปนอกห้องโดยดี เขานั่งรออยู่นอกห้องอย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าเขาต้องรอจนกว่าผู้บำบัดจะออกมาบอกอาการของเฮอร์ไมโอนี่
ประตูห้องพักเปิดออกในเวลาต่อมา เดรโกลุกพรวดขึ้นทันที
“เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ” เขาถาม
“สมองของเธอได้รับความกระทบกระเทือน เธอก็เลยสูญเสียความทรงจำ” ผู้บำบัดตอบ
“อะไรนะครับ!”
“เธอสูญเสียความทรงจำ คุณมัลฟอย เธอจำไม่ได้เลยว่าเธอเป็นใคร เคยทำอะไรมาบ้าง เธอจำอดีตไม่ได้เลย” ผู้บำบัดตอบเสียงเครียด เดรโกรู้สึกราวกับเขาจมดิ่งลงไปในทะเลสาบกลางเดือนธันวาคม เฮอร์ไมโอนี่สูญเสียความทรงจำอย่างนั้นหรือ
“แล้วคุณมีทางรักษาเธอให้หายได้ไหมครับ” เดรโกถาม ผู้บำบัดส่ายหน้า
“ไม่มีทางใดที่จะนำความทรงจำของเธอกลับมาได้ในทันที มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พูดตามตรงก็คือ เราได้แค่ภาวนาเท่านั้น”
“แต่...ผมนึกว่าคุณสามารถรักษาเธอได้” เดรโกเสียงสั่น
“ไม่มีใครสามารถรักษาคุณเกรนเจอร์ให้หายขาดได้ แต่เธอต้องรักษาตัวเอง และเมื่อเธอสามารถทำให้ความทรงจำกลับมาประติดประต่อกันได้อีกครั้ง ความทรงจำของเธอก็จะกลับมา” เขากล่าวและเอามือตบไหล่มัลฟอย “ผมช่วยคุณได้เพียงเท่านี้ ผมคิดว่าคุณคงอยากไปเข้าไปเยี่ยมเธอ” ผู้บำบัดพูด
“อ้อ แต่คุณต้องระวังหน่อยนะ อย่าพยายามพูดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจของเธอมาก ตอนนี้จิตใจของเธอกำลังอยู่ในภาวะย่ำแย่ทีเดียว” เขาบอกกับเดรโกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป ส่วนเดรโกนั้นค่อย ๆ ลากขาหนักอึ้งไปที่ห้องของเฮอร์ไมโอนี่อย่างลำบาก
เฮอร์ไมโอนี่กำลังนอนอยู่บนเตียง เธอหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด
“เธอเป็นยังไงบ้าง” เดรโกถามและเข้าไปนั่งที่โต๊ะข้างเตียง
“ก็ดีค่ะ คนพวกนั้น ผู้บำบัด เอายามาให้ฉันทานแล้วบอกว่าฉันสูญเสียความทรงจำ” เฮอร์ไมโอนี่พูดค่อย ๆ เดรโกมีสีหน้าเจ็บปวด “เขาบอกฉันอย่างนั้น ฉันจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นใคร พอฉันถามพวกเขา เขาก็บอกว่าคุณจะบอกฉันเอง พวกเขาบอกว่าฉันรู้จักคุณ” เฮอร์ไมโอนี่มองมาที่เดรโก เขากลืนน้ำลาย
“เธอชื่อ เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” เขาเริ่มพูด “เธอทำงานเป็นมือปราบมารที่กระทรวง แล้วเธอก็ประสบอุบัติเหตุจึงได้รับบาดเจ็บและสูญเสียความทรงจำ” เดรโกเล่า
“เหรอคะ ฉันนึกไม่ออกเลย” เธอพูดก่อนจะเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง “แล้วคุณล่ะคะ ฉันก็จำคุณไม่ได้”
“ฉันชื่อเดรโก เดรโก มัลฟอย พอนึกออกไหม” เดรโกถาม เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าครุ่นคิด แต่ก็ส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ จำไม่ได้เลย เราเป็นอะไรกันหรือคะ” เธอถามตามตรง
“เราเป็น...” เดรโกหยุดชะงัก ตอนนี้เธอจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเอง และเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องของแฮร์รี่
ถ้าเขาบอกเธอถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันจะทำให้เธอโศกเศร้าเสียใจขึ้นมาอีกหรือเปล่านะ ถ้าเขาเล่าให้เธอฟังเรื่องแฮร์รี่ จะมีอะไรกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเธอไหม

อย่าพยายามพูดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจของเธอมาก ตอนนี้จิตใจของเธอกำลังอยู่ในภาวะย่ำแย่ทีเดียว

เสียงของผู้บำบัดดังก้องอยู่ในหัวของเดรโก เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างครุ่นคิด ถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าเขาไม่บอกเธอเรื่องแฮร์รี่ เธอก็จะไม่รู้ และถ้าเธอไม่รู้ เธอก็จะเป็นอิสระจากเขา ไม่ต้องมานั่งเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าเธอจำเขาไม่ได้ เธอก็จะไม่ต้องเสียใจ
เดรโกเม้มปาก ‘ แต่ถ้าเกิดเธอจำได้ขึ้นมาล่ะ ’ เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นในหัวเขา ‘ ถ้าความทรงจำของเธอกลับมาล่ะ ’ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แล้วล้วงไปในกระเป๋า เอาแหวนทองคำขาวเกลี้ยง ๆ ออกมา และยื่นมันให้เฮอร์ไมโอนี่
“เธอจำนี่ได้ไหม” เขายื่นแหวนให้เธอ เธอรับมันมาพิจารณาแล้วส่ายหัว
“จำไม่ได้ แหวนวงนี้มีอะไรหรือ” เธอถามและหมุนมันในมือ
“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาตอบ เธอจำแหวนนี่ไม่ได้ก็เท่ากับว่าเธอลืมเรื่องราวทั้งหมดแล้วจริง ๆ เธอลืมแฮร์รี่แล้วจริง ๆ และคนที่จะต้องดูแลเธอต่อจากนี้ก็คือเขา
หัวใจของเดรโกเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้น ถ้าเธอลืมความรักระหว่างเธอกับแฮร์รี่ไปจนหมดสิ้นแล้ว เขาก็อาจจะมีหวังใช่ไหม ความฝันของเขาอาจจะมีโอกาสเป็นจริงใช่ไหม ความฝันเพียงหนึ่งเดียวของเขาที่จะได้เธอมาเป็นคนรักของเขา
“เป็นอะไรไปหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ย มองเดรโก เขาเงยหน้าขึ้นดวงตาสีน้ำตาลของเธอ ไม่มีอะไรจะหยุดเขาได้อีกแล้ว

ฉันจะไปอย่างสบายใจถ้านายสัญญาว่านายจะดูแลเฮอร์ไมโอนี่ถ้าฉันไม่กลับมา สัญญากับฉันสิเดรโกว่านายจะดูแลเธอแทนฉัน

เสียงของแฮร์รี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเดรโก แน่นอนว่าเขาต้องดูแลเธอ เขาต้องดูแลเธออย่างดีแน่นอน
“เธอถามฉันใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน” เดรโกพูดขึ้น เขาคว้ามือของเฮอร์ไมโอนี่มากุม และจ้องเข้าไปในแววตาของเธอ “เราเป็นคนรักกัน”

.................................................

สีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอดูตกใจ
“เราเป็นคนรักกันหรือคะ” เธอถาม
“ใช่ เราเป็นคนรักกัน เธอกับฉัน” เขาพูดอย่างหนักแน่น และหวังว่าเธอจะเชื่อคำพูดนั้น เขารู้ดีว่าการทำเช่นนี้เป็นการเห็นแก่ตัว แต่เขาไม่อาจเล่าความจริงทั้งหมดให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังได้ เพราะเขารู้ดีว่ามันจะทำร้ายจิตใจเธอ และเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้เธอเสียใจอีกแม้แต่ครั้งเดียว เขาจะดูแลเธออย่างดีที่สุด
“ฉันจำไม่เห็นได้เลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด สีหน้าเศร้าหมอง “ฉันจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าฉันเป็นใคร จำไม่ได้แม้กระทั่งคุณ” เธอพูด
“อย่าโทษตัวเองเฮอร์ไมโอนี่” เดรโกปลอบ “อย่าโทษตัวเองอย่างนั้น เธอไม่ผิดเลยสักนิด”
“แต่ฉัน...” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ขาดหายไป เธอดูกังวลและสับสน “ถ้าเรารักกันอย่างน้อยฉันก็น่าจะจำคุณได้บ้างสิ” เธอพูด เดรโกชะงักกับคำพูดนั้น
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถึงเธอจะจำอดีตไม่ได้ตลอดไปฉันก็จะดูแลเธอเอง” เดรโกบอกอย่างอ่อนโยน
“คุณช่วยเล่าเรื่องของฉันให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ” เฮอร์ไมโอนี่ขอ “เล่าอดีตให้ฉันฟังหน่อย เผื่อฉันจะนึกอะไรออกบ้าง” เดรโกมีสีหน้าลำบากใจ ตอนนี้เขากลับไม่อยากให้เธอนึกอะไรได้แม้แต่น้อย
“นอนลงก่อนเถอะ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่นอนลงบนเตียงอย่างว่าง่าย
“ฉันบอกเธอไปแล้วใช่ไหมว่าเธอเป็นมือปราบมาร” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า “ก่อนหน้านั้นเธอเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์ ฉันเองก็เหมือนกัน หลังจากจบมา ฉันและเธอก็เข้าทำงานที่กระทรวงเวทย์มนตร์...”
“แล้วฉันมีครอบครัวไหมคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“มี เธอมีพ่อกับแม่ แต่พวกท่านเสียไปแล้ว” เดรโกเล่าด้วยท่าทีเห็นใจ พ่อกับแม่ของเฮอร์ไมโอนี่ถูกผู้เสพความตายสังหารเมื่อหลายปีก่อน สีหน้าของเธอสลดลง
“เหรอคะ แล้วฉันมีเพื่อนไหม” เธอถาม
“มี...” เดรโกดูกังวลขึ้นมาชั่วขณะ เขาลืมไปว่ายังมีรอนอีกคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเขาได้ข่าวว่าเฮอร์ไมโอนี่ฟื้นแล้วเขาคงต้องมาเยี่ยมเธอแน่ และถ้ารอนพูดเรื่องแฮร์รี่ให้เธอฟังล่ะก็
“ฉันคิดว่าเราน่าจะคุยกันวันหลังนะ วันนี้เธอต้องพักผ่อน” เดรโกพูดอย่างเป็นห่วง และดึงผ้าห่มมาห่มเธอ
“คุณจะไปแล้วหรือ” เธอถามอย่างเศร้าสร้อย
“ยังหรอก ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเธอจะหลับ” เดรโกพูด “แล้วอีกอย่างนะ เรียกฉันว่าเดรโกเถอะ เราเป็นคนรักกันนะ”
“ค่ะ เอ่อ เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเขิน ๆ
“ดีมาก” เขาพูดพลางเอามือลูบศีรษะเธอ “ฝันดีนะ” เดรโกก้มลงไปจูบหน้าผากเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหลับตาลง ในไม่นานหญิงสาวก็หลับไปอย่างว่าง่าย ในขณะที่เดรโกถอนใจและเริ่มเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
เขารู้ดีว่ามันผิด เขารู้ดีว่าเขาเห็นแก่ตัว แต่ถ้าเทียบกับการได้เธอมาเป็นของเขาแล้ว เทียบกับการได้เป็นคนรักของเธอซึ่งเขาฝันอยากเป็นมานาน เขาก็ยอมทำสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้เพื่อให้ได้เธอมาครอง บางทีความเป็นสลิธีรินในตัวของเขายังคงเรียกร้องให้เขาทำสิ่งชั่วร้ายอยู่ก็ได้
เดรโกเดินมาหยุดที่หน้าต่าง เขามองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขก่อนจะเหม่อออกไปข้างนอกอีกครั้ง ในมือของเขาถือแหวนของแฮร์รี่ไว้
แม้ต้องทำเรื่องชั่วร้าย แม้ต้องเป็นคนหลอกลวง แต่ถ้านั่นทำให้เขาได้เธอมาล่ะก็เขาก็ยอม
“ขอโทษนะแฮร์รี่” เดรโกพึมพำ มองแหวนในมือ “แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลเธอแทนนาย”


*************************************************




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2552    
Last Update : 17 มกราคม 2553 23:22:50 น.
Counter : 1390 Pageviews.  


piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.