Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 10 Marrying the Monster Part II [Warning: R]

คุยกันก่อนอ่านนะคะ

ฟิคตอนที่ 10 นี้มีฉากเรทนะคะ ถ้าใครไม่ชอบกรุณาอย่าอ่านนะคะ

หรือไม่ถ้าต้องการอ่านฟิคเรื่องนี้ในเรท PG-13 เข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ //writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=760263&chapter=10
ขอบคุณมากค่ะ



เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าเธอกำลังยืนบนพื้นที่ปูด้วยหินแกรนิตอย่างดีของห้องโถงที่กว้างใหญ่และมีเพดานสูงกว่าห้องที่ใช้จัดงานเลี้ยงเมื่อครู่ แต่ก่อนที่หญิงสาวได้มีโอกาสมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องก็มีเสียงป็อปดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์จำนวนนับสิบตัว พวกมันทุกตัวล้วนตัวเล็กจ้อยและสวมใส่อะไรบางอย่างที่ไม่อาจจะเรียกว่าเสื้อผ้าได้
“ยินดีต้อนรับนายท่านกับนายหญิงสู่คฤหาสน์ขอรับ/เจ้าค่ะ” พวกมันพูดขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะลงต่ำจนจมูกยาว ๆ ของพวกมันเกือบจะจรดพื้น ขณะที่นายลูเซียสซึ่งบัดนี้ยืนอยู่ข้างเธอโบกมือให้พวกมันเบา ๆ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น
“นี่คือเฮอร์ไมโอนี่ เธอจะมาเป็นนายหญิงคนใหม่ของที่นี่” ชายผมบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงสุขุม แต่มันกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่ขนลุกได้ไม่ยากเมื่อเขาประกาศออกไปว่าเธอจะมาเป็นนายหญิงมัลฟอยคนใหม่
“ฉันอยากให้พวกแกดูแลนายหญิงเป็นอย่างดี เข้าใจไหม” นายมัลฟอยกล่าว มือหนึ่งของเขาโอบเอวของเธอไว้ราวกับพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันมาก ขณะที่เอลฟ์ทั้งหมดซึ่งเฮอร์ไมโอนี่นับแล้วว่ามีสิบสองตัวพอดิบพอดีรับคำของเขาเป็นอย่างดี
“ฉันยกทิสซี่ให้เป็นเอลฟ์ประจำตัวของเธอ มันจะคอยรับใช้เธอ” เขาหันมากระซิบกับเฮอร์ไมโอนี่และเธอก็ไม่ตอบอะไรออกไป แต่เมื่อนายลูเซียสหันไปสอบถามเอลฟ์ที่ดูอาวุโสที่สุดว่าพวกมันเตรียมห้องนอนของเขาและเธอไว้หรือเรียบร้อยหรือยังหญิงสาวก็รู้สึกเข่าอ่อนทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
แม้จะรู้ดีว่าเธอได้แต่งงานกับนายลูเซียสแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวก็ไม่อาจทำใจที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกับเขารวมถึงต้องอาศัยอยู่ในห้องนอนเดียวกันได้เลย แต่ก่อนที่เธอจะอ้าปากเพื่อประท้วงบางอย่างออกไป สามีของเธอก็พูดขึ้นก่อนหลังจากที่เขาไล่พวกเอลฟ์ประจำบ้านให้กลับไปทำงานหมดแล้ว
“ฉันจะพาเธอขึ้นไปดูห้องนอน” เขากล่าวเรียบ ๆ แต่ดวงตาสีเงินที่เขาใช้มองเธอนั้นกลับแฝงแววเจ้าเล่ห์เอาไว้ ราวกับมันเป็นดวงตาของราชสีห์ที่ใช้มองลูกกวางน้อยอันจะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของมันต่อจากนั้น และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเถียงออกไป
“ฉันไม่คิดว่าเราจำเป็นจะต้องนอนห้องเดียวกันจริงไหมคะ ในเมื่อมีห้องตั้งมากมายในคฤหาสน์หลังนี้” เธอพยายามอ้างเหตุผล แต่ชายผมบลอนด์กลับจ้องมองเธอด้วยสายตาราวกับหญิงสาวเพิ่งบอกว่าเธอเคยออกเดทกับเซเวอร์รัส สเนปมาก่อน
“ฉันไม่คิดว่ามันจำเป็นแต่อย่างใดที่เราจะแยกห้องกันนอน เมื่อเราแต่งงานกันแล้ว จริงไหมที่รัก” เขาเน้นคำพูดสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ และก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้เถียงอะไรออกไปมากกว่านั้นนายลูเซียสก็ออกแรงอุ้มร่างของเธอไว้ หญิงสาวหวีดร้องเพราะการกระทำนั้นก่อนจะโวยวายออกมา
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันลงนะ!” เธอพูด แต่ชายตรงหน้าไม่มีท่าทีจะทำตามเธอเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับกอดร่างของเธอแน่นขึ้นและเริ่มออกเดิน
“ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้เธอก็แต่งงานกับฉันแล้ว เราก็ควรจะทำตามประเพณีกันหน่อยจริงไหม” เขาพูดหน้าตาเฉยขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงไปถึงใบหูและพยายามดิ้นรนมากขึ้น แต่ความพยายามของเธอก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะว่านายมัลฟอยกอดร่างของเธอไว้แน่นหนาขณะที่เขาส่งสายตาที่ดุดันมาทางเธอ
“ฉันขอเตือนเธอไว้เลยนะว่าถ้าเธอดิ้นอีกเมื่อไหร่ล่ะก็ฉันจะสาปให้เธอตัวแข็งไปตลอดทั้งคืนนี้เลย” ลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงที่หญิงสาวรู้ว่าเขาไม่พูดเล่น และทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่กล้าลองดีกับเขาแต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงพาเธอเดินขึ้นบันไดไป

ระหว่างทางไปที่ห้องนอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจคฤหาสน์มัลฟอย แม้จะรู้ดีว่าเธอจะต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจมัน แน่นอนว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์ที่เก่าแก่และถูกตกแต่งอย่างปราณีต ผนังของคฤหาสน์ปูด้วยวอลเปเปอร์ที่มีพื้นสีเขียวเข้มประดับลวยลายสีเงินที่ดูหรูหรา ทุกมุมของคฤหาสน์ถูกประดับไปด้วยภาพวาดและของตกแต่งบ้านราคาแพงพอ ๆ กับที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้านหลังนี้เป็นของที่หรูหราและมีราคา แต่ถึงอย่างนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าคฤหาสน์หลังนี้ยังดูห่างไกลคำว่า ’บ้าน’ มากนัก เพราะถึงมันจะกว้างขวางและหรูหรามากก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเฉกเช่นบ้านของพ่อแม่เธอเลย
เมื่อคิดถึงตรงนั้นหัวใจของหญิงสาวก็เจ็บแปลบเพราะความโศกเศร้า นี่พ่อแม่จะรู้หรือเปล่านะว่าเธอได้แต่งงานไปแล้ว รวมทั้งพวกท่านจะรู้ไหมว่าชายผู้มาเป็นสามีซึ่งเธอจะต้องฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขานั้นเป็นปีศาจในร่างมนุษย์แบบนี้ แน่นอนว่าพวกท่านไม่มีทางได้รู้เรื่องนี้พอ ๆ กับที่เฮอร์ไมโอนี่สงสัยว่าเธอจะได้มีวันกลับไปหาพ่อกับแม่อีกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็พอจะแน่ใจได้ว่าพ่อแม่ของเธอปลอดภัยดี พวกผู้เสพความตายจะไม่สามารถทำอะไรท่านได้ตราบเท่าที่หญิงสาวทำตามสัญญาการแต่งงานอย่างครบถ้วน ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเธอจะต้องยอมเป็นภรรยาของลูเซียส มัลฟอยไปจนกว่าเขาจะต้องการหย่าขาดจากเธอ แม้ว่ามันจะเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่โหดร้ายมากสำหรับเธอก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ลังเลเลยที่จะเอาความสุขทั้งชีวิตมามอบให้กับชายผู้นี้เพื่อแลกกับชีวิตของพ่อกับแม่ของเธอดังที่เธอได้ทำมันลงไปแล้ว!
และก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเธอก็พบว่านายลูเซียสพาเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่บริเวณระเบียงทางเดินชั้นสองก่อนที่เขาจะพูดออกมา
“เจ้าหญิงแห่งความมืด” เขากล่าวและประตูบานนั้นก็เปิดออกแต่โดยดี
แม้จะแปลกใจอยู่มากก็ตามที่รู้ว่านายมัลฟอยใช้ฉายาของเธอเป็นรหัสผ่านสำหรับห้องนอนแบบนี้ แต่ความรู้นั้นก็ไม่อาจทำให้หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นแรงได้เท่ากับวินาทีที่เธอผ่านเข้าประตูห้องมา

ห้องที่เธอเพิ่งเข้ามานั้นเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมที่มีกว้างขวางมาก มันถูกตกแต่งอย่างปราณีตเช่นเดียวกับส่วนที่เหลือของคฤหาสน์ กลางห้องมีเตียงสี่เสาที่มีขนาดใหญ่และหรูหราราวแท่นบรรทมตั้งอยู่ อีกมุมหนึ่งของห้องเป็นเตาผิงที่จุดไฟทิ้งไว้อยู่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยโซฟาสีเขียวเข้มจำนวนสามตัว ด้านในของห้องเป็นประตูซึ่งนำไปสู่ระเบียง และทางด้านขวามือมีประตูที่น่าจะนำไปสู่ห้องน้ำอยู่
หญิสาวรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอกเมื่อได้เห็นห้องนอนของเธอและนายลูเซียสนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หรือจะเรียกให้ถูกก็คือเรือนหอของพวกเขานั่นเอง! และเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกว่าเลือดทั้งร่างกายได้ไหลมารวมอยู่ที่ใบหน้าของเธอเมื่อร่างใหญ่ที่อุ้มเธออยู่นั้นเดินตรงไปที่เตียงสี่เสาก่อนจะวางเธอลงบนเตียงเบา ๆ
เฮอร์ไมโอนี่ไม่กล้าเงยหน้ามองชายตรงหน้าหลังจากที่เขาวางเธอลงบนเตียง เธอก็รู้ราวกับขาดหายใจขึ้นมาชั่วขณะ แม้สมองจะสั่งให้เธอเอาตัวรอดจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยการหาทางออกไปจากที่นี่ในทันที แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่สามารถคิดหาข้ออ้างดี ๆ ในการออกไปจากห้องนี้ได้พอ ๆ กับที่เธอไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ตื่นตระหนกได้
หลังจากวางร่างของเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียงแล้วนายลูเซียสก็เดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง และหญิงสาวก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของเขาดังข้ามห้องมา
“จะดื่มอะไรหน่อยไหม” เขาถาม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองชายผมบลอนด์พร้อมกับทำหน้าราวกับเขาเพิ่งพูดภาษาโทรลล์กับเธอ และเมื่อเป็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงเดินกลับมาที่เตียงพร้อมกับแชมเปญจ์สองแก้ว เขาส่งแก้วหนึ่งให้หญิงสาว เธอรับมันมาถือไว้แต่ยังไม่ได้ดื่มแต่อย่างใด
และเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อนานลูเซียสนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ เธอ ชายผมบลอนด์มองกริยาของหญิงสาวอย่างขัน ๆ ก่อนจะจิบเครื่องดื่มในมือ
“ดื่มซะสิ มันจะช่วยให้เธอนอนหลับสบายขึ้นนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่มันกลับฟังดูไม่น่าไว้ใจเลยในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็รู้ว่าเธอไม่อาจจะปฏิเสธชายตรงหน้าได้ เฮอร์ไมโอนี่จึงจิบเครื่องดื่มในแก้วเข้าไปเล็กน้อยและเธอก็พบว่ามันมีรสชาติดีทีเดียว
นายลูเซียสมองหญิงสาวตรงหน้าจิบเครื่องดื่มของเธอด้วยสายตาเอ็นดู และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้ตัวอีกครั้งมือใหญ่ของเขาก็มาดึงแก้วแชมเปญจ์ไปจากมือเธอก่อนจะวางมันลงที่บนโต๊ะข้างเตียงพร้อมกับแก้วของเขา และในวินาทีต่อมามือใหญ่ของชายผมบลอนด์ก็มาประคองใบหน้าของหญิงสาวไว้ก่อนที่เขาจะก้มลงจูบเธอที่ริมฝีปาก
เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่เมื่อนายลูเซียสทาบริมฝีปากของเขาลงมา แม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบเธอก็ตามแต่หญิงสาวกลับไม่สามารถทำใจคุ้นเคยกับสัมผัสของชายตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้สึกว่าขนทั้งร่างกายของเธอลุกซู่เพียงเพราะสัมผัสจากริมฝีปากบางของเขาพร้อม ๆ กับความรู้สึกวูบวาบที่แผ่ซ่านไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกนั้นบวกกับฤทธิ์แชมเปญจ์หรือไม่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถแน่ใจได้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะขัดขืนการกระทำของชายผมบลอนด์ และปล่อยให้เขารุกรานร่างกายของเธอแต่โดยดี
หลังจากจูบหญิงสาวตรงหน้าได้ระยะหนึ่งแล้ว นายลูเซียสก็ถอนริมฝีปากออกมาพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่ดูเคลิ้มมึนของเธอ โดยที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็จ้องเขากลับ และสิ่งเดียวที่เธอเห็นก็คือดวงตาสีเงินที่แทบจะลุกเป็นไฟของนายลูเซียส แต่ในคราวนี้มันกลับไม่ได้มาจากความโทสะหรือเกรี้ยวกราด ตรงกันข้ามมันกลับมาจากความปรารถนา และก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไปนั้นชายผมบลอนด์ก็เอื้อมมือแกะมวยผมที่ด้านหลังศีรษะของเธอออก ผมสีน้ำตาลดกหนาของเฮอร์ไมโอนี่ร่วงลงมาคลอเคลียไหล่ของเธอ ในเวลาเดียวกับที่ที่ชายผมบลอนด์เข้ามาจูบเธออีกครั้ง!
จูบครั้งที่สองนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง เพราะมันเป็นจูบที่เร่าร้อนกว่าและรุนรานมากกว่าเมื่อชายผมบลอนด์พยายามจะเข้าไปควานหาความหอมหวานภายในปากของหญิงสาวขณะที่เขาค่อย ๆ รั้งร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียง ดวงสีน้ำตาลของเธอเบิกกว้างเพราะการกระทำนั้น แต่นายลูเซียสก็ไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธเมื่อมือใหญ่ของเขากดร่างของเธอลงบนเตียงพร้อม ๆ กับที่เขาโน้มร่างของตัวเองลงมา

“อย่าค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบขึ้นมาทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกจากเธอ แต่ชายผมบลอนด์กลับไม่มีท่าทีแปลกใจในการกระทำนั้นพอ ๆ กับที่เขาไม่มีความคิดที่จะหยุดการกระทำต่อไปของเขาด้วย เมื่อเขาเริ่มไล้ริมฝีปากไปตามขากรรไกรของหญิงสาว ขณะที่มือใหญ่ข้างหนึ่งของเขาลูบไล้ร่างบางผ่านอาภรณ์ที่เธอสวมใส่อยู่
“อย่าค่ะ ปล่อยฉัน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง และพยายามผลักร่างใหญ่โตตรงหน้าของเธอออก แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จพอ ๆ กับที่สามีของเธอไม่มีท่าทีว่าจะหยุดการกระทำของเขาแต่อย่างใด ริมฝีปากของนายลูเซียสเลื่อนไปจูบที่ใบหูของหญิงสาวก่อนเลื่อนลงมาที่ลำคอระหง ขณะที่มือใหญ่ของเขาลูบไล้เอวคอดกิ่วขึ้นมาจนถึงทรวงอกของเธอ เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจเพราะการกระทำนั้น เธอรู้ดีว่าเธอไม่อาจปล่อยให้นายลูเซียสล่วงเกินร่างกายของเธอไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว!
และก่อนที่หญิงสาวจะทันได้คิดอะไรออกนั้น ฝ่ามือเล็กก็ฟราดเปรี้ยงเข้าไปที่แก้มซีดเซียวของชายตรงหน้า! ส่งผลให้นายลูเซียสหยุดการกระทำของเขาในทันที!
และสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับรู้หลังจากนั้นก็คือดวงตาสีเงินของชายผมบลอนด์ที่เคยลุกโชนด้วยไฟปรารถนาบัดนี้กลับแปรเปลี่ยนมาเป็นแววตาที่โกรธขึ้ง นายลูเซียสกัดฟันกรอดเพราะพลางยกมือข้างหนึ่งสัมผัสแก้มข้างที่ถูกตบ ก่อนที่มองมาที่หญิงสาวด้วยดวงตาสีเงินที่เยือกเย็นจนเธอนึกเสียใจในการกระทำของเธอเมื่อครู่
นายมัลฟอยพูดรอดริมฝีปากของเขาออกมา
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าเธอไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนี้กับฉันอีก โดยเฉพาะในตอนที่เราแต่งงานกันแล้วและฉันก็เป็นสามีของเธอแล้ว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาหากแต่ฟังดูเกรี้ยวกราด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนเขา ดวงตาสีน้ำตาลของเธอฉายแววหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน แต่นั่นก็ไม่ทำให้ร่างใหญ่นั้นรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
และดวงตาของหญิงสาวก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อเธอเห็นว่านายลูเซียสเอื้อมมือไปปลดเสื้อคลุมตัวนอกของเขาและโยนมันไปไกล ๆ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นการกระทำนั้นแล้ว และรู้ว่าชายตรงหน้าต้องการอะไรก็รีบผลักร่างใหญ่ของเขาออกและกระเถิบหนีไปทางหัวเตียงทันที แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเมื่อเธอรู้ว่าเธอคิดผิด เพราะแรงของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอทำได้แค่เพียงให้ร่างใหญ่นั้นเซไปเล็กน้อยเท่านั้น นายลูเซียสมองดูภาพเฮอร์ไมโอนี่ที่พยายามดิ้นรนด้วยท่าทีที่ขบขันก่อนจะพูดขึ้น
“เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีท่าทีจะเชื่อฟังฉันเลยแม้แต่น้อย เมื่อเป็นอย่างนี้ฉันก็คงต้องสอนบทเรียนบางอย่างให้เธอแล้วกระมัง” เขากล่าวก่อนจะเคลื่อนกายเข้าไปหาร่างที่สั่นเทาของหญิงสาว
“อย่า” เธอร้องเมื่อเห็นว่าร่างใหญ่นั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอ เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะขยับหนีไปทางหัวเตียงอย่างจนปัญญา และเธอก็ต้องหวีดร้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมือแข็งแรงของนายลูเซียสคว้าข้อเท้าของเธอได้และลากเธอให้ลงมานอนกับเตียงตามเดิม ก่อนจะโน้มร่างเข้ามาหาหญิงสาวที่มีท่าทีตื่นตระหนกและจูบเธอที่ริมฝีปาก!
การจูบในครั้งนี้มันช่างต่างกับที่ชายผมบลอนด์จูบเธอก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ราวกับเธอย้อนได้กลับไปในตอนที่นายลูเซียสขโมยจูบแรกของเธอไปก็ไม่ปาน เพราะมันไม่มีความหอมหวานหรือการแสดงความรักเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับเต็มไปด้วยการวางอำนาจ การบีบบังคับ และการครอบครองเสียมากกว่า
เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนขณะที่ชายผมบลอนด์บดริมฝากของเขาลงมาอย่างไม่ปราณี แต่เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากแค่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเขาเท่านั้น หลังจากที่เขาจูบหญิงสาวที่ริมฝีปากจนพอใจแล้วนายลูเซียสก็เลื่อนใบหน้าของเขาต่ำลงมาที่ซอกคอของเธอ! ขณะที่หญิงสาวกรีดร้องอย่างหวาดกลัวและพยายามผลักเขาออกด้วยแรงที่มีอยู่อันน้อยนิด ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด
“ได้โปรด อย่าทำแบบนี้!” เธออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แม้จะรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ก็ตาม ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยมีน้ำตาคลอเอ่อ ขณะที่ร่างใหญ่ที่กำลังคร่อมร่างของเธออยู่เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยแววตาขบขันก่อนจะกระซิบขึ้นมา
“เธอไม่อยากให้ฉันทำแบบนี้ แล้วจะให้ฉันทำแบบไหน เกรนเจอร์” นายลูเซียสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มดุจแพรไหม ก่อนจะไล้จมูกไปตามลำคอขาวผ่องของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับเขาต้องการสูดกลิ่นหอมจากกายของเธอ
“ปล่อยฉันไป.......ได้โปรดอย่าทำอะไรฉัน” หญิงสาวขอ ร่างเล็ก ๆ นั้นสั่นเทาอย่างน่าสงสารแต่กลับไม่มีแววปราณีอยู่ในดวงตาสีเงินที่กำลังจ้องมองเธออยู่เลย
“ปล่อยเธอไปงั้นหรือ” เขาทวนคำด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “ตอนนี้เธอแต่งงานกับฉันแล้ว ขืนฉันปล่อยเธอไปฉันก็ได้กลายเป็นไอ้งั่งน่ะสิ” ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้าง เธอทำท่าจะร้องแต่ร่างใหญ่นั้นเข้ามาจูบปิดปากเธออีกครั้ง
“อือ!” หญิงสาวคราง พยายามดิ้นรนให้ตัวเองหลุดพ้นจากจูบรวมทั้งการเกาะกุมของเขา แต่เธอก็ไม่อาจะทำได้เมื่อร่างใหญ่ตรงหน้าเข้ามาคร่อมร่างเธอไว้ แขนแข็งแรงทั้งสองข้างของเขาแนบอยู่ข้างลำตัวของเธอราวกับเขาต้องการกักขังเธอ ขณะที่ร่างใหญ่นั้นก็แนบชิดลงมาจนเธอรู้สึกอึดอัด นายลูเซียสจูบเธอจนพอใจก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา เขามองไปที่ร่างดื้อดึงเบื้องล่างก่อนจะพูดขึ้น
“อย่าขัดขืนไปเลยเกรนเจอร์ เพราะเธอไม่มีวันหนีฉันพ้น” นายลูเซียสพูดอย่างไร้ความปราณี ก่อนจะยันร่างขึ้นจากเตียงเพื่อถอดเสื้อเชิ้ตของตนเองออก หญิงสาวหน้าซีดเผือดกับสิ่งที่เห็น เพราะเมื่อเห็นแผ่นอกที่เปลือยเปล่าของชายตรงหน้าปรากฏขึ้นสู่สายตาของเธอแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอต่อไปนั้นคืออะไร!

…………………………………………….

อันที่จริงเฮอร์ไมโอนี่รู้มาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ตอนที่เธอเซ็นต์สัญญาแต่งงานระหว่างนายลูเซียสกับเธอแล้วว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพราะความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาเป็นสิ่งที่ระบุอยู่ในสัญญาอย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจทำใจได้เลยที่จะต้องตกเป็นของลูเซียส มัลฟอย พอ ๆ กับที่เธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นในแบบนี้ เธอไม่ต้องการที่จะถูกเขาขืนใจเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอแล้วก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีเช่นกันว่าเธอไม่อาจป้องกันตนเองจากการรุกรานของชายตรงหน้าได้พอ ๆ กับที่เธอไม่อาจจะหนีไปจากเขาได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงเหลือเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นสำหรับเธอ ก็คือการอ้อนวอนให้เขาหยุดการกระทำของเขาเสียที!
“ได้โปรด” เธอกระซิบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาพอ ๆ กับร่างกายของเธอ น้ำตาเริ่มไหลเอ่อดวงตาคู่สวยขณะที่เธอพูดออกมา “ได้โปรดเถอะค่ะ ฉันขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย” เธออ้อนวอนเขา และสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับกลับมาก็คือดวงตาสีเงินที่มองมาทางเธออย่างเอ็นดูมากขึ้น แต่ในสายตาของหญิงสาวแล้วมันกลับดูเหมือนแววตาของปีศาจร้ายมากกว่าอะไรทั้งหมด!
“ชู่ว์ เงียบซะ” เขาพูดพลางปัดปอยผมออกจากใบหน้างามของเฮอร์ไมโอนี่
“เธอก็รู้ว่าฉันหยุดไม่ได้ เธอก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น” เขากล่าวพลางก้มลงไปจูบแก้มของเธอเบา ๆ ก่อนจะละจากแก้มเนียนมาโดยที่ใบหน้าของเขาอยู่ในระดับสายตาของหญิงสาว และเขาก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับเขาต้องการจะบอกเธอว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
“ฉันบอกเธอได้เลยนะว่าถ้าเธอยอมเชื่อฟังฉันตั้งแต่แรก มันก็คงจะไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก” เขาพูดเรียบ ๆ หากแต่สายตาที่จ้องมองเธอนั้นดูหนักแน่นและจริงใจมากกว่าอะไรทั้งหมด จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเชื่อเขาเมื่อเขาพูดประโยคต่อมา
“มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ขอแค่เธอเชื่อใจฉันเท่านั้นและทำตัวตามสบายเท่านั้น” นายลูเซียสกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย และก็น่าแปลกเหลือเกินที่เฮอร์ไมโอนี่ยอมเชื่อคำพูดนั้นและทำตามที่เขาบอก ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ได้รับความไว้วางใจจากเธอด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะสำหรับหญิงสาวในตอนนี้แล้วเธอไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากยอมเชื่อฟังชายตรงหน้าเท่านั้น!
แม้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ได้ตอบตกลงหรือพูดอะไรออกไปก็ตาม แต่ดูเหมือนนายลูเซียสจะถือเอาว่าการนิ่งเงียบคือการตกลงเมื่อเขาก้มลงมาจูบหญิงสาวอีกครั้ง
แน่นอนว่าจูบครั้งนี้อ่อนโยนกว่าครั้งก่อนมากนัก แต่ชายผมบลอนด์ก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มของเธอนานนัก เมื่อเขาไล้ริมฝีปากของเขาลงมาตามขากรรไกรของเธอเรื่อยไปจนถึงซอกคอจรดทรวงอกอิ่ม และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีจะขัดขืนการกระทำนั้น มือใหญ่ของชายผมบลอนด์ก็รวบเอามือเล็กบอบบางของเธอไปกุมไว้ก่อนขณะที่เขาพรมจูบไปทั่วซอกคอขาวผ่อง จนหญิงสาวต้องหลับตาลงพร้อมกับกัดริมฝีปากอย่างสะกดอารมณ์
แต่แล้วดวงคู่สวยก็ต้องลืมขึ้นทันทีเมื่อเธอรู้สึกว่ามือของนายลูเซียสเลื่อนไปแตะด้านหลังชุดแต่งงานของเธอและเริ่มรูดซิปที่อยู่ด้านหลังลง และสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาก็คือดวงตาสีเงินอันล้ำลึกของเขาที่จ้องมาทางเธอราวกับต้องการบอกให้เธอเชื่อใจเขา และอาจจะเป็นเพราะแววตาที่หนักแน่นของนายลูเซียสที่มากดร่างของเธอไว้หรือเปล่าหญิงสาวก็อาจทราบได้ แต่เท่าที่เธอรู้ก็คือเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับถูกดวงตาคู่นั้นสะกดไว้ให้อยู่กับที่ และในที่สุดเธอก็ยอมทำตามที่นายมัลฟอยบอกไว้ก่อนหน้านี้คือเชื่อใจเขาและปล่อยตัวไปตามสัมผัสของเขาเท่านั้น
และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงอีกครั้ง พร้อม ๆ กับไฟในห้องที่ดับลง

…………………………………………….

สิ่งแรกที่หญิงสาวรู้สึกหลังจากหลับตาลงแล้วก็คือความอบอุ่นที่ทาบทับลงมาบนริมฝีปากอิ่มของเธอพร้อมกับที่มือใหญ่ที่ค่อย ๆ รูดซิบของชุดแต่งงานออกอย่างชำนิชำนาญ นายลูเซียสสัมผัสริมฝีปากอ่อนนุ่มของเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยนก่อนที่สัมผัสของเขาจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นรุนแรงและรุกรานมากยิ่งขึ้น เมื่อชายผมบลอนด์แทรกลิ้นเข้ามาในปากของเธอและเริ่มควานหาความหอมหวานในปากของหญิงสาว โดยที่เธอรู้สึกอึดอัดกับกระกระทำนั้นและพยายามจะผลักไสเขาออกไป แต่ร่างใหญ่นั้นก็ไม่ยอมขยับเลยแม้แต่น้อย และเมื่อเขาลิ้มรสความหอมหวานในริมฝีปากของหญิงสาวจนพอใจแล้ว ร่างใหญ่ก็ถอนใบหน้าขึ้นมาก่อนจะเลื่อนมันลงไปตามซอกคอเพรียวบางพร้อม ๆ กับที่มือใหญ่ค่อย ๆ ปลดชุดสวยของเธอออกตามเรือนร่างเพรียวบาง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ยังไม่ทันจะปรับลมหายใจจากจูบเมื่อครู่ได้ก็ต้องครางในลำคอขึ้นมาเมื่อริมฝีปากของนายลูเซียสสัมผัสซอกคอระหงส์อีกครั้ง
“อือ....” หญิงสาวครางเมื่อชายผมบลอนด์จูบลำคอของเธออย่างหนักหน่วง ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงต่ำพร้อม ๆ กับที่ชุดของเธอถูกดึงออกจากร่างงามเพื่อเปิดเผยเรือนร่างขาวผ่องท่ามกลางแสงจันทร์

ลูเซียส มัลฟอยจ้องมองเรือนร่างบางของหญิงสาวตรงหน้าอย่างพอใจ เจ้าสาวของเขาช่างงดงามสมบูรณ์แบบยิ่งนัก เธอมีเรือนร่างที่งดงามไม่แพ้ใบหน้าของเธอจนเขาอดไม่ได้ที่จะสัมผัสเรือนร่างบอบบางหากแต่งดงามสมส่วนของเธอ มือใหญ่ของชายผมบลอนด์ลูบไล้ไปตามเอวคอดกิ่วจนถึงสะโพกผายไล่ไปจนต้นขาเรียว ขณะที่หญิงสาวครางออกมา ร่างเล็ก ๆ ของเธอสั่นสะท้านกับสัมผัสของเขา เธอรู้สึกราวกับขนทั้งร่างกายลุกชันเพียงเพราะมือของเขาสัมผัสร่างกายของเธอเท่านั้น และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเฮอร์ไมโอนี่กลับไม่สามารถปฏิเสธสัมผัสจากชายตรงหน้าได้เลย ตรงกันข้ามตอนนี้ร่างกายของเธอยังแทบจะหลอมละลายไปเพราะสัมผัสนั้นอีกต่างหาก!
นายลูเซียสมองเจ้าสาวที่แสนจะงดงามของเขาด้วยแววตาเอ็นดู ริมฝีปากบางยกสูงอย่างพอใจขณะที่เขาก้มลงไปกระซิบที่หูของหญิงสาวอย่างแผ่ว
“เธอสวยมากทีเดียว” น่าแปลกเหลือเกินที่คำพูดสั้น ๆ ที่แสนจะธรรมดานั้นกลับทำให้หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเธอควรจะรังเกียจสัมผัสตรงหน้ามากกว่าอะไรทั้งหมด แต่เท่าที่เธอทำได้ในตอนนี้คือนอนหอบหายใจถี่อยู่ภายใต้ร่างของเขาเท่านั้น!
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งขึ้นอีกครั้งเมื่อมือใหญ่ของนายลูเซียสเลื่อนไปจัดการกับอาภรณ์ที่เหลืออยู่ของเธออย่างแผ่วเบาราวกับเขาคาดไว้แล้วว่าเธอจะตกใจเพราะการกระทำของเขา ขณะเดียวกันนั้นเองริมฝีปากของชายผมบลอนด์ก็จูบลงที่เนินอกอิ่มซึ่งโผล่พ้นบราเซียลูกไม้สีดำออกมา ขณะที่เขาค่อย ๆ ปลดตะขอบราของเธอออกอย่างระมัดระวัง แต่การกระทำของนายลูเซียสก็ไม่แผ่วเบาพอที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้สึกอะไรเลยได้ ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเพราะการกระทำนั้น มือเล็กทั้งสองข้างของเธอเลื่อนขึ้นมากุมบราเซียของตนแน่นพลางมองชายตรงหน้าอย่างหวาดกลัว แล้วเขาก็ตอบแทนสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของร่างเล็กนั้นด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
มือใหญ่ของชายผมบลอนด์เลื่อนมาแกะมือเล็กของหญิงสาวออก เฮอร์ไมโอนี่สั่นศีรษะด้วยความหวาดกลัว น้ำตาคลอเอ่อดวงตาคู่สวย ขณะที่ชายตรงหน้ายิ้มเพราะท่าทีนั้น ดวงตาสีเงินของเขามองร่างสั่นเทาเบื้องล่างด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่าเขาสามารถใช้กำลังบังคับเธอได้ไม่ยาก เขาทำได้แม้กระทั่งมัดมือเล็ก ๆ ซุกซนของเธอที่กำลังขวางทางเขาอยู่ได้ด้วยซ้ำ แต่นายลูเซียสไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่ในคืนแต่งงานของเขาและเธอแบบนี้ แต่เมื่อคิดอีกทีหนึ่งเขาอาจจะจำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ถ้าหากหญิงสาวยังคงดื้อดึงอยู่
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรที่ค่อนข้างจะโหดร้ายกับเจ้าสาวของเขาลงไปนายลูเซียสก็พูดขึ้น
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธฉันได้ และเธอจะทำให้ตัวเองลำบากมากกว่าเดิมถ้าคิดจะดื้อกับฉันอีก” เขาพูดพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่หวาดกลัวของหญิงสาวด้วยแววตาที่บอกว่าเขาหมายความตามที่พูดจริง ๆ และเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกราวกับเธอกำลังจมลึกลงไปในทะเลสาบกลางฤดูหนาวเมื่อเธอสบดวงตาสีเงินอันแสนจะเย็นชาของนายลูเซียส และเมื่อรู้ดีว่าเธอไม่มีทางจะขัดขืนเขาได้นานหญิงสาวก็ยอมแพ้แต่โดยดี
ชายผมบลอนด์ปัดมือเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะเลื่อนมือของเขาไปที่บราเซียของหญิงสาว และเมื่อเขาแกะมันออกก็เผยให้เห็นทรวงอกอิ่มสมบูรณ์แบบของเธอพร้อม ๆ กับที่เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงเมื่อน้ำตาหยดหนึ่งไหลไปตามแก้มเนียน
นายลูเซียสจ้องมองเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึง เธอช่างงดงามยิ่งกว่าที่เขาจินตนการไว้เสียอีก ทรวงอกของเธอนั้นเต็มอิ่มและมีรูปทรงสวยงามอย่างที่หญิงสาวทุกคนปรารถนาที่จะมีจนเขาอดไม่ได้ที่จะสัมผัสมัน
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเมื่อมือเย็นเฉียบของชายผมบลอนด์เลื่อนมาโอบอุ้มทรวงอกของเธอไว้ หญิงสาวพยายามจะดิ้นรน แต่ริมฝีปากบางของชายตรงหน้าก็เลื่อนขึ้นมาจูบปิดปากเธอเสียก่อนขณะที่เขาเคล้นคลึงทรวงอกงามของเธออย่างพอใจ
“อือ!” หญิงสาวครางในลำคอขณะพยายามผลักไสจูบของนายลูเซียส แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้พอ ๆ กับที่เธอไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกดีไปกับสัมผัสของเขาได้เลย แม้จะรู้ดีว่าคนที่กำลังล่วงเกินร่างกายของเธออยู่นั้นคือลูเซียส มัลฟอย ผู้ชายคนสุดท้ายในโลกที่เธอต้องการจะให้แตะต้องตัวเธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับห้ามตัวเองไม่ให้แอ่นกายขึ้นเพื่อรับสัมผัสจากมือใหญ่นั้นได้เมื่อมันเคล้นคลึงทรวงอกอิ่มของเธออยู่ หญิงสาวรู้สึกราวกลับเธอไม่สามารถจะหายใจได้ ในท้องของเธอขมวดเกร็ง ขนทั้งร่างกายของเธอลุกชัน ขณะที่ความรู้สึกอันแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเข้าครอบงำหญิงสาวจนทำให้เธอรู้สึกวาบหวิวไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแน่นเมื่อมือของนายลูเซียสละไปจากร่างกายเธอ แต่ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องเปล่งเสียงครางออกมาเมื่อมือใหญ่ที่ละไปนั้นถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากอุ่นของนายมัลฟอยเมื่อเขาจูบเธอที่ทรวงอกและดูดกลืนยอดถันของเธออย่างเพลิดเพลิน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่แอ่นกายขึ้นจากเตียง หญิงสาวแทบจะทนไม่ได้กับสัมผัสนั้น มันทำให้เธอรู้สึกเสียววาบไปจนถึงปลายเท้าแม้เธอจะรู้ดีว่ามันจะมาจากใครก็ตาม

และตอนนี้ก็ไม่มีการขัดขืนใด ๆ จากเฮอร์ไมโอนี่อีกต่อไปแล้ว ตรงกันข้ามร่างบางนั้นกลับนอนหอบหายใจรวยรินหรือไม่ก็ครวญครางรับสัมผัสของร่างใหญ่ตรงหน้าเธอมากกว่า หญิงสาวรู้สึกว่าในหัวของเธอขาวโพลนราวกับมันเต็มไปด้วยหมอกควัน ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าชายตรงหน้าจะล่วงเกินเธอไปมากแค่ไหนแล้ว และกำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไประหว่างเธอกับเขา เพราะในตอนนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในห้วงความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ก็คือสัมผัสจากชายตรงหหน้าเท่านั้น!
นายลูเซียสมองหญิงสาวที่อ่อนปวกเปียกอยู่ใต้ร่างของเขาด้วยแววตาที่แสดงถึงความพออกพอใจ แน่นอนว่าเขาพอใจมากที่เธอไม่ดิ้นรนขัดขืนอีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็พอใจมากที่เขาสามารถปราบพยศเธอได้ง่ายกว่าคิดไว้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และเขารู้ดีว่าผู้หญิงนั้นต้องการอะไร แม้เธอจะไม่เหมือนผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบก็ตาม
เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหายใจอย่างเสียดายเมื่อรู้ว่าความอบอุ่นบริเวณทรวงอกถูกพรากไป หญิงสาวลืมตาที่หนักอึ้งของเธอขึ้นมาและสิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือดวงตาสีเงินของนายลูเซียสที่มองมาทางเธออย่างมีความหมายก่อนที่เขาจะเลื่อนศีรษะลงต่ำพร้อม ๆ กับมือของเขาที่ลูบไล้ไปตามเรียวขางามของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากเมื่อชายผมบลอนด์จูบหน้าท้องแบนเรียบของเธอเบา ๆ หญิงสาวหลับตาลงพลางหอบหายใจ แต่ดวงตาสีน้ำตาลก็ต้องเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อเธอพบว่ามือใหญ่นั้นเลื่อนกำลังดึงอารณ์ชิ้นสุดท้ายออกจากร่างกายของเธอ และเมื่อเธอทำท่าจะขัดขืนนายลูเซียสก็เอื้อมมือหนึ่งไปกดร่างเธอของเธอไว้ขณะที่เขาดึงอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกจากร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไปตามเรียวขาของเธอ
และตอนนี้เธอก็เปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างของเขาแล้ว!

ทันทีที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากร่างกาย เฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงอย่างหวาดกลัว มือเล็ก ๆ ของเธอพยายามจะปกปิดเนินเนื้อออกจากสายตาของร่างตรงหน้า แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใดพอ ๆ กับที่เธอรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป
หญิงสาวสะดุ้งขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอได้ยินเสียงร่างตรงหน้าถอดเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ของเขาออก ก่อนจะโยนมันไปไกล ๆ อย่างไม่ใส่ใจ เมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงรีบซุกหน้าเข้ากับหมอนและหลับตาลงราวกับเธอไม่ต้องการจะรับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า และสิ่งที่เธอรู้สึกได้ต่อมาก็คือเสียงยวบยาบของเตียงเมื่อร่างใหญ่นั้นเคลื่อนกายกลับมาอยู่บนเตียงอีกครั้ง ตามมาด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มที่ข้อเท้าของเธอ หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างตกใจและเธอก็พบว่าลูเซียส มัลฟอยกำลังจูบเรียวขาของเธอไล่ตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมาจนถึงต้นขาเรียว
เฮอร์ไมโอนี่ครางขึ้นมาเพราะการกระทำนั้นของเขา ขนทั้งกายของหญิงสาวลุกชัน และนี่เป็นอีกครั้งที่เธอปล่อยตัวให้หลอมละลายไปกับสัมผัสของชายตรงหน้า ในวินาทีต่อมาเธอก็รู้สึกว่ามือใหญ่ของเขาเลื่อนมากุมต้นขาของเธอไว้ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงบางอย่างที่รุกรานเข้ามาในร่างกายเธอ
ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกต่อมา หญิงสาวจึงพยายามดิ้นรนและผลักไสสัมผัสจากร่างตรงหน้า แต่เขากลับรุกรานเธอต่ออย่างไม่ปราณี!
“อย่าค่ะ ฉันเจ็บ!” เธอร้องพลางพยายามหลีกหนีจากร่างใหญ่นั้น ขณะที่นายลูเซียสยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งค้นพบ
แน่นอนว่าลูเซียสพอใจที่พบว่าเจ้าสาวของเขายังคงเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ แม้ว่าเธอจะต้องมอบความบริสุทธิ์ของเธอให้เขาในไม่ช้าก็ตาม แต่เขาก็เพิ่งรู้สึกตอนนี้เองว่าเขาได้ครอบครองสิ่งที่มีค่ามากแค่ไหน เพราะนอกจากร่างตรงหน้าของเขาจะเป็นทายาทของเรเวนคลอ และเจ้าหญิงแห่งความมืดตามคำทำนายแล้ว เธอยังเป็นหญิงสาวที่งดงามเกินกว่าผู้หญิงคนใดในโลก อาจจะยกเว้นแค่แม่ของเธอเองและภรรยาเก่าของเขาเท่านั้น รวมทั้งเธอยังเป็นแม่มดที่ฉลาด กล้าหาญ อ่อนเยาว์ และบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียด้วย แม้ว่าในตอนแรกนายลูเซียสจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ก็ตาม แต่เขาก็ต้องยอมรับแล้วว่ารางวัลชิ้นนี้นั้นสูงค่ามากสำหรับเขาจริง ๆ
และเขาก็ควรจะต้องรักษาเธอไว้อย่างดีด้วย
เมื่อคิดเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงถอนนิ้วมือของเขาออกมาจากร่างบางที่สั่นระริก ก่อนจะจูบแก้มหญิงสาวอย่างแผ่วเบาขณะที่เขาขึ้นมาคร่อมร่างของเธอไว้ แน่นอนว่าเจ้าสาวของเขากำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอต่อไป แต่นายลูเซียสก็มั่นใจว่าเขาจะพาเธอผ่านมันไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
ชายผมบลอนด์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว และเธอก็มองเขาตอบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“อย่ากลัวไปเลย เจ็บนิดเดียวเท่านั้น” เขากระซิบ และก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะมีสิทธิ์ได้ประท้วงอะไรออกไปนายลูเซียสก็จูบปิดปากหญิงสาวพร้อมกับเคลื่อนกายเข้าครอบครองเธอ
ความเจ็บปวดเป็นสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเมื่อร่างใหญ่นั้นทาบทับลงมา เธอพยายามจะกรีดร้องและดิ้นรน แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถทำได้เมื่อร่างตรงหน้าโอบกอดเธอไว้อย่างแน่นหนา สองแขนแข็งแรงของเขาแนบอยู่ข้างกายของเธอราวกับมันเป็นปราการที่กักขังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใต้การขุมขังของนายลูเซียสเท่านั้น!
น้ำตาใสไหลอาบแก้มของเฮอร์ไมโอนี่ในวินาทีต่อมา เธอรู้สึกราวกับร่างกายของเธอจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อร่างใหญ่ตรงหน้ายังคงดันกายเข้ามาในร่างของเธอ และในวินาทีที่ชายผมบลอนด์ถอนริมฝีปากออกมาจากเธอ หญิงสาวก็กรีดร้องขึ้นมาพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนัก ขณะเดียวกับที่ร่างใหญ่นั้นกัดฟันกรอดอย่างสะกดอารมณ์เมื่อเขาเข้ามาในกายของเธอจนสุด
เฮอร์ไมโอนี่ซบหน้าลงกับหมอนพลางหอบหายใจ แม้ความเจ็บปวดจะเริ่มจางไปบ้างแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวก็ยังคงรู้สึกถึงความอึดอัดที่เขามอบให้เธออยู่ ทั้งน้ำหนักตัวของชายตรงหน้าที่กดทับลงมายังร่างเล็กของเธอรวมทั้งการกระทำที่เกือบจะเรียกได้ว่าโหดร้ายสำหรับเธอ และในขณะที่เธอพยายามหลับตาลงเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดนั้น นายลูเซียสก็จูบแก้มที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ หญิงสาวลืมตาขึ้นมองชายตรงหน้าขณะที่เขาค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่แก้มของสองข้างของเธออย่างแผ่วเบา และเมื่อเขาแน่ใจว่าเธอเริ่มปรับตัวได้แล้วมือใหญ่ของชายผมบลอนด์ก็คว้าแขนของหญิงสาวเอาไว้และยกมันขึ้นโอบรอบคอเขา
เฮอร์ไมโอนี่มองเจ้าบ่าวของเธออย่างไม่เข้าใจขณะที่เขาพูดขึ้นว่า
“จับฉันไว้ดี ๆ ” เขากระซิบเสียงต่ำ ก่อนที่จะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของเธออีกหนแล้วจึงเริ่มดำเนินบทรักของเขา
แม้ว่าความเจ็บปวดตรงกลางกายจะกลับมาอีกครั้งเมื่อชายผมบลอนด์เริ่มขยับกาย แต่ไม่นานนักมันก็เปลี่ยนไปเป็นความรัญจวนใจจนเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจห้ามตัวเองให้ครางออกมาได้เมื่อนายลูเซียสเคลื่อนกายเข้าครอบครองเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ชายผมบลอนด์ยังอ่อนโยนพอที่จะเริ่มบทรักของเขาอย่างช้า ๆ และนุ่มนวลก่อนจะเปลี่ยนเป็นหนักแน่นมากขึ้นเมื่อเขาแน่ใจว่าเธอสามารถปรับตัวได้แล้ว
การอยู่ในอ้อมกอดของลูเซียส มัลฟอยเป็นสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจว่าชายที่กำลังกอดเธออยู่นั้นเป็นใครรวมทั้งเขาได้ช่วงชิงอะไรไปจากเธอบ้างแล้ว แต่หญิงสาวก็ไม่อาจห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึกดีไปกับสัมผัสของเขาได้ ทุกครั้งที่ร่างใหญ่นั้นทาบทับลงมาเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ครวญครางเพราะสัมผัสของเขาได้ ขณะที่มือเล็ก ๆ ของเธอโอบไหล่กว้างของสามีไว้แน่นราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงแห่งเดียวของเธอในตอนนี้
ยิ่งนายมัลฟอยดำเนินบทรักของเขาไปนานเท่าไหร่หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มมากเท่านั้น ราวกับร่างกายของเธอถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟของเขา ทุกอนูผิวกายของเธอรุ่มร้อนเมื่อถูกเขาสัมผัส เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับร่างกายของเธอกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางพายุแห่งความปรารถนา หญิงสาวรู้สึกราวกับบางอย่างกำลังก่อตัวอยู่ในร่างกายของเธอ และความรู้สึกนั้นก็รุนแรงขึ้นทุกครั้งที่ร่างใหญ่นั้นถาโถมกายเข้ามา จนในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกราวกับบางอย่างที่ก่อตัวอยู่ในร่างของเธอได้ระเบิดออกมา และส่งระลอกคลื่นแห่งความสุขจำนวนมหาศาลให้แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า!
หญิงสาวครางออกมาเมื่อเธอโบยบินสู่สรวงสวรรค์ ร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดของนายลูเซียส ขณะที่เขาก้มลงจูบเธอที่ซอกคออย่างหลงใหลก่อนที่จะโถมกายเข้ามาในร่างของเธออย่างหนักหน่วง มือใหญ่ของชายผมบลอนด์กำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อเขารู้สึกถึงคลื่นความสุขที่กำลังก่อตัวภายในร่างกายของเขา ไม่นานนักร่างใหญ่นั้นก็กัดฟันแน่น เขาโถมกายเข้าไปในร่างของเฮอร์ไมโอนี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะครางในลำคอออกมาเมื่อเขาและเธอหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันท่ามกลางความมืดยามราตรี
ร่างใหญ่ซบลงบนร่างบางของหญิงสาวเมื่อบทรักของเขาจบลง พลางมองร่างบางที่กำลังหอบหายใจด้วยความหลงใหลก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมนของเธอและสูดกลิ่นเนื้อสาวเบา ๆ ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นสูงอย่างพอใจกับความจริงที่ว่า ตอนนี้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

…………………………………………….

แสงจันทร์ที่มัวหมองสาดส่องเข้ามายังร่างสองร่างที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ราวกับแท่นบรรทม แน่นอนว่าร่างทั้งสองนั้นเป็นคู่บ่าวสาวที่เพิ่งผ่านพิธีแต่งงานมาหมาด ๆ อย่างลูเซียส มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ ซิลเวีย แต่พวกเขากลับดูไม่เหมือนคู่แต่งงงานใหม่เลยแต่อย่างใด
เพราะบนเตียงสี่เสานั้นเฮอร์ไมโอนี่ ซิลเวีย หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอย ผู้เป็นคุณนายมัลฟอยคนใหม่นั้นกำลังนอนร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งของเตียง เธอหันหลังให้สามีของเธอที่กำลังนอนหงายอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงโดยที่แขนทั้งสองข้างสอดอยู่ใต้ศีรษะ ดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยเหม่อมองไปบนเพดานอย่างครุ่นคิด

ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองเธอแล้ว เขาได้ครอบครองหญิงสาวอย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรืออำนาจของเธอ เธอซึ่งเป็นหญิงสาวที่งดงามและทรงอำนาจที่สุดในโลกเวทย์มนต์ แต่นายลูเซียสกลับรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่เขาได้ทุกสิ่งที่เขารวมทั้งจอมมารต้องการมาอยู่ในมือของเขาแล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังไม่รู้สึกพอใจอีกนะ ทำไมเขาถึงยังรู้สึกราวกับมีบางอย่างขาดหายไป
แต่มันจะมีอะไรขาดหายไปได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาได้ทุกอย่างมาอยู่ในมือแล้ว และสิ่งที่เขากำลังครอบครองนั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้ชายทั่วทั้งโลกเวทย์มนต์ได้แต่ฝันถึง ในเมื่อเขาได้ครอบครองหญิงสาวที่งดงาม เฉลียวฉลาด และมีอำนาจอย่างไม่มีประมาณ ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยแล้วเขายังจะต้องการอะไรจากเธออีกล่ะ ความรักอย่างนั้นหรือ
แน่นนอนว่าลูเซียส มัลฟอยไม่ได้หวังที่จะได้รับความรักจากเฮอร์ไมโอนี่ พอ ๆ กับที่เขาเองก็ไม่สามารถมอบความรักของเขาให้กับเธอได้ แม้จะรู้ดีว่า ‘ความรัก’ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงคู่สมรสไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนามากกว่าความสัมพันธ์ทางกายก็ตาม แต่ชายผมบลอนด์ก็คิดว่าเขาคงไม่สามารถที่จะรักหญิงสาวคนนี้ได้แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่งดงามมากเพียงใดก็ตาม เพราะความรักทั้งหมดของเขาได้มอบให้กับนาร์ซิสซา ภรรยาเก่าของเขาจนหมดแล้ว
นายลูเซียสเหม่อมองไปบนเพดานพลางนึกถึงคืนแต่งงานของเขากับนาร์ซิสซา แม้ว่ามันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงจำเรื่องราวในคืนนั้นได้ดีพอ ๆ กับที่เขายังคงจำนาร์ซิสซาของเขาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่ารอยยิ้มที่อ่อนโยน สัมผัสที่อบอุ่น และน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเธอ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นนายมัลฟอยก็ต้องยอมรับกับตัวเองแล้วว่า สิ่งที่เขารู้สึกว่ามันขาดหายไปสำหรับงานแต่งงานที่ควรจะสมบูรณ์แบบในครั้งนี้ก็คือ ‘ความรัก’ นั่นเอง และที่เขารู้สึกว่าคืนแต่งงานครั้งก่อนของเขาสมบูรณ์แบบนั้นเป็นเพราะมันมีสิ่งที่งานแต่งงานครั้งนี้ไม่มีซึ่งก็คือความรักที่เขามีให้ต่อภรรยาของเขา เช่นเดียวกับที่เธอมีให้เขา

นายลูเซียสถอนใจเมื่อเขาได้ยินสียงสะอื้นอันแผ่วเบาที่ดังมาจากร่างเล็ก ๆ ที่กำลังหันหลังให้เขาอยู่ เฮอร์ไมโอนี่นอนร้องไห้แบบนี้มานานกว่าสามสิบนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่บทรักของพวกเขาจบลง และชายผมบลอนด์ก็รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อยที่ได้ยินเสียงนั้น เพราะการน้ำตาของเธอเป็นตัวตอกย้ำถึงสิ่งที่เขาได้ทำกับเธอก่อนหน้านี้ คือการที่เขารุนแรงและเร่งรัดเธอมากเกินไป และการที่เจ้าสาวของเขาร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กเล็ก ๆ ในคืนแต่งงานแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่าอะไรทั้งหมด

‘แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นเด็กอยู่ และเธอก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเขาอย่างไม่เต็มใจด้วย’

ความคิดนั้นผุดขึ้นในสมองของนายลูเซียสในเวลาต่อมา และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่คิดจะโมโหเฮอร์ไมโอนี่อีกต่อไป ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกเห็นใจหญิงสาวขึ้นมาบ้าง แม้ว่าเขาไม่ได้รักเธอพอ ๆ กับที่เขาไม่คิดจะรักใครอีกต่อไปก็ตาม เพราะตั้งแต่นาร์ซิสซาภรรยาเก่าของเขาตายจากเขาไปก็เหมือนหล่อนพรากหัวใจของเขาไปด้วย ลูเซียสรู้ดีว่าเขาไม่อาจรักใครได้นอกจากเธอ แม้ว่าเจ้าสาวของเขาในคืนนี้จะงดงามและมีค่าเพียงใดก็ตามแต่เธอก็ไม่ใช่นาร์ซิสซาของเขา เพราะนาร์ซิสซาได้จากเขาไปยังที่ไกลแสนไกลเสียแล้ว
นายลูเซียสถอนหายใจเมื่อความคิดของเขานำเขากลับมายังอดีตที่เจ็บปวดและภาพความทรงจำของผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ชายผมบลอนด์หลับตาลงเพื่อพยายามจะลบภาพภรรยาเก่าของเขาออกจากสมอง ก่อนจะลืมตาขึ้นและเหลือบไปมองร่างอีกร่างหนึ่งที่อยู่บนเตียง และสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือแผ่นหลังสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นของเฮอร์ไมโอนี่
แน่นอนว่าเขาไม่อาจรักเฮอร์ไมโอนี่ได้เท่านาร์ซิสซา แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวคนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา และเขาก็ควรจะดูแลเธอให้สมกับที่เธอเป็นคุณนายมัลฟอยของเขา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนายลูเซียสจึงเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่มือใหญ่ของเขาจะโอบกอดร่างเล็ก ๆ นั้นไว้และดึงมันมายังอ้อมแขนของเขา หญิงสาวมีท่าทีขัดขืนในตอนแรกแต่เธอไม่สามารถสู้แรงผู้ชายอกสามศอกเช่นเขาได้ โดยเฉพาะในตอนนี้เธอกำลังเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียแบบนี้
นายลูเซียสคว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่มาโอบกอดไว้แนบอกและให้เธอซบศีรษะลงบนไหล่ของเขา ชายผมบลอนด์นิ่วหน้าเมื่อเขารู้สึกถึงความเปียกชื้นอันมาจากน้ำตาของเธอที่หัวไหล่ แต่ถึงกระนั้นนายลูเซียสก็ไม่ลังเลที่จะเลื่อนมือใหญ่ของเขาไปลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลของหญิงสาวเบา ๆ อย่างปลอบประโลม
“เงียบซะ” เขากระซิบอย่างนุ่มนวลพลางจูบผมของเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ ขณะที่ร่างบางนั้นเลิกขัดขืน หญิงสาวร้องไห้ต่อไปไม่นานนักเธอก็ผลอยหลับไปโดยที่มือของชายผมบลอนด์ยังคงลูบศีรษะและแผ่นหลังของเธออยู่
และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวในอ้อมแขนหลับสนิทแล้วนายลูเซียสก็ก้มลงจูบเธอที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพึมพำออกมา
“ราตรีสวัสดิ์ เฮอร์ไมโอนี่” ชายผมบลอนด์กล่าวออกมาก่อนจะจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราโดยที่กอดร่างของหญิงสาวไว้แนบอก


*************************************************



คุยกันหลังอ่านหน่อยค่ะ
ไม่มีอะไรจะบอกนอกจาก อ่านไม่ชอบไม่ชอบอย่างไร แสดงความคิดเห็นกันเข้ามานะคะ ฟิคเรื่องนี้เขียนยากจริงไรจริงค่ะ พิกเลยอยากรู้ความคิดเห็นของคนอ่านค่ะ ตามนั้น ^^





Create Date : 09 มิถุนายน 2555
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 19:56:25 น. 4 comments
Counter : 7997 Pageviews.

 
บอกได้คำเดียว ชอบมากๆเลยค่ะ พี่พิก ^^


โดย: nata IP: 49.48.168.182 วันที่: 9 มิถุนายน 2555 เวลา:18:33:22 น.  

 

ดีใจที่ชอบค่ะ ขอบคุณสำหรับเม้นนะคะ


โดย: piksi วันที่: 19 กรกฎาคม 2555 เวลา:18:08:49 น.  

 
สนุกมากค่ะแต่งต่อให้จบนะค่ะจะรออ่าน


โดย: เพตรา IP: 124.121.112.173 วันที่: 8 สิงหาคม 2555 เวลา:9:18:22 น.  

 
สนุกมากค่ะ เป็นเรื่องที่แปลกมากไม่ค่อยมีคนแต่งเรื่องนี้เท่าไหร่ แร่ไรท์แต่งไดกลมกล่อมและเวลาอ่านแล้วไม่รู้สึกติดขัดเลยค่ะ


โดย: นักอ่านเงา IP: 58.11.225.98 วันที่: 23 มิถุนายน 2556 เวลา:15:04:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.