Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 10 Marrying the Monster Part I

คุยกันก่อนอ่านนะคะ

ฟิคตอนที่ 10 นี้มีฉากเรทนะคะ ถ้าใครไม่ชอบกรุณาอย่าอ่านนะคะ

[Part 1 นี้ยังไม่มีค่ะ แต่จะมีฉากเรทใน Part 2 นะคะ]

หรือไม่ถ้าต้องการอ่านฟิคเรื่องนี้ในเรท PG-13 เข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ //writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=760263&chapter=10
ขอบคุณมากค่ะ



รูปตัวละครในงานแต่งงานค่ะ ไม่ได้ทำเองนะคะ แต่เซฟมาจากในเน็ต



***Chapter 10 Marrying the Monster: การแต่งงานกับปีศาจร้าย Part I***

“ข้าขอประกาศให้เจ้าทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน!” เสียงของโวลเดอมอร์ที่ประกาศออกมาอย่างกึกก้องนั้นราวกับมีดที่เฉือนหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่ หญิงสาวหลับตาลงอย่างปวดร้าวท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้เสพความตาย และสิ่งแรกที่หญิงสาวได้เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาก็คือดวงตาสีเงินของลูเซียส มัลฟอยที่จ้องมองมาทางเธออย่างเย็นชาและเหินห่างราวกับเขาและเธอไม่ได้เพิ่งแต่งงานกันแต่อย่างใด แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้คิดหรือทำอะไรไปมากกว่านั้นมือใหญ่ของนายลูเซียสก็เข้ามากุมเอวของหญิงสาวไว้เพื่อรั้งร่างของเธอเข้ามาใกล้ ก่อนจะพาเธอลงเดินลงจากประรำพิธีท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกภายในห้อง
“ยิ้มเข้าไว้” ชายผมบลอนด์ก้มลงมากระซิบที่หูของหญิงสาว ก่อนจะหาร่างของเธอเดินลงไปหาเหล่าผู้เสพความตายที่ต่างยืนขึ้นและปรบมือให้เพื่อแสดงความยินดีแก่คู่แต่งงานใหม่อย่างพวกเขา ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่แกว่งวูบ แม้ว่าผู้เสพความตายจำนวนนับร้อยตรงหน้าจะมีสีหน้าแช่มชื่นและดูยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้ก็ตาม แต่รอยยิ้มบนใบหน้าเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาดูน่าคบขึ้นเลยแม้แต่น้อย
เสียงปรบมือนั้นดังขึ้นไม่นานมันก็เงียบลงพร้อม ๆ กับที่ลอร์ดโวลเดอมอร์เคลื่อนกายจากประรำพิธีมาลงมาอยู่ตรงหน้าผู้มาร่วมงานซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสมุนของเขาทั้งสิ้น ท่ามกลางสายตาของผู้เสพความตายทุกคนที่กำลังจ้องมองอยู่ จอมมารก็พูดขึ้น
“สหายของข้า ข้ายินดีจริง ๆ ที่ได้เห็นพวกเจ้ามารวมตัวกันในวันนี้ซึ่งเป็นวันที่พิเศษยิ่งนัก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเรียกได้ว่าปลาบปลื้ม
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าทุกคนคงรู้นะว่าทำไมวันนี้ถึงเป็นวันที่พิเศษสำหรับข้า รวมทั้งสมุนของข้าทั้งหลายด้วย เพราะวันนี้จะเป็นวันที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เวทย์มนต์ว่าเป็นการเริ่มต้นชัยชนะของข้าที่มีต่อโลกเวทย์มนต์ เพราะมันเป็นวันที่สมุนที่ซื่อสัตย์ของข้าได้ครองอำนาจของเจ้าหญิงแห่งความมืด!!!” เสียงแหลมสูงของโวลเดอมอร์ดังกึกก้องไปทั่วห้อง ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องของผู้เสพความตายที่ดังเสียจนมันแทบจะยกเพดานห้องโถงนี้ขึ้นไป
“และอย่างเช่นที่ข้าเคยบอกพวกเจ้าไว้แล้วว่า สำหรับวันที่พิเศษเช่นนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับงานฉลอง!!!” จอมมารประกาศก้องก่อนที่เขาจะโบกไม้กายสิทธิ์หนึ่งครั้ง
เก้าอี้ยาวที่เรียงรายอยู่ในห้องและเพิ่งถูกใช้ในพิธีแต่งงานก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว จนหางหนอนที่ยังคงนั่งคุดคู้อยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งล้มลงกับพื้น แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจอาการบาดเจ็บของเขา เมื่อโวลเดอมอร์โบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้งโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่วางอยู่ริมห้องทั้งสองด้านก็เต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มจำนวนมากเกินกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่จะจินตนาการไหว และในการโบกไม้กายสิทธิ์ครั้งสุดท้ายของจอมมารประรำพิธีและซุ้มสำหรับงานแต่งงานก็หายไปพร้อม ๆ กับแสงของทั้งห้องที่หรี่ลงจนเหลือแค่แสงสลัวที่มาจากคบไฟริมผนังเท่านั้น
“สหายของข้า จงฉลองชัยชนะครั้งนี้ให้เต็มอิ่ม เพราะวันนี้จะเป็นวันที่ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่าข้า ลอร์ดโวลเดอมอร์ได้เข้าใกล้การครอบครองโลกเวทย์มนต์เข้าไปอีกก้าวแล้ว!!!” จอมมารตะโกนก้อง ก่อนที่ผู้เสพความตายจะโห่รับด้วยเสียงที่กว่าทุกครั้งราวกับพวกเขาจะต้องการแสดงความยินดีที่งานเลี้ยงฉลองชัยชนะได้เริ่มขึ้นแล้ว!

เฮอร์ไมโอนี่มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเธอควรจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ดี เธอควรจะหวาดกลัว ยินดี หรือว่าไม่รู้สึกอะไรเลยดี อันที่จริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถบอกตัวเองได้เลยว่าเธอรู้สึกอย่างไรในวินาทีที่งานเลี้ยงฉลองชัยชนะของผู้เสพความตายซึ่งควรจะเป็นงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานมากกว่าเริ่มขึ้น บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าต่อมความรู้สึกของเธอเริ่มทำงานผิดปกติแล้วกระมัง และเธอก็แน่ใจว่าถ้าหากเธอใช้เวลาอยู่ในโลกของผู้เสพความตายไปได้ซักระยะ เธอก็จะกลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรไปเลยก็ได้
แม้จะคิดเช่นนั้นก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่รู้เลยว่าสีหน้าของเธอในตอนนี้บอกว่าเธอกำลังสับสนว่าตัวเองควรจะทำเช่นไร แต่หญิงสาวก็ไม่ได้มีโอกาสรู้สึกเช่นนั้นนานนักเมื่อลูเซียส มัลฟอย หรือจะพูดให้ถูกก็คือสามีของเฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมากระซิบเธอที่ข้างหูอีกครั้ง
“เราต้องไปทักทายแขกที่มาร่วมงาน ฉันจะพาเธอไปรู้จักกับผู้เสพความตายคนอื่น ๆ” เขาพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เธอเพิ่งได้ยิน แต่เมื่อหญิงสาวรู้สึกถึงแรงบีบที่แขนเธอก็รู้ดีว่านายลูเซียสหมายความตามที่เขาพูดจริง ๆ และเขาคงไม่ลังเลเลยที่จะบังคับเธอเพื่อให้ทำตามที่เขาต้องการ
“เธอไม่ต้องตกใจไปหรอกที่รัก เพราะเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากไปกว่ายืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน แล้วก็ยิ้มเท่านั้น ซึ่งฉันแน่ใจว่าเธอทำได้จริงไหม” เขาพูดเสียงนุ่มแต่กลับแฝงเจตนาที่อันตรายไว้ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะอ้าปากเถียงอะไรบางอย่างแต่เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะเอ่ยคำพูดแรกออกไปเมื่อนายลูเซียสชิงพูดขึ้นก่อน
“เราไปกันได้แล้ว” เขากล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะพาหรือพูดให้ถูกก็คือบังคับให้หญิงสาวเดินไปกับเขา มือขวาของชายผมบลอนด์กุมเอวของเฮอร์ไมโอนี่ไว้อย่างแน่นหนาขณะที่เขาพาเธอเดินเข้าไปหากลุ่มผู้เสพความตาย

…………………………………………….


เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วขณะที่นายลูเซียสพาเธอไปรู้จักผู้เสพความตายคนยี่สิบห้าอยู่ อันที่จริงจะเรียกว่าพาไปรู้จักก็ไม่ถูกเท่าไหร่นัก เพราะที่เธอทำก็มีแค่การจับมือและยิ้มกับให้กับคนเหล่านั้นอย่างที่ชายผมบลอนด์ว่าจริง ๆ แต่ในขณะเดียวกับที่หญิงสาวเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในการทำความรู้จักกับผู้เสพความตายที่ไม่ได้มองเธอเป็นอะไรไปมากกว่าอาวุธที่ร้ายกาจของจอมมารหรือผู้นำชัยชนะมาให้แก่พวกเขาเท่านั้น เสียงเคาะแก้วก็ดังขึ้น และในวินาทีต่อมาสายตาทุกคู่ก็หันไปมองตรงที่มาของเสียง และสิ่งที่พวกเขาพบก็คือชายร่างสูงผู้มีผมสีดำสนิทกำลังยืนอยู่กลางห้องและถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซเวอร์รัส สเนป คนทรยศภาคีและฆาตรกรผู้ฆ่าสังหารดัมเบิลดอร์ในสายตาของเฮอร์ไมโอนี่
“ผมมีอะไรจะขอกล่าวซักเล็กน้อย ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวในวันนี้” เขาพูดพลางมองมายังนายลูเซียสและเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ผมอยากจะขอแสดงความยินดีในการแต่งงานครั้งนี้ของลูเซียส และเจ้าหญิง” เขาเอ่ย ตามมาด้วยเสียงโห่รับของผู้เสพความตายที่เหลือ
“แต่ยิ่งไปกว่านั้น....” สเนปเริ่มพูดอีกครั้งเมื่อเสียงของฝูงชนเงียบลง
“ผมขอแสดงความยินดีให้กับเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา ในการเริ่มแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่หาใครเทียบไม่ได้แบบนี้ ผมขอให้ทุกคนดื่มให้แก่เจ้านายที่ยิ่งใหญ่ของเราและคู่บ่าวสาวในวันนี้” ชายผมดำกล่าวพลางยกแก้วในมือขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เห็นโวลเดอมอร์มองลูกสมุนของเขามาจากมุมหนึ่งของงานด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าพอใจ ขณะที่ผู้เสพความตายที่เหลือยกแก้วในมือขึ้นและดื่มอวยพร
“แด่ชัยชนะ” สเนปพูดอย่างหนักแน่นก่อนที่ผู้เสพความตายคนอื่น ๆ จะตะโกนตามเขาจนเสียงของพวกมันดังก้องไปทั่วห้องจนหญิงสาวขนลุก
“แด่ชัยชนะ!!!”

เมื่อสิ้นเสียงอวยพรเหล่าผู้เสพความตายก็ต่างกระดกเครื่องดื่มที่ถืออยู่ในมือจนหมดแก้ว ก่อนจะโยนแก้วเปล่าทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี ขณะที่เสียงขว้างปาแก้วดังขึ้นทั่วห้องโถงนั้น จอมมารก็มองภาพที่เกิดขึ้นมาจากมุมหนึ่งของห้องพลางแสยะยิ้มอย่างยินดี โดยมีเบลลาทริกซ์กระซิบอะไรบางอย่างอยู่ที่ข้างหู และหลังจากการดื่มอวยพรจบลงเพียงไม่กี่วินาทีลอร์ดโวลเดอมอร์ก็เคลื่อนกายเข้ามายังกลางห้องที่สเนปกำลังยืนอยู่โดยมีเบลลาทริกซ์ติดสอบห้อยตามอยู่ไม่ห่าง จอมมารปรายตามองไปทางสเนปก่อนจะพูดขึ้น
“ข้าควรจะต้องขอบใจเจ้าเซเวอร์รัส สำหรับคำอวยพรที่ยอดเยี่ยมของเจ้า” ชายผมดำก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมในคำพูดของเจ้านาย
“แต่ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าทุกคนว่าการอวยพรยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเบลลาทริกซ์เพิ่งบอกข้าเองว่านางและโรโดลฟัดจ์ได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษไว้สำหรับงานฉลองในวันนี้แล้ว” เมื่อโวลเดอมอร์พูจบผู้เสพความตายทั้งห้องก็ส่งเสียงเชียร์อย่างเนืองแน่น
“แต่น่าเสียดายว่าของขวัญสำหรับงานฉลองชัยชนะของข้านั้นไม่มีอยู่ที่นี่ แต่มัน ตามที่เบลลาทริกซ์ได้บอกข้าคือมันอยู่นะหว่างการขนส่ง” จอมมารพูดพลางเปรยตามองแม่มดผมดำด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแววหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาลูกสมุนของเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเฉกเช่นเดิม
“แน่นอนว่าถ้าเป็นปกติข้าคงจะต้องโกรธมากเป็นแน่ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะพวกเจ้าก็รู้ดีว่า ข้า ลอร์ดโวลเดอมอร์ไม่เคยพอใจกับการรอคอย” เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราด และเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าผู้เสพความตายต่างพากันตัวสั่นเมื่อเจ้านายพวกมันเอ่ยชื่อของเขาออกมา
“แต่ก็เป็นโชคดีของเบลลาทริกซ์และสามีของนางยิ่งนักที่วันนี้ข้าอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะไม่พอใจในความผิดพลาดเล็ก ๆ แบบนี้ และข้าบอกพวกเจ้าได้เลยว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ข้ายินดีที่จะรอการมาถึงของของขวัญชิ้นนี้” โวลเดอมอร์กล่าว ขณะที่เบลลาทริกซ์ยิ้มให้เจ้านายของหล่อนอย่างเทิดทูน
“แต่ในระหว่างที่รอนี้ เบลลาทริกซ์เองเสนอให้เรามีกิจกรรมบางอย่างที่ดูเหมาะสมสำหรับงานแต่งงานเสียหน่อย........อย่างเช่น เต้นรำ” จอมมารพูดคำที่ดูไม่เข้ากับเขามากที่สุดออกมาได้อย่างไรนั้นเฮอร์ไมโอนี่เองก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะในวินาทีที่ลอร์ดโวลเดอมอร์พูดจบเสียงแหลมสูงของเบลลาทริกซ์ก็ดังขึ้นมา
“เต้นรำ เต้นรำ!!!!!!!!!!!” หล่อนแผดเสียงพลางกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องราวกับเด็กซึ่งมันดูเป็นท่าทางที่ไม่เข้ากับเธอมากกว่าตอนที่โวลเดอมอร์พูดคำว่าเต้นรำออกมาเสียอีกในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ และท่ามกลางเสียงกรีดร้องของแม่มดผมดำจอมมารก็หันมาทางหญิงสาวและนายลูเซียสพร้อมกับพูดขึ้นโดยไม่สนใจเสียงแหลมแสบแก้วหูของเบลลาทริกซ์
“เท่าที่ข้ารู้มาในงานแต่งงานคู่บ่าวสาวควรจะเป็นฝ่ายเต้นเปิดฟลอร์จริงไหม ลูเซียส” เขาถามพลางส่งรอยยิ้มที่ดูเหมือนงูมาให้ทั้งสอง “เจ้าพอจะรับเกียรตินี้ได้ไหม”
“ได้ครับ นายท่าน แน่นอนว่าได้” ชายผมบลอนด์พูดพลางก้มศีรษะลงต่ำ และเมื่อเป็นเช่นนั้นโวลเดอมอร์ก็กระดกไม้กายสิทธิ์ทีหนึ่งเพื่อเสกเครื่องดนตรีแบบที่บรรเลงได้ด้วยตัวเองขึ้นมาที่มุมหนึ่งของห้อง ขณะเดียวกันนั้นผู้เสพความตายที่เหลือก็ต่างขยับไปที่ริมห้องเพื่อเว้นที่ตรงกลางไว้สำหรับให้คู่บ่าวสาวเต้นรำ
และก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้มีโอกาสปฏิเสธหรือทักท้วงอะไรออกไปนายลูเซียสก็หันมาพูดกับเธอว่า
“เธอเต้นรำได้ไหม” เขาถาม ขณะที่หญิงสาวลังเลว่าจะตอบว่าอย่างไรดี แน่นนอนว่าเธอเต้นรำได้อาจจะเรียกว่าเต้นได้ดีด้วยซ้ำ เพราะเธอเคยไปเต้นเปิดฟลอร์คู่กับวิคเตอร์ ครัมตอนที่เธออยู่ปีสี่ แต่อีกใจหนึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ต้องการจะเต้นรำคู่กับนายลูเซียสในงานเลี้ยงของผู้เสพความตายแบบนี้ และถ้าเธอโกหกเขาออกไปว่าเธอเต้นไม่เป็นมันจะทำให้เธอไม่ต้องออกไปเต้นเปิดฟลอร์กับเขาหรือเปล่านะ
“ฉัน........” เมื่อไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะตอบออกไปอย่างไรเธอจึงพูดออกไปเพียงเท่านั้น และสิ่งต่อมาที่หญิงสาวรับรู้ก็คือมือของนายลูเซียสที่กุมเอวของเธอไว้แน่นขณะที่เขาพาเธอเดินออกไปที่ยังกลางห้อง
“เธอไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เต้นตามฉันก็พอ” เขาพูดหลังจากที่ทั้งสองมาอยู่กลางฟลอร์เต้นรำแล้ว มือใหญ่ของชายผมบลอนด์วางอยู่ที่เอวของหญิงสาวขณะที่อีกมือหนึ่งจับมือของเฮอร์ไมโอนี่มาวางไว้ที่บ่าของเขาก่อนจะเลื่อนไปกุมมืออีกข้างของเธอไว้ โดยไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวปฏิเสธแต่อย่างใดเพราะเมื่อจังหวะดนตรีเริ่มขึ้นเขาก็พาเธอเต้นไปตามเสียงเพลง

เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถหายใจได้ทั่วท้องเมื่อเธอรู้ว่าตัวเองกำลังเต้นรำอยู่กับนายลูเซียสโดยมีผู้เสพความตายทั้งหมดรวมทั้งโวลเดมอร์จ้องมองเธออยู่ แม้ว่าคู่เต้นของเธอจะเป็นนักเต้นรำที่ใช้ได้คนหนึ่งก็ตามแต่มันก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงได้เลย ตรงกันข้ามมันกลับทำให้เธอประหม่ามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่ชายผมบลอนด์อยู่ใกล้เธอมากจนเธอสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย หญิงสาวรู้สึกว่าเธอได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายมาจากตัวของเขา และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเงินที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งคู่นั้นของนายลูเซียสมันก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับเธอไม่สามารถหายใจได้อีกต่อไป
ในตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเธอคงต้องตายเพราะขาดหายใจไปแล้วแน่ ๆ หากไม่มีสิ่งอื่นมาดึงความสนใจของเธอไปจากดวงตาสีเงินที่คมกริบของชายตรงหน้าเสียก่อน และสิ่งที่มาดึงความสนใจไปนั้นก็คือเสียงปรบมือที่ดังขึ้นพร้อมกับการก้าวเข้ามาในฟลอร์ของผู้เสพความตายชายหญิงอีกคู่หนึ่ง และตามมาด้วยอีกคู่ในเวลาไม่นานนัก แม้ว่าจะมีคู่เต้นรำอื่น ๆ มาอยู่ในฟลอร์ในตอนนี้ด้วยก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่รู้สึกสบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะการมีคู่เต้นรำเพิ่มขึ้นเพียงสองคู่ไม่ได้ทำให้ฟลอร์หนาแน่นขึ้นเท่าไหร่นัก และการที่จะต้องเต้นรำกับลูเซียส มัลฟอยไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็ตามก็ไม่อาจทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเป็นปกติได้
หลังจากมีคู่เต้นรำคู่อื่นมาร่วมฟลอร์มากขึ้น เสียงเพลงที่บรรเลงก็เปลี่ยนเป็นจังหวะที่ช้าลง และนายลูเซียสก็เลื่อนมือของหญิงสาวข้างที่จับมือของเขาอยู่ให้มาโอบรอบคอเขาแทน ก่อนจะเลื่อนมือใหญ่ของเขาไปวางไว้ที่เอวของเฮอร์ไมโอนี่
หญิงสาวตาโตเพราะการกระทำนั้น แต่ก่อนที่เธอจะได้โต้เถียงอะไรออกไปชายผมบลอนด์ก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“เธอสวยมากนะวันนี้”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบราวกับเขาไม่ได้กำลังพูดประโยคที่ฟังดูแปลกประหลาดที่สุดที่เขาสามารถจะพูดออกมาได้ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองชายตรงหน้าอย่างแปลกใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ลูเซียส มัลฟอยคิดว่าเธอสวยน่ะ แต่เมื่อมาคิดอีกทีมันก็ไม่แปลกเท่าไหร่ที่เขาจะพูดแบบนี้ออกมาในเมื่อเธอและเขาแต่งงานกันแล้ว และการที่สามีชมภรรยาว่า ‘สวย’ นั้นดูจะเป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนทั่วไป แต่ถึงกระนั้นก็เถอะหญิงสาวก็ยังอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี เพราะที่ผ่านมานายลูเซียสไม่เคยชมเธอในลักษณะนี้มาก่อนเลย อีกอย่างถ้าคนอย่างลูเซียส มัลฟอยชมผู้หญิงคนไหนว่า ‘สวย’ ออกมาจากใจจริงแล้วล่ะก็ผู้หญิงคนนั้นก็คงต้องดูดีมากแน่ ๆ

แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่รู้เลยว่าเธอมองดูสวยแค่ไหนในสายตาของนายมัลฟอยในตอนนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ชมเธอเพียงเพราะว่าเธอเป็นเจ้าสาวของเขา และเธอสมควรจะได้รับคำชมแบบนี้ซักครั้งในวันแต่งงานของเธอ แม้จะแปลกใจตัวเองอยู่บ้างที่พูดเช่นนั้นออกไป แต่ในความคิดของชายผมบลอนด์นั้นหญิงสาวตรงหน้าของเขาเป็นเจ้าสาวที่งดงามจริง ๆ แม้ว่าเธอจะสวมชุดเจ้าสาวสีดำและประดับผมด้วยเครื่องประดับรูปดอกไม้ขนาดใหญ่ก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอลดลงเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามนายลูเซียสกลับคิดว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอดูเหมือนชาร์ล็อตต์ ซิลเวีย แม่ของเธอมากกว่าวันไหน ๆ ราวกับเด็กสาวที่เขาเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกได้เติบโตเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว

แม้จะสับสนในคำชมที่ได้รับอยู่มาก แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็มีสติพอที่จะชมอีกฝ่ายกลับบ้าง แม้ว่ามันดูจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่านักเมื่อเธอทำมันลงไปแล้วก็ตาม
“คุณเองก็ดูดีค่ะ” หญิงสาวอ้อมแอ้มพลางหลบสายตาเขา และคิดในใจว่าเธอคงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่ชมลูเซียส มัลฟอยออกมาดัง ๆ แบบนี้ แต่เมื่อคิดดูอีกที วันนี้เจ้าบ่าวของเธอก็ดูดีไม่น้อยในชุดคลุมพ่อมดสีดำที่ตัดด้วยผ้าเนื้อดีที่สุด ผมบลอนด์ของเขาถูกรวบไว้ที่ต้นคอด้วยริบบิ้นสีดำ และเขาก็ไม่ได้ถือไม้เท้าที่มีหัวเป็นรูปงูมาด้วยแต่อย่างใดซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี่มันทำให้เขาดูหนุ่มขึ้นกว่าเดิมมาก แล้วถ้าหากว่าเขาไม่ใช่ลูเซียส มัลฟอย ซึ่งเป็นผู้เสพความตายที่กระหายเลือดและปีศาจร้ายในร่างมนุษย์แบบนี้ล่ะก็ เฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าหัวใจของเธอคงโอนอ่อนให้เขาได้ไม่ยากแต่เมื่อคิดถึงตรงนั้นหญิงสาวก็อดแปลกใจในความคิดตัวเองไม่ได้

‘ไม่ใช่หรอก เขาไม่ได้ดูดีขนาดนั้นสักหน่อย มันคงเป็นเพราะเสื้อคลุมต่างหากล่ะ เสื้อคลุมที่ดีที่สุดเท่าที่ทองแกลเลียนจะหาซื้อได้ทำให้พ่อมดดูดีได้ทั้งนั้นแหละ’ เธอเถียงกับตัวเองในใจก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอที่ดังขึ้นจากร่างที่อยู่ตรงหน้า
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองนายลูเซียสทันที และสิ่งเดียวที่เธอเห็นก็คือริมฝีปากบางเฉียบที่ยกสูงขึ้นของเขา ราวกับเขารู้สึกพอใจแกมขบขันในสิ่งที่เธอพูด และมันทำให้หญิงสาวรู้สึกอับอายมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเบือนหน้าหนีเขา ก่อนที่ชายผมบลอนด์จะพูดขึ้นมา
“ใครเป็นผมเลือกทรงผมให้เธอกัน” คำถามนั้นถึงกับทำให้เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ เธอต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา
“เบลลาทริกซ์ค่ะ ทำไมเหรอคะ” เธอถามอย่างประหลาดใจ ขณะที่นายลูเซียสมองเธอด้วยสายตาพิจารณา
“เปล่า ฉันแค่คิดว่าเธอคงจะดูดีกว่านี้ถ้าไม่มีเจ้านี่น่ะ” เขาพูด ก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่เครื่องประดับผมรูปดอกไม้ของของหญิงสาวเบา ๆ และมันก็หายวับไป แม้เฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกดีไม่น้อยที่เขาทำเช่นนั้นแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ค่อยดีขึ้นหน่อย” เขาพึมพำพลางมองเธอด้วยแววตาสีเงินคมกล้าที่แทบจะทิ่มแทงร่างกายของหญิงสาว เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกหายใจติดขัดจนเธอต้องเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเขา และเพราะเหตุผลนั้นเองมันจึงทำให้เธอลืมสังเกตุไปเลยว่า แววตาที่ชายผมบลอนด์ใช้มองเธอนั้นไม่ใช่แววตาที่เย็นชาและเหินห่างเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ ตรงกันข้ามมันกลับดูอบอุ่นขึ้นหรือจะคิดอีกอย่างก็คือมันดูราวกับเขาเริ่มเอ็นดูเธอมากขึ้นเมื่อเธอยอมทำตัวดี ๆ และเชื่อฟังเขาแบบนี้
“เราต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานไหมคะ” เธอถามคำถามแรกที่คิดได้ออกมาโดยปราศจากการไตร่ตรอง และสิ่งต่อมาที่หญิงสาวได้เห็นก็คือสามีของเธอเลิกคิ้วเพราะคำพูดนั้น
“ฉันหมายความว่าเราจะต้องเต้นกันไปอีกกี่เพลงน่ะค่ะ” เธอรีบเสริมทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปก่อนที่เขาจะเข้าใจผิด แต่เมื่อดูจากสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วเหมือนว่านายมัลฟอยจะเข้าใจผิดไปเต็ม ๆ เลย เมื่อเขามองหญิงสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ก่อนที่มือใหญ่ของเขาจะกระชับร่างของเธอมาไว้ในอ้อมแขนแน่นขึ้น
“ฉันว่าก็คงซักพักล่ะ เธอเบื่อแล้วงั้นรึ” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงเอ็นดูจนเกือบจะเรียกได้ว่าห่วงใย แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธทันที เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเขาจะต้องพาเธอกลับที่คฤหาสน์ของเขาหลังจากงานเลี้ยงนี้จบลง ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้เขาพาเธอไปยังที่แห่งนั้นเร็วนัก
“เปล่าค่ะ ฉัน....” เธอพูดได้เพียงเท่านั้น
“ฉันคิดว่าเราไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบนะ อีกอย่างคืนนี้ยังอีกยาวไกลจริงไหม” ลูเซียสพูดก่อนจะเหวี่ยงร่างของเฮอร์ไมโอนี่ลงต่ำจนเธอตกใจ หัวใจของเธอแกว่งวูบขณะที่แขนแข็งแกร่งของเขารั้งร่างของหญิงสาวไว้กลางอากาศ ขณะที่ชายผมบลอนด์มองเธอด้วยดวงตาสีเงินที่มีแววพอใจก่อนที่จะก้มลงไปจูบเธอ
แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกันประตูห้องก็เปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนกลุ่มหนึ่งนายลูเซียสชะงักการกระทำทันทีก่อนจะรั้งร่างของเจ้าสาวของเขาขึ้นมาและมองไปที่ประตู

ผู้ที่เพิ่งมาถึงนั้นเป็นผู้เสพความตายจำนวนสามคน หนึ่งในนั้นคือโรโดลฟัดจ์ เลสแตรงค์ ส่วนอีกสองคนนั้นเป็นผู้เสพความตายที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็นหน้ามาก่อนแต่ไม่รู้จักชื่อ และข้าง ๆ ผู้เสพความตายทั้งสองคนนั้นมีร่างสองร่างที่ถูกกุมตัวอยู่ ทั้งสองร่างที่อยู่ในฐานะเชลยนั้นต่างเป็นพ่อมดที่อายุไม่น่าจะเกินสามสิบปี และเมื่อคนกลุ่มนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาภายในห้อง หญิงสาวก็แน่ใจว่าเธอเคยเป็นพ่อมดสองคนที่ถูกจับมาก่อน แม้จะไม่รู้จักชื่อของทั้งสองก็ตามแต่เธอก็มั่นใจว่าทั้งคู่ต่างทำงานเป็นมือปราบมารอยู่ที่กระทรวงเวทย์มนต์
โรโดฟัดจ์ เลสแตรงค์ก้าวเข้ามาในห้องที่บัดนี้เงียบกริบ แม้แต่เสียงดนตรีบรรเลงก็เงียบลง ชายร่างสูงเดินเข้าไปหาลอร์ดโวลเดอมอร์ขณะที่เบลลาทริกซ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้านายของเธอนั้นมีท่าทีดีใจราวกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ ก่อนที่สามีของเธอรวมทั้งผู้เสพความตายอีกสองคนจะก้มศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพต่อจอมมาร
“ข้าขออภัยที่มาร่วมงานช้าขนาดนี้ครับนายท่าน แต่นั่นเป็นเพราะข้ากำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมของขวัญสำหรับงานแต่งงานในวันนี้” โรโดลฟัดจ์พูดขณะที่โวลเดอมอร์มองเขาด้วยแววตาที่ราวโรจน์
“แล้วนั่นคือของขวัญของเจ้าหรือ โรโดลฟัดจ์” จอมมารกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเสียงขู่ฟ่อ ๆ ของงู แต่ก่อนที่โรโดลฟัดจ์จะได้ตอบอะไรออกมา เบลลาทริกซ์ภรรยาของเขาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เจ้านาย! ดิฉันเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้เองเจ้าค่ะ!” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นมากกว่าทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็น พลางเดินตามโวลเดอมอร์ไม่ห่างเมื่อเขาก้าวไปที่กลางห้องเพื่อพิจารณาเชลยที่ถูกจับมา
“แล้วของขวัญชิ้นนี้มันคืออะไรกันล่ะ” เขาถามพลางมองพ่อมดทั้งสองคนด้วยแววตาที่ราวโรจน์
“สองคนนี้เป็นมือปราบมารของกระทรวงครับนายท่าน พวกมันมาสังเกตุการณ์แถบนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้พวกนั้นวิ่งพล่านกันทีเดียว ตั้งแต่มีผู้เข้าสอบหายไปจากการสอบคัดเลือกรอบสุดท้ายใต้จมูกของพวกมันเอง” โรโดลฟัดจ์รายงานขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระตุก นี่พวกมือปราบมารระดมกำลังกันออกตามหาเธองั้นหรือ! แล้วพ่อมดสองคนนี้ถูกจับตัวมาเพราะเขาถูกส่งมาสืบข่าวของเธอหรือเปล่า!
“พวกมันไม่เคยจำเลย” จอมมารพึมพำพลางมองเชลยตรงหน้าที่มีท่าทางหวาดกลัวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “แล้วเจ้ามีแผนการจะทำอย่างไรกับมือปราบมารสองคนนี้ดีล่ะ”
“พวกเรายกพวกมันให้เป็นบรรณาการให้แก่ท่านเจ้าค่ะ เจ้านาย ท่านจะจัดการอย่างไรกับพวกมันก็สุดแล้วแต่ท่าน” เบลลาทริกซ์พูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง
“นั่นนับว่ามีน้ำใจมากทีเดียว” จอมมารเอ่ยพลางเปรยตามองไปยังนายลูเซียสและเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง
“แต่ในเมื่อเจ้าบอกว่านี่เป็นของขวัญแต่งงาน แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ถามความเห็นของเจ้าของงานเสียก่อนล่ะ จริงไหม” เขาพูดพลางแสยะยิ้มชั่วร้ายให้เฮอร์ไมโอนี่ ขณะที่เบลลาทริกซ์ที่เลียนแบบรอยยิ้มนั้นได้เกือบจะน่าเกลียดพอ ๆ กับโวลเดอมอร์หันมาทางนายลูเซียส
“ว่าอย่างไรลูเซียส นายท่านขอความเห็นคุณอยู่น่ะ!” แม่มดผมดำกล่าว ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเธอมองเจ้าบ่าวของเธอขณะที่เขาตอบออกมา แม้จะไม่รู้ว่าชายผมบลอนด์จะตอบออกไปว่าอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เฮอร์ไมโอนี่สามารถเดาได้ว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่
“ข้าแล้วแต่ท่าน เจ้านาย” เขาพูดอย่างอ่อนน้อม จอมมารยิ้มเพราะคำพูดนั้น
“พวกเจ้าช่างใจกว้างเสียจริง ๆ นะ” เขาเอ่ยพร้อมกับปรายตามองเชลยสองคนที่นั่งอยู่แทบเท้าของเขา “แต่พวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่เสียเวลาของข้าเองไปสอบสวนพวกชั้นสวะแบบนี้หรอกจริงไหม และในเมื่อเจ้าเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้เบลลา ข้าก็จะให้เจ้าจัดการพวกมันเองแล้วกัน” โวลเดอมอร์กล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่ที่นั่งของเขาด้านในสุดของห้อง และในวินาทีนั้นเองเบลลาทริกซ์ก็เคลื่อนกายมาอยู่ตรงหน้าเชลยทั้งสอง แม่มดผมดำยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นก่อนจะกรีดร้องเสียงดัง
“ครูซิโอ!!!”

ทันทีที่คำสาปพุ่งเข้าปะทะร่างของมือปราบมารทั้งคู่ก็ล้มตัวลงกับพื้นพร้อมกับกรีดร้องโหยหวน! หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่แกว่งวูบเพราะภาพนั้น หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากขณะที่โรโดลฟัดจ์ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นอีกคนและช่วยภรรยาของเขาทรมานพ่อมดสองคนนั้นเพิ่ม และเมื่อคำสาปของโรโดลฟัดจ์ถูกเสกขึ้นร่างที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้นก็กรีดร้องโหยหวนมากขึ้นกว่าเดิมท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ดูเหตุการณ์เกือบทั้งหมดราวกับมันเป็นโชว์ที่แสนตระการตรา ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจทนมองภาพที่เธอเห็นต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว!
แต่ก่อนที่หญิงสาวจะตรงเข้าไปกลางวงผู้เสพความตายและบอกให้พวกเขาหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนโหดร้ายนี่เสียที มือใหญ่ของนายลูเซียสก็คว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อฉุดรั้งเธอไว้ และแม้ว่าเธอจะพยายามดิ้นรนเท่าใดชายผมบลอนด์ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอเข้าไปห้ามเหตุการณ์นั้นเลย
“ปล่อยฉัน!” หญิงสาวพูดใส่หน้าชายตรงหน้าขณะพยายามบิดข้อมือของเธอออกจากการเกาะกุมของเขา แต่เธอก็ทำไม่สำเร็จหนำซ้ำนายลูเซียสยังใช้มืออีกข้างของเขารัดเอวของเธอไว้และโอบกอดร่างเล็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี้ไว้อย่างแน่นหนา
“เธอไปไหนไม่ได้ เธอคิดว่าเธอกำลังจะทำอะไรกัน!” เขากระซิบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำของเธอมากแค่ไหน
“ฉันก็จะไปช่วยพวกเขาน่ะสิ!” หญิงสาวว่า
“เธอก็รู้ว่าเธอช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้ ตรงกันข้ามการกระทำของเธอจะทำให้ตัวเธอเองรวมทั้งฉันเดือดร้อนไปด้วย ที่เธอต้องทำก็คือดูอยู่เงียบ ๆ” ลูเซียสสั่งรอดไรฟันออกมา แต่ดูเหมือนคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ยอมฟังแม้แต่น้อย
“คุณทนมองพวกเขาถูกทรมานได้ยังไงกัน มันป่าเถื่อนที่สุด” เธอพูดออกมาก่อนที่จะคิดอะไรได้ “อ๋อ ฉันลืมไปเลยว่าคุณเองก็ป่าเถื่อนเหมือนกัน เพราะคุณก็เป็นผู้เสพความตายกระหายเลือดเหมือนกับพวกนั้น” หญิงสาวพูดออกไปด้วยโทสะ

แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็ต้องเสียใจในสิ่งที่พูด เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่โกรธขึ้งของนายลูเซียสและดวงตาสีเงินราวโรจน์ของเขาซึ่งเธอไม่ได้เห็นมันมาตั้งแต่วันที่เธอตบเขาเป็นครั้งแรก ซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไปขึ้นมา แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไปอีกมือใหญ่ของนายมัลฟอยก็บีบแขนเล็ก ๆ ของหญิงสาวแน่นจนเธอปวดแปลบไปถึงกระดูก
“ปล่อยนะ ฉันเจ็บ!” เธอกระซิบ น้ำตาเริ่มคลอเอ่อดวงตาคู่สวย แต่ดูเหมือนจะไม่มีแววปราณีอยู่ในดวงตาสีเงินของอีกฝ่ายเลย ตรงกันข้ามมันกลับดูราวโรจน์น่ากลัว
“แล้วเธอจะได้เห็นหลังจากนี้ว่าฉันป่าเถื่อนได้แค่ไหน” เขาพูดเสียงเย็น ก่อนจะปล่อยมือที่จับแขนเธออยู่แต่ยังไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างที่รั้งเอวของเธอไว้ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยแววตาหวาดกลัวระคนโกรธเคือง มืออีกข้างของเธอคลึงข้อมือที่บัดนี้มีรอยช้ำเพราะแรงบีบของนายลูเซียสพลางเงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุณมัน....” ไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ชายผมบลอนด์ก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“อย่าแม้แต่จะคิดมาต่อว่าฉันอีก เพราะถ้าเธอทำอย่างนั้นล่ะก็ฉันจะทำให้เธอได้เสียใจการกระทำของเธออย่างที่คาดไม่ถึงทีเดียว เกรนเจอร์” เขาพูดพลางมองหญิงสาวด้วยแววตาที่เธอรู้ว่ามันเป็นคำขาด เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขากลับอย่างโกรธเคือง ดวงตาสีน้ำตาลของเธอมีน้ำตารื้นขณะที่เธอกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อระงับอารมณ์โกรธ
อันที่จริงแล้วฉากการทะเลาะกันของคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานของพวกเขาเองคงจะสร้างความแปลกใจให้กับแขกที่มาร่วมเป็นแน่ ถ้าหากไม่เพราะว่าแขกเหรื่อที่มาร่วมงานหรือจะพูดให้ถูกก็คือเหล่าผู้เสพความตายกำลังทุ่มความสนใจของพวกเขาไปยังโชว์สุดพิเศษซึ่งก็คือการทรมานมือปราบมารที่ถูกจับมาแบบนี้ จึงทำให้ไม่มีใครซักคนที่ได้เห็นนายลูเซียสและเฮอร์ไมโอนี่โต้เถียงกัน ยกเว้นก็เพียงเดรโกที่ลอบสังเกตุทั้งสองมาจากมุมห้องด้านหนึ่งท่ามกลางเสียงกรีดร้องของชลยที่กำลังถูกทรมาน
…………………………………………….


“แกถูกส่งมาสืบข้อมูลอะไร! ตอนนี้พวกมือปราบมารส่งคนมาตามหาเด็กเกรนเจอร์นี่กี่คน ตอบมานะ ครูซิโอ!!!” เสียงเบลลาทริกซ์กำลังทรมานเชลยของเธอที่ดังขึ้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่น หญิงสาวยกมือขึ้นกอดร่างที่สั่นเทาของตัวเอง น้ำตาที่เคยรื้นดวงตาบัดนี้กลับไหลอาบแก้ม
ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหู มือใหญ่ของนายลูเซียสก็มาคว้ามือเล็ก ๆ ของเธอไว้ก่อนที่จะดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ขู่ที่จะทำร้ายเธอ และเธอก็ไม่ได้ด่าทอเขาว่าเป็นผู้เสพความตายกระหายเลือด
นายลูเซียสกอดเฮอร์ไมโอนี่ไว้แนบอกโดยให้ศีรษะของเธอซบอยู่ที่อกของเขาเพื่อเป็นการบังเธอออกจากภาพอันแสนจะโหดร้ายที่เกิดขึ้น หญิงสาวได้ยินเสียงสามีของเธอถอนใจก่อนที่เขาจะพูดออกมา
“อย่ามอง” เขากระซิบอย่างราบเรียบหากแต่หนักแน่น และนี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่ยอมทำตามที่เขาพูดโดยไม่ทักท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น หญิงสาวหลับตาลงและพยายามจะผังใบหน้าของเธอเข้าอกของสามีเพื่อที่จะหลีกหนีฉากการทรมานที่แสนจะโหดร้ายทารุณนั้น แต่ถึงเธอจะหลับตาลงแล้วก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของเหยื่อสลับกับเสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยมของผู้เสพความตายทั้งหมดอยู่ดี
“ไม่! เราไม่รู้อะไรทั้งนั้น! ได้โปรด!!!”
“แกโกหก ครูซิโอ ครูซิโอ ครูซิโอ!!!”

หญิงสาวไม่แน่ใจว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่เธอได้ยินเสียงพ่อมดทั้งสองกรีดร้องขณะที่เบลลาทริกซ์และสามีของเธอทรมานพวกเขา เพราะเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่ามันนานราวกับชั่วนิรันดร์ขณะที่เธอตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของลูเซียส มัลฟอย โดยที่สามีของเธอตวัดเสื้อคลุมเข้ามาปิดร่างของหญิงสาวไว้อีกทีหนึ่งพลางลูบศีรษะเธอเบา ๆ และถ้ามีใครมาเห็นภาพนี้เข้าเขาก็คงคิดว่าเธอและชายผมบลอนด์เป็นคู่สามีภภรยาที่รักกันมากอย่างแน่นอน
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานไปไม่นาน เสียงกรีดร้องนั้นก็หยุดลง
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาทันที แม้จะรู้สึกโล่งใจมากก็ตามที่เสียงร้องโหยหวนนั้นหยุดลงแต่โดยดี แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะหันกลับไปมองภาพเบื้องหลัง เพราะหญิงสาวกลัวว่าถ้าหากเธอหันกลับไปในตอนนี้ภาพที่เธอเห็นจะเป็นร่างไร้วิญญาณของพ่อมดทั้งสองคนนั้น
เสียงพูดคุยจอกแจกที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นหลังจากที่เสียงกรีดร้องเงียบลง เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะตั้งใจฟังมันแต่เธอก็ไม่สามารถจับถ้อยความใด ๆ จากเสียงคุยหึ่ง ๆ นั้นได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเลือกที่จะเงยหน้าขึ้นมองสามีของเธอเองที่ยังคงกอดหญิงสาวไว้อย่างแน่นหนาอยู่
และดูเหมือนชายตรงหน้าจะเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการ เมื่อเขาพูดขึ้น
“เบลลาทริกซ์กำลังจะจัดการกับพวกนั้น แต่เธอจะยังไม่ลงมือตอนนี้เพราะเธอชอบเล่นกับอาหารของตัวเองหลาย ๆ ครั้งก่อนลงมือเสมอ” นายลูเซียสพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย ราวกับเขากำลังบอกว่าพี่สาวภรรยาของเขาชอบทานเสต็กพุดดิ้งกับไตเป็นพิเศษ ขณะที่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แต่อีกไม่นานนักหรอก อาจจะไม่เกินสิบห้านาที ขึ้นอยู่กับว่าสองคนนั่นจะทนการทรมานต่อไปไหวหรือเปล่าด้วย” เขาพูดเรียบ ๆ ก่อนจะมองมายังเจ้าสาวของเขาที่บัดนี้หน้าซีดราวกับกระดาษ ดวงตาสีเงินของเขาช่างดูเย็นชาและชั่วร้าย
“ฉันแน่ใจว่าเธอคงไม่อยากอยู่ดูจนถึงตอนนั้นใช่ไหม” เขาถามเพื่อหยั่งเชิง แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่พูดอะไรออกมา และในวินาทีต่อมาชายผมบลอนด์ก็ก้มลงมากระซิบบางอย่างที่หูของเธอ หญิงสาวสะดุ้งเมื่อลมหายในร้อนผ่าวของเขาเป่ารดอยู่ที่ใบหู
“ที่เธอต้องทำมีแค่ขอเท่านั้น แล้วเธอก็จะได้สิ่งที่ต้องการ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจดีว่าเขาหมายความว่าอย่างไร และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววกดดันอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการขอร้องเขาพอ ๆ กับที่เธอไม่ต้องการแต่งงานกับชายตรงหน้า แต่ในขณะเดียวกันนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกแต่อย่างใด เพราะลึก ๆ แล้วเธอก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถช่วยพ่อมดสองคนนั้นจากชะตากรรมอันโหดร้ายได้ และที่สำคัญกว่านั้นเธอก็ไม่อยากจะอยู่รอดูความตายของทั้งสองด้วย
เมื่อตัดสินใจได้แล้วหญิงสาวจึงกลืนน้ำลายก่อนที่จะพูดออกมา
“ฉันอยากให้คุณพาฉันออกไปจากที่นี่ในตอนนี้ค่ะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว” เธอสารภาพออกมาตามตรงก่อนที่นายลูเซียสจะส่งรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจให้เธอ
“ฉันสามารถพาเธอออกไปจากที่นี่ได้ทันที ภายใต้เงื่อนไขเพียงสองข้อเท่านั้น ข้อแรกคือเธอจะต้องขอร้องฉันให้พาเธอออกไปดี ๆ ” เมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับเงื่อนไขข้อแรก นายลูเซียสจึงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวก่อนจะก้มลงไปกระซิบเงื่อนไขที่สองที่หูของเธอ “ข้อสองคือเธอต้องจูบฉัน เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ และเธอจะต้องเป็นฝ่ายมาจูบฉันก่อน”
เฮอร์ไมโอนี่ตาโตเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจ้องเจ้าบ่าวของเธอด้วยสายตาราวกับเขาเพิ่งเสียสติหรือไม่ก็เพิ่งพูดว่าเขากำลังจะย้ายไปอยู่ในโลกของมักเกิ้ลก็ไม่ปาน แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรออกไปชายผมบลอนด์ก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“ทำตามที่ฉันต้องการแล้วฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่ทันที โดยที่จะไม่มีใครรู้เลยว่าเธอต้องการออกไปจากงานเพราะทนดูคนพวกนั้นถูกฆ่าไม่ได้” เขาพูดถึงเหตุผลที่เขาต้องการให้เธอเป็นฝ่ายมาจูบเขาก่อนออกมา เพื่อที่ผู้เสพความตายคนอื่น ๆ รวมทั้งจอมมารจะไม่สงสัยและคิดว่าหญิงสาวใจอ่อนสงสารเชลยอย่างเช่นที่เธอเป็นในตอนนี้
และเมื่อตรองดูแล้วว่าเธอไม่เหลือทางเลือกใดมากไปกว่าทำตามที่ชายตรงหน้าต้องการเฮอร์ไมโอนี่จึงจำเป็นต้องพูดขึ้นมาว่า
“ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ด้วยเถอะค่ะ.......ได้โปรด” เธอเสริมคำสุดท้ายเข้าไปอย่างแผ่วเบาที่สุด นายลูเซียสดูมีท่าทีพอใจไม่น้อยก่อนที่จะปล่อยร่างของหญิงสาวออกจากอ้อมแขน และมองเธอด้วยแววตาที่บอกเธอว่าเขากำลังรอให้เธอทำตามเงื่อนไขข้อที่สองอยู่

มือเล็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือก่อนที่หญิงสาวจะเขย่งปลายเท้าและโน้มร่างเข้าไปจูบชายผมบลอนด์ที่ริมฝีปาก แม้ว่าจะเธอใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ก็ตามแต่ร่างตรงหน้านั้นก็สูงกว่าเธอมากนัก ริมฝีปากอิ่มของเฮอร์ไมโอนี่แตะริมฝีปากบางของนายลูเซียสอย่างแผ่วเบาราวกับเธอรู้สึกลังเลในการกระทำของตัวเองก่อนที่จะกดใบหน้าเข้าไปหาชายตรงหน้ามากขึ้น พร้อมกับยกมือที่สั่นเทาของเธอโอบรอบคอเขาเมื่อร่างเล็ก ๆ ของเธอโน้มไปหาเขา
แน่นอนว่านายมัลฟอยไม่รอช้า เพราะเขารับเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในอ้อมแขนได้อย่างทันท่วงที มือใหญ่ของเขากอดรัดร่างของหญิงสาวไว้และดันแผ่นหลังของเธอให้แนบชิดเข้ามากับร่างของเขามากขึ้น ขณะที่เขาตอบแทนจูบที่ไร้เดียงสาของเฮอร์ไมโอนี่ด้วยจูบที่ล้ำลึกกว่าและแน่นอนร้อนรุ่มกว่า ริมฝีปากเรียวซีดของลูเซียสครอบครองริมฝีปากอิ่มของหญิงสาวอย่าถือสิทธิ์พลางสำรวจทุกตารางนิ้วของมัน ก่อนจะดันลิ้นเข้าไปหาความหอมหวานในปากของเฮอร์ไมโอนี่ เธอสะดุ้งเล็กน้อยเพราะการกระทำนั้น แต่ก็ไม่มีโอกาสจะปฏิเสธหรือทักท้วงอะไรได้ เพราะสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือยึดร่างของเธอไว้กับร่างใหญ่ของนายลูเซียสอย่างแน่นหนาเท่านั้น
แต่ผ่านไปได้ไม่นานนักชายผมบลอนด์ก็ถอนริมฝีปากออกมาและจูบเธอที่หน้าผากเบา ๆ ขณะที่หญิงสาวลืมตาขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำผิดกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง ริมฝีปากที่เคยซีดเซียวกลับบวมแดง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อเธอเพิ่งรู้ว่าการกระทำของพวกเขาทั้งคู่นั้นอยู่ในสายตาของผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งที่ตอนนี้ดูเหมือนจะละความสนใจจากการทรมานนักโทษของสองสามีภรรยาตระกูลเลสแสตรงค์มาอยู่ที่บทรักของคู่แต่งงานใหม่ของคุณและคุณนายมัลฟอยแทน
แต่นายลูเซียสก็ไม่ได้ให้เวลาหญิงสาวทำใจเท่าไหร่นักเมื่อเขาพาเธอเดินเข้าไปที่กลางวงผู้เสพความตาย ท่ามกลางเสียงโหยหวนของนักโทษที่ถูกทรมานอีกครั้งหลังจากที่พวกเขาหมดสติไปเมื่อครู่ ชายผมบลอนด์ก็พาเฮอร์ไมโอนี่ไปยืนอยู่ข้าง ๆ เบลลทริกซ์ โดยที่ถัดจากเธอไปประมาณสามเมตรครึ่งนั้นมีร่างของจอมมารกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และมองดูการแสดงพิเศษครั้งนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ลูเซียสก้มศีรษะลงต่ำก่อนจะพูดขึ้น
“ขออภัยที่ต้องมารบกวน นายท่าน แต่ข้าเกรงว่าเจ้าสาวของข้าจะเหน็ดเหนื่อยกับพิธีในวันนี้เสียแล้ว ข้าจึงอยากจะมาลาท่านเพื่อพาตัวนางกลับไปพักผ่อน” เขาพูดอย่างสุภาพ
ลอร์ดโวลเดอมอร์แสยะยิ้มเพราะคำพูดนั้น เช่นเดียวกับผู้เสพความตายที่เหลือ แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีว่าคำว่า ‘พากลับไปพักผ่อน’ นั้นหมายความว่าชายผมบลอนด์ต้องการพาเจ้าสาวของเขากลับไปที่คฤหาสน์ซึ่งตอนนี้ก็คือเรือนหอของเขากับเธอ
จอมมารแสยะยิ้มพลางมองคู่บ่าวสาวตรงหน้าด้วยแววตาราวโรจน์ก่อนจะพูดออกมา
“ถ้าเช่นนั้นก็พานางกลับไปพักผ่อนเถอะลูเซียส ที่สำคัญดูแลนางให้ดีด้วย เจ้าก็น่าจะรู้นะว่าเจ้าสาวของเจ้าคนนี้เป็นผู้หญิงที่พิเศษแค่ไหน” จอมมารพูดด้วยน้ำเสียงพออกพอใจ ซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขนลุก และขณะที่สามีของเธอก้มศีรษะลงเพื่อขอบคุณเจ้านายของเขา โวลเดอมอร์ก็ส่งรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวมากกว่าอะไรทั้งหมดมาให้หญิงสาว แต่เธอไม่มีโอกาสได้สังเกตุรอยยิ้มนั้นรวมทั้งร่างอ่อนแรงสองร่างที่กำลังนอนอยู่นพื้นห้องถัดจากเธอไปเพียงเมตรเดียวนานนัก เมื่อเจ้าบ่าวของเธอคว้าแขนของหญิงสาวไว้ด้วยมือหนึ่งก่อนจะสอดส่ายสายตาหาใครบางคนภายในงาน
“เดรโก” นายลูเซียสเรียกชื่อลูกชายออกไป
และไม่นานนักร่างของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางเหล่าผู้เสพความตาย ผมสีบลอนด์ของเขาส่องสว่างเช่นเดียวกับพ่อของเขา และเมื่อเห็นร่างของลูกชายนายลูเซียสก็ยื่นมืออีกข้างออกไปข้างหน้าก่อนที่เดรโกจะส่งไม้เท้าที่มีหัวรูปงูของนายมัลฟอยไปให้เขาพร้อมกับกล่องไม้เล็ก ๆ อันหนึ่ง
“ฉันจะกลับไปที่คฤหาสน์แล้ว....” ไม่ทันที่นายลูเซียสจะพูดจบลูกชายของเขาก็ขัดขึ้นก่อน
“ผมก็จะไม่กลับไปรบกวนพ่อหรอก เชิญพ่อตามสบายเถอะ” เด็กหนุ่มโต้ออกมาแทบจะในทันที ขณะที่นายลูเซียสจ้องลูกชายด้วยสายตาที่ดุดันแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เธออยู่ที่นี่ก็ดีแล้วเดรโก อันที่จริงถ้าเธอต้องการล่ะก็ เราอาจจะให้เธอเป็นคนสืบสวนนักโทษต่อจากเราก็ได้นะหลานรัก” เบลลาทริกซ์พูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นการต่อปากต่อคำของสองพ่อลูก ขณะที่เดรโกมองป้าของเขาด้วยสายตาราวกับต้องการจะบอกว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะมาร่วมทรมานนักโทษกับเธอพอ ๆ กับการกลับไปที่คฤหาสน์เลย
“งั้นคุณก็ดูแลเขาด้วยแล้วกัน เบลลา ผมมีเรื่องที่จะต้องจัดการ” นายลูเซียสพูดก่อนจะเปิดกล่องไม้ในมือออก และเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่ามันบรรจุปากกาขนกนกที่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ของใหม่ไว้ และก่อนที่เด็กหนุ่มจะมีโอกาสได้โต้เถียงอะไรออกไป มัลฟอยผู้พ่อก็คว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาใกล้แล้วโอบเอวของเธอไว้แน่อนก่อนจะแตะมือลงที่ปากกาขนนกซึ่งเป็นกุญแจนำทาง และสิ่งสุดท้ายที่หญิงสาวได้เห็นก่อนที่แรงดูดมหาศาลจะดูดร่างของเธอไปก็คือห้องโถงที่เต็มไปด้วยผู้เสพความตายและดวงตาที่เย็นชาของเดรโกที่มองมาทางเธอ



*************************************************



Create Date : 09 มิถุนายน 2555
Last Update : 9 มิถุนายน 2555 19:35:11 น. 2 comments
Counter : 2781 Pageviews.

 
อยากอ่านต่อจังเลยค่าพี่พิก
ลุ้นสุดๆเลย 5555+


โดย: พาย IP: 110.168.119.42 วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:25:43 น.  

 
สนุกมากเลยค่ะ ขอเป็นแฟนคลับของพี่ พิก อีกคนนะค่ะ


โดย: Fahh IP: 115.87.5.55 วันที่: 15 มีนาคม 2556 เวลา:22:05:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.