All Blog
แทกิล วันที่ 7 มกราคม 2555



เสนาบดีพ่อตาของ ชอลวุง เข้ามาหาแกล้งทำเป็นห่วงใย ชอลวุง

“เจ้าคงลำบากแย่”

“ท่านมีอะไรจะสั่งก็สั่งมา”

“ถึงเรื่องมันจะยังไม่จบดี แต่เป้าหมายของพวกเราบรรลุผลแล้ว กลับมารับตำแหน่งเดิมเถอะ”

“ไม่จำเป็นหรอก” ชอลวุง กล่าว

“ฮะ ๆ ไม่ยอมมาเป็นขุนนาง งั้นเจ้าอยากทำอะไร?” เสนาบดี ถาม

“จะทำตามคำสั่งของท่านให้เสร็จ” ชอลวุง กล่าว

“เจ้ายังปลงไม่ตกอีกรึ?”

“ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน” ชอลวุง กล่าว

“อย่าเพิ่งไปสิ หึ ๆ ๆ การสังหารพระนัดดา มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ท่านเป็นคนสั่งให้ข้าทำสิ่งนั้น”

“ถ้างั้น เอาชีวิตเจ้าแลกกับชีวิตพระนัดดา เจ้ามั่นใจมั้ยว่าจะทำสำเร็จ ลูกผู้ชายเราทำงานใหญ่ จะต้องกล้าเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก”

“ข้าทำงานด้วยการแลกชีวิตเสมอ” ชอลวุง ตัดพ้อ

“แต่เจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย เหมือนพระนัดดา”

“หมายความว่าท่านอยากให้ข้าตายรึ?”

“ฮะ ๆ ๆ ๆ พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ เจ้าเป็นเหมือนลูกชายของข้า ข้ารินให้ มีผู้หญิงคนนึงนำพาตัวพระนัดดาไปได้ อีกไม่นานนางจะถูกจับ เพราะตั้งด่านตรวจไว้ทุกเมือง ผู้หญิงตัวคนเดียวจะหนีไปไหนพ้น” เสนาบดี กล่าว

“เราจะเอาแต่นั่งรอข่าวไม่ได้ ถ้าสอบสวน ซงแทฮากับเจ้าคนล่าทาสอีแทกิล กับบัณฑิตนั่น ข้าคิดว่าจะต้องได้คำตอบอย่างแน่นอน”

“แล้วเจ้า..ไม่อยากเอาชนะข้าแล้วเหรอ เจ้าต้องชนะข้าให้ได้”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง”

“ข้าถึงฝากลูกสาวไว้กับเจ้าแล้วจากไปอย่างสบายใจได้ไง เรื่องที่เจ้าไปเกาะเชจูไม่มีใครรู้ ดังนั้น ซงแทฮากับเจ้านักล่าทาสคนนั้นจะต้องสาบสูญไป ส่วนบัณฑิตนั่น เค้าจะค่อย ๆ หันมายืนข้างพวกเรา”

“ถ้างั้น ท่านคิดจะทำยังไงกับพระนัดดา”

“ตอนนี้เริ่มมีกระแสการปฏิวัติเกิดขึ้น แล้วไอ้พวกคนที่คิดจะฉวยโอกาสพวกนั้น จะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างแสนสาหัส ราชสำนักจึงจะสามารถสงบลงได้”

“นี่คือแผนของท่านหรือ?”

“เรียนรู้ไว้ให้มาก และใช้จนกลายเป็นของตัวเอง”

“ทุกอย่างจะราบรื่นอย่างนั้นแน่หรือ?”

“ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนของข้า ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยทำตามความคิดของเจ้า พรุ่งนี้เจ้ากลับไปที่ค่ายฝึกซ้อมซะ ตำแหน่งหัวหน้าครูฝึกว่างมานานเกินไปแล้ว” เสนาบดี กล่าว

แทกิล ถามแทฮา ว่าคุ้ยเคยกับการเป็นทาสหรือยัง

“ข้าไม่เคยต้องเป็นทาสมาก่อน”

“ฮะ ๆ ๆ ถึงที่หน้าผากเจ้าจะมีคำว่าทาส แต่ก็ยังวางมาดเป็นชนชั้นสูงไม่เปลี่ยน”

“ถึงจะต้องพูดจาเหมือนทาส รวมถึงต้องทำงานของทาส แต่ว่าใจข้าไม่เคยยอมก้มหัวให้” แทฮา กล่าว

“แบบนั้นเรียกว่าปากมันไม่ตรงกับใจ นี่ ถ้าหากเจ้ามีโอกาสจะเปลี่ยนโลกนี้ได้จริง ก็ลองเปลี่ยนให้เป็นแบบนี้ดูสิ โลกที่ไม่มีคนหนีเพราะทนอยู่ไม่ได้ และไม่มีคนที่ต้องตามล่า โลกของคนอย่างข้า..โลกของคนที่แม้จะรักใครสักคนยังไม่กล้าไปรักให้เต็มที่ มันเป็นโลกที่น่ารำคาญขนาดไหน”

“วันพรุ่งนี้ พวกเราก็จะต้องตายแล้ว”

“ตายเหรอ ข้าต้องตายเหรอ ฮะ ๆ ๆ ข้าไม่ตายหรอก” แทกิล กล่าว

“เพราะในโลกใบนี้ ความแค้นช่วยแก้ปัญหาไม่ได้หรอก มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น”

“แต่ถ้าหากข้าไม่มีความแค้นอยู่ ป่านนี้ข้าคงตายไปนานแล้ว” แทกิล กล่าว

“คนเราต้องตายทุกคน ความตาย ข้าไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อความตาย เพียงแต่ ไม่อาจกำหนดวันตายของตัวเองได้ นี่ต่างหากที่ผิดหวัง”

“เลิกพูดจาท้อแท้สักทีเถอะ ต่อให้เจ้าอยากจะตาย แต่คนเราทุกคนมันจะต้องมี..เหตุผลที่ตายไม่ได้สักอย่าง”

หลังจากพบเสนาบดีแล้ว ชอลวุง ก็มาหาภรรยา

“มันจริงอย่างที่เจ้าบอก พ่อของเจ้าจัดว่า..เป็นคนน่ากลัวมากจริง ๆ แต่ว่าเค้าก็ยังมีจุดอ่อนที่แก้ไม่ได้เหมือนกัน นั่นคือความอวดดีของคนที่ครองอำนาจ”

“ท่านพี่คะ ได้โปรดหยุดแค่นี้เถอะค่ะ”

“ไม่ได้ ข้าต้องการจะเดินให้สุดทาง เห็นเค้าเดินทางอย่างอวดดี ข้าต้องการจะเห็นเค้าเจอความล้มเหลวซะก่อน”

“ถึงยังไงในวันนี้ ในที่สุดท่านก็ยอมตอบข้า เป็นครั้งแรก ที่ท่านยอมมองหน้า แล้วเอ่ยปากพูดกับข้า”

จีโฮถูกชอลวุงหักหลังฆ่าลูกน้องของตนจนหมด ทำให้จีโฮแค้นมาก เมื่อรู้ว่าแทกิลถูกจับตัวไปจึงวางแผนช่วยเหลือ

“โอ้ย ขอบใจมาก ฮิ ๆ ๆ ๆ โอ้ว อีแทกิล ลูกพี่มาแล้ว ฮิ ๆ ๆ” จีโฮ กล่าว

“โอ้ย เจ้านี่เก่งกาจไม่เบานะ แม้แต่ที่บ้า ๆ อย่างนี้ ก็ยังมาเยี่ยมเยียนกันได้”

“ฮิ ๆ ๆ ไอ้น้องชาย มือปราบพวกนี้ถ้ารู้จักกรอกเหล้า ไม่กี่จอกก็เคลิ้มกันหมดแล้ว”

“มาเย้ยกันรึ?” แทกิล กล่าว

“ฮิ ๆ ๆ เจ้าแทกิล ตายกันหมดแล้ว ลูกน้องข้าที่เลี้ยงมาแต่เล็ก ตายหมดเหลือเจ้าคนเดียว”

“เฮ้ พูดอะไรอย่างนั้น พี่เลี้ยงข้ามาแต่เล็กที่ไหนกัน”

“ฮิ ๆ ๆ ไอ้เจ้านี่ ข้ายังไปขอนมมาให้เจ้ากินอยู่เลย”

“ฮะ ๆ ๆ อย่ามัวพูดไร้สาระอยู่เลย มาดูสมใจแล้วก็รีบไปซะเถอะ”

“ฮิ ๆ ๆ ๆ เรื่องนี้มันเป็นความลับนะ ข้าจะช่วยเจ้าออกไปเอง”

“ฮะ ๆ ๆ ถ้าเจ้าพูดจริง ๆ ลูกวัวมันคงจะกินขี้แทนที่จะกินหญ้าไปแล้ว”




//www.dailynews.co.th



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 13:37:39 น.
Counter : 287 Pageviews.

0 comment
แทกิล วันที่ 6 มกราคม 2555



“โอ้ว เจ้าน่ะ มานี่สิ”

“อ้อ ครับ” บัง กล่าว

“มานี่ มาใกล้ ๆ หน่อย”

“ครับ”

“ในเมื่ออุ้มแม่ม่ายกลับไปแล้ว ก็ควรอยู่กินด้วยกันสิ จะทำเฉยแบบนี้ได้ไง ไม่เห็นเจ้าโผล่หน้ามาเลย”

“ข้าบอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น” บังกล่าว

“ไม่ใช่อะไร”

“คือว่าเรื่อง อุ้มมันก็อุ้มไปจริง ๆ แต่ว่า ไม่ได้มีเจตนาจะอุ้มแบบนั้น คือไม่ใช่แบบนั้น”

“พอ ๆ ๆ เถ้าแก่เนี้ยมานี่มา ข้าจะลงโทษพวกเจ้าโทษฐานทำลายวัฒนธรรมอันดีงาม มานี่เร็วสิ”

“เถ้าแก่เนี้ย”

บังมาหาพี่อึนเจที่บ้าน เมื่อพี่อึนเจเห็นก็รีบถาม

“เฮ้อ...เจ้ามาทำอะไร ทำไมถึงไม่อยู่ที่บ้านของเจ้า”

“เจ้านี่ก็อยู่บ้านก็คนโน้นคนนี้วิ่งมาหาข้าที่บ้าน แล้วถามว่าเข้าห้องหอเมื่อไหร่ แล้วจูบกันครั้งแรกเมื่อไหร่ เข้าที่ไหน จูบยังไงเอาแต่ถามเรื่อง
พวกนี้กับข้าจนรำคาญ แล้วข้าจะอยู่ได้ไงเล่า...”

“โธ่เอ๊ย ข้าจะบ้าตายอยู่แล้ว อุตส่าห์สอนเพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้าจะตาถั่ว”

“ทำยังไงดีล่ะ เจ้าทำลายชีวิตข้าจนหมด ยังจะทำเฉยอยู่อีกเหรอ เจ้า...ควรจะรับผิดชอบแก้ปัญหาเรื่องนี้สิ” บัง กล่าว

“เจ้าว่าใครทำลายชีวิตใคร ใครกันที่ต้องมารับผิดชอบ”

“อะไร โจรร้องจับโจรชัด ๆ อยู่ดี ๆ มายุยงคนซื่ออย่างข้า จนเกิดเรื่องยุ่งแบบนี้ ผู้หญิง
ในสายตาข้า มีแต่เถ้าแก่เนี้ยคนน้องคนเดียวรู้รึเปล่า?”

“ในสายตาข้าก็ไม่เคยเห็นลุงบังเป็นผู้ชายเหมือนกันนั่นแหละ”

“หนอยแน่ะ”

“เหอะ บ้าชะมัด”

“แหม...เห็นพวกท่านคุยกระหนุงกระหนิงอย่างนี้ ท้องฟ้าไม่ต้องมีพระจันทร์โลก
ก็สว่างจะแย่แล้ว” อึนเจ กล่าว

“โอ้ ที่รักของข้า ข้าจะบ้าตายอยู่แล้ว”

“วันนี้ ท่านจะมาเข้าห้องหอใช่มั้ย?”

“เถ้าแก่เนี้ยน้อย เจ้าเข้าใจความรู้สึกข้ามั้ย?”

“เข้าใจ ๆ ข้า...เข้าใจแล้ว ถึงข้าจะเคยซื่อบื้อไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้ว...”

“โอ๊ย”

“เหมือนกรอกยาพิษใส่ปากคนกำลังจะตายเลย”

วังซอนและแม่ทัพเช ยังไม่ตาย ทั้งสองถูกทำร้ายบาดเจ็บ และถูกนำไปทิ้งไว้กลางลานหิมะ ทั้งสองจึงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหูเดียว ที่เขารัก

แทกิลกับแทฮา ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ

“เจ้าเป็นอะไรมากรึเปล่า?” แทฮา ถาม

“อยากให้ข้าตายรึไง?” แทกิล ถาม

“ข้าหลงนึกว่าเจ้าถูกต่อยเข้าจุดตายจนหมดแรงไปแล้ว”

“ข้าไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำกับคนโง่อย่างเจ้าหรอก” แทกิล กล่าว

“เจ้ารู้จักการช่วงชิงจุดยืนรึเปล่า? เจ้าเข้าใจมั้ย?” แทฮา ถาม

“ไม่ต้องพูดมาก ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงบอกมาให้ละเอียด” แทกิล กล่าว

“เจ้าถามถึงเรื่องอะไร”

“ข้าได้ยินที่เจ้าคุยกับเจ้าบัณฑิตคนนั้นหมดแล้ว ในตอนนี้ออนยอน อยู่กับพระนัดดาหลานพระราชาอะไรใช่มั้ย”

“สำหรับผู้หญิงที่ชื่อออนยอน ข้าไม่รู้จัก ภรรยาของข้า นางเป็นคนแซ่คิม มีชื่อว่าคิมเฮวอน” แทฮา กล่าว

“หึ ๆ พวกเจ้า ไปที่เกาะเชจูด้วยกันใช่มั้ย ที่อันตรายอย่างนั้น แต่เจ้ากลับพานางไปด้วย”

“สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้ มันคือรักแท้” แทฮา ถาม

“ฮะ ๆ ๆ ฟังนะ เจ้าพวกนั้นตามหาพระนัดดาอยู่ นั่นก็เท่ากับว่า ปลายหอกทุกด้ามของมันกำลังพุ่งไปที่ออนยอน”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

“ปฏิวัติ สังคมใหม่ เรื่องพวกนี้มันสำคัญตรงไหนหะ แค่ผู้หญิงคนเดียวเจ้ายังปกป้องไม่ได้ ยังพูดว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกเหรอ หึ? ถ้าไม่มั่นใจว่าจะปกป้องนางได้ ไม่มีปัญญาจะปกป้องนางแล้วทำไม ทำไมไม่ฆ่าข้าซะล่ะ ทำไม?” แทกิล กล่าว

“เฮ้อ ทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว ความสงสารหรือว่าความแค้น คงต้องทิ้งมันไป เรื่องนี้มัน
ไม่ใช่เรื่องของเจ้า แต่เป็นเรื่องของข้า” แทฮากล่าว

“ไม่ว่ายังไง ข้าก็จะต้องมีชีวิตรอดกลับออกไป ต้องอยู่เพื่อไอ้คนที่มันทำให้ข้าเจ็บ ข้าจะต้องไปกำจัดมัน บุญคุณไม่ตอบแทนได้ แต่มีแค้น
...ต้องชำระ สิ่งนี้เป็นกฎเหล็กของพวกข้า”

“มีชีวิตอยู่อย่างยิ่งใหญ่ อีกทั้งได้ตายอย่างสมเกียรติ ข้าพอใจแล้ว”

“ไม่ต้องมาพูดมากเจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เจ้าต้องอยู่ เพื่อปกป้องคนที่ควรปกป้อง ไปช่วยคนที่เจ้าควรช่วย ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็ไสหัวไปใช้ชีวิตที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปตลอดซะ”




//www.dailynews.co.th



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 13:37:00 น.
Counter : 312 Pageviews.

0 comment
แทกิล วันที่ 5 มกราคม 2555



“หน็อย ไอ้เจ้านี่...งั้นก็ตอบคำถามข้ามา ตอนไปจับกุมน่าจะมีเด็กอายุประมาณ 4 ขวบอยู่ มีเด็กอยู่ด้วยใช่มั้ย?” พัคซอถาม “เห็นเด็กคนนั้นรึเปล่า”

แทกิลถูกโบยเพราะไม่ยอมสารภาพ พัคซอบ่น “ข้าไม่เข้าใจเลยว่าจะหาเรื่องใส่ตัวทำไม ถ้าเห็นก็บอกว่าเห็น มีก็บอกว่ามี พูดแค่คำเดียวทุกอย่างก็จบ”

“ใต้เท้า ข้าจะบอกว่าเด็กคนนั้นน่ะ ข้าจะบอกว่าเด็กคนนั้นน่ะ ข้าไม่เห็นเด็กเลย ฮะ ๆ ๆ”

พัคซอโมโหจัดจะจัดการกับแทกิล แต่ชอลวุงห้ามไว้ “ใจเย็นไว้ก่อน ข้าจะจัดการต่อเอง”

“ข้าจะไม่บอกท่านเสนาบดีนะ ไปได้” พัคซอพูดกับชอลวุง ก่อนจะหันไปบอกกับทหาร

เมื่อทหารเดินออกไปแล้ว ชอลวุงก็ยิ้มเหยียดจ้องหน้าแทกิล “เราสามคนเจอกันอีกแล้ว ข้าดีใจอย่างกับได้เจอเพื่อนเก่าแน่ะ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เริ่มจากเจ้าก่อนละกัน ให้เจ้าลิ้มรสชาติของเหล็กร้อน แล้วข้าค่อยมาถามเจ้า”

ชอลวุงตั้งท่าจะทรมานแทกิลและแทฮา

แทกิลจ้องหน้าชอลวุงด้วยความโกรธแค้นก่อนที่จะหัวเราะออกมา

“ฮะ ๆ ๆ ใต้เท้า ข้าควรจะได้เงินไม่ใช่เหรอ ข้าอุตส่าห์ตามจับทาสหลบหนีกลับมาได้ ทำไมเรื่องนี้ถึงประหลาดพิลึกเหมือนเกลือมีขนแบบนี้ล่ะ หืม”

“ยังมองสถานการณ์ไม่ออกอีก เจ้านี่คงจะมีตาแต่ไร้แววสินะ” ชอลวุง กล่าว

“ใครมาเจอกับขี้กองโตในตลาด ถึงไม่อยากเหยียบแต่ก็ต้องเหม็นอยู่ดี ปล่อยข้าไปดีกว่าน่าใต้เท้า แล้วข้าจะตอบแทนบุญคุณท่านเป็นสิบเป็นร้อยเท่าเลย ดีมั้ยใต้เท้า”

“เจ้ารู้มั้ยว่าร่างกายคนมีจุดตายอยู่กี่จุด คอหอย กระบังลม กลางอก แล้วก็จุดชีพจรตับ”

“โอ๊ย..”

“ถ้ามันถูกกระแทก” ชอลวุง กล่าว

“โอ๊ย”

“การหายใจแต่ละครั้งจะบังเกิดความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือพี่น้องของเจ้า มาเจอกับข้าก็จอดทุกคนนั่นแหละ”

“เป็นฝีมือเจ้าเรอะ?” แทกิล กล่าว

“พูดจาไม่รู้มารยาท” ชอลวุง กล่าว

“แม่ทัพเชกับวังซอนอยู่ที่ไหน?”

“คงอยู่ที่ไหนสักที่ ต่อให้ไม่ตายอยู่ข้างทาง ก็คงมีคนช่วยฆ่าพวกเค้าไปแล้ว” ชอลวุง กล่าว

“พี่น้องของข้าอยู่ที่ไหน?” แทกิล ตวาด

“อยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีสิทธิจะมาถามคำถามข้า” ชอลวุง กล่าว

“งั้นจำเอาไว้ ข้าแทกิล อีแทกิล เจ้าจำใส่สมองไว้ ในวันที่เจ้าต้องตาย ข้าจะยืนมองเจ้าอยู่ตรงนั้น ถ้าข้าทำให้เจ้าตายตรงหน้าไม่ได้”

“ข้าจะจำเอาไว้” ชอลวุง กล่าว แล้วทั้งสองก็จ้องหน้ากันอย่างไม่เกรงกลัว ชอลวุงเล่นงานแทกิลจนหมดสติไปก่อนจากนั้นก็หันมาเล่นงานแทฮาคนต่อไป

อิงเอ๋อ ส่งลูกน้องไปตามหาองค์ชายที่เกาะเชจู จากนั้นก็กลับมารายงานว่าที่เกาะเชจูมีการต่อสู้กันและองค์ชายได้หายตัวไป อิงเอ๋อจึงส่งให้ไปสืบเรื่องที่ราชสำนักต่อ

เขาควายที่พวกต้าชิงมากว้านซื้อราคาได้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับการร้องขออภัยโทษให้แก่องค์ชายซ็อกยอน ทำให้พัคซอกับเสนาบดีไม่สบายใจ

“ราคาเขาควายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่กลับไม่มีสินค้า เห็นได้ชัดว่าจะส่งผลต่อกำลังของกองทัพเราพ่ะย่ะค่ะ ควรรีบอภัยโทษให้กับพระนัดดา เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์และการค้าของเรากับต้าชิง”

“ถ้าไม่พอก็ใช้เขาวัวแทนก็ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีทางแก้ไข ถ้ายอมรับข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผล จะถือเป็นความอัปยศทางการทูตได้” พัคซอ กล่าว

“ท่านไม่รู้หรือว่าการใช้เขาวัวมาทำธนูจะทำให้ประสิทธิภาพด้อยลงไปอย่างมาก”

“โชซอนมีแค่ธนูเขาควายรึไง นอกจากมีธนูโลหะ หนูระเบิด ธนูหน้าไม้แล้ว ก็ยังมีธนูเหล็กอีกต่างหาก” พัคซอ กล่าว

“แต่ในสงครามธนูที่ใช้มากที่สุดก็คือธนูเขาควาย”

“งั้นก็ทำการจัดสรรใหม่สิ ถ้าไม่สมบูรณ์ตรงไหนก็ค่อยเพิ่มเติมไป มาอ้างเรื่องอภัยโทษพระนัดดา มันออกจะเป็นคนละประเด็นไปแล้ว”

“ถ้าการให้อภัยโทษ แลกมาซึ่งความมั่นคงของโชซอนได้ นั่นไม่ใช่ชัยชนะทางการทูตรึไง?”

“การขอให้อภัยโทษ เป็นการขอแต่เพียงฝ่ายเดียว มันสอดคล้องกับธรรมเนียมการทูตรึ แล้วจะเรียกว่าเป็นชัยชนะได้ยังไง” พัคซอกล่าว

“หยุดพูดกันได้แล้ว” พระเจ้าอินโจ เสด็จเข้ามา

“ฝ่าบาท ทางการทูตเราจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบอย่างเดียวคงจะไม่ได้”

“เราเคยได้เปรียบทางการทูตสักครั้งรึไง? เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด ข้าอยากถามหน่อยว่า ไม่ว่าเป็นสงคราม หรือว่าการทูต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน มีสักครั้งมั้ยที่เราสามารถไปทำได้อย่างที่ใจของเราต้องการ”

“ยังไม่ถึงเวลาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ถึงเราฟื้นตัวจากสงครามและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่สงบสุขขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้เราก็ยังควรยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเค้า”

“ยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเค้า ก็เท่ากับโยนเอาศักดิ์ศรีของโชซอนทิ้ง” พัคซอ กล่าว

“คำพูดนี้ไม่มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”

“การอภัยโทษให้พระนัดดา อาจกลายเป็นอันตราย ที่สั่นคลอนบ้านเมืองก็ได้”

“ฝ่าบาท ความคิดอภัยโทษมาจากความภักดี แต่ฝ่ายที่คัดค้านก็มาจากความซื่อสัตย์ ขอให้ฝ่าบาททรงเมตตา ช่วยสรุปเรื่องนี้เพื่อคลี่คลาย..ความวุ่นวายพ่ะย่ะค่ะ”

หลังออกมาจากเข้าเฝ้าพัคซอรีบหารือกับเสนาบดี

“ราคาเขาควายพุ่งขึ้นไปเกินสามเท่าตัวแล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อ ราคาคงขึ้นไปถึงสิบเท่าแน่ ทำไมต้องยกโทษให้พระนัดดาเพื่อเปิดการค้าด้วย”

“เจ้าต้องเข้าใจพระประสงค์ แบบนี้เจ้าถึงจะได้รับการสนับสนุนทั้งสองด้านไงล่ะ”

“ใต้เท้า ข้าน้อยควรจะทำยังไง?”

“เรื่องอภัยโทษพระนัดดา เป็นเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้ส่งผลเสียกับกองทัพ เราก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น สร้างเรื่องใหม่ขึ้นมา แล้วใช้ไปปิดบังเรื่องเก่า ๆ ดีมั้ย?”

“จะมีเรื่องอะไรที่ปิดได้มิด?”

“เรื่องกบฏ น่าจะมีน้ำหนักมากพอนะ”

“ฮึ ฮึ ๆ ๆ”

“เจ้าคนที่ชอลวุงจับมาได้ หนึ่งในนั้นมีบัณฑิตแซ่ซออยู่ด้วย ถ้าเราหยุดพูดเรื่องอภัยโทษพระนัดดา แล้วยัดข้อหากบฏให้พวกเค้า...” พัคซอ กล่าว

“หึ ๆ ๆ คนแก่ที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้วอย่างข้า จะไปมีความเห็นอะไร”

“ขอแค่ใต้เท้าสั่งมา เรื่องนี้ข้าน้อย จะเป็นคนไปจัดการเองครับ” พัคซอ กล่าว

พัคซอมาบอกกับชอลวุงว่าคดีของราชทัณฑ์ตนจะเป็นคนดูแลเอง

“ไหนบอกว่าให้ข้ารับผิดชอบไง”

“เจ้าไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางอะไรนี่” พัคซอ กล่าว

“ใต้เท้า”

“ถึงเจ้า..จะเป็นลูกเขยของท่านเสนาบดี แต่ก็เข้ามาแทรกแซงคดีของกองปราบไม่ได้ เชิญออกไปได้แล้ว”

“ครับ”

“ข้าจะไม่ไป” ชอลวุง กล่าว

“เชิญออกไปได้”

“ครับ”

“ถ้ามั่นใจพอก็เข้ามา”

“เฮ้อ พวกเจ้าออกไปข้างนอกกันก่อน นี่เราเป็นพวกเดียวกันนะ นี่เป็นคำสั่งของท่านเสนาบดี ไม่เชื่อฟังได้เหรอ? คิดว่าข้าอยากจะทำอย่างนี้รึ เอาน่า ออกไปก่อนนะ ไป ๆ ๆ ไปเถอะน่า”

“ท่านแม่ทัพซง นี่ท่านแม่ทัพซง ถึงแนวทางของพวกเราจะต่างกัน แต่เป้าหมายเราเหมือนกัน และในตอนนี้ จุดจบก็คงจะเหมือนกันด้วย ถึงจะต้องตาย ก็ต้องรักษาความลับไว้ ถึงประวัติศาสตร์จะไม่จารึก แต่ผู้คนต้องไม่ลืมเราแน่ แม่ทัพซง” ใต้เท้าซอ กล่าว

“องค์ชายน้อย ตอนนี้ ทรงเป็นยังไงบ้าง?” แทฮา กล่าว

“ภรรยาท่านคอยดูแลอยู่ ข้าให้นางทิ้งสำนักศึกษา นางคงเดินทางไปที่อื่นแล้ว ข้าแยกกับนางที่ตลาด..”

“ลากตัวเจ้านั่นออกมา คนที่เหลือเอาไป..ขังคุกมันให้หมด” พัคซอ สั่ง

พี่อึนเจ สอบถามแม่ทัพโอว่าทำไมแทกิลถึงได้ถูกจับตัวไป

“ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง ข้าแกล้งทำไม่รู้ต่างหาก”

“ถ้างั้นถ้าแม่ทัพเช กลับมาก็ต้องถูกจับเหรอ?”

“เอ๊ะ ทำไมพี่ถึงได้มาเป็นห่วงแม่ทัพเชล่ะ?”

“เปล่านี่ ข้าก็แค่ถามดู”

“ท่านช่วยบอกหน่อยสิ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่” อึนเจ ถาม

“นี่มันเป็นคำสั่งของเบื้องบน ข้าเองก็ไม่ได้อยากจับเค้าหรอก ยังไงก็คนเคยรู้จักกันมา”

“ปกติก็จิ๊จ๊ะเฮฮากันดี พอมีเรื่องทีก็เปลี่ยนเป็นคนละคน”

“ทำไม นี่พวกเจ้ากำลังประชดข้าที่ทำงานเพื่อบ้านเมืองรึไง?” มือปราบโอ กล่าว

“แหม..โอ๊ย จะทำกับท่านมือปราบอย่างนั้นได้ยังไง ทุกวันนี้ก็เพราะได้ท่านคอยดูแล”

“รู้ทั้งรู้อย่างนี้ ยังกล้าพูดกับข้าอย่างนี้อีก?”

“โธ่ เป็นอะไรไปคะ ไปเอากับข้าวมาเพิ่มให้นะ”

“ช่างเถอะ ต่อไปข้าจะต้องเฝ้าดูพวกเจ้าสองคนให้ละเอียดหน่อยแล้ว เจ้าพวกนี้.. ฮึ่ย”

“โธ่ ท่าน..” พี่อึนเจ กล่าว




//www.dailynews.co.th



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 13:36:09 น.
Counter : 219 Pageviews.

0 comment
แทกิล วันที่ 4 มกราคม 2555



“มันแน่อยู่แล้ว เพราะความจำเป็นถึงต้องทำ แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะขุนนางอย่างพวกเจ้าสร้างสังคมแบบนี้ขึ้นมาไง”

“ถ้างั้นเจ้าล่ะ เจ้าไม่เคยมีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนสังคมนี้เลยรึไง?”

“ฮะ ๆ ๆ ๆ นี่ เจ้าทาส ไม่ใช่สิ ทาสชนชั้นสูง เจ้ารู้จักฮองจีทงมั้ย เจ้าหมอนั่นใช้ไสยศาสตร์ยังเปลี่ยนโลกไม่ได้เลย แบบนี้ คนไม่มีวิชาอาคมอย่างข้าจะไปเปลี่ยนโลกบ้าๆนี่ได้ไง”

“โลกไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยไสยศาสตร์ แต่ต้องอาศัยคนไปเปลี่ยนมัน” แทฮาเสียงเข้ม

“ไม่ว่าจะมีไอ้บ้าคนไหนที่คิดจะไปทำเรื่องบ้า ๆ นี่ โลกบ้า ๆ ใบนี้มันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

“โลกใบนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเหรอ เจ้าพูดง่ายไปแล้ว เพราะยังมีคนอีกคนนึง ที่กลัวคำนี้ที่สุด”

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว พี่น้องของข้าอยู่ไหน?” แทกิลเค้นถามอีกครั้ง แต่แทฮาปฏิเสธในทันที “ข้าไม่รู้เรื่อง”

“วังซอนกับแม่ทัพเช ถูกเจ้าฆ่ารึ?”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าต่างหากที่อยากถามเจ้า ทำไมแม้กระทั่งลูกน้องข้า...เจ้าก็ไม่ยอมละเว้นพวกเค้า เป็นคำสั่งของเสนาบดีเหรอ?” แทฮายังยืนยัน และถามแทกิลกลับเรื่องลูกน้องของเขาที่ถูกลอบฆ่า

แทกิลจับตัวแทฮามาส่งให้ทางการ

“เฮ้ แทกิล ๆ โอ้ว นี่เจ้าจับตัวร้ายกาจกลับมาได้งั้นเหรอ เก่งมาก เจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ ฮะ ๆ ๆตามข้ามาเลย” มือปราบโอยิ้มเมื่อเห็นแทฮา

“มือปราบโอ เจ้านี่เป็นของข้าอย่ามาแตะต้อง”

“โธ่ ความสัมพันธ์อย่างเราสองคน..”

“พอเหอะ ไปตามคนมาให้ข้า”

“ตามใคร” มือปราบโอแสร้งถาม

“ยังจะมีใคร ก็ท่านผู้สูงศักดิ์ที่เรียกข้าไปเจอที่ศาลาอับกูนั่นไง”

“ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย แค่เจ้าส่งตัวเค้าให้ข้าข้าจะจัดการให้หมดทุกอย่างเลย ฮะ ๆ ๆ”

“ฮะ ๆ ๆ ไม่ได้เจอกันนาน แม้แต่ข้าก็กล้าหลอกแล้วเหรอ? ไม่ต้องพูดมาก ไปตามเค้ามาให้ข้า”

“ตามมาแล้วไง เจ้าจะแบ่งให้ครึ่งนึงเหรอ?”

“เจ้ามีชื่อว่า อีแทกิลงั้นเหรอ ชื่อ ๆ นี้ ข้าจะไม่มีวันลืม” แทฮาบอก

มือปราบโอตวาดเสียงดัง “หน็อยแน่ไอ้เจ้าทาสชั้นต่ำ กล้าจ้องหน้าข้าเรอะ”

“ฮะ ๆ ๆ สมแล้ว สมกับที่เป็นสุนัขล่าเนื้อ” เสนาบดีหัวเราะออกมาอย่างพอใจ เมื่อแทกิลจับตัวแทฮามาได้

“ท่านสบายดีรึ?”

“ข้าบอกแล้วว่าให้เวลาหนึ่งเดือน”

“ท่านบอกข้าด้วยเหรอ ทำไมข้าถึงจำมันไม่ได้เลยล่ะ”

“ข้าเคยบอกว่าถ้าเกินหนึ่งเดือน ข้าจะตัดหัวของเจ้ามาแทน ยังนึกไม่ออกอีกเหรอ เจ้าบอกว่า หัวของเจ้ามีค่าอย่างน้อยห้าพันตำลึง”

“เงินค่าจ้างของท่าน ข้าจะคายคืนมาให้กับท่านเอง” แทกิลบอก

“หึ ๆ ๆ มังกรไร้ปีกคิดคาบแก้วสารพัดนึก มันจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม ฮะๆๆ”

แทฮาถูกส่งตัวเข้าห้องขังและถูกทรมานอย่างหนัก ส่วนแทกิลกลับไปพักที่บ้านเก่าโดยมีอึนเจและพี่สาวมาคอยดูแล แทกิลไม่มีความสุขเลย เพราะในใจคิดถึงแต่เพื่อนทั้งสอง วังซอนและแม่ทัพเช การจับตัวแทฮามาได้ แทนที่แทกิลจะได้เงินค่าจ้าง กลับถูกจับตัวไปด้วย เพราะไม่สามารถนำตัวองค์รัชทายาทกลับมาได้

“ถ้าสารภาพมาตามตรง เจ้าอาจมีโอกาสรอดออกไป เจ้าเป็นคนจับเค้ามาใช่มั้ย?”

“นี่ใต้เท้า ท่านก็เห็นกับตาแล้ว ยังจะถามข้าทำไม?”

แสดงความคิดเห็น




//www.dailynews.co.th



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 13:34:30 น.
Counter : 259 Pageviews.

0 comment
แทกิล วันที่ 3 มกราคม 2555



“ถ้าหากข้ายังคงยืนกรานแบบนี้ต่อไป พวกตำแหน่งสูงกว่าท่านก็จะมาสอบสวนข้าด้วยตัวของพวกเค้าเองใช่มั้ย ตอนนั้นข้าจะพูดความจริงทุกอย่าง ข้าจะบอกพวกเค้าว่ามือปราบโอ เป็น
คนสั่งให้ข้าปล่อยข่าว ท่านสั่งให้ข้าไปหาเรื่องใส่ร้ายท่านเสนาฯ เผื่อว่าท่านมือปราบจะได้ฉวยโอกาส หาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ไง”

“ไอ้เจ้านี่ ไอ้ตัวแสบ” มือปราบโออารมณ์เสียเมื่อถูกจีโฮตลบกลับ

“เวลานี้ข้ายังต้องคิดถึงคนอื่นอีกรึไง ท่านเคยเห็นใครที่อุตส่าห์เอาเสบียง ใส่ในห่อผ้าให้สะใภ้ที่หนีออกจากบ้านรึ?”

“จนป่านนี้แล้วยังไม่ให้ความร่วมมือดี ๆ อีก”

“ไม่เอาน่า มือปราบโอ อย่าทำอย่างนี้เลย วันนี้เราสองคน ไปดื่มกันดีกว่า ข้าจะเลี้ยงท่านในฐานะพี่ชาย ข้ามีความตั้งใจที่จะรับท่านเป็นพี่ชาย ของข้าจริง ๆ นะ”

“นี่ เจ้าคิดว่าข้าทำไป เพราะต้องการให้เจ้าเลี้ยงเหล้าเหรอ?”

“มือปราบโอ ข้าคือชอนจีโฮนะ ชอนจีโฮ ฮิ ๆ ฮะ ๆ ๆ ยังไง เราก็ต้องร่วมหัวจมท้ายกันต่อไป” จีโฮหัวเราะที่มือปราบโอทำอะไรตนเองไม่ได้

แทกิลและแทฮายังต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกือบจะหมดแรงด้วยกันทั้งคู่ แต่แทกิลอาศัยเพลงดาบที่เหนือชั้นกว่า จึงจับตัวแทฮาไว้ได้

“เจ้ามีเหตุผลอะไร ถึงต้องคอยตามล่าข้าแบบนี้” แทฮาถาม พร้อมหอบด้วยความเหนื่อย

“ตามล่าทาสต้องมีเหตุผลด้วยรึ? มีทาสหลบหนีก็ต้องตามจับกลับมาสิ” แทกิลเหนื่อยไม่แพ้กัน

“แล้วเจ้าได้รับคำสั่งมาจากใคร”

“ข้าไม่รับคำสั่งใครหรอก ข้ายอมรับแต่เงิน”

“ถ้างั้นเจ้าก็ฆ่าข้าซะสิ”

“มันแน่อยู่แล้ว แต่ก่อนฆ่า เจ้าต้องบอกว่าพี่น้องของข้าอยู่ไหน?” แทกิลเค้นถาม

“ข้าไม่รู้เรื่อง”

“ข้าถึงต้องฆ่าเจ้าไงล่ะ” แทกิลยังมั่นใจว่าแทฮาเป็นคนทำร้ายวังซอนและแม่ทัพเช

พี่อึนเจพยายามจะให้บังลงเอยกับน้องสาว แต่เกิดความผิดพลาด เพราะคนที่บังเข้าหาและอุ้มออกมากลับกลายเป็นพี่ของอึนเจ

“ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้ว ฮิ ๆ จะทำยังไงดีนะ ฮิ ๆ นี่สาวน้อยจ๋า...ฮิ ๆ ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนี้หรอกนะ เจ้าก็คิดซะว่ามันเป็นบุพเพสันนิวาสก็แล้วกัน เจ้าเข้าใจใช่มั้ย”

บังยิ้มกริ่ม พี่อึนเจถูกเอาผ้าอุดปากไว้พยายามพูดแต่พูดไม่ออก มีแต่เสียงอู้อี้ บังยังพร่ำเพ้อต่อ “เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ข้าจะทำยังไงดี ฮะ ๆ เอาล่ะ ๆ มามะ ฮิ ๆ จากนี้ไปเจ้าก็..จะเป็นของข้าแล้ว บ้าเอ๊ย ข้าจะบ้าตาย อะไรกันเนี่ย”

บังตกใจเมื่อเห็นหน้าพี่อึนเจชัด ๆ พี่อึนเจโวยลั่น “ถุย ๆ กล้าเอาถุงเท้าเหม็น ๆ มายัดปากข้าเหรอ ถุย ๆ ๆ”

“เพิ่งใส่แค่สามวันเองนะ แต่นี่มันอะไรกันเนี่ย เจ้าไปอยู่ในห่อนี้ได้ยังไง?”

“ข้าวิ่งเข้าไปรึ แก้มัดให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้าสิ โอ๊ย แก่จนตาลายแล้วรึไงห๊า แค่นี้ก็แยกไม่ออกว่าเป็นใคร”

“ข้าไม่ได้ตั้งใจอุ้มผิดคนสักหน่อย ข้าก็ว่าอยู่ทำไมถึงหนักนัก” บังบ่น

“กับข้าวจัดไว้เต็มโต๊ะแค่หยิบช้อนตักก็ได้กิน แต่กลับคว่ำโต๊ะซะนี่”

“ก็ช้อนมันวางอยู่ข้างซ้ายหรือข้างขวา เจ้าก็น่าจะบอกข้าก่อนนี่ ไม่ยอมบอกข้าข้าจะไปรู้ได้ยังไง”

ระหว่างที่สองคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น มือปราบโอและจีโฮก็มาเห็นเข้า “โอ๊ย นี่ใครกันเนี่ย นี่มันเถ้าแก่เนี้ยนี่ หึ”

“แล้วพวกเจ้า นี่” จีโฮทำหน้าแปลกใจที่เห็นสองคนอยู่ในบ้านเดียวกันในยามวิกาล

“มันไม่ใช่อย่างนั้น คือว่า ๆ นางมาเยี่ยมบ้านข้าแค่แป๊บเดียวเอง” บังพยายามปฏิเสธ

“เอ๊ะ เจ้าสองคนอยู่ที่บ้าน” มือปราบโอ หันไปมองหน้าจีโฮ ก่อนที่ทั้งสองคนจะหัวเราะเพราะเข้าใจว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน “เป็นค่ำคืนอันสวยงามจริง ๆ”

“ใน..คืนหิมะตกบรรยากาศอย่างนี้ พวกเจ้าสองคนอยู่ในบ้านด้วยกัน ฮะ ๆ”

“พูดอะไรบ้างสิ อธิบายเร็วเซ่” พี่อึนเจหันไปบอกบัง

บังอึกอักไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร “คือว่า ไม่มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ข้าแค่ห่อนางกลับมาบ้าน

“หืม? ห่อกลับมา” จีโฮตาโต

“โอ้ จิตรกรบังทำเรื่องใหญ่ ทำเรื่องที่สุดยอดไปเลย ฮะ ๆ ๆ” มือปราบโอหัวเราะ เพราะยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งยุ่งอีนุงตุงนัง

“ข้าไม่สนด้วยแล้ว” พี่อึนเจอารมณ์เสียเดินหนีไปเลย

“เถ้าแก่เนี้ย อะไรเนี่ย...มาช่วยกันอธิบายให้รู้เรื่องก่อนสิ”

“เจ้าก็ตามไปสิ” มือปราบโอรีบบอก บังรีบเดินตามไป

“ขอให้มีความสุขในยามค่ำคืนนะ”

“พูดอะไรของมันเนี่ย ฮิ ๆ ๆ มีความสุข มีความสุขสุด ๆ ฮิ ๆ ๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปหาที่นั่งดื่มกันให้มีความสุขกับเค้าบ้างดีกว่า ฮิ ๆ ๆ”

“ข้าไม่มีเงินนี่”

“เฮ้ เงินจะเป็นปัญหาอะไรเล่า คิดมากน่า ข้าจะจัดการให้ พวกเค้าลงบัญชีในชื่อเจ้าเอง เอาล่ะ ไปได้แล้ว แหมเจ้าจิตรกรบัง ช่วยให้เถ้าแก่เนี้ยไม่ต้องขึ้นคานได้แล้วมั้ง ฮิๆ ๆ”

“สักวันนึง ไม่เจ้าก็ตายก็ข้าอยู่ เราต้องคิดบัญชีแค้นกันแน่นอน ฮิ ๆ ๆ”

กี๊ตบงนำชายแปลกหน้าเข้ามาในที่พักของตนเองและลูกน้อง กี๊ตบงรีบนั่งคุกเข่าเพราะรู้ฐานะที่ตนเองเป็นทาส แม้ชายแปลกหน้าจะบอกให้นั่งตามสบายก็ตาม

“นั่งอย่างนี้สบายที่สุดแล้ว นั่งอย่างนี้มาตลอดชีวิต เกิดมาก็คุกเข่ามาเลยล่ะ”

“ต่อไปพวกเราคงไม่จำเป็นที่จะต้องนั่งคุกเข่าให้กับใครอีกแล้วล่ะ ใครกำหนดว่ามีแต่ชนชั้นสูงที่นั่งขัดสมาธิได้”

“ว้าว ยอดไปเลย” ทุกคนดีใจ

กี๊ตบงตวาด “อะไร พวกเจ้าสมองเลอะเลือนไปแล้วรึไง ทำไมข้านั่งอย่างนี้สบายออก จริงนะ สบายจะตาย”

“แต่ข้ารู้สึกอึดอัดนี่นา”

กี๊ตบงนั่งไปได้สักพักก็ต้องร้องออกมา “โอย.. ขาชา”

แคลองมองหน้าชายแปลกหน้าก่อนจะพูดออกมา “เฮ้อ.. คือว่า.. ท่านดูแล้วหนุ่มกว่าที่คิดไว้เยอะ”

“ทำงานใหญ่ไม่ด้วยวัยหรอกครับ”

“ว้าว จำกัดวัย ไม่เสียทีที่มีความรู้” กี๊ตบงชื่นชม

“ชุมนุมคติพจน์ หรือว่าเมิ่งจื่อข้าเคยอ่านมาหมดแล้ว”

“โอ้ว งั้นไปสอบเป็นขุนนางได้เลยสิ โฮะ ๆ ๆ ๆ เป็นทาสนี่นา”

“เจ้านายของข้าเกิดล้มละลาย พ่อแม่พี่น้องของข้าเลยถูกจับแยกกันเอาไปขาย ตอนนั้นข้าถูก ส่งไปขายให้ครอบครัวนายจ้างใหม่ พอข้าได้เข้าไปอยู่ในบ้านเศรษฐี ก็ต้องแบกเกี้ยวนายน้อยไปส่ง สำนักศึกษาทุกวัน เลยได้เรียนจากการฟังอยู่ข้างห้องเรียน ที่นั่นอยู่หลายปีน่ะ” ชายแปลกหน้าบอก

“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ท่านอยู่ที่ฮันยางรึเปล่า?” อ๊บบ๊กถามขึ้น

“ตอนนี้ข้าท่องไปทั่วประเทศ และกำลังรวบรวมทาสอย่างพวกเราให้มารวมตัวกัน”

“เอ่อ ถ้างั้น ที่อื่นก็มีทาสที่ใช้ปืนอย่างพวกเราด้วยใช่มั้ย?”

“แค่ในฮันยางก็มีกว่าร้อยคนแล้ว ถ้านับรวมกันทั้งหมดน่าจะได้ถึงสองพันกว่าคน” กี๊ตบง อ๊บบ๊กและพวกถึงกับแปลกใจ

“แต่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ มีคนแค่นี้ยังน้อยเกินไป ถ้าเรารวบรวมทาสได้ถึงหนึ่งหมื่นคนเมื่อไหร่ ตอนนั้นเราจะบุกไปถล่มวังหลวงก็ยังได้”

“ขอบคุณท่านมาก ขอบขอบคุณ ขอบคุณท่านมาก”

“ท่านไม่ควรมาขอบคุณข้า ควรจะขอบคุณพี่น้องทุกคนต่างหาก อีกไม่นาน ชนชั้นสูงกับชนชั้นทาสจะต้องเกิดการสลับขั้วกันขึ้นแน่นอน”

“โอ้ ขอแค่มีโลกแบบนั้นได้จริง ตาแก่อย่างข้ายินดีอุทิศร่างแก่ ๆ ให้เป็นประโยชน์ก่อนตาย” แคลองบอก

“เราควรจะวางแผนที่ใหญ่กว่านั้น ต่อไปจะเป็นยุคที่เราจะได้เป็นพระราชากันบ้าง”

“เจ้าบอกข้ามาเถอะ เจ้าว่านางเคยเป็นทาสของเจ้า หมายความว่ายังไงหะ?” แทฮาตะโกนถาม แม้จะเพลี่ยงพล้ำต่อแทกิงก็ตาม

“เมื่อก่อนข้าก็เคยเป็นชนชั้นสูง เจ้าจะสนใจเรื่องนี้ไปทำไม?”

“ภรรยาของข้าเคยเป็นทาสงั้นเหรอ?”

“แล้วจะเป็นอะไรเล่า ไม่ว่านางจะเป็นชนชั้นสูงหรือชนชั้นต่ำแล้วยังไง ขอแค่คนสองคนมีความจริงใจกันก็พอ”

“แต่ไม่ว่าจะยังไง รากของคนก็ไม่มีทางเปลี่ยนได้”

“เพราะมีคนอย่างเจ้าเป็นขุนนาง โลกมันถึงได้เป็นแบบนี้ไงล่ะ ถ้าไม่มีคนอย่างเจ้าก็คง ไม่จำเป็นต้องมีคนอย่างข้าอยู่” แทกิลบอก

“แต่ พวกเราทุกคนจะได้เป็นพระราชา มันฟังแล้วออกจะ...” กี๊ตบงชอบใจ

“หมายถึงไม่ว่าพวกเราใครได้เป็นพระราชา คนทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในโชซอนต้องเท่าเทียมกันเหมือนเป็นพระราชา” ชายแปลกหน้าบอก

“แหม..คนอย่างพวกเราเนี่ยนะจะไป..ฮะ ๆ”

“ไม่ต้องพูดถึงการเป็นพระราชาหรอก ขอแค่ได้ชีวิตแบบบัณฑิตก็พอใจแล้ว” ทาสพรรคพวกกี๊ตบงบอก

“ไม่ต้องบัณฑิตหรอก ขอแค่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับคนพวกข้าก็พอใจแล้ว” อีกคนเห็นด้วยเช่นกัน

“วันแบบนั้นใกล้มาถึงแล้ว และเพื่อเป้าหมายนั้น เราจึงต้องยิ่งเร่งมือ คนที่พวกท่านลอบโจมตีคราวก่อน ที่จริงแล้วเป็นคณะทูตของต้าชิง”

“บรรลัยแล้ว เราดันไปแหย่พวกหางเปียนั่น..” กี๊ตบงตกใจ

“ศัตรูของเราไม่ได้มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงต้าชิงที่ จ้องมาปอกลอกบ้านเมืองเราด้วย” ชายแปลกหน้าบอก

“ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเดินทางไปเกาะเชจูเพื่ออะไร แต่ท้ายที่สุด เจ้าก็ยังอยากจะกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม คงต้องการแค่นี้สินะ เจ้าก็แค่อยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่รุ่งโรจน์เหมือนเมื่อก่อน” แทกิลพูดกับแทฮา

“เจ้าคู่ควรจะพูดคำนี้กับข้าเหรอ ถึงปากจะบอกว่าเจ้าตามล่าทาสเพื่อรักษาระบอบสังคม แต่ถึงยังไงก็ต้องเคยทำให้ประชาชนบริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน”




//www.dailynews.co.th



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 13:32:30 น.
Counter : 286 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]