All Blog
แทกิล วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555



“เฮ้ มานี่ ๆ หน็อยไอ้เจ้านี่หูหนวกรึยังไง ดูท่าทางเป็นสามัญชน เจอข้าแล้วทำไมไม่ทำความเคารพ หะ?” มือปราบโอตะโกนใส่

“เป็นแค่มือปราบ มาวางมาดอะไรนักหนา” ชายหน้าหล่อมองนิ่ง ๆ ไม่กลัวเกรง

“ไอ้เจ้านี่..” มือปราบโอบ่น ชายหน้าหล่อตวาดใส่ “บังอาจ พวกเจ้ารู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร?”

“หน็อยแล้วเจ้าเป็นใคร.. พวก ๆ..พวกข้าก็ไม่แน่ใจ” ตอนท้ายมือปราบโอเสียงอ่อน ๆ เพราะไม่แน่ใจเช่นกัน

“ไม่รู้จัก..ข้าเหรอ?” ชายหน้าหล่อถามเสียงเข้ม

“เอ่อ ๆ ขอโทษด้วยครับ ต้องขอโทษด้วยครับ ยืนเฉยทำไมเล่า รีบทำความเคารพสิ” มือปราบโอบอกบรรดามือปราบลูกน้องให้เคารพ

“คารวะใต้เท้า”

“พวกเจ้าปล่อยให้กองเสบียงทหารถูกโจมตีได้ยังไงกัน” ชายหน้าหล่อตวาดใส่

“เอ๊ะ อ้อ เอ่อ คือตรงนั้นไม่ได้อยู่ในเขตดูแลของพวกข้า”

“ใครอนุญาตให้พวกเจ้าแก้ตัว?”

“เอ่อครับ” มือปราบโอพูดไม่ออก

“พรุ่งนี้ ข้าจะมาสะสางเรื่องนี้เอง ไปกันได้แล้ว” ชายหน้าหล่อเดินผ่านไป

“เค้าเป็นใครเหรอ?” มือปราบกระซิบถาม มือปราบโอบ่น “ข้าจะไปรู้ได้ไง”

“แค่มองข้างหลังก็เท่แล้ว เป็นขุนนางใหญ่กรมไหนรึเปล่า?”

“เอาว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่ สง่าผ่าเผยซะขนาดนั้น คนหนุ่มมีอนาคตไกล เหอะ ๆ ๆ ๆ” มือปราบโอบอกหลังจากหัวหน้าทาส ชายหน้าหล่อผู้บงการจัดการปลุกปั่นให้พวกทาสไปเผากองเสบียง จากนั้นก็ทำตัวเป็นวีรบุรุษของพวกทาส ก่อนที่เขาจะย้อนกลับมาพบกับท่านเสนาฯ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว หัวหน้าทาสก็คือคนของเสนาบดีที่ส่งไปจัดตั้งกองกำลังพวกทาส

“ใต้เท้าสบายดีหรือครับ?” ชายหน้าหล่อเอ่ยทัก”

“ฮะ ๆ ๆ ช่วงที่ผ่านมาเจ้าคงจะเหนื่อยมากสินะ”

“เรื่องนั้นข้าไม่ขอปฏิเสธ”

“นั่นสิ ออกไปก่อน เจ้าก็ออกไปได้แล้ว” เสนาบดีกล่าว

“ท่านจะให้มีแต่ผู้ชายหรือคะ” เจนีถาม

“นี่ไม่ใช่เวลาล้อเล่น”

“ค่ะ ข้าจะไปจัดสุราไว้ค่ะ”

“หึ ๆ ในเมืองดูวุ่นวายกันไปหมด ทำสำเร็จแล้วสินะ”

“พวกข้าทำลายกองเสบียง ฆ่าชนชั้นสูงไปหลายคน”

“ฮะ ๆ ๆ นั่นสิ มีกองกำลังเท่าไหร่แล้ว”

“ข้าไปรวบรวมทาสได้จำนวนหลายสิบคน แล้วบอกพวกเค้าว่า มีพรรคพวกในฮันยางหลายร้อยคน ถ้าทั้งประเทศก็น่าจะหลายพันคน แค่โจมตีกองเสบียงได้สำเร็จ พวกเค้าก็ดีใจยิ่งกว่าสู้ชนะซะอีก”

“คนเรามักจะฝากทุกอย่างเอาไว้กับความหวัง โดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย”

“บางคนถึงกับหวังว่าโลกนี้จะไม่มีชนชั้นระหว่างคนรวยกับทาส”

เสนาบดีหัวเราะอย่างพอใจ “หึ ๆ มันคงจะเป็นไปได้ยาก ความฝันก็ต้องจบที่ความฝัน ถ้ากลายเป็นความเชื่อเมื่อไหร่ มันจะอันตราย”

“เพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา เรื่องกองทะเบียนทาส รีบจัดการหน่อยน่าจะดีกว่า”

“คอยดูทางราชสำนักก่อน แล้วตัดสินใจอีกที”

“ข้าอยากให้จบโดยเร็วที่สุด ที่จริงข้าไม่อยากพูดคำนี้มากนัก แต่ตอนนี้ข้าถึงกับต้องเรียกทาสพวกนั้นว่าพี่ชาย”

“เจ้าเรียกทาสว่า พี่ชายเชียวเรอะ ฮ่า ๆ ”

“เรื่องนี้ยังจัดเป็นเรื่องที่พอทนได้ แต่ที่ทนไม่ได้คือกลิ่นตัวของพวกเค้า พอเดินผ่านเข้าใกล้ทาสพวกนั้นทีไร มีแต่กลิ่นเหม็นจนข้าอยากจะวางทุกอย่างไม่ทำต่อแล้ว”
เสนาบดีหัวเราะร่วน เสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจของเสนาบดีดังออกไปนอกห้อง นางโลมคู่ใจกับเจนีซึ่งนั่งอยู่ นึกสนใจหัวหน้าทาสชายหน้าหล่อขึ้นมา “เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครหรือคะ?”

“ข้าก็แค่เคยเห็นหน้าแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก่อนข้าเองก็ไม่รู้จัก”

“เป็นครั้งแรกที่เห็นคนทำให้ใต้เท้าหัวเราะรื่นเริงแบบนี้”

“อยากรู้มากนักเหรอ?”

“หึ ๆ ๆ ถ้าอยากรู้อยากเห็นมาก เจ้าอาจจะอยู่ได้ไม่นานนะ” นางโลมบอกจริงจัง เจนีถึงกับอึ้งไป

เสนาบดีและหัวหน้าทาสดื่มกันและนึกถึงความสำเร็จ

“ข้าพอใจในการต้อนรับของใต้เท้า หลังจากเสร็จงานแล้ว ท่านจะให้ตำแหน่งกับข้าได้เลยใช่มั้ย?” ชายหน้าหล่อถาม

“เจ้าอยากได้ตำแหน่งอะไร?” เสนาบดียิ้ม ๆ

“แค่ตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ในวังก็พอ คนที่เกิดมาต้องจับดาบจับอาวุธ ตำแหน่งทางการทหารแบบนี้ดูแล้วน่าจะเหมาะสมกว่า”

“ฮึ ๆ นั่นสิ คนอย่างเจ้าควรจะเป็นองครักษ์เฝ้าวังหลวงไว้ หึ ๆ ๆ”

“ฟู่ พอเสร็จงานครั้งนี้ ทุกอย่างก็จะจบใช่มั้ย?” กี๊ดบงถามขึ้น

“ข้าเองก็ไม่รู้ เรื่องของบ้านเมืองคงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ” อ๊บบ๊กเองก็ยังไม่แน่ใจ

“เมื่อกี้ข้าเห็นทหารพวกนั้นตายเป็นใบไม้ร่วงแล้วมันรู้สึก..” กี๊ดบงสีหน้าเป็นทุกข์

“นั่นน่ะสิที่น่าสงสัย ทำไมพวกทหารถึงร่วงเป็นใบไม้อย่างนั้น”

“แล้วเจ้าไม่อยากให้พวกเค้าล้มรึไงล่ะ?”

“ไม่ใช่ แต่ข้าก็แค่รู้สึกว่ามันแปลก งานใหญ่สำเร็จได้ง่ายจนเกินไป แล้วข้าจะสบายใจได้ยังไง” อ๊บบ๊กก็อมทุกข์เช่นกัน

“แล้วถ้าสมมุติว่า เกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา ถ้าพวกเราทำไม่สำเร็จ รุ่นลูกเรา ก็คงจะทำต่อไป เจ้าจะไปกังวลทำไม”

“ข้าไม่เหลือลูกอยู่แล้วนี่”

“แล้วข้ามีรึ ลูกข้าถูกขายไป อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เฮ้อ..”

อิงเอ๋อถามขุนนาง “พวกนั้นระดมทหารออกไปจากทหารที่เฝ้ากรมกองต่าง ๆ ด้วยงั้นหรือ?”

“ตอนนี้มีการปิดเมือง ไม่ให้ใครเข้าออกแล้วด้วยครับ”

“มีการระดมทหารเป็นการใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าแม่ทัพซงมาแล้ว”

“แต่ต่อให้มา ก็คงฝ่าการป้องกันเข้มงวดมาไม่ได้”

“ทางอาหู่ไม่มีการติดต่อแม่ทัพซงเองก็...คงเข้ามาไม่ได้ เราคงต้องเริ่มลงมือแล้ว กำหนดเวลาและวันเดินทาง แล้วหาทางแจ้งออกไปให้แม่ทัพซงรับรู้”

“จะต้องทำยังไงหรือครับ?”

“ก่อนหน้านี้เราได้ส่งสายลับเข้าไปในฝ่ายของศัตรู หาทางให้พวกนั้นทำเป็นเหมือนปล่อยข่าวหลุดออกไปและวิธีการสร้างข่าวลือแบบนี้ ถือเป็นวิธีส่งข่าวที่เร็วที่สุด รีบไปจัดการซะ”

“นอนเถอะ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนเฝ้ายามเอง” แทฮาบอก

“เจ้าจะไปต้าชิงเหรอ?” แทกิลถาม

“คงอย่างนั้น ข้าจะขึ้นเรือไปพร้อมคณะทูตต้าชิง”

“หึ อย่ามาทำตลกได้รึเปล่า พวกเค้าจะยอมให้พวกเจ้าไปกับเรือของเค้าได้ยังไง”

“พวกเค้าเคยเอ่ยปากชวนข้าแล้ว”

“ถ้างั้น พวกเจ้านัดสถานที่กันรึยังล่ะ?”

“อีกไม่นานพวกเค้าจะส่งข่าวมา”

“เมื่อไหร่ พวกเค้าจะรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่นี่”

“เจ้ารู้จักยุทธวิธีรบมั้ย?”

“ไม่ต้องมาอ้อมค้อม มีอะไรก็บอกมาเถอะ”

“เจ้าคงจะไม่เคยออกรบสินะ ในสงครามสิ่งที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ตลอด เมื่อการสื่อสารถูกตัดขาด เราก็ยังส่งข่าวถึงกันได้ มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นนักหรอก”

“หึ ก็ขอให้มันเป็นอย่างที่เจ้าพูดมาละกัน”


//www.dailynews.co.th



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 14:10:15 น.
Counter : 215 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]