All Blog
รักประกาศิต ตอนที่ 14 จบบริบูรณ์




สุพัฒนาเดินมายืนมองแปลงดอกไม้ในลักษณะที่มือไม้สั่น สักพักนิพนธ์ก็เดินตามมา
“ผมนึกว่าคุณเล็กจะทำอย่างที่พูด” นิพนธ์เอ่ย
“ฉันไม่กล้าสู้หน้านิด นิพนธ์ฉันขี้ขลาดใช่ไหม” สุพัฒนาถาม
“ครับ” นิพนธ์ตอบ
สุพัฒนาพยักหน้ารับคำตอบของนิพนธ์
“แล้วคุณเล็กจะขลาดเขลาไปจนวันที่คุณนิดเดินออกไปจากชีวิตคุณเล็กไหมครับ”
“ฉันไม่กล้านิพนธ์”
“ถ้าคุณเล็กไม่ทำ วันหนึ่งคุณนิดอาจจะต้องออกไปจากชีวิตพ่อเลี้ยงก็ได้นะครับ เพราะผมเชื่อว่ายังไงพ่อเลี้ยงก็เลือกคุณเล็ก”
“ก็ได้...แต่ขอฉันทำใจก่อนได้ไหมอ่ะ ฉันตื่นเต้น”
นิพนธ์ยิ้มให้กำลังใจสุพัฒนา

นริศราและภูชิชย์เดินเข้ามาในสำนักงาน แล้วนริศราก็ต้องอึ้งที่เจอณรงค์มานั่งคอยอยู่ นริศราโผเข้ากอดณรงค์ทันที
“นิด” ณรงค์ดีใจ
“พี่ณะ” นริศราก็ดีใจเช่นกัน
วิทวัสกับภูชิชย์ยืนอยู่มองอยู่ที่มุมหนึ่งในสำนักงานถึงกับยิ้มออกมา
“พี่ขอโทษที่ทิ้งนิด ทำให้นิดลำบาก” ณรงค์กล่าว
“นิดรู้ค่ะ ว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพี่ณะ” นริศราบอก
“พี่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะว่าอะไรเป็นอะไร พี่จะจัดการเรื่องนี้ ชดใช้ให้นิดเอง”
“พี่ณะจะจัดการอะไรคะ”
“พี่ขอหย่ากับนาไปแล้ว” ณรงค์บอก
นริศราตกใจ “พี่ณะ!”
“ลัคนาใจร้ายเกินไป พี่จำเป็นต้องทำ”
“แล้วนุ้ยกับนุ่นล่ะคะแกจะเป็นยังไง พี่ณะ อย่าทำขนาดนี้เลยค่ะ”
ณรงค์พูดเสียงเข้ม “เรื่องนี้พี่ขอจัดการเอง นิดมีหน้าที่เรียน ก็กลับไปเรียนให้จบ”
“พี่ณะ...”
ภูชิชย์ นริศรา และวิทวัสต่างก็ตกใจจนถึงกับอึ้งไป

ภูชิชย์ นริศรา วิทวัสและณรงค์นั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานของภูชิชย์
ณรงค์หันมาถามภูชิชย์ “คุณคงเป็นพ่อเลี้ยงภูชิชย์ใช่ไหมครับ”
“ครับ” ภูชิชย์ตอบ
“คุณวิทวัสเล่าให้ผมฟังคร่าวๆว่า น้องสาวผมสมัครงานมาในตำแหน่งเลขา แต่ต้องไปทำไร่แทน”
ภูชิชย์หน้าเสียหันไปมองวิทวัส วิทวัสยิ้มแหยๆ ให้
“คือคุณณะเขาถามผมว่าคุณนิดมาเป็นผู้จัดการไร่ได้ยังไงน่ะครับ ผมก็เลยต้องเล่าให้ฟัง.....บ้างนิดหน่อย” วิทวัสสารภาพ
ณรงค์พูดเสียงเข้ม “แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณๆมากนะครับ เพราะในยามที่น้องผมลำบากก็ได้พวกคุณช่วยไว้ ขอบคุณครับ”
“เอ่อ...แล้วนริศราจะต้องไปเรียนเหรอครับ” ภูชิชย์ถาม
“ครับเรียนให้จบดีกว่า นี่ก็ช้าไปเทอมหนึ่งแล้ว” ณรงค์บอก
“แล้วพี่ณะจะให้นิดไปเมื่อไหร่คะ” นริศราถาม
“พรุ่งนี้” ณรงค์ตอบ
ภูชิชย์ตกใจ “ทำไมต้องไปเร็วอย่างนั้นล่ะครับ”
ณรงค์งง “แล้วจะให้เขาอยู่ทำไมล่ะครับ งานที่นี่ก็ลงตัวแล้ว จะว่าไปนิดเขาก็เป็นคนของศูนย์วิจัยไม่ใช่เหรอครับ”
“นั่นแหล่ะครับที่ผมห่วง จะไปกะทันหันทางศูนย์จะว่าได้” ภูชิชย์รีบบอก
“คุณวัสให้เบอร์ผมโทรไปจัดการลาออกแล้วครับ ทางนั้นไม่ว่าอะไรเพราะคุณนิดเป็นลูกจ้าง เขาจะส่งคนมาให้คุณภูชิชย์ใหม่ครับ” ณรงค์กล่าว
ภูชิชย์ตบไหล่วิทวัสแรงๆ อย่างประชด “ขอบใจมากนะน้องรัก”
วิทวัสกระซิบ “ก็เขาขอน่ะครับ”
“ไปนิด ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะ” ณรงค์บอก
นริศรากับภูชิชย์มองหน้ากันด้วยความตกใจ
“ก็..ก็...ก็ไหนว่าไปพรุ่งนี้ไงครับ” ภูชิชย์ทักขึ้น
“ไฟลท์ไปกรุงเทพฯพรุ่งนี้ครับ แต่คืนนี้ผมจะให้นิดเขาไปพักที่โรงแรม เพราะผมอยู่ที่นั่นจะได้คุยกันให้หายคิดถึง” ณรงค์บอก
“เอ่อ...พักที่นี่เถอะนะครับ ผมว่าไหนๆก็มาแล้ว พักกับธรรมชาติดีกว่า อย่าเพิ่งรีบไปเลยนะครับ ผมขอร้อง” ภูชิชย์บอก
ณรงค์มองภูชิชย์ด้วยความงง แล้วก็มองนริศรา นริศรายิ้มรับเจื่อนๆ
“อยู่สักคืนได้ไหมคะพี่ณะ” นริศราถาม
ณรงค์ส่ายหน้าปฎิเสธ

คนงานของไร่สุพัฒนาที่อยู่ในโรงอาหารเข้ามารุมล้อมเจมส์ก่อนจะพูดพร้อมกัน
“ลาออก!”
“ทำไมมันเร็วนักล่ะ” แม่อุ้ยตกใจ
“ฟังผิดหรือเปล่าเจมส์” พรถาม
“ไม่ผิดหรอกครับ ผมได้ยินจริงๆ พี่ชายคุณนิดจะพาตัวไปวันนี้” เจมส์เล่า
“เฮ้ย...ทำไมมันเร็วนักล่ะ โธ่...รู้งี้ไม่ไปตามก็ดี บอกให้คุณวัสโกหกไปเลยว่าคุณนิดไม่อยู่” ลุงปั๋นบอก
“เพราะแกคนเดียวไอ้ปั๋น คุณนิดถึงต้องไปจากพวกเรา” แม่อุ้ยว่า
พรเริ่มร้องไห้ “ฉันไม่อยากให้คุณนิดไปเลยอ่ะ”
“ถ้าผมไปบ้างจะร้องไห้แบบนี้ไหมอ่ะ” เจมส์ถามกวนๆ
“นี่ ไอ้ฝรั่งขี้นก คนกำลังเครียดนะมาพูดเล่นอยู่ได้” พรว่า
บรรดาคนงานเริ่มพูดคุยกันอื้ออึง
“ทุกคน เราไปขอคุณนิดไหม” พรเสนอ “อย่าให้คุณนิด ฉันว่าถ้าเราไปกันหมดคุณนิดต้องอยู่ต่อแน่”
คนงานทั้งหมดลุกฮือจะเดินไป
“อย่าบอกนะครับว่าทุกคนจะห้ามไม่ให้พี่นิดกลับไปเรียนหนังสือ” เจมส์ทักขึ้น
พวกคนงานได้ยินก็ชะงักทันที ทุกคนหน้าจ๋อยลง

นริศราเดินมาตามทางเดินกลับบ้านพัก โดยมีภูชิชย์เดินตามมา
“เธอจะไปจริงๆเหรอ แล้วฉันล่ะ” ภูชิชย์เอ่ยถาม
“พ่อเลี้ยงคะ ถึงชีวิตจะเป็นของเรา แต่เรากำหนดทุกอย่างในชีวิตไม่ได้หรอกค่ะ” นริศราบอก
“เธอยอมแพ้มากกว่านริศรา”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงคะพ่อเลี้ยง”
ภูชิชย์จับมือนริศราไว้ “เราไปบอกพี่ชายเธอว่าเรารักกัน เธอจะอยู่ที่นี่กับฉัน”
“ลืมคุณเล็กไปหรือเปล่าคะ”
ภูชิชย์อึ้ง นริศราแกะมือของเขาออก
“ขอเวลาให้ฉันหน่อยนะนริศรา ฉันเชื่อว่าคุณเล็กจะยอมรับเธอ”
นริศรายิ้ม “ฉันบอกแล้วไงคะว่าเรากำหนดทุกอย่างในชีวิตไม่ได้”
นริศราเดินไป ภูชิชย์มองตามด้วยแววตาเศร้า

นริศรากำลังเก็บของอยู่ในห้องพัก ส่วนพรกับแม่อุ้ยช่วยเก็บไปก็ร้องไห้ไป
นริศราแสร้งทำเป็นขำ “ดูสิ ร้องไห้กันทำไม ช่วยฉันเก็บของแบบนี้มาก็ตั้งหลายครั้งแล้วนะ ยังไม่ชินกันอีกเหรอ”
“แหม..คุณนิดไม่ต้องมาพูดเลย” แม่อุ้ยว่า “คราวนี้มันไม่เหมือนกันนี่คะ คุณนิดไปตั้งไกล คงไม่กลับมาหาพวกเราอีกแล้ว”
“ถ้ามีโอกาสฉันจะมานะแม่อุ้ย” นริศราบอก
“เปลี่ยนเป็นไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” พรถาม
“ไม่ได้หรอก”
พรโผเข้ากอดนริศรา “คุณนิด”
นริศราเริ่มร้องไห้ “ขอบคุณนะพร ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แม่อุ้ยด้วยนะ ฉันขอบคุณมากจ้ะ”

วิทวัสลากภูชิชย์มาคุยที่มุมหนึ่งของไร่
“ตกลงพี่ภูจะยอมให้คุณนิดไปเหรอครับ” วิทวัสถาม
“พี่ไม่ได้อยากให้เขาไป แต่เขาจะไป” ภูชิชย์ตอบ
“พี่ภูครับ ถ้าพี่ไม่ทำอะไรสักอย่างพี่จะเสียคุณนิดไปตลอดชีวิต”
“นายไม่เข้าใจ พี่ทำหมดแล้ว”
“แม่แต่คุยกับคุณเล็กเหรอครับ พี่ได้บอกคุณเล็กหรือยังว่าพี่ขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้”
วิทวัสถาม ภูชิชย์นิ่งเงียบ
“ได้ งั้นผมจัดการเอง พี่ภูไปกับผม”
“นายจะทำอะไร”
วิทวัสไม่ตอบคำ เขาดึงแขนภูชิชย์ให้เดินไปด้วยกัน

ณรงค์ยืนคอยนริศราอยู่ที่หน้าสำนักงาน สักพักรถของลาวัลย์ก็แล่นมาจอด แล้วลัคนากับลาวัลย์ก็ก้าวลงมาจากรถ
“นามาที่นี่ทำไม” ณรงค์ถามด้วยความแปลกใจ
“นาอยากจะขอโทษน้องนิด” ลัคนาบอก
“นาคิดจะทำอะไร”
“พี่ณะคะ ให้โอกาสพี่นาเถอะนะคะ วัลย์ขอร้อง” ลาวัลย์กล่าว
ณรงค์เงียบไม่ตอบคำ

แม่อุ้ย พร และพวกคนงานหญิงช่วยนริศราถือกระเป๋าเดินลงมาจากบ้านพัก แล้วนริศราก็ต้องแปลกใจที่เห็นลัคนากับลาวัลย์ยืนรออยู่
“นิด พี่อยากคุยด้วย” ลัคนาพูด
เวลาผ่านไป นริศรา ลัคนาและลาวัลย์มานั่งคุยกันที่ม้าหินหน้าบ้านพักคนงาน
“พี่ผิดเองที่รังแกนิด” ลัคนากล่าว “พี่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมด นิดอาจจะสมน้ำหน้าพี่ที่ตอนนี้ทุกอย่างที่พี่วิ่งตามมันกำลังจะหลุดมือไปหมด”
“นิดไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกค่ะ” นริศราบอก
“พี่ทำตัวพี่เอง ไม่มีใครทำพี่”
“พี่นาก็ปรับตัวเองใหม่นะคะ นิดจะช่วยพูดให้”
ลัคนากับลาวัลย์ยิ้มตอบด้วยความตื้นตันใจ
“นิดไม่โกรธพี่จริงๆด้วย” ลัคนาดีใจ
“โกรธแล้วจะได้อะไรล่ะคะ พี่ณะก็ไม่มีความสุข หลานนิดสองคนก็ต้องกำพร้าแม่กำพร้าน้า” นริศราบอก
“ยินดีด้วยนะคะพี่นา ถ้าพี่ได้ครอบครัวกลับมาก็รักษามันไว้ให้ดีนะ” ลาวัลย์กล่าว

ณรงค์ฟังถ้อยคำของนริศราก็มีสีหน้านิ่ง นริศรา ลัคนา และลาวัลย์ยืนอยู่ตรงข้ามกับณรงค์
“พี่ณะคะ คนเราทำผิดกันได้ พี่ณะให้อภัยพี่นาเถอะนะคะ” นริศราอ้อนวอน
“นิดจะแก้ต่างให้เขาไปทำไม” ณรงค์ถาม
“เพราะนิดเชื่อว่าพี่นาจะแก้ไขได้น่ะสิคะ”
ณรงค์มองลัคนาด้วยสายตาครุ่นคิด
“พี่ณะยังรักพี่นาอยู่หรือเปล่าคะ” นริศราถาม
“มันสำคัญด้วยเหรอ” ณรงค์ย้อน
“ค่ะ เพราะถ้าพี่ณะรักพี่นา พี่ณะก็จะอภัยให้พี่นา พี่นาก็จะได้โอกาสในการปรับตัวเพื่อเป็นภรรยาที่ดีของพี่ณะ เป็นแม่ที่ดีของนุ้ยกับนุ่น และเป็นพี่สะใภ้ที่ดีของนิด พี่ณะไม่อยากเห็นคนที่พี่ณะรักเป็นคนดีน่ารักเหมือนก่อนที่คุณพ่อจะเสียเหรอคะ”
ณรงค์ยังยืนนิ่ง นริศราเดินไปจูงลัคนาให้เข้าไปหาณรงค์
“พี่นาบอกพี่ณะสิคะว่าทำไมถึงอยากเปลี่ยนตัวเอง”
“เพราะนารักคุณค่ะคุณณะ นารู้แล้วว่าไม่มีอะไรจะสำคัญและดีที่สุดสำหรับนา นอกจากสามีที่ดี ลูกที่ดี และครอบครัวที่ดี ให้โอกาสนานะคะ” ลัคนาอ้อนวอน
ณรงค์มองลัคนาแล้วนิ่งคิดอยู่นานก่อนจะพยักหน้ารับ ลัคนาโผเขากอดณรงค์แล้วร้องไห้ดีใจ ลาวัลย์เดินมาหานริศรา
“ขอบคุณนะนิด เมื่อก่อนพี่ก็มองว่านิดเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ แต่ตอนนี้พี่ว่านิดเป็นคนที่น่ารักมาก พี่ดีใจนะที่ได้รู้จักกับนิด”
นริศรากับลาวัลย์ยิ้มให้กันแล้วมองณรงค์กับลัคนาที่ยังคงกอดกันอยู่
“งั้นวันนี้เรากลับไปด้วยกันให้หมดทั้งครอบครัวเลยนะ” ณรงค์บอก
“ค่ะ นาก็คิดถึงบ้านคิดถึงลูกเต็มที่แล้ว” ลัคนานึกได้
“เอ๊ะแล้วนี่เจ้าของบ้านเขาหายไปไหนกันหมด”
นิพนธ์นั่งสัปหงกอยู่ที่แปลงดอกไม้ ส่วนสุพัฒนาเดินวนไปวนมาด้วยความตื่นเต้น
“แล้วเราจะไปสู้หน้านิดยังไงอ่ะ อายเหลือเกิน โอ๊ย วันพรุ่งนี้ไม่ได้หรือไง” สุพัฒนาบ่นกับตัวเอง
นิพนธ์หลับตาอยู่แต่ก็พูดออกมา “ไม่ได้ครับ ผมรอคุณเล็กทำใจจนง่วงแล้วนะครับ”
“ก็ได้...ก็ได้” สุพัฒนาถอนใจ “ไปกันเถอะ”
ทันใดนั้นภูชิชย์กับวิทวัสก็เดินเข้ามาที่แปลงดอกไม้
“อยู่นี่เอง คุณเล็ก วันนี้เราสามคนพี่น้องต้องคุยเปิดอกให้รู้เรื่อง” วิทวัสพูด
“นายวัสใจเย็นๆสิ เดี๋ยวคุณเล็กโมโห” ภูชิชย์ปราม
“งั้นผมขอตัวนะครับ” นิพนธ์บอก
สุพัฒนารีบห้ามนิพนธ์ “ไม่ต้อง เธอต้องอยู่กับฉัน พี่ภูกับพี่วัสมีอะไรคะ”
“คุณเล็ก ทำเพื่อคนอื่นสักครั้งเถอะนะก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป” วิทวัสพูด
สุพัฒนางง “อะไรกันคะ อะไรสาย”
“พี่ชายนริศรามาขอรับตัวนริศรากลับ” ภูชิชย์บอก
นิพนธ์กับสุพัฒนาตกใจที่ได้รู้เรื่อง
“ห๊า...กลับไปไหน” สุพัฒนาตกใจ
“กลับกรุงเทพฯ และจะส่งไปเรียนต่อเลย”
“แล้วพี่ภูจะให้นิดไปเหรอ” สุพัฒนาถาม
“พี่ภูไม่อยากให้” วิทวัสตอบแทน “แต่คุณนิดคงไม่อยู่ เพราะเธอรู้ว่ายังไงคุณเล็กก็ไม่ยอมรับเธอ เธอกับพี่ภูไม่มีวันจะลงเอยกันได้ พี่กับพี่ภูเลยจะมาขอร้องคุณเล็ก”
สุพัฒนาตัดบท “นิดจะไปเมื่อไหร่”
“เก็บของเสร็จก็จะไปเลย” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนาตกใจ “แล้วทำไมไม่ห้าม โอ๊ย ไม่ได้อย่างใจกันเลย”
ภูชิชย์กับวิทวัสมองหน้ากันอย่างเหวอๆ สุพัฒนาฉุดมือพี่ชายทั้งสองคนวิ่งไปทันที

นริศรา ณรงค์ ลัคนา และลาวัลย์ยืนคอยอยู่หน้าสำนักงาน นริศราชะเง้อมองหาภูชิชย์
“แปลกนะคะ ทำไมหายกันเงียบเลย” ลัคนาพูด
“นิดจะไปลาคนงานหรือเปล่า” ณรงค์ถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ นิดลาตอนขอตัวไปคุยกับพี่นาแล้ว” นริศราบอก
“งั้นก็ไปกันเถอะ” ณรงค์ชวน
ลาวัลย์จับมือนริศราแล้วเอ่ยถาม “นิดไม่อยากลาพ่อเลี้ยงเหรอ”
“เขาคงไม่อยากลานิดด้วยค่ะ” นริศราตัดพ้อ
ณรงค์เดินไปหยิบกระเป๋านริศราแล้วจะเดินไป แต่ลัคนาทักขึ้น
“คุณณะจะไปไหนคะ”
“ผมให้รถโรงแรมจอดรออยู่” ณรงค์บอก
“ไปด้วยกันดีไหมคะ นาอยากเดินทางกับครอบครัว” ลัคนาชวน
ณรงค์ยิ้มแล้วทั้งหมดก็พากันเดินไปขึ้นรถลาวัลย์ที่จอดอยู่ โดยที่นริศรายังคงชะเง้อมองหาภูชิชย์จนกระทั่งขึ้นรถไป

รถของลาวัลย์แล่นมาตามทางที่จะออกจากไร่สุพัฒนา ทันใดนั้นรถของภูชิชย์ก็แล่นมาขวางตรงปากทางออกจากไร่ ทุกคนลงมาจากรถ ภูชิชย์กับสุพัฒนารีบวิ่งไปหานริศราทันที
“นิด เธอจะไปไม่ได้นะ เธอต้องอยู่ที่นี่” สุพัฒนาบอก
นริศรางง “แต่ฉันต้องไปเรียนต่อค่ะ”
“แล้วพี่ภูล่ะ เธอจะทิ้งพี่ภูได้ไง” สุพัฒนาถาม
“นั่นสิครับ คุณนิดอย่าไปเลยนะครับ ไม่งั้นคุณเล็กกับพ่อเลี้ยงคงเสียใจมาก” นิพนธ์ช่วยพูด
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ นี่คุยกันเรื่องอะไรครับ นิดเขาไม่ใช่พนักงานที่นี่ ไม่ต้องอาลัยกันขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ” ณรงค์แปลกใจ
“มันมีมากกว่าที่พี่ณะเข้าใจค่ะ” ลาวัลย์บอก
ลัคนาดึงณรงค์ออกมาแล้วกระซิบ “คุณณะอยู่เฉยๆก่อนนะคะ นารับรองว่าเป็นเรื่องดีแน่นอนค่ะ”
ณรงค์มองลัคนากับลาวัลย์ด้วยสายตางงๆ
“นิด ว่าไง เธอจะทำแบบนี้กับพี่ชายฉันไม่ได้นะ” สุพัฒนาหันไปพูดกับภูชิชย์ “พี่ภูก็พูดอะไรบ้างสิ ยืนนิ่งอยู่ได้ โอ้ย...ไม่ได้อย่างใจเลย”
“นริศรา เธอรับปากฉันแล้วนะ ถ้าฉันทำให้คุณเล็กยอมรับเธอได้ เธอจะไม่ไปไหน” ภูชิชย์บอก
วิทวัสแอบสะกิดภูชิชย์แล้วกระซิบ “ฝีมือผมไม่ใช่เหรอครับพี่ภู”
“เหอะน่า...ยืมเครดิตแป๊บนึง” ภูชิชย์กระซิบตอบ
“ตกลงว่าไงเธอไม่ไปใช่ไหม” สุพัฒนาถามย้ำ
“คุณเล็กยอมรับฉันจริงๆเหรอคะ” นริศราถามกลับ
สุพัฒนายิ้ม “จริงสิ ต่อจากนี้ไปเธอคือครอบครัวของฉัน เธอเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่สะใภ้ และเป็นความสุขของครอบครัวเรา”
ภูชิชย์จับมือนริศรา “และเป็นภรรยาฉันด้วยนะ”
นริศรายิ้มเขินแต่พยักหน้ารับ ณรงค์มองอย่างอึ้งๆ
“นิด...นี่นิดกับคุณภูชิชย์” ณรงค์เริ่มเข้าใจ
“เขาสองคนรักกันครับ” วิทวัสบอก
ทุกคนที่ยืนลุ้นอยู่ปรบมือกันลั่น ยกเว้นณรงค์ที่ยังงงๆ ภูชิชย์กับนริศรายืนจับมือกัน ลัคนายิ้มแล้วหันไปมองก่อนจะนึกได้
“เอ๊ะ...คุณวัส”
วิทวัสมองลัคนาสักพักก็ตกใจ “คุณนา”
“ตายแล้ว โลกกลมจัง คุณวัสเอ่อ....” ลัคนาแปลกใจ
“เป็นน้องชายผมเองครับ” ภูชิชย์บอก
“ตายแล้ว ไม่ทราบเลยค่ะ แล้วนี่คุณนิดากับยัยลูกหนูอยู่ไหนล่ะ เสียดายนุ้ยกับนุ่นไม่ได้มาด้วย คงจะดีใจที่เจอเพื่อน” ลัคนาพูด
ทุกคนอึ้งหันมามองลัคนาตาค้าง แล้วก็หันไปมองวิทวัส ก่อนที่ทุกคนจะหันมองลัคนาสลับกับวิทวัส
“พี่วัส นิดานี่คือรัชนิดาใช่ไหม?” สุพัฒนาถาม
วิทวัสหน้าเจื่อน

ทุกคนกลับมาคุยกันที่ห้องรับแขกบ้านภูชิชย์ เมื่อลัคนาทราบเรื่องราวทั้งหมดก็มีสีหน้าตกใจสุดขีด
“ตายแล้ว นี่ฉันก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ”
ลัคนามองไปที่ประตูห้องทำงานในบ้านด้วยความกังวล
“คุณเล็กเธอไม่ค่อยยอมรับคนนอกให้เข้ามาในครอบครัวค่ะ” นริศราบอก
“นี่พี่จะทำไงดี” ลัคนากลุ้มใจ
ณรงค์จับมือภรรยาไว้ “ใจเย็นๆนะ นาไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวเราค่อยๆแก้ไขให้มันดีขึ้นแล้วกัน”
“คุณนิพนธ์คะ ไหนคุณบอกว่าคุณเล็กเธอยอมรับนิดได้แล้ว เธอก็น่าจะยอมรับแฟนคุณวัสด้วยสิคะ” ลาวัลย์ถาม
“กับคุณนิดน่ะผมแน่ใจเพราะคุณเล็กเธอร่วมทุกข์ร่วมสุขมาก แต่คนอื่นนี่ผม...ไม่กล้าคิดเหมือนกันครับ” นิพนธ์บอก
ทุกคนมองไปที่ประตูห้องทำงานที่สามพี่น้องกำลังคุยกันอยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี

สุพัฒนาจ้องหน้าวิทวัสอย่างเอาเรื่อง วิทวัสสู้ตาน้องสาว ภูชิชย์เห็นหน้าน้องทั้งสองแล้วก็ไม่สบายใจ
“คุณเล็กใจเย็นๆก่อนนะ” ภูชิชย์ปราม
สุพัฒนาตวาดทันที “พี่วัสทำไมทำแบบนี้”
“นายวัส ตอบน้องอย่าใช้อารมณ์มันไม่ดี” ภูชิชย์เตือน
“ที่พี่ต้องทำก็เพราะคุณเล็กไง วันนี้เป็นไงเป็นกัน คุณเล็กจะเอาไงก็ว่ามา” วิทวัสเสียงแข็ง
ภูชิชย์กุมขมับทันที
“ได้...พี่วัสไปเอาหลานคุณเล็กมาเลย ถ้าพี่วัสเลี้ยงหลานแบบหลบๆซ่อนๆแบบนี้คุณเล็กไม่ชอบ พรุ่งนี้ส่งตัวลูกหนูมา คุณเล็กจะให้แกรู้ว่าแกมีอา มีลุง มีญาติ” สุพัฒนาพูด
หลังจากที่ฟังน้องสาวพูดเป็นชุดภูชิชย์กับวิทวัสก็ถึงกับอึ้ง
“คุณเล็กพูดจริงหรือเปล่า” วิทวัสถามย้ำ
“จริงสิ พี่ภูกับพี่วัสคิดว่าคุณเล็กจะไปประกาศิตชีวิตใครต่อใครได้เหรอ คุณเล็กเคยคิดว่าเราสามคนพี่น้องจะต้องมีชีวิตที่ดี มีคนรักที่สมบูรณ์สูงส่งได้อย่างใจคุณเล็ก แต่สุดท้ายมันก็ไม่เป็นตามที่คุณเล็กอยากได้”
“อ๋อ...คุณเล็กหมายถึงนิพนธ์ใช่ไหม” วิทวัสถาม
สุพัฒนาเขิน “พี่วัสอ่ะ”แล้วเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “บอกนิดาด้วยนะว่าคุณเล็กคิดถึง และขอให้เขาไปหัดอู้คำเมืองมาโต่ยนะ”
แล้วสามพี่น้องก็หัวเราะก่อนจะโผเข้ากอดกันอย่างมีความสุข

ภูชิชย์จูงมือนริศราเดินมานั่งที่ศาลาหน้าบ้านของภูชิชย์
“คิดๆแล้วก็แปลกนะ ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนจะมาเจอกันได้” ภูชิชย์เอ่ย
“นั่นสิคะ คงต้องยกความดีความชอบให้พี่นา” นริศราบอก
“ไม่ใช่หรอก”
“ทำไมจะไม่ใช่ล่ะคะ ก็เพราะพี่นาฉันถึงได้มาทำงานกับคุณ”
“แต่ฉันว่าเป็นความรักมากกว่าที่ประกาศิตให้เราได้มาเจอกันและรักกัน” ภูชิชย์บอก
นริศรายิ้มอาย
“แต่งงานกับฉันนะ” ภูชิชย์ขอ
“ค่ะ” นริศราตอบรับ
ภูชิชย์ยิ้มกว้าง “ไชโย....ฉันดีใจที่สุดเลย”
“เอ่อ...แต่ฉันขอนิดนึงได้ไหมคะ”
“อะไร เธออยากได้งานเล็กงานใหญ่ อะไรแค่ไหนบอกมาได้” ภูชิชย์ถาม
“ฉันขอแต่งหลังจากเรียนจบค่ะ”
“ได้ไม่มีปัญหา เธอกลับมาปุ๊บเราแต่งกันปั๊บเลย”
“ดีค่ะ ถึงตอนนั้นกาแฟที่ท้ายไร่คงเก็บได้พอดี”
ภูชิชย์ชะงัก “เก็บกาแฟ? ก็เธอเหลืออีกเทอมไม่ใช่เหรอ แต่เก็บกาแฟมันรออีกเกือบสามปีเลยนะ”
นริศรายิ้ม “ค่ะ อีกเทอมจบตรี แต่ถ้าแต่งงานฉันขอจบโทก่อนดีไหมคะ”
“เฮ้ย...ได้ไง นานไป” ภูชิชย์เซ็ง
“งั้นจบเอกเลยดีกว่า” นริศรายั่ว
นริศรายิ้มแล้วเดินไป ภูชิชย์เดินตามไปโวยวายกับนริศราว่าจะแต่งงานให้ได้

เวลาผ่านไป นริศราเดินถือหนังสือเข้ามาในห้องพักภายในมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ทันใดนั้น iPadของเธอก็มีเสียงเรียก Facetime เข้ามา นริศรารีบกดรับ เธอเห็นหน้าภูชิชย์มุ่ยๆ เหมือนงอนอยู่ที่หน้าจอ
“เป็นไง หายไปเลยนะ รู้ไหมว่ามีคนคิดถึง จบแล้วทำไมไม่กลับ” ภูชิชย์ถาม
“จะกลับแล้วค่ะ ขอเที่ยวอีกสักอาทิตย์นะคะ” นริศราบอก
ภูชิชย์ถอนใจ “ใจร้าย ไม่สงสารคนรอมั่ง แล้ววันนี้ทำอะไรเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“วันนี้ไม่มีอะไรค่ะ แต่เมื่อวานมีเซอร์ไพรส์ เจมส์กับโป๊ะแวะมาดินเนอร์ที่นี่”
เหตุการณ์เมื่อวานผุดมาอีกครั้ง เจมส์กับพิสุทธิ์เดินเข้ามาทักนริศรา นริศรามองแล้วทำตาโต
เสียงภูชิชย์ถามกลับ “เซอร์ไพรส์ตรงไหน สองคนนั่นน่ะมาหลอกให้แฟนฉันทำอาหารไทยกินประจำอยู่แล้วนี่”
“ไม่ใช่ค่ะ สองคนนั่นพาแขกพิเศษมาด้วย” นริศราบอก
ภาพเหตุการณ์เมื่อวานผุดขึ้นมาอีก เมื่อเจมส์กับพิสุทธิ์เบี่ยงตัวหลบ เจ้าทิพย์ดาราก็เดินแหวกทั้งสองเข้ามากอดนริศรา
“เจ้าน้อยมาค่ะ” นริศราเล่าให้ภูชิชย์ฟัง “บินมาจากอังกฤษเลย แต่ไม่บินกลับแล้ว เห็นว่าคุยกับโป๊ะ ไม่รู้ ไปกล่อมยังไง เจ้าน้อยเลยย้ายมาเรียนปริญญาเอกด้านศิลปะที่นี่ ฉันดีใจจังจะมีเจ้าน้อยมาอยู่ด้วยต้องสนุกแน่”
“โห..อิจฉาอ่ะ” ภูชิชย์พูด “ฟังของฉันมั่งนะ กาแฟที่ท้ายไร่จะเก็บได้แล้ว อย่าลืมตามสัญญาล่ะที่เราจะแต่งงานกันน่ะ”
เหตุการณ์ตอนที่ภูชิชย์นำชาวบ้านดูสวนกาแฟผุดขึ้นมา
“ฉันทำตามเธอสั่งด้วยนะ ตอนนี้ก็เปิดให้ศูนย์วิจัยและชาวบ้านเข้ามาศึกษา หลายคนชอบจะเอาไปทำต่อ ส่วนนิพนธ์กับคุณเล็กช่วงนี้ก็ไปกรุงเทพฯ”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่สุพัฒนาคุยกับหมอที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยมีนิพนธ์คอยดูแลและร่วมรับฟังอย่างใกล้ชิดผุดขึ้นมา
“คุณเล็กมีความสุขมาก เฮ้อ...มีแต่ฉันที่อยู่นี่เหงาเฝ้าไร่อยู่คนเดียว” ภูชิชย์ตัดพ้อ
“โถ..น่าสงสาร แบบนี้ฉันต้องเที่ยวต่อเป็นสองอาทิตย์แล้ว” นริศราเย้า
“เฮ้ย...แบบนี้ฉันไม่ยอมแล้ว ฉันจะตามเธอไปที่นั่น” ภูชิชย์บอก
นริศราหัวเราะแล้วก็มีเสียงกริ่งที่ห้องพักดังขึ้น
“รอแป๊บนะคะ ไม่รู้มีใครมา” นริศราบอก
นริศราเดินไปเปิดประตูแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเป็นภูชิชย์ยืนถือ iPad ยิ้มอยู่ที่หน้าประตู
“เอ่อ...พ่อเลี้ยง” นริศราตกใจ
“ท้าดีนัก ฉันเลยจะมารับตัวเธอกลับไปแต่งงาน” ภูชิชย์ยิ้มกวน
“คุณนี่ร้ายมากเลยนะ”
“ก็อยากแกล้งฉันก่อนนี่”
นริศราแกล้งตี ภูชิชย์เลยดึงมากอดแล้วมองตากัน
“กลับไปแต่งงานกันเถอะนะ ฉันเตรียมของขวัญที่เธออยากได้ไว้ด้วย”
“อะไรคะ ไร่กาแฟเหรอ”
ภูชิชย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “กลับไปดูเองแล้วกัน”
นริศรายิ้มหวานให้ภูชิชย์

ภูชิชย์กับนริศรานั่งดูรูปถ่ายในอัลบั้มเล่มใหญ่ด้วยกัน เขาและเธอพลิกดูรูปต่างๆ ที่ผ่านกาลเวลาด้วยความสุข
ภาพวิทวัสกับรัชนิดาอยู่ในชุดแต่งงาน โดยมีลูกหนูถือชายกระโปรงเจ้าสาวให้ มีลายมือเขียนทับภาพว่า “งานแต่งงานของครอบครัวที่น่ารัก”
ภาพสุพัฒนากับนิพนธ์ในงานหมั้น มีลายมือเขียนว่า “ดีใจที่น้องสาวมีความสุขกับคนที่ดี”
ภาพพิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดาราถ่ายขณะไปเที่ยวต่างประเทศ มีลายมือเขียนว่า “พวกเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา”
ภาพภูชิชย์กับนริศรายืนอยู่กับป้ายที่ชื่อว่า “ไร่ภูชิชย์นริศรา” มีลายมือเขียนทับภาพว่า “คุณเล็กเปลี่ยนชื่อไร่เป็นภูชิชย์ - นริศรา ให้เป็นของขวัญแต่งงาน”
ภาพงานเปิดร้านกาแฟในไร่ ภูชิชย์กำลังกอดนริศรามีลายมือเขียนว่า “ของขวัญให้ภรรยาผม ร้านกาแฟรักประกาศิต”
จบบริบูรณ์









Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 10:39:17 น.
Counter : 506 Pageviews.

0 comment
รักประกาศิต ตอนที่ 13 (ต่อ)




ภูชิชย์กับผลได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวทั้งสามจนหยุดชะงักไป ผลอาศัยจังหวะที่ภูชิชย์เผลอใช้ไม้ฟาดภูชิชย์จนล้มลง แล้วจะกระหน่ำตีแต่พิสุทธิ์กับนิพนธ์เข้ามาดึงไว้ได้ทัน พิสุทธิ์เอาไม้ฟาดจนผลสลบ ไปแล้วเขาก็วิ่งไปพยุงภูชิชย์ขึ้นมา
บัวเกี๋ยงยังคงห้อยอยู่ที่หน้าผาและดึงขาสุพัฒนาอยู่ด้วย สุพัฒนากรี๊ดลั่นเพราะตกใจกลัว นริศราที่อยู่ด้านบนพยายามดึงสุพัฒนาไว้
“คุณเล็ก!” นริศราพยายามช่วย
“นิด ช่วยฉันด้วย นังบัวเกี๋ยงปล่อยฉันสิ” สุพัฒนาพยายามถีบบัวเกี๋ยง
“ไม่...คุณเล็กขา อย่าปล่อยบัวเกี๋ยงนะคะ” บัวเกี๋ยงอ้อนวอน
“คุณเล็ก จับไว้แน่นๆนะคะ อย่าปล่อยบัวเกี๋ยงด้วย” นริศราบอก
ทั้งสามหนุ่มรีบเข้าไปช่วยดึงขึ้นมา พิสุทธิ์ดึงตัวนริศราไว้ ส่วนนิพนธ์กับภูชิชย์ไปช่วยดึงแขนสุพัฒนาคนละข้าง พอจะดึงสุพัฒนาขึ้นมาได้ มือของบัวเกี๋ยงก็จะหลุดจากขาสุพัฒนา บัวเกี๋ยงร้องลั่นรีบคว้าขาสุพัฒนาแล้วดึงลงไปอีก นิพนธ์กับภูชิชย์เกือบตกหน้าผาจนต้องปล่อยมือสุพัฒนาคนละข้าไป คว้ากิ่งไม้ไว้ นริศราไถลไปเพราะแรงดึงพิสุทธิ์จึงรีบดึงไว้
“พี่ภู” สุพัฒนาร้องลั่น
ภูชิชย์และนิพนธ์ตั้งหลักได้ก็ปล่อยกิ่งไม้แล้วพยายามดึงสุพัฒนาขึ้นมา
“คุณเล็ก จับไว้แน่นๆ พี่จะไม่ปล่อยคุณเล็กแน่นอน” ภูชิชย์บอก
ในที่สุดสามหนุ่มก็ช่วยผู้หญิงทั้งสามคนขึ้นมาได้ทั้งหมด
“พี่ภู” สุพัฒนาโผเข้าไปกอดภูชิชย์ด้วยความดีใจจนร้องไห้ออกมา
“คุณเล็ก ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่อยู่นี่ รู้ไหมถ้าคุณเล็กเป็นอะไรไปพี่จะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต”
“พี่ภู” สุพัฒนาร่ำไห้
“น้องรักของพี่” ภูชิชย์โอบกอดน้องสาวเพื่อปลอบขวัญ
สองพี่น้องกอดกันร้องไห้ นริศรามองภาพดังกล่าวแล้วก็แล้วยิ้ม นิพนธ์มองสุพัฒนาที่ยิ้มอย่างมีความสุข พิสุทธิ์เดินมาหานริศราแล้วถาม
“นิดบาดเจ็บนี่”
“ไม่เป็นไรหรอก....โอ๊ย” นริศราลูบแขนตัวเองแล้วก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
ภูชิชย์มองไปที่นริศรา แล้วหันกลับมามองสุพัฒนา
“พี่ภูมีผ้าเช็ดหน้าให้นิดทำแผลไหมคะ” สุพัฒนาถาม
ภูชิชย์กับนริศรามองสุพัฒนาอย่างอึ้งๆ แล้วภูชิชย์ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าไปพันแผลให้นริศรา

ผลค่อยๆ ได้สติลืมตาขึ้นแล้วก็พบว่าตัวเองขยับร่างกายไม่ได้เพราะถูกมัดอยู่ ใกล้ๆ กันบัวเกี๋ยงก็ถูกมัดอยู่เช่นกัน ส่วนภูชิชย์กำลังกอดสุพัฒนาที่ร้องไห้เพราะเสียขวัญอยู่ โดยมีนริศรา นิพนธ์ และพิสุทธิ์อยู่ใกล้ๆ สักพักนิพนธ์ก็เดินมาหาผล
“เมื่อยไหม...รอแป๊บนะ”
“พวกมึงจะทำอะไรกู” ผลเริ่มกลัว
พิสุทธิ์ยิ้มกวน “กูไม่ทำอะไรมึงหรอก แต่โน่น มาพอดีคนที่จะจัดการกับมึง”
รถตำรวจแล่นเข้ามาจอด ท้ายรถมีลูกน้องของผลที่ถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่ ตำรวจลงจากรถแล้วเดินมาทางกลุ่มภูชิชย์ บัวเกี๋ยงเห็นตำรวจก็ร้องไห้แล้วคุกเข่าขอโทษสุพัฒนาทันที
“คุณเล็กขา บัวเกี๋ยงขอโทษ บัวเกี๋ยงคิดไม่ดีกับคุณเล็ก บัวเกี๋ยงสำนึกผิดแล้ว คุณเล็กยกโทษให้บัวเกี๋ยงนะคะ”
สุพัฒนาไม่ตอบคำ เธอมองบัวเกี๋ยงแล้วพยายามกลั้นน้ำตาและความเจ็บใจเอาไว้
“เชิญเอาตัวไปเลย เดี๋ยวพวกผมจะตามไปให้ปากคำที่โรงพัก” ภูชิชย์บอกตำรวจ
ตำรวจพาคนร้ายทั้งหมดขึ้นรถไป

ทุกคนที่ไร่สุพัฒนาโห่ร้องด้วยความยินดีที่รู้ว่าเจ้านายทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย เจ้าทิพย์ดารา เจมส์ และวิทวัสยิ้มด้วยความยินดี
เจ้าทิพย์ดาราทำแผลให้นริศราเสร็จแล้วก็จับมือนริศราด้วยความดีใจ
“คุณนิดของน้อยนี่เก่งเสมอเลย”
“สถานการณ์มันบังคับน่ะค่ะ” นริศราถ่อมตัว
“ไม่หรอกครับ เป็นเพราะคุณนิดมีสติมากกว่า แต่ก็ยอมรับนะครับว่าเข้มแข็งด้วยเก่งจริงๆ” นิพนธ์ชม
“นึกไม่ถึงนะคะว่านายผลกับบัวเกี๋ยงจะกล้าทำเรื่องแบบนี้” เจ้าทิพย์ดาราพูด
“ทำไมจะไม่กล้าล่ะคะเจ้า พวกเราน่ะก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าไอ้ผลกับนังบัวเกี๋ยงมันต้อง มีอะไรลึกซึ้ง ที่แท้ก็เป็นผัวเมียกันนี่เอง” แม่อุ้ยว่า
“ผัวเมียกันไม่เท่าไหร่ คิดมักใหญ่ใฝ่สูงแบบผิด อี๋...น่ารังเกียจ” พรพูดแล้วก็ทำท่ารังเกียจ
“เจอที่ไหนจะเอาขวานจามหน้ามันเลย” ลุงปั๋นบอก
“ทำแบบนั้นก็ผิดกฎหมายสิครับลุงปั๋น” เจมส์ทัก
“นั่นสิ เดี๋ยวก็ได้ไปตีกันในคุกอีกหรอก”
แล้วทุกคนก็หัวเราะออกมาด้วยกัน
“แต่สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดีนะ นริศรา ฉันขอบใจเธอจริงๆนะที่ไม่ทิ้งคุณเล็ก ทั้งๆที่คุณเล็กคิดจะเอ่อ...ทำร้ายเธอก่อน” ภูชิชย์บอก
“ลืมเรื่องเก่าๆเถอะค่ะ เอาเป็นว่าทุกคนปลอดภัยฉันก็ดีใจ” นริศรายิ้ม
“แหม..พี่นิดนี่ทั้งสวยทั้งใจดีอีกนะครับ ถ้าใครได้เป็นแฟนละสงสัยรักตายเลย” เจมส์แซวภูชิชย์
คนงานเฮรับกันดังลั่น ภูชิชย์กับนริศราเขิน
“เจมส์มาพูดอะไรน่ะ” นริศราเขิน
“น้องเขาพูดความจริงๆนี่ นิดจะเขินทำไม” พิสุทธิ์บอก
“ไม่เอาแล้ว” นริศรานึกขึ้นได้ “แล้วนี่คุณเล็กอยู่ไหนคะ นี่พวกเราทิ้งเธออีกแล้วนะคะ”
ภูชิชย์ยิ้ม “คุณเล็กขอนอนพักผ่อน”
“ยังไงพวกเราจะผลัดกันไปดูแลเธอก็ได้นะคะพ่อเลี้ยง” แม่อุ้ยเสนอ
“จริงเหรอ ผมนึกว่าทุกคนจะ....” วิทวัสแปลกใจ
“พวกเราอาจจะไม่ชอบที่คุณเล็กเจ้าอารมณ์ แต่พวกเราก็รักและเป็นห่วงเธอค่ะ” พรบอก
“ใช่ครับ คนอยู่ด้วยกันกินข้าวหม้อเดียวกัน ยังไงก็รักกันครับคุณวัส” ลุงปั๋นเสริม
“พี่ภู ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะ” วิทวัสซึ้งใจ
ภูชิชย์กับวิทวัสยิ้มให้กัน โดยที่ไม่รู้ว่าสุพัฒนากำลังแอบฟังอยู่อีกมุมหนึ่งพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย

นริศรามาส่งพิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดาราขึ้นรถกลับ
“ขอบคุณนะโป๊ะที่ดีกับเรามาตลอด” นริศราพูดแล้วยิ้มให้
พิสุทธิ์แกล้งแซว “ก็เป็นได้แค่คนดีที่ไม่ใช่ รู้งี้มาบทโหดแบบพ่อเลี้ยงดีกว่า เผื่อจะโดนใจนิดบ้าง”
นริศราเขิน แล้วมองเจ้าทิพย์ดาราอย่างเกรงใจ “โป๊ะ อย่าแซวอย่างนี้น่ะ”
เจ้าทิพย์ดาราเห็นท่าทีของนริศราก็รีบพูด “น้อยยินดีมากๆเลย ที่คุณนิดกับภูรักกัน เขาว่าคนเราจะเห็นใจกันก็ตอนที่ลำบากนี่ล่ะ คุณนิดก็อย่าใจร้ายหนีภูไปอีกนะคะ”
นริศรายิ้มไม่ตอบอะไร
“ตอนที่นิดมีความสุข ไม่ต้องนึกถึงเราก็ได้ แต่ถ้านิดทุกข์เมื่อไหร่ ให้นึกถึงเราทันทีนะ เราจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนิดตลอดไป” พิสุทธิ์บอก
นริศรากับพิสุทธิ์สวมกอดกัน แล้วพิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดาราก็ขึ้นรถขับออกไปโดยที่นริศรายืนโบกมือส่ง

เจ้าทิพย์ดารานั่งดูรูปสมัยที่ถ่ายกับภูชิชย์ซึ่งวางอยู่ในห้องนอนของเธอ สักพักเจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
“คุณโป๊ะกลับไปแล้วเหรอลูก” เจ้าเทพมงคลถามขึ้น
“ค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราตอบ
เจ้าเทพมงคลมองไปที่รูป “อยากเอารูปพวกนี้ออกไหม พ่อจะให้เด็กมาจัดการ”
“เอาออกทำไมคะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“เผื่อมันจะทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้นบ้างไงจ๊ะ” เจ้าดาระกาตอบ
เจ้าทิพย์ดารามองรูปแล้วยิ้ม “น้อยว่าน้อยรู้สึกดีกว่าถ้าเก็บไว้อย่างเดิม”
เจ้าดาระกาจับมือบุตรสาวเพื่อปลอบโยน “นี่แสดงว่าลูกยังรักพ่อเลี้ยงเหรอ”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกามองหน้ากันแล้วส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
“เหตุการณ์ที่ภูพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนที่ภูรักมากทั้งคุณเล็กและคุณนิดมันทำให้น้อยรู้สึกว่าภูเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ค่ะ น้อยยังรักภูเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิม เพียงแต่น้อยแปรรูปไปเป็นแบบเพื่อนแล้วค่ะ และภูก็จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและน้อยรักมากที่สุด” เจ้าทิพย์ดาราอธิบาย
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกามองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างปลาบปลื้มดีใจ
“พ่อดีใจนะที่ได้รู้ว่าลูกคิดแบบนี้” เจ้าเทพมงคลพูด
“งั้นต่อไปนี้เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ก็เลิกโกรธภูเถอะนะคะ ถ้าไม่มีเรื่องของน้อย ไร่สุพัฒนาก็จะถือเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเราไม่ใช่เหรอคะ”
“เอาละ ได้...พ่อกับแม่จะไม่โกรธไม่เกลียดพวกไร่โน้นอีก ถ้าลูกจะเปิดใจรับคนอื่น โดยเฉพาะกับคุณ....” เจ้าเทพมงคลยังพูดไม่จบ เจ้าทิพย์ดาราก็พูดสวนขึ้น “ตอนนี้น้อยขอคิดเรื่องเรียนต่อก่อนนะคะ”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาพูดพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ “เรียนต่อ”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความดีใจ
“ไปอเมริกาดีไหมลูก เห็นว่าคุณโป๊ะต้องกลับไปเรียนต่อ ให้เขาช่วยดูแลที่เรียนที่นั่นดีไหม” เจ้าดาระกาเชียร์
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “ทำไมจะอเมริกาคะ ก็เจ้าลุงอยู่อังกฤษแล้วน้อยก็เคยไปเรียนอังกฤษ น้อยควรจะกลับไปที่นั่นมากกว่าไม่ใช่เหรอะคะ”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกามองหน้ากันอย่างเซ็งๆ
“ท่าจะเข็นไม่ขึ้นแล้วค่ะเจ้าพี่ฯ” เจ้าดาระกาบ่น
เจ้าทิพย์ดารายิ้มขำบิดาและมารดาของตัวเอง

สุพัฒนายืนอึ้งมองแปลงดอกไม้ที่ถูกซ่อมแซมขึ้นใหม่ นิพนธ์มายืนดูสุพัฒนา สักพักสุพัฒนาก็รู้ตัว
“เธอมาทำแปลงดอกไม้ให้ฉันใหม่ใช่ไหม” สุพัฒนาเอ่ยถาม
“ใช่ครับ” นิพนธ์บอก
สุพัฒนาถามเสียงเรียบ “ทำทำไม ฉันไม่อยากได้”
นิพนธ์ก้มหน้านิ่ง
“ฉันคิดแต่จะทำร้ายทุกคน ฉันไม่สมควรจะได้รับรางวัลจากใคร รื้อทิ้งไปเถอะ”
พูดจบสุพัฒนาก็จะเดินไป แต่นิพนธ์ดึงแขนเธอเอาไว้
“คุณเล็กครับ” นิพนธ์เรียก
“ปล่อยฉันเถอะ ฉันมันคนเลว ได้ยินไหมนิพนธ์ ฉันมันเลว เธออย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย ฉันไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้ว”
พูดจบสุพัฒนาก็ร้องไห้วิ่งออกไป นิพนธ์วิ่งตามพร้อมกับตะโกนเรียกแต่สุพัฒนาก็ไม่ยอมหยุด วิ่ง นิพนธ์วิ่งตามไปจนทัน
“คุณเล็กใจเย็นๆก่อนสิครับ” นิพนธ์บอก
“ไม่ ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากเจอหน้าใครอีก เธอเองก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ปล่อยฉัน”
สุพัฒนาดิ้นไปดิ้นมานิพนธ์รั้งไม่ไหวเลยดึงมาจูบทันที สุพัฒนาช็อคจนยืนนิ่ง
“นิพนธ์!” สุพัฒนาอึ้ง
“ผมเข้าใจครับ ที่คุณเล็กทำไปทั้งหมดก็เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งพ่อเลี้ยงไปจากคุณเล็ก แต่ถ้าคุณเล็กเปิดใจยอมรับคนอื่นบ้าง คุณเล็กจะเห็นว่าไม่มีใครแย่งพ่อเลี้ยงที่รักคุณเล็กมากไปจากคุณเล็กได้ และยังมีคนอีกมากที่เขารักคุณเล็ก รวมทั้งผมด้วย”
“เธอรักฉัน ?” สุพัฒนาถามย้ำแล้วจ้องหน้านิพนธ์นิ่ง นิพนธ์รู้สึกผิด
“ผมขอโทษที่คิดอะไรเกินฐานะ ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกครับ”
พูดจบนิพนธ์ก็เดินจากไป สุพัฒนามองตามแล้วตัดสินใจวิ่งตามไปดึงแขนนิพนธ์เอาไว้
“นิพนธ์”
“ผม...เอ่อ...ผม”
“ถ้าฉันขอให้เธอดูแลฉันแล้วก็แปลงดอกไม้ของเรา เธอจะทำไหม” สุพัฒนาขอ
นิพนธ์อึ้ง “คุณเล็ก”
สุพัฒนายิ้มให้นิพนธ์ยิ้มตอบ นิพนธ์จับมือสุพัฒนามาจูบแล้วทั้งสองก็กอดกัน

นริศรากับภูชิชย์ยืนดูต้นกาแฟท้ายไร่ที่เริ่มโต
“ไม่น่าเชื่อนะคะ ผ่านไปไม่นาน เจ้ากาแฟพวกนี้ก็เริ่มโตแล้ว” นริศราพูดขึ้น
“เหมือนความรู้สึกของฉันที่มีกับเธอไง ขนาดไม่ได้รับน้ำรับปุ๋ยจากเธอ มันก็ยังเติบโตอย่างดี” ภูชิชย์บอก
นริศราค้อน “นี่พูดเหมือนกับฉันใจร้ายกับคุณมาก อย่าลืมสิคะว่าคุณน่ะร้ายกับฉันก่อน ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันเลยนะจำได้ไหม”
“โอ้โห...นี่เธอจบโบราณคดีมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมขุดเก่งอย่างนี้ล่ะ”
“ก็มันจริงไหมล่ะ”
ภูชิชย์ได้ทีดึงนริศราเข้ามากอด
“นี่พ่อเลี้ยงคุณทำอะไรน่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันไม่ดีนะคะ”
“ทำไม ฉันกอดแฟนฉันมันผิดตรงไหน” ภูชิชย์พูดหน้าเป็น
“ใครเป็นแฟนคุณ ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับคุณเลยนะ”
นริศราแกล้งดึงมือออกแล้วเดินหนี ภูชิชย์รีบดึงนริศรากลับมากอดไว้
“งั้นเธอก็ตกลงรับรักฉันสิ ฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่กับฉันตลอดไป...ได้ไหมนริศรา”
“แล้วคุณเล็กล่ะคะ ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ” นริศราบอก
“ถ้าฉันทำให้คุณเล็กยอมรับเธอได้ เธอจะไม่หนีฉันไปไหนอีกนะ”
ภูชิชย์กับนริศรายิ้มให้กันแล้วก็กอดกันมองไร่กาแฟอย่างมีความสุข

ภูชิชย์กับวิทวัสมาเคาะห้องของสุพัฒนา พอสุพัฒนาเปิดประตูออกมาสองหนุ่มก็ยิ้มรับ
“นายทหารองครักษ์ทั้งสองมารับเจ้าหญิงไปงานเลี้ยงต้อนรับกลับสู่บ้านเราแล้วครับ” ภูชิชย์พูด
สุพัฒนายิ้มเศร้า “คุณเล็กไม่ไปได้ไหมคะ”
วิทวัสแปลกใจ “ทำไมล่ะคุณเล็ก คนงานทุกคนเขาจัดงานนี้ให้คุณเล็กกับคุณนิดนะ”
“นั่นสิ ตั้งแต่กลับมาคนงานเขาอยากเจอคุณเล็กมากนะ ไปพบพวกเขาหน่อยเถอะ” ภูชิชย์บอก
“คุณเล็ก...เอ่อ....คุณเล็กยังไม่ค่อยสบายค่ะ พี่ภูกับพี่วัสไปเถอะ”
“เป็นอะไร ไปหาหมอไหมพี่จะพาไป” ภูชิชย์บอก
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ภูไปร่วมงานเถอะ คุณเล็กแค่ปวดหัวนอนสักพักก็หาย”
“ถ้างั้นพี่จะให้คนเอาอาหารมาให้ที่นี่นะ” วิทวัสเสนอ
“ไม่ต้องค่ะ คุณเล็กขอตัวพักผ่อนนะคะ ฝากขอบคุณคนงานด้วยนะคะ...ที่อุตส่าห์คิดถึงคุณเล็ก”
พูดจบสุพัฒนาก็ปิดประตูห้องทันที
“คุณเล็กเดี๋ยวสิ” ภูชิชย์พยายามเรียก
“ปล่อยคุณเล็กเถอะครับพี่ภู”
ภูชิชย์พยักหน้ารับแล้วเดินไปกับวิทวัส พอสองหนุ่มเดินไปแล้วสุพัฒนาก็เปิดประตูออกมามองตามด้วยสายตาเศร้า
นริศราเดินมาตามทางเดินในไร่แล้วก็เจอนิพนธ์ที่กำลังเดินสวนมา
“อ้าว คุณนิพนธ์จะไปไหนคะ” นริศราถาม
“เอ่อ...คือ ผมจะไป...” นิพนธ์อ้ำอึ้ง
นริศรางง “เอ๊ะ...หรืองานเลี้ยงไม่ได้จัดที่โรงครัว งั้นนิดเดินไปด้วยนะคะ”
“งานยังจัดที่โรงครัวครับ”
“แล้วทำไมคุณนิพนธ์ไปทางนี้ล่ะ”
“ผมจะไปดูคุณเล็กครับ” นิพนธ์บอก
“คุณเล็กไม่สบายเหรอคะ” นริศราถาม
“ผมก็ไม่ทราบครับ แต่เธอโทรมาให้ไปหาที่ห้องรับแขกที่บ้าน เธอไม่อยากไปงานน่ะครับ...เอ่อ...คือเธอคงไม่สบาย”
นริศรายิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นก็ไปหาคุณเล็กเถอะค่ะ”
“แล้วถ้าคนอื่นถาม....เอ่อ...คือผมกลัวคุณเล็กจะเสื่อมเสียครับ จริงๆมันไม่มีอะไรนะครับ”
“จริงด้วยถ้าคนอื่นถามหาคุณนิพนธิ์จะตอบไงดีล่ะคะ” นริศราคิดไม่ตก

คนของไร่สุพัฒนาทุกคนนั่งรับประทานอาหารด้วยกันอยู่ที่โรงอาหาร
“อาหารมื้อนี้แม่อุ้ยทำสุดฝีมือเลยนะคะ เพื่อฉลองการกลับมาของคุณเล็กกับคุณนิด” แม่อุ้ยบอก
คนงานทุกคนปรบมือรับ
“เสียดายนะครับคุณเล็กน่าจะมาด้วย” ลุงปั๋นบอก
“ใช่ค่ะ เธอไม่สบายแบบนี้น่าจะให้พรไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้”
“ขอบใจมากพร แต่ให้คุณเล็กนอนพักผ่อนเถอะ” ภูชิชย์บอก
“เอ..แล้วนี่นิพนธ์หายไปไหนล่ะครับ” วิทวัสทักขึ้น
“จริงด้วย มีใครเห็นนิพนธ์บ้าง” ภูชิชย์ถาม
ทุกคนส่ายหน้าว่าไม่เห็น
“ผมไปเดินตามหาให้ก็ได้ครับ” เจมส์อาสา แล้วเขาก็จะลุกไปแต่นริศรารีบดึงไว้
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกเจมส์ คือนิดเจอคุณนิพนธ์แล้วค่ะ”
“แล้วเขาไปไหน” ภูชิชย์ถาม
นริศรากุเรื่อง “เห็นว่าจะออกไปหาเพื่อนข้างนอก นิดขอโทษที่ลืมบอกทุกคนนะคะ”
ทุกคนพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปกินอาหารตามปกติ นริศราถอนใจด้วยความโล่งอก เจมส์ลุกขึ้นเอาส้อมเคาะแก้วให้เกิดเสียงดัง
“ทุกคนครับ รู้สึกไหมว่างานเลี้ยงวันนี้มันดูไม่เป็นงานเลี้ยงเลย”
คนงานทุกคนพูดพร้อมกัน “ใช่”
วิทวัสหันไปพูดกับภูชิชย์และนริศรา “ไอ้หมอนี่ตกลงมันเป็นฝรั่งพันธ์ไหนครับเนี่ย มาแป๊บเดียวกลมกลืนกับคนงานมากเลย”
ภูชิชย์กับนริศราหัวเราะขำ
พวกคนงานปรบมือ แล้วเจมส์ก็เดินไปเอากีตาร์ที่ซ่อนเอาไว้มาส่งให้ภูชิชย์ ภูชิชย์มองอย่างงงๆ
“วันเลี้ยงต้อนรับผมพ่อเลี้ยงกับพี่นิดร้องเพลงให้ฟัง มันทำให้บรรยากาศดีมากนะครับ วันนี้ร้องอีกสักเพลงนะครับ” เจมส์พูดกับคนงาน “ใครอยากฟังพ่อเลี้ยงกับพี่นิดร้องเพลงอีกครับ”
“นายนี่มันแสบขึ้นทุกวันๆนะนายเจมส์” ภูชิชย์พูดหยอก
เสียงคนงานปรบมือกันลั่น ภูชิชย์กับนริศราขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแล้วเริ่มร้องเพลงและเล่นกีตาร์กัน

สุพัฒนาแอบมองกลุ่มคนงานในโรงอาหารจากระยะไกล เธอเห็นคนงานสนุกสนานกับการร้องเพลงของนริศราประกอบการเล่นกีตาร์ของภูชิชย์ สักพักนิพนธ์ก็เดินเอาแซนด์วิชกับเครื่องดื่มมาให้
“ที่จริงคุณเล็กน่าจะให้ผมไปเอาอาหารมาให้นะครับ ทานแซนด์วิชแค่นี้มันจะไม่ดี” นิพนธ์บอก
“ไม่เป็นไรหรอกนิพนธ์ คืนนี้มันไม่ได้สำคัญที่อาหารหรอก มันสำคัญที่ฉันมีความสุขต่างหาก”
ได้ยินเช่นนั้นนิพนธ์ก็ยิ้มด้วยความดีใจจนตาเป็นประกาย
“คุณเล็กมีความสุขจริงๆเหรอครับ” นิพนธ์ถาม
“ใช่ แค่ฉันเห็นทุกคนที่โรงอาหารมีรอยยิ้มมันก็ทำให้ฉันมีความสุขนะ”
นิพนธ์เซ็ง “อ้าว..นึกว่าสุขที่อยู่กับเรา”
สุพัฒนาค้อน “รู้ไหม ตั้งแต่ฉันถูกจับไป ฉันก็รู้สึกเลยว่าที่จริงแล้วทุกคนที่นี่ต่างหากที่ดีกับฉัน ฉันจะไม่ทำลายสิ่งดีๆเหล่านี้อีกแล้ว”
“งั้นทำไมคุณเล็กไม่ไปร่วมงานกับพวกเขาล่ะครับ”
สุพัฒนาส่ายหน้า “ฉันไม่อยากไปทำลายความสนุกของเขา ขอนั่งดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า”
นิพนธ์จ้องหน้า “นี่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดใช่ไหมครับ”
สุพัฒนาอึ้ง ก่อนจะตอบออกมา
“ฉันไม่กล้าสู้หน้านิด ทั้งที่ฉันเคยเกลียดเขามากจนอยากจะฆ่าเขา แต่เขากลับช่วยชีวิตฉัน ดูแลปกป้องฉัน ฉันไม่มีหน้าจะไปหาเขาหรอก”
“แต่การที่คุณเล็กหลบหน้าคุณนิดแบบนี้ คุณนิดก็จะไม่รู้ว่าคุณเล็กเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเธอนะครับ ถ้าคุณเล็กรู้สึกดีกับคุณนิดอย่างที่พูด คุณเล็กก็ต้องทำให้เธอรับรู้นะครับ”
สุพัฒนานั่งมองไปทางโรงอาหารแล้วก็คิดหนัก

ลัคนาซึ่งยังพักอยู่ที่ห้องในโรงแรมของพิสุทธิ์ต่อโทรศัพท์ไปหาณรงค์ เธอรอสายครู่หนึ่งแต่ก็ไม่มีใครรับ ลัคนาเริ่มหงุดหงิด
“โอ๊ย อะไรนักหนาเนี่ยคุณณะ ทำไมหายเงียบไปสองสามวันเลย หรือจะเรียนหนัก” ลัคนาต่อสายอีก “จะถึงหรือยังยัยวัน....มาเร็วๆหน่อยสิ พี่นัดร้าน”
ลัคนาวางมือถือลงแล้วโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ลัคนามีสีหน้าแปลกใจแต่ก็เดินไปรับ
“ฮัลโหล....ใช่ค่ะฉันลัคนากำลังพูด.....มีแขกมารอพบฉัน....ใครคะ.........อ้าว...เขาไม่บอกชื่อแล้วฉันจะรู้ได้ไงคะ เกิดเป็นโจรมาจับตัวฉันไปจะว่าไง ฉันฟ้องคุณโป๊ะ..........เอาละๆไม่ต้องหรอก เอาเป็นว่าฉันจะลงไปแล้ว บอกให้แขกคนนั้นนั่งรอฉันที่ล้อบบี้ แล้วก็บอกซิเคียวริตี้โรงแรมให้มาอยู่ใกล้ๆฉันไว้ด้วยล่ะ”
ลัคนากระแทกหูโทรศัพท์แล้วคิดสงสัย
“ใครมาหาเราถึงที่นี่”

ลัคนาเดินออกมาจากลิฟท์ แล้วเดินไปดูในล้อบบี้โรงแรมแต่ก็ไม่เจอใครจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์รีเซพชั่นด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“โทษนะ...ไหนคะคนที่มาพบฉันน่ะ อย่าบอกว่าตามผิดคนล่ะ” ลัคนาโวยใส่พนักงาน
“ไม่ผิดหรอกนา” เสียงผู้ชายที่คุ้นหูลัคนาดังขึ้น
ลัคนารีบหันขวับกลับไปด้วยความตกใจคล้ายไม่เชื่อหูตัวเอง เธอเห็นณรงค์ยืนอยู่ไม่ห่าง
“คุณณะ!!! เอ่อ....นี่....นี่คุณมานี่ได้ไงคะ”
“ผมอยากรู้ความจริงเรื่องนิด” ณรงค์บอก
ลัคนาพยายามกลบเกลื่อน “เอ่อ....แหม...เรื่องนี้เองน่ะเหรอคะ ก็อย่างที่นา...”
ณรงค์พูดสวนขึ้นทันที “นา...ผมขอเรื่องจริงที่เป็นเรื่องจริง”
ณรงค์จ้องหน้าลัคนาด้วยสีหน้าเครียด ลัคนาเห็นก็ถึงกับอึ้ง

ลัคนานั่งร้องไห้ โดยที่ณรงค์นั่งจ้องภรรยาด้วยสีหน้านิ่งอยู่ที่เก้าอี้ริมสระน้ำของโรงแรม
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ค่ะ นาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายน้องนิดนะคะ” ลัคนาปล่อยโฮ
“นี่ถ้าผมไม่บังเอิญได้คุยกับวัน นาก็คงไม่ได้ตั้งใจจะปิดผมต่อไปจนผมกับน้องต้องตัดขาดกันไปโดยปริยายใช่ไหม”
“คุณณะ นาขอโทษ แต่นาผิดด้วยเหรอที่ปกป้องทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา นาไม่อยากให้ลูกของนาลำบาก”
“นา...รู้ไหมว่าการโกหกแค่ครั้งเดียวของนา มันทำลายความรักความไว้ใจในตัวนาหมดลงแล้ว”
“คุณณะหมายความว่าไงคะ” ลัคนาถาม
“ผมไม่อยากให้ลูกของผมมีแม่ที่เห็นแก่ตัวและไม่มีความจริงใจแบบนา”
“คุณณะ!”
“หลังจากที่เราหย่ากันเสร็จ ผมจะให้นิดกลับไปเรียนต่อ ส่วนลูกๆผมจะให้ไปเรียนที่สวีเดนกับผม” ณรงค์บอก
ลัคนารีบจับมือณรงค์แล้วอ้อนวอน “คุณณะ ให้โอกาสนะคะ”
“นาจะฟ้องร้องเรียกทุกอย่างที่นาต้องการก็ได้นะ แต่ถ้าเห็นแก่ลูกก็อย่าทำอะไรให้มันอื้อฉาวเลย”
ณรงค์แกะมือลัคนาออกแล้วลุกขึ้นเดินไป ลัคนานั่งช็อคพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด

ณรงค์เดินมาเจอกับลาวัลย์ที่ล็อบบี้ของโรงแรม
“อ้าวพี่ณะ กลับมาเมื่อไหร่คะ” ลาวัลย์แปลกใจ
“ก็ตั้งแต่วันที่คุยกับวัน พี่ก็จองตั๋วเลย” ณรงค์บอก
“รีบขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่ฝากดูแลนาด้วยนะ ยังไงวันก็ยังเป็นน้องของพี่และเป็นน้าของหลานๆอยู่นะ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ทำไมพี่ณะพูดเหมือนกับจะเลิกกับพี่นา”
“พี่ขอโทษนะ ต้องรีบไปหานิด”
ณรงค์เดินไปขึ้นรถลีมูซีน ลาวัลย์ยืนงงพอหันไปก็เห็นลัคนาเดินเข้ามา ลาวัลย์จึงรีบเดินไปหา
“พี่นานี่มัน”
ลัคนาโผเข้ากอดลาวัลย์แล้วร้องไห้แบบไม่อายใคร ลาวัลย์งงแต่ก็สวมกอดเพื่อปลอบใจลัคนา

ลัคนากลับมานั่งร้องไห้เสียใจอยู่ในห้องพัก ลาวัณย์ทราบเรื่องจากพี่สาวก็มีสีหน้าตกใจ
“พี่ณะขอหย่า!” ลาวัลย์ทวนคำ
“ใช่ เขาขอให้พี่พูดความจริงเรื่องนิด พี่ก็เลยต้องสารภาพไปจนหมด แล้วพี่ณะ..พี่ณะก็ขอหย่าทันทีเลย” ลัคนาร้องไห้โฮ
ลาวัณย์สงสารพี่สาว “พี่นาใจเย็นๆก่อน พี่ณะคงโกรธไม่นานหรอก ความจริงพี่ณะเขารักพี่นามาก แต่เรื่องนี้พี่นาคงต้องง้อพี่ณะหน่อยนะ”
“มันคงยากแล้วละวัน พี่ทำผิดมากเกินเขาจะอภัยให้”
“โธ่...พี่นา”
“คุณณะบอกแบ่งทรัพย์สินให้ แต่แปลกที่พี่กลับไม่อยากได้ พี่อยากได้ความรักพี่อยากได้ครอบครัวของพี่คืน พี่ไม่อยากได้เงินทองแล้ววัน วันพี่ผิดไปแล้ว” ลัคนาร้องไห้โฮ
ลาวัณย์จับมือปลอบใจพี่สาว “สมัยเด็กๆ ถึงพวกเราจะจน แต่พวกเราพี่น้องก็มีความสุขเพราะพ่อกับแม่ให้ความรักแทนเงินทอง แต่พอโตมาพี่นาพยายามดิ้นรนยกฐานะจนกลายเป็นคนหลงใหลวัตถุแล้วหลงลืมความรัก ถึงเวลาที่พี่นาจะเดินกลับไปหาความรักได้แล้วนะ”
ลาวัณย์กอดลัคนา พร้อมกับตบบ่าแล้วลูบหลังให้กำลังใจ

นิพนธ์พาสุพัฒนาออกมาเดินเล่นในไร่องุ่น สุพัฒนาเดินอย่างมีความสุข
“แย่จังเลยนะ ช่วงนี้ฉันไม่มีเพื่อนเลยต้องมาเกาะเธอ กวนเวลาทำงานหรือเปล่า” สุพัฒนาถาม
“ไม่หรอกครับ ผมเต็มใจ” นิพนธ์ตอบ
สักพักภูชิชย์ก็เดินมาเจอทั้งคู่
“คุณเล็ก มาอยู่ที่นี่เอง”
“พี่ภูมีอะไรหรือเปล่าคะ” สุพัฒนาถาม
“เปล่าหรอก พี่แค่เป็นห่วงว่าที่ไม่สบายหายหรือยัง” ภูชิชย์ถาม
สุพัฒนายิ้มเจื่อนๆ “ดีขึ้นแล้วค่ะ พรุ่งนี้คุณเล็กจะไปทำงานให้พี่ภูนะคะ”
“เรื่องพรุ่งนี้ไว้ก่อน เอาเรื่องวันนี้ดีกว่า” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนางง “อะไรคะ”
“นริศราเขาฝากความเป็นห่วงมา”
“คุณเล็กก็ขอบคุณเขาด้วยนะคะ” สุพัฒนาพูด
“บอกกับเจ้าตัวเขาสิ”
พูดจบภูชิชย์ก็หันมองไปทางหนึ่ง สุพัฒนากับนิพนธ์หันมองตามไปก็เห็นนริศรากำลังเดินออกมาจากไร่องุ่นพร้อมกับส่งยิ้มให้สุพัฒนา
“เป็นยังไงบ้างคะคุณเล็ก” นริศราเอ่ยถาม
สุพัฒนาหลบตา “เอ่อ...เอ่อ...ก็ดี คุณเล็กขอตัวนะคะ”
สุพัฒนาก้มหน้าแล้วเดินหนี ทุกคนมองตามอย่างงงๆ
ภูชิชย์เรียกน้องสาว “คุณเล็กเดี๋ยวสิ”
สุพัฒนาก้มหน้าก้มตาวิ่งไปทันที
“ผมขอไปดูคุณเล็กนะครับ” นิพนธ์พูดแล้วรีบวิ่งตามไป
ภูชิชย์หันมาหานริศราแล้วก็หน้าเสีย นริศรายิ้มปลอบ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ มันยากสำหรับคุณเล็กที่จะเปิดใจรับฉัน”
“อย่าเพิ่งท้อนะนริศรา” ภูชิชย์บอก
ระหว่างนั้นลุงปั๋นก็ถีบจักรยานผ่านมา
“คุณนิดครับคุณนิด คุณวัสให้มาตามบอกมีแขกมาพบครับ”
“ใครเหรอ?” นริศราสงสัย
“เขาบอกว่าเป็นพี่ชายคุณนิดครับ ชื่อ...นะๆนี่แหล่ะครับ”
ลุงปั๋นบอก นริศรายิ้มด้วยความดีใจทันที









Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 10:37:42 น.
Counter : 294 Pageviews.

0 comment
รักประกาศิต ตอนที่ 13




นาฬิกาบนผนังที่สำนักงานของไร่สุพัฒนาบอกเวลาตีห้า วิทวัส เจ้าทิพย์ดารา เจมส์ นั่งเงียบ อยู่บนโซฟา สักพักวิทวัสก็ตัดสินใจเดินไปเปิดเซฟแล้วหยิบเงินสดมาใส่กระเป๋า เจมส์กับเจ้าทิพย์ดาราเดินมาดู
“คุณวัสจะยอมจ่ายเงินมันหรือคะ แต่เราแจ้งตำรวจแล้วนี่คะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“ตอนนี้เราต้องเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างครับ” วิทวัสบอก
“แล้วพี่จะแน่ใจเหรอครับว่ามันจะรักษาคำพูด” เจมส์ถาม
“เราไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าจะต้องเสียเงินแล้วคุณเล็กกับคุณนิดปลอดภัย เราก็ต้องยอม”

ภูชิชย์ขับรถไปตามทางขึ้นเข้า นิพนธ์กับพิสุทธิ์นั่งอยู่ในรถ สักพักนิพนธ์ก็เอ่ยขึ้นมา
“เรามาตั้งไกลแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครขึ้นมาอยู่บนนี้เลยนะครับ”
“นั่นสิครับ ผมว่าเราลงเขากลับไปเถอะครับ” พิสุทธิ์เสนอ
ภูชิชย์หยุดรถแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ความมืด

ผลนอนอยู่ข้างๆ บัวเกี๋ยงในกระท่อมหลังเล็ก สักพักผลก็ตื่นขึ้นมาแล้วลุกไปเตะลูกน้องสองคนให้ตื่น
“เฮ้ย....ตื่น ได้เวลาไปเอาเงินแล้ว”
บัวเกี๋ยงกับลูกน้องทั้งสองลุกขึ้น
“แล้วพี่จะไปยังไง” บัวเกี๋ยงถาม
“เดี๋ยวพี่ไปหาโทรศัพท์สาธารณะโทรหาพวกมัน เอ็งอยู่ที่นี่เฝ้านังสองคนไว้ก่อน ก่อนเที่ยงวันนี้พี่จะกลับมารับพร้อมเงิน ยี่สิบล้าน”
บัวเกี๋ยงยิ้มเมื่อคิดถึงเงิน
“นี่ฉันจะมีบุญได้ใช้เงินล้านเหรอเนี่ย” บัวเกี๋ยงดีใจ
สองผัวเมียหัวเราะด้วยความสะใจ

ผลเดินออกมาจากกระท่อม แล้วมานั่งมองสุพัฒนากับนริศราที่ยังคงถูกมัดอยู่ด้วยกัน บัวเกี๋ยงกับลูกน้องทั้งสองเดินตามออกมา
ผลยื่นมือไปจับแก้มนริศรา “โถ ยุงกัดแก้มเป็นรอยหมดเลย ไม่เป็นไรนะ ถ้าผมได้ค่าไถ่ตัวคุณทั้งสองแล้ว จะซื้อยามาทายาให้หน้าใสน่าหอมเหมือนเดิมนะครับ” ผลจ้องหน้าสุพัฒนา “ผัวไปหาเงินก่อนนะจ๊ะเมียจ๋า”
สุพัฒนาทำหน้ารังเกียจ แต่ผลยิ้มแล้วเดินไปที่รถกับลูกน้อง ทั้งสามกำลังจะขึ้นรถ บัวเกี๋ยงเงี่ยหูฟังคล้ายได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“พี่ผล ฉันว่าฉันได้ยินเสียงรถนะ” บัวเกี๋ยงบอก
“ใครมันจะมาบนนี้แต่เช้าวะ” พูดจบผลก็นึกได้ “หรือว่าไอ้ภูชิชย์”
นริศรากับสุพัฒนาเริ่มมีรอยยิ้ม
“ทำไงดีล่ะพี่ มันจะเอาตำรวจจับเราหรือเปล่า” บัวเกี๋ยงลนลาน
“ใจเย็นๆ มันคงไม่รู้ว่าเราเปลี่ยนรถ เดี๋ยวเราทำปกติ” ผลพูดกับลูกน้อง “ไปเอาอีสองตัวนั่นขึ้นรถ”
ลูกน้องทั้งสองรีบเดินไปแก้มัดแล้วจะลากนริศรากับสุพัฒนาขึ้นรถไปด้วยกัน แต่สองสาวไม่ยอม
“ไม่...ฉันไม่ไป.....ช่วยด้วย” สุพัฒนาแหกปาก
ผลชักมีดออกมาถือขู่
“หุบปาก ถ้าไม่อยากหน้าแหก”
สุพัฒนาหุบปากทันที ผลเข้ามากระชากร่างสองสาวแล้วผลักให้ขึ้นรถ บัวเกี๋ยงรีบขึ้นตาม ลูกน้องทั้งสองรีบปีนขึ้นกระบะท้าย
“บัวเกี๋ยง เอ็งคอยกดหัวนังสองนั่นไว้” ผลสั่ง
แล้วผลก็เอาหมวกมาใส่แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ท้องฟ้าบนภูเขาเริ่มสว่าง รถของภูชิชย์แล่นขึ้นเขามาเรื่อยๆ ตามทาง
“ถ้าเราขึ้นไปแล้วไม่มีอะไร ผมจะรีบกลับทันที” ภูชิชย์บอก
ทันใดนั้นนิพนธ์ก็เห็นรถแล่นลงมาตามทางลงจากเขา
“พ่อเลี้ยงครับ นั่นใช่รถพวกมันหรือเปล่า”
“ใช่ยิ่งกว่าใช่อีกครับ” พิสุทธิ์บอก
รถของผลขับลงมาจากภูเขา ภูชิชย์ตัดสินใจพุ่งตรงเข้าไปหมายจะชน แต่ผลหักหลบเอาท้ายชน ลูกน้องทั้งสองกระเด็นตกจากกระบะ
ภูชิชย์ นิพนธ์ พิสุทธิ์รีบลงจากรถมายืนขวางหน้ารถเอาไว้
“โธ่เว้ย....บัวเกี๋ยง พานังสองคนนี่ไปก่อน พี่จัดการมันเอง” พูดจบผลก็ส่งมีดให้บัวเกี๋ยง
บัวเกี๋ยงเปิดประตูรถลากทั้งสองลงไป
ผลกับลูกน้องรีบวิ่งมาขวางภูชิชย์ นิพนธ์ และพิสุทธิ์ ผลแย่งปืนจากลูกน้องมาตั้งท่าเตรียมยิงจนทั้งสามหนุ่มถึงกับชะงัก

บัวเกี๋ยงพยายามลากสองสาวมาตามทางในป่า
“บัวเกี๋ยง ยอมมอบตัวดีกว่า เธอไม่รอดหรอก” นริศณากล่อม
“พี่ภู ช่วยคุณเล็กด้วย” สุพัฒนาตะโกนเรียกพี่ชาย
“หุบปากแล้วไปกับฉัน” บัวเกี๋ยงตวาด
บัวเกี๋ยงออกแรงลากสองสาวให้ตามไป นริศราเหวี่ยงขาจะเตะแต่บัวเกี๋ยงไวกว่าเอามีดปาดแขนนริศราจนเลือดไหล
“โอ๊ย” นริศราร้อง
สุพัฒนาเห็นก็ร้องเสียงดัง “กรี๊ด”
“อย่ามาเล่นกับฉัน” บัวเกี๋ยงขู่
แล้วบัวเกี๋ยงก็ลากสองสาวไปต่อ

ผลยังคงยืนถือปืนเล็งไปที่ ภูชิชย์ นิพนธ์ และพิสุทธิ์อยู่
“ผล แกยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนใจนะ” ภูชิชย์บอก
“มึงไม่ต้องมาสั่งกู ไหนเงิน” ผลตะคอก
“นายวัสเตรียมไว้แล้ว”
“มึงคิดจะหลอกกูใช่ไหม ไอ้ภูชิชย์”
พูดจบผลก็ยิงปืนใส่ทันที พวกภูชิชย์รีบหลบ
“ว่าไง...ตกลงมึงมีเงินมาไหม” ผลถามย้ำ
“ฉันจะโทรให้นายวัสเอามาเดี๋ยวนี้” ภูชิชย์บอก
“ไม่ต้อง มึงจะโทรหาตำรวจกูรู้ ในเมื่อมึงผิดคำพูดก่อน ก็อย่าหวังว่าจะได้ตัวน้องสาวกับแฟนมึงกลับเลยไอ้ภูชิชย์”
ผลทำท่าจะยิงปืนอีก แต่กระสุนหมดแล้ว “โธ่เว้ย”
ภูชิชย์รีบวิ่งจะไปทางที่บัวเกี๋ยงเดินไป แต่ผลกระชากตัวภูชิชย์แล้วก็ชกหน้าเขา ทั้งสองเปิดฉากแลกหมัดกันไม่ยั้ง ส่วนนิพนธ์กับพิสุทธิ์กระโจนเข้าต่อสู้กับลูกน้องทั้งสองคน
ผลผลักภูชิชย์กลิ้งไปชนต้นไม้แล้วรีบวิ่งตามบัวเกี๋ยงไป ภูชิชย์จะลุกวิ่งตาม แต่ลูกน้องคนหนึ่งถีบนิพนธ์จนกระเด็นแล้วมาชกกับภูชิชย์ นิพนธ์ลุกขึ้นได้ก็วิ่งเข้ามาล็อคคอลูกน้องคนนั้นไว้
“พ่อเลี้ยงรีบไปช่วยคุณนิดกับคุณเล็กเถอะครับ” นิพนธ์บอก
ภูชิชย์รีบวิ่งไป ลูกน้องศอกใส่นิพนธ์แล้วทั้งสองก็ตะลุมบอนกันต่อ พิสุทธิ์เสียหลักล้มลง ลูกน้องจะกระทืบแต่พิสุทธิ์หลบแล้วเตะขาจนลูกน้องล้มแล้วทั้งสองก็รัวหมัดใส่กันทันที

ผลพานริศรากับสุพัฒนาที่ถูกมัดมือติดกันอยู่และบัวเกี๋ยงหนีขึ้นไปบนเขา
ภูชิชย์วิ่งตามมาตะโกนเรียก “ไอ้ผล”
“พี่ภู ช่วยคุณเล็กด้วย” สุพัฒนาตะโกน
“พี่ผล มันตามมาแล้ว” บัวเกี๋ยงบอก
ผลมองหาไม้บนพื้น แล้วก็ฉวยไม้ท่อนใหญ่ขึ้นมาท่อนหนึ่ง
“หนังเหนียวนักใช่ไหมไอ้ภูชิชย์”
บัวเกี๋ยงรีบลากสองสาวไป
ผลวิ่งย้อนกลับไปหมายจะฟาดภูชิชย์ให้ตาย ทั้งสองจึงสู้กันอีกครั้ง

พิสุทธิ์กับนิพนธ์ซัดลูกน้องของผลทั้งสองคนจนเละไม่เป็นท่า ลูกน้องทั้งสองวิ่งหนีไป นิพนธ์จะวิ่งตามแต่พิสุทธิ์รีบดึงแขนไว้
“เรารีบไปช่วยพ่อเลี้ยงกันก่อนเถอะ”
พิสุทธิ์กับนิพนธ์รีบวิ่งตามไปสมทบกับภูชิชย์ทันที

บัวเกี๋ยงลากสองสาวมาถึงหน้าผาสูงชัน โดยที่นริศรากับสุพัฒนาพยายามขัดขืนมาตลอดทาง
“นังบัวเกี๋ยง ปล่อยฉันนะ” สุพัฒนาตวาด
“บัวเกี๋ยงปล่อยพวกฉันไปเถอะ” นริศราขอ
“ปล่อยพวกแกเหรอ ฝันไปเถอะ มาถึงขึ้นนี้แล้ว ยังไงฉันก็ต้องได้เงินจากพวกแก” บัวเกี๋ยงบอก
“พี่ภูมาแล้วเขาต้องช่วยฉัน แล้วก็เอาแกเข้าคุก” สุพัฒนาขู่
“ไม่...ฉันไม่ติดคุก”
“ทำไมจะไม่ติด แกทำความผิด ฉันนี่แหล่ะจะลากแกเข้าคุกเอง”
บัวเกี๋ยงตบหน้าสุพัฒนาเต็มแรง “คิดว่าแกจะมีชีวิตอยู่จนเอาอีบัวเกี๋ยงเข้าคุกเหรอ”
บัวเกี๋ยงจ้องหน้าสุพัฒนา สุพัฒนาเห็นก็เริ่มกลัว แล้วบัวเกี๋ยงก็เหวี่ยงสองสาวไปทางหน้าผาทันที
“บัวเกี๋ยงเธอจะทำอะไรน่ะ” นริศราเริ่มกลัว
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันไม่ปล่อยให้แกกลับไปเสวยสุขกันหรอก ถ้าจะตายก็ตายด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” บัวเกี๋ยงพูด
“บัวเกี๋ยง เธอจะดันทุรังทำอย่างนี้ทำไม”
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันเกลียดพวกแก เกลียดๆๆๆ ฉันจะผลักพวกแกให้ตกเขา แล้วคิดซะว่าเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกันนะ กว่าตำรวจจะเจอศพพวกแก ฉันก็หนีไปไกลแล้ว”
“บัวเกี๋ยง นี่แกคิดจะฆ่าฉันเหรอ” สุพัฒนาเริ่มร้องไห้ “เสียแรงฉันเห็นแกเป็นคนสนิทของฉัน”
“ถุย...คนสนิท” บัวเกี๋ยงพูดอย่างโมโห “แกเห็นฉันเป็นแค่ทาสของแกมากกว่า วันนี้ฉันจะอาจจะพลาดที่จับพ่อเลี้ยงไม่ได้ พลาดที่ไม่ได้เงินจากพวกแก แต่ฉันจะไม่พลาดที่จะดูพวกแกตายไปต่อหน้าต่อตาฉัน นังนิด แกก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีแกพ่อเลี้ยงก็ต้องเป็นของฉันสักวัน แต่เพราะแกๆมันตัวซวยทำลายทุกอย่าง วันนี้ฉันจะเอาคืนแก”
บัวเกี๋ยงเดินเข้ามาผลักสองสาว แต่นริศรากับสุพัฒนาก็ออกแรงสู้ขัดขืนไว้
“ฤทธิ์เยอะกันนักใช่ไหม”
พูดจบบัวเกี๋ยงก็หยิบมีดจะแทงแต่ก็ถูกปัดตก ทั้งสามคนนัวเนียกันจนล้มลงไปที่พื้นแล้วบัวเกี๋ยงก็ลื่นไถลตกจากเขา “กรี๊ด”
บัวเกี๋ยงไถลตกลงไปแล้วก็ดึงขาสุพัฒนาให้ตกลงไปด้วย นริศราถูกสุพัฒนาลากไปด้วยอีกคนแต่นริศรายังคว้าต้นไม้ที่หน้าผาเอาไว้ได้
นริศราพยายามออกแรงดึงสองสาวที่ห้อยอยู่ด้านล่างหน้าผา ทั้งๆ ที่แขนของเธอที่โดนมีดมีเลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ









Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 12:32:32 น.
Counter : 446 Pageviews.

0 comment
รักประกาศิต ตอนที่ 12 (ต่อ)




รถของภูชิชย์และรถของนิพนธ์แล่นมาจอดที่ไร่กาแฟท้ายไร่สุพัฒนา ทุกคนลงมาจากรถ

“ถ้าจะออกจากที่นี่ก็น่าจะเป็นตรงนี้” ภูชิชย์บอก
นิพนธ์มองไปที่พื้นก็เห็นรอยล้อรถแยกไปอีกทางจึงรีบบอก
“ผมว่าเรามาถูกทางแล้ว นี่รอยล้อรถที่แยกออกไปทางด้านหลัง”
ทุกคนเดินไปดูแล้วมองหน้ากันอย่างอึ้งๆ
“นี่คุณเล็กเขาคิดจะทำอะไร” วิทวัสเริ่มสังหรณ์ใจ
“จะทำอะไรเราก็ต้องรีบแล้วละครับ” พิสุทธิ์บอก
“ผมจะไปเอง ทุกคนรออยู่ที่นี่” ภูชิชย์อาสา
เจมส์รีบบอก “ให้ผมไปด้วยนะครับ”
“ขอบคุณมากเจมส์ แต่นายไม่คุ้นทางอยู่ที่นี่ดีกว่า” ภูชิชย์บอก
“งั้นขอให้ผมไปนะครับพ่อเลี้ยง” นิพนธ์อาสา
“ผมก็ไปด้วย ผมเป็นห่วงนิด” พิสุทธิ์พูด
เจ้าทิพย์ดาราสรุป “ถ้าอย่างนั้นเราแบ่งส่วนหนึ่งไปตาม อีกส่วนอยู่ทางนี้คอยประสานงานนะคะ”

รถของภูชิชย์แล่นมาตามทางขรุขระที่ติดกับถนนใหญ่ท้ายไร่สุพัฒนา สองข้างทางมีแต่ป่ารก ทุกคนมองหาไปรอบๆ ด้วยความเป็นห่วง
รถของภูชิชย์แล่นมาถึงจุดตัดถนนใหญ่ลาดยาง ภูชิชย์จอดรถแล้วทุกคนก็ก้าวลงมา
“ทีนี้เราจะไปทางไหนต่อครับ รอยล้อรถก็หายไปแล้ว” พิสุทธิ์ถาม
ภูชิชย์ กับนิพนธ์มองไปสองด้านอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ภูชิชย์มองไปรอบๆ แล้วเห็นรถจักรยานยนต์ของผลจอดอยู่จึงเดินไปดู นิพนธ์กับพิสุทธิ์เดินตามไป
“มีอะไรเหรอครับ” นิพนธ์ถามขึ้น
“ถนนเส้นนี้แทบไม่มีคนผ่าน แล้วทำไมมีคนมาจอดรถนี่ทิ้งไว้” ภูชิชย์สงสัย
ทั้งสามมองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ป่ากับถนนเปลี่ยว ภูชิชย์ตัดสินใจค้นรถจนทั่ว สักพักเขาก็เจอตั๋วจำนำในที่เก็บของใต้เบาะ
“ตั๋วจำนำของไอ้ผล” ภูชิชย์พูด
ภูชิชย์กับนิพนธ์มองหน้ากันอย่างอึ้งๆ

“นายผลมาทำอะไรแถวนี้” นิพนธ์เริ่มหวั่นใจ

ผลนอนพักอยู่ที่ใต้ถุนบ้านร้าง บัวเกี๋ยงเดินวนไปวนมาด้วยความหงุดหงิดจนผลตื่น

บัวเกี๋ยงเห็นก็รีบถาม “เป็นไงมั่งพี่ผล ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ก็ยังจุกๆอยู่ แล้วก็หิวด้วย” ผลบอก
บัวเกี๋ยงถอนใจ “นี่อย่าบอกว่าจะใช้ให้ฉันไปทำให้กินนะ”
“ไม่ใช้หรอก เพราะมันไม่มีอะไรจะให้เอ็งทำ เดี๋ยวพี่จะไปซื้อข้าวให้” ผลบอก
“อ้าว...พี่จะทิ้งนังสองคนนั่นไว้นี่เหรอ เกิดมันหนีล่ะ”
“เอ็งกับไอ้เหน่งก็เฝ้าไว้สิ เดี๋ยวพี่กับไอ้สมไปซื้อข้าวเอง” ผลพูดกับลูกน้อง “ไปไอ้สมไปกับข้า”
ผลให้สมช่วยพยุงขึ้นรถก่อนจะขับออกไปด้วยกัน บัวเกี๋ยงมองขึ้นไปข้างบนด้วยความหงุดหงิดใจ

นริศรากับสุพัฒนายืนมองจากหน้าต่างก็เห็นรถของสุพัฒนาค่อยๆ แล่นออกไป
“เหลือแต่บัวเกี๋ยงกับลูกน้องมัน คุณเล็กไหวไหมคะ” นริศราถาม
“ก็ต้องไหวล่ะ” สุพัฒนาตอบ “แล้วต้องทำไงบ้าง”
นริศราตบหน้าสุพัฒนาทันทีฉาดใหญ่ สุพัฒนาอึ้งแล้วร้องกรี๊ดดังลั่น
“นังนิด! นี่แกตบฉันทำไม”
นริศราแกล้งพูด “ฉันรอโอกาสนี้มานานแล้ว คิดว่าฉันจะดีกับเธองั้นเหรอ”
“อีบ้า...แกหลอกฉันอีกคนเหรอ”
สุพัฒนากับนริศราเข้ามาตบกันชุลมุน ทั้งสองร้องกรี๊ดดังลั่นหลายต่อหลายครั้ง

บัวเกี๋ยงได้ยินเสียงสองสาวทะเลาะกัน แต่ก็ไม่อยากจะสนใจ พอได้ยินเสียงหลายครั้งก็เริ่มคิด
“ตายแล้ว อีนิดมันจะฆ่าคุณเล็กไหมเนี่ย” บัวเกี๋ยงเริ่มหวั่นใจ
เสียงโครมครามดังลั่นอยู่ภายในห้องนอน
“ไม่ได้นะ ถ้าคุณเล็กละยุ่ง” บัวเกี๋ยงหันไปพูดกับลูกน้อง “ไปเร็วขึ้นไปดูหน่อย”
บัวเกี๋ยงกับลูกน้องรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที

นริศราขึ้นคร่อมจะตบแต่สุพัฒนาดันมือเธอเอาไว้
“นังนิด ฉันนึกแล้วว่าแกมันงูเห่า ฉันเกลียดแก” สุพัฒนาออกแรงดัน
“ฉันก็เกลียดเธอเหมือนกัน วันนี้ละจะได้รู้ดีรู้ชั่วกันไป” นริศราดันสู้
ลูกน้องของผลไขกุญแจเปิดประตู บัวเกี๋ยงเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“หยุดนะ”
ทั้งสองสาวยังสู้กันไม่ยอมหยุด
บัวเกี๋ยงสั่งลูกน้อง “ไปห้ามมันสิ”
ลูกน้องเข้าไปดึงตัวนริศราออกมา นริศราได้ทีรีบคว้าโคมไฟฟาดเสยคางลูกน้องแล้วตีด้านหลังอีกทีจนสลบไป
“กรี๊ด” สุพัฒนากับบัวเกี๋ยงร้องพร้อมกัน
นริศราหยิบกุญแจจากมือลูกน้องผลที่นอนสลบอยู่ แล้ววิ่งไปกระชากมือสุพัฒนาที่ยังอึ้ง
“ไปเร็ว”
สุพัฒนางง “อะไรกันเนี่ย”
“ไปเถอะน่า” นริศราเร่ง
“อย่าหนีนะ” บัวเกี๋ยงตะโกนห้าม
นริศราเดินถือโคมเข้าไปหา บัวเกี๋ยงนึกว่านริศราจะฟาดก็รีบหลบ แต่นริศราผลักบัวเกี๋ยงจนล้มลงไปกองกับลูกน้อง แล้วปิดประตูขังบัวเกี๋ยงกับลูกน้องเอาไว้ บัวเกี๋ยงลุกขึ้นมาได้ก็รีบวิ่งไปทุบประตู
“นังนิด นังนิด เปิดนะ”

นริศรากับสุพัฒนาวิ่งลงมาด้านล่างท่ามกลางเสียงตะโกนของบัวเกี๋ยง นริศรามองไปรอบๆ ก็เห็นมอเตอร์ไซค์จอดอยู่จึงรีบวิ่งเข้าไปดู แต่ก็ไม่พบลุกกุญแจที่ตัวเครื่อง
“บ้าจริงไม่มีกุญแจ”
“จะทำไงดีล่ะ” สุพัฒนาลนลาน
“ไม่เป็นไร เราขังมันไว้แล้ว คงออกมาไม่ได้” นริศรามองไปเห็นโทรศัพท์มือถือของสุพัฒนาวางอยู่ก็เอ่ยถาม “ของคุณเล็กใช่ไหมคะ”
“ใช่” สุพัฒนาตอบ
นริศราคว้าโทรศัพท์แล้วดึงสุพัฒนาให้วิ่งไปด้วยกัน แต่นริศรานึกได้จึงหยุดวิ่งแล้วรีบกลับมาผลักมอเตอร์ไซค์ให้ล้มก่อนจะเอาไม้กระหน่ำฟาดจนล้อเบี้ยว
“ไปค่ะ” นริศราบอกสุพัฒนา
ทั้งสองรีบวิ่งหนีไปด้วยกัน

คนงานทุกคนของไร่สุพัฒนาเข้ามามุงเจมส์
“อ้าว...นี่ตกลงยังหาไม่เจออีกเหรอ” แม่อุ้ยถาม
“ยังครับ แต่พี่ภูกับพี่นิพนธ์ออกตามหาอยู่นะครับ” เจมส์บอก
“ฉันห่วงคุณนิดจังเลยอ่ะ เจมส์แล้วพวกคุณๆจะเอาไงต่อ” พรถามบ้าง
“ผมก็ไม่ทราบครับ”
“เฮ้ย...ไม่ทราบไม่ได้ ไปคอยฟังข่าวแล้วมารายงานพวกเรา” ลุงปั๋นสั่ง
เจมส์ชี้ที่ตัวเองอย่างงงๆ “ผมน่ะเหรอ”
คนงานทุกคนพูดพร้อมกัน “ก็ใช่น่ะสิ”
“พ่อเจมส์น่ะเหมาะแล้ว ดูหน้าซื่อๆไม่มีใครรู้หรอกว่าอยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาเหมือนกัน” แม่อุ้ยบอก
เจมส์ยังคงงง “เอ่อ...นี่แม่อุ้ยชมผมใช่ไหมครับ”
“เอาน่า...จะชมจะอะไรก็ไปเอาเรื่องมาบอกพวกเราดีกว่า เรื่องภาษาไทยภาษาเหนือเนี่ยไว้เรียนกันวันหลัง”
พรพูดแล้วก็ดึงเจมส์ให้ลุกขึ้นแล้วดันหลังเขาให้ออกเดินไป

นริศราพาสุพัฒนาวิ่งมาตามทางเปลี่ยวจนสุพัฒนาเริ่มเหนื่อยหอบและเข่าทรุด นริศรามองแล้วก็ใจไม่ดี
“คุณเล็กเป็นอะไรคะ หอบเหรอ” นริศราถาม
สุพัฒนาถอดเสื้อตัวนอกออก “หอบสิ เธอไม่เหนื่อยหรือไง”
“แล้วเอ่อ...คุณเล็กจะหอบจนชักหรือเปล่าคะ”
สุพัฒนาค้อน “นี่...เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ฉันไม่ชักให้เหนื่อยเพิ่มหรอก พี่ภูก็ไม่อยู่ไม่รู้จะทำไปทำไม”
นริศราอึ้ง “อ้าว...นี่คุณชักเพราะ”
สุพัฒนารีบพูดตัดบท “เหอะน่า ไม่ต้องมาวิเคราะห์ฉันหรอก บอกฉันมาดีกว่าเราจะวิ่งไปไหน มันจะมืดแล้วนะ”
นริศรามองไปรอบๆ “เราคงไม่ไกลพอควรแล้ว “ นริศราส่งมือถือให้สุพัฒนา “รีบโทรบอกพ่อเลี้ยงเถอะค่ะ”
สุพัฒนาหยิบโทรศัพท์มาแล้วกดเปิดเครื่องแต่แล้วก็ยืนนิ่ง
“มีอะไรคะ” นริศราถาม
“ฉันจำรหัสเปิดเครื่องไม่ได้” สุพัฒนาบอก
นริศราตกใจ “อะไรนะ”
“ก็ตั้งแต่ได้มาฉันเคยปิดเครื่องที่ไหนล่ะ ฉันก็ลืมรหัสสิ”
นริศราถอนใจ “แล้วคุณจะตั้งรหัสทำไมคะเนี่ย”
นริศรากรอกตาแล้วถอนใจด้วยความเซ็ง

บัวเกี๋ยงกับลูกน้องที่มีเลือดกลบปากช่วยกันถีบพังประตูห้องนอน
บัวเกี๋ยงสั่ง “แรงๆหน่อยสิวะ”
ทั้งสองถีบจนที่ล็อกตรงประตูกระเด็นออกมาทั้งๆที่ยังมีกุญแจล็อคอยู่
บัวเกี๋ยงกับลูกน้องวิ่งลงมาที่ใต้ถุนก็เห็นรถมอเตอร์ไซต์ล้มอยู่ ทั้งสองรีบไปที่รถแล้วช่วยกันยก บัวเกี๋ยงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาผล สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ของผลดังอยู่ที่แคร่
“ปัดโธ่ไอ้พี่ผลโทรศัพท์ก็ไม่เอาไป”
บัวเกี๋ยงเดินไปหยิบท่อนไม้มาถือ
“อย่าให้กูจับได้นะมึง” บัวเกี๋ยงโมโห
ลูกน้องขึ้นรถแล้วสตาร์ท บัวเกี๋ยงขึ้นขี่ซ้อนท้ายพอจะออกจากบ้านบัวเกี๋ยงก็มองอย่างงงๆ
“เดี๋ยวหยุดก่อน มันไปทางไหนวะ”
บัวเกี๋ยงมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจชี้ไปทางที่สองสาววิ่งไป “ไปทางนี้แล้วกัน”
ลูกน้องขี่รถไปแบบไม่ตรงทางเพราะล้อเบี้ยว บัวเกี๋ยงบ่นไปตลอดทาง
“ขี่ให้มันดีๆสิวะ”

สุพัฒนายังคงพยายามใส่รหัสมือถือ แต่เสียงเครื่องก็ยังเตือนว่ารหัสผิด
“ได้ไหมคะ” นริศราถาม
สุพัฒนาหน้าเสีย “มันบอกว่าลองได้อีกครั้งเดียว” พูดจบสุพัฒนาก็ทำท่าจะกดอีก
นริศราตกใจรีบร้องห้าม “อย่าเพิ่ง เกิดคุณใส่ผิดล่ะ”
สุพัฒนาจ้องโทรศัพท์สักครู่แล้วตัดสินใจใส่รหัสแล้วยืนปิดตาลุ้น นริศราไม่อยากมอง สักพักสุพัฒนาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นดู
“ได้แล้ว” สุพัฒนาบอกอย่างดีใจ
“งั้นก็โทรเลยสิคะ”
“รอแป๊บนะ มันบู้ทเครื่องอยู่ ฉันโหลดแอพเยอะไปหน่อย”
นริศรากุมขมับ ระหว่างนั้นนริศราก็เห็นดวงไฟรถมอเตอร์ไซต์ที่ขี่เป๋ไปเป๋มาแต่ไกล
“แย่แล้ว”
สุพัฒนามองตาม “แย่อะไร มีคนมาแล้วไง”
“ไม่ใช่ค่ะนั่นบัวเกี๋ยง”
พูดจบนริศราก็รีบกระชากสุพัฒนาให้ไปหลบตรงพุ่มไม้ข้างทาง
“จะบ้าเหรอเธอรู้ได้ไง เป็นค้างคาวเหรอถึงเห็นกลางคืน” สุพัฒนาถาม
นริศราเอามือปิดปากสุพัฒนาทันที
ลูกน้องของผลขี่รถมาหยุดตรงบริเวณที่นริศรากับสุพัฒนาอยู่พอดี
“เป็นอะไรอีก”บัวเกี๋ยงถามอย่างหงุดหงิด
ลูกน้องพยายามสตาร์ทรถแต่ก็ไม่ติด
“ถ้านังสองตัวนั่นรอดฉันกับพี่ผลเอาแกตายแน่” บัวเกี๋ยงขู่
ลูกน้องพยายามสตาร์ทจนติด ลูกน้องจึงขี่ไปต่อ สุพัฒนามองตามด้วยดวงตาเบิกโต
“ก็ที่มันวิ่งไม่ได้แบบนี้ก็เพราะฝีมือพวกเราไงคะ เสียดายนึกว่าจะเสียจนวิ่งไม่ได้” นริศราบอก
“แล้วจะทำไงต่อล่ะ”
“โทรศัพท์ใช้ได้หรือยังคะ” นริศราถาม
สุพัฒนารีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู “ใช้ได้แล้ว”

ภูชิชย์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่บริเวณที่เขาจอดรถอยู่ โดยมีนิพนธ์กับพิสุทธิ์ยืนฟังอยู่ด้วย
“อะไรนะคุณเล็ก” ภูชิชย์ตกใจ “นายผลร่วมมือกับบัวเกี๋ยงจับตัวคุณเล็กกับนริศราไปงั้นเหรอ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน”
สุพัฒนายื่นโทรศัพท์ให้นริศรา
“บอกพี่ภูหน่อยสิว่าเราอยู่ไหน”
นริศรารับโทรศัพท์มา “พ่อเลี้ยงคะ เราไม่รู้ว่าอยู่ไหนรอบๆนี้ไม่มีบ้านคนเลยค่ะ”
“งั้นเธอจำพวกป้ายสัญลักษณ์อะไรได้บ้างไหม หรือเดินทางไปนานแค่ไหน” ภูชิชย์ถาม
“คือฉันกับคุณเล็กถูกวางยาสลบค่ะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าสลบไปนานแค่ไหน”
“เอางี้ เธอส่งตำแหน่ง GPS มาให้ฉันนะ แล้วเธอก็รีบพาคุณเล็กไปหาบ้านคนเพื่อขอหลบนะ ฉันจะตามไปช่วยเธอฉันสัญญา”
“ได้ค่ะ”
ภูชิชย์วางสาย สักพักสัญญาณข้อความก็ดังขึ้น รูปแผนที่มีสัญลักษณ์แสดงตำแหน่งของสองสาวปรากฏที่หน้าจอมือถือของภูชิชย์
“รู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน” ภูชิชย์บอก
นิพนธ์กับพิสุทธิ์ยิ้มอย่างดีใจ

วิทวัสคุยโทรศัพท์กับภูชิชย์โดยมีเจ้าทิพย์ดารากับเจมส์ยืนฟังอยู่
“โอเคครับ ทางผมจัดการให้”
วิทวัสกดวางสาย
“คุณนิดกับคุณเล็กเป็นยังไงมั่งคะ” เจ้าทิพย์ดารารีบถาม
“ถูกนายผลกับบัวเกี๋ยงจับตัวไปครับ” วิทวัสบอก
เจมส์ตกใจ “My Gosh! สองคนนั่นปลอดภัยใช่ไหมครับ”
“ตอนนี้หนีออกมาได้แล้ว พี่ภูกำลังไปช่วย ส่วนพวกเราก็ประสานงานกับตำรวจ”
เจ้าทิพย์ดารายกมือไหว้ “ขอให้ทุกคนปลอดภัยด้วยเถอะ”
“แล้วแบบนี้เราจะบอกคนงานยังไงดีล่ะครับ” เจมส์ถาม
วิทวัส เจ้าทิพย์ดาราและเจมส์มองหน้ากันอย่างเครียดๆ เพราะคิดไม่ตก

ปิ่นโตข้าวถูกขว้างลงกับพื้นใต้ถุนบ้านจนข้าวหกกระจาย ผลยืนจ้องหน้าบัวเกี๋ยงด้วยความโกรธ
“โธ่เว้ย...โง่กันจริงๆ แค่นี้ก็ปล่อยหนีไปได้”
“ฉันจะไปรู้เหรอว่ามันจะหลอกพวกเรา พี่ผล ฉันว่าเราหนีเถอะ พวกมันเอาตำรวจมาจับเราแน่” บัวเกี๋ยงเสนอ
“พี่ว่ามันยังไปไม่ไกล ตามตอนนี้ยังทัน” ผลมั่นใจ
“แล้วจะไปตามที่ไหนล่ะ”
ผลหันไปพูดกับลูกน้อง “เอ็งสองคนไปทางนี้ ส่วนพี่กับเอ็งไปทางนั้น ถ้าคืนนี้ไม่เจอเราค่อยเผ่น”
ผลกับบัวเกี๋ยงขึ้นรถของสุพัฒนา ส่วนลูกน้องสองคนขี่มอเตอร์ไซค์แยกไปอีกทาง

นริศรากับสุพัฒนาเดินอยู่ริมทางเปลี่ยว สุพัฒนาเอาเสื้อคลุมมาโบกลมให้หายร้อน
“เราเดินไปเรื่อยๆแบบนี้แล้วพี่ภูจะหาเราเจอเหรอ” สุพัฒนาถามขึ้น
“ฉันจะส่งตำแหน่งของเราเป็นระยะๆค่ะ” นริศราบอก
เวลาผ่านไป สุพัฒนาเริ่มเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
“อดทนอีกนิดนะคะ” นริศราให้กำลังใจ
ทันใดนั้นนริศราก็เห็นแสงไฟรถทอดมาแต่ไกล
“มีรถมา เราต้องหลบก่อน” นริศราบอก
“จะหลบทำไมล่ะ อาจเป็นรถพี่ภูนะ”
นริศราคิดหนัก “พ่อเลี้ยงจะมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ เป็นไปไม่ได้แน่นอน”
“งั้นก็เป็นรถชาวบ้านไง”
“ฉันกลัวจะเป็นรถของคุณเล็กน่ะสิคะ” นริศราว่า
สุพัฒนาคิดตาม นริศราเห็นรถเข้ามาใกล้ก็รีบดึงสุพัฒนาลงข้างทางแต่ดันทำเสื้อคลุมของสุพัฒนาหลุดมือ “เสื้อฉัน!”
รถใกล้เข้ามาทำให้สองสาวกลับไปหยิบไม่ได้ ผลขับรถมาแบบไม่ได้เร็วมาก บัวเกี๋ยงที่นั่งข้างๆ มองไปข้างทาง แล้วก็เห็นเสื้อของสุพัฒนาตกอยู่
“พี่ผลจอด! นั่นเสื้ออีคุณเล็ก”
ผลจอดรถแล้วเดินลงมากับบัวเกี๋ยง ทั้งสองตรงมาที่เสื้อ ผลเอาไฟฉายขึ้นมาส่องหา นริศรากับสุพัฒนาพยายามหลบ จังหวะที่สุพัฒนากับนริศราดึงขาหลบแสงไฟทำให้เกิดเสียงหญ้าแห้งที่เสียดสีกับกางเกงดังขึ้น
บัวเกี๋ยงได้ยินก็รีบเดินไปแล้วยื่นหัวเข้าไปดู
“พวกมันอยู่นี่พี่ผล” บัวเกี๋ยงบอกด้วยความดีใจ
นริศราตะโกน “คุณเล็กวิ่ง”
นริศราจูงมือสุพัฒนาให้วิ่งไป ผลชักปืนขึ้นยิงฟ้าสองนัด สุพัฒนาร้องกรี๊ดแล้วหยุดวิ่งทันทีซึ่งนริศราก็หยุดด้วย
“ไอ้ผลเคยทำปืนลั่นใส่ผัวเก่าบัวเกี๋ยงมาแล้ว อย่าให้ผมต้องทำอีกครั้งเลยนะครับคุณนิด คุณเล็ก” ผลขู่

นริศราถูกมัดมือติดกับสุพัฒนา ทั้งสองนั่งอยู่ด้านหลังรถที่ผลขับและบัวเกี๋ยงนั่งข้างๆ บัวเกี๋ยงนั่งดูโทรศัพท์ของสุพัฒนาแล้วก็ตกใจรีบกดปิดเครื่องไปทันที
“พี่ผล มันโทรบอกพ่อเลี้ยงแล้ว”
ผลโมโห “โธ่เว้ย...อีบ้า พวกแกสองคนทำเสียแผนหมด”
ผลหยิบโทรศัพท์ตัวเองมากดโทรออก
“เฮ้ย..ได้ตัวนังสองคนแล้ว พวกเอ็งไปเจอที่บ้านพี่โชติ เราต้องย้ายที่ก่อนตำรวจจะมา”
“พี่ผล ฉันกลัวอ่ะ” บัวเกี๋ยงเริ่มกลัว
“กลัวทำไม ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ก็ไถเงินพี่มันเลยแล้วกัน ดีเหมือนกันรับเงินก้อนไปเลย”
“พี่ผล” บัวเกี๋ยงยิ่งรู้สึกกลัว
“พอเถอะน่าบัวเกี๋ยง เลิกคิดจะกลับไปเป็นเมียไอ้ภูชิชย์ได้แล้ว”
สุพัฒนาได้ยินเช่นนั้นก็โวยวายขึ้นทันที “อะไรนะ...นังบัวเกี๋ยงนี่แก”
“หุบปาก” บัวเกี๋ยงตวาด “เพราะแกสองคนนั่นแหล่ะที่เป็นมารขวางความสุขฉัน นึกว่าที่ฉันทำดีกับแกน่ะเพราะรักแกเหรอนังบ้า ใครเขาจะรักคนโรคจิตอย่างแก เลิกโง่ได้แล้ว”
“อีบัวเกี๋ยง แกมันชั่วแกมันเลว” สุพัฒนาด่า
สุพัฒนาถีบเบาะหน้าที่บัวเกี๋ยงนั่งอยู่ บัวเกี๋ยงเงื้อมือจะตบ แต่นริศรายกมือที่ถูกมัดติดกับสุพัฒนาขึ้นมากำหมัดสู้
“อยากโดนสี่หมัดรวดเหรอบัวเกี๋ยง” นริศราขู่
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” บัวเกี๋ยงชี้หน้า
บัวเกี๋ยงหันกลับไป สุพัฒนานั่งจ๋อย นริศรามองด้วยความเห็นใจ

ภูชิชย์ขับรถมาจอดที่บริเวณเปลี่ยวร้างไม่ไกลจากบ้านร้างของผล ทุกคนลงจากรถ
“สัญญาณสุดท้ายหมดตรงนี้” ภูชิชย์บอกทุกคน
ภูชิชย์กดโทรออกแต่ได้ยินสัญญาณปิดเครื่อง
“เครื่องปิดไปแล้ว”
“หรือพวกมันจะจับตัวได้อีก” พิสุทธิ์คาดเดา
“ใจเย็นๆครับ บางทีแบตคงหมด แล้วอาจจะมีชาวบ้านช่วยเอาไว้แล้ว เราไปหาบ้านถามดีกว่าครับ” นิพนธ์เสนอ
รถภูชิชย์แล่นผ่านไปที่ถนนหน้าบ้านผล
“ผมว่าบ้านนั้นดูแปลกๆนะครับ” นิพนธ์ชี้ให้ทุกคนดู
“ใช่ ผมก็รู้สึก เราลองไปถามไหมครับ” พิสุทธิ์เสนอ
ภูชิชย์แล่นรถเข้าไปจอดใต้ถุนบ้าน ทุกคนก้าวลงมาจากรถ
ภูชิชย์ตะโกน “มีใครอยู่ไหมครับ”
ทั้งสามเดินลงมาเห็นข้าวของเกลื่อนกลาด เห็นข้าวที่ผลขว้างทิ้งลงพื้น ทั้งสามมองหน้ากันแล้วก็รีบวิ่งขึ้นชั้นบน
ประตูห้องนอนเปิดอยู่ ด้านในห้องมีร่องรอยการต่อสู้
“สงสัยพวกมันจะหนีไปแล้ว” ภูชิชย์บอก
“หวังว่าคุณนิดกับคุณเล็กคงไม่ได้อยู่กับมันนะครับ” นิพนธ์หวั่นใจ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของภูชิชย์ก็ดังขึ้น ภูชิชย์รีบกดรับสายทันที
“ไง...ไอ้ภูชิชย์” ผลกรอกเสียงตามสายมาเย้ยภูชิชย์
ภูชิชย์ตกใจ “ไอ้ผล!”

ผลยืนโทรศัพท์อยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“ใช่คร๊าบบบ ไอ้คุณพ่อเลี้ยง อยากได้นังนิดกับนังน้องสาวแกคืนใช่ไหม”
ภูชิชย์ยืนคุยโทรศัพท์ด้วยความตกใจ
“สองคนนั่นอยู่กับแกเหรอ”
“อยู่สภาพครบ 32 ถ้าแกอยากได้ตัวคืนก็เตรียมเงินไว้เลยยี่สิบล้าน ห้ามบอกตำรวจนะ”
“ได้ ไม่มีปัญหา แต่แกอย่าทำอะไรพวกเขานะ” ภูชิชย์บอก
“เรื่องนั้นคิดดูก่อนแล้วกัน เพราะสวยน่ารักทั้งคู่ อาจจะอดใจไว้ไม่ไหว ขอคิดก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้จะติดต่อไป”
ภูชิชย์ได้ยินก็โกรธจัด
“ไอ้ผลแกอย่าทำอะไรนะ” ภูชิชย์ได้ยินเสียงสัญญาณขาดเพราะผลวางสายไปแล้ว
“พวกมันจับคุณนิดกับคุณเล็กได้เหรอครับ” นิพนธ์ถาม
ภูชิชย์พยักหน้ารับ “เราต้องเตรียมเงินยี่สิบล้าน”
“แล้วจะไปให้เมื่อไหร่ครับ เดี๋ยวนี้เลยหรือเปล่า” พิสุทธิ์ถามขึ้น
“มันไม่ได้บอก”
“แล้วเราจะไปตามมันได้ที่ไหนครับเนี่ย” นิพนธ์ถาม
“ผมว่าเราแจ้งตำรวจดีไหมครับ” พิสุทธิ์เสนอ
ภูชิชย์รีบแย้งทันที “ไม่ได้นะครับ นริศรากับคุณเล็กอาจจะเป็นอันตราย”
“งั้นเราก็เช็คตำแหน่งที่มันโทรสิครับ” พิสุทธิ์เสนออีก

เจ้าทิพย์ดารานั่งจดข้อมูลใส่กระดาษแล้วรีบส่งให้วิทวัส
“นี่ค่ะ ผู้บริการชุมสายบอกเบอร์ที่โทรหาภูโทรมาจากตู้สาธารณะตามที่อยู่นี้ค่ะ”
“ขอบคุณครับเจ้า” วิทวัสบอกแล้วรีบกดโทรศัพท์ไปหาภูชิชย์ทันที
“พี่ภูครับ รู้แล้วครับว่ามันโทรจากไหน”

พร แม่อุ้ย ลุงปั๋น และเหล่าคนงานจับกลุ่มยืนคุยกันอยู่หน้าสำนักงาน
“โอ๊ย...ตกลงมันอะไรกันเนี่ย ทำไมทุกคนดูลึกลับแบบนี้” แม่อุ้ยอยากรู้
“นั่นน่ะสิ จากที่หายตัวไปแค่คุณนิด คุณเล็ก พี่บัวเกี๋ยง ตอนนี้พ่อเลี้ยงกับคุณนิพนธ์ก็หายไปด้วยแล้วยังเพื่อนคุณนิดอีก” พรว่า
“ข้าว่ามันต้องมีอะไรแหม่งๆแล้ว หรือว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น” ลุงปั๋นเดา
แม่อุ้ยรีบปราม “ไอ้ปั๋นอย่าพูดสิข้าใจไม่ดี”
แล้วพวกคนงานก็จับกลุ่มคุยกันยกใหญ่ ทันใดนั้นเจมส์ก็เดินออกมาจากสำนักงาน คนงานเห็นก็รีบเข้าไปรุมล้อมทันที
“พ่อเจมส์ มันมีอะไรกันแน่” ลุงปั๋นถาม
“เอ่อ...ยังไม่มีอะไรหรอกครับ ทุกคนไปนอนเถอะ เชื่อผมนะครับ” เจมส์ตัดบท
“อะไรกัน ไม่มีอะไร นี่อย่ามาหลอกพวกเราเลยนะเจมส์” พรบอก
“มันยังไม่มีอะไรจริงๆครับ”
สักพักแสงไฟไซเรนรถตำรวจก็แวบเข้ามา ทุกคนหันไปตามแสงนั้นทันที
“ถ้าไม่มีอะไรรถตำรวจมาทำไมล่ะพ่อเจมส์” ลุงปั๋นถาม
เจมส์ยิ้มเจื่อนๆ “แฮ่ะๆ ตำรวจมาคุยกับพี่วัสครับ”
คนงานรู้ดังนั้นก็ยิ่งคุยกันเสียงดังอื้ออึง

ภูชิชย์ขับรถมาจอดกลางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
พิสุทธิ์ชี้ไปที่ตู้โทรศัพท์ “นั่นไงครับตู้โทรศัพท์”
“เราจอดรถแอบแถวนี้แล้วลงช่วยกันเดินหาดีกว่า” ภูชิชย์เสนอ
“ดีเหมือนกันครับ จะได้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น” นิพนธ์เห็นด้วย

ภูชิชย์เอารถจอดแล้วทุกคนก็ลงมาจากรถทันที
ภูชิชย์ พิสุทธิ์ และนิพนธ์ เดินตามหาไปเรื่อยๆ ตามบ้านแต่ละหลัง พวกเขาเห็นว่าแต่ละบ้านปิดไฟ
เงียบกันหมดแล้ว ทั้งสามเดินดูไปเรื่อยๆ สักพักนิพนธ์ก็ต้องชะงัก
“นั่นไงครับรถคุณเล็ก” นิพนธ์ชี้ให้ทุกคนดู
สามหนุ่มเห็นรถของสุพัฒนาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
ภูชิชย์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ “ทุกคนระวังตัวด้วยนะ”

ภูชิชย์รีบจอดรถที่หน้าบ้านหลังนั้นแล้วก้าวลงจากรถด้วยท่าทางเอาเรื่อง นิพนธ์กับพิสุทธิ์ก็รีบตามลงมาด้วย โชติเพื่อนของผลซึ่งกำลังนั่งกินข้าวอยู่ในบ้านตกใจที่เห็นสามหนุ่มบุกเข้ามา “เฮ้ย!”
ภูชิชย์พุ่งเข้าไปขยุ้มคอเสื้อโชติทันที “แกจับตัวคุณเล็กกับคุณนิดไปไว้ไหน”
“อะไรวะ กูไม่รู้เรื่องโว้ย” โชติตกใจ
“ไม่รู้เรื่อง แล้วรถของน้องฉันมาจอดอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ภูชิชย์ตะคอก
ระหว่างนั้น นิพนธ์กับพิสุทธิ์ก็รีบเดินสำรวจบ้านก่อนจะเดินมาบอกภูชิชย์
“ไม่เจอคุณเล็กกับคุณนิดเลยครับพ่อเลี้ยง” พิสุทธิ์บอก
ภูชิชย์ต่อยโชติทันทีแล้วตะคอกด้วยความโกรธ “ไอ้เลว แกเอาตัวผู้หญิงสองคนไปซ่อนไว้ไหน” ภูชิชย์คว้าคอเสื้อโชติขึ้นมาจะต่อยอีก “ถ้าไม่บอกแกตายแน่”
“ใจเย็นก่อนเถอะครับพ่อเลี้ยง ไอ้ผลกับบัวเกี๋ยงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เหมือนกัน ผมว่าพวกมันอาจจะพาคุณเล็กกับคุณนิดไปที่อื่นแล้ว” นิพนธ์แสดงความเห็น
ภูชิชย์ตวาดโชติ “ไอ้ผลอยู่ที่ไหน”
โชติอึกอัก
“ไม่งั้นแกโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดด้วยแน่” พิสุทธิ์ขู่

โชติมองทั้งสามที่ยืนจ้องเขม็งด้วยความกลัว

ภูชิชย์เดินหัวเสียกลับมาที่รถซึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้านของโชติ สองหนุ่มที่เดินตามมาก็เซ็งไปตามๆกัน

“นึกว่าจะได้เจอคุณเล็กกับคุณนิดแล้วซะอีก กลายเป็นไอ้ผลเอารถคุณเล็กมาแลกกับรถกระบะของเพื่อนมันหนีไปซะได้” นิพนธ์เซ็ง
ภูชิชย์ครุ่นคิด “นอกจากมันจะเปลี่ยนรถเพื่อหนีตำรวจแล้ว ผมว่าที่มันต้องใช้รถที่ใหญ่กว่าก็เพื่อเดินทางไกล หรือไม่ก็ลัดเลาะเข้าไปในที่ที่เดินทางลำบาก หรือที่ที่เราคาดไม่ถึง เพราะนายผลเป็นคนในพื้นที่ มันต้องชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี”
“งั้นก็แสดงว่ามันอาจจะออกนอกเมืองไปแล้วน่ะสิครับ” นิพนธ์พูด
“ผมว่าเราลองไปถามชาวบ้านก่อนดีกว่าครับ เผื่อจะมีใครให้เบาะแสที่ชัดเจนกว่านี้บ้าง” พิสุทธิ์เสนอ
ภูชิชย์คิดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
“โอเค รีบไปกันเถอะ” ภูชิชย์รีบขึ้นรถทันที
พิสุทธิ์และนิพนธ์รีบตามขึ้นรถไป แล้วภูชิชย์ก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ผลขับรถกระบะของโชติพาทุกคนหนีเข้าไปในป่าที่มีเส้นทางคดเคี้ยวและขรุขระ ลูกน้องสองคนของผลนั่งสัปหงกอยู่ท้ายกระบะ นริศรา สุพัฒนาและบัวเกี๋ยงมองไปข้างนอกด้วยความหวาดกลัว
“พี่ผล นี่มันมืดมากจนน่ากลัวแล้วนะ มาถูกทางหรือเปล่าเนี่ย” บัวเกี๋ยงถาม
“ถูกสิวะ ที่กบดานของพี่ตอนหนีเจ้าหนี้ ทำไมจะจำไม่ได้” ผลบอก
“ไอ้ผล แกจะพาฉันไปไหน” สุพัฒนาตวาด “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่พี่ภูจะเอาตำรวจมาลากคอแกกับนังบัวเกี๋ยงเข้าคุก”
“แล้วคิดเหรอว่าฉันจะอยู่รอให้พ่อเลี้ยงมาจับ หลังจากได้เงินแล้วพวกเราสี่คนผัวเมียก็ต้องไปสร้างอนาคตร่วมกันที่อื่น” ผลว่า
นริศรากับสุพัฒนามองหน้ากันอย่างอึ้งๆ
“หมายความว่ายัง ก็ถ้าพ่อเลี้ยงเอาเงินมาให้ก็ต้องปล่อยตัวพวกฉันสิ” นริศราบอก
“ปล่อยให้โง่ คุณสองคนน่ะยังไงไอ้ผลก็ต้องเก็บไว้เป็นเมีย” ผลยืนยัน แล้วผลก็หัวเราะด้วยความสะใจ บัวเกี๋ยงได้ยินก็เริ่มไม่พอใจ
“พี่ผล ทำแบบนี้พ่อเลี้ยงก็จะตามล่าเราไปเรื่อยๆน่ะสิ”
ผลโมโห “โธ่เว้ย...อีบัวเกี๋ยง คิดหน่อยสิวะ ถ้าเราปล่อยสองคนนี่เรานั่นแหล่ะจะถูกจับ แต่ถ้าเก็บสองคนนี่ไว้ เราก็จะได้เงินจากพ่อเลี้ยงเรื่อยๆเอ็งไม่ชอบหรือไง”
บัวเกี๋ยงเริ่มนั่งเครียดพลางครุ่นคิด นริศราจับสังเกตอาการของบัวเกี๋ยงได้
“มองโลกในแง่ดีไปหรือเปล่านายผล” นริศราพูดขึ้น “เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าที่เธอกับบัวเกี๋ยงทำครั้งนี้มันมีความผิดกี่กระทง ลักพาตัว กักขังหน่วงเหนี่ยว ขู่กรรโฉกทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย เฮ้อ...แค่บอกไม่กี่คดีนี่ฉันก็ว่าเธอกับบัวเกี๋ยงติดคุกไม่ต่ำกว่า ยี่สิบสามสิบปีแล้วนะ”
บัวเกี๋ยงเริ่มกลัว “พี่ผล ฉัน...”
ผลสวนขึ้นทันที “เอ็งไม่ต้องไปฟังคุณนิด เชื่อพี่ พี่จะทำให้เอ็งสบายต่อไปเราจะมีเงิน มีคุณนิดกับคุณเล็กมีเป็นเมียสองเมียสามคอยรับใช้เอ็งไม่ดีเหรอ”
“ไอ้ผล ไอ้บ้า ไอ้สารเลวฉันไม่ยอมแกหรอก” สุพัฒนาด่าพร้อมกับดึงมือที่ถูกมัดติดกับนริศราไปตีผล ทำให้รถเสียหลักส่ายไปมา
ผลตกใจ “เฮ้ย! อีบ้า ปล่อย เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก”
“คุณเล็ก อย่าทำอย่างนี้ค่ะ” นริศราห้าม
“เธอไม่ได้ยินเหรอว่ามันจะทำอะไรกับเราสองคน ถ้าเป็นแบบนี้ฉันว่าตายไปด้วยกันดีกว่า” นริศราบอกแล้วก็จะเข้าไปตีผลอีก บัวเกี๋ยงที่นั่งหน้าจึงหันหลังมาผลักสุพัฒนาให้กลับไปนั่งตามเดิม
“หยุดบ้าได้แล้วนังสุพัฒนา ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่” บัวเกี๋ยงขู่
สุพัฒนามองอย่างเคียดแค้นแล้วร้องไห้ออกมา บัวเกี่ยงยิ้มอย่างสะใจ
“เห็นแกร้องไห้แล้วมันทำให้ฉันมีความสุขจริงๆ” บัวเกี๋ยงหันไปพูดกับผล “พี่ผล ฉันจะยอมทำตามพี่ทุกอย่าง ถึงฉันจะเป็นเมียไอ้พ่อเลี้ยงภูชิชย์ไม่ได้ แต่ได้น้องสาวมันมาเป็นเมียน้อยของพี่ ฉันว่ามันสะใจกว่าเยอะ”
“สะใจด้วยรวยด้วย” ผลพูดแหย่สุพัฒนา “คุณเล็กครับ หลังจากที่ไอ้ผลคนขับรถตกเป็นของคุณเล็กแล้ว คุณเล็กห้ามทอดทิ้งผล ต้องดูแลเลี้ยงดูผลกับครอบครัวนะคร๊าบ”
ผลกับบัวเกี๋ยงหัวเราะด้วยความสะใจ สุพัฒนาร้องไห้แล้วเอนไปซบไหล่นริศรา นริศรามองสุพัฒนาด้วยความสงสาร

นริศรากับสุพัฒนาถูกผลกับลูกน้องทั้งสองฉุดลากออกมาจากรถที่จอดอยู่ บัวเกี๋ยงหันไปเห็นกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ในป่ารกก็ถึงกับอึ้ง
“อะไรกันพี่ผล กระท่อมแค่นี้น่ะเหรอ”
“เอาน่า แค่ไม่กี่ชั่วโมง เดี๋ยวพอเช้ามืดเราได้เงินแล้วก็จะรีบเผ่น” ผลกล่อม
ผล บัวเกี๋ยง ลูกน้องสองคนช่วยกันดึงตัวนริศรากับสุพัฒนาให้เดินไป นริศรามองไปรอบๆ ผลเห็นท่าทางของนริศณาก็พูดอย่างรู้ทัน
“อย่าคิดหนีให้เหนื่อยเลย ถ้าเธอไม่ตกเขาไปก่อนก็อาจจะโดนสัตว์ร้ายคาบไปกิน”
สักพักทั้งหมดก็เดินมาถึงหน้ากระท่อม
ผลสั่งลูกน้อง “จับมันมัดไว้หน้าบ้านทั้งคู่นี่แหละ”
“เกิดมันหนีล่ะพี่” บัวเกี๋ยงถาม
“ก็มัดแน่นๆสิวะ หรือเอ็งจะให้มันเข้าไปนอนเป็นคุณนายให้เอ็งคอยนวด”
บัวเกี๋ยงยิ้มร้าย “จริงสิ ให้มันหนาวอยู่ข้างนอกนี่แหล่ะ”
ลูกน้องทั้งสองรวบมือทั้งสองข้างของนริศราและสุพัฒนาไว้แน่นก่อนจะนำไปมัดไว้ที่เสาหน้าบ้าน ผลเดินมาจ้องหน้าสองสาวแล้วพูด
“นั่งหลับเอาแรงให้เต็มที่นะ หลังจากได้เงินแล้ว เราจะต้องเดินทางกันอีกไกล”
พูดจบทุกคนก็เดินเข้ากระท่อมไป นริศณากับสุพัฒนาได้ยินเสียงสนทนาของผลกับบัวเกี๋ยงที่ถามกันว่าจะไปไหน ผลบอกว่าจะขึ้นเหนือออกชายแดนเพราะที่นั่นอากาศดี
นริศราและสุพัฒนาถูกมัดตืดกัน สักพักสุพัฒนาก็เริ่มร้องไห้คร่ำครวญ
“นี่แสดงว่าพี่ภูจะช่วยเราไม่ได้ใช่ไหม”
“ทำใจดีๆไว้นะคะ ยังไงเราก็ต้องรอดจากพวกมันให้ได้ คุณเล็กต้องเข้มแข็งนะคะ” นริศราให้กำลังใจ
พูดจบนริศราก็พยักหน้าสร้างความมั่นใจให้สุพัฒนา สุพัฒนายังคงน้ำตาไหล นริศราพยายามดึงมือหาทางให้หลุดออกจากที่มัด

ขณะเดียวกันทุกคนที่ไร่สุพัฒนากำลังยืนส่งตำรวจให้ขับรถออกไป พอรถตำรวจแล่นพ้นไปแล้ว ทุกคนก็เข้ามารุมล้อมวิทวัส เจ้าทิพย์ดาราและเจมส์
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมต้องมีตำรวจมาที่นี่” ลุงปั๋นถาม
“เอาไว้ให้เรื่องมันเรียบร้อยก่อนดีกว่านะ” วิทวัสบอก
วิทวัสพูดจบคนงานก็ยิ่งรุมถามเสียงดังเซ็งแซ่
“คุณวัสคะ ฉันไหว้ล่ะค่ะ” แม่อุ้ยพูดพร้อมยกมือขึ้นไหว้จริงๆ “พวกเรารู้ว่าเป็นเรื่องของเจ้านาย แต่พวกเราก็รักคุณนิด พ่อเลี้ยง คุณนิพนธ์ คุณเล็ก หรือแม้แต่นังบัวเกี๋ยง ใจคอจะไม่บอกข่าวคนที่เรารักเหรอคะ”
“เจ้าน้อยขา....เจมส์ ช่วยบอกคุณวัสให้บอกพวกเราหน่อยสิคะ” พรอ้อนวอน
“พี่วัสครับ ผมเห็นด้วยกับคนงานนะครับ” เจมส์พูด
วิทวัสยังลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่
“คุณวัสคะ น้อยรู้ว่าความจริงเรื่องนี้มันยากที่จะรับได้ แต่การที่พวกเขาต้องรอคอยโดยไม่รู้อะไรเลยมันจะแย่ยิ่งกว่านะคะ” เจ้าทิพย์ดาราบอก
วิทวัสถอนใจ “คุณเล็กกับคุณนิด ถูกบัวเกี๋ยงกับไอ้ผลจับตัวไปเรียกค่าไถ่”
คนงานได้ยินดังนั้นก็ตกใจและอึ้งไปทันที แม่อุ้ยถึงกับเป็นลม คนงานที่อยู่ใกล้ต้องช่วยพยุงร่าง ของแม่อุ้ย ส่วนพรเริ่มร้องไห้ออกมา
“ไอ้ผล อีบัวเกี๋ยง ข้าอยากจะฆ่ามันนัก เนรคุณจริงๆ” ลุงปั๋นโกรธ
คนงานเริ่มก่นด่ากันเสียงดังอื้ออึง
“แต่ทุกคนไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้ตำรวจกับพี่ภูได้เบาะแสแล้ว ฉันเชื่อว่าทุกคนจะต้องปลอดภัย” วิทวัสบอก

ชาวบ้านสองสามคนที่นั่งใต้ถุนบ้านส่ายหน้าแล้วเก็บจานข้าวที่กำลังกินอยู่เข้าบ้านไป นิพนธ์กับพิสุทธิ์ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วเดินคอตกกลับออกมา
“ไม่มีบ้านไหนเห็นรถกระบะนายผลเลย” นิพนธ์บอก
“หรือว่าพวกมันจะไม่ได้มาทางนี้” พิสุทธิ์แสดงความเห็น
“ผมก็กลัวจะเป็นแบบนี้นั้น บางทีมันอาจจะวิ่งเข้าป่าไปก็ได้” นิพนธ์หวั่นใจ
นิพนธ์กับพิสุทธิ์มองหน้ากันด้วยสีหน้าเครียดแล้วพากันเดินกลับไปที่รถ
ภูชิชย์ยืนคุยกับคนขับรถกระบะคันหนึ่งอยู่ สักพักเขาก็ยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วรถกระบะก็แล่นออกไป ภูชิชย์รีบวิ่งหน้าตื่นมาหานิพนธ์กับพิสุทธิ์
“เป็นไงมั่งได้เรื่องอะไรหรือเปล่า” ภูชิชย์ถามทั้งคู่
“ไม่เลยครับ” พิสุทธิ์ตอบ
“แล้วพ่อเลี้ยงล่ะครับ” นิพนธ์ถามกลับ
“ของฉันก็ไม่แน่ใจนะ” ภูชิชย์ตอบ “แต่พี่คนเมื่อกี้บอกว่าเห็นรถกระบะคันหนึ่งแล่นไปทางเส้นไปน้ำตกสักสองสามชั่วโมงที่แล้ว กลางดึกแบบนี้ไม่น่าจะมีใครไป”
“แล้วเขาเห็นสีรถหรือทะเบียนอะไรไหมครับ” นิพนธ์ถามต่อ
“เขาไม่ทันสังเกตุ” ภูชิชย์บอก
“งั้นเราจะเอาไงดี จะไปทางนั้นไหมครับ” พิสุทธิ์ถาม
“เส้นไปน้ำตกต้องขึ้นเขา ถ้าเราไปแล้วเกิดไม่ใช่ เราจะเสียเวลาไปอีกนะครับ” นิพนธ์พูด
“แต่ฉันอยากไป มาถึงตอนนี้เราต้องเสี่ยงแล้ว” ภูชิชย์หยิบโทรศัพท์มากดโทรออก “นายวัส พี่จะลองขึ้นเขาไปดูทางน้ำตกนะ ถ้าได้เรื่องยังไงจะส่งข่าวอีกทีนะ”

ทั้งสามหนุ่มรีบขึ้นรถแล้วภูชิชย์ก็ขับรถออกไปทันที









Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 12:28:34 น.
Counter : 341 Pageviews.

0 comment
รักประกาศิต ตอนที่ 12 (ต่อ)




สุพัฒนาเดินมาหยุดมองดอกไม้ที่แปลงดอกไม้แล้วก็ยืนร้องไห้ เธอมองไปเห็นไม้กวาดมือเสือที่ไว้กวาดใบไม้วางอยู่ก็เดินไปหยิบ แล้วกลับมายืนจ้องแปลงดอกไม้ด้วยความโกรธ

“คุณเล็กเกลียดพี่ภู”
สุพัฒนาเงื้อไม้กวาดจะฟาดใส่ดอกไม้ในแปลงแต่แล้วก็ชะงัก เธอโยนไม้กวาดทิ้งก่อนจะทรุดตัวลงนั่งร้องไห้
“พี่ภูรักคนอื่น ต่อไปพี่ภูก็ต้องทิ้งคุณเล็ก แล้วคุณเล็กจะอยู่กับใคร คุณแม่คุณพ่อ คุณเล็กไม่เหลือใครแล้ว”
สุพัฒนาเอามือไปจับดอกไม้อย่างทะนุถนอม
“ต่อไปพี่ภูคงไม่ทำอะไรให้คุณเล็กอีกแล้ว คุณเล็กจะอยู่ยังไง” ยิ่งคิดสุพัฒนาก็ยิ่งร้องไห้หนัก
นิพนธ์ยืนแอบดูสุพัฒนาอยู่ที่มุมหนึ่ง สักพักเขาก็พึมพำกับตัวเอง “คุณเล็กจะยังมีผมตลอดไปนะครับ”
สุพัฒนาร้องไห้แล้วก็นอนลงในแปลงดอกไม้ นิพนธ์ยังคงยืนมองเธออยู่ห่างๆ
เวลาผ่านไปจนพระอาทิตย์ตกดิน สุพัฒนานอนหลับอยู่ที่แปลงดอกไม้ นิพนธ์พยายามเขยิบมาใกล้ๆแล้วมองเธอด้วยความสงสาร เขาถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วนั่งเอาเสื้อปัดยุงให้ ก่อนจะตัดสินใจปลุก
“คุณเล็กครับ คุณเล็ก”
สุพัฒนาสะดุ้งตื่น “นิพนธ์”
นิพนธ์รีบลุกขึ้นแล้วเขยิบถอยห่าง
“ค่ำแล้ว น้ำค้างลง ยุงก็เริ่มมาแล้วครับ” นิพนธ์บอก
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” สุพัฒนามองเห็นนิพนธ์ถอดเสื้อมาถือไว้ในมือ “นี่แกคิดจะทำอะไร”
“ผมเปล่านะครับ ผมเอามาปัดยุงให้คุณเล็ก” นิพนธ์รีบใส่เสื้อ “ผมขอโทษครับ ผมผิดเองที่ไม่รักษาคำพูด”
“คำพูดอะไร” สุพัฒนาถาม
“ที่ว่าจะอยู่ห่างคุณเล็ก” นิพนธ์ถอยห่างออกไปอีก
“ดี...ไปไกลๆเลย ไปให้หมดทุกคน ต่อไปฉันจะอยู่คนเดียว”
“คุณเล็ก” นิพนธ์เป็นห่วง
“เธอมันก็พวกนังนิด”
พูดจบสุพัฒนาก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา แต่นิพนธ์ถอยห่าง
“ฉันเกลียดแก ตราบใดที่แกเป็นพวกมัน ฉันก็จะเกลียดแก”
สุพัฒนาผลักนิพนธ์ออกแล้วเดินหนีไป นิพนธ์มองตามด้วยสีหน้าเครียด

ภูชชิย์มานั่งอย่างเซ็งๆ ที่ศาลากลางไร่ สักพักนริศราก็เดินมาแต่ก็ไม่กล้าเดินเข้าที่ศาลา
ภูชิชย์เหลือบไปเห็นก็ถามขึ้น “มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันรู้เรื่องเมื่อเย็นแล้วค่ะ ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุ” นริศราบอก
“มันไม่ใช่เพราะเธอหรอก”
“ฉันคิดว่าฉันไม่ควรอยู่ที่นี่”
“นริศรา”
“คุณเล็กไม่มีวันเลิกเกลียดฉันหรอกค่ะพ่อเลี้ยง”
“ฉันสัญญานะ ว่าจะจัดการเรื่องนี้”
“พ่อเลี้ยงจะทำให้มันยุ่งยากไปทำไมคะ” นริศราถาม
“ก็เพราะฉันรักเธอน่ะสิ ฉันจะไม่ยอมเสียคนที่ฉันรักไปอีกแล้ว เธออย่าทิ้งฉันไปนะ”
“พ่อเลี้ยง”
“ถ้าเธอมีความรู้สึกดีๆกับฉันบ้าง ก็เป็นกำลังใจให้ฉันแก้ไขเรื่องนี้นะนริศรา”
นริศราถึงกับถอนใจด้วยความเครียด

พิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดาราออกมาเดินเล่นด้วยกันอย่างเซ็งๆ บนถนนในตัวเมืองเชียงใหม่
“คุณโป๊ะหายเบื่อหรือยังคะ” เจ้าทิพย์ดาราถามขึ้น
“ขอบคุณเจ้ามากนะครับที่มาเดินเล่นเป็นเพื่อนผม” พิสุทธ์พูด
“น้อยต่างหากที่ต้องขอบคุณๆโป๊ะ เพราะถ้าให้น้อยอยู่บ้านก็คงยังคิดถึงเขา”
“ผมถามตรงๆนะครับ วินาทีแรกที่เจ้าน้อยรู้ว่าพ่อเลี้ยงเอ่อ...” พิสุทธิ์อ้ำอึ้ง
“ไม่ได้รักน้อยแล้ว” เจ้าทิพย์ดาราชิงพูดแทน
“ครับ...เจ้าน้อยรู้สึกยังไง”
“โกรธ แล้วก็น้อยใจมากค่ะ”
“แต่เจ้าก็ยังช่วยพ่อเลี้ยงให้ได้มีความสุข”
“น้อยไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกค่ะ ก่อนหน้านี้น้อยพยายามขวางแล้ว แม้กับคุณนิดก็เถอะ แต่น้อยก็ดึงภูไว้ได้แค่ตัว หัวใจของภูเขาก็ไม่ได้อยู่กับน้อย มีแต่ความจริงที่อยู่กับน้อยค่ะ”
พิสุทธิ์มองหน้าเจ้าทิพย์ดาราด้วยความเห็นใจแล้วก็ยิ้มปลอบ
“นี่แหล่ะครับที่แสดงว่าเจ้าน้อยเป็นคนดี”
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “น้อยไม่ได้อยากเป็นคนดี ที่น้อยทำเพราะน้อยไม่อยากอยู่กับความทุกข์ต่างหากค่ะ”
“ผมก็จะเป็นอย่างเจ้าน้อยครับ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป ผมคงต้องทุ่มเทกับการทำงาน แล้วพอเปิดเทอมๆหน้าผมจะกลับไปเรียนให้จบ”
“ไม่รอไปพร้อมคุณนิดแล้วเหรอคะ”
พิสุทธิ์ส่ายหน้า “ผมเห็นแก่ตัวไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะ มันถึงเวลาที่คุณโป๊ะจะต้องรักตัวเองบ้างแล้ว น้อยเองก็อาจจะกลับไปเรียนโทที่อังกฤษเหมือนกัน เพราะถ้าอยู่ใกล้กับภูแบบนี้คงไม่ดีขึ้นแน่”
ทั้งสองเดินมาหยุดที่คูเมืองแห่งหนึ่งแล้วจึงมองไปที่สายน้ำเบื้องหน้า
“คุณโป๊ะรักคุณนิดน้อยลงไหมคะ” เจ้าทิพย์ดาราถามขึ้น
“ไม่หรอกครับ เพราะความดีและความจริงใจที่นิดมีให้ผมมันไม่ได้น้อยลง”
“เหมือนกันค่ะ”

แม้จะดึกมากแล้วแต่ลัคนากับลาวัลย์นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ล้อบบี้ของโรงแรมเพื่อรอพิสุทธิ์ ลัคนาเริ่มหาวเพราะง่วงนอน สักพักลาวัลย์ก็หาวตาม
“พี่นา วันง่วงแล้ว ขอกลับไปนอนนะ”
“ไม่ได้อยู่กับพี่ก่อน”
“แต่นี่มันดึกมาแล้วนะ เกิดคุณโป๊ะเขาไม่กลับล่ะ เรามิต้องนั่งจนเช้าเหรอ” ลาวัลย์ถาม
“นี่...อย่าเรื่องมาก” ลัคนาดุ
“ก็วันไม่อยากขับรถหลับในนี่”
“งั้นก็ไม่ต้องกลับค้างกับฉันที่โรงแรมนี่แหล่ะ”
“พี่นา....เชื่อวันเถอะ ทำแบบนี้คุณโป๊ะเขาก็ไม่ได้จะสนใจเราหรอก”
“นี่ ไม่ต้องมาพูดดีเลย แกน่ะทำอะไรบ้าง จนป่านนี้จับใครไม่ได้สักคน”
ลาวัลย์รำคาญ “ไม่ใช่จับไม่ได้ แต่วันไม่คิดจะจับ ที่วันต้องการคือคนที่วันรักและรักวัน”
“แอบดูละครตอนอยู่เวรมากไปหรือเปล่า ไอ้ความรักที่แกว่าน่ะมันไม่มีจริง แต่นายโป๊ะนี่สิตัวเป็นๆจับต้องได้ แกรู้ไหมถ้านายโป๊ะได้สมบัติของพ่อแม่ จะรวยขนาดไหน ถึงตอนนั้นแกจะต้องมาขอบคุณฉัน”
“ตกลงพี่นาจะบังคับวันให้จับนายนี่ให้ได้” ลาวัลย์ถามย้ำ
“ไม่ใช่จับให้ได้ แต่ “ต้องได้” ไม่งั้นฉันจะถือว่าแกเนรคุณที่ฉันส่งเสียแกเรียนมาจนทุกวันนี้”
ลาวัลย์โมโห “พี่นาอ่ะ”
ลัคนาไม่สนรีบหันหน้าหนีแล้วมองไปที่ประตูใหญ่ เธอเห็นพิสุทธิ์ลงจากรถแล้วเดินเข้าโรงแรมมา
“นั่นไงมาแล้ว” ลัคนาดีใจ
ลัคนารีบจูงลาวัลย์วิ่งไปหาทันที

พิสุทธิ์เดินมาถึงหน้าลิฟท์แล้วก็ยื่นมือจะกดลิฟท์แต่ลัคนารีบจูงลาวัลย์วิ่งเข้ามา
“คุณโป๊ะ....คุณโป๊ะขา รอพี่ด้วย” ลัคนาเรียก
พิสุทธิ์หันไปเห็นก็ถอนใจด้วยความเซ็งแต่ก็หยุดรอ
“แหม พี่มานั่งรอ เอ๊ย มานั่งทานกาแฟเมื่อกี๊นี้เองค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะที่ได้เจอคุณโป๊ะ อย่างกับพรหมลิขิตเลยนะคะ”
“พอดีผมเป็นพุทธน่ะครับ คิดว่าเป็นกรรมลิขิตมากกว่า” พิสุทธิ์รีบบอก
“อุ๊ย...ธรรมะธรรมโม น่ารักเชียว เหมือนยายวันเลย เอะอะเข้าวัดตลอด”
ลาวัลย์งง “วันเนี่ยนะ”
ลัคนาแอบกระตุกแขนลาวัลย์ “ก็ใช่สิ เห็นไปทำบุญกับทางโรงพยาบาลอยู่เรื่อยไม่ใช่เหรอ หรืออย่างงานพยาบาลที่ทำอยู่นี่ ก็ถือเป็นการทำบุญอยู่ทุกวันแล้วนะ จริงไหมคะคุณโป๊ะ แล้วยายวันนี่น่ะเขาชอบ......”
พิสุทธิ์พูดสวนขึ้น “เอ่อ...ขอโทษนะครับ พอดีมันดึกแล้วผมอยากจะนอน ถ้าไม่มีธุระอะไรผมขอตัวนะครับ”
“เชิญเถอะค่ะ วัลย์เข้าใจ”
พิสุทธิ์จะกดลิฟท์แต่ลัคนาขวางไว้อีก
“เอ่อ...เดี๋ยวสิคะ พี่ยังมีอีกเรื่อง”
พิสุทธิ์พยายามข่มอารมณ์ “อะไรอีกครับ”
“ก็เรื่องน้องนิดน่ะสิคะ” ลัคนาตีหน้าเศร้า “พี่ละเป็นห๊วงเป็นห่วง วันนี้ก็ตามหาทั้งวันเลยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณโป๊ะทราบข่าวอะไรบ้างหรือเปล่า”
“ทราบสิครับ” พิสุทธิ์ตอบนิ่งๆ
“ตายแล้ว ไม่บอกกันบ้างเลย แล้วน้องนิดอยู่ไหนคะ ลำบากไหม ต่อให้ไกลแค่ไหนพี่ก็จะไปตาม”
“เมื่อวานนิดเขาก็มาที่นี่นี่ครับ คุณลัคนาไม่เจอเขาเหรอครับ”
“อะไรนะคะ ยัยนั่น เอ๊ย...ยัยนิดมาที่นี่ มาทำไมคะ” ลัคนางง
“เขามาช่วยทำบุญทำกุศลเรื่องงานประมูลครับ”
ลัคนาทำเป็นตกใจ “อุ๊ย เหรอคะ ตายแล้ว....เสียดายจริงๆเลย เมื่อวานนี้พี่อยากมาร่วมงานม๊ากมาก ยิ่งเห็นเป็นงานการกุศลนี่อยากร่วมทำบุญจริงๆ แต่พี่มีธุระสำคัญเลยมาร่วมไม่ได้” ลัคนาหันมาพูดกับลาวัลย์ “น่าเสียดายจริงเลยนะยัยวัน ไม่งั้นเราก็คงได้เจอน้องนิดไปแล้ว”
“เอ...แต่ผมเองก็เห็นพี่นาด้อมๆมองๆอยู่ตรงหน้าประตูเข้างานนึกว่าเจอกันแล้ว” พิสุทธิ์แกล้งถามกัด พอเห็นลัคนาหน้าจ๋อยเขาก็พูดต่อ
“นี่แสดงว่าพี่นาแอบดูแค่นิดเดียวแล้วหนี เอ๊ย แล้วออกจากโรงแรมไป เสียดายแทนนะครับ ถ้าแอบดูนานกว่านี้คงได้เจอ เสียดายนะครับชอบทำบุญแต่ไม่ได้อยู่ร่วมงาน”
ลัคนาหน้าเจื่อน “เอ่อ แล้ว..น้องนิดเขาเป็นไง สบายดีไหมคะ”
“ดีมากด้วย เพราะนิดเขากลับไปทำงานกับพ่อเลี้ยงเหมือนเดิมแล้ว”
ลัคนาอ้าปากเหมือนจะกรี๊ดออกมาแต่ก็รีบหุบปากไว้ก่อน พิสุทธิ์ยิ้มให้สองพี่น้องแล้วก็กดลิฟท์เดินเข้าไป

เมื่อสองพี่น้องกลับมาถึงห้องพัก ลาวัณย์ฟังแผนการต่อไปของลัคนาก็โวยใส่พี่สาวทันที
“อะไรนะ พรุ่งนี้จะไปไร่สุพัฒนา ก็ไหนพี่นาบอกจะไม่คบพวกนั้นอีก อย่าบอกนะว่าจะให้วันกลับไปจับพ่อเลี้ยง”
“หุบปากน่า คิดว่าพี่อยากไปเหรอ แต่มันต้องไป เรื่องจับไอ้พ่อเลี้ยงนั่นพี่ไม่เอาแล้ว กลัวน้องมันบ้ามาไล่กัดเรา แต่ถ้าเราไม่ทำดีกับยัยนิด จะสนิทกับนายโป๊ะได้ไง”
“พี่นา...เงินมันทำให้พี่นาไร้หัวใจได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
ลัคนาหยิบรูปออกจากกระเป๋า “ถ้าแกลืม ก็ดูทวนความจำซะ”
ลาวัลย์รับรูปมาดู เธอเห็นว่าเป็นภาพสมัยเด็กๆของลัคนา ลาวัลย์และพี่น้องอีกหลายคนซึ่งถ่ายที่หน้าบ้านเก่าโทรมหลังหนึ่ง
“พี่ยอมรับว่ากลัวความจน และพี่ก็จะไม่ยอมให้พวกเรากลับไปจน ถ้าแกจะว่าพี่ไร้หัวใจพี่ก็ยอม...ถ้าพี่มีเงิน”
“พี่นา...นี่พี่จะเก็บเรื่องอดีตมาเป็นปมอีกทำไม” ลาวัลย์ถาม
“เปล่า พี่แค่เก็บมันไว้เตือนใจ แกก็เหมือนควรจะระวังอย่างพี่ ไม่งั้นก็จะเหมือนพี่ใหญ่หรือพี่น้องคนอื่นๆที่เลือกคู่เพราะไอ้ความรักโง่ๆ แล้วเป็นไง ต้องมายืมเงินทองแกกับฉันตลอดเวลา เชื่อพี่เถอะยายวัน”
ลาวัณย์ทำสีหน้าเซ็ง ลัคนาเดินไปหยิบเสื้อคลุมแล้วเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตู ลาวัลย์เดินไปนั่งที่เตียง เธอหยิบรูปขึ้นมาดูแล้วก็ยิ้มเศร้า “แต่ตอนพวกเราเด็กๆ พวกเราไม่มีใครคิดถึงเงินทอง พวกเราก็มีความสุขกันมากนะพี่นา”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของลัคนาก็ดังขึ้น
“พี่นา โทรศัพท์” ลาวัลย์ตะโกนบอกพี่สาว
ลัคนาเปิดฝักบัวเต็มที่จนน้ำไหลแรงและเสียงดัง เธอไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์และเสียงน้องสาวจึงเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์

เสียงโทรศัพท์ของลัคนายังคงดังต่อเนื่อง
“พี่นา จะรับไหมรับ” ลาวัลย์ถาม
ลาวัลย์เดินไปเปิดกระเป๋าลัคนาแล้วหยิบขึ้นมาดู
“อ้าวพี่นะนี่” ลาวัลย์กดรับ “สวัสดีค่ะพี่ณะ นี่วันเองค่ะ พี่นาเขาอาบน้ำอยู่ พี่นะมีธุระด่วนหรือเปล่าคะ ฝากวันไว้ได้ไหมคะ”
ณรงค์นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องพักของเขา
“ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็โทรมาคุยกับเขาปกติแหล่ะ” ณรงค์นึกได้ “เอ๊ะ แล้วนี่วันมากรุงเทพฯเหรอ”
“เปล่าค่ะ พี่นามาหาวันที่เชียงใหม่” ลาวัลย์บอก
“ยังไม่ปิดเทอมนี่ แล้วใครอยู่กับนุ้ยกับนุ่นล่ะ”
“พี่นาฝากพี่ใหญ่ดูแลค่ะ”
“เมื่อวานก็คุยกันไม่เห็นนาเขาบอกพี่เลย” ณรงค์แปลกใจ
“เอ่อ...เอ่อ....พี่นาอาจจะลืมน่ะค่ะ”
“คงงั้น นี่สงสัยจะลืมเรื่องนิดไปด้วย”
“น้องนิดทำไมเหรอคะ”
“ก็หลังๆไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าตามเรื่องนิดไปถึงไหนแล้ว” ณรงค์บอก
“อ๋อ พี่ณะไม่ต้องห่วงตอนนี้นิดเขากลับมาทำงานที่ไร่สุพัฒนาแล้วค่ะ”
ณรงค์ตกใจ “นี่ตามเจอตัวนิดแล้วเหรอ”
“อ้าว พี่นะไม่รู้เหรอคะ ว่านิดเขามาทำงานที่ไร่สุพัฒนาที่ลำพูนตั้งนานแล้วนะคะ”
ณรงค์อึ้ง “ขอบใจมากนะวัน เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะ”
“แล้วจะให้พี่นาโทรกลับไหมคะ”
ลาวัลย์ถามแต่เสียงสัญญาณก็ขาดไปเพราะณรงค์กดวางสายไปก่อน
“อ้าว...หลุดไปซะแล้ว”
ลัคนาเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ลาวัลย์จึงบอกพี่สาว
“เมื่อกี้พี่ณะโทรมา วันเรียกเท่าไหร่พี่ก็ไม่ได้ยิน”
ลัคนาตกใจ “แกรับสายเหรอ บอกอะไรคุณณะบ้าง”

หลังจากรู้เรื่องจากลาวัลย์ ณรงค์ก็นั่งอึ้งแล้วครุ่นคิดอย่างหนัก
“นา...คุณกำลังทำอะไร”
สักพักเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ณรงค์มองไปที่เครื่องเห็นเป็นรูปลัคนากับนุ้ยกับนุ่น และมีชื่อขึ้นว่า My dear wife
ณรงค์จะหยิบโทรศัพท์แล้วเปลี่ยนใจ เขามองจนสายตัดไป สักพักโทรศัพท์ก็ดังอีก ณรงค์ยังไม่รับสายแต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
เสียงฝากข้อความดังขึ้น ณรงค์มองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความลังเล ก่อนจะตัดสินใจกดฟังข้อความ
“คุณณะ นาเองนะคะ นาขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องน้องนิด คือนากลัวว่าคุณณะจะรับไม่ได้ เพราะแกหนีตามนายโป๊ะมาทำงานที่นี่ แต่ตอนนี้ก็คงเลิกกัน เพราะเห็นว่าย้ายไปอยู่กับพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่คนหนึ่งที่ลำพูน นากะว่าจะค่อยๆกล่อมให้น้องกลับไปเรียนหนังสือ แต่แกก็ไม่ยอมและสั่งว่าอย่ามายุ่งกับแกอีก นาลำบากใจจริงๆค่ะ บางทีน้องนิดแกคงอยากแยกไปมีชีวิตของแก เราอาจจะต้องปล่อยแกไปนะคะ เพราะเห็นว่ามรดกอะไรก็จะไม่เอาแล้วค่ะ”
ณรงค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะหยิบหนังสือแล้วเดินออกไป

เช้าวันใหม่ แม่อุ้ย พร และบรรดาคนงานหญิงกำลังเตรียมอาหารอยู่ในโรงครัว สักพักนิพนธ์ เจมส์ ลุงปั๋น และคนงานชายก็ลงรถกระบะมาต่อแถวเพื่อรับอาหาร
“คุณนิดละคะคุณนิพนธ์” แม่อุ้ยถาม
“ไม่ทราบเหมือนกันนะ เมื่อกี้ผมไปเปิดโรงเก็บเครื่องมือก็ไม่เจอ” นิพนธ์บอก
“ผมเห็นขับรถออกไปกับพ่อเลี้ยงครับ” เจมส์บอก
“สงสัยไปดูกาแฟที่ท้ายไร่” นิพนธ์คาดเดา
“บรึ๋ย...นี่ออกตรวจงานด้วยกันแต่เช้าเลยเหรอ” พรทำท่าเคลิ้ม
“แบบนี้ ตนไม้คงงอกงามดีล่ะ” ลุงปั๋นพูด
พวกคนงานยิ้มหัวกันอย่างมีความสุข แล้วแม่อุ้ยก็นึกขึ้นได้
“แหม...แต่ฉันกลัวจะไม่กลับมาทานอาหารเช้ากันน่ะสิ”
“ผมอาสาเอาไปให้ก็ได้ครับ” เจมส์ยกมือ
“เฮ้ย..ไม่ได้นะเจมส์ บรรยากาศแบบนี้ปล่อยเขาเถอะ” นิพนธ์รีบขัด
เสียงของภูชิชย์ดังขึ้น “ปล่อยใครเรื่องอะไร”
ทุกคนหันไปก็เห็นภูชิชย์เดินยิ้มมากับนริศรา ทุกคนส่งเสียงร้องแซว
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” นิพนธ์รีบบอก
“เฮ้..พี่นิพนธ์ C’mon. Tell them the truth. พวกเราอยากปล่อยให้พ่อเลี้ยงกับพี่นิดจีบกันครับ”
ภูชิชย์กับนริศราหน้าเหวอไปเพราะรู้สึกเขิน แล้วทั้งสองก็ทำฟอร์มเป็นดุ
“จีบอะไรกัน ไม่มีแบบนั้นนะ”
ภูชิชย์เสียงเข้ม “นี่ๆๆ ใครนินทาเจ้านายโดนหักเงินเดือนนะ”
ทุกคนทำเป็นก้มหน้าเหมือนสลดแต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้ ภูชิชย์ดึงนริศราเพื่อให้ไปนั่งแล้วสองคนก็สุมหัวกระซิบกัน
“ไปนั่งสิ เดี๋ยวฉันตักอาหารไปให้” ภูชิชย์บอก
“นี่คุณ ทำให้เหมือนเดิมได้ไหม” นริศราพูด
“ไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอมีความหมายมากกว่าที่เคย”
คนงานได้ยินต่างก็ร้องเฮดังลั่น พอทั้งสองหันไปก็เห็นว่าคนงานทุกคนกำลังรุมล้อมและแอบฟังอยู่

ภูชิชย์ นริศรา และนิพนธ์เดินมาถึงแปลงดอกไม้
“ไม่ได้มาเห็นซะนาน สวยขึ้นตั้งเยอะนะคะ” นริศราชม
นิพนธ์ยิ้มรับ
“หลังๆคุณเล็กเธอมาช่วยด้วยน่ะครับ” นิพนธ์บอก
ภูชิชย์กับนริศราอึ้งที่ได้ยินเช่นนั้น
“คุณเล็กมาทำสวนเหรอ นายไม่เห็นเคยบอกเลย” ภูชิชย์ประหลาดใจ
นิพนธ์อึกอัก นริศาเห็นก็แอบอมยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
“เอ่อ...ผมก็เห็นเธอมาทำก็ไม่กล้าขัดครับ”
ภูชิชย์ยิ้ม “จะว่าไปก็ดีนะ อย่างน้อยคุณเล็กจะได้สบายใจที่มาที่นี่”
“งั้นวันนี้นิดช่วยคุณนิพนธ์นะคะ” นริศราบอก
“ได้ไง เธอไปกับฉันสิ ฉันจะเข้าไปประชุมในจังหวัด” ภูชิชย์รีบบอก
“เสียใจ นั่นมันงานของไร่ อย่าลืมสิคะ ฉันมาในฐานะคนของศูนย์วิจัย ฉันต้องอยู่ที่นี่”
“โห...โกงที่สุด ไว้ฉันประชุมเสร็จก่อนเถอะ”
“จะทำไมคะ” นริศราถาม
“จะกลับมารับไปทานข้าวน่ะสิ”
ภูชิชย์แกล้งทำหน้าขมึงแล้วเปลี่ยนมาเป็นยิ้มล้อก่อนจะเดินออกไป นริศรามองตามแล้วก็ขำ พอหันกลับมาก็เห็นนิพนธ์มองและอมยิ้มอยู่
“คุณนิดกำลังคิดว่าพ่อเลี้ยงแกน่ารักใช่ไหมครับ” นิพนธ์ถาม
นริศรายิ้มเขิน

สุพัฒนาเดินลงมานั่งรับประทานอาหารเช้า โดยมีบัวเกี๋ยงคอยดูแลและรินกาแฟให้
“คุณเล็กคะ แล้วตกลงว่า...” บัวเกี๋ยงเอ่ยถาม
“หุบปาก” สุพัฒนาสั่ง
บัวเกี๋ยงถึงกับจ๋อย เธอถือหม้อกาแฟเดินไปด้านหลังแล้วแอบทำปากด่าสุพัฒนาว่า “อีบ้า” ระหว่างนั้นวิทวัสเดินเข้ามาพอดี เขาไปนั่งประจำที่ บัวเกี๋ยงเข้ามารินกาแฟให้
“พ่อเลี้ยงล่ะคะ” บัวเกี๋ยงถามวิทวัส
วิทวัสเหลือบมองสุพัฒนาก่อนตอบ “เห็นว่าจะเข้าไปไร่กับคุณนิดแล้วจะไปประชุมในจังหวัด”
สุพัฒนาวางช้อนอย่างแรงด้วยความโมโหแล้วเดินเชิดออกไป วิทวัสมองตามแล้วส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

สุพัฒนาเดินโมโหฟึดฟัดมาตามทางเดินในไร่ สักพักเธอก็หยุดเดินแล้วหันมองกลับไปที่บ้าน
สุพัฒนากำมือแน่น “โอ๊ย...นังนิด มีตรงมุมไหนในบ้านฉันที่จะไม่ต้องเห็นต้องได้ยินชื่อแกไหม”
ยิ่งคิดสุพัฒนาก็ยิ่งโกรธจนมือไม้สั่น แล้วเธอก็นึกถึงคำพูดของนิพนธ์
“เวลาคุณเล็กไม่สบายใจก็ไปที่แปลงดอกไม้สิครับ”
สุพัฒนาตัดสินใจเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง
เวลาผ่านไป สุพัฒนาเดินมาใกล้แปลงดอกไม้แล้วเธอก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน
“นี่ใครกล้ามายุ่งในแปลงดอกไม้ของฉัน” สุพัฒนาพูดกับตัวเอง
สุพัฒนาเดินจ้ำเข้าไปใกล้ๆแล้วก็ต้องชะงักหลบไปที่มุมเพราะเธอเห็นนิพนธ์กับนริศรากำลังช่วยกันทำแปลงดอกไม้อยู่
สุพัฒนาสะบัดหน้าจะเดินกลับ แต่แล้วก็ชะงักหันกลับมาแอบฟังถ้อยคำที่ทั้งสองคุยกัน
“ดีใจด้วยนะคะที่คุณเล็กชอบแปลงดอกไม้นี้” นริศราพูด
“ครับ ผมก็อยากจะให้ที่นี่เป็นที่ๆให้ความสุขกับคุณเล็ก” นิพนธ์บอก
“ทำไมคุณนิพนธ์ไม่บอกคุณเล็กล่ะว่าสวนนี่คุณเป็นคนทำ” นริศราถาม
“ผมขี้ตู่อย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ เพราะที่จริงคุณนิดต่างหากที่เป็นคนอยากทำ”
สุพัฒนาได้ยินก็ตกใจ “นี่นังนิดเหรอ”
“แล้วยังจะต้นไม้จากเจ้าน้อยอีก ถ้าไม่ได้คุณนิดกับเจ้าน้อย แปลงดอกไม้ของคุณเล็กก็คงยังเฉา แห้งตายอยู่เหมือนเดิม” นิพนธ์พูด
“แหม นิดก็ไม่ค่อยได้ช่วยสักเท่าไหร่เลย” นริศราทำเสียงล้อ “นิดเห็นแต่คุณนิพนธ์ที่คอยดูแล ประคบประหงมอยู่คนเดียวนี่แหละ”
ได้ยินดังนั้นสุพัฒนาก็โกรธจัดจนร้องกรี๊ดออกมา นิพนธ์ นริศราหันมาเห็นก็ตกใจ
“นี่พวกแกหลอกฉันเหรอ ไอ้นิพนธ์ แกโกหกฉัน พี่ภูไม่ได้ทำที่นี่ให้ฉันใช่ไหม”
นิพนธ์ก้มหน้าหลบตา
“คุณเล็ก ฟังพวกเราก่อนนะคะ” นริศราพยายามอธิบาย
“ไม่ฟัง นังนิด แกเก่งมากนะที่ดึงพี่ภูไปอยู่กับแกได้ แต่แกอย่านึกนะว่าฉันจะโง่ ฉันจะหาทางเอาแกออกไปจากชีวิตฉันให้ได้”
สุพัฒนาเดินไปหยิบไม้กวาดมือเสือแล้วเดินเข้ามาฟาดไปที่ต้นไม้ไม่ยั้ง
“คุณเล็กอย่า” นริศราร้องห้าม
สุพัฒนาหันมาจะฟาดนริศรา “แกก็ด้วยนังนิด”
สุพัฒนาวิ่งไล่ฟาดเหมือนคนบ้า นิพนธ์ต้องพานริศราหนีออกมาแล้วมายืนดูสุพัฒนาที่กำลังไล่ฟาดทำลายต้นไม้ทั้งสวน นิพนธ์มองเธอด้วยความเศร้า

บัวเกี๋ยงปัดกวาดห้องและเก็บที่นอนของสุพัฒนาจนเสร็จ สุพัฒนาเปิดประตูเข้ามาแล้วผลักบัวเกี๋ยงออกจากนั้นก็นั่งลงในสภาพที่เต็มไปด้วยความโกรธ
บัวเกี๋ยงเห็นท่าทางของเจ้านายก็รู้สึกกลัว “เอ่อ..คุณเล็กเป็นอะไรคะ”
สุพัฒนาตะโกน “ฉันเกลียดนังนิด ฉันอยากจะฆ่ามัน แกได้ยินไหมนังบัวเกี๋ยงฉันอยากจะฆ่ามัน”
“ให้บัวเกี๋ยงช่วยไหมล่ะคะ”
สุพัฒนาอึ้ง “แกจะทำเหรอ เอ่อ...แต่”
“คุณเล็กกลัวตำรวจ” บัวเกี๋ยงถาม
“ก็ใช่น่ะสิ หรือแกไม่กลัวติดคุก”
“ก็อย่าฆ่าให้มันตายสิคะ เอาแค่ตายทั้งเป็น บัวเกี๋ยงทำได้”
“แกจะทำยังไง”
“แต่คุณเล็กต้องช่วยบัวเกี๋ยงอีกแรงนะคะ” บัวเกี๋ยงบอก

สุพัฒนามองบัวเกี๋ยงด้วยความสงสัย บัวเกี๋ยงยิ้มเจ้าเล่ห์
ผลนิ่งฟังคำของบัวเกี๋ยงที่ท้ายตลาด แล้วเขาก็มองหน้าบัวเกี๋ยงด้วยความสงสัย

“นี่เอ็งประสาทกลับหรือเปล่าวะ”
“ทำไม ก็ฉันเห็นพี่ชอบนังนิดนั่นมากก็สนองให้ไม่ดีเหรอ” บัวเกี๋ยงบอก
“ฮึ...นังบัวเกี๋ยง คนอย่างเอ็งน่ะข้ารู้ทันหรอก เอ็งทำแบบนี้ก็เพื่อจะขจัดคุณนิดออกไปจากพ่อเลี้ยงใช่ไหม รู้ไหมว่าพี่หึงเอ็งนะเว้ย”
“ถุย...หึงเหรอ กลัวฉันได้ดีแล้วไม่แบ่งเงินก็บอกมาเหอะ อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าพี่เองก็หมดรักฉันตั้งแต่วันแรกที่นังนิดมันเหยียบเข้าไร่แล้ว”
ผลหัวเราะ “เอ็งนี่มันฉลาดปนเลวสมเป็นเมียพี่จริงๆ”
“ตกลงจะช่วยฉันไหม ถ้าพี่ทำคุณเล็กจะจ่ายอย่างงาม”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ เอ็งจะเสวยสุขเป็นเมียไอ้ภูชิชย์สบายคนเดียวน่ะสิ”
“คนเดียวที่ไหน พี่ก็เอานังคุณเล็กเป็นเมียไปด้วยสิ เราจะได้สบายทั้งคู่ไง งานนี้พี่มีแต่ได้กับได้และกับได้ถึงสามต่อเชียวนะ ทีนี้พี่จะมีเงินเข้าบ่อนไปตลอดชีวิต”
สองผัวเมียหัวเราะกันอย่างมีความสุข

นริศรายืนดูการผสมปุ๋ยอยู่ที่โรงปุ๋ย บัวเกี๋ยงยืนแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกมา สักพักนริศราก็เดินแยกมา บัวเกี๋ยงเดินสะกดรอยตาม พอมาถึงมุมที่ปลอดคนบัวเกี๋ยงก็รีบเดินไปหานริศรา
“คุณเล็กให้ฉันมาตาม” บัวเกี๋ยงบอก
“มีเรื่องอะไร” นริศราถาม
“จะรู้ไหม ฉันไม่ใช่คุณเล็กนี่ บอกให้ไปก็ไปเถอะ”
บัวเกี๋ยงมองค้อน นริศรามองหน้าบัวเกี๋ยงแล้วตัดสินใจเดินตามไป

สุพัฒนาจอดรถอยู่ในมุมเปลี่ยวแห่งหนึ่งภายในไร่ เธอนั่งรออยู่ในรถด้วยอาการกระวนกระวาย สักพักสุพัฒนาก็เห็นบัวเกี๋ยงเดินนำนริศรามา
“ช้าจริงเดี๋ยวใครมาเห็นหรอก” สุพัฒนาหงุดหงิด
นริศราสงสัย “นี่มีอะไรกันเหรอคะ”
“ขึ้นรถเร็ว” สุพัฒนาสั่ง
“คุณเล็กจะพาฉันไปไหน” นริศณาถาม
สุพัฒนาพูดอย่างร้อนรน “ฉันจะคุยกับเธอ มาเร็วสิ”
บัวเกี๋ยงเปิดประตูหลังของรถแล้วผลักนริศราให้เข้าไปจากนั้นก็รีบตามเข้าไป สุพัฒนาออกรถทันที
พอรถเคลื่อนไปแล้ว นริศราก็มองไปรอบๆ แล้วถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“นี่เราจะไปไหน ทำไมต้องไปทางหลังไร่ด้วยคะ”

สุพัฒนากับบัวเกี๋ยงไม่ตอบอะไร นริศราเริ่มมองทั้งสองอย่างไม่ไว้ใจ

สุพัฒนาขับรถไปตามทางเปลี่ยว โดยมีนริศรากับบัวเกี๋ยงนั่งอยู่ด้านหลัง
“นี่ตกลงพวกคุณจะทำอะไรน่ะ” นริศราถามย้ำ
สุพัฒนาไม่สนใจเอ่ยถามบัวเกี๋ยง “นังบัวเกี๋ยง ตรงไหนอ่ะ”
“น่าจะแถวๆนี้นะคะ” บัวเกี๋ยงบอก
“แถวนี้มันตรงไหนล่ะอีบ้า ไม่รู้จัดนัดให้แน่นอน”
“คุณเล็ก บัวเกี๋ยง พวกคุณกำลังทำอะไร” นริศราถามย้ำ
สักพักบัวเกี๋ยงก็เห็นผลขี่รถจักรยานยนต์สวนมาไกลๆ
“นั่นไงคะคุณเล็ก” บัวเกี๋ยงรีบบอก
“นี่มันบ้าหรือเปล่า ขี่มอเตอร์ไซค์มาเนี่ยนะ” สุพัฒนาถาม
นริศราเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
สุพัฒนากับผลจอดรถไม่ห่างกัน ผลเดินยิ้มเข้ามาหา
“พวกคุณจะทำอะไร” นริศราถามด้วยความกลัว
“ฉันก็จะกำจัดแกออกไปจากชีวิตนะสิ ลงไปได้แล้ว ผัวแกรออยู่” สุพัฒนาไล่
พูดจบสุพัฒนาก็เปิดล็อครถแล้วยิ้มร้าย
นริศราจะเปิดประตูอีกด้านเพื่อหนีออกจากรถแต่บัวเกี๋ยงจับตัวไว้ ผลเปิดประตูเข้ามา นริศราถีบสวนถูกท้องจนผลจุก
“เฮ้ย..พี่เจ็บนะเว้ยที่รัก” ผลพูด
ผลพุ่งเข้ามาใหม่แล้วจับขานริศราก่อนจะเอาผ้าชุบยาสลบปิดปากนริศรา นริศราพยายามดิ้นแต่สักพักก็อ่อนแรงลงแล้วก็สลบไป
“ไอ้ผล ไอ้โง่ แล้วนี่แกจะเอาตัวมันไปยังไง” สุพัฒนาถาม
ผลหยิบผ้าอีกผืนขึ้นมาแล้วอ้อมมือไปปิดปากกับจมูกสุพัฒนา สุพัฒนาพยายามดิ้นรนแต่สักพักก็อ่อนแรงแล้วสลบไปเช่นกัน ผลกับบัวเกี๋ยงหันมายิ้มให้กัน

เจ้าทิพย์ดารา เจ้าเทพมงคล และเจ้าดาระกาเดินลงจากรถเข้ามาที่ล็อบบี้โรงแรมของพิสุทธิ์
“ที่จริงน้อยจะมาประชุมทำไม พ่อกับแม่ไม่อยากให้มา” เจ้าเทพมงคลเป็นห่วงลูกสาว
“น้อยไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
เจ้าดาระกาโมโห “ไม่เป็นไรงั้นเหรอ โดนนายภูชิชย์ทำร้ายจิตใจตั้งสองครั้ง แม่ไม่เข้าใจลูกทำไมไม่ตัดขาดนายนั่นไปเลย”
“ถึงเราจะไม่ได้รักกันแบบคนรัก แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่คะ” เจ้าทิพย์ดาราบอก
“น้อยจะคบไปเถอะ แม่ไม่เอาคนหนึ่งล่ะ”
เจ้าเทพมงคลพูดกับเจ้าดาระกา “ อย่าไปโมโหลูกเลย” เจ้าเทพมงคลยิ้ม “จบแบบนี้ก็ดีแล้ว ลูกเราจะได้เปิดรับคนใหม่”
“อันนั้นน้องก็ว่าดีค่ะ แต่ยังไงก็ไม่อยากเห็นหน้านายพวกไร่โน้น”
“ก็อย่าไปสนใจสิ”
เจ้าเทพมงคลพูดจบก็เห็นภูชิชย์ซึ่งนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ลุกขึ้นมายืนแล้วยกมือไหว้ เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกามองนิ่งๆ
“เจ้าพ่อเจ้าแม่คะ ภูเขาไหว้” เจ้าทิพย์ดาราบอก
เจ้าเทพมงคลไม่สนใจ เขาหันมองไปเห็นพิสุทธิ์กำลังเดินเข้ามาเลยเดินไปทัก
“คุณโป๊ะมาพอดี คนแบบนี้สิที่พ่ออยากจะทักทายด้วย” เจ้าเทพมงคลพูดกับพิสุทธิ์ “สวัสดีคุณโป๊ะ”
“สวัสดีครับเจ้า” พิสุทธิ์ยกมือไหว้ “ทุกอย่างพร้อมแล้ว เชิญทุกท่านเลยนะครับ”
“เราไม่เข้าประชุมหรอกค่ะ” เจ้าดาระกาบอก
ทั้งหมดรวมทั้งเจ้าเทพมงคลมองเจ้าดาระกาอย่างงงๆ
“เจ้าพี่คะ เราฝากคนดีๆอย่างคุณโป๊ะดูแลลูกเราก็พอมั้งคะ ส่วนเราสองคนไปเดินเล่นหาอะไรอร่อยๆทานดีกว่า น้องไม่อยากอยู่ร่วมวงกับพวกคนใจร้าย” เจ้าดาระกาเสนอ
“เอ้า...เอ้า...ดีเหมือนกัน คุณโป๊ะ ดูแลเจ้าน้อยให้พ่อกับแม่หน่อยนะ” เจ้าเทพมงคลพูด
“ด้วยความยินดีครับ” พิสุทธิ์ตอบรับ
เจ้าทิพย์ดารากระซิบ “เจ้าพ่อเจ้าแม่อ่ะ”
“เชื่อแม่เถอะลูกเจอคนดีก็คบไว้ ส่วนคนไม่ดีที่ทำเราเจ็บก็หนีไปให้เร็วและให้ไกลที่สุด แล้วลูกแม่จะมีแต่ความสุข” เจ้าดาระกาย้ำ
พูดจบเจ้าดาระกาก็ค้อนใส่ภูชิชย์แล้วเดินออกไป เจ้าเทพมงคลเข้ามากระซิบบุตรสาว
“แม่กับพ่อรักลูกนะ”
เจ้าเทพมงคลเดินตามภรรยาไป ภูชิชย์ เจ้าทิพย์ดารา และพิสุทธิ์มองหน้ากันเจื่อนๆ โดยที่พิสุทธิ์ยังคงรู้สึกไม่ชอบหน้าภูชิชย์
“เชิญเถอะครับ” พิสุทธิ์กล่าว เขามองภูชิชย์แล้วเดินไป เจ้าทิพย์ดาราเดินเข้าไปหาภูชิชย์
“ผมกลายเป็นคนไม่ดีไปแล้ว” ภูชิชย์เสียใจ
“ไม่หรอกค่ะ แค่ทุกคนยังไม่เข้าใจภูเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณนะครับเจ้าที่ดีกับผม”
“เพราะน้อยกำลังพยายามเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของภูไงคะ”
เจ้าทิพย์ดารายิ้มเศร้าๆ ภูชิชย์เห็นรอยยิ้มนั้นก็ถึงกับถอนใจ

นิพนธ์ยืนคุมลุงปั๋นซ่อมรถแทร็คเตอร์อยู่ที่โรงเก็บแทร็กเตอร์ เขามีอาการเหม่อลอยจนลุงปั๋นสังเกตได้ หลังจากซ่อมไปสักพักลุงปั๋นก็เดินไปสตาร์ทรถจนติด ลูกน้องที่คอยช่วยอยู่ปรบมือชื่นชม แล้วลุงปั๋นก็เดินมาหานิพนธ์
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณนิพนธ์จะเอาไปเลยไหมครับ” ลุงปั๋นถาม
นิพนธ์มองลุงปั๋นเหมือนกำลังฟังแต่เขากลับยืนนิ่งไม่พูดอะไรจนลุงปั๋นต้องจับตัวแล้วเขย่า
“คุณนิพนธ์ครับ”
นิพนธ์สะดุ้ง “อะไรเหรอลุงปั๋น ซ่อมเสร็จยัง”
“โอ้โห...เสียงสายพานดังจะไปถึงโรงครัวแล้วนะครับ” ลุงปั๋นแซว
นิพนธ์มองไปที่รถแล้วยิ้มเจื่อนๆ
“แอบคิดถึงสาวที่ไหนครับเนี่ย” ลุงปั๋นถาม
“ไม่มี ฉันคิดเรื่องงาน”
“ผมเชื่อก็ได้ครับ แล้วตกลงรถนี่...”
นิพนธ์พูดสวนขึ้น “ฝากลุงปั๋นซ่อมก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปดูงานด้านอื่นก่อนนะ”
นิพนธ์เดินเหม่อออกไป ลุงปั๋นมองตามอย่างงงๆ
“อะไรของเขาวะ ก็ซ่อมเสร็จแล้ว จะให้ซ่อมอะไรอีก”

นิพนธ์เดินมาที่แปลงดอกไม้ แล้วหยุดยืนมองด้วยความเศร้า เขาเห็นสภาพแปลงดอกไม้ที่ถูกสุพัฒนาทำลายจนเละเทะยับเยิน
นิพนธ์นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่สุพัฒนาคุ้มคลั่งเอาไม้กวดมือเสือไปฟาดทำลายแปลงดอกไม้
“คุณเล็กอย่า” นริศรายายามตะโกนห้าม
สุพัฒนาหันมาจะฟาดนริศรา “แกก็ด้วยนังนิด”
สุพัฒนาวิ่งไล่ฟาดเหมือนคนบ้า

หลังจากภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในหัว นิพนธ์ก็ถอนใจ เขาเริ่มลงมือเก็บทำความสะอาดแปลงดอกไม้ สักพักวิทวัสก็เดินเข้ามา
“เฮ้ย...ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” วิทวัสตกใจ
“เรื่องมันยาวครับ” นิพนธ์บอก
“ถ้าเรื่องยาวแสดงว่าเป็นฝีมือคุณเล็กล่ะสิ”
“ครับ...แล้วคุณวัสมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่าหรอก วันนี้มันเงียบน่ะที่บ้านที่ออฟฟิศไม่มีใครเลย กะจะมาหาคุณนิดหรือนายก็ได้เป็นเพื่อนคุยหน่อย”
นิพนธ์งง “ไม่มีใครเลยเหรอครับ คุณเล็กก็ไม่อยู่ที่บ้านเหรอครับ”
วิทวัสยักไหล่ “ไม่มี ว่าไปก็แปลกนะ ถ้าอาละวาดขนาดพังข้าวของ ป่านนี้อยู่บ้านต้องกรี๊ดบ้านแตกแล้ว นี่หายเงียบเลย บัวเกี๋ยงจอมแสบก็หายไปด้วย”
นิพนธ์เริ่มใจเสีย “หรือคุณเล็กกับบัวเกี๋ยงจะไปหาเรื่องคุณนิดครับ เพราะเมื่อเช้าที่อาละวาดก็มีเรื่องกับคุณนิดด้วย”
“งานเข้าละสิ” วิทวัสเริ่มเป็นห่วง
วิทวัสกับนิพนธ์มองหน้ากันอย่างอึ้งๆ

นิพนธ์กับวิทวัสขับรถมาดูที่ไร่กาแฟท้ายไร่สุพัฒนา แต่ก็ไม่เห็นใคร
เวลาผ่านไป นิพนธ์คุยกับคนงานที่ฟาร์มวัวแต่แล้วก็เดินสีหน้าผิดหวังมาขึ้นรถ
หลังจากนั้นคนงานบริเวณเครื่องสูบน้ำก็ส่ายหน้าให้วิทวัส วิทวัสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความเครียด
ก่อนที่นิพนธ์จะไปยืนคุยกับเจมส์ที่ไร่องุ่น
“ไม่นะครับ พี่นิดไม่ได้มาที่นี่ ออกไปกับพ่อเลี้ยงหรือเปล่าครับ เห็นว่าวันนี้พ่อเลี้ยงมีประชุมไม่ใช่เหรอครับ” เจมส์สันนิษฐาน
“เปล่า...พ่อเลี้ยงไปคนเดียว” นิพนธ์บอก
“งั้นผมจะช่วยตามหานะครับ” เจมส์อาสา
วิทวัสถือหูโทรศัพท์รอการรับสายจากสุพัฒนาอยู่ที่โรงครัว โดยมีนิพนธ์ แม่อุ้ย พร คอยลุ้นอยู่ด้วย วิทวัสฟังอยู่นานจนสายตัดไปเป็นเทปฝากข้อความ
“คุณเล็กไม่รับสาย หรือจะโทรหาคุณนิด” วิทวัสถาม
“โทรศัพท์คุณนิดไม่ได้เอาไปค่ะยังอยู่ที่ห้องพรเลย” พรบอก
“นี่นังบัวเกี๋ยงมันก็หายหัวไปด้วยนะคะ ข้าวปลาก็ไม่มากินเหมือนกับนายมัน” แม่อุ้ยพูด
เจมส์กับลุงปั๋นและคนงานส่วนหนึ่งเดินเข้ามาสมทบ
“ผมดูส่วนของไร่กาแฟจนหมดแล้วก็ไม่เจอทั้งสามคนเลยครับ” เจมส์บอก
“โรงซ่อมโรงปุ๋ยโรงเก็บเครื่องมือก็ไม่มีเหมือนกันครับ” ลุงปั๋นรายงาน
แม่อุ้ยชักหวั่นใจ “ตายแล้ว นี่จะเกิดเรื่องไหมเนี่ย สังหรณ์ยังไงชอบกล”
วิทวัสกับนิพนธ์หน้าเสียและเริ่มใจไม่ดี
“โทรหาคุณเล็กอีกที่ไหมครับ” นิพนธ์เสนอ
วิทวัสกดโทรออกอีกแต่ก็ยังไม่มีคนรับ จนกระทั่งสายตัดไปเป็นฝากข้อความ
“คุณเล็ก...อยู่ที่ไหนน่ะ โทรกลับพี่ด้วยนะ” วิทวัสทิ้งข้อความเอาไว้แล้วก็วางสาย นิพนธ์ถอนใจด้วยความเครียด

สัญญาณข้อความขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์ของสุพัฒนาที่อยู่ในมือของบัวเกี๋ยง ผลได้ยินบ่อยๆ ก็เริ่มรำคาญ
“ปิดโทรศัพท์คุณเล็กได้ไหมวะบัวเกี๋ยง”
“ปิดทำไม ให้พวกมันโทรให้นิ้วหักไปเลย สะใจ” บัวเกี๋ยงว่า
“จะบ้าเหรอ เอ็งไม่เคยดูข่าวหรือไงวะ ที่ตำรวจมันตามจับได้จากสัญญาณมือถือนะ เดี๋ยวได้เข้าคุกก่อนสมสุขกันหรอก”
บัวเกี๋ยงมองโทรศัพท์แล้วยิ้มอย่างสะใจ แล้วก็พูดเสียงหวาน “รออีกแป๊บนะค๊าคุณวัส เดี๋ยวบัวเกี๋ยงจะเอาน้องสาวคุณไปส่งพร้อมน้องเขยค่ะ”
บัวเกี๋ยงกดปิดเครื่องแล้วหันมามองผลก่อนจะหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข บัวเกี๋ยงหันไปมองด้านหลังด้วยสีหน้าชิงชัง เธอเห็นนริศรากับสุพัฒนากำลังนอนสลบพิงกันอยู่
“จากวันนี้ไปพวกแกสองคนจะต้องรับกรรมที่เคยทำกับฉันไว้” บัวเกี๋ยงกัดฟัน

รถของสุพัฒนาแล่นมาตามทางสายเปลี่ยวแล้วตรงเข้าไปจอดที่ใต้ถุนบ้านร้างซึ่งแฝงตัวอยู่ในดงไม้หนาทึบและไม่มีบ้านอยู่ในละแวกนั้นเลยแม้แต่หลังเดียว
ลูกน้องของผลทั้งสองคนเดินออกมารอที่หน้าบ้าน ผลกับบัวเกี๋ยงเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมาจากนั้นก็เดินไปเปิดประตูรถแล้วมองร่างสองสาว ก่อนที่ผลจะยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างมีความสุข
ผลหันไปพูดกับลูกน้อง “เอ็งสองคนมาช่วยอุ้มเจ้าสาวของข้าไปบนห้องหอที่สิ”
ผล บัวเกี๋ยงและลูกน้องช่วยกันดึงร่างนริศรากับสุพัฒนาออกจากรถ

ร่างของนริศราและสุพัฒนาถูกวางลงบนเตียงในห้องนอนภายในบ้านร้าง ผล บัวเกี๋ยง และลูกน้องทั้งสองยืนยิ้มพร้อมกับมองร่างของสองสาว
ผลหันไปจับแก้มบัวเกี๋ยง “ขอบใจมากนะเมียรัก”
“รีบๆจัดการเถอะพี่ ฉันใจร้อน”
บัวเกี๋ยงพูดแล้วยิ้มก่อนจะปัดมือผลออกจากแก้มอย่างรังเกียจ
“ต่อไปพี่อย่ามารุ่มร่ามกับเมียพ่อเลี้ยงภูชิชย์แบบนี้อีกนะ”
พูดจบบัวเกี๋ยงกับลูกน้องทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป ผลเดินไปล็อคประตูห้องแล้วเดินกลับมา
“ขอเริ่มที่ผู้จัดการแสนสวยก่อนดีกว่า ไอ้ผลรอมานานแล้ว”
ผลเดินไปมองนริศราที่กำลังหลับอยู่แล้วยื่นมือไปจะลูบหน้าแต่นริศราตื่นขึ้นมาพอดี
“อะไรเนี่ย” นริศราตกใจ
“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะเมียจ๋า”
ผลจะก้มลงจูบนริศรา นริศราผลักหน้าผลออกแล้วกลิ้งตัวหลบจนไปชนเข้ากับแขนของผลข้างที่กำลังเท้าเตียงอยู่จนผลเสียหลักข้อมือพลิก
“เฮ้ย..เจ็บนะเว้ย อย่าเล่นตัวไปหน่อย” ผลเริ่มฉุน
ผลจะเข้าไปหานริศรา นริศราลุกขึ้น ผลโถมเข้าไปนริศราจึงเอาส้นรองเท้าเหยียบเท้าผลเต็มแรงจนผลร้องลั่น นริศราตัดสินใจเหยียบเข้าไปที่เท้าอีกข้างก่อนจะเตะผ่าหมากจนผลจุกตัวงอแต่ร้องไม่ออก

บัวเกี๋ยงกับลูกน้องสองคนที่นั่งอยู่ที่ใต้ถุนได้ยินเสียงโครมครามข้างบนบ้าน ลูกน้องทั้งสองรีบลุกขึ้นยืนทำท่าจะวิ่งไปดู แต่บัวเกี๋ยงห้ามไว้
“ไม่ต้อง...อย่าไปยุ่ง พี่เขากำลังมีความสุข”
บัวเกี๋ยงมองขึ้นไปด้านบน
“นังบัวเกี๋ยงเอ๊ย โชคดีที่ไม่เจอรุนแรงแบบนังสองคนนี่”
บัวเกี๋ยงพูดกับตัวเองแล้วก็หัวเราะสะใจ

นริศรารีบปลุกสุพัฒนาที่ยังนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“คุณเล็ก...คุณเล็ก...ตื่นสิ”
สุพัฒนายังหลับไม่รู้เรื่อง
ผลนอนตัวงอและเอามือจับเท้าที่ถูกเหยียบ
“อีนิด อีบ้า ทำกูเจ็บ” ผลโมโห
นริศราหันไปเห็นผลทำท่าจะลุกจึงรีบวิ่งไปแล้วเตะเสยคางเต็มแรง แล้ววิ่งกลับมาปลุกสุพัฒนาต่อ สุพัฒนาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นแล้วก็ตกใจ “นังนิด”
“ไปเร็ว” นริศราบอก
“บัวเกี๋ยงล่ะ ฉันจะคุยกับมัน” สุพัฒนามองหา
“เอาตัวรอดก่อนดีกว่าไหม”
พูดจบนริศราก็กระชากร่างสุพัฒนาให้ลุกออกไปแต่พอหันไปทั้งสองก็เห็นผลถือมีดวิ่งมาขวางไว้
“อีนิด มึงทำกูเจ็บแล้วไปง่ายๆเหรอ”
“ไอ้ผล แกจะบ้าเหรอ นี่ฉันนายแกนะ” สุพัฒนาโวยลั่น
“นายอะไร เดี๋ยวเราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว” ผลบอก
สุพัฒนาตกใจ “อะไรนะ”
ผลตะโกน “เฮ้ย...บัวเกี๋ยง มาช่วยกันจับนังสองคนนี่หน่อยสิวะ”
ผลถือมีดเดินตัวงอเข้ามาขวางทั้งสองคนไว้ สุพัฒนารีบไปหลบหลังนริศราด้วยความกลัว สองสาวถูกรุกไล่จนต้องถอยไปเรื่อยๆ นริศราพยายามเหลือบมองไปทั่วบริเวณ
ทันใดนั้นลูกน้องสองคนก็เคาะประตู ผลถอยหลังไปเปิดประตูให้ลูกน้องก้าวเข้ามา โดยที่บัวเกี๋ยงยืนรอด้านนอก ผลเห็นลูกน้องชักปืนออกมาก็ร้องห้าม
“เฮ้ย...จะบ้าเหรอ อย่ายิง กูยังไม่มันกันเลย ไปจับมันมัดไว้”
นริศราคว้าโคมไฟที่หัวเตียงมาถือเป็นอาวุธ
“เข้ามาสิ ฉันสู้ตาย”
ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้าไปก็ถูกนริศราฟาดเข้าที่กรามจนต้องถอยมา
“โธ่เว้ย...ไม่ได้เรื่องออกไป” ผลพูดกับนริศรา “ฝากไว้ก่อนเถอะ ยังไงคืนนี้ไอ้ผลจัดเต็มแน่”
ผลพยักหน้าให้ลูกน้องออกไปก่อน แล้วเขาก็ขังสองสาวไว้ในห้องซึ่งล็อคจากด้านนอก

ผลเดินตัวงอลงบันไดบ้านโดยมีลูกน้องทั้งสองประคองลงมา บัวเกี๋ยงเดินตามลงมาอย่างหงุดหงิด
“นี่พี่จะปล่อยมันไว้อย่างนี้เหรอ” บัวเกี๋ยงถาม
“ใครว่าอยากปล่อย แต่ไม่เห็นเหรอ นังนิดมันเล่นพี่ซะน่วม....อู๊ย... ซี๊ด ตกลงมันเป็นนักมวยหญิงก่อนมาทำไร่หรือเปล่าวะเนี่ย” ผลโอดครวญ
“โอ๊ย...แล้วจะเอาไงเนี่ย ฉันอยากจะรีบกลับไปหาอนาคตผัวฉันจะแย่อยู่แล้ว อยากจะปลอบพ่อเลี้ยงสุดหล่อตอนที่ใจสลายแล้วเขาไม่มีใครนอกจากฉัน”
บัวเกี๋ยงพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
“น่า..พี่ขอพักก่อน รับรองคืนนี้จัดการได้แน่” ผลมั่นใจ
“คืนนี้เหรอ นี่พี่จะบ้าเหรอ ปล่อยไว้นานเดี๋ยวพวกที่ไร่ก็ตามเจอหรอก” บัวเกี๋ยงท้วง
“มันจะไปเจอได้ไง ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นผัวเมียกัน พรุ่งนี้ค่อยเอาไปส่งตามแผนเดิมก็ได้”
บัวเกี๋ยงมองผลที่นั่งกุมเป้ากุมเท้าร้องโอดโอยอยู่ด้วยความหงุดหงิด

ผู้ว่าฯ ยืนแถลงอยู่ในห้องประชุมเล็กที่โรงแรมของพิสุทธิ์
“ที่งานประมูลสำเร็จลงได้ผมก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน โดยเฉพาะสามรายหลักๆของงานคือ ไร่เทพมงคล ไร่สุพัฒนา และโรงแรมแห่งนี้ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ”
ภูชิชย์ เจ้าทิพย์ดาราและพิสุทธิ์ลุกขึ้นยืนรับเสียงปรบมือ ทั้งสามโค้งคำนับให้กับทุกคน พอภูชิชย์กับพิสุทธิ์หันมาเจอกันต่างก็ชะงักกันไป

นริศรากับสุพัฒนายังคงถูกขังอยู่ในห้องนอน ทั้งสองต่างนั่งหน้าเครียด จู่ๆ สุพัฒนาก็ถามขึ้น
“เมื่อกี้เธอช่วยฉันทำไม”
“ไม่ดีเหรอคะ” นริศราถามกลับ
“เธอไม่โกรธฉันเหรอ”
“โกรธสิคะ โกรธมากด้วย แต่จะให้ฉันปล่อยคุณไว้ก็คงไม่ได้ เพราะฉันก็เป็นห่วงคุณค่ะ”
สุพัฒนาอึ้งแล้วก้มหน้านิ่ง
“ฉันจะพูดกับนังบัวเกี๋ยงเอง เราจะได้กลับบ้านกันซะที” สุพัฒนาลุกขึ้นแล้วเดินไปตะโกน “นัง...”
สุพัฒนายังตะโกนไม่จบ นริศราก็เอามือมาปิดปากเธอไว้ก่อน
“ไม่มีประโยชน์ บัวเกี๋ยงหักหลังคุณแล้ว” นริศราบอก
สุพัฒนาไม่เชื่อ “ไม่จริง มันไม่กล้าหรอก”
“ถ้าไม่กล้าแล้วบัวเกี๋ยงอยู่ไหนล่ะ ฉันว่าทางที่ดีเรามาสามัคคีหาทางหนีออกจากที่นี่ดีกว่า”
สุพัฒนาหงุดหงิด “เธอก็พูดไปเรื่อย จะไปยังไงไม่เห็นเหรอมันไม่มีทางหนี”
“มีสิคะ แต่คุณเล็กต้องร่วมมือกับฉัน”
สุพัฒนามองนริศราด้วยความงง

ภูชิชย์ เจ้าทิพย์ดารา พิสุทธิ์และผู้เข้าประชุมคนอื่นๆ ทยอยเดินออกมาจากห้องประชุม
พิสุทธิ์ยืนพูดกับทุกคน “เดี๋ยวเชิญทุกท่านรับกาแฟและของว่างที่ห้องรับรองข้างๆเลยนะครับ แล้วอีกสิบห้านาทีเรากลับมาประชุมกัน”
ทุกคนแยกย้ายกันออกไป พิสุทธิ์เดินไปหาภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดารา
“พ่อเลี้ยงครับ ผมขอคุยด้วยได้ไหมครับ”
พิสุทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดารามองหน้ากันด้วยความสงสัย

ทุกคนที่ไร่สุพัฒนานั่งเครียดด้วยความเป็นห่วงอยู่ที่โรงครัว
“บอกตำรวจดีไหมคะคุณวัสคุณนิพนธ์” แม่อุ้ยเสนอ
“ไม่ได้หรอก เพิ่งหายไปไม่กี่ชั่วโมง ตำรวจยังไม่รับแจ้งความหรอก” นิพนธ์บอก
“หรือเราจะหาทั่วทั้งไร่อีกรอบครับ” เจมส์เสนอ
“เราหากันมาสองรอบแล้วถ้าเจอก็คงเจอไปแล้ว” วิทวัสพูด
“งั้นจะเอาไงดีล่ะคะ” พรถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็รอต่อไป” ลุงปั๋นบอก
“รออีกเหรอ มันจะเสี่ยงนะ ถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นจะแก้ไขทันเหรอ” พรวิตก
“นังพรอย่าพูดสิวะคนยิ่งใจไม่ได้” แม่อุ้ยยกมือไหว้ “เจ้าพ่อคู้ณขอให้อย่ามีเรื่องอะไรร้ายๆเกิดขึ้นกับสามคนนั่นเลย”
“คุณวัสครับ ผมว่าเราแจ้งพ่อเลี้ยงไหมครับ” นิพนธ์ถาม
วิทวัสชั่งใจ “จะดีเหรอ”
“อย่างน้อยก็ถามพ่อเลี้ยงดู บางทีคุณเล็กหรือคุณนิดอาจจะอยู่กับพ่อเลี้ยงโดยที่ไม่ได้บอกเราก็ได้นะครับ”
คนงานทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

เจ้าทิพย์ดารายืนดูภูชิชย์กับพิสุทธิ์ที่ออกไปคุยกันอยู่ห่างๆ บริเวณหน้าโรงแรม
พิสุทธิ์คุยกับภูชิชย์อย่างเปิดใจ
“บอกตรงๆว่าผมเสียใจที่นิดเลือกพ่อเลี้ยง เพราะผมก็รักเขามาก”
“ผมเข้าใจ” ภูชิชย์บอก
“ผมหวังว่าพ่อเลี้ยงจะดูแลนิดอย่างดีที่สุดนะครับ”
“ผมให้สัญญาครับ”
“ถ้าวันไหนผมทราบว่าพ่อเลี้ยงทำให้นิดเสีย ผมเอาเรื่องพ่อเลี้ยงแน่นอน”
ภูชิชย์กับพิสุทธิ์จ้องหน้ากันเหมือนจะเอาเรื่อง
ภูชิชย์ยิ้มอย่างมั่นใจ “มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอนครับ”
พิสุทธิ์ยื่นมือให้ภูชิชย์จับมือ “ยินดีด้วยนะครับ”
เจ้าทิพย์ดาราที่ยืนมองอยู่ยิ้มอย่างโล่งอก
“คุณเป็นคนดีจริงๆค่ะคุณโป๊ะ” เจ้าทิพย์ดาราพูดกับตัวเอง
ภูชิชย์กับพิสุทธิ์เดินเข้ามาด้านในก็เห็นเจ้าทิพย์ดารายืนยิ้มอยู่
“กาแฟแห่งมิตรภาพรอคุณผู้ชายทั้งสองอยู่ค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราบอก
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของภูชิชย์ก็ดังขึ้น ภูชิชย์กดรับสาย
“ว่าไงนายวัส” ภูชิชย์ตกใจ “อะไรนะ....นายอย่าล้อเล่นน่า........ได้ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
ภูชิชย์กดวางสายด้วยท่าทีร้อนรน
“มีอะไรคะภู”
“คุณเล็ก นริศรา บัวเกี๋ยง หายตัวไปครับ”
เจ้าทิพย์ดารากับพิสุทธิ์มีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที

ลัคนาโผล่หัวออกมาจากช่องประตู เธอแอบมองเข้าไปในห้องประชุมก็เห็นผู้เข้าประชุมนั่งกันอยู่
“หายไปไหนของเขานะ” ลัคนาหงุดหงิด
ลัคนาปิดประตูด้วยความเซ็ง ลาวัลย์เดินมากับพนักงาน
“ไม่ต้องหาแล้วพี่นา น้องเขาบอกว่าคุณโป๊ะออกไปกับพ่อเลี้ยงกับเจ้าน้อย เห็นว่าไปไร่สุพัฒนากัน” ลาวัลย์บอก
ลัคนาตกใจ “อะไรนะ ยัยเจ้าน้อยด้วยเหรอ แหม...ยัยนี่พอหลุดพ่อเลี้ยงก็รีบหาที่หมายเกาะเลยนะ”
ลาวัลย์มองพนักงานที่ยืนจ้องลัคนาแล้วรู้สึกอาย “ขอบคุณนะคะน้อง”
พนักงานเดินไป ลัคนาโวยน้องสาวเป็นชุด
“เห็นไหมยัยวัน แกมัวแต่ห่วงงาน เราเลยไม่ทันคุณโป๊ะเลย บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ไม่ยอมให้แกปล่อยนายโป๊ะหลุดมือไปหานังเจ้าน้อยเจ้ามากอะไรนั่นอีกนะ”
“พี่นา ว่าเขาน่ะเขาทำจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เราสองคนน่ะมีสภาพเหมือนวิ่งไล่หาที่เกาะอย่างที่พี่ว่าเลยนะ”
“แล้วไง เราทำได้แต่นังเจ้าน้อยน่ะไม่ควร ฉันไม่ชอบ” ลัคนานึกได้ “ไปยัยวัน เราให้รถลีโม่โรงแรมไปส่งที่ไร่”
“พี่นา พวกเขาไปที่นั่นโดยไม่เรียกเราแบบนี้ ทั้งๆที่พี่ก็ถือเป็นญาตินิด พี่นายังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าเขารังเกียจเราสองคน วันไม่ทนอีกแล้วนะ”
“ยัยวัน นี่แกจะ...”
ลาวัลย์พูดสวนขึ้น “เนรคุณพี่...ได้วันยอมรับ วันพยายามที่จะเตือนสติพี่แล้ว แต่ถ้าพี่ยังคิดว่าพี่ทำถูกพี่ก็ทำต่อไป แต่วันมีคนไข้ต้องดูแล มันสำคัญกว่าเรื่องไร้สาระของพี่เยอะ ไม่ต้องโทรหาวันอีกนะ”
พูดจบลาวัลย์ก็เดินหนีไป ลัคนามองตามอย่างหงุดหงิด
“ชิ...นังน้องไม่รักดี” ลัคนามองไปรอบๆโรงแรม “ไม่ได้ ยังไงพี่ก็ต้องให้เธอดองกับตระกูลนายโป๊ะให้ได้ ไม่งั้นสมบัติพันล้านของนายโป๊ะอาจจะตกไปอยู่กับผู้หญิงที่ไหมเหมาะสมเท่าแก”

คนของไร่สุพัฒนาทุกคนยังอยู่ด้วยกันที่โรงอาหาร โดยที่ภูชิชย์ เจ้าทิพย์ดารา และพิสุทธิ์ตามมาสมทบ
“ตอนนี้เท่าที่รู้ รถคุณเล็กก็หายไปด้วยครับ” นิพนธ์รายงาน
“แสดงว่าคุณเล็กเป็นคนขับรถออกไป เพราะบัวเกี๋ยงมันขับรถไม่ได้แน่ๆ แปลกนะสามคนนี้ไม่ถูกกันแต่หายตัวไปพร้อมๆกัน” ภูชิชย์สงสัย
“หรือว่าจะไปด้วยกันครับ” เจมส์ทักขึ้น
“เป็นไปไม่ได้ค่ะ พรไม่เชื่อ”
“ผมก็ไม่เชื่อ ถ้าคุณเล็กกับบัวเกี๋ยงจับตัวคุณนิดไปก็ว่าไปอย่าง” วิทวัสเสริม
“นายวัส อย่าเพิ่งเดาไปไกล ใจเย็นๆก่อน” ภูชิชย์ปรามน้องชาย
“เย็นจนจะถึงตอนเย็นแล้วนะครับพี่ภู” วิทวัสบอก
“แล้วมีใครเห็นบ้างไหมครับว่ารถคุณเล็กขับออกไปตอนไหน” พิสุทธิ์ถาม
“อย่าว่าแต่กี่โมงเลยครับ ยังไม่มีใครเห็นด้วยซ้ำว่าคุณเล็กขับรถออกไป” ลุงปั๋นว่า
แม่อุ้ยงง “เป็นไปได้ไง รถคันเบ้อเร่อ ขับไปไหนคนไม่เห็น”
ทุกคนยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด
“มีทางไหนที่จะออกจากไร่โดยไม่ให้คนเห็นไหม” เจ้าทิพย์ดาราถามขึ้น

“มีอยู่ทางหนึ่งครับ” ภูชิชย์บอก








Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 12:15:20 น.
Counter : 306 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]