All Blog
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 8 มีนาคม 2555



“ยกบริษัทให้....ยัยเด็กนั่นรึ ไม่ได้นะครับ” ยูฮังและทุกคนคัดค้านหัวชนฝา

“ทำไมไม่ได้ มีข้อห้ามรึ ต้องยกให้ลูกหลานเท่านั้น...ไม่ยกสมบัติให้พวกเธอ จะจับฉันเข้าคุกรึไง พวกเธอได้แต่หวังสมบัติของฉัน ฉันทำร้ายความเป็นคนของพวกเธอ ทำให้เป็นคนไม่เอาไหน.....ฉันทำผิดมหันต์ ตอนนี้จึงให้โอกาสพวกเธอปรับปรุงตัวซะใหม่.... เธอสามคน.... เริ่มพรุ่งนี้ไปทำงานบริษัท เอาเงินเดือนมาเลี้ยงตัวเอง”

“ให้ทำงานรึคะ” ชองยีพูดเสียงสูง

“ที่แท้คุณย่าก็มีแผน บีบพวกเราทำงานบริษัท” ยูฮังบ่น

“ดิฉันด้วยรึคะ ทำไมดิฉันต้องทำงานคะ” ยงนังส่ายหน้า

“คำโบราณว่างอมืองอเท้าก็อดตาย” จังซุกจาน้ำเสียงจริงจัง

“คุณย่าทำให้พวกเราเป็นแบบนี้”

“ให้ฉันปล่อยพวกแกเป็นไปแบบนี้อย่างงั้นรึ ฉันไม่มีหน้าที่เลี้ยงพวกแก โต ๆ กันหมดแล้วนี่นาไม่ใช่รึ ฉันผิดพลาดมาแล้ว ดังนั้นพวกแกต้องอยู่ด้วยตัวเอง แต่ว่า....อย่างที่ฉันพูด จากวันนี้ห้ามใช้เงินฉันเด็ดขาด”

“อุนซองรู้รึเปล่า คุณย่าบอกรึเปล่าว่ายกสมบัติให้เขา” ชองยีถาม

“ถ้าพวกเธอ.....ช่วยบอกเขาได้ก็ยิ่งดีสิ.....นับแต่พรุ่งนี้ พวกขี้เกียจหลังยาว ห้ามอยู่บ้านฉัน” จังซุกจาเสียงเข้ม “หากไม่ทำงานก็ออกไปจากบ้านนี้ ฉันไม่ขวาง”

ทั้งยงนัง ชองยีกังวลหนัก ส่วนยูฮังโกรธจัด

ในที่สุด ย่าก็ตัดสินใจตัดเงินช่วยเหลือยงนัง, ชองยีและยูฮัง ย่าริบเงินและรถยนต์ของยงนังและพวกเอาไว้ แต่ก็ให้เงินเล็กน้อยเพื่อใช้จ่ายในแต่ละวัน ยูฮังไม่พอใจที่ย่าทำเช่นนี้จึงออกจากบ้านไป ชองยีไปหาจุนเซเพื่อบอกเล่าถึงพฤติกรรมของย่า ในเวลาเดียวกันก็ขอทำงานที่ร้านอาหารของจุนเซ

อุนซองไปหาจุนเซ หลังจากที่เธอได้พบชองยีแล้วถึงได้รู้ฐานะที่แท้จริงของจุนเซจึงทำให้เธอรู้สึกว่าถูกหลอก

“รู้มั้ย การทำให้คนดีใจมีค่าขนาดไหน คิดว่าเราลำบากเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึก คุณจึงทำดีกับฉัน...ความจริงแล้ว คุณเป็นเจ้าของไม่ใช่ลูกจ้าง ยังรู้จักน้องสาวซังยูฮัง คุณย่าประธานบริษัทจินเซ็ง รู้จักสินะ”

“นี่แหละที่จะบอก ถึงได้นัดเธอมา” จุนเซพูดอย่างสำนึกผิด

“ฉันย้ายไปอยู่บ้านนั้นแล้ว คุณก็ยังไม่พูด ทำไมคุณต้องปิดบังฉันด้วย...ถึงแม้ ลีฮังจินโกหกตั้งแต่แรก แต่คุณ...ยังหลอกฉันเล่นเหมือนตัวตลก” อุนซองโกรธจัด

อุนซองกลับมาบ้านเช่าและบ่นกับเฮลีเรื่องที่เอถูกจุนเซหลอกลวง

“โคอุนซอง เธอนี่ได้โชคสองชั้นเลยนะ...ฮ่ะ...ฮ่ะ...เชื่อใครไม่ได้สักคน นึกว่าเขาใสซื่อบริสุทธิ์”

“คุณย่าเร่ร่อนเป็นประธานบริษัท พี่ชายยาจก เป็นเศรษฐีมีกะตังค์...น่าอิจฉาจัง” เฮลีพูดขำ ๆ

“ฉันไม่ขำไปกับเธอด้วยหรอก”

“ช่วงลำบากที่สุดของชีวิต รู้มั้ยอะไรน่ากลัวที่สุด.......ใจตัวเอง”

“นี่เธอว่าฉันใช่มั้ย”

“พั๊กจุนเซ เป็นคนดีมากนะเธอ”

“ดีบ้าเรอะ หลอกฉันมาตลอดเลย”

“นี่...อย่าสนใจว่าเขาหลอก หรือบอกความจริง แต่เขาทำทุกอย่างก็เพื่อเธอ...ใช้ความรู้สึก แล้วคิดให้ดี”

ยูฮังโกรธคุณย่าจึงขนเสื้อผ้าออกจากบ้านเช่าโรงแรมราคาแพงอยู่และเรียกเพื่อนออกมากินเหล้า เมื่อคิดเงินเพื่อน ๆ ต่างเกี่ยงกันออกค่าใช้จ่ายและโบ้ยให้ยูฮังจ่ายเหมือนทุกครั้ง ยูฮังบอกย่ายึดบัตรเครดิตไปหมด เพื่อนมองหน้ายูฮังแบบไม่เคยเห็นมาก่อน

ยูฮังไม่มีเงินชำระค่าห้องพัก จึงโทรฯไปขอเงินจากยงนัง ยงนังบอกตนเองก็ไม่มีเช่นกันเพราะทุกวันนี้ทำงานได้เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยงนังบอกจาซุกจาเพราะหวังว่าจาซุกจาจะช่วยเหลือหลานชายเพียงคนเดียว แต่ผิดคาดจาซุกจาไม่ยอมช่วย ทำให้ยูฮังถูกนำตัวส่งสถานีตำรวจ

จุนเซ มาช่วยประกันตัวให้กับยูฮัง เมื่อกลับมาถึงบ้านย่าสั่งให้เขาคืนเงินให้กับจุนเซและให้ทำงาน โดยให้อุนซองเป็นคนพายูฮังไปทำงานด้วย เมื่อไปทำงานวันแรกยูฮัง ก็ไม่ยอมขึ้นรถเมล์ นั่งแท็กซี่ไปทำงานเมื่อมีเงินไม่พอจ่ายก็ขอยืมเงินของอุนซอง ยูฮัง ไม่สำนึก หลังถูกตำรวจจับ อุนซอง เลยพูดจาสั่งสอน จนยูฮังไม่พอใจ

“นี่เธอ อย่ามาสอนฉันนะ”

“เพราะฉันเห็นแล้วทุเรศ ทำให้คุณย่ากับคุณน้าทะเลาะกัน”

“เธอเป็นใคร ยุ่งเรื่องคนอื่น”

“ต้นเหตุก็คือนาย คุณน้าต้องอ้อนวอนขอร้อง ถามจริง ไม่ละอายใจ” อุนซอง ถาม

“เธอไม่ต้องยุ่ง อาศัยเขาอยู่ยังจะ...แส่ไม่เข้าเรื่อง หุบปากไปเลย”

“ฉันแส่รึ รู้ไว้ด้วย ไม่ว่าใคร คำว่าแส่ก็ห้ามพูดทั้งนั้น ฉันว่านายดูตัวเองก่อนเถอะ”

“อะไร”

“ว่าเขาดูตัวเองซะก่อน ตัวเองไม่เอาไหน ยังซ่า”

“หาเรื่องรึ”

“เฮ้อ.....คิดจะขอเงินค่ารถเมล์ฉัน ฝันไปเถอะ”

“ฟังให้ดีนะ อย่ามาดูถูกฉัน ฉันขอเตือน”

“ปล่อยฉันนะ”

“เธอรู้คุณย่ายกสมบัติให้เธอ เลยทำเป็นจองหอง อย่าได้หวัง”

“สมบัติอะไรกัน”

“ใช่สิ ทำหน้าซื่อตาใส”

“นายพูดเรื่องอะไร ทำไมคุณย่าต้องยกสมบัติให้ฉัน”

“เธอว่าฉันน่าสงสาร เธอเป็นคนพูดไม่ใช่รึ”

“ฮ่ะ...ฮ่ะ....พิลึก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสมบัติ”

“นี่.....อย่าคิดว่าฉันจะยอมง่าย ๆ นึกรึคุณย่าจะยกสมบัติให้เธอจริง ๆ ไม่ต้องสงสารฉัน ยัยหลอกลวง อย่าหวังฉันจะหลงกลเธอ”

“เรื่องสมบัติ ฉันไม่เคยรู้เรื่อง ระวังคำพูดหน่อย”

“ความจริงรู้หรือไม่ไม่สำคัญ ฉันขอเตือน ฝันไปก่อนเถอะ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด”

“เดี๋ยวก่อน คุยกันให้รู้เรื่อง จะไปดื้อ ๆ แบบนี้รึ”

“ทำไม สนใจล่ะสิ”

“พูดอะไร” อุนซอง ถาม

“ไปถามคุณย่า”

ยูฮัง เริ่มทำงานวันแรกถูกใช้ให้ทำงานหนัก และต้องกินข้าวร่วมกับพนักงานก็ไม่พอใจ ด้านยงนัง กลับมาที่บ้าน ชองยี ก็วิ่งออกมาบอกว่าตนเองรู้วิธีหาเงินแล้ว จากนั้นทั้งสองเข้าไปคุยกัน ชองยี เสนอให้แม่เอากระเป๋ามาขาย ส่วนยงนัง บอกลูกให้เอานาฬิกาที่มีเยอะออกมาขายด้วย จากนั้นยูฮัง ก็กลับมาจากที่ทำงาน ยงนัง รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ก็ถูกว่าลูกชายไม่ได้กินข้าวเที่ยงที่ทำงาน

ชองยี สอบถามอุนซอง ว่ารู้จักพี่จุนเซได้ยังไง อุนซอง ให้ชองยีไปถามจุนเซเอง

“พี่จุนเซ เขาไม่ยอมบอกฉัน เขาว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน” ชองยี กล่าว

“ใช่ เป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน”

“แล้วทำไมเห็นฉันต้องหลบหน้า....ว่าไง เธอหลอกอะไรพี่จุนเซเค้า ทำอะไรผิดต้องหนี” ชองยี กล่าว

“ไม่มี อย่างเธอพูด อยู่บ้านนี้ไม่ต้องแส่ เธอไปเจอฉันอยู่ร้านอาหารหรู ๆ ไม่หนีได้รึ”

“อะไร”

“พอใจมั้ย”

“น่าโมโห”

ยูฮัง กลับมาถึงบ้านก็กินข้าวอย่างมูมมาม ชองยีบอกพี่ชายว่าห้ามลาออกเด็ดขาดตราบที่คุณย่ายังไม่แบ่งสมบัติ เพื่อเห็นแก่แม่และน้อง ยูฮังถามกลับว่าตนเองต้องทนอีกเท่าไร ชองยีให้ทนอีกเดือนสองเดือน เดี๋ยวคุณย่าก็เปลี่ยนใจเอง แต่ต้องหาวิธีเฉดหัวยัยอุนซอง ออกไปก่อน

อุนซองได้ยินเรื่องที่ยูฮังและแม่ กับน้องสาวพูดเรื่องสมบัติ จึงนำเรื่องนี้ไปคุยกับคุณย่า ซึ่งคุณย่าบอกว่าอุนซองเป็นคนเดียวที่เธอวางใจ และบอกว่าที่พูดอย่างนั้นเพราะต้องการให้ยูฮังปรับปรุงตัว จากนั้นก็ขอความร่วมมือจากอุนซองให้ทำตัวเหมือนว่าจะได้รับสมบัติจริง ๆ และสามารถรับแรงกดดันจากยูฮังและคนอื่นไหวรึเปล่า

“หนูโดนมาเยอะแล้วล่ะค่ะ...นี่เป็นเงื่อนไข ช่วยหาอุนยูใช่มั้ยคะ เลยต้องให้หนูย้ายมาอยู่ที่นี่”

“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก” จัง กล่าว

“เฮ้อ......หนูต้องใจแข็งอีกแล้ว....ฮ่ะ...ฮ่ะ”

จัง สอบถามเรื่องน้องชายอุนซองกับพ่อบ้าน เขารายงานให้นายหญิงฟังว่า ดูเหมือนไม่อยู่กรุงโซล ออกตามหาที่สถานสงเคราะห์จนทั่วแล้ว และกำลังออกตามหาแถบชานเมือง โดยใช้กำลัง 13 คน จึงสั่งให้จ้างคนตามหาเพิ่มอีกเท่าตัว และต้องตามหาน้องชายของอุนซองให้พบ

ปั๊กไปคุยธุรกิจกับเพื่อนชาย ซึงมี มาเห็นจึงสอบถามว่าแม่มีเพื่อนชายเร็ว คงไม่คิดแต่ง
งานใหม่ ปั๊กรีบปฏิเสธ บอกเบื่อ เพราะเจอแต่ผู้ชายแบบเดิม ๆ ด้านโคพิงจุง แอบตามปั๊กมาถึงบ้านพัก สอบถามว่าปั๊กพาอุนซอง อุนยู ไปไว้ที่ไหน

อุนซองกำลังรีบไปส่งนม แต่จุนเซมาดักรอขอคุยด้วย

“ฉันทำผิดอะไรนักหนา แม้โทษตาย ก่อนประหาร ยังให้สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย”

“แค่นี้รึ งั้นก็รีบสั่งเสียมา”

“เธอ...ไม่อยากเห็นหน้าฉันใช่มั้ย ระบายออกมาเลย ด่ามาเลย อย่างน้อยจะได้รู้ ฉันขอโทษเธอทุกอย่าง ฉันทำไม่ใช่เพราะความสงสาร ตลอดเวลา...ฉันอยากบอกเธอนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวพูดแล้ว เธอจะหนี ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ให้แม้โอกาสขอโทษ ฉันอยากบอก....พั๊กจุนเซ ได้มอบชีวิตให้เธอแล้ว”

“คุณยังโกรธฉันอยู่ใช่มั้ย” อุนซอง ถาม

“ฉันโกรธตัวเองตะหาก ฉันกลัวเธอนิ่งเงียบ กลัวเธอไม่เจอหน้าฉัน ฉันเกลียดการโกหกที่สุด เพราะฉันไม่ชอบหลอกใคร จึงโกหกคนไม่เป็น แต่กับเธอฉันพูดไม่ออก เหมือนฉันตอนนี้ กลัวเธอผิดหวัง กลัวเธอรับไม่ได้ นี่แหละที่กลัว แต่สุดท้าย ทุกสิ่งมันก็เกิด ฉันโกรธตัวเอง”

ซึงมี บอกกับปั๊ก ว่า ยูฮัง เริ่มงานแล้วเมื่อวาน และกำลังเตรียมอาหารกล่องให้เขา เพราะคนอย่างเขา ไม่กินข้าวกับพนักงาน ปั๊กบอกลูกสาวว่าไม่ต้องทำทุกวัน ผู้หญิงไม่ควรแสดงความรักต่อผู้ชายมากจนเกินไป จะกลายเป็นความเคยชิน โดยเฉพาะยูฮัง เคยแต่คนเอาใจ เขาไม่ขอบใจหรอก ควรใช้สายตา และรอยยิ้ม เท่านั้นก็พอ

“แต่ว่าหนูเต็มใจทำ”

“ผู้หญิงทำอาหารเก่งเกินไป เหนื่อยทั้งชีวิตเลยนะจะบอกให้...ดูอย่างยงนัง วัน ๆ ได้แต่ดูแลผิวพรรณ มือไม่เคยด้าน”

“เพื่อคนที่รัก หนูทำได้ทุกอย่าง...ตอนนี้ เขาเขม่นอุนซองอยู่ ไม่มีทางกินข้าวด้วยกัน”

“อะไรนะ ยูฮังทำงานที่เดียวกันกับอุนซองรึ”

ยงนัง มาปลุกยูฮัง ที่เผลอหลับไปโดยไม่อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืน ให้รีบตื่นไปทำงาน เมื่อลงมาพบคุณย่ายูฮังสอบถามว่าตนต้องไปทำงานที่ร้านด้วยหรือ เพราะอยากไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ มากกว่า คุณย่าบอกว่าที่ให้ทำที่ร้านเพราะขาดพนักงานชั่วคราว ที่สำนักงานใหญ่ ยังไม่มีตำแหน่งว่าง ครึ่งปีแรก เปิดรับสมัครเต็มอัตราแล้ว

“ถ้าอยากทำที่สำนักงานใหญ่ ไว้ค่อยสมัครตอนครึ่งปีหลัง แต่ถ้าไม่อยากทำงานที่ร้านละก็ ไปหางานทำเอาเอง”

อุนซอง ทวงเงิน 775,900 วอน กับยูฮัง เธอแจกแจงว่าเป็นค่าเหล้า 5 แสน มือถือที่ยูฮังเหยียบพัง สองแสนเจ็ด ค่าแท็กซี่ห้าพัน ค่ารถเมล์อีกเก้าร้อย ยูฮัง บอกว่าตนเองมีเงินเดือนหมื่นเดียวยังจะทวงอีก

อุนซอง ถูกผู้จัดการสั่งให้ช่วยสอนงานวิธีปฏิบัติต่อลูกค้า ให้กับยูฮัง

“ลูกค้าเข้าร้านพูดยินดีต้อนรับครับ ลูกค้ากลับพูดว่า มาอุดหนุนอีกนะครับ กิจิม หัวผักกาดสองจาน กาน้ำร้อน ถ้วยน้ำ ต้องเสิร์ฟลูกค้าทุกครั้ง ผ้าเช็ดโต๊ะที่ยังไม่ล้าง ห้ามนำมาใช้เด็ดขาด...นายฟังฉันอยู่รึเปล่า”

“ฉันไม่ได้หูหนวก”

“พักวันละ 40 นาที แล้วแต่ช่วงเวลา ที่สำคัญห้ามออกนอกร้านเด็ดขาด พร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลา”

“พอได้รึยัง” ยูฮังทำหน้าเบื่อ

“นายลุกขึ้น.....พูดซิ ยินดีต้อนรับ”

“อะไร”

“ยินดีต้อนรับค่ะ....ลองพูดซิ”

“ล้อเล่นรึเปล่า”

“ไม่ได้ยินผู้จัดการสั่งรึ ถ้าฉันไม่สอนงานให้นายละก็ บางทีผู้จัดการอาจต้องสอนเองนะ”

“ก็ได้ ว่าต่อไป”

“อ้าว...คู่มือการปฏิบัติงาน ยังมีอีก หลักการทำงานที่ฉันเขียนเอง พรุ่งนี้นายต้องท่องขึ้นใจ วันนี้ฉันสอนมารยาทเบื้องต้นการเสิร์ฟ การเก็บโต๊ะ”

ปั๊กมาหา ยงนังช่วงเวลาพักเที่ยง ถามว่ายูฮังทำงานที่ร้านใช่มั้ย ต่อไปเขาต้องเป็นผู้บริหารทำไมไปฝึกงานที่ร้าน

“เฮ้อ...ไม่รู้แม่สามีฉันคิดยังไง ฉันว่าท่านเองก็ไม่รู้ ยูฮังบอกไม่ชอบทำงานที่ร้าน ท่านก็บังคับให้ไปจนได้” ยงนัง กล่าว

“เห็นว่าเด็กผู้หญิงคนที่อยู่บ้านเธอทำงานที่ร้านไม่ใช่รึ”

“ก็ใช่น่ะสิ ยูฮังเกลียดเขาจะตาย อยู่บ้านก็เจอหน้า ทำงานก็เจอหน้า นอกจากท่านอยากให้สนิทกัน ไม่งั้นคงไม่ทำแบบนี้” ยงนัง กล่าว

“สนิทกันรึ”

ยูฮัง ไม่ยอมกินข้าวร่วมกับพนักงาน ซึงมี ทำอาหารเที่ยงมาให้ ด้านเฮลี และอินยง ก็มาหาอุนซอง ทั้งสามคุยเรื่องที่คุณย่าจะยกสมบัติให้อุนซอง โดยใช้เธอเป็นเครื่องมือ แต่อุนซองปฏิเสธ บอกกับเพื่อนว่า เขาจะช่วยหาอุนยู ยังให้ทำงาน อยู่ฟรีกินฟรีได้สองเด้ง และคุณย่าคงอยากดัดนิสัยหลานชาย

ยูฮัง บอกกับซึงมีว่าตนคงต้องยอมทำตามความต้องการของคุณย่าไปก่อน ต้องมาทำงานที่ร้านและมีอุนซองเป็นคนสอนงาน โดยเป็นคำสั่งผู้จัดการ และคุณย่ากำกับมาอีกที

อุนซองเห็นยูฮัง พักเที่ยงนานเกินเวลาของบริษัทก็มาเตือน ทำให้ยูฮังไม่พอใจ เดินส่ายหน้าออกไป ต่อมาเวลาช่วงเย็นจุนเซมาที่ร้านก็แปลกใจที่เห็นจักรยานของอุนซองจอดอยู่ เมื่อเขาไปที่ร้าน ก็เห็นอุนซอง ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หลังร้านบริเวณสนามหญ้า อุนซองกำลังปลูกต้นงา โดยเอามาจากนิวยอร์ก ตั้งใจจะปลูกบนดาดฟ้า จุนเซรีบกล่าวขอบคุณที่อุนซองยกโทษให้

ชองยี ยงนัง กลับบ้านมาพร้อมกัน กลัวคุณย่าสงสัยจึงเตี๊ยมกัน ว่าตนไปหาหางานอื่นทำ ส่วนแม่ไปไหว้พ่อที่สุสาน เมื่อเข้ามาถึงบ้าน คุณย่าเรียกทั้งสองมานั่งคุย บอกว่าตนเห็นทั้งสองคนถือถุงใหญ่ออกไปแต่กลับบ้านตัวเปล่า หากค้นเจอเงินในบ้าน และทั้งสองขายเครื่องประดับกิน จะเชิญออกจากบ้านไปทันที

อุนซอง นำรูปถ่ายของอุนยู มาให้พ่อบ้านเพิ่มเติม พ่อบ้านบอกกับอุนซองว่านาย
ท่านสั่งถึงแม้ต้องพลิกแผ่นดิน ก็ต้องตามหาให้เจอ ขอให้รอหน่อย ด้านยงนังกับชองยีหารือ
กันหลังคุณย่ารู้ทัน ชองยีบอกแม่ให้หาวิธีให้ตนไปทำที่ร้านพี่จุนเซ ระหว่างนั้นทั้งสองก็เห็นพ่อบ้านออกมาจากห้องอุนซอง จึงเกิดความสงสัยขึ้นมา

โคพิงจุงเดินทางไปหาข่าวของอุนซองจากที่สถานศึกษาเก่า ก็พบว่าลูกสาวลาออกไปสองปีแล้ว ไม่ได้เรียนต่อ 2 ปีแล้ว อีกด้านอุนซองโทรศัพท์หาซึงมี ขอร้องให้นำอัลบั้มรูปที่มีรูปอุนยู มาให้ เพื่อตามหาอุนยู โดยนัดเจอกันพรุ่งนี้ หลังเลิกงาน หลังจากนั้นผู้จัดการมาถามหายูฮังเพราะเห็นหายตัวไป อุนซอง จึงอาสาเป็นคนตามหาให้ เมื่อเจอตัวก็รีบถามเรื่องงานและวิธีปฏิบัติกับลูกค้า ยูฮังตอบแบบไม่พอใจ อุนซองจึงถามขึ้นว่า

“นายเกลียดฉันมากรึไง”

“ไม่รู้ตัวรึ” ยูฮังตอบ

“ฉันไม่รู้...กระเป๋าใบนั้น นายก็ได้คืนไปแล้วนี่นา น่าจะรู้ ทั้งหมดมันเป็นความเข้าใจผิด”


//www.dailynews.co.th



Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:50:00 น.
Counter : 342 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]