All Blog
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 19 มีนาคม 2555



“คุณย่า หนูคิดว่าเจอแต่กลับไม่เจอ ยิ่งเสียใจ”

“เธอคิดจะเลิกตามหารึไง ไม่เจอแค่ครั้งเดียว เธอหมดอาลัยตายอยากรึ พ่อเธอตาย เธอพาน้องออกจากบ้านแม่เลี้ยงงั้นรึ อุนยูหายไป คิดว่าเกี่ยวกับแม่เลี้ยงรึ”

“คุณย่าไม่รู้ความจริง อย่าพูดดีกว่า หนูอยากอยู่คนเดียว”

“ถ้าเธอนอนอยู่แบบนี้ เท่ากับเลิกตามหาน้อง ทั้งที่อยากตามหาน้อง เจอแล้วหายไปอีก ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอ เธอเลยถอดใจ ใช่รึเปล่า” จังซุกจาพูดเตือนสติ

“ทำไมคุณย่าพูดแบบนี้คะ รู้อยู่ว่าหนูเสียใจ คุณย่าไม่รู้ ทำไมยังพูดทิ่มแทงหนู”

“ฉันทิ่มแทงเธอยังไง”

“ทั้งตอนเราอยู่ด้วยกัน ตอนย้ายเข้ามาบ้านนี้ ทิ่มแทงหนูทุกที”

“หน็อยแน่ นี่ยังจะแผลงฤทธิ์อีกรึ...เฮ้อ...อย่างน้อย น้องเธอยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้...ชีวิตนี้ไม่ได้เจอ ทุกคนยังรู้ว่าคนที่เป็นญาติพี่น้องยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว เหมือนชีวิตฉัน คนไม่เคยมีลูกไม่รู้ ลูกแท้ ๆ ของตัวเองต้องตายจากรู้สึกยังไง หัวใจแตกสลาย ราวกับ...ถูกมีดเฉือนพันเล่ม หัวใจของคนเป็นพ่อแม่...ตัวฉันเอง มีลูกคนนี้ ตอนอายุ 19 ...พ่อของยูฮัง เขาอายุ 34 ฉันอายุ 53...เราจากกัน ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ฉันกินข้าว หัวเราะ อยู่ต่อไปใช้ชีวิตอย่างที่เธอเห็นนี่แหละ” จังซุกจาพูดยืดยาว หวังจะให้อุนซองคิดได้

“คุณย่า”

“ชีวิตต้องอยู่ต่อไป เพราะเรา... จะตายไม่ได้ ยังตายไม่ได้ นี่แหละคือชีวิต”

“คุณย่า...ฮือ ๆ...” อุนซองร้องไห้โฮออกมา

“เอาล่ะ เข้มแข็งไว้ ทำใจให้ได้ อุนยูกำลังรอเธออยู่ กินข้าวนะ” จังซุกจากอดปลอบ อุนซองสะอื้นกอดคุณย่าแน่น

ยองโชไปซื้อเปียโนเพื่อมาใช้ในร้านของเขา และพบกับอุนยูเข้าโดยบังเอิญ เมื่อเห็นว่า อุนยูแม้จะเป็นเด็กไม่ปกติแต่สามารถเล่นเปียโนได้อย่างน่าอัศจรรย์ อุนยูตามเปียโนที่เขาซื้อมา และมาเล่นเปียโนในร้าน อุนยูเล่นเปียโนให้ที่ร้านยองโชทุกวัน เสียงเพลงที่อุนยูเล่นราวกับมืออาชีพทำให้ลูกค้าชื่นชอบ

“เอ๊ะ....นี่เพลงสปริงเดย์ใช่มั้ยคะ”

“มือเปียโนอาชีพ” ลูกค้ากล่าวชื่นชม

“ที่นี่ไม่มีมืออาชีพหรอกครับ” ยองโชบอก

“แล้วคนที่เล่นใครรึ นักเรียนรึ”

“เป็นเด็กที่รู้จักกัน บ้านเขาไม่มีเปียโน”

“เล่นเก่งมากนะ”

“แบบนี้เล่นเก่งรึครับ”

“ไม่ถึงกับเก่ง แต่สื่อความรู้สึก มีจังหวะลีลา ให้ความรู้สึก”

“เราพอจะขอเพลงได้มั้ยครับ”

“หือ...” ยองโชยิ้ม อดแปลกใจไม่ได้ ที่ลูกค้าชื่นชอบการเล่นเปียโนของอุนยู

ยองโชพยายามถามว่าบ้านของอุนยูอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่ได้ความเพราะอุนยูเอาแต่พูดถึงเปียโน ยองโชจึงให้อุนยูอาศัยอยู่กับเขา

อุนซองไม่สบายแต่ก็พยายามมาส่งนมตอนเช้า และเจอเข้ากับจุนเซซึ่งมาส่งนมแทนเธอ ลูกค้าชื่นชมอุนซองว่ามีแฟนดีอย่างจุนเซที่มาช่วยเหลืออุนซองทุกอย่าง อุนซองรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของจุนเซมาก

หลังส่งนมเสร็จ จุนเซก็มานั่งพักและนำชาสุขภาพที่เขาบรรจงต้มมาให้อุนซองดื่ม

“ชาวิเศษของจุนเซ ดื่มแล้วทำให้สบายใจ”

“หญ้าหางแมว”

“ใช่เลย ขอดูหน้าชัด ๆ หน่อยสิ” จุนเซบอกอุนซองให้หันมา

“ฮ่ะ...ฮ่ะ...อย่ามองแบบนั้นสิ”

“ปกติหน้าเท่ากำปั้น เหลือเท่าเม็ดถั่ว”

“มีหน้าเท่าเม็ดถั่วด้วยรึ” อุนซองฝืนยิ้ม

“ถ้าเธอเอาแต่เสียใจ อีกหน่อยไม่เห็นหน้ากันพอดี เธอเสียใจ เพราะอุนยูหายไปอีก หรือว่า มีเหตุผลอื่น ใจเธอมีแต่ความทุกข์......ทำไมเธอ..ถึงไปพบแม่เลี้ยง เดินทางจากเทกุ๊ดกลับโซล เธอไปหาเขาแต่เช้าตรู่ อุนยูหายไป เกี่ยวกับแม่เลี้ยงใช่มั้ย”

อุนซองได้ยินก็ถึงกับร้องไห้โฮ จุนเซตกใจมาก “มันเรื่องอะไร.. เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

ยูฮังทราบจากพ่อบ้านว่าอุนซองไปส่งนมแต่เช้า ทั้งที่ยังไม่สบายก็เป็นห่วง

“เห็นบอกว่าต้องรีบคืนเงินให้เพื่อน” พ่อบ้านบอก

“ไม่เท่าไหร่หรอก บอกเขาเลิกส่ง ขอเงินคุณย่าสิ” ยูฮังมองไปทางจังซุกจา

“ฉันให้ นึกว่าเขาจะรับรึ อีกอย่าง ฉันไม่ให้เงินกับคนมือเท้าดี ๆ หรอก” จังซุกจามองหน้าหลานชาย

“แล้วทำไมช่วยเขาหาน้อง เสียเงินตั้งเยอะ” ชองยีถามคุณย่า

“เป็นการตอบแทนที่เขาเคยช่วยชีวิตฉัน”

“คุณย่าพูดเกินไปมั้ง เขามีบุญคุณอะไรนักหนา คุณย่าหายไปอาทิตย์เดียว กลับมาแล้ว”

“ฉันมีชีวิตกลับมาได้ก็เพราะอุนซองช่วยนี่แหละ”

ปั๊กเซ็งฮีนัดอุนซองออกมาพบ เมื่อเจอหน้าปั๊กเซ็งฮีก็ถามขึ้น “จิตใจสงบหรือยัง”

“เรื่องแบบนี้สงบได้รึคะ” อุนซองเสียงแข็ง

“ยังดื้อเหมือนเดิม ไม่นึกเลย เราต้องมาคุยกันเรื่องไร้สาระ”

“พูดไปไม่มีประโยชน์”

“ไม่ ฉัน...ไม่ได้มาเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ ฉันอยากบอกให้เธอเข้าใจ ฉัน...ไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำจริง ๆ”

“ไหนว่าไม่ได้มาเกลี้ยกล่อมฉัน”

“เธอนั่นแหละที่ทำให้อุนยูหายไป แล้วเธอ...โยนความผิดให้ฉัน มีความสุขนักรึ แล้วแต่เธอคิด ตอนพวกเธอออกจากบ้าน ฉันเองอยากตามพวกเธอกลับมาแต่ก็ทำใจไม่ได้ ฉันให้พวกเธอไป จนกระทั่งอุนยูต้องหายไป เพราะฉันเป็นต้นเหตุ เธอตำหนิฉันสมควรอยู่หรอก”

“คุณนัดฉันมา เพื่อพูดแค่นี้รึ” อุนซองเริ่มรำคาญ

“ถือว่าเป็นอันจบกัน ฉันไล่เธอออกจากบ้าน ทำให้อุนยูหายไป เธอโกรธแค้นฉัน เราไม่ต้องพูดกันอีก เรื่องที่ฉันให้พวกเธอออกจากบ้าน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”

“ที่พูด ไม่อยากให้ฉันบอกคุณย่าใช่มั้ย” อุนซองรู้แกว

“เธอเข้าใจผิด ซึงมีตะหากที่ได้รับผลกระทบ”

“ฉันเข้าใจผิดรึ” อุนซองน้ำเสียงเยาะเย้ย

“มีหลักฐานมั้ย แล้วพยานล่ะ” ปั๊กเซ็งฮีท้าทาย

“อุนยูคือพยาน”

“อุนยูบอกเธอด้วยตัวเองรึ ถ้าฉันเป็นเธอ ต้องคิดแบบนี้ แต่ฉันไม่ได้ทำ และเธอก็ไม่มีหลักฐาน ถ้าบอกคุณย่า ซึงมีก็ต้องเดือดร้อน ยูฮังกับซึงมีเป็นแฟนกัน ถ้าไม่ได้แต่งงาน เธอคือผู้ทำลายชีวิตของซึงมี...อุนซอง ฉัน...บอกแล้วว่าไม่ได้ทำ ...ไม่ใช่ฉัน”

“ใช่อยู่หรอกตอนนี้ฉันยังไม่มีหลักฐาน ได้แต่พูดลอย ๆ อย่างที่ว่า ...รู้อยู่แก่ใจ เพียงยังไม่มีหลักฐาน” อุนซองจ้องหน้าเซ็งฮี มั่นใจว่าเซ็งฮีเป็นตัวการที่ลักพาตัวอุนยูไปปล่อยทิ้ง เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเท่านั้น

ซึงมีนัดอินยงเพื่อนเก่าของอุนซองออกมาพบเพื่อถามข้อมูลของอุนซอง ทำให้ทราบว่าจุนเซชื่นชอบอุนซองมาก ด้านจุนเซก็มารับอุนซองไปทำงาน และชักชวนยูฮังขึ้นรถไปด้วยกัน แต่ยูฮังไม่ค่อยชอบขี้หน้าจุนเซเท่าไหร่จึงปฏิเสธ แต่ก็แอบสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างอุนซองและจุนเซ

อุนซองมาระบายเรื่องราวของปั๊กเซ็งฮีให้เพื่อนรักอย่างเฮลีฟัง เฮลีฟังแล้วเจ็บใจแทน “คนเราทำไมเป็นแบบนี้ เห็นแก่ซึงมีไม่พูด ไม่สนใจน้อง”

“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน เหมือนหายใจไม่ออก” อุนซองทำท่าหมดอาลัยตายอยาก

“นี่....เธอจะทนไปถึงไหนยะ บอกคุณย่าเลย ..แฉมันให้หมด”

“ถ้าคุณย่ารู้ ซึงมีก็ต้องเดือดร้อน”

“ยังจะมีหน้าเป็นห่วงซึงมี” เฮลีหมั่นไส้อุนซองที่ยังเป็นห่วงซึงมี ทั้งที่ปั๊กเซ็งฮีทำเลวกับอุนซองสารพัด

“อย่างที่ว่า ฉันไม่มีหลักฐาน ฉันคิดอยู่ฝ่ายเดียว อุนยูก็ไม่ได้บอกด้วยตัวเอง และยังเป็นเด็กออทิสติก ใครเขาจะเชื่อ”

“ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ”

“แม่ของซึงมี.. เป็นคนน่ากลัว ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับคุณย่า เขาคงหาอุนยูเจอก่อน ไม่ให้ฉันได้พบน้อง”

“เธอจะเฉยงั้นรึ ปล่อยแม่ซึงมีคว้าลูกเขยไปรึ”

“บอกคุณย่าโดยไม่มีหลักฐาน ฉันกลัวจะทำลายชีวิตซึงมีน่ะสิ”

“ซึงมี ไม่รู้เรื่องแน่รึเปล่า” เฮลีสงสัย เพราะเป็นแม่ลูกกัน ถ้าไม่รู้เรื่องชั่ว ๆ ที่แม่ทำก็ดูผิดปกติ

“แม้แต่ลูกตัวเองเขายังปิดบัง ซึงมีไม่รู้เรื่อง ตอนเขารู้อุนยูหายไป เขาเอาแต่ร้องไห้ด้วยซ้ำ” อุนซองไม่ได้สงสัยซึงมีแต่อย่างใด

“เฮ้อ.....หมายความว่า เธอจะรอคุณย่าหาอุนยูให้เจอสินะ” เฮลีถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ต่อให้อุนยูบอกว่าแม่ทำ เขายิ้มไม่รับหรอก” อุนซองบ่นน้ำเสียงเศร้า เป็นเวลาเดียวกับจุนเซนำอาหารมาเสิร์ฟให้ “จ๊ะเอ๋...ข้าวอบกับสลัดเป๋าฮื้อครับผม”

“เมนูพิเศษที่ท่านประธานลงมือทำเองเลยนะ สุดยอด...” เฮลีตาโตเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า

“พี่ลงมือทำเองรึคะ” อุนซองถามยิ้ม ๆ

“ข้าวอบปรุงพิเศษ รสชาติกลมกล่อม ลองชิมดู” แล้วฟังเฮลีบ่นต่อ สองสาวจ้อกันต่อ “ฉันขอตัว” พูดจบจุนเซก็เดินออกไป

เฮลีมองตามและเปรย ๆ ขึ้น “บางครั้งฉันอิจฉาเธอ เห็นคุณจุนเซทีไร รู้สึกว่าเธอโชคดีอะไรอย่างนี้.....เฮ้อ....”

ยูฮังนึกถึงเรื่องของเขาและพ่อที่เสียไป รวมไปถึงเรื่องของอุนซอง จึงหยิบกีตาร์ซึ่งไม่ได้เล่นมานานขึ้นมาเล่น ชองยีและยงนังได้ยินก็แปลกใจ

“ยูฮังเล่นกีตาร์นี่นา”

“พี่เดี๋ยวก็ไปร้าน เดี๋ยวก็ไปโรงงาน หรือเพี้ยนไปแล้ว ตั้งแต่อยู่ ม.2 ถูกคุณย่าด่า เพิ่งเล่นกีตาร์ก็ครั้งนี้”

“เฮ้อ...บ้าไปแล้ว...เฮ้อ...” ยงนังรำพึง

จังซุกจาให้ชองยีขึ้นไปเรียกยูฮัง “พี่ คุณย่าเรียกลงมาหน่อย...พี่ คุณย่าจะแจกค่าแรงพวกเรา”

“แจกค่าแรงทำไม บริษัทจ่ายไม่ใช่รึ” ยูฮังถามอย่างแปลกใจเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณย่า

“พวกเธออาจต้องออกจากการเป็นพนักงานชั่วคราว บริษัทไม่มีข้อมูลไว้...ยงนัง ยูฮัง ชองยี เงินพวกเธอ...ยงนังกับชองยีคิดค่าแรงเป็นรายวัน ส่วนยูฮัง จ่ายเป็นเงินเดือน”

ยงนังรับซองและหยิบเงินออกมานับ “แม่ ทำไมน้อยจัง”

“หักที่จ่ายล่วงหน้าไปแล้วแต่ละวัน.... ยูฮัง หักหนึ่งหมื่น เบิกไปงานเปิดร้านแม่ของซึงมี” จังซุกจาบอก

ยูฮังรับเงินมาแล้วก็รีบนำมาให้อุนซอง ซึ่งที่จริงเขาต้องการพูดคุยกับอุนซอง เพราะช่วงหลังเขาไม่ได้เจอและพูดคุยกับอุนซองมากนัก แต่อุนซองยังมีท่าทีเศร้า ไม่ได้ดีใจที่จะได้เงินเหมือนทุกครั้ง

“วันนี้ฉันรับเงินเดือน ต้องจ่ายเธอเท่าไหร่”

“คิดเองก็แล้วกัน” น้ำเสียงอุนซองเนือย ๆ

“ทำไมพูดแบบนั้น เจ้าหนี้เอาเท่าไหร่บอกมาสิ ให้ลูกหนี้คิดเองได้ไง”

อุนซองรับเงินมาก่อนบอก “ที่เหลือยกให้พอใจมั้ย”

“เดี๋ยวก่อน เธอบอกเองไม่ใช่รึ เราต่างได้กระเป๋าคืน ปรับความเข้าใจแล้วนี่นา ทำไมยังคุยกันดี ๆ ไม่ได้” ยูฮังแปลกใจที่อุนซองไม่อยากพูดคุยหรือแม้แต่มองหน้าเขา

“คุยดี ๆ รึ” อุนซองหันกลับมามองตาขวาง

“อย่างเรื่องกระเป๋า เธอเอากระเป๋าฉันไป แล้วเงียบหายไปเลย เป็นเธอจะคิดยังไง โทรฯ เบอร์บ้านก็ไม่รับ เดี๋ยวก็ว่ากระเป๋าอยู่ที่บ้าน ย้ายบ้านไม่รู้เบอร์โทรฯ ให้ฉันไว้ใจเธอได้ยังไง ถึงฉันนิสัยไม่ดี แต่ไม่ทำเรื่องเลวร้าย ฉันเข้าใจผิดถึงร้ายกับเธอ”

“รู้แล้วน่ะ บอกว่ารู้แล้วอย่ามาเซ้าซี้” อุนซองพยายามระวังอารมณ์

“เธอเคยเดินตามฉัน สอนฉัน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนละคน” ยูฮังพูดยังไม่ทันจบ อุนซองก็ระเบิดออกมา “ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย นายทำดีกับฉันแค่เรื่องกระเป๋ารึ...เป็นเพราะนาย...ทำให้อุนยูหายไป”

“อะไรนะ” ยูฮังตกใจ ที่อุนซองตวาดใส่เขา แถมยังร้องไห้ออกมา

“ถ้ามือถือฉันไม่เสีย อุนยูเขาต้องโทรฯหาฉันได้ อุนยูก็จะไม่หายไป”

“เธอพูดอะไรกันแน่”

“วันที่นายเหยียบโทรศัพท์ฉันนั่นแหละที่อุนยูหายไป เพราะโทรศัพท์เสีย อุนยูถึงโทรฯหาฉันไม่ได้” อุนซองนึกถึงวันที่ยูฮังแกล้งเหยียบมือถือของเธอก็ยิ่งโกรธ “เฮ้ย...เห็นหน้านาย นึกถึงอุนยู ฉันจะบ้าตาย ไม่อยากพูดด้วยแล้ว” อุนซองไม่อยากเห็นหน้ายูฮัง เดินหนีไปเลย

อุนซองมีอาการซึมเศร้าทั้งเรื่องพ่อและน้องจนไม่ยอมกินข้าว ยูฮังครุ่นคิดเรื่องที่อุนซองโกรธเกลียดเขาก็ยิ่งกังวลใจ เป็นเวลาเดียวกับที่ซึงมีโทรฯมาหา เพราะยูฮังสัญญาว่าจะโทรฯหาแต่ลืมเสียสนิท ยูฮังจึงชวนซึงมีไปที่ร้านของยองโช ซึงมีแกล้งพูดว่าจุนเซและอุนซองสนิทสนมกันน่าจะเป็นแฟนกัน แต่ยูฮังแก้ตัวว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ยิ่งทำให้ซึงมีโกรธและกลัวมากขึ้นว่ายูฮังจะชอบอุนซอง ซึงมีมาร้านยองโชกับยูฮังแต่ไม่พบอุนยู เพราะเป็นเวลาที่อุนยูเลิกเล่นเปียโนและเข้าไปหลังร้านพอดี




//www.dailynews.co.th



Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 11:07:54 น.
Counter : 548 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]