|
มินทราลัย หัวใจแห่งนาง เล่ม ๑ หนึ่งคำมั่น เล่ม ๒ สัญญาใจ กำไลนาคราช ผู้แต่ง : อุษณกร สำนักพิมพ์อรุณ (ครั้งแรก ก.ค. ๒๕๕๔)
คำโปรย(จากปกหลัง) :
เล่ม ๑ ตอน หนึ่งคำมั่น
ศึกรบยังพอมีเวลาหยุดพัก แต่ศึกรักกลับปะทุคุโชนอยู่ร่ำไป ความรักที่คงมั่นและจะตราตรึงหัวใจไปชั่วนิรันดร์
ท่ามกลางการแก่งแย่งช่วงชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดินขอม เจ้าชายศรีสุริยเทพเสด็จไปช่วยเมืองพันธมิตรรบกับศัตรู และได้พบเจ้านางสิริสุภา เจ้าหญิงต่างแคว้น ผู้ที่ทำให้หัวใจเยี่ยงนักรบอ่อนยวบราวขี้ผึ้งถูกไฟลน เมื่อยิ่งได้ใกล้ชิด ก็ยิ่งรู้สึกสิเน่หาอาลัยจนไม่อยากกลับเมือง ทว่าเจ้าชายก็มิอาจทำตามที่หัวใจปรารถนาได้ ด้วยจำต้องไปร่วมรบกับพระนครอังกอร์ใหญ่ จึงได้แต่เอ่ยปากฝากรักแลให้สัญญาว่าจะมาสู่ขอ เพื่อไปอภิเษกและครองคู่กันที่ศรีศนะจปุระ
ทว่าการณ์เบื้องหน้าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อมีกลการเมืองอันแยบคายเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้านางอมราวตี พระภคินีของเจ้านางสิริสุภา กลับกลายเป็นผู้ที่เดินทางไปอภิเษกกับพระองค์ แถมนางอันเป็นที่รักจะถูกส่งตัวไปเป็นพระชายาเมืองอื่น เหตุการณ์กลับตาลปัตรไปเยี่ยงนี้แล้วไซร้ เจ้าชายศรีสุริยเทพจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร...
เล่ม ๒ ตอนสัญญาใจ กำไลนาคราช
ความรัก ความหวัง และความผูกพันเกี่ยวร้อยสองดวงหทัยให้เป็นหนึ่งเดียว
สาวงามหนึ่งเดียวที่บุรุษต่างแย่งชิงเพื่อให้ได้ครอบครอง จนนำพาไปสู่สงครามครั้งใหญ่ในแผ่นดิน
ท่ามกลางความแค้นฝังลึกในจิตใจจากรุ่นพ่อแม่ เจ้านางบุษบามินตรา กลับต้องรับโทษทัณฑ์ที่มิได้ก่อ
ด้วยในครั้งนี้ประวัติศาสตร์ยังคงซ้ำรอยเดิม เมื่อเจ้าชายมหิยเตศวร องค์รัชทายาทแห่งนครอังกอร์ใหญ่ บุรุษรูปงามซึ่งเป็นที่หมายปองของเจ้านางทั้งหลาย มีจิตปฏิพัทธ์ให้เจ้านางบุษบามินตราอย่างลึกซึ้ง
มีหรือที่ผู้เป็นพี่อย่างเจ้านางแสนอัปสรจะยอมรับได้ เมื่อนางก็มีหัวใจรักให้เจ้าชายมหิยเตศวรเช่นกัน
ศึกรักสามเส้าจึงเริ่มต้น...และครั้งนี้นางต้องชนะเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเจ้าชายมหิยเตศวรจักทำเยี่ยงใด... ในเมื่อหัวใจและหน้าที่มิอาจแยกจากกันอย่างเด็ดขาดได้
หลังอ่าน... เรื่องย่อ ๆ ก็ตามข้างบนนั่นเลยค่ะ เล่มหนึ่งและสองเนื้อหาต่อเนื่องกัน แต่ที่แบ่งออกเป็นสองตอนก็เพราะคู่พระ-นางของแต่ละตอนเป็นคนละคู่กัน เล่มแรกเป็นเรื่องราวของรุ่นพ่อ-แม่ ในขณะที่เล่มหลังเป็นเรื่องของรุ่นลูก ๆ
ผู้เขียนได้หยิบยกเอาประวัติศาสตร์ของชนชาติขอมในยุคสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ อันถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของอารยธรรมขอม มาสอดร้อยกับจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ผูกเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น ในจุดนี้ต้องขอชื่นชมผู้เขียนล่ะค่ะ ว่าเธอได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีทีเดียว ทำให้คนอ่านได้รับสาระความรู้ในแง่ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองในยุคนั้น ๆ ควบคู่ไปกับอรรถรสของนิยายรัก โรแมนติก ที่ค่อนข้างครบรสเลยเชียวแหละ
คือมีทั้งรักซาบซึ้ง สุขสมหวัง ทุกข์ระทม มีโศกศัลย์รันทด มีอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดี มีฉากรบพุ่งให้ชวนหวาดเสียว... แถมยังมีบทรักวาบหวามอยู่หลายบทหลายตอนด้วย
และด้วยฉากของเรื่องเกี่ยวกับชนชาติขอม จึงมีเรื่องราวของไสยศาสตร์ มนตร์ดำเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ไม่น้อย ซึ่งเธอก็ทำได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่เหนือธรรมชาติจนเกินพอดี . . . แต่...แต่...แต่... ใช้เวลาอ่านนานเหมือนกันค่ะนิยายชุดนี้ ด้วยสำนวนภาษาที่ไม่คุ้น...กับบรรยายโวหาร พรรณนาโวหารที่(พยายาม)ให้ฟังอลังการมากไปนี๊ดดดด....
ทั้ง ๆ ที่โดยปกติแล้ว ส่วนตัวเป็นคนชอบนิยายที่ใช้ภาษาสูง ๆ สวย ๆ ศัพท์แสงพราวพราย ชนิดที่อ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที อะไรประมาณนั้น...
ทั้งสองเล่มนี้ภาษาอลังการนะคะ แต่...ส่วนตัวอ่านแล้วชวนอึกอัดคับข้องใจยังไงไม่รู้... คล้าย ๆ กับว่ามันยังไม่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติเท่าที่ควร...(สักเท่าไหร่)
คือถ้าถามว่า...เขาเขียนดีไหม ก็ตอบได้เลยว่าเขียนได้ดีมาก การใช้ภาษานี่เป๊ะ ๆ ทุกอย่าง...
แต่มันอดไม่ได้น่ะค่ะ ที่ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับจินตนิยายของนักเขียนชั้นครูยุคเก่า ๆ ที่เคยอ่าน... อย่างเลือดขัตติยา ดั่งดวงหฤทัย ฯลฯ คืออารมณ์ ความรู้สึกมันยังไม่ได้อ่ะ... มันยังไม่ชวนเคลิ้มคล้อย ดื่มด่ำเท่าที่ควรจะรู้สึก...แหะ ๆ
จึงออกแนวก้ำ ๆ กึ่ง ๆ ว่าชอบหรือเปล่า... เอาเป็นว่า...ก็อ่านได้ และอ่านจบแล้ว...
บอกอย่างนี้คนเขียนอย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ ตรงนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวของคนอ่าน(เรื่องมาก)คนเดียวเท่านั้นค่ะ หลายคน(ถ้าได้)อ่านแล้วอาจจะชื่นชอบก็ได้....
จึงหยิบมาชวนอ่านในวันนี้ค่ะ
อ้อ...ที่เลือกหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน มีเหตุผลอีกอย่าง คือ...ปกสวยมากกกกก...เกี่ยวกันไหมเนี่ย...
|
กลางวันเหมือนดวงอาทิตย์แบ่งภาค ออกเป็น 2 ดวง
เลือดขัตติยา ดั่งดวงหฤทัย น่ะสุดยอดค่ะ
ทำให้ฟู่เริ่มอ่านนิยายเป็น อยากจะกราบขอบคุณผู้ประพันธ์งามๆ สักหลายที
แผ่นถักน่าฮัก ทำไว้หลายอัน
วันหลังจะฝากความคิดถึง ถึงคุณแม่ไก่บ้างคงไม่รังเกียจ นะคะ