|
บัลลังก์แสงเดือน ผู้เขียน : ปิยะพร ศักดิ์เกษม ผู้พิมพ์ : สำนักพิมพ์อรุณ (ครั้งที่ ๕ /๒๕๔๔)
เรื่องย่อ(จากสำนักพิมพ) :
มนทกานต์ นางเอกของเรื่อง เติบโตขึ้นมาด้วยความรู้สึกขมขื่นที่เก็บกดอยู่ลึกๆ เพราะรู้สึกว่าแม่ไม่รัก แม่ทิ้งตัวเองและพ่อไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับผู้ชายคนใหม่ที่มีเจ้าของแล้ว นั่นคือสิ่งที่เธอรับรู้มาในวัยเด็ก
แต่แล้วก็มีเหตุให้เธอต้องบินไปยังประเทศที่แม่อยู่เพื่อทำงานชิ้นหนึ่ง นี่คือสิ่งที่เธอได้รับมอบหมายมา เธอไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้ เธอไม่รู้ว่า ทั้งหมดนั้นเป็นแผนการของคีริศ หลานชายคนเดียวของสามีคนใหม่ของแม่ พระเอกของเรื่อง ที่ กุ เรื่องทั้งหมดขึ้นมา... เพื่อให้เธอได้ไปใช้ชีวิตกับแม่ของเธอซึ่งมีชีวิตเหลืออยู่ในโลกนี้อีกไม่มากนัก
เธอมีความสุขกับธรรมชาติที่งดงามที่นั่น และกับผู้คนที่เธอเคยรู้จักมักคุ้นในสมัยที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นระยะหนึ่งในวัยเด็ก ได้ใกล้ชิดกับแม่มากพอที่จะตระหนักว่า แม่นั้นรักเธอมากเพียงใด... และเธอเองก็โหยหาแม่มาตลอดชีวิตมากเพียงใด
และในระยะสุดท้ายของชีวิตแม่ ความลับที่แม่เพียรปิดเธอมาตลอดก็เผยออกมาโดยบังเอิญ และมันได้คลี่คลายปมขมๆ ในชีวิตของเธอจนหมดสิ้น ...
ขณะเดียวกันก็เพิ่มความรู้สึกผิดในการกระทำไม่ดีต่างๆ นานาที่เธอเคยทำต่อแม่ให้มากขึ้นด้วย อีกทั้งทิฐิผิดๆ อันเป็นคุณสมบัติประจำตัวเธอมาตลอด ก็เกือบทำให้เธอต้องสูญเสียความรักที่มีค่ายิ่งสำหรับหัวใจของเธอไป...
หลังอ่าน... ต้องขอบคุณเรื่องย่อจากสำนักพิมพ์ที่...เล่าเรื่องได้ละเอียดลออจนไม่ต้องเล่าอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว...
นิยายเล่มนี้อ่านเป็นรอบที่สามแล้วค่ะ... และก็ชอบมากขึ้น ๆ ตามจำนวนครั้งที่ได้อ่าน...
อ่านครั้งแรกก็ได้ความรู้สึกซาบซึ้งใจกับความรักของแม่ที่ยอมเสียสละ เป็นแม่ที่แย่และเห็นแก่ตัว ในสายตาของลูก เพื่อปกป้องเธอไว้จากแง่มุมอันเลวร้ายของโลกผู้ใหญ่...
อ่านรอบที่สอง เก็บรายละเอียดได้เพิ่มเติมอีกนิดถึงการค่อย ๆ คลี่คลายของปมที่อยู่ในใจนางเอก... ชอบนิทานหรือตำนานของทะเลสาบรูปพระจันทร์เสี้ยวที่พระเอกเล่าให้นางเอกฟังมาก... ชวนดึ่มด่ำและโรแมนติกจริง ๆ...
มาอ่านรอบหลังนี้...ชื่นชมการวางพล็อตและฉากของนิยาย... โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง... โดยฉากของนิยายเป็นประเทศ(สมมติ)เล็ก ๆ ประเทศหนึ่งที่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศตะวันตก และกำลังดิ้นรนเพื่อตั้งตัวเป็นประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย...
หลายช่วงหลายตอนมันช่างบังเอิญสอดคล้องกับความเป็นไปของการเมืองในประเทศสารขัณฑ์แถว ๆ นี้... ในห้วงเวลานี้เหลือเกิน
ทั้ง ๆ ที่นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนเขียนไว้ตั้งแต่ประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว... (อย่างน้อยก็ก่อนเหตุการณ์กลางเดือนกันยาปี 49 ล่ะ)
เห็นด้วยเป็นที่สุดกับความตอนหนึ่ง ที่ผู้เขียนบอกว่า...
"อำนาจเป็นของแปลก...ถ้ามีอยู่ในมือมาก ๆ นาน ๆ ก็เหมือนกับมันจะส่งผลถึงสมอง... ทำให้ผู้ถือหลงใหล ฟั่นเฟือน...บางครั้งขั้นตอนการคิดวิเคราะพ์เรื่องความถูกต้อง เรื่องการควรไม่ควร ถึงกับเสียหายไปเลย..."
สรุปว่า...ชอบมาก ๆ อ่านกี่ครั้งกี่หนก็ยังชอบ... และอ่านกี่รอบ ๆ ก็ได้แง่คิด มุมมองใหม่ ๆ ต่อโลกและชีวิตอยู่เสมอ ๆ
อีกทั้งชื่อของนักเขียนท่านนี้เป็นการันตีเรื่องสำนวนภาษาที่นุ่มนวล อ่อนหวานและละเมียดละมุนได้เป็นอย่างดีค่ะ
*อ้อ...นิยายเรื่องนี้ได้รับรางวัลชมเชยประเภทนวนิยาย จากการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี พ.ศ.๒๕๔๕ ของคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ (จากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๕)ด้วยค่ะ
|