A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Rookies มือใหม่ใจเกินร้อย




ย้อนรำลึกอดีตครั้งวัยยังเยาว์ นับตั้งแต่สมัยมัธยมขาสั้น-หัวเกรียน
ความทรงจำเท่าที่พอนึกได้เกี่ยวกับมิตรภาพของเพื่อน คงเป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สุด
รองลงมาก็ อารมณ์เอื่อมระอาในวิชาคณิตศาสตร์ และ ความมหาโหดในวิชา รด.
จากนั้นจินตภาพเหล่านี้ก็เวียนซ้ำปนเปไปในแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์
ก็จะมาคิดได้อีกที ก็ดันจบปลายภาคการศึกษาสุดท้าย สิ้นสภาพของความเป็นเด็กมัธยม
ก้าวขึ้นสู่ระดับการศึกษาที่สูงขึ้นไปอีกขั้น โดยไร้องค์ประกอบของกิจกรรม
ในฐานะตัวภาควิชาเลือกเพื่อเป็นเส้นทางอีกทางหนึ่ง อันนำมาซึ่งจุดหมายทางเลือกสูงสุด
ที่น่าจะพอมีความสำคัญในฐานะเป้าหมายในจิตใจ เพื่อกำหนดวิถีอิสระ
ที่เป็นดั่งเครื่องชี้เตือน ชี้แนะและประสบการณ์ชีวิต ทำให้เราได้ค้นพบตัวตนที่เราอยากจะเป็น
ยามที่เราต้องก้าวเข้าสู่วัยชีวิตการทำงาน เพื่อตอบโจทย์ชีวิตของตัวเองว่า
"เราอยากเป็นอะไร"



เอาเข้าจริงแล้ว กิจกรรมนอกห้องเรียนในฐานะสิ่งส่งเสริมทางเลือก ที่โรงเรียนจัดตั้งขึ้น
ให้พูดก็พูดเถอะ มันมีมาอย่างต่อเนื่องและหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ตามแต่ละภาคเรียน
แล้วแต่ทางโรงเรียนจะสรรหาหรือจัดงบประมาณ (ที่ภาษาผู้น้อยอย่างเรา เรียกว่า "เจียด")
เสียดายที่ช่วงเวลานั้น กิจกรรมโดยส่วนใหญ่ แทบไม่ได้มีความสำคัญมากเท่ากับ
การต้องรีบวิ่งแจ้นจากเวรทำความสะอาดประจำสัปดาห์ แล้วต้องตีรถเพื่อไปต่างที่
เพื่อหาเก้าอี้ว่างตำแหน่งดีให้ทันกับการเข้ากวดวิชา หรือไม่ก็ล้อมวงเตะบอลพลาสติกกับเพื่อนๆ
ชนิดทีแพ้กินตังค์ เพื่อไปซื้อน้ำเก็กฮวยเลี้ยงทั้งทีม จากนั้นก็ไม่มีอะไรมากมาย
เหตุการณ์ก็ยังคงเวียนซ้ำๆ กันไปมาในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แล้วก็สิ้นสภาพความเป็นเด็ก
มัธยมอีกเช่นเคย



จนได้ดูซีรีย์ที่จะหยิบยกขึ้นมาอีกหนึ่งเรือ่ง เป็นเหตุให้เรามีโอกาสดีๆ
ที่ได้รำลึกถึงช่วงเวลาที่สำคัญในเศษเสี้ยวเล็กๆ ทีแลดูจะยิ่งใหญ่ แต่คงเป็นเรื่องที่
ทำให้ทุกคนจำต้องแสวงหาด้วยความลำบากลำบนกันเอาเอง เพราะได้ข่าวมาว่า
มีสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งในประเทศไทยได้ลิขสิทธิ์ซีรีย์เรือ่งนี้มาเรียบร้อยแล้ว
แต่ถูกตีตกไปโดยบอร์ดผู้บริหาร ด้วยคำตอบที่ว่า
"เต็มไปด้วยฉากความรุนแรง และกลัวเยาวชนจะเอาไปเป็นแบบอย่าง"



ซึ่งในส่วนตัวแล้ว แบบไม่เข้าข้างใคร ก็อดคิดเห็นตามแบบเช่นนั้นเสียด้วยสิ
ทั้งๆที่จริงแล้ว เมื่อก่อนก็ค่อนข้างจะคิดเห็นต่างกันออกไป เพราะไม่เชื่อว่า
เยาวชนของไทยจะไร้วิจารณญาณในการแยกแยะองค์ประกอบของเหตุและผล
ว่าเรื่องใดเป็นเรือ่งจริง หรือเรื่องใดถูกสร้างเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะ
จนเมื่อเห็นพฤติกรรมของหลานสาววัยไม่กี่ขวบเศษ หลังจากเพิ่งดูละครไทยหลังข่าวทางทีวีชอ่งหนึ่ง
จึงพอให้รู้ว่า มันคงมีพลังบางอย่างที่แทรกซึมจิตใต้สำนึกของหลานเราโดยไม่รู้ตัว



หากใครเป็นแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นมายาวนาน คงพอที่จะไม่ลืมงานการ์ตูนร่วมสมัย
อย่าง "จอมเกบูล" จากปลายปากกาคอแร้งโดยการวาดของ "มาซาโนริ โมริตะ" เป็นอย่างดี
มาครั้งนี้ดียิ่งกว่า เพราะได้ถูกนำมาสร้างเป็นละครซีรีย์สิบเอ็ดตอนจบ จากหนังสือการ์ตูน
เรือ่งใหม่ที่พี่โมริตะเพิ่งวาดจบได้ไม่นาน ที่ชื่อว่า Rookies
ก่อนหน้านี้ มีการ์ตูนหลายเรือ่งที่นำมาสร้างเป็นซีรีย์แล้วไม่รู้สึกอินเท่ากับในครั้งที่ยังได้อ่านในหนังสือ
ไม่ว่าจะเป็น Nodame Cantabile Bloody Monday และ H2
ถึงแม้ว่าจะเป็นซีรีย์ที่หลายคนให้ดาวตั้งเกือบเต็มกาแล็กซี่ แต่อคติส่วนตัวกลับร่วงหล่นเพราะบารมีของ
การ์ตูนมันข่มให้ดูอย่างเห็นๆ แต่กับ Rookies นี้ไม่ใช่แหะ! มันออกอารมณ์ประเภทที่
"รักพี่ ก็เสียดายน้อง" สองจิตสองใจแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน



เหตุที่บอกว่ามันรุนแรงจริงๆ นะพี่น้อง............................
ก็เพราะชมรมเบสบอลโรงเรียนมัธยมปลายฟุตาโกะ ดันถูกโทษแบนมิให้สังฆกรรมกับการแข่งขันใดใด
เป็นเวลาถึงเก้าเดือน จากกรณีวิวาทกลางการแข่งขันของปีที่แล้ว ก็คนขว้างลูกมันไปขว้างใส่คนที่กำลังตี
จะด้วยเจตนารรึเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าไอ้คนตีมันง้างไม้ฟาดใส่คนขว้างจนเลือดสาด
(ถึงแม้ไม่เห็นภาพ แต่เลือดไหลหยอดเป็นทางลงกับพื้น แค่คิดก็สยองเสียแล้ว)
จนเกิดมหกรรมอีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า สหบาทาร่วมหมู่ ชุลมุนตุบตับกันวุ่นวาย
กล่าวง่ายๆ คือ การที่กลุ่มนักกีฬาที่เหลือไม่ว่า ตัวจริง ตัวสำรองและตัวมั่ว ต่างกรุเข้าตะลุมบอล
จนต้องถูกพักชมรมเป็นเวลาเก้าเดือน แล้วชมรมก็มีชื่อเสียในบัดดล
อ.สุวินัยเกริ่นว่า ที่ซีรีย์เปิดตัวด้วยความรุนแรงก็เพื่อกระชากอารมณ์คนดู
ให้เกิดความรู้สึกต่อต้านและไสส่งในพฤติกรรมของเด็กกลุ่มนี้
เด็กเกพวกนี้ อาจทำให้หลายคนที่อินกับเหตุการณ์ช่างกลสองสถาบันที่เข้าห่ำหั่น
เพียงเพื่อรักษาโลกส่วนตัวหรืออัตลักษณ์เฉพาะของวัย เพราะมันเป็นทุกสิ่งที่เขารู้สึกว่ามันมีความหมาย
สำหรับพวกเขา แต่ก็มันมีราคาที่ต้องแลกกับการถูกตีกรอบทางสังคม
พวกเขาจึงต้องสร้างคุณค่าเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ถูกลดค่าจากสังคมนอกกลุ่ม
พวกเขาจึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีจุดหมายสำคัญอันเป็นหนทางของชีวิต
เด็กเหล่านั้นก็ผันสภาพตัวเองจากอดีตนักกีฬา
ได้แต่ทำตัวเป็นอันตพาลเกเรไปวันวัน ต่อต้านสังคมที่เป็นอยู่
ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียนหรือนอกโรงเรียนก็ตาม มีที่สิงสถิตย์ของหมู่เหล่า
ก็คือ ห้องชมรมเบสบอล (ที่ไม่เหลือสภาพความเป็นห้องกีฬา)
แม้แต่รุ่นพี่ชมรมเบสบอลก่อนหน้า ก็โดนรุ่นน้องจอมเกเรเหล่านี้เล่นซะ
สิ้นสภาพความศรัทธา ทยอยกันลาออกไปทีละคนสองคน
ไม่เว้นรุ่นเพื่อนเดียวกันที่ชื่อ มิโคชิบะ
(เด็กอ่อนแอสุด แต่เอางานเอาการสุดจนตอนหลังได้รับเลือกให้เป็น กัปตันทีมของลูกทีมจอมเกทั้งปวง)
ตอนแรกทำท่าว่าจะยื่นใบลาออกไปอีกคน แต่แล้ว พลังแห่งชีวิตที่มิใช่
หนังสือแจกฟรีเพียงแค่โทรมา แต่เป็นบุคคลที่เรียกว่า "ครู"
ผู้ที่เป็นมากกว่าแค่คนที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาแก่ข้าในกาลปัจจุบัน ครูคนใหม่
ที่มีหัวอกและจิตวิญญาณของความเป็นครู เป็นครูแนวโพสต์โมเดรินท์
ครูคนนั้นที่ชื่อว่า "คาวาโต้ โคอิจิ"




แท้จริงแล้ว นายคาวาโต้ เดิมทีเป็นครูมาแล้วก่อนหน้า
แต่ทว่า....ไปสร้างวีรกรรม เพราะในประวัติการประกอบวิชาชีพครู เจ้าคาวาโต้
มีประวัติในการใช้ความรุนแรง ต่อยเด็กเกในสมัยที่อยู่ประจำในโรงเรียนเก่า จนทะลุกระจกหน้าต่าง
ตกจากชั้นสาม จนเจ้าทุกข์มีสภาพร่อแร่ปางตาย นอนโรงพยาบาลไปร่วมเดือน
โดยพื้นฐานเจ้าคาวาโต้ก็มีพื้นฐานวิชาคาราเต้สายดำ๒ดั้ง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
คาวาโต้จึงแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก จากนั้นก็มาสอบใหม่ เพื่อถูกบรรจุเป็นครูอีกครั้ง
ตามความฝันที่ตัวเองปรารถนา เพราะครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยเป็นเด็กเกเร แต่สำนึกปรับตัวได้ทัน



รุ้กกี้ อาจหมายถึง นักกีฬามือใหม่ แต่รุ้กกี้ในเรื่อง กับมีความหมายในสองนัยยะ
นัยยะแรก หมายถึง ความที่เป็นครูใหม่อีกครั้ง ของนายคาวาโต้
นัยยะที่สอง คือ พวกชมรมเบสบอล ที่กลับตัวกลับใจ มาเล่นเบสบอลกันใหม่อีกครั้ง
แต่เรื่องมันซับมันซ้อนขึ้น เพราะเจตนาที่รับนายคาวาโต้ ให้มาประจำเป็นครูของที่นี้
เกิดจากแผนการ "วางหมาก" ของครูใหญ่โรงเรียนมัธยมปลายฟุตาโกะ ที่หาทางกำจัด
พวกนักเรียนเด็กเกของชมรมเบสบอลพวกนี้ไม่ได้ ขืนไล่พวกมันออกก็กลัวทางโรงเรียนจะเสียชื่อ
จึงต้องสร้างสถานการณ์ โดยเจาะจงเลือกนายคาวาโต้ ที่มีประวัติการใช้ความรุนแรง
ชนิดมัดเดียวเอาอยู่ โดยไม่สนว่าหากเป็นไปตามแผนจริง ทั้งครูคาวาโต้และชมรมต้องโดนยุบแน่
ตามความเชื่อในปรัชญาที่ว่า ต้องใช้ความรุนแรงมาปราบปรามความรุนแรง



แต่ที่คาวาโต้ต้องชกเด็กตกหน้าต่าง ก็เพราะเด็กคนนั้นกำลังทำร้ายคนอื่น
เจ้าครูคาวาโต้ก็พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเด็กเกคนนี้ แม้จะมีเสียงจากครูที่ใส่เกียร์ว่าง
ไม่ให้ไปหยุดกับเจ้าเด็กเกคนนี้ ในตอนหลัง เด็กคนนี้มารู้ว่า
ครูคาวาโต้ยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว เพื่อให้เด็กเกคนนี้ได้มีโอกาสได้เรียนหนังสือต่อ
โดยที่ทางโรงเรียนไม่เอาความผิดจากเด็กคนนี้ (จนท้ายสุดเด็กคนนี้ก็มีความฝันที่อยากจะเป็นครู
และพร้อมจะตะบันหน้า หากใครมาว่าครูคาวาโต้เสียๆหายๆ)



แต่สถานการณ์กับพลิกผัน เมื่อครูคนใหม่ อย่างนายคาวาโต้
ที่นักเรียนในชมรมต่างก็รู้พิษสงจากแผนการณ์ของครูใหญ่ (เรือ่งสำคัญแค่ไหน เด็กชมรมเบสบอล
มักยืนถูกจุดตลอด) แล้วเตรียมใจพร้อมรับแผนการณ์ของเจ้าครูใหญ่เป็นที่เรียบร้อย แต่กลายเป็นว่า
นายคาวาโต้มาแนวลูกทุ่ง ใช้ความใสซื่อ บริสุทธิ์และความจริงใจ
โดยรับปากที่จะเป็นผู้ดูแลชมรมเบสบอล ทั้งๆ ที่ไม่รู้กติกาเบสบอลสักแอะ
ลงทุนถอนหญ้าทั้งสนามเพื่อแลกกับการเปิดเผยความฝันของลูกศิษย์
แม้ตัวเองจะต้องโดนไล่ออกหากรวมสมาชิกเบสบอลได้ไม่ครบตามสัญญา
ค่อยๆตามไปเปิดใจสมาชิกทีละคน (จนถึงกระทัง่วิ่งไล่กวด เพื่อเปิดใจก็ตามที)
กลายเป็นว่าสมาชิกคนเป็นเด็กที่เคยเกเร ก็ค่อยๆสลัดคราบ หันกลับมาสวมเสื้อนักกีฬา
ทีละคนสองคน คนที่เคยมีอคติยึดมั่น ก็จะค่อยๆรู้สึกโดดเดี่ยวและกลับมาโหยหาสิ่งที่ตนเองเคยรัก
ซึ่งก็คือ "เบสบอล" แต่กว่าจะซื้อใจได้ก็เล่นเอาสักคนดูเหนื่อย
เพราะหลักปฎิบัติของวัยรุ่นญี่ปุ่นแม้ตัวจะใช่ แต่ใจก็ปฏิเสธเอาไว้ก่อน
เสียอะไรก็เสียได้ แต่เสียหน้าในกลุ่ม อันนี้เรืองใหญ่
กว่าจะดูให้เข้าใจ บางทีก็ต้องอาศัยตัวสัญลักษณ์เป็นสิ่งช่วย
เหมือนที่ครูคาวาโต้ต้องสลัดเน็คไททิ้ง เพราะเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจระหว่างครูกับศิษย์
หรือ เจ้าชินโจหน้าฝรั่งลูกครึ่ง ต้องพกสติกเกอร์ภาพหมู่ชมรมเพื่อให้รู้ว่า เป็นคนที่รักเพื่อนมากที่สุด
หรือ เขียนคำว่า One for All เพื่อเตือนสติว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว
หรือ ภาพเล็บฉีก เพื่อให้รู้ว่า ได้ทำเต็มความสามารถแล้ว
หรือ วรรคทองจากงานวรรณกรรม หรือวาทะจากนักปรัชญาที่ฟังดูเห่ย ของครูคาวาโต้



สุดท้าย แม้การฟอร์มทีมครั้งใหม่จะเกิดขึ้น
แต่ก็ไม่พ้นผลแห่งวิบากกรรมที่เคยสร้างขึ้น ทั้งจากอคติจากคนรอบข้างที่เคยมอง ศัตรูเก่าล้างแค้นเอาคืน
วีรกรรมครั้งที่เคยทำในปีที่แล้ว ทุกอย่างกลับมาหลอกหลอน ให้คนที่เคยทำผิด ปรารถนาที่จะกลับตัว
จำต้องชั่งใจให้หนักขึ้นเป็นเท่าตัว อนุสัยเดิมที่ใช้ความรุนแรงเป็นทางออก จิตปฏิฆะที่เน้นโทสะเป็นสำคัญ
แม้แต่สมาชิกเพียงคนเดียวได้ลงมือกระทำ ล้วนแต่มีผลต่อการสั่งปิดชมรมเป็นการถาวรทั้งสิ้น
บุหรี่ที่เคยสูบก็ต้องเลิก ต้องวิ่งหนียามที่เจ้าเก่ามาทวงคืน จึงเป็นสรณะสุดท้าย
เพียงเพราะทุกคนต่างมีเป้าหมาย ในความภูมิใจที่สูงสุดของชมรมเบสบอล นั่นคือ โคชิเอ็ง
ผมรู้เพียงแต่ว่า โคชิเอ็ง คือ สนามแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่หนังสือการ์ตูนแนวเบสบอลวัยใสมักกล่าวถึง
ในฐานะที่จิตใจช่วงมัธยมมุ่งมั่นเพียงแต่เอ็นท์ให้ติดเป็นสรณะ แต่เดาอารมณ์คงพอประมาณ
การแข่งขันฟุตบอลถ้วย FA Cup ของเกาะอังกฤษ ที่แข่งประเภทแพ้คัดออก
ที่เป้าหมายสุดท้าย คือ รอบชิงบนสนามเวลบลีย์
จึงไม่ใช่โคชิเอ็งที่จะเดินซื้อตั๋วผีหน้างานในฐานะผู้ดู แต่เป็นทีมที่ฝ่าฟันเข้ารอบชิงชนะเลิศ
หาได้ด้วยโชคไม่ แต่ด้วยการฝึกซ้อมที่ต้องหวดไม้นับพันครั้ง ซ้อมทั้งก่อนและหลังเลิกเรียน
และเข้มงวดในวินัย อย่างที่ไม่เคยเป็นมากอ่น ที่สำคัญ คือ การได้กำลังใจจากครู คาวาโต้
คนที่สมาชิกทุกคนพร้อมจะเคารพและเชื่อฟัง กว่าทุกคนในโรงเรียน
และที่สำคัญยิ่งกว่านิยาย คือ เมื่อสี่สิบปีก่อน โรงเรียนมัธยมปลายฟุตาโกะเคยสร้างตำนาน
เข้าสู่สนามรอบชิงที่โคชิเอ็งมาแล้ว ตอนนั้นครูใหญ่กับผู้ช่วย ยังกะเปี๊ยกหัวเกรี้ยนอยู่เลย
แต่ที่น่าเศร้าที่สุด คือ การไปแข่งโคชิเอ็งในโลกของความเป็นจริง เป็นเพียงกิจกรรม
ที่จัดแข่งขันโดยไม่มีเงินรางวัลสมความพยายาม
ไม่มีสปอนเซอร์ติดป้ายเรียดราดเต็มกำแพงแลดูยิ่งใหญ่ จะไปทั้งที
ก็ต้องหาค่ารถค่ารากันเอาเอง มีเพียงตำนานระหว่างรุ่นและความทรงจำ
อันน่าประทับใจในช่วงหนึ่งของชีวิตวัยมัธยมปลายเท่านั้นแล





พูดถึงตัวละครหน่อยเถอะ เพราะมีสายรายงานมาว่า
ซีรีย์เรือ่งนี้ นายโมริตะคนวาด มีส่วนรวมในการเคสติ้งนักแสดงให้ใกล้เคียงกับในการ์ตูน
โดยภาพรวมส่วนใหญ่ ถือว่าสอบผ่าน อาจจะมีผิดจากนี้ไปบ้าง แต่ก็สามารถชดเชยได้จากการแสดง
(อย่างเจ้าฮึราสึกะซูเปอร์ซับ ไม่เหมือนในการ์ตูนแต่เล่นได้ฮามาก) เพราะก่อนหน้านี้คนจริงใน H2
ได้ทำร้ายจิตใจนักอ่านการ์ตูนของอาดาจิอย่างผมมาแล้ว ยิ่งดีที่บทซีรีย์ยังคอยดึงไว้อยู่หมัด
แต่ในรุ้กกี้ ผมก็ยังคงมีความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อมกับเจ้าอานิยะ ที่เป็นพระเอกของเรื่อง
ส่วนหนึ่ง อาจเพราะผมยังติดกับงานแสดงเรื่องก่อนๆ ของ เจ้า อิชิฮาร่า ฮายาโตะ ที่รับแต่บทหนุ่มใสๆ
ส่วนหนึ่ง ความไม่สมจริง เพราะได้สร้างพื้นที่ในจินตนาการส่วนตัวสำหรับตัวละคร อานิยะในฉบับ
การ์ตูนไว้เรียบร้อยแล้ว
แม้ความจริงแล้ว น้องฮายาโตะผู้รับบทตัวเองของเรื่อง จะพยายามทำตัวสถุล เลวถ่อย ไม่ว่า
จะถีบโต๊ะเรียนโดยไม่กลัวว่าจะเรียนไม่จำ ถ่อถุยน้ำลายราดพื้น และจบรูปประโยคด้วยคำว่า "บักกะ"
(แปลว่า ไอ้บ้า!) อยู่อย่างสม่ำเสมอยิ่งกว่าจุดฟุลสต๊อบ แต่หน้าน้องหวานออกสักอย่างงั้น
ถ้าผมได้ชมการแสดงของน้องครั้งแรก บางทีพี่อาจมองว่าน้องเป็นคนกักขฬะ
พ่อแม่ไม่สั่งสอนก็เป็นไปได้
ส่วนตัวละครประกอบของเรื่อง ทราบจากพี่ต่อพงษ์ว่า ได้รับรางวัลนักแสดง
ประกอบยอดเยี่ยมเป็นหมู่คณะเชิญยิ้ม ตัวประกอบที่ซึ่งเป็นสมาชิกเด็กเก
ชมรมเบสบอล ล้วนแล้วแต่เป็นการรวมเทพจากละครเรื่องอื่นๆ
อาทิ จาก Nodame Cantabile , Bloody Monday , Battle Royal เป็นต้น
จุดนี้ต้องขอบอกว่า ทำได้ดีกว่าในการ์ตูน นักแสดงทุกคนต่างมีดีไซด์ทรงผม
บุคคลิกและเล่นเป็นตัวตนได้ชัดเจน บางช่วงกลบเจ้าอานิยะตัวเอก ชนิดมิดหายไปเลยก็มี



ส่วนคนที่น่าจะสำคัญ สุดของเรือ่ง คือ ครูคาวาโต้
ก่อนหน้านี้ได้รับแต่งบทรองๆ ไม่เคยโดดเด่นอะไร เท่าที่พอจำได้
เป็นฮอกกี้รุ่นน้องในซีรีย์ Pride ที่มีพี่ทาคุยะเป็นพระเอกข่มตลอดทั้งเรื่อง
พี่ท่านก็ไม่ได้เล่นโชว์พาวอะไรมากมาย
แต่กับในเรือ่งนี้ พี่ท่านได้พูดประโยคซึ่งๆ ชนิดที่ตอ้งเข่นน้ำตาคลอโดยตลอด
บทที่ต้องติดลูกเปิ่นๆตามการ์ตูน ก็แสดงได้ธรรมชาติ ไม่มีลูกเวอร์มาติดพัน
สมแล้วที่คว้ารางวัล นักแสดงชายยอดเยี่ยมซีรีย์ทีวีดราม่าปีที่ ๕๘ ไปครองเป็นครั้งแรก



แต่แปลกน้อ ถ้าละครแนว Bad Boy ถูกนำมาสร้างในบ้านเรา
อย่างที่เคยฉาย มักติดความไม่สมจริงและไม่เกิดความรู้สึกเอาใจช่วยในตัวละคร
ซ้ำร้าย หลายเรือ่งออกลูก idiot ไปก็ไม่น้อย ประมาณว่า ทำไมกลับใจได้เร็วจัง
ไม่สมกับกมลสันดานที่เคยมี แต่อย่างว่าเท่าทีสังเกต ซีรีย์แนว Bad Boy ของญี่ปุ่นมัก
จะผูกกับแนวที่เรียกว่า สปอร์โตะคอนโย มาผสมกันได้อย่างลงตัว
ในฐานะชี้ให้เห็นต้นเหตุของปัญหา ในแง่ของสมุทัย
และในฐานะผู้ชี้ทางแก้ของปัญหา ในแง่ของนิโรธและมรรค
ก่อนหน้านี้ ก็มีซีรีย์ในแนวคล้ายๆกัน อย่าง โอนิซึกะ แต่ในแง่ของความเร้าใจไม่อินเท่า
เพราะในรุ้กกี้ ในแง่ของการแข่งขันเบสบอลอย่างเต็มเกมส์ เอาเข้าจริงมีเพียงแค่สามเกมส์
แต่ทุกเกมส์ต่างก็ต้องลุ้นชนิดโฮมต่อโฮม เบสต่อเบส
ปรากฎว่าทีมไหนทีเคยเป็นทีมเด็กเก หรือเป็นเด็กเกไม่มีสังกัด ตลอดจนถึงผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ว่าจะวงการไหนต่อไหน หากมาเจอทีมเบสบอลมัธยมปลายฟุตุโกะเข้าแล้ว
เสมือนได้ซึ้งในรสพระธรรม ทั้งในแง่ความมุมานะ ความสามัคคี และความฝันในเป้าหมาย
ดังนั้น อย่าได้เอาเบสบอลออกไปจากพวกเขา เพราะพวกเขาจะไม่เหลือความหมายอะไรในชีวิต



แม้แต่เพลง เซทซึกิ ของวง Greeeen เพลงโจ๊ะๆที่เล่าถึงเรื่องปาฏิหารย์
แม้เนื้อเพลงมันจะเล่าถึงความรักแรกรุ่นของชายหนุ่มกับหญิงสาว
แต่เวลาเพลงมันทำหน้าที่ในยามเข้าประกอบฉากเวลาสำคัญ ช่างกินอกกินใจเสียทุกคราวไป
มารู้ว่า เป็นการฟอร์มวงจากกลุ่มเด็กทันตแพทย์ที่ไม่สามารถเผยหน้าตาได้ตามจรรยาบรรณ
ด้วยหลักกฎหมายเรื่องโฆษณายาสีฟัน (ฮา) ก็ยิ่งทำให้ซีรีย์รุ้กกี้ไม่ธรรมดามากขี้นกว่าเดิม
แต่แปลกน้อ เพราะตอนนี้รุ้กกี้ก็ออกฉายเป็นภาพยนตร์ก็แล้ว ซีรีย์ก็แล้ว แต่ทำไมไม่ยัก
ทำออกมาเป็นการ์ตูนอนิเมทชัน ซึ่งมันผิดสเต๊ปธรรมเนียมดั้งเดิมโดยปริยาย
แต่อย่างไรเสีย ก็เป็นซีรีย์ตามหาความฝันที่ประทับใจอีกเรื่อง ที่เชือ่ว่าอย่าได้รอความเมตตา
จากทางฟรีทีวีเสียเลยละท่านเอ้ยย


คำคมโคตรๆประจำซีรีย์ : มือที่กำมัด มันก็จะเป็นอาวุธ แต่ถ้าแบมือออก
มันก็คือจิตใจ สักวันฉันจะทำให้นายแบมือหาฉันให้จงได้........




ข้อมูลจาก.................
รายการชวนคิด ชวนคุย ทางคลื่นผู้จัดการ
//wiki.d-addicts.com/




Create Date : 29 สิงหาคม 2552
Last Update : 3 ตุลาคม 2553 23:59:52 น. 6 comments
Counter : 1745 Pageviews.

 
ตอนที่เห็นฮายาโต๊ะก็รู้สึกว่า...อีกแล้วเรอะ เคยดูหนังเขาหลายเรื่องก็รู้สึกว่าเล่นดีเหมือนกันนะ ทีแรกดูตอนเล่นเรื่องลิลี่ชูชู เล่นได้หม่นหมองมาก พอได้ดูวอเตอร์บอยลุกซ์เปลี่ยน ทีแรกยังทำใจไม่ค่อยได้ว่าไอ้เด็กนี่เล่นบทสดใสเรอะ แต่ดูไปดูมาก็โอเคนะ เรื่องล่าสุดเรนโบว์ซองมันเล่นได้เป็นคนไม่เอาถ่านมาก โดยส่วนตัวคิดว่าแสดงได้ดี ว่างๆคงต้องหารุกกี้มาดู ประเทศเราก็แปลก ปล่อยให้ละครตบจูบฉายอยู่ได้ มันนำพาความเสื่อมจริงๆ


โดย: ฮาโล่ IP: 113.53.168.157 วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:21:39:15 น.  

 
เรื่องนี้ดูแล้ว ก็บอกได้ว่าชอบมาก บางฉากหัวเราะ บางฉากก็น้ำตาไหลไม่รู้ตัวโดยเฉพาะช่วงแข่งเบสบอล สนามโคชิเอ็น ที่เหมือนว่าจะไกลๆ มันค่อยขยับเข้ามที่ละก้าว ลุ้นมากๆ ฉากที่ชอบ คือตอนที่ ครูคาวาโต้ เอาเสื้อซ้อมไปตาก แล้วมีโค๊ชอีกทีมมาถาม แล้วเค้าพูดถึงนักเรียน แต่ละคนแบบว่า รู้จักลูกทีมได้ซึ้งถึงแก่นจริงๆ (น้ำตาไหลเลย)


โดย: MamLHC วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:11:43:33 น.  

 
ใช้ฟอนท์อะไรอะคะ ตัวผอม อ่านยากจังง่า

เรื่องนี้ไม่ได้อ่านค่ะ

เคยอ่านแต่บลูส์ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:9:21:24 น.  

 
จริงดิ มีขายแล้วเห็นที่ไหนอ่ะท่านบอกหน่อย จะไปซื้อเราอยากมีเก็บ
(หรือว่าอยู่ใน สันติสุข เราได้ฝากเพื่อนไปเดินหา)


โดย: mamLHC IP: 117.47.211.56 วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:10:42:00 น.  

 
อ้าว นึกว่าเป็น Rookies แบบเรื่อง Rookies ของเกาหลีซะอีก ...เรื่อง bad boy กับ sport man นี่..คงจะพลาดไม่ได้ ไว้จะหามาดูมั่ง เป็นประเภทขอดูตาม
ส่วนที่บอกว่าหายไปนาน เพราะมัวไปตามซีรีย์ฝรั่งอยู่ค่ะ Prison break คิดว่า จบ season 4 แล้ว จะจบเลย ยังอุตส่าห์มี Final มาอีกแน่ะ Lost นี่อาจจะต้องยอมแพ้ เพราะตอนนี้ปาเข้าไป season 5 แล้ว


โดย: prysang วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:12:13:25 น.  

 
ยังไม่เคยดู แต่ชอบการ์ตูนเรื่องนี้มากค่ะ
ซื้อครบทุกเล่ม แถมยังบ้าจดคำคมลงไดอะรี่ด้วย คงต้องไปหามาดูบ้างซะแล้ว


โดย: ลุงจอร์เจีย IP: 221.178.212.42 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:10:56:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.