|
Hana & Alice สองหัวใจหนึ่งความทรงจำ กับอีกหลายอาวุโส
เข้าสู่วาระต่อมา ของการย้อนเวลาเพื่อรับอรรถรสปนความหลัง ไปกับงานเก่าๆของผู้กำกับ ชุนจิ อิวาอิ อีกคำรบหนึ่ง เพียงแต่ อาจจะไม่ซาบซึ้งผสมโรแมนติกเท่าไรนัก อันนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหนังของพี่ท่าน เนื่องด้วยเป็นสายตรงอันถนัดถนี่ของผู้กำกับท่านนี้อยู่กอ่นแล้ว เพียงแต่ผู้เขียนดันเลือกช่วงเวลาในการรับชม เมื่อตอนได้กลับไปยังบ้านเก่า ในเทศกาลเชงเม้งพอดิบพอดี เลยกลายเป็นเทศกาลโรแมนติกแบบเม้งๆ ที่ให้ความแตกต่าง ไปจากการแสดงความกตัญญูบนพื้นฐานของความแปลกตาตื่นใจ ในทุกครั้งของเทศกาลเชงเม้งในทุกคราวไป
วันก่อนได้หลงไปดู Love Letter ของผู้กำกับชุนจิ ที่เล่นทำเอาน้ำหูน้ำตาพราก จนหลายคนที่บ้านนึกคิดไปว่า ต่อมความกตัญญูรู้คุณเพิ่งจะบังเกิด วันต่อมา เลยต้องหาของที่ปรับเปลี่ยนอารมณ์กันเสียหน่อย หวยฉลากจากผู้กำกับคนเดิม จึงลงล็อกไปที่ Hana and Alice ชื่อของหนัง ที่น่าจะมาขายตรงให้กับกลุ่มตลาดชายชาย เพราะปะหน้าชื่อชัดเจน อย่างน้อยๆก็รับประกันได้ว่าคนดู ไม่น่าจะพลาดตัวละครหลัก ที่ชื่อมิควรที่จะโอนเอนให้เป็นบุรุษเพศตามสภาพ แล้วก็เป็นจริงตามนั้น และทั้งสองสาวก็สะกดคนดูอย่างผู้เขียนเสียอยู่หมัด แบบไม่ต้องขีดเค้นอะไรมากมาย เพียงเดิน เล่นและก็พูดไปตามเนื้อผ้า เลยไม่อยากเชื่อเลยว่า จะเป็นสองชั่วโมงที่ผู้เขียนได้รับความหรรษา แต่ค้นหาสาระจริงๆจากเนื้อเรื่องแล้ว ไม่เจอ
จริงๆแล้ว Hana and Alice ถือว่าเป็นหนังในส่วนของภาคขยายจากโฆษณาที่ทำเป็นหนังสั้น เพื่อให้ผู้ที่ชอบสาวาปามช็อกโกแลตของบริษัทเนสต์เล่ ให้ได้ดาวน์โหลดเล่นๆกัน แต่ไม่รู้เล่นอีท่าไหน ยอดของการดาวน์โหลดดันไปทะลุหลักหลายล้าน ผู้กำกับชุนจิเลยสมองใส เปลี่ยนจากหัวนักกำกับ มากลายเป็นหัวพ่อค้า ที่มองเห็นช่องทางทางการตลาด ประมาณว่า ได้ทั้งฐานของผู้ชมคนดูกลุ่มหนึ่ง ที่ปรากฎเป็นยอดจำนวนตัวเลขอันน่าพึงพอใจได้ว่า ถ้าขืนได้ลงมือทำ ก็ไม่น่าจะเจ๋งกะป๊งไม่เป็นท่า อีกส่วนหนึ่ง ก็แค่ขอต่อสัญญากับเหล่านักแสดงจากชุดโฆษณาหนังสั้นชุดเดิม ส่วนแผนงานที่เหลือ รอแค่การต่อยอดและสร้างในส่วนของภาคขยาย ซึ่งคิดว่า ผู้กำกับที่ควบกิจการในการเขียนบทมาโดยตลอด คงมีเนื้อเรื่องส่วนต่อเอาไว้ในใจ กำหนดไว้เป็นเบื้องต้นอยู่ก่อนแล้ว ส่วนที่เหลือ ก็เป็นเพียงแค่รอการละเลงให้เป็นเรื่องเป็นราวแบบที่มีสูตร กำหนดสไตล์ชุนจิเป็นตัวผสม
และจากสิ่งที่ตกค้างในโฆษณาของหนังสั้นดังกล่าว ได้ถูกนำมาขยายผลแบบไม่ต้องหาต้นตอ และมุ่งที่จะดำเนินไปอย่างมีทิศทาง จากเดิมที่ถูกวางไว้เพื่อขายมนต์เสน่ห์ถ่ายเดียว แบบเตะลูกกะตาแล้วพุ่งหาเข้าไปในกลางใจ (พร้อมแอบขายแบนด์ช็อกโกแลตอย่างไม่รู้) ซึ่งนักแสดงสองเด็กสาว อย่าง ฮานะและอลิส ถูกทำให้มีมิติและตัวตนที่ชัดเจนขึ้นกว่าครั้งก่อน จากหนังสั้นไม่กี่นาที เมื่อถูกทำให้เป็นหนังเต็มชั่วโมง สิ่งที่ยังคงเดิมในแง่ของการรับรู้ของคนดูที่เคยดูโฆษณาหนังสั้น คือ ความเป็นเพื่อนสนิทที่แสนชิดจนติดเชื้อ ของตัวฮานะและอลิส ที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับเพิ่มเนื้อหาให้แรงกว่าเดิมขึ้น เมื่อเพื่อนรักสองสาวต้องมาหักเหลี่ยมโหด ด้วยเหตุจากการแอบชอบ เจ้าเด็กหนุ่มวัยเดียวกันแต่ต่างสถาบัน ที่ประสบพบเจอบนรถไฟอย่างไม่บังเอิญ แต่จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่ชวนอลหม่าน เกิดขึ้นจากอุบัติแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ของชายหนุ่มที่เด็กสาวทั้งสองแอบชอบที่ชื่อ มิยะ เด็กจากชมรมการแสดง Rakugo (ศิลปะการเล่าเรื่องที่นั่งพับเพียบ แล้วจ่อติดตลกโดยตลอด) ที่มั่นท่องบทเกินขนาด จนศีรษะเผลอไปกระแทกประตูอย่างฉับพลัน จากนั้นฮานะก็เข้าสวมบทอย่างฉับพลันยิ่งกว่า โดยอาศัยสถานการณ์แบบคิดเอาเองว่า พ่อหนุ่มมิยะมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความทรงจำ แล้วเจ้าหนุ่มมิยะก็หลงเชื่อไปตามนั้น จนกระทั่งได้คบหาเป็นแฟนกันอยู่สักพัก และมาได้รู้จักอลิส ที่ฮานะติ๊กต๊างเอาว่า อลิสเดิมทีเป็นอดีตแฟนของมิยะที่ได้เลิกลากันไป และฮานะนี้แหละ ที่เข้ามาเป็นยาใจ จนมีสถานะเป็นเเฟนที่ใครก็มาทำแทนไม่ได้
เอาเข้าจริง Hana and Alice แทบจะเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำ และตอกย้ำได้อีกหลายๆคำ ว่าเป็นหนังไร้พล็อต กล่าวคือ มันไม่มีเนื้อเรื่องเนื้อราวอะไรพอให้เป็นแก่นสาร ไอ้หนังประเภทนี้ ถ้าตัวละครที่คอยจูงเรื่องราวให้ดำเนินไปอย่างยัตถากรรม ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจได้เพียงพอแล้ว มีสิทธิ์ที่จะตกม้าตายตั้งแต่ต้นเรื่องได้ไม่ยากนัก แต่ถือได้ว่าผู้กำกับชุนจิ นอกจากจะคัดเลือกตัวละครหน้าใหม่แบบท้าให้ลอง เพื่อชิมตลาดคนดูตามใจของแกที่จะปรารถนา กลวิธีในการนำเสนอแบบตัดมาเป็นฉากๆ แล้วมาปะติดปะต่อ จนเป็นเรื่องเป็นราวได้ตั้งหนึ่งเรื่อง พี่ท่านก็ทำได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งกำหนดบทสนทนาของตัวละคร แบบยิงไปทางกระชิงไปอีกทาง ในแง่ความหมายที่ฟังดูคลุมเครือ ที่เหมือนจะแถไปตรงๆก็ได้ แต่เลือกวิธีการพูดทางอ้อม ที่ให้ความหมายใกล้เคียงคำพูดแบบที่แถไปตรงๆ เลยน่าจะเป็นหนังเด็กแนวแบบอ่อนๆ แบบใครที่ชอบอ่านการ์ตูนของ อดาจิ มิซุรุ ที่สร้างงานฮิบๆ อย่าง Touch , H2 , พริกขี้หนูสีรุ้ง น่าจะพอเทียบเคียงรสอารมณ์ได้ไม่ยากนัก นี้ยังไม่รวมฝีมืออาร์ทๆ จากตากล้องคู่บุญ โนโบรุ ชินโนะดะ ที่ร่วมทุกข์ร่วมรับทรัพย์ กับผู้กำกับชุนจิ นับตั้งแต่ Undo,Love Letter และ Yentown Swallotail Butterfly ที่นอกจากรองรับเนื้อบทที่แลดูฟุ้งซ่านจากผู้กำกับชุนจิท่านได้แล้ว ยังสโคปภาพให้มีแสงฟุ้งแบบอ่อนๆ ให้ภาพช่างดูชวนฝันและยังชวนตา สอดรับกับเรื่องราวที่อ่อนโยนและอ่อนวัย ในรักคราวสมัยเด็กมัธยม
ขณะเดียวกัน ก็ต้องถือว่าบารมีของผู้กำกับชุนจิ ได้แสดงกำลังภายใน ในการชักจูงดารารุ่นใหญ่ให้มาเข้าร่วม ในฐานะดารารับเชิญด้วยกันหลายท่าน และแต่ละท่านก็ให้โผล่ขึ้นกล้อง ได้เพียงไม่กี่นาที เพื่อรักษาอัตราค่าเฉลี่ยของอายุจากนักแสดงในเรื่อง จะได้ไม่โอนเอียง จนทำให้หนังหลงเข้าไปสู่เรตของกลุ่มคนวัยกลางคน คนที่โผล่แล้วผู้เขียนต้องชี้นิ้วและเอาฝ่าเท้ากระแทกพื้น ก็มีอาทิ ลุงชิโรชิ อาเบะ (ล่าสุดปีที่แล้ว เพิ่งได้ดูคุณพ่อโจรกลับใจ ใน shiroi Haru) ลุงทากาโอะ โอซาวะ (ล่าสุดปีที่แล้วเพิ่งได้ดูหมอย้อนยุค ใน Jin) น้าเรียวโกะ ฮิโระสุเอะ (ล่าสุดปีที่แล้วเพิ่งได้ดูสาวรักอารมณ์แค้น ใน Triangle) ลุงเชอิ ฮิราอิซุมิ (ล่าสุดปีที่แล้วเพิ่งได้ดูผู้เชี่ยวชาญในการแยกดีเอ็นเอของนิติวิทย์ ใน Mr.Brain) เลยไม่รู้ว่า พวกเขาเหล่านี้มาเพื่อสร้างชื่อให้กับหนังหรือรับเล่นหนังเพื่อให้ได้ชื่อ ว่าครั้งหนึ่งก็เคยได้ร่วมงานกับผู้กำกับขวัญใจประชาเซียนกันรึเปล่า ซึ่งความจริงแล้วถ้าดาราเหล่านั้น จะได้รับการชักจูงให้เล่นเป็นตัวละครหลัก ก็น่าจะไม่มีใครเอ่ยปากปฏิเสธแบบต้องกลืนน้ำลายตามทีหลัง เพียงแต่ว่า แนวในการนำเสนอเรือ่งของผู้กำกับ เขานิยมป้ำเด็กให้แจ้งเกิดเสียมากกว่า
แต่กระนั้นก็เหอะ หนังเรื่องนี้ก็ได้สร้างอันแสนประทับใจไว้หลายฉาก และเป็นการโชว์ของในหลายตอนๆ ที่คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เอามาใช้ใน งานชิ้นหลักๆ อย่างตอน เอ่ยปากว้อ อ้าย หนี่ ที่ไม่คิดว่าคนใกล้พื้นที่ จะไม่รู้ความหมายอะไรกับชาวบ้าน ฉากเต้นบรรเลย์บนแก้วกระดาษ ฉากถ่ายภาพทีมเพื่อนบรรเลย์ด้วยภาพซีเปีย ทุกๆการโชว์ของ เลยเหมือนถูกของเข้าไปเสียทุกครั้ง เพราะมันเข้ากันง่ายๆโดยไม่ต้อง อาศัยซีจีหรือเทคนิคพิเศษให้ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่ก็บอกได้อย่างไม่เต็มปากนัก ว่าเป็นหนังคั่นเวลาของพี่ชุนจิเขา เพราะดูจากระยะเวลาที่เว้นว่างของการทำหนังแต่ละเรื่องแล้ว Hana and Alice ถือว่าทิ้งช่วงของการทำหนังพอสมควร นับจาก All About Lily Chou-Chou ในปี ๒๐๐๑ จนมาถึง Hana and Alice ในปี ๒๐๐๔ แล้วมาต่อด้วย Rainbow Song ในปี ๒๐๐๖ เพราะก่อนหน้าที่จะมีโครงการต่อยอด Hana and Alice พี่ท่านเน้นแต่การรับจ๊อบเล็กจ๊อบน้อย อย่าง งานรวมหัวผู้กำกับใน Jam Film และ สอดส่องชีวิตของฝีเกือกทีมชาติ ใน 30 days with the Japanese National Football Team มันจึงน่าจะเป็นการพักรบ เพื่อมาปล่อยของ-ลองวิชาเสียมากกว่า และของๆเขาคงดีจริง จนฝั่งฝากตะวันตกสนใจ โดยเฉพาะตลาดอเมริกาที่ติดใจ มาตั้งแต่ Love Letter จนขอนำเข้าประเทศแล้วไปเปลี่ยนชื่อตามธรรมเนียม จะได้แยกแยะว่าเป็นหนังนำเข้าเฉพาะพื้นที่ มิให้ไปหลงโผล่อยู่แถวยุโรป ในชื่อ When l close my eye
Hana and Alice จึงเป็นหนังรักพี่เสียดายน้องอีกหนึ่งเรื่อง ที่เติมเต็มอารมณ์แห่งความสุขของผู้เขียน และสร้างความชิงชังในนิสัยส่วตัวของตัวผู้เขียนอีกหนึ่งเรื่อง เหมือนกับทุกเรื่อง ที่ตั้งใจขายนางเอกสองคน หรือตามขนบหนังแบบรักสามเศร้า ที่บังเกิดอีก "หนึ่งเศร้า" ซึ่งก็คือตัวผู้เขียนอีกนั้นเอง อนาคตของนักแสดงหลักสามคน ก็ถือว่ายังโลดเเล่นในแวดวงบันเทิงอยู่ อย่าง แอนเน่ ซูซูกิ ที่เล่นเป็น อลิส คนไทยน่าจะได้เห็นและรู้จักกันมากหน่อย เพราะมีโอกาสได้เล่นหนังใหญ่ที่เข้าโรงเมืองไทย อย่าง Returner หนังวิทยาศาสตร์ไซไฟในโลกอนาคต ทีมีทาเกชิ ทาเคชิโร่ เล่นเป็นยอดนักฆ่า และรู้จักกันมากขึ้นหน่อย ใน initial D หนังฮ่องกงที่ทำมาจากการ์ตูน ของญี่ปุ่น ที่มีเจโชย์ ไอ้หนุ่มตีนผีที่ทุกตีห้าต้องลงเขาเพื่อไปส่งเต้าหู้ แม้จะมีบทแรงๆว่าคุณน้อง เล่นเป็นเด็กใจแตก ที่แหกโค้งจนชนะ ก็ไม่อาจชนะใจแมนๆจากพี่เจโชย์ได้ ส่วนน้องหน้าตาสวยอีกคน คือ อาโออิ ยู ที่เล่นเป็น อลิส อันนี้แฟนซีรีย์และแฟนหนังญี่ปุ่นคงเห็นหน้าเธอมากหน่อย อย่างในซีรีย์นี้ก็มี Tiger and Dragon ,Dr.Koto ภาค๒ และ Osen ส่วนหนังนี้ ปีหนึ่งก็รับเล่นไม่ต่ำกว่าสามเรื่องโดยเฉลี่ย แต่ดูเหมือนว่า คนเฉลิมไทยจะรู้จักเธอดีใน Hula Girl และ Rainbow Song ที่มีผู้กำกับชุนจิยังคงเห็นประโยชน์จากการมีเธออยู่ แม้จะเดินเป้ด้วยตาบอด ตลอดทั้งเรื่องก็ตาม ส่วนเจ้ามิยะ ที่เล่นโดย โทโมฮิโระ กากุ ก็ยังคงงานมี มีเงินใช้พอประปราย จะว่าไป ถือเป็นนักแสดงร่วมบุญกับเฮียชุนจิอยู่อย่างต่ำๆก็สามเรื่องเข้าไปแล้ว ทั้ง All About Lily Chou-Chou ,Hana and Alice และ Rainbow Song ส่วนซีรีย์ก็มีเล่น อย่างใน Hana Yori Dango รับเชิญใน TBS, 2008 แล้วโชว์พลังเหนือมนุษย์จากบทรีเมกใน Nanase Futatabi
จึงเป็นงานที่ดูได้อย่างไม่เอาสาระ มากกว่าอรรสรสจากการรับชม แต่เป็นหนึ่งงานที่ไม่อยากแนะนำให้ได้ดูโดยวงกว้าง เดี๋ยวจะเกิดอาการ จมปลักแบบมักมาก จนมาเป็นคู่เเข่งของผู้เขียนไปอีกหนึ่งคน แค่เห็นการร่ายใน wikipedia และกระทู้ในห้องเฉลิมไทย ผู้เขียนก็รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของโลกไซเปอร์ ที่มีให้กับสองนักแสดง ที่มีให้อย่างสุดโต้งแบบหัวลิ่มทิ่มประตู เป็นงานพริตตี้ๆ ใสๆ ที่ไม่มีพิษมีภัยเหมือนที่เห็นในงานมอเตอร์โชว์ ที่มือขวาจับลูกบิด มือซ้ายพกกล้องดิจิตอล แล้วเดินเบียดเสียดประหนึ่ง ก่อม็อบมอเตอร์โชว์ย่อมๆ เป็นงานที่ไม่ทรมานต่อมน้ำตาและข่มขืนในใจ แบบที่เคยได้เห็น จากงานในครั้งก่อนมา แต่กับต่อมน้ำลาย อันนี้ไม่ขอรับปากนะก็แล้วกัน........
อวยข้อมูลจาก wikipedia , imdb
ครั้งหนึ่งเพิ่งเคยเขียนถึงหนังของผกก.ชุนจิ ใน Love Letter
ครั้งหนึ่งเคยเขียนถึงซีรีย์ที่ยู อาโออิ เล่นใน osen
Create Date : 11 เมษายน 2553 |
Last Update : 11 เมษายน 2553 19:44:46 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2659 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Swallowtail วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:0:54:24 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.72.110 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:16:02:22 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 113.53.183.4 วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:29:23 น. |
|
|
|
| |
|
|