Nanase Futatabi นานาเสะสาวน้อยพลังจิต (รุ่นที่สี่)
ช่วงนี้ผู้เขียนรู้สึกแหน่งหน่ายกับข่าวสารบ้านเมืองไทยเมืองนี้สักเหลือเกิน เบื่อตรงที่จะดูคล้ายว่า บรรดาข่าวจะเล่นกับประเด็นสมมติฐานในขั้นร้ายแรงสุดๆ อันเป็นการคาดเดาสถานการณ์แบบหยอดนิดผสมหน่อย เติมรสชาติอีกนิด แล้วผลสรุปที่เหลือ ก็เป็นเพียงปรากฎการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านเลยไป แต่เลยไม่ได้ไกล สักพักมันก็มีปรากฎการณ์ในรูปแบบยุทธศาสตร์ใหม่ ที่ให้ข่าว ได้กับมาเล่นในประเด็นที่ชวนวือหวาและดึ้งดึ๋ง ให้เลี้ยววกกลับมา พอให้คาดเดาสถานการณ์ อย่างมีประเด็นพอให้เล่นเป็นข่าว ทั้งๆที่ สำหรับผู้ถูกสัมภาษณ์บางคน ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับความเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงกับความเป็นข่าว เป็นแต่เพียงที่ว่า ขอให้ได้เอาไมค์ไปยื่นที่ปาก ให้ได้ร่ายรำพรรณนา เหมือนกับว่าตนเองเป็นผู้คุมสถานการณ์ สักพักก็ได้ช่องหน้าข่าวด้านใน ที่มีความยาวอีกตั้งหลายบรรทัด ว่าแล้วผู้เขียนจึงต้องขอยื่นใบลา ออกสู่นอกโลกแห่งความเป็นจริง เข้าหาโลกพระธรรมจากหมดซีรีย์นี้อีกครั้ง และที่สำคัญ ขอไปแตะกับซีรีย์ประเภทหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริงไปสักหน่อย ไม่ได้รังเกียจ แต่ก็ติดมีรังงอนสักเล็กน้อย ตามประสาโลกความจริง ที่บางกลุ่มชอบไปแตะสัญลักษณ์ ให้มันสะเทือนถึงคนบนโน้น
เลยได้ไปชมซีรีย์ที่ชื่อ Nanase Futatabi ของค่าย NHK อีกวาระหนึ่ง ซึ่งบอกตามตรงเลยว่า ที่เผลอไปแตะเข้า ก็เพราะหน้าปกของซีรีย์ ที่แสนจะจงใจโคสต์อัพแต่เพียงใบหน้าของหนูนางเอกแอบเหงา(แล้วเขาเป็นใคร) ที่ดูไกลๆแบบสูดยากันยุงแล้วแอบหนีไปขึ้นรถไฟเหาะ ตีลังกาม้วนสองรอบ เกือบนึกไปว่า เป็นนางเอกคนเดียวกันกับคนที่เล่นหนังเกาหลีเรื่อง My Sassy Girl ซึ่งก็คือ เจ๊จอน จี ฮุน ที่ผู้เขียนแอบปลื้มแต่ไม่กล้าบอกโดยตรง เพราะกลัวจะผิดใจกับนางเอกสาวยุ่นอีกหลายคน ที่อาจจะยังคงอินประวัติศาสตร์ ตั้งแต่หลังสมัยสงคราม ด้วยสองประเทศนี้ลึกๆแล้ว เขาก็กินแหนงแคลงใจกันอยู่ อย่างว่า ก็ด้วยทั้งสองประเทศต่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตำราบังคับในวิชาปวศ. จนหลังจากที่ได้ถางตาและอ่านประวัติอย่างคร่าวๆ จึงพอรู้แจ้งเห็นชาติว่า น้องหนูคนนี้ เธอเป็นนางเอกหน้าใหม่ที่ผู้เขียนไม่เคยคุ้นหน้า ก็พอๆกับทีมเหล่านักแสดงเกือบทั้งหมดที่มียถากรรมไม่ต่างจากนางเอกเขา กล่าวคือ ไม่เคยผ่านหน้าคาตาให้ผู้เขียนได้คารวะในฝีมือ ซึ่งถ้ามองไปอีกทาง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะได้ไม่ติดตา ในบทบาทซีรีย์จากเรื่องก่อนๆ ให้ผู้เขียนต้องทำการฟอรแมทสมอง-ท่องมโน เพื่อให้ลืมความทรงจำ ขณะเดียวกันความเป็นหน้าใหม่ ยิ่งต้องสำแดงฤทธิ์เดชและ กำลังภายในส่วนตัวแบบไม่ต้องให้ผู้กำกับ ต้องมาเกรงอกเกรงใจในบารมีที่หวังจะเชิดชู เพื่อให้ซีรีย์ในการกำกับของตัว มีเรตติ้งคนดูบนพื้นฐานของการขายหน้าตาจากเหล่านักแสดง
พล็อกของ Nanase Futatabi ถือเป็นพล็อกที่ดูจะธรรมดาตามแบบมาตราฐาน ของซีรีย์แนวปรากฎการณ์พิเศษเหนือธรรมชาติ ตามประสาเหล่าปถุชนผู้มีอำนาจ วิเศษอยู่ในตัวพร้อมๆกับการไขปริศนาบางอย่าง ที่รอการคลี่คลายจากปมอดีตที่ซับซ้อน และรอการเฉลยจากใครบางคน เรื่องราวค่อยๆดำเนิน โดยมุ่งเจาะจงให้ตัวละครหลักหนึ่งเดียว คือ นานาเสะ สาวน้อยวัย ๑๙ ที่ดูจะเป็นเจ้าหน้าที่หญิงในบ้านพักคนชราที่มีวิถีชีวิตปกติประจำวัน ไปมาลาอาริกาโตะตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่กำลังเดินทางกลับ โดยรถไฟ นานาเสะก็ได้พบกับเด็กชายประหลาดที่มีชื่อว่า อากิระ ทั้งสองต่างมีพลังวิเศษเหมือนกันหนึ่งอย่าง คือ การอ่านจิตใจผู้คนโดยรอบได้ แบบไม่ต้องพึ่งการกด BB เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง แต่เดิมนานาเสะก็หาได้เป็นคนที่มีพลังวิเศษนี้แต่กำเนิด แต่เกิดขึ้นในช่วงที่แม่ของเธอใกล้เสียชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่ แม่ของเธอไม่อาจจะปริปากบอกอะไรในระยะสุดท้ายของชีวิต เพื่อเป็นการสั่งลา จึงเป็นพลังวิเศษ ที่ไม่รู้จะเรียกว่า "พร" หรือ "คำสาป" เธอจึงเก็บความสงสัยนี้ไว้และมิได้เพ่งพายให้บุคคลอื่นใดให้รับทราบ หรือกรอกเป็นความสามารถพิเศษในช่องสมัครงาน นับแต่วันที่เธอรู้ว่าพลังนี้จะเป็นส่วนหนึ่งไม่ต่างจากอวัยวะภายในที่จะติดตัวเธอจนวันตาย
After all ,the scientists only saw us a research experiments. Paranormal abilities are unconsciously restrained by the morals of the soiciety in which a person lives.
(อย่างไรก็ตาม พวกนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายแหล่ต่างก็มองพวกเราเพียงแค่ วิจัยเชิงประสบการณ์ ความพิเศษเหนือธรรมชาติเป็นเพียงส่วนที่กักขังของจิตไร้สำนึก โดยหลักศีลธรรมในสังคม ที่ปถุชนพึงอาศัยอยู่)
In a society where violence is forbidden a person is not capable of hurting others by using his ability.
(ในสังคมที่ความรุนแรงถูกปิดซ่อน ไม่ให้ถูกปลดปล่อยเพื่อ ไปทำร้ายแก่ผู้อื่น จากพลังอำนาจที่พวกเขาแฝงเร้นเอาไว้)
การได้พบกับเด็กชายที่ชื่อ อากิระ ถือเป็นการตอบโจทย์ความสงสัยส่วนตัว ที่ว่าในโลกช่างกว้างใหญ่นัก จะมีใครบางน้อ ที่มีปรากฎการณ์ในพลังวิเศษ ที่ยากจะอธิบายเหมือนกันกับเธอ การส่งโทรจิตไปมาระหว่างกันบนรถไฟ ได้สร้างมิตรภาพความผูกพันแบบใหม่ของคนต่างวัย ที่จ้องหน้าก็ขำกันเอง จนผู้โดยสารร่วม ต่างก็รู้สึกมึนงงกับพฤติกรรมของเจ้าสองคนนี้ แล้วอยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มนิรนามกระโจนพรวดเข้ามาในขบวนรถไฟ ปรี่เข้ามาหา ตัวนานาเสะ บอกให้เธอรีบออกจากรถไฟขบวนนี้โดยทันที เพราะไม่กี่นาทีข้างหน้า รถไฟขบวนนี้จะประสบกับอุบัติเหตุดินถล่มครั้งใหญ่ และก็เป็นจริงอย่างที่ชายนิรนามคนนั้นได้กล่าวอ้าง ครั้งนั้นมีผู้รอดชีวิต คือ นานาเสะ เด็กน้อยอากิระ และชายนิรนาม ส่วนผู้โดยสารท่านอื่นๆ แม้จะได้รับการแจ้งเตือนในครั้งนั้นไม่ต่างกัน แต่ก็หาได้มีใครที่จะยอมเชื่อในสิ่ง ที่หนุ่มนิรนามคนนั้นพูดแม้แต่น้อย ซึ่งภายหลังจึงทราบว่าชายหนุ่มนิรนาม มีนามว่า โคสุเกะ เป็นชายผู้ซึ่งเห็นภาพในอนาคตกาล และหนึ่งในภาพนั้น ที่สร้างความกังวลใจเขาตลอดมา คือ ใบหน้าของนานาเสะ จนเขาต้องถ่อดั้งด้นตามหาความจริง จนมาได้พบกับนานาเสะในที่สุด แค่ตอนแรกเรื่องราวก็ทำท่าว่า จะสนุกและเต็มไปด้วยปริศนาต่างๆมากมาย ที่ทรมานหัวอ่านดีวีดีส่วนตัวเสียแล้วสิ
เหตุการณ์ครั้งนั้น เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตในมรสุมครั้งใหญ่ ให้กับตัวนานาเสะเอง เพราะนอกจากจะถูกตั้งข้อสงสัยในการก่อวินาศกรรม จากหน่วยงานของกรมตำรวจแล้ว แม้แต่บ้านพักคนชราที่เธอเคยได้รับการปฏิบัติ เป็นอย่างดีจากหน่วยงานและคนไข้ ก็มีสายตาที่เปลี่ยนไปและตั้งข้อระแวง ไม่ต่างจากเธอเป็นแม่มดหรือปีศาจ จำให้เธอต้องลาออกจากงานที่ต่างจังหวัด เข้ามาหางานในเมืองกรุงกับเพื่อนสนิท และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร้านบาร์เล็กๆ ในฐานะลูกจ้าง ที่ชื่อแสนจะเข้ากับเนื้อเรื่อง ว่า Question เป็นบาร์ที่ไม่ได้จ้างคณะตลกมาเล่นแบบที่เรามักจะได้เห็นตามร้านหมูกะทะทั่วไป เพราะบาร์แห่งนี้ทุกวันเขามีการแสดงมายากล และหนึ่งในนักมายากลก็เป็นบุคคลที่มีพลังวิเศษ เหนือมนุษย์ อย่าง เฮนรี แต่พลังที่ว่าไม่ได้เหมือนกับนานาเสะหรอก เพราะไอ้หมอนี้มันสามารถเคลื่อนย้ายสสารวัตถุ แต่ไม่อาจเคลื่อนย้ายหัวใจนานาเสะ ให้มาหลงรักตนเหมือนที่ตนแอบหลงรักได้ เพราะหัวใจของนานาเสะ ถูกเทใจให้กับโคซุเกะตั้งแต่แรกพบ แถมโคซุเกะก็รับจ๊อบเวียนสายเล่นมายากล ในที่ที่นานาเสะทำรับใหม่ ณ บาร์เเห่งนี้เช่นกัน
l can only use my powers around you .That means my power is only meant to be used to save you .Right?
(ฉันสามารถใช้พลังวิเศษนี้เพื่อปกป้องเธอ พลังนี้แหละ ที่จะดูแลเธอเป็นอย่างดี เชื่อฉันสิ)
ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ที่มีพลังจิตคนอื่นๆ ได้เข้ามาในชีวิตของนานาเสะ แต่ละคนก็เข้ามาพร้อมที่จะคลี่คลายปริศนาในอดีตทั้งในส่วนของตนเอง และในตัวของนานาเสะ อีกทั้งตัวนานาเสะเธอก็เป็นตัวส่งเสริมในการ ปลุกพลังวิเศษที่หลบซ่อนของแต่ละคน ไม่เว้นแม้แต่ดร.สาวฟุจิโกะ คนที่เคยร่วมทำงานกับคุณพ่อของนานาเสะมาก่อน (คนนี้มาเด่นเอาเรื่อยๆ แสดงโดย มิซูโนะ มิกิ ที่เล่นใน Beatiful life และ แขกรับเชิญ ใน Galileo ตอนที่ ๕) ปลุกดี แบบที่ไม่ต้องใช้แบงค์ม่วงแบงค์เทา เพื่อมาปลุกกระตุ้นเหมือนกับในบางม็อบ และดูเหมือนว่าคนอื่นๆจะพยายามใช้ชีวิตของตนเองปะปนร่วมกับคนปกติทั่วไป จะยกเว้นก็ในตัว มาซาฮิโระ ผู้ซึ่งมีจักษุทิพย์ มองทะลุภายในได้ทุกสรรพสิ่ง และพยายามใช้พลังวิเศษเพื่อตักตวง เอาผลประโยชน์จากความทุกข์ยากของผู้อื่น แต่นั้นก็ทำให้สมาชิกผู้มีพลังจิต ที่เคยอยู่กันกระจัดกระจาย เกิดการรวมกลุ่มโดยมีศูนย์กลางทั้งหมด อยู่ที่ตัวนานาเสะ ทั้งในฐานะความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินคำจะบรรยาย (เดี๋ยวมันจะทิ่มตาเอา) และในฐานะบุตรีซึ่งผู้เป็นพ่อในอดีต เคยทำอยู่ในหน่วยงาน ด้านการวิจัยศึกษาผู้มีพลังวิเศษเหนือธรรมชาติ ที่จะไปเกี่ยวพันกับ ตัวละครผู้มีพลังวิเศษทั้งหมดในปัจจุบัน ว่าเขาเคยมีความเป็นมาเป็นไปเช่นไร ถึงได้มีความเหมือนที่แตกต่างจากคนบนท้องถนนทั่วไปตามกิจวัตร และเป็นปริศนาต่อการอัตวินิบากกรรมเพื่อชดใช้ความผิดว่าจริงตามสมว่ารึไม่ และนั่น ก็ทำให้การพัฒนาในอำนาจวิเศษในตัวของนานาเสะก็ค่อยๆผุดขึ้น เป็นเงาตามตัว ทั้งการควบคุมจิตใจคนและการย้อนเวลา ซึ่งในทุกๆการเคลื่อนไหว ของคนกลุ่มนี้ มีผลต่อการจับตาทั้งในส่วนของหน่วยวิจัยในพลังเหนือธรรมชาติ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่สามารถหาคำอธิบายในรูปแบบทางสำนวนทางคดีได้
ถ้าจะให้ถามว่านักแสดงคนไหน พอจะมีเค้าให้คนไทยได้พอรู้จักบ้าง ในสายตาของผู้เขียนแล้ว ก็เห็นจะเป็น ตัวพ่อของนานาเสะ ที่เล่นโดย ลุงฟุมิโยะเจ้าเก่าเจ้าประจำ กับ เจ้าหนุ่มพลังสสารเคลื่อนเฮนรี ที่เล่นโดย กากุ โทโมฮิโระ ไอ้หนุ่มเสียความทรงจำในหนัง Hana and Alice เด็กไม่ดีใน All About Lily Chou-Chou และเด็กกลัวผีใน Ju-on: The Curse 2 และยังเจอไอ้หมอนี้ในซีรีย์ในฐานะแขกรับเชิญ ใน ROOKIES ตอนท้ายๆ แต่นักแสดงชายที่เล่นได้เด่นกว่า เพราะมาฐานะฮีโร่แมนของเรื่อง อย่างไอ้หนุ่มนิรนามโคซุเกะ ที่ดูไกลๆแบบยังมีสารยากันยุงตกค้าง นึกเอาว่าเป็นนักสืบกาลิเลโอมาซาฮารุ ด้วยโครงหน้าและทรงผมคล้ายๆกัน ที่ถ้ามาซาฮารุเล่นแง่ ในภาคต่อของนักสืบกาลิเลโอเขา อย่างน้อยๆผู้สร้าง ก็ยังพออุ่นใจ ไม่ต้องมาโคลนนิ่งเพาะเนื้อเยื่อ โดยเข็นไอ้หมอนี้ ขึ้นมาทาบรัศมีแทนได้ เพราะวิธีการเล่นก็ดูจะเข้ากับใคร ได้ไม่ง่ายนักเช่นกัน แต่จริงๆแล้ว ไอ้หมอนี้ มันมีชื่อว่า ชิโอยะ ชุน ถ้าไม่อ่านประวัติ ก็นึกไม่ออกว่าเคยเล่นซีรีย์ที่ผู้เขียนเคยผ่านตามาแล้วใน หมอโกโตะภาคแรกและ ซีรีย์เรื่อง Byakuyako บารมีความเป็นพระเอกห่อหุ่มในเรื่องนี้ น่าจะมีผลสืบเนื่องในเรื่องต่อๆไปอยู่ไม่น้อย และที่สำคัญกว่าอื่นใดในทั้งหมด ก็ต้องเป็นนางเอกจากซีรีย์เรื่องนี้ ที่ตั้งใจจะเป็นจุดขายและจุดล่อ ที่มีแมงเม่าอย่างผู้เขียนหลงบิน ยอมให้ติดกับเป็นเหยื่อแบบไม่เอาเรื่องเอาความ เธอคือ เรนบุทซึ มิซาโกะ หรือ น้องเรนจัง สาวเลือดกรุ๊ปโอ ที่เพิ่งเข้าวงมาได้ไม่นาน ก็ขึ้นหิ้งเป็นนางเอกตัวยืนกะเขาแล้ว Nanase Futatabi ถือเป็นซีรีย์เรื่องที่สาม แต่กับสายภาพยนตร์แล้วก็รับเล่นมาอยู่พอสมควร ที่เล่นแล้วได้รับรางวัลก็มีเรื่อง Battery ในบท มายุ ยาจิมะ แต่กับแฟนคนไทยดูเหมือนจะรู้จักจากเรื่อง Dive!! ในบท เคียวโกะ นิชิกาวา เจริญแต่สายนักแสดงโดยไม่มีความเป็นนักร้องมาประกอบ ถือว่าน่าจะเอาดีและพัฒนาฝีมือได้ในเร็ววัน
ซีรีย์เรื่องนี้ อาจสร้างความหวาดหวั่นใจให้กับใครหลายๆคน ที่รู้ว่า สถานี NHK เป็นผู้ได้สิทธิ์ในการรีเมก นั่นหมายความว่า พล็อกเรื่องใน Nanase Futatabi ต้องไม่ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ให้กับวงการบันเทิง เมืองยุ่นอย่างแน่นอน ด้วยต้นฉบับดั้งเดิมในระดับที่เรียกว่า Original writing ที่เขียนโดย เท็ตซึอิ ยาสุตากา ถือเป็นนักเขียนวรรณกรรมเชิงวิทยาศาสตร์ ที่เลื่องนามของประเทศพอดูคนหนึ่ง ไปคว้ารางวัลในประเทศตัวเองมาตั้งมากมาย แถมยังได้รับการเชิงชูเกียรติ์จากรัฐบาลฝรั่งเศสมาอีกด้วย และไม่อยากบอกเลย ว่า หมอนี้เป็นคนคนเดียวกับที่เขียนบทในงานอนิเมชั่นเข้าใจยาก ใน Paprika ด้วยละตัวเอง ส่วนถ้าจะให้ย้อนอดีตความเป็น Nanase Futatabi ทางทีวี ด้วยแล้ว ก็ต้องเท้าความไปไกลตั้งแต่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในปี ๗๙ ที่ทาง NHK ยังถือลิขสิทธิ์เรื่องนี้อยู่ โดยมี ทากิกาวา ยูมิ รับบทเป็น ฮิตะ นานาเสะ เป็นคนแรก พอมาปี ๙๕ ลิขสิทธิ์ถูกโอนค่ายมายังฟูจิทีวี แต่เอามาเสนอแค่ตอนสั้นเพียง ๖ ตอน ได้มิซุโนะ มากิ มารับบทเป็น นานาเสะ ในรุ่นที่สอง และจากนั้นอีกสามปีต่อมา Tv Tokyo ก็เอามาสร้างด้วยเวลาฉายปกติ ๑๓ ตอน โดยมี วาตานาเบ้ ยูกิ มารับบท นานาเสะรุ่นที่สาม ให้ดูเป็นสาวทอมบอยกล้าคิดกล้าลุยมากขึ้น จนกาลเวลาข้ามมาปี ๐๘ นานาเสะในรูปลักษณ์สมัยใหม่ก็มาตกในอ้อมกอดของหนูเรนจัง ที่ผู้เขียนไม่คิดจะย้อนกลับไปดูพัฒนาการของคนรุ่นป้านานาเสะ ที่เคยเล่นไว้อีกเลย ให้มาทิ่มแทงใจ ว่าคนรุ่นป้านี้แหละ มันก็ร่วมรุ่นเดียวกับผู้เขียน ซึ่งถ้าให้ต้องย้อนกลับไปดูตอนนี้ ผู้เขียนยังมิอาจทำใจได้
You can't move forward while you only see their negative side.
(เธอไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ถ้าเธอยังมั่วมองพวกเขาแต่เพียงแง่ลบอย่างนี้)
Where there're shadow or negative sides to the powers. There must also be light.
(ไม่ว่าเงาหรือเจ้าอคติแง่ลบ มันก็มีด้านสว่างในอีกด้านของตัวมันเองนะเธอ)
ในความเห็นส่วนตัวนะ แบบที่ไม่เคยได้ดู (หรือเคยดู?) Nanase Futatabi ในเวอร์ชั่นก่อนๆ ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดคาดกับความเป็นเอ็นเอชเคภิวัฒน์ ที่ทำได้น่าประทับใจในระดับหนึ่ง แต่กระนั้น ก็ยังติดกลิ่นจารีตนิยมบางส่วนที่ค่าย NHK พึ่งปฏิบัติในทุกเรื่องทุกสมัย และการใส่ความคิดแบบอนุรักษ์นิยมตกยุค ในบางช่วงบางตอน ผู้เขียนเชื่อว่า หลายคนพยายามนำไปเปลี่ยนกับ Hero หรือ Supernatutal ที่เป็นซีรีย์ของคนมะกัน ที่โครงเรื่องและเนื้อหาปูไว้เกี่ยวกับมนุษย์ผู้มีพลังวิเศษ เพียงแต่ทางฝั่งโน้น เขาเน้นความสนุก ตื่นเต้นและติดลูกเร้าใจตลอดทุกก่อนโฆษณาคั่น ผิดกับ เรื่องใน Nanase Futatabi ที่จะใส่ปรัชญานิยมและการเล่าเรื่องที่สืบเรื่องไปเรือ่ยๆ ไม่มีลูกวือหวาหรือโชว์เทคนิคพิเศษสุดพิศดารจนอ้าปากว้อ (ส่วนแฟนๆ ซีรีย์จาก Psychometrer Eiji อาจต้องคิดให้หนักหน่อย แม้จะขึ้นชื่อว่า เป็นซีรีย์จากประเทศเดียวกัน แถมยังเป็นแนวเร้นลับเหนือธรรมชาติก็ตาม) แต่มุ่งกระเทาะปัญหาในอคติจากสายตาของคนที่มองผู้อื่นที่แตกต่างไปจากตัว และไม่เคยย้อนมองหรือมุ่งแสวงหาความหมายในตัวตน แต่ความน่าเบื่อของค่าย NHK โดยผู้เขียนเพิ่งเผชิญจากซีรีย์ของค่ายนี้ อย่าง Spica Twin คือ การเล่าเรื่องแบบซื่อๆ ที่ถ้าต้นฉบับนี้ไปตกกับค่ายสถานี อย่างฟูจิหรือTBS อาจได้รสชาติที่แตกต่างกันออกไป และปัญหาที่แก้ไม่จบ ของค่าย NHK คือ การทำตอนจบที่มักจะประคองเอาไว้ไม่เคยอยู่ คล้ายๆกับว่าพลังทั้งหมดต่างระดมทิ้งไว้ในช่วงครึ่งแรกเพื่อเอาคนดูให้อยู่หมัด ในส่วนความแปลกใหม่ในการนำเสนอ อันนี้ก็ต้องบอกว่า เหมือนเคยกับซีรีย์ร่วมสมัยที่ค่ายนี้เคยปฏิบัติกันมา ยังคงแข็งแรงและไม่เคยหลุดจากกรอบ ให้ออกนอกเลนไปเสียที ไม่รู้จะบอกว่า จารีตนิยมอันเข้มแข็งหรือกองโปรดิวเซอร์เขาแข็งแรงกว่าผู้กำกับ ก็ไม่อาจจะทราบได้ ถึงกระนั้นก็เชื่อเหลือเกินว่า โครงเรื่องของ Nanase Futatabi ได้มีอิทธิพลต่อแนวการเขียนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ ทั้งในส่วน ของการ์ตูนและภาพยนตร์ของเกาะญีปุ่น ที่มักไม่หลุดไปจากขนบนี้สักเท่าไรนัก Nanase Futatabi รุ่นที่สี่นี้ มีจำนวนสิบตอน ที่มีความคาดหวังเป็นภูมิคุ้มกันไว้ก่อนหน้า และภูมิคุ้มกันของผู้เขียนนั้นก็ทำงานได้ดีสักด้วย จนไม่รู้สึกว่าคุ้มค่าหรือเสียดายแต่อย่างใด ยังคงดูด้วยความเพลิดเพลินใจ และสอดแทรกแง่คิดสาระได้พอประมาณ จนเชื่อว่า ถ้ามีการเอามาทำใหม่ในครั้งที่ห้า ด้วยความกล้า ทุนที่หนาและเทคโนโลยีที่เต็มเปี่ยม น่าจะสร้างอรรถรสแบบสมบูรณ์อย่างที่บทประพันธ์ของยาสุตากา ที่ยังเก็บซ่อนลูกชิ้นดีๆเอาไว้ และรอวันที่จะปล่อยของนั้นออกมา อย่างที่ TBS เคยทำให้ Orthoros Dog กลายเป็นซีรีย์ประทับทรวงในปีที่แล้ว ซึ่งจะว่าไป Nanase Futatabi เป็นบทที่มีสีสันที่น่าจะสนุกกว่า Orthoros Dog แบบเทียบไม่ติดเสียด้วยสิ
ล่าสุดโครงการ ยกระดับ Nanase Futatabi ให้กลายเป็นหนังก็เป็นจริงได้ เมื่อผู้กำกับ คาซุยะ โคนากะ ประกาศการลงโรงในปี ๒๐๑๐ เข็นบรรดา นักแสดง อย่าง ตำรวจนักสืบหญิงใจกล้า เซอิ อาชินะ จาก bloody monday มารับบทนานาเสะหญิงสาวผู้มีญาณพิเศษ รอมาสามสิบปีก็ได้เข้าโรงเป็นที เป็นทางกับเขาสักที แต่อาจต้องทำใจในสไตล์ผู้กำกับท่านนี้นิดนึง เพราะสายงานของพี่ท่าน จะเน้นหนักไปทางสายยอดมนุษย์จากดาว M78 ของสายตระกูลอุตร้าแมนมูวี่ แต่เชื่อใจได้นิดเพราะก็เคยกำกับการ์ตูน ชื่อดัง BlackJack โดยให้นักแสดงเล่นจริง และคนๆนั้น ก็ไปเล่นเป็นพระเอก ใน Departures นั้นเอง ........
อวยข้อมูลจาก
imdb และ dramawiki เจ้าประจำ
Create Date : 27 มีนาคม 2553 |
Last Update : 10 ตุลาคม 2555 13:57:39 น. |
|
19 comments
|
Counter : 3386 Pageviews. |
|
|
จะไปหามาดูบ้างนะคะ
ชอบเรื่องแนวนี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวและบทแปลดีๆค่ะ