|
ค้นๆรื้อๆ กับเรื่องราวของStudio Ghibli
หลังจากที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือน กลับบ้านเนื่องด้วยภาระ การไหว้บรรพบุรุษตามแบบธรรมเนียมจีนโบราณ ถือโอกาส ได้ขุดคุ้ยและจัดระเบียบสมบัติเก่าๆของตัวเอง เลยได้ปัดฝุ่น สมบัติเป็นตลับม้วนVHS 2 ม้วน ที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานาน เกือบสิบปี ไม่รวมเครื่องเล่นที่ดูเป็นสิ่งล้าสมัยในสายตาคน รุ่นปัจจุบัน ยังดีที่ทั้งสองสิ่งยังสามารถใช้การได้แม้ไม่ดีนัก สิ่งที่ถูกบันทึกในม้วนVHS นั่น เป็นหนังการ์ตูนที่นอกเหนือ การรับรู้วัยเด็ก เพราะยุคดังกล่าว ถ้าไม่ใช่ DRAGON BALL หรือ พวกเซเลอร์ มูน ประมาณนั่น ที่ได้มาก็คงไม่ต่างจากคนอื่น ตรงที่ปากแนะนำต่อๆกันมา ประกอบด้วยเรื่อง สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Firefries) และ My Neighbor Totoro ถึงแม้ทั้งสองเรื่องจะไม่มีตัวอักษรบรรยายใต้ภาพ และพากย์เสียงแบบต้น ฉบับภาษาญี่ปุ่นทั้งเรื่อง แต่เราก็สามารถทำความเข้าใจจากเนื้อเรื่องที่ไม่ซับซ้อน และสามารถสื่อสารได้ดีกับทุกกลุ่มผู้ชมได้ไม่ยาก การรับชมในส่วน ตัวของผมค่อนข้างจะยากลำบากและขัดใจอยู่ไม่น้อย หากใครที่เคย เป็นนักเล่นเครื่องวีดีโอแบบยังใช้ระบบจักรกล กลไก คงพอรู้ว่า เครื่องวีดีโอตลอดจนตลับหนังที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้นาน หัวอ่านจะ สกปรกได้ง่าย จากที่ไม่ค่อยชัดก็จะกลายเป็นภาพซ่าๆ (แล้วการหา ซื้อน้ำยาล้างหัวเทปก็ไม่สะดวกเหมือนยุคที่ตลัปวีดีโอยังเป็นที่นิยม อยู่) แต่สำหรับคนยุคใหม่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารอย่างรวดเร็ว มันทำให้ผมรับรู้อย่างชัดเจนจากหนังทั้งสองเรื่องมากขึ้น แน่นอน อรรถรสจากหนังก็ย่อมมีมากกว่าเดิม แต่อารมณ์ที่ได้รับก็ยังไม่ต่าง จากวัยเด็กที่ผมรับรู้คือ ความเศร้าและรอยยิ้มปนระคนกันไป อย่าง เรื่องแรก Grave of the Fireflies เรื่องนี้โด่งดังตั้งแต่ผมรู้จาก นิตยสารรายเดือน ทีวีแมกกาซีน ฉบับต้นๆ ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความ สัมพันธ์ของสองพี่น้อง เซตะ กับเซตซะโกะที่รับผลจากความโหดร้ายจากสงครามโลกครั้ง ที่สอง เพิ่งมาทราบที่หลังว่าเป็นการดัดแปลงจากหนังสืออัตชีวประวัติ ของ อะคิยูกิ โนซากะ กำกับโดย ฮิซาโอะ ทาคาฮาตะ ส่วนเรื่องที่สอง เป็นหนังเชิงจินตนาการวัยเด็ก My Neighbor Totoro สำหรับเรื่องนี้ผมจำได้ติดตาจากสัตว์ประหลาดที่มีส่วนผสมของ กระรอก แรคคูน แมว จนออกมาเป็นตัวอะไรสักอย่าง เป็นเรื่องของเด็ก สองพี่น้อง ซัทซึกิ และ เม ที่ย้ายมาอยู่เขตชนบทกับพ่อเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับ แม่ที่กำลังป่วยอยู่ จนได้พบเทพองค์หนึ่งในร่างของสัตว์ จนได้พบกับเรื่อง ราวที่สนุกสนานและประทับใจในบัดดล กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ หนังทั้งสองเรื่องของสตูดิโอGhibli (ตอนแรกผมคิดว่ามาจากผู้กำกับคนเดียวกัน) ภาพยนตร์ของสตูดิโอGhibli โดยภาพรวมทั้งสองเรื่อง สำหรับเรื่องสุสานหิ่งห้อยเป็นสิ่งที่พยายามเชื่อมต่อทางความคิดทางประวัติศาสตร์ระหว่างคนรุ่นสู่รุ่นในท่ามกลางความรุ่งเรื่องทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อรับรู้บาดแผลและความยากลำบากจากผลของสงครามโดยสื่อสารผ่านตัวแทนจากสองพี่น้อง แสงจากหิ่งห้อยจึงเป็นความหวังอันยิ่งใจจากจิตใจที่บอบช่ำที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้น (ถูกสร้าง เป็นภาพยนตร์ที่คนแสดงจริงในวาระครบรอบ60ปีของสงครามโลกครั้งที่สองในปี2005) ส่วนโตโตโร่สะท้อนปรัชญาชินโต(Shinto Idea)และตำนานเทพแห่งลม(Kami Spirit) ทั้งสองเรื่องเป็นการ์ตูนที่สร้างชื่ออันดับต้นๆ ของยุคปลายปี 80 ถือเป็นการเปิดชื่อให้กับสตูดิโอ (จนตัวTotoroกลายเป็นMascotประจำของสตูดิโอไปบัดดล) ผู้กำกับทั้งสองถือ เป็นเสาหลักตั้งแต่เริ่มต้นในการก่อตั้งสตูดิโอ เหตุที่เลือกชื่อ Ghibli มาจากเครื่องบินตรวจการณ์ของประเทศอิตาลีที่ใช้ในทะเลทรายซาฮารา ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง คำนี้มีที่มาจากคำในภาษาลีเบียนที่แปลว่า "ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮารา" เปรียบได้กับ สตูดิโอที่พัดเอากระแสลมลูกใหม่ผ่านมายังอุตสาหกรรมอะนิเมะของญี่ปุ่น ภาพยนตร์เรื่องแรกภายใต้การก่อร่างสร้างตัวของสตูดิโอ คือเรื่อง Castle in the Sky (1986) ล่าสุดประธานสตูดิโอ Toshio Suzuki ที่เป็นผู้เริ่มต้นและประคับประคองมาโดยตลอด ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แต่ยังคงได้รับเกียรติในตำแหน่ง Producerและบอร์ดบริหาร สตูดิโอGhibliจึงเป็นลมหายใจของการ์ตูนสองมิติ ท่ามกลางกระแสการ์ตูนสามมิติ ที่เป็นที่นิยมในทุกสตูดิโอ แม้ว่ายุคหลังๆหนังจากสตูดิโอแห่งนี้มักมีจินตนาการลึกล้ำจนตามไม่ทันเสียที
ข้อมูลจาก wikipedia และ onlineghibli
Create Date : 04 เมษายน 2551 |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2552 0:12:12 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1805 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.79.196 วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:17:18:03 น. |
|
|
|
โดย: louis vuitton sito ufficiale IP: 94.23.252.21 วันที่: 4 สิงหาคม 2557 เวลา:1:02:06 น. |
|
|
|
| |
|
|
แม้บางเรื่องจะมีปัญหาตีความไม่แตก
แต่ก็ดูได้อย่างสนุก อาจจะเป็นเพราะเป็นคนชอบดูหนังการ์ตูนก็เป็นได้
แต่คิดว่าเรื่องที่โดนที่สุด คงจะเป็นMy Neighbors the Yamadas
แม้ว่าลายเส้นจะไม่สวย วาดแบบลายเส้นการ์ตูน
แต่ก็สื่ออารมณ์ได้ดี เนื้อเรื่องสนุกสนานดูแล้วหัวเราะได้เป็นระยะๆ
และชอบความผูกพันของคนทั้ง 3 gnerationในครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน
เป็นสายใยความผูกพันที่น่ารักๆภายในครอบครัว
ส่วนเรื่องMy Neighbor Totoro ถ้าไม่ชอบก็คงเป็นเรื่องผิดปกติแล้วล่ะค่ะ
เรื่องนี้จินตนาการล้ำลึกจริงๆ ดูแล้วอยากรู้จักโตโตโร่บ้าง
อีกเรื่องที่ประทับอยู่ในความทรงจำ Whisper of the Heart
ดูแล้วนึกถึงชีวิตวัยใสแบบนั้นจัง แม้ว่าจะไม่ได้ฟังเสียงกระซิบจากหัวใจเหมือนชิซึกุ
แต่แนวทางที่ตัดสินใจเลือกเดินก็ไม่ได้ทำให้เสียใจ
เรื่องนี้ดูแล้วชอบฮัมเพลงตาม เพลงเพราะมากๆ
พระเอกสีไวโอลิน นางเอกร้อง Country Road ด้วยเสียงใส ๆ หวาน ๆ
ช่างเป็นความทรงจำที่งดงามจริงๆ
Kiki's Delivery Service แม่มดน้อยกิกิ เรื่องนี้ชอบภาพของหนังมาก
เป็นการ์ตูนที่วาดได้สวยจริงๆ ทั้งสีก็สด ชอบทุกฉากทุกภาพ
แม้เนื้อเรื่องจะไม่เด่น แต่แค่ได้ดูภาพการ์ตูนก็คุ้มแล้วค่ะ
และเรื่องที่ต้องบอกว่ารักมากเช่นกัน แต่ก็กลัวที่จะหยิบขึ้นมาดูอีกเช่นกัน
คือ Grave of the Fireflies เพราะเนื้อหาที่สะเทือนใจมากๆ เศร้าสุดๆ ร้องไห้จนปวดหัวไปหมด
เป็นหนังต่อต้านสงครามที่ทำได้เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยค่ะ
ส่วนเรื่องที่ดูแล้วไม่รู้ถึงสิ่งที่หนังต้องการสื่อเลยคือPrincess Mononoke
ช่างด้อยพัฒนาจริงๆ
ส่วนเรื่องอื่นๆก็ยังคงอยู่ในความทรงจำที่งดงามเช่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้กล่าวถึง
และStudio Ghibli อีกเช่นกัน จากเป็นคนที่ไม่เคยตั้งกระทู้เลย
ก็ได้ลิ้มลองการตั้งกระทู้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว โดยตั้งทระทู้ขอภาพจากหนังทุกเรื่องของ
Studio Ghibli และไม่ผิดหวัง มีคนมาแปะให้ตามคำขอเพียบ ยังรู้สึกขอบคุณมาจนถึงทุกวันนี้
และยังปลื้มได้อีกเมื่อถูกชมว่าเป็นกระทู้ดีๆ ที่ทำให้คนที่เข้ามามีแต่ความสุข
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นเมื่อรู้จักStudio Ghibli