|
Gokusen the Movie เมื่อลูกสาวยากูซายังอยากจะขอเป็นครูต่อ
"เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของวงการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นไปเสียแล้ว ที่ต้องเอาละครที่ประสบความสำเร็จ มาสร้างภาคต่อเพื่อเก็บตังค์เนื้อ ๆ จากผู้ชมทั่วประเทศ"
จริงของท่าน Filmism แห่งบล็อกแก็งค์ที่เคยว่าไว้ เมื่อกรกฎาคม สองปีที่แล้ว ทำไงได้ ในเมื่อฐานของคนดูผู้เป็นกำลังซื้อ มันมีอยู่ ด้านหน่วยสปอนเซอร์เองก็กล้าที่จะลงทุน ในขณะที่ทีมผู้สร้างก็มีแรงพอที่อยากจะทำ องค์ประกอบครบครันเช่นนี้ มีเหรอจะปล่อยวางได้ เมื่อเห็นกำไรอยู่ตรงหน้า เราจึงพอมองเห็นซีรีย์ที่ไปเติบโตทางการเงิน ผ่านกระบวนการฟอกตัวซ้ำที่ช่องขายตั๋ว นึกตัวอย่างตอนนี้ได้ก็มี Rookie,Galileo,Hana Yori Dango เดินพาเหรดแบบเรียกสมาชิกแฟนคลับ ให้เปลี่ยนจอโลกทัศน์ทางทีวีไปสู่หน้าจอกลางโรง ซึ่งอาจจะมีน้อยคนนัก ที่จะรอการอารัมภาบทล่วงหน้าแบบโอดครวญของเสียงนักวิจารณ์ ด้วยคุณสมบัติของการเป็นแฟนคลับที่ดี เขาไม่มัวมาพะวาพะวงอยู่กับคุณภาพของเนื้อหา มากไปกว่า การได้ปลดปล่อยแรงความคิดถึงอันบริสุทธิ์ใจ ที่เคยได้เชือ่มสัมพันธภาพระหว่างกันและกันไว้กับกลุ่มคนดู ให้เปรียบเสมือน ญาติสนิทที่ต่างบิดา-มารดา เรียกว่า เกริ่นเรื่องขึ้นมานิดหน่อย อดีตความต่อจากนั้นก็เข้าถึงได้โดยฉับพลันและทันการณ์
เหมือนกับงานคืนสู่เหย้าชาว Gokusen ที่จะมาเสนอในวันนี้ ก็เป็นฤทธิ์จากงานที่ประสบความสำเร็จด้วยดีในฉบับไตรซีรีย์ ที่ไม่ว่า ค่าย NTV จะลงมือทำภาคหนึ่งภาคใด ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จด้วยดี หรือจะพูดให้เข้าที ก็ต้องเรียกว่า "อย่างล้มหลามทางเรตติ้ง" ชนิดที่เกินหน้าและข้ามตา กับอีกหลายๆซีรีย์ ไม่ว่าจากค่ายเดียวกันเอง และนี้ยังไม่รวมถึงค่ายต่างถิ่น ที่เห็นยอดเปอร์เซ้นต์ เป็นต้องน้ำลายหก จึงมักเป็นผลให้เกิด ในส่วนของภาคขยายอย่างตอนสเปเชียลอยู่เนืองๆ ไฟล์บังคับของซีรีย์ขายดีที่จบลงในแต่ละภาค และในที่สุดก็จำต้องยกระดับงานสร้าง ไปสู่โลกของภาพยนตร์เพื่อตอบสนองแก่จิตศรัทธาของผู้คนในสายโปรโกคูเซน ที่ต่อท้ายยามใด ผู้เขียนมักจะไตร่ถามถึงจุดของการพัฒนาที่มากไปกว่าเดิม ว่าคุณพี่ท่านจะใช้สูตรตีกิน ด้วยเพียงแค่การเปลี่ยนหน้านักเรียน 3D ยกชั้น แค่กระนั้นเหรอ?
ถึงปากจะเที่ยววิพากย์วิจารณ์งานซีรีย์สกุลโกคุเซน อย่างไม่ลดละมาถึงสามภาค แต่ทว่า สุดท้ายปากก็มักไม่ตรงกับใจ แม้สรีระภายนอก จะฟ้องว่า มันมักจะไปตรงกับจมูกสูดกลิ่น แล้วไปจบสิ้นผ่านช่องปากอย่างสบายใจ ดังนั้น ถ้าเรื่อง "กิน" เป็นเรือ่งที่ตามใจ "ปาก" แล้ว ก็อยากจะบอกอีกทางว่า "โกคุเซน" ก็เป็นเรื่องที่ตาม "ใจ" ที่เปลี่ยนสภาพเป็นนายสั่งใช้ให้ทำ โห! เห็นสำนวนเล่นคำที่ลึกซึ้งอย่างนี้แล้ว อย่านึกไปว่า โกคุเซนเดอะมูวี่ จะเป็นงานที่ซับซ้อนตามระบบคิดของผู้เขียน ตรงกันข้าม โกคุเซนกับเป็นหนังที่แทบไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากใจรำคาญใจ ซ้ำร้าย อาจจะต้องเรียกหา "ความซับซ้อน" เพิ่มเติมเชิงปริมาณอีกไม่น้อย หนังเปิดเรื่องดูเหมือนจะเข้าท่า เมื่อมีกลุ่มสลัดอากาศกำลังจี้เครื่องบินอยู่บนเครื่อ่ง และถือเป็นความโชคร้ายของกลุ่มสลัดอากาศเหล่านั้น เพราะในเที่ยวบินไฟล์ดังกล่าว ดันไปมีอาจารย์สาวผมแกละ-แว่นตากลม "ยามากูชิ คุมิโกะ" กำลังนั่งหลับเจ่าแบบไม่รู้เรื่อง-ราว ถ้าเป็นแฟนคลับที่เคยติดตามกระบวนทัศน์แห่งโกคุเซน ไม่ต้องถึงขนาดไตรภาค เอาเพียงแค่ภาคใดภาคหนึ่ง ไม่สิ! ตอนใดตอนหนึ่งก็ได้ คงพอคาดเดาโศกนาฎกรรมของกลุ่มสลัดอากาศกลุ่มหนึ่งได้ถนัดตา และนี้ อาจจะเป็นปัญหาระดับต้นๆของตัวผู้เขียนเอง ที่นั่งคิดไปไกลถึงตอนจบของหนัง ว่า "ขนาดกลุ่มสลัดอากาศระดับผู้ก่อการร้าย ยังไม่คณามือเยี่ยงนี้ แล้วทื่เหลือต่อจากนี้ ก็คงไม่มีอะไรในใต้ฟ้า ที่ยัยทาคุมิจะจัดการให้ไม่ได้" แต่ช้าก่อน หนังไม่ได้ขายการจัดการแบบดุดันประเภทนั้นเสียทั้งหมด ถึงแม้ว่าทีเซอร์จะมองว่า นี้แหละน๊า! คือ จุดขายที่สมบูรณ์แบบอันตื่นตาตื่นใจ ของชนชาวโกคุเซน ที่ชอบเห็นความเจ็บปวดของอีกฝ่ายเป็นบทเรียนเสมอๆ
ต้องทำความเข้าใจเป็นภูมิเบื้องต้นนิดก่อนละกันนะครับ ว่า งานสร้างของโกคุเซน ฉบับมูวี่ที่เป็นหนังใหญ่ เป็นงานที่รีบสร้างแบบต่อยอด ของความเป็นภาคสามในฉบับซีรีย์ ที่เพิ่งจะฉายจบลงไม่นานนัก เรียกได้ว่า ฉบับซีรีย์ในภาคที่สามจบบริบูรณ์เมื่อ มิถุนา ปี ๒๐๐๘ ต้นเดือนมีนา ปี ๒๐๐๙ ทางค่าย NTV ก็เข็นภาคสเปเชียล ให้มาเรียกน้ำย่อยกันสักหน่อย ก่อนจะเปิดฤกษ์ให้ได้เข้าโรงฉายพร้อมกันทั่วประเทศ ในอีกสี่เดือนถัดมา แบบมีลำดับการณ์เป็นขั้นเป็นตอน มีทั้งยั่วและดึงเกมส์ มิใช่รีบเข็นจนสิ้นไร้ถึงการรอคอยที่คุ้่มค่า แต่ทว่าเนื้อหาของการเป็นสากลภาพยนตร์ มันเป็นอะไรที่ต้องเอาข้อเปรียบเทียบนั้น โยนไปให้ไกลๆ อาจถือว่าเป็นโชคดีหน่อยของคุณครูคุมิโกะ ที่ไม่โดนย้ายโรงเรียนเมื่อครั้งก่อนๆ เพราะครั้งนี้ในฉบับมูวี่ เจ๊เธอยังคงเป็นครูประจำชั้นของห้องสุดเฮ้ว 3D แห่งรร.อาคาโดะ 3D ทีไร ก็รับประกันความยอดแย่เอาไว้กลายๆ (แบบว่าถ้าดูไม่ออกก็พาไปโกรกหัวทองยกช้ั้น เพราะนักเรียนแต่ละคนหน้านี้หวานซะ) ซึ่งครูสาวทาคูมิ ผู้มีภูมิหลังเป็นถึงทายาทรุ่นที่ ๔ของยากูซาตระกูลโอเอะโดะ ต้องพยายามซื้อใจและมอบความไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยมแก่ลูกศิษย์ของตน เพื่อนำทางให้พวกเขามาสู่ความเป็นลูกศิษย์ที่ดี มีความฝันบั้นปลายเป็นของตัวเอง และพอที่จะยิ้มรับใบประกาศนียบัตรเมื่อจบชั้นปี ด้วยความภาคภูมิใจ ผู้เขียน เคยเขียนสูตรสำเร็จนี้ สำหรับโกคุเซนมาแล้วถึง "สามครั้ง" แล้วประทานโทษ!! ดันเขียนเหมือนกันทุกครั้งที่ได้ดูจนจบ แม้คนละช่วงเวลา ในฉบับหนังใหญ่เดอะมูวี่ ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมแต่ประการใด มีเพียงการลดสัดส่วนของเรื่องให้ดูสั้นลง ไปสัมฤทธิ์ผลแห่งความเชื่อใจในหลักสูตรที่เร่งรัดขึ้น เพื่อจะได้ให้เวลาส่วนใหญ่อีกครึ่้งหนึ่ง ให้กับนักเรียนศิษย์เก่าประจำรุ่น ที่แบ่งออกได้เป็นสองส่วน กับอีกหนึ่งข้อยกเว้น
ส่วนแรก คือ ศิษย์เก่าอย่าง "โอดางิริ" (คาเมะ แห่งวง Kat tun) ศิษย์ผู้สำเร็จการศึกษาในภาคที่สอง ซึ่งมีครูคุมิโกะเป็นครูประจำชั้นห้อง3D เป็นผู้ชี้แนะทางสว่างให้เขากลับมาร่วมชั้น เพื่อสำเร็จการศึกษาปลายภาคเรียนไปพร้อมกับเพื่อนๆ ก่อนที่พ่อของเขาจะส่งตัวไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ การกลับมาครั้งนี้ของโอดางิริ เปลี่ยนสถานะของนักเรียน มาสู่การเป็นครูฝึกสอนชั่วคราว ที่ยังไม่แน่ใจนัก ในชะตาชีวิตของการเป็นครูต่อจากนี้ที่เหลือ เลยได้มีโอกาสรับการชี้แนะทางสว่างอีกครั้ง โดยครูคุมิโกะคนเดิมเจ้าเประจำ
ส่วนที่สอง เป็น ศิษย์ที่สำเร็จการศึกษาจากภาคที่สาม ประกอบไปด้วย คาซามะ เคน (รับบทโดย ฮารุมะ มิอุระ) โอกาตะ ยามาโต้ (รับบทโดย ทากากิ ยุยะ) เคนโกะ ฮอนโจ (รับบทโดย ฮิเดโอะ) อิชิมุระ ริกิยะ (รับบทโดย จุตะ) และ ซาโตรุ คุรากิ (รับบทโดย อากิ) เรียกได้ว่า รับช่วงการแสดงมายกแผง สืบเนื่องจาก ช่วงเวลาที่ต่อยอดระหว่างภาคซีรีย์ กับ ภาคความเป็นหนัง ยังดูไม่ห่างไกลนัก เมื่อเปรียบเทียบกับศิษย์ที่สำเร็จการศึกษาจากภาคหนึ่งและสอง โดยศิษย์รุ่นที่สาม ต้องไปพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดกับการดัดสันดานห้อง 3D ในเจเนเรชั่นสองของโรงเรียนมัธยมอากาโดะ ด้วยน้ำอกน้ำใจคุณครูคุมิโกะ ที่มีดาราหน้าเกิดของค่าย Johnny อย่าง โทมาโมริ ยูตะ เป็นเดียวชูโรง (ซึ่งครั้งนี้มาแปลก เพราะทุกทีเล่นขายกันเป็นแพ็ค แต่งวดนี้เฮียขอขายปลีก) ใช้การดำเนินเรื่องเชิงคู่ขนาน ที่จะไปทับซ้อนกันสองเรื่องราวเป็นหนึ่งเดียวในภายหลัง ซึ่งความชั่วร้ายเหล่านี้จะยั่งยืนได้ ก็ต้องมีนักการเมืองผู้ส่งอิทธิพลเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง (แทนที่จะเลือกนักการเมืองหน้าใหม่สักหน่อย ทีมงานดันไปเลือกเอา ซาวามุระ อิกกิ ที่อดีตเล่นเป็นตำรวจหนุ่มสุดปิ๊งในโกคุเซนภาคแรกให้ยัยคุมิโกะลุ่มหลง มาเปลี่ยนบท แปลงโฉมหน้าตาเฉยเลย)
ส่วนข้อยกเว้น ที่ว่าแบบใส่คำว่า "ส่วนที่สาม" ไม่ได้ คือ การร่วมรุ่นศิษย์ที่เหลือแบบเก็บตกภาคหนึ่งและสอง โดยหาช่วงเวลาคั่น ไม่ต่างจากโปรโมชั่นของโทรศัพท์มือถือ เพราะต้องเข้าใจว่า สถาบันโกคุเซนเป็นแหล่งบ่มเพาะนักแสดงดาวรุ่งชั้นยอดมานักต่อนัก ที่ปัจจุบัน ไปได้ดิบได้ดีในวงการบันเทิง จนแทบจะเฉียดเวลาหายใจยังเป็นเรื่องยาก จึงเป็นการไล่เก็บแบบเข้าฉาก ที่บางคนก็ดูเข้าทีดี แต่อีกหลายคนนี้ ดูเป็นการยัดเยียดแบบบรรจงถีบเข้าฉากเห็นๆ นักดูศิษย์เก่าแห่งสถาบันโกคุเซนอย่างเราๆ เลยได้เห็นหน้าคาตาพวกเขาเหล่านี้อีกครั้งในเวทีซีรีย์เรื่องเดิม อย่าง เจ้ามัตซึโมโตะ จุน ,โองุริ ชุน,นาริมิยะ ฮิโรกิ อิชิกากิ ยูมะ,โคอิเกะ เทปเป,โคอิเดะ ไคสุเกะ,ฮายามิ โมโคมิชิ (ขาดเจ้าอานากาชิ จิน นักแสดงจากภาคสองเพราะถูกต้นสังกัดตัดหางปล่อยสหรัฐ) ชนิดที่ว่าที่ว่า ถ้าเป็นสาวๆ หรือหนุ่มทำสาว มีต้องออกอาการกรี๊ดแอนด์กรี๊ดจนคอแห้ง เพราะเขาเหล่านี้ ค่อยๆทยอยมาให้สังเวยผ่านสายตากันทีละคน ส่วนใครที่ไม่เคยได้ติดตามโกคุเซนเลยสักภาค อาจจะมีลูกติดงงในเก้าอี้ตัวข้างๆ ว่าแก็งค์ชะนีเหล่านี้ชีมาในอารมณ์ไหน และประมาณใด แต่อารมณ์นี้แบ่งปันกันกรี๊ดได้ ในกรณีที่บ้าดาราหรือผ่านตาซีรีย์เรื่องฮิตจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยนักแสดงเหล่านี้ที่เอ่ยมา ล้วนผ่านการเข้าค่ายสถาบันโกคุเซนอาคาเดมีให้พอประทับตรา ดังนั้นอย่าได้แปลกตา หากจะมีนักแสดงหน้าใหม่หลายคน พยายามกระเสือกกระสน ที่จะเสนอหน้าเข้ามาในโกคุเซนภาคถัดมา แบบว่าดังชัวร์ ถึงแม้บทจะดูอ่อนๆการ์ตูนๆ เพราะมันทำมาจาการ์ตูนก็เหอะ ถ้าเล่นดีแล้วโตเร็ว ใครเหล่าเขาจะไม่อยากจะโชว์ตัว
เป็นเรื่องยาก ที่จะไม่ลองเปรียบเทียบระหว่างฉบับเดอะมูวีกับฉบับซีรีย์ ว่าจะมีความแตกต่างกันมากน้อยประการใด ซึ่งคนดูคงไม่ต้องทำใจอะไรกันมาก ก็แค่เป็นการเข็นโกคุเซนฉบับซีรีย์ แล้วหาน้ำยาลบคำผิดมาป้าย เขียนแปะทับใหม่ว่าเป็นเดอะมูวีแทน หรือพูดง่ายๆกว่านั้น ว่าเป็นการปฏิบัติตามสูตรอย่าเคร่งครัด จะเสียดายก็ตรงนักแสดงที่ถูกตัดบท ให้เหลือเพียงบุคลากรเข้าฉาก ที่ถือเป็นข้อบังคับของการเอาซีรีย์มาลงในหนัง ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของข้อจำกัดทางเวลา ส่วนนี้ ผกก. โทยะ ซาโตะ ที่ถือเป็นตัวตั้วตัวตี จากการกำกับโกคุเซนมากับมือทั้งสามภาค เลือกที่จะหั่นเวลาการแสดงของเหล่านักแสดงรุ่นใหญ่ มากกว่านักแสดงวัยรุ่นทั่วไป แบบไม่บอกก็รู้ว่า จะขายตลาดคนกลุ่มไหนมากไปกว่ากัน เป็นผลให้นักแสดงเรียกเสียงฮา แบบปิดทองหลังพระ อย่างครูใหญ่คู่กัด โกโระ ครูบาบา และเหล่าบรรดาสหายลูกหาบนายหญิง อย่าง เท็ตซึกับมิโนรุ เป็นเพียงแค่การมาปรากฎตัว ให้บทพูดนิดหน่อย แล้วไปรับค่าตัวเต็มๆ ในภาคที่สี่ละกัน (ถ้ามี? ซึ่งคงจะมี ออกจะเป็นหน้าเป็นตาของสถานีซะ) แล้วจะกล่าวหาว่าไปมีจุดขายอยู่แต่เฉพาะดาราวัยรุ่นชาย อันนี้ก็เกินไป เพราะหลักใหญ่ใจความที่เป็นตัวยืน ให้โกคุเซนอยู่ยั่งยืนยงมาได้สามภาคกับหนึ่งมูวี คงหนีไม่พ้นดารานักแสดง "นากามะ ยุกิเอะ" ที่คว้ารางวัลสถาบันวิจารณ์ทางซีรีย์ TDAA ถึงสามครั้งซ้อน เมื่อไปรับบทครูสาวสองร่าง "คุมิโกะ" ซึ่งถ้าจะถามว่า การแสดงของเธอพัฒนาขึ้นไหม ก็ถือว่าพอเสมอตัว ไม่ดีขึ้นและไม่ได้เลวลงกว่าเมื่อก่อน แม้จะเปลี่ยนสมรภูมิการฉายก็เหอะ เป็นความดีที่ออกจะจำเจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะมีใครพอรับบทนี้ได้ดีเท่าเธอ จะว่าไป เล่นในเงื่อนไขเดิมๆถ้านับเป็นตอนก็ได้ตั้ง ๓๓ ตอน ๓ สเปเชียล กับอีก ๑ มูวี่ ก็ยังถือว่าบริหารเสน่ห์ในบทครูอ่อนนอกแต่เเข็งใน ได้อย่างไม่รู้เบื่อ ยังคงเล่นบทซื่อได้ฮา บทจะออกลูกบ้าก็ยังฮาได้อย่างหลุดลุ่ย พอเวลาทำซึ้ง ก็เล่นเอาเงียบอึ้งจนพร่ำจะมีน้ำตาคลอมาหน่อยๆ (แต่พอภาคที่สองทันไป ก็พอจับทางอารมณ์ของสูตรนี้ได้จะชักเฟ้อๆ)
ถือเป็นงานคืนสู่เหย้าชาวโกคุเซน ที่หวังจะจับแผลแบบนักวิจารณ์ ก็คงต้องเรียกหารถพยาบาลโดยฉับพลัน ผู้เขียนจึงไม่กล้ายืนยันว่า คนที่ไม่เคยอ่านฉบับการ์ตูน หรือเคยชมซีรีย์ตอนหนึ่งตอนใดมาก่อน จะมีผลประทับหลังจบโรง แบบที่ต้องถวิลหาตามซ้ำในฉบับซีรีย์เลยรึไม่ เพราะในฉบับเดอะมูวี ก็ไม่ได้ถือว่าจะสร้างความประทับใจอะไรมากมาย ให้กับแฟนเก่าที่อุตสาห์อดตาหลับขับตานอน หรือแหกขี้หูขี้ตาตื่นแต่เช้า แล้วรีบจองหน้าจอทีวีเจ็ดสี ประมาณสิบโมงเช้าของวันเสาร์อาทิตย์ ถือเป็นงาน "เติมเต็มทางอารมณ์" หรือเป็น "มิตติ้งริมจอ" ที่พอเอาสาระ แม้จะซ้ำกับฉบับซีรีย์อยู่บ้าง แต่ถ้าลูกอารมณ์ฉันท์มิตรแล้ว ส่วนนี้มันมีดีเพราะจุดนี้ ลูกขยี้ดูเหมือนจะไม่เคยได้นำมาใช้บนฐานของซีรีย์มาก่อน (ยกเว้นว่าสูตรนี้เคยใช้กับอ้วนคุมะ ทายาทร้านบะหมี่ แต่เป็นฐานะปัจเจกบุคคลไป) จึงเป็นงานที่ดูก็ดี ไม่ดูก็ได้เพราะไม่ได้สร้างมิติที่แปลกใหม่มากไปกว่าเดิม ยังคงอยู่ในวงวนคำสอนให้เชื่อใจลูกศิษย์อย่างเชื่อมั่นและเติมพลังความฝันอย่างไม่ลดละ ซึ่งก็เป็นความเสียดายทุกครั้ง ที่ดันเสลอมาดูเอาตอนแก่แบบใกล้มอดมะร่ำมะร่ออยู่เนี่ยไง........
ครั้งหนึ่งเคยรำลึกถึงโกคุเซนฉบับไตรภาค ไว้ที่
Gokusen ภาคหนึ่ง
Gokusen ภาคสอง
Gokusen ภาคสาม
Create Date : 16 ตุลาคม 2553 |
Last Update : 23 ตุลาคม 2553 17:04:06 น. |
|
31 comments
|
Counter : 6731 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.69.100 วันที่: 17 ตุลาคม 2553 เวลา:2:31:01 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 17 ตุลาคม 2553 เวลา:7:51:53 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:16:40:52 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.22.147 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:33:18 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.17.32 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:52:52 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.1.158 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:25:10 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.67.115 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:52:15 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.74.195 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:46:58 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.49.141 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:35:33 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 113.53.182.221 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:39:03 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.31.188 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:23:54 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.93.160 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:46:11 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.73.236 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:03:24 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.181.92 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:54:50 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.24.173 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:34:17 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.64.54 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:32:10 น. |
|
|
|
| |
|
|
ทั้งคาเมะ ทั้งมิอุระ แถมมีชุนกับเทปเป้ด้วย
แล้วจะแบ่งบทกันยังไงล่ะคะเนี่ย
หรือว่าโผล่มาพอเป็นน้ำจิ้มให้พวกแม่ยกนำลายไหลคะ
ว้าว ว้าว!ชุนโพกหัวเป็นโจรสลัดเลย
แล้วเจ่เจ๊ยุกิเอะรับแต่บทนี้ไม่กลัวว่าภาพคุณครูคูมิโกะ
จะติดตัวไปจนตายหรอกเหรอคะ
แถมถ้าสรุปตอนท้ายว่าเรื่องนี้ดูก็ดี ไม่ดูก็ได้
งั้นเลือกอย่างหลังล่ะกันค่ะ เพราะไม่ได้เป็นแฟนคลับGokusen
แล้วเรื่องนี้รายได้ผ่านหรือเจ็บตัวคะ เดาว่าคงจะผ่านใช่ไหมคะ
เพราะแค่แฟนคลับของแต่ละหนุ่มก็น่าจะอย่างเยอะว่าไหมคะ