A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Dr.Koto Special วิถีที่เพียงพอของหมอโคโตะ







หลังจากที่เคยได้ร่าย ซีรีย์หมอโคโตะในภาคแรก เมื่อต้นปีที่ผ่าน
โดยแอบอาทรณ์น้อยใจปลายบทความเสียเล็กน้อย
ถึงความยากเข็ญ ในการแสวงหาภาคต่อให้พอเพื่อจะติดตาม
ติดในที่นี้ คือ ติดชนิดที่เรียกว่า
ถ้าหากเกิดมีวิถีชีวิตหมอชนบทบนเกาะแห่งนี้ขึ้นจริง ดั่งว่า
ผู้เขียนก็จะวิ่งแจ้นไปทำการโอนเงิน เพื่อสมทบทุน
สนับสนุนวงการแพทย์แผนหมู่เกาะทะเลไกล
หรือถ้าคุณหมอเกิดจะริสมัคร สก. สข. หรือ สส. ในนามของพรรคอิสระ
ผู้เขียนจะไม่เพียงแค่โนโหวต เหมือนเช่นปฏิบัติมาเกือบทุกการเลือกตั้ง
แต่จะลงขันอาสาเป็นหัวคะแนน ชักชวนหมู่เพื่อนบ้านในระแวก
ด้วยผลปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในแต่ละตอน ที่ซาบซึ้งและแสนจะกินใจ
ดั่งที่ได้ทำให้กับคนบนเกาะชิกินะ ตามที่ซีรีย์เขาเท้าความกันมาตั้งแต่เริ่มต้น




ความจริงแล้ว ซีรีย์ "หมอโคโตะ" เรือ่งนี้
หรือที่เป็นศัพท์แสงทางวิชาซีรีย์ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ที่มีชื่อว่า
Dr. Koto Shinryojo
ที่นอกจากขายชื่อชั้นและนามสกุลแล้ว
สิ่งเหล่านี้จะไม่มีความหมาย ถ้าหากว่าขาดซึ่งผลงานในเชิงประจักษ์ชัด
ส่วนชัดแค่ไหน อันนี้ไม่ขอเท้าความอธิบายอะไรกันมาก
เพราะเคยได้ร่ายกันมาเยอะจากการรีวิวในส่วนของภาคแรก
แต่ความชัดอาจไม่เยอะนัก เพราะสภาพกลั่นน้ำตาแห่งปิติรมย์ส่วนหนึ่ง
มันอาบเยิ้มไปทั่วทั้งสองแก้มในเกือบจะทุกๆตอน
ของเขาดีจริง แม้ไม่ต้องอาศัยพึ่งคำบอกเล่าหรือโมทนาสาธุคุณ
แต่อาศัยความรู้สึกส่วนตัวเป็นเครื่องชี้วัด
แต่จะลงความไปในภาคสองเลยกระนั้น
ก็เกรงว่า จะทำให้คุณค่าของความเป็นตอนสเปเชียล
ดูจะไร้ความหมาย ด้วยกระบวนการของการวางเค้าโครงและการลำดับเรือ่ง
ที่นอกจากจะชาญฉลาดแล้ว ยังมีความแยบยลในการขยายความ
ไม่ใช่อาศัยการสูบแม่น้ำทั้งห้า ที่เป็นสูตรสำเร็จวิธีโดยปกติ
เพราะไอ้วิธีการนี้ ได้ทำลายซีรีย์ดีๆในภาคแรก
ให้กลายเป็นโศกนาฏกรรมในซีรีย์ภาคต่อ มานักต่อนักแล้ว




เมื่อตอนที่ได้รับแผ่นโคโตะ ภาคสอง โดยส่วนตัว
ไม่ได้นึกเตรียมตัวเอาเลยว่า จะพ่วงในส่วนภาคสเปเชียลตามติดมาด้วย
เพราะไอ้ตอนที่สั่งซื้อ ยังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า
ทำไมซีรีย์ภาคต่อนี้ มันถึงได้มีจำนวนชุดที่มากมายถึงขั้นระดับเลขสองหลัก
ซึ่งก็คือ ปริมาณถึงสิบแผ่น
(ซึ่งถ้าเป็นจานบิน คงเอามาบินว่อนทั่วหลังคาบ้าน ถ้าเป็นหนัง
ก็คงนึกถึงบ้านผีปอบ หรือไม่ก็ ตระกูลบุญชู ไปโน้นเลย)
โดยปกติการสั่งซื้อในซีรีย์ญี่ปุ่นของแต่ละเรื่อง
มักจะมีค่าเฉลี่ยประมาณ อยู่ที่เลข หกแผ่น
ซึ่งถ้ามีในส่วนของจำนวนที่เกินมา ก็พอนึกเดาได้ว่า
จะเป็นส่วนแถมท้าย
จากเบื้องหลังหรือไม่ก็การสัมภาษณ์ ของเหล่าทีมงานและนักแสดง
ซึ่งจะมองว่าเป็นการอนุโมทนาของผู้จำหน่ายเขาใจดี ก็ใช่ที
อันนี้ ก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะในทุกๆเเผ่นที่แนบท้ายติดตามมา
ล้วนมีราคาต้นทุนต่อแผ่นเป็นตัวกำกับแทบทั้งสิ้น
ยิ่งสั่งซื้อมาก ก็ยิ่งมีสิทธิ์จ่ายมาก
จะขอตัดในส่วนแผ่น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวผ่านเอเยนต์
ก็กลัวจะไปสันนิษฐานคาดเดาเอาแบบผิดๆ
กลัวไปเลือกขาดในส่วนของแผ่นแรก ที่หมายถึงตอนต้นเรื่อง
หรือไม่ก็เป็นในส่วนของตอนจบไป อีกทั้งมารยาทของการสั่งซื้อซีรีย์ชุด
ชาวบ้านท่านไหนๆ เขาก็เหมาเอากันเป็นแพ็กแกต
ไม่ได้มานั่งคิดเล็กคิดน้อย หาจุดร่วมขับไสจุดต่างกันสักที่ไหน





และต้องขอบอกก่อนเลยว่า ถ้าใครไม่ได้ชมในส่วนของซีรีย์ภาคสเปเชียล
โดยที่เผลอไปแตะในส่วนของซีรีย์โคโตะในภาคสองเลยนั้น
โดยมั่นใจเอาเองว่า การที่ได้ดูภาคปฐมบทมาแล้วนั้น
แล้วมาก้าวข้ามความเป็นภาคสเปเชียล ที่นั่งเทียนเอาเองว่า
คงเป็นภาคประมาณเสริมใส่ให้ไก่กาอาเรเล่พอเอาขำๆ
คงจัดทำขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความกระหายใคร่รู้ของฐานแฟนคนดูกลุ่มเดิม
ว่าคงเหมือนกับซีรีย์เรือ่งอื่นๆทั่วไป ก็ขอบอกได้เลยว่า "คุณคิดผิดทาง"
เพราะเอาเข้าจริง ในส่วนของภาคสเปเชียลของหมอโคโตะนั้น
เป็นความต่อเนื่องของลำดับชีวิตขั้นต่อมา ทั้งจากหมอโคโตะเอง
ตลอดจนถึงบริวารแวดล้อม โดยเข้าใจเอาว่า น่าจะสมควรที่เรียกว่า
ถ้าหมอโตโตะภาคแรก บังเอิญไปจบลงในตอนที่สิบเอ็ด
ความเป็นภาคสเปเชียลในสองตอนที่เหลือ ก็คือ
ความเป็นตอนที่สิบสองและสิบสามในตามลำดับ
ก่อนที่จะไปสัมพันธ์กับตอนแรกในภาคสอง ที่ควรเรียกว่า ตอนที่สิบสี่
เสียมากกว่า เพียงแต่ว่า เขารู้จักเว้นวรรคและทอดเวลา
ตามกติกาของวัฒนธรรมในการสร้างซีรีย์เฉพาะชนชาติญีปุ่น
ที่กว่าจะมารู้อีกทีว่า สิ่งที่ภาคสเปเชียลได้ทิ้งไว้ คือ
การต่อเติมในเงื่อนไขเดิมจากภาคแรก และเป็นการสร้างเงือ่นไขใหม่
ที่จะไปสัมพันธ์ในอนาคตที่เหลือ ซึ่งก็คือ ภาคที่สองนั่นเอง




เริ่มต้นจากเงือ่นไขเดิมที่ว่า หลังจากที่หมอโคโตะได้พิสูจน์จรรยาบรรณทางการแพทย์
จนเป็นที่ยอมรับของผู้คนบนเกาะ ที่ตั้งแง่ต่อความเป็นปรปักษ์ตอ่หมอคนใหม่
ผู้ซึ่งมาอยู่ประจำในคลินิก ที่ชาวบ้านต่างก็รู้กันดี
ว่าคลินิกนี้มีชื่อว่า คลินิกหมอโคโตะ หมอที่ช่วยเหลือชีวิตชาวบ้านในนาทีสำคัญ
และหนึ่งในนั้น มีทาเคฮิโระ เด็กชายลูกชาวประมง
ที่ได้รับการผ่าตัดแบบฉุนเฉินบนเรือ จนไปสร้างแรงบันดาลใจอย่างมุ่งมั่น
ที่อยากจะเป็นหมอ โดยยึดแบบอย่าง "หมอโคโตะ" เป็นฮีโร่ประจำใจ
จนเลิกมีนิสัยขี้แย และมีผลคะแนนการสอบในระดับท้อปของห้องเสมอมา
ในภาคสเปเชียล ถือเป็นการใช้แรงงานเด็ก อย่างทาเคฮิโร่
เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของภาค ตั้งแต่ตอนต้นเรื่องไปจนถึงตอนจบ
ขณะเดียวกัน ภาคสเปเชียลก็ใส่เงือ่นไขใหม่ให้ชีวิตเจ้าหนูทาเคฮิโระ
ดูมีชีวิตชีวาและมีทิศทางในอนาคตทางการศึกษาที่ชัดเจนขึ้น
เมื่อโรงเรียนบนเกาะ จะมีครูประจำวิชาคนใหม่ที่อิมพอร์ตจากกรุงโตเกียว
โดยเหตุที่ครูคนใหม่ เลือกเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งรกรากใหม่ของชีวิต
(ครูคนนี้รับบทโดย มิซึอิชิ เคน จากเรื่อง Hero ,Nanase Futatabi)





เนื่องด้วย มีโอกาสได้อ่านคอลัมภ์พิเศษทางหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
ซึ่งคนที่เขียนคอลัมภ์ ก็เป็นนักข่าวคู่อริกับหมอโคโตะในภาคแรก
ที่เชื่อเป็นตุเป็นตะว่า เป็นหมอที่ทิ้งการรักษาชีวิตคนไข้
ซึ่งก็คือ น้องสาวของเขา จนได้มาค้นพบความจริงบางอย่างบนเกาะ
และหมอโคโตะก็เป็นผู้มีพระคุณในการช่วยชีวิตเขาในเหตุแผ่นดินถล่ม
จนในที่สุด นักข่าวคนนั้นก็เปลี่ยนอคติมาเป็นสัมมาทิฐิ
ความประทับใจในสกู้ปข่าวดังกล่าว เป็นเหตุครูคนใหม่
ซึ่งมีบุตรสาวผู้เป็นโรคหอบหืดมาตั้งแต่กำเนิด เจาะจงเลือกเกาะแห่งนี้
ซึ่งมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อากาศที่บริสุทธิ์และหมอโคโตะผู้มีความสามารถ
พอที่จะฝากความหวัง ในการรักษาอาการภูมิแพ้เรื้อรังของบุตรสาว
แถมบุตรสาวที่ว่า ก็แสนจะน่ารักและน่าเอ็นดู ที่มีชื่อ "ฮินะ"
(เด็กผู้หญิงใหม่หน้าไม่คุ้น เล่นโดย โอซากิ ชิอากิ)
เป็นบุตรสาว ที่มีวัยไล่เลี่ยเดียวกันกับ ทาเคฮิโระ
เป็นความไล่เลี่ย ที่ผู้เขียนไม่กล้าเป็นคู่แข่งด้วย
เพราะมันดันไปเป็นรักแรกพบ ฉบับบ็อบบี้เลิฟใสใส
ระหว่างไอ้หนูบ้านนอกกับหนูสาวชาวกรุง
นอกจากตัวฮินะเอง จะได้บอกเล่าเรือ่งราวของเมืองกรุงให้แก่ทาเคฮิโระ
ผู้ซึ่งไม่เคยละก้าวออกไปจากเกาะสักครั้ง แม้แต่ตัวพ่อของฮินะที่เป็นครู
ก็เห็นแววและสนันสนุนผลักดันให้ทาเคฮิโระไปสอบมัธยมในเมืองกรุง
ดีกว่าการมามีชีวิตที่จมปลัก ในข้อจำกัดของสถานศึกษารวมหมู่
ที่เหมารวมกันไปสักทั่ว ไม่ว่าสี่ขวบ ห้าขวบ ยันไปถึงสิบขวบ
ให้มาแออัดอยู่ในห้องชั้นเดียวกัน...........ซึ่งผู้เขียนก็ร้อง ตามระเบียบ




ถ้าพูดถึงเรื่องการบริหารประเด็น ด้วยข้อจำกัดเพียงสองตอนพิเศษ
ก็ต้องถือว่าครบรสอย่างมาก ไม่ว่าจะเร้าในสุข เศร้า เหงา ทุกข์
(แต่ดูท่าสุขจะมาเป็นเบื้องต้น ส่วนตอนท้าย ก็ร้าวรานตามระเบียบ)
โดยเฉพาะประเด็นมิตรภาพระหว่างทาเกฮิโระกับคูนิโอะ
ซีรีย์ภาคพิเศษ่นี้ ก็ไม่ได้ละเลยเพราะถ้าใครได้ชมในภาคแรก
ความสัมพันธ์ส่วนนี้ จะเป็นประเด็นเปิดเรือ่งและเรียกน้ำตาตั้งแต่ตอนแรก
กาลนี้เลยนำมาผูกประเด็น "ได้หญิงแล้วลืมเพื่อน"
กระบวนส่วนนี้ ไปถูกตั้งเงื่อนในปรากฎการณ์รักแรกของทาเกฮิโระ
ก็ต้องเสียอย่าง แต่กระนั้นเพื่อนกันไม่มีวันแยกจาก
ก็นำไปบรรจบจุดรวมแต่โดยดีในตอนจบ
เมื่อทาเกฮิโระต้องเลือกขีดเส้นทางอนาคตของตัวเอง
ขณะที่คูนิโอะ ก็ต้องยอมรับต่อข้อจำกัดทางความสามารถที่ไม่อาจเทียบเท่า
ผู้เขียนชอบกระบวนการดำรงไว้ซึ่งสถานการณ์ ที่ทีมงานของซีรีย์เรือ่งนี้
ไม่เคยทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน
ก็ยังไปปรากฎในภาคที่สองอย่างเด่นชัดได้ตั้งตอน ชัดเสียยิ่งกว่า
ความรักแบบบ็อบปี้เลิฟ ที่ดูจะลดทอนตามวัย
และความเป็นรักแท้แพ้ระยะทาง จะว่าไป จะเรียกว่าแพ้ก็ไม่ได้
เพียงแต่ ภาคที่สองเขาเน้นความจริงจังในชีวิตที่ต้องดิ้นรนเพื่อคงสภาพ
ของการอยู่รอดเสียมากกว่านะ
ยิ่งช่วงที่ เพื่อนร่วมสถาบันส่งท้ายกิจกรรมให้ขวัญเจ้าทาเกฮิโระ
ที่กำลังจะไปเรียนต่อ ในเมืองกรุง บทเพลง I believe to you
เพลงท่อนง่ายๆ ที่ร้องสร้อยซ้ำซะหลายครั้ง คิดว่าใครที่เผลอไปเจอฉากนี้เขา
คงรู้ว่า ผู้กำกับกำลังเล่นเอาตายกับคนดูอย่างแน่นอน



แต่ก็ใช่ว่า หมอโคโตะภาคสเปเชียล
จะไปมุ่งจับความสนใจอยู่แต่เฉพาะไอ้หนูทาเคฮิโระเพียงอย่างเดียว
ภาคสเปเชียลนี้ ยังช่วยทำให้เราหายความคิดถึง
กับมนต์เสน่ห์โดยรวมของหมอโคโตะ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่หมอหน้าเหย่
อย่าง หมอโคโตะ (รับบทโดยฮิเดทากะ) กับ นางพยาบาลอายากะ
(รับบทโดย โค ชิบาซากิ) เท่านั้น ซึ่งมีความสัมพันธ์แบบกระชับพื้นที่ขึ้น
ให้เกินเลยความรู้สึกระหว่างหมอกับผู้ช่วยได้ประมาณหนึ่ง
แต่ยังรวมถึงองค์คณะ ที่เหมากันมาทั้งเกาะแบบไม่กลัวเทกระจาดข้างทาง
ไม่ว่าจะเป็น ผู้ช่วยแพทย์วาดะ เจ๊ร้านอาหาร-มาริโกะ
หรือประธานการประมง-ชิเกโอะ เป็นต้น
แต่ที่ดูจะถูกใช้เป็นเครื่องสะเทือนต่อมเร้าอารมณ์เชิงดราม่าให้พอแย่งซีนได้
เห็นทีจะเป็น คนในครอบครัวตระกูลโฮชิโนะของนางพยาบาลอายากะ
ที่นำมาสลับช่วงเหตุการณ์ไขว้กันโดยตลอด ที่เดี๋ยว
ก็เป็น คอเมดี้เลิฟ ไปสักพัก ก็กลับมาเป็น ดราม่าเรียกน้ำตาตกใน
ที่ตกใน ก็เพราะมารดาของอายากะ ที่เป็นภรรยาของปลัดอำเภอเซอิจิ
เธอมีอาการของเส้นเลือดอุดตันในสมอง ซึ่งแม้แต่คนในครอบครัวโฮชิโนะเอง
ก็ไม่เคยรับรู้ถึงผลข้างเคียงในระยะต่อเนือ่งเลยมาก่อน



ส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับนับถือ สำหรับซีรีย์ภาคสเปเชียลเรือ่งนี้
ในแง่ของความเนียนจากทีมงาน
ไม่ว่าจะเป็นการกลบประเด็นเดิมจากภาคแรก
และไปจุดประเด็นใหม่เพื่อนำไปขยายผลต่อ
แล้วยังไปเป็นเงื่อนไขใหม่ๆในตอนท้ายของภาคที่สองของหมอโคโตะ
ทั้งหมดที่ว่า มีความสอดคล้องต้องกันและใช้ประเด็นเชิงสัญลักษณ์แทนใจ
ที่มาขยี้จุดต่อมจี๊ดในหัวใจได้ชะงัดในเกือบจะทุกเม็ดที่ยิง
ถ้าจะอธิบายง่ายๆ ภาคสเปเชียลก็เป็นจุด Koto's Tripping Point
อันนี้ไม่รู้ว่า คนที่มีโอกาสได้ชมหมอโคโตะภาคที่สองจะรู้สึกเหมอืนกันรึไม่
โดยเฉพาะ พ่อลูกตระกูลฮาระ
ที่รู้ว่าลูกชายตัวเองมีพรสวรรค์พอที่จะเป็นหมอ
แต่ติดเงือ่นไขในแง่ของการอุปการะส่งเสียเลี้ยงดู
ด้วยการมีรายได้เล็กๆน้อยๆ จากอาชีพชาวประมงบนเกาะเล็กๆ
ทั้งค่าหน่วยกิจและค่าใช้จ่ายในกรุง กับการที่จะส่งลูกเข้าเรียนมหาลัยทางการแพทย์
ที่มีต้นทุนสูง ประเด็นนี้ถูกหยิบยกกล่าวขึ้นมาลอยๆในภาคสเปเชียล
แล้วนำกลับมาขยายใหญ่ขึ้น ในส่วนของภาคที่สองอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ซึ่งในส่วนของภาคแรกนั้น ผู้เขียนเคยได้บอกเล่าบ้างแล้วว่า
ไอ้สองพ่อลูกคู่นี้ มันมีผลรุนแรงต่อปฏิกิริยาของต่อมน้ำตาเมือ่เข้าฉากเสมอมา
แต่ครั้งนั้นเป็นไปตามสภาวะแห่งฤทธิ์ปิติรมย์ อันเกิดจากน้ำตาแห่งความสุข
แต่ที่ไหนได้ พอข้ามช่วงมาสู่ภาคที่สองเข้า กลับกลายเป็นสภาวะน้ำตาเดียวกัน
กลับออกในเชิงฝ่ายทุกขรมณ์เสียนิ (ซึ่งจะค่อยมาอธิบายเต็มๆกันอีกที)
เป็นทุกข์ที่คล้ายๆกับครั้งหนึ่ง
เคยรู้สึกเช่นเดียวกันในสงครามชีวิตโอชินที่กลับมารีรันใหม่ แต่อินเทรนด์กว่า
กระนั้น ถ้าใครมีโอกาสได้รับชมในภาคสเปเชียล อาจจะพอรู้สึกกล้ำกลึง
เพราะยังไปไม่สุดในทั้งสองทาง คือ ยังมีทั้งสุขและทุกข์อยู่ในรสเดียวกัน
ตามแต่จะจัดวางในอำนาจของผู้กำกับ ...........ซึ่งผู้เขียนก็ร้อง ตามระเบียบ



และส่วนหนึ่งที่ไปไม่สุด เพราะได้รับการประคับประคองจากน้องหนูฮินะหน้าใส
ที่พอช่วยให้บังเกิดอาการฟิวกู้ด เสียจนต้องบ่นเพ้อในใจว่าทำไมตอนอยู่ชนบทขี่ควาย
จึงไม่มีเด็กสาวจากพระนครโผล่มาใช้ชีวิตร่วมประสบการณ์สักครั้งบ้าง
ถ้าถามถึง ส่วนทรัพยากรทางธรรมชาติ ที่เป็นจุดขายสำคัญอันหนึ่งในซีรีย์หมอโคโตะ
ขอบอกไว้เลยว่า จัดหาได้หลากหลายทางชีวภาพและอลังการทางชีววิทยา
กว่าที่เคยเห็นในภาคแรก ซึ่งเข้าใจว่าทีมงานคงวิ่งรอกแสวงหาโลเกชั่นแบบอันซีนเจแปน
ด้วยมีอยู่หลายจุด ที่ไม่เคยแว้บผ่านให้เห็นพอคุ้นตา
และเข้าใจว่า ไม่น่าจะใช่ลูกชิ้นไว้เก็บกินในตอนสร้างภาคสเปเชียล
จึงเป็นสองตอนพิเศษ ที่แทบไม่ต้องไปพึ่งโลเกชั่นเมืองกรุงให้รกตา
เพียงแค่บริหารช่วงเวลาในแต่ละทุกโลเกชั่น ให้พอกับสองตอน
แค่นี้ก็เหนื่อยสำหรับทีมงานฝ่ายตัดต่อ มากพออยู่แล้ว
อีกทั้งการประสานเอาขนบประเพณีท้องถิ่นพื้นบ้าน
ก็กลมกลืนได้ดี จนนึกแทบไม่รู้สึกเลยว่านี้กำลังยัดเยียดเชิงวัฒนธรรม
นอกจากไม่รู้สึกแล้ว ยังเป็นจังหวะปลุกเร้าในสภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน
จนกลายเป็นเครือ่งมือหรืออุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง ที่กล้าเอามาเล่นโชว์อาร์ท
แปลกหูแปลกตาดี ที่ไม่ค่อยเห็นซีรีย์เรื่องอื่นๆเขาเล่นกัน...........ซึ่งผู้เขียนก็ร้อง ตามระเบียบ




อย่างที่พอทราบ ผู้เขียนจะมีปัญหาต่อซีรีย์ที่เป็นภาคสเปเชียลเสมอมา
และมักแอบภาวนาในใจ ให้ทีมผู้สร้างช่วยกระโดดข้ามไปให้พ้นๆ
จากความเป็นภาคสเปเชียล โดยอาจแกล้งทำเป็นลืม
โดยหันไปทำเป็นภาคสองหรือไม่ก็ลงเล่นหนังใหญ่ไปเสียเลยดีกว่า
เพราะมีบทเรียนเจ็บปวดมาแล้ว ทั้งจากHero ,Gokusen ,Galileo เป็นต้น
ล่าสุดก็เพิ่งจะดู Absolute Boyfriend ทางช่องเจ็ดสี ก็ไปกันคนละทาง
กับกรรมวิธีจากภาคปกติ นี้ยังไม่รวมบทความระบายอารมณ์เชียลๆ
ที่เคยร่ายแบบส่ายหัวไว้ใน Beach Boys เมือ่เดือนที่แล้ว
แม้แต่ในขณะตอนที่เปิดกล่องพัสดุ แล้วมารู้ตัวอีกทีว่า
หมอโคโตะเองมิวายที่จะโหนกระแสการมีภาคสเปเชียลแบบรวมมัดแหนม
ยังแอบสะดุดโหย๋อยู่เล็กน้อย เที่ยวบ่นไอ้ยะไอหย๋าว่า หมอโคโตะคนดีของเรา
เขาก็ยังไม่เว้น แต่ทว่าถือเป็นเรื่องที่ผิดคาด เพราะผู้สร้างจากค่ายฟูจิทีวี
เขายังรักษาความดีอย่างไม่น่าเชื่อ ควบคุมและบริหารเสน่ห์ของหมอโคโตะภาคแรก
แบบที่แฟนๆรุ่นบุกเบิก นอกจากจะไม่เสียน้ำใจอันดีแล้ว
ย้งจะต้องหยิบยกขึ้นมาทูนหัวบูชางามๆ ว่าเขาจัดวางได้ถูกทิศถูกทาง
ทำให้สิ่งที่เคยดำเนินการมาไม่เสียของ อีกทั้งยังได้ใจให้ต้องติดตามเป็นสาวกโคโตะริซึม
อาจจะไม่มั่นใจว่าอยู่ถึงรุ่นหลาน แต่ก็น่าจะอยู่นานไปจนถึงรุ่นลูก

href="//www.bloggang.com/data/c/chanpanakrit/picture/1280342435.jpg" target=_blank>



ที่แม้ฉบับการ์ตูนโดยผู้ประพันธ์ ทากาโตชิ ยามาดะ จะวาดได้ไม่ถึงไหน
ถึงขั้นยืนระยะจนเจ๋งสำนักพิมพ์เดิม จนต้องมาย้ายค่ายใหม่มาเป็น Big Comic
ในปี 2008 แต่ดูเหมือนว่า ภาคที่สองของหมอโคโตะซีรีย์
ดูจะรุดหน้าและทิ้งห่าง เพราะเรือ่งราวได้ขับเคลื่อนไปไกลกลายเป็นไลฟ์ดรามา
ที่ทุกเหล่าตัวละคร ล้ม-ลุก-คลุกและคลาน จนทำท่าว่าเรือ่งราวจะกู่ไปไม่กลับ
แต่สุดท้ายก็กลับมายืนระยะ และจบปลายภาคที่สองได้อย่างน่าประทับใจ
ซึ่งงานอย่างนี้ จะยกรางวัลให้แค่ นักเขียน หรือผู้กำกับ หรือผู้อำนวยการ
คนใดคนหนึ่งไปไม่ได้เลย จึงไม่แปลกที่จะเห็นหมอโคโตะภาคสอง
ยังคงได้รับรางวัล Galaxy Awards ครั้งที่ 44 ในสาขารางวัลพิเศษ
ฝ่ายทีมโปรดักชั่น ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้ว โอกาสของการเชิดชูทีมงาน
จากความเป็นซีรีย์ภาคต่อ ดูจะไม่ง่ายนัก
(Galaxy Awards เป็นรางวัลเฉพาะสำหรับทีมโปรดักชั่น ในเครือข่าย
สื่อสารมวลชนของชนชาวญีปุ่นเขา ซึ่งซีรีย์ที่เคยได้รางวัลนี้ก็มี
Tiger and Dragon ของค่าย TBS)
ทั้งๆที่จะว่าไป นับเวลาจากการนำเสนอในภาคแรกเมื่อต้นเดือนมกรา 2003
แล้วมาถึงภาคสเปเชียลในอีก ต้นเดือนธันวา 2004
แต่เอกภาพในการนำเสนอ ตามเอกลักษณะฉบับซีรีย์ของหมอโคโตะ
ยังคงเหมอืนเดิมในทุกประการ และจะไปเข้มข้นอีกทีเสียด้วยซ้ำในภาคที่สอง
ที่ยังระดมยิงอย่างเต็มสูบ สิบเอ็ดตอน
ที่ผู้เขียนคิดว่ายังน้อยไปเสียด้วย ซ้ำสำหรับชะตาชีวิตในแต่ละตัวละคร
ที่พลิกผันไปได้ทุกเส้นทาง ให้พอมั่นใจได้เลยว่า เจเนเรชั่นของหมอโคโตะ
คงมีให้เจ้าฮิเดทากะ และสมัครพรรคพวก ได้เล่นจนแก่เฒ่าเลยวัยเกษียณ
ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง ตราบที่ยังเป็นซีรีย์ในหนึ่งในยี่สิบยอดนิยมตลอดกาลอยู่
...........ซึ่งผู้เขียนก็ร้อง ตามระเบียบ........





อวยข้อมูลจาก ..d-addict และ wikipedia


ครั้งหนึ่งเคยร่ายถึงปฐมบทของซีรีย์หมอโคโตะอย่างละเอียดละออทุกขุมขน ได้ที่
Dr.Koto หมอชนบท,หมอเกาะ,หมอโคโตะ






Create Date : 29 กรกฎาคม 2553
Last Update : 1 สิงหาคม 2553 1:10:45 น. 14 comments
Counter : 2094 Pageviews.

 
ต้องหามาดูอีกแล้ว ...ดูำภาคแรกไปแล้ว ก็ต้องหาภาคต่อๆ ไปมาดูซะให้ครบ
แสดงภาคภาคนี้จบบริบูรณ์ในขณะที่การ์ตูนยังไม่จบใช่มั๊ยคะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:32:33 น.  

 
ยังไม่ได้ดูภาคต้น ก็นำภาคต่อมาเสนอแล้ว

ไปทางไหนก็มีแต่เสียงชื่นชมนะคะ สำหรับเรื่อง หมอโคโตะ (ที่ดูโฉลกหน้าแล้ว หน้าตาซื้อซื่อ)

สำหรับเจ๊โคนั้น เป็นนักแสดงหญิงที่ไม่ปลื้ม แต่ถ้าเป็นเนเน่จัง พอหักกลบลบกันไหว

มีทัศนคติที่ดีต่อโลเกชั่นของซีรีย์ญี่ปุ่นที่มีกลิ่นไอของชนบทอยู่เสมอเลยล่ะ เรื่องนี้ก็ดูดีทีเดียว


โดย: prysang วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:08:41 น.  

 
โหวตที่.28/24

โหวตตรงนู้น ถือโอกาสมาเยี่ยมบล๊อกไปในตัว ก็ดีเหมือนกันนะคะ อิอิ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเค้าถึงต้องมีปัญหากะการโพสความเห็นที่นั่นนักอ่า เอิ๊กๆๆๆ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:22:02 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:15:54 น.  

 
อ้าว!ตกลงภาค Special นี้เป็นภาคต่อของภาคแรกหรอกเหรอคะ
แล้วเลือกให้เด็กเป็นตัวขับเคลื่อนก็ฉลาดดีค่ะ
เพราะไม่ชอบบุคลิกแหยๆของหมอโกโตะเลย
ให้มีรักแรกพบของทาเกฮิโระกับน้องหนูชาวกรุง คงน่ารักดีนะคะ
โอ้โหแล้วเล่นประเด็นเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน
555ประเด็นวัยสะรุ่นดีจัง
แล้วคูนิโอะมีบอกให้เลือกไหมคะว่า
ทาเกฮิโระเอ็งจะเลือกเพื่อนหรือจะเลือกแฟน อิ อิ
แต่อุตส่าห์แอบมีดราม่าของพ่อลูกตระกูลฮาระ
ให้คนดูต้องเสียน้ำตากับการมีความสามารถแต่ไม่มีโอกาสด้วยอีก
สรุปแล้วเจ้าหนูทาเกฮิโระได้ไปเรียนแพทย์ปล่าวคะ
บอกตอนSpecial นี้โลเกชั่นอย่างงามอีกแล้ว
แล้วเพลงประกอบล่ะคะอย่างเพราะอีกหรือเปล่า
แล้วไม่เห็นพูดถึงคุณยายอุจิเลย ยังมีบทอยู่ไหมคะ
คุณยายเป็นขวัญใจน๊า จ๊าบมาก ชอบๆ





โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.180.166 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:18:30 น.  

 
ยินดียิ่งค่ะ
จะเข้าไปโหวตให้อีกนะคะ เด๋วจะลงลิ้งค์ไว้ให้หน้าบล๊อกด้วยค่ะ สู้ๆ นะคะ

เป็นบล๊อกที่แปลกไม่่เหมือนใครดีนะคะ ว่างๆ จะเข้ามานั่งอ่าน นั่งชมค่ะ ฮี่ๆๆๆ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:57:51 น.  

 
อย่างทีท่านมะนาวฯรู้นะครับ
ทาเกฮิโระ เป็นตัวละครเด็กจากภาคแรกที่
กุมหัวใจคนดูและเป็นตัวประสานความสัมพันธ์
และให้ความยอมรับในหมอโคโตะ
เป็นคนแรก และมีประเด็นความฝันจากการเป็นหมอ
ที่พอให้เล่นได้ต่อไปอีกหลายตอน
ในภาคสเปเชียล ไอ้หนูคนนี้เลยถูกผู้กำกับ
เอาไปประสานในพหุลักษณ์เชิงความรักในหลายมิติ
ทั้ง รักใสใสในวัยเด็ก รักมิตรสหาย
รักระหว่างพ่อกับลูก รักในอนาคตที่อยากจะเป็นหมอ
ความรักในท้องถิ่นภูมิลำเนา
ยิ่งถ้าท่านมะนาวฯได้ชมในภาคที่สองแบบเต็มที่ทิ้งช่วงห่างไปอีกห้าปี
ไอ้หนูทาเกฮิโระ มันโตเป็นหนุ่มแล้วนะครับ
อาจจะไม่หล่อลากไส้ แต่เป็นสัญลักษณ์ของแบบอย่าง
เยาวชนรุ่นใหม่ของประเทศ
ส่วนเจ้าคูนิโอะ ก็ไม่ถึงกับต้องเลือกเชิงบังคับหรอกครับ
แค่มีงอนตามประสาเด็กๆ ที่เห็นมิตรรักปันใจ
ไปอยู่กับอีกฝ่าย
พูดง่ายๆ คือ ทาเกฮิโระมันโตเกินวัย
ขณะที่คูนิโอะ ก็ยังเที่ยวเล่นตามประสาเด็กไปวันๆ

ซีรีย์คงเดาอนาคตได้ไม่ยาก ว่าจะเรียนได้รึไม่
แต่สภาพทางเศรษฐกิจในครอบครัว
ต่างหาก
ที่เป็นตัวฉุดรั้ง ความฝันที่จะเอาดี
เพราะตัวพ่อทาเกชิโร่ ถึงขั้นขายเรือประมง
ไปเป็นกรรมกร เพื่อจะมีเงินก้อนได้พอส่งเสีย
ทั้งๆที่กอ่นหน้า ยืนกร้านจะให้ลูกเปํ็นชาวประมง
และไม่ไว้ใจอะไรก็ตาม ที่เป็นวัฒนธรรมของคนบนฝั่ง


ส่วนยายอุจิ ก็ปรากฎในภาคสเปเชียล
แต่บทไม่เยอะเหมือนกันภาคแรก
เข้าฉากเพียงไม่กี่ช็อต และน่าเสียดาย
ที่ยายแก่อัปเปหิวงการบันเทิงไปแล้ว
ตั้งแต่ปี 2009
ดังนั้น ในภาคที่สองจึังไม่มีชื่อแก
ปรากฎในนักแสดงโผล่ใ้หเห็นสักตอน
ที่ทำท่าว่า ผู้เขียนนึกไปว่าคงลาโลกไปแล้ว
(แต่แกยังอยู๋นะครับ วัยจะเก้าสิบเข้าไปแล้ว)
ท่านมะนาวฯรู้รึเปล่าว่า วัยสาวๆ
ยายแกเป็นนักแสดงคู่บุญของผู้กำกับคูโรซาวา
ถ้าท่านมะนาว เคยได้ดู
s Drunken Angel (1948), Stray Dog (1949)
, The Quiet Duel (1949), Scandal (1950)
, The Idiot (1951) and Seven Samurai (1954)
มียายแก่ร่วมเล่นกินค่าตอน ดังที่ว่าทั้งน่าน
ว่าแล้วก็มีภาพสมัยสาวๆให้ดูต่างหน้ากันดีกว่า เป็นของแถมที่ท่านฯ
อุตสาห์กับมาเยี่ยมบล็อกนี้อีกครั้ง



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:22:45 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับภาพคุณยายอุจิ
หนังของกำกับคุโรซาวาที่บอกมา
มะนาวมีเรื่องเดียวคือSeven Samurai ค่ะ
คงต้องไปยลโฉมคุณยายตอนสาวๆซะแล้ว



โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.93.215 วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:14:14 น.  

 
ประเด็น คุณยายอุจิดีกว่าน้อ
จริงๆแล้ว ยายแกมีชื่อเป็นของตัวเองนะขอรับ
นามว่า เซนโกกุ โนริโกะ
แต่คงเรียก โนริโกะ จังไม่ได้แล้ว
ปีหน้ายายแก่ก็เก้าสิบแล้วนะขอรับ
ในงานเรื่อง หมอโคโตะ
ต้องสวมวิญญาณนักแสดงอาชีพ คงจะมีผู้สูงอายุ
ที่สามารถจำบทและแสดงได้ แบบพโพงพางเช่นนี้
อายุเข้าวงการครั้งแรก ก็หลังญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามโลกไปสองปี
ปีทองทางการแสดง ก็ช่วงระหว่าง ปี 50-60
ภายใต้ฝีมือผู้กำกับมือทอง คูโรซาวา


ผลงานสุดท้ายก่อนลาวงการ คือ
tokyo tower ภาคหนังใหญ่ ซึ่งผู้เขียนจำไม่ได้เลย
คงต้องกลับไปย้อนอีกครั้งแล้วละ
เพราะใกล้เดือนวันแม่แล้ว

ว่าแล้วมาดูภาพครั้งวัยเยาว์ กันดีกว่า นี่จากเรือ่ง scandle
//www.cinematheque.bc.ca/files/small_image/scandal.jpg

แถมอีกมากมาย (อันนี้เป็นฉบับแก้ไขอีกทีจากเมื่อวานนะขอรับ)







เห็นแล้ว เสียดายเหลือเิกิน ที่เรามาเจอกันช้าไป


ปาฏิหารย์ ไม่มีจริง.....


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:50:34 น.  

 

คุณยายอายุยืนจังเลยนะคะ
แต่คนญี่ปุ่นก็ได้ชื่อว่าอายุโดยเฉลี่ยสูงกว่า
ประเทศไหนๆเขาทั้งโลกอยู่แล้วนี่นะ
ทั้งๆที่สูบบุหรี่กันเป็นไฟ น่าจะบั่นทอนสุขภาพกันบ้าง
ไหงยังยืนกันได้อีกน๊อ ไหนผู้รู้ช่วยตอบหน่อยซิคะ
หรือว่ารู้จักทานอาหารจากภูเขาและทะเล
เหมือนที่โต๊ะโตะจังบอกไว้กันคะ
แล้วคุณยายแสดงในหนังเรื่องTokyo Tower ด้วยเหรอคะ
แหะ แหะ จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.49.129 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:12:43 น.  

 
ท่านมะนาวฯว่า
น่าจะเป็นเรื่องของไบโอเลติกฟู้ด
เพราะวันนี้ ไปยืนอ่านหน้งสือ
หมวดหนังสือเข้าใหม่ของมติชน
เขาออกหนังสือ เป็นหนังสือแปลนะท่าน
ระยะนี้ ทางสำนักพิมพ์เขา
แบ่งหมวดหนังสือได้เด่นชัด
จั๋วหัวกันให้เห็นชัดเจน

ไม่อยากมั่ว แต่งานศิลปะในการจัดเรียง
สถาปัตย์พื้นที่ น่าจะมีส่วนไหมครับ
ดูแล้วมันให้ผลสบายใจ

เอาเป็นว่าไม่รู้ดีกว่า ฆ่าตัวตายก็เยอะ
กบฎต่อสังคมร่วมหมู่ก็ไม่น้อย
กำลังอัพคลิปแรกลงในยูทูบ
เป็นเพลง I believe to you ที่เหล่าเพื่อนๆ
ทาเกฮิโระ ร้องให้ก่อนที่ไอ้หนูนี้
จะไปเรียนต่อที่โตเกียว
แค่บ้านนอกเข้ากรุง ทำไมมันเศร้าได้ขนาดนี้น้อ


และแล้ว คลิปหลุดแรกของผู้เขียน
ก็สำเร็จจนได้ กว่าจะอัพสำเร็จ
จำต้องตัดตอนบางช่วง เพราะเน็ตกำลังสวม
วิญญาณเต่า ดูเท่าไรน้ำตกลงไหลทุกที
ดีกว่าวัฒนธรรม เขียนเสื้อ สาดเเฟนชิบสักอีก
เสียดายลงความหมายเพลงไม่ได้
ซึ่งไม่รู้ว่า จะอัดซัพลงอย่างไร
แต่กระนั้น คุณค่าของเพลงก็ไม่ได้จางหาย
เพลงนี้รับขวัญเท่านั้นมะนาวฯละกันนะขอรับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:1:17:38 น.  

 
มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆนะคะ
ตอนนี้ก็อัพคลิปลงยูทูปเป็นแล้ว
ต่อไปจะทำอะไรต่อคะ
มะนาวโหลดคลิปเป็นอย่างเดียวค่ะ
อิ อิ เป็นพวกเก็บเกี่ยวอย่างเดียวค่า
และขอบคุณนะคะสำหรับคลิปรับขวัญ

เสียดายนะคะที่ลงซับไม่ได้
แต่ก็พอเดาอารมณ์ได้ไม่ยากค่ะ
เจ้าหนูคูนิโอะน้ำตาไหลเป็นเผาเต่าเชียว
แต่คนที่ดูแล้วให้ความรู้สึกโหวงๆร้าวรานคือเจ้าหนูทาเกฮิโระค่ะ
แสดงอารมณ์ทางสีหน้าแววตาได้ดีจริงๆ
เราคนดู ดูแล้วพลอยรู้สึกโหวงๆหายใจขัดๆไปด้วย
เก่งจริงนะ ตัวแค่เนี๊ยะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.173.93.18 วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:17:13:22 น.  

 
อะโน หาแผ่นที่เอามาปล่อยไม่เจอนะท่าน
จะดำน้ำ เอาช่วงแปลที่พอจำได้
ก็เกรงว่าจะมีผู้รู้ จะระดมใส่ไม่ยั้ง
เอาเป็นว่าแปะไว้ก่อน
มาอีกที ก็ขอฟังร่วมด้วยนะกันนะครับ
ยังไม่ได้ดูละสิ ปะติดปะต่ออารมณ์
ได้ไม่หมดหรอก


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:22:30:04 น.  

 
ต้องบอกว่าไม่มีให้ดูเลยค่ะทั้งภาค2และSpecial
ก็อย่างที่บอกล่ะค่ะว่าไม่ชอบพระเอกคนนี้
ไม่สเป็กเอาซะเลย หน้าตาแหยๆ
เลยไม่มีแรงจูงใจให้อยากดูต่อน่ะค่ะ
แล้วไม่เป็นไรนะค่า หาเจอเมื่อไหร่
ค่อยมาคุยก็ได้ค่า


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.38.88 วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:21:12:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.