A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Love Letter ถาม(จดหมาย)รักจากสายลม



การได้กลับมาเยือนบ้านนอกแบบไฟร์บังคับของชาติตระกูลเช่นนี้
ทำให้ผู้เขียนได้รับประโยชน์สองทาง
ทางแรก ว่าด้วยเรื่องของความกตัญญูรู้คุณ ด้วยจุดประสงค์หลัก
ของความคาบเกี่ยวในเทศกาลเชงเม้ง ที่อาจติดอารมณ์เม้งๆ
ที่เงื้อรอดจากอุปสรรคของม็อบเคลื่อนที่ที่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ
อันเป็นเส้นทางที่ทำให้ผู้เขียน มีโอกาสที่จะตกรถหรือวีรกรรมไม่ต่าง
จากคนขี่เปอร์เชต์ที่ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ
ทางสอง ทำให้ผู้เขียนมีเวลาย้อนเพื่อคุ้ยหาสื่อบันเทิงเก่าเก็บ
ที่ครั้งหนึ่งยังพอจ่ายเจียดแบบอดค่าขนมบางส่วน ไว้เป็นสมบัติส่วนตัว
หนึ่งในนั้น มีหนังที่อยากโม้ ด้วยเหตุปัจจัยจากคนเมืองระดับเซเลป
เขาเป็นคนแนะนำเอาไว้ ว่าเป็นหนึ่งในหนังของดวงใจของเหล่าคุณเธอทั้งหลาย
กับเรื่องที่มีชื่อ เหมือนกะจะขายหนังสือเล่มหนึ่งในเครือสำนักพิมพ์นั้น
ที่ชื่อดันไปพ้องตรงกันอย่างตั้งใจ ในชื่อว่า Love Letter



Love Letter ในการรับรู้เบื้องต้นในครั้งแรกนั้น
ยังจำได้ดีว่า เป็นการแนะนำของนักเขียนสัญจรในเครือมติชน
ที่จะขนกองหนังสืออันมหึมาในเครือ พร้อมกับส่วนลดที่ไม่ต่างแตกนัก
ที่กำหนัดอาทรณ์สำหรับคนกรุงเทพ แต่จะมาขายหนังสือเพียงอย่างเดียว
ก็มิใช่เหตุจูงใจให้พอเรียกจากแขกต่างจังหวัด ให้มาก้มๆดมๆเพื่อหนังสือสักเล่ม
เลยต้องมีมาตราการเสริม โดยเชื้อเชิญเหล่าบรรดานักเขียนให้มาเวียนสัญจรร่วม
หนึ่งในกิจกรรมที่แสนจะสร้างสรรค์อย่างบรรเจิด มากกว่าการที่ต้องทนนั่งฟัง
นักเขียนท่านหนึ่งมาพล่ามเกี่ยวกับหนังสือตัวเอง โดยที่เจ้าตัวอย่างเรา
ไม่คิดจะซื้อ ความสร้างสรรค์ที่พอรับได้ คือ การที่ให้นักเขียนแต่ละท่าน
งัดหนังในดวงใจมาสักเรื่อง แล้วเปิดให้ชมกันฟรีๆ พร้อมกับการวิพากษ์วิจารณ์
ผู้เขียนจำไม่ได้หรอกว่า เซเลปท่านไหนเป็นคนที่เลือกหนังเรื่องนี้
แต่มันก็ทำให้เปิดกะลาทัศน์ของผู้เขียนของเด็กต่างจังหวัด
ว่าหนังชอบ ไม่จำเป็นต้องแอคชั่นตระการตาหรือพระเอกกล้ามใหญ่เสมอไป
เรื่องอันเรียบง่าย พล็อกเรื่องแจ่มๆ ก็สามารถสะกดให้ผู้เขียนไม่อาจลุกขึ้น
เอาก้มไปกระแทกตาใคร แถมดูจนน้ำตาไหลก็เห็นถึงน้ำใจ
จากกระดาษทิชชูของคนข้างๆ ที่มีอาการไม่ต่างจากเรา
ว่าแล้ว ก็เลยสอยหนังสือ Love Letter ของ ปราย พันแสง
ที่เป็นบทความตอนลงในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อนำมารวมเป็นรูปเล่ม
แม้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนังที่ดู มิได้เอ่ยถึงผู้กำกับชุนอิไว้สักบรรทัด
ก็ตามประสาเด็กต่างจังหวัดน้ำใจงาม ที่จะมาส่องดูฟรีๆ
โดยไม่มีสินน้ำใจกระนั้นเลยรึ? กลายเป็นสัปดาห์แห่งความรักเบ่งบาน
แม้จะไม่ประสีประสากับชาวบ้านชาวหญิง ยังคงนัดเตะบอลพลาสติกในตอนเย็น
กับชาวบ้านชาวชายเช่นทุกการโดดเรียน
แต่ก็พอรู้ได้ว่าต่อมฮอร์โมนส่วนหนึ่งเจริญวัยมิได้เป็นหมันหายไปที่ไหน



Love Letter เหมือนจะเป็นหนังเศร้า ที่คู่รักต้องพลัดพราก
ด้วยเรื่องของอุบัติเหตุ เมื่อ ฟูจิกิ อิทซึกิ เจ้าสาวในมะร่ำมะร่ออยู่ไม่กี่วัน
ต้องกลายเป็นหม้ายอย่างฉับพลัน แบบยังไม่ได้เข้าห้องลงหอ
ด้วยแฟนหนุ่ม ฮิโรโกะ วาตานาเบ้ ได้เสียชีวิตจากการพลัดตกเขา
สไตล์เดียวกันกับผู้วาดการ์ตูนชินจังอะไรปานนั้น จนเวลาล่วงเลยมาสองปี
อิทซึกิก็มิอาจจะหักห้ามใจ ไปจากคนรักเก่าได้เสียที
วันดีคือดี อุตริลองดีแบบไม่ค่อยมีใครคิดจะลองทำ
ด้วยการเปิดหนังสือรุ่นของคู่หมั้นเก่า
แล้วเขียนจดหมายตามที่อยู่ เสมือนว่าแฟนหนุ่มยังมีชีวิตอยู่
ตามที่อยู่ที่ได้บันทึกไว้ในเล่ม
ก็เขียนไปแบบคนที่ห่วงหาอาทรณ์อย่างไร้สติ ทั้งๆที่ลึกๆแล้ว
ก็ทราบดีว่า คนรักจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
เขียนเพื่อเข้าถึงสมมติที่ว่า เขายังมีตัวตนอยู่ แต่แล้ว
จดหมายนั้น ก็ได้รับการตอบกลับมาหาเธอ (อิทซึกิ)
แต่มันไม่ใช่จดหมายแบบที่ส่งตีกลับโดยไม่มีผู้รับ
กลับเป็นจดหมายที่มีผู้ตอบรับ และเขียนตอบกลับแบบจงใจที่จะสื่อสาร
ในทุกข้อความที่อิทซึกิ ได้ไตร่ถามทุกประเด็นอย่างเข้าใจโดยแจ่มแจ้ง
ที่สำคัญ ดันลงท้ายชื่อ ฮิโรโกะ วาตานาเบ้
อันเป็นชื่อของแฟนหนุ่มที่จากไป ด้วยอุบัติเหตุตกเขาเมื่อสองปีก่อน



ความจริงจะให้ผู้เขียนสปอยด์ปริศนาส่วนนี้ก็ได้
ด้วยเข้าใจว่า คงสิ้นอายุความของความเป็นสปอยด์
ด้วยฉบับหนังฉายไปสู่สาธารณชน ตั้งแต่ปี ๑๙๙๕
(เหมือนกับรายการหนังหน้าไมค์ ที่เอาสปอยด์เรื่อง six senth
ว่า บรู๊ซ วิลลิส เป็นผี เวลาเกิดอาการเดธแอร์คิดอะไรไม่ออก
แล้วทำท่าตกใจกันยกใหญ่) แต่กาลนี้ ขอไม่เฉลยว่า
ฮิโรโกะ วาตานาเบ้ ที่เขียนจดหมายตอบกลับ เขาเป็นใคร?
เป็นวิญญาณที่ไม่ไปไหน หรือ การกลับชาติมาเกิดโดยไปสิงร่างใคร
แต่เอาเป็นว่า เป็นความสมเหตุสมผลอย่างตั้งใจ
ที่ผู้กำกับและเขียนบทไปเองในตัว อย่าง ชุนจิ อิวาอิ
ได้สร้างไว้ และเป็นผลงานลำดับแรกๆ ที่ทำให้เขาแจ้งเกิด
และได้รับการจับตามองในแวดวงอุตสาหกรรมหนังของญี่ปุ่น
ปลุกกระแสหนังในแนวโรแมนติกดราม่า ที่เคยหลับใหล
ให้กลับมาตื่นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกครั้ง



ทั้งๆที่ ฤดูกาลของการดำเนินเรื่อง
จะมีแต่บรรดาหิมะที่ขาวโพลน เป็นโทนแสงให้ดูอึดอัดลูกกะตา
แถมบรรยากาศยังขะมุกขะมัว แลดูทึบๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นภายใน
แต่ทว่าปริศนาของตัวบุคคล ก็ช่วยตรึงผู้ชมมิให้ลุกนั่งออกไปไหนไกล
ด้วยการเชื่อมในเรื่องราว แบบปะติดปะต่อเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
อย่างไม่สิ้นสุด ขณะเดียวกันมนต์สะกดจากคาถาฉบับอิวาอิ
ก็ทำงานอย่างได้ผล ในการทำเรื่องน่าเบื่อ
ให้มีความสอดคล้องต้องกันได้ อย่างไม่รู้สึกสะดุดเลยแม้แต่น้อย
แทนที่จะสืบเรื่องลำดับ ให้ตัวละครก้าวไปหนึ่ง-สอง-สาม-สี่
เพื่อหลุดจากกรอบพันธนาการที่ตัวเองสร้างขึ้น
หนังกลับมาแปลก ด้วยการให้ตัวละครก้าวย้อนถอยหลัง
เพื่อค้นหาความจริงบางอย่าง และบางอย่างนั่นเองที่จะทำให้
ตัวอิทซึกิได้ก้าวเผชิญต่อไปข้างหน้า ได้อย่างมั่นคงและสมบูรณ์



แต่นอกจากบทจะดี ผู้กำกับจะเจ๋ง และทีมงานที่แสนจะรู้ใจแล้ว
นักแสดงหลักที่ต้องแบกรับน้ำหนักบนฐานของเวลา ๑๒๐ นาที
ถ้าไม่ได้นักแสดงที่มากประสบการณ์ อย่าง มิโฮะ นากายาวา
ที่รู้ทางหนีทีไล่ และจับอารมณ์คนดูได้ถูกหลัก
และศึกษาอย่างเข้าใจในตัวละคร คู่หมั้นแฟนสิ้น
เพื่อให้คนดูรู้สึกสงสารแต่ไม่เวทนา (ไม่เหมือนสาวเจ้าบางคน
ที่ผู้เขียนเพิ่งได้ดู New Moon หรือ Twilignt ภาคสองอยู่หยกๆ)
การได้กลับมานั่งดูอีกสักหน ก็ต้องยอดรับว่าเจ๊แกเอาเราอยู่หมัด
เพราะเจ๊ไม่ได้มาเพียงแค่หนึ่ง แต่เล่นถึงสอง
แล้วเป็นสองที่เราคนดูรับรู้ได้
โดยไม่ต้องติดชื่อป้ายหรือมีเครื่องหมายกำกับไว้ก็ตาม
นึกๆว่า ถ้าเราเป็นตากล้องแล้วเที่ยวถ่ายแต่หน้าแกตลอดทั้งวัน
ถึงจะแอบปลื้มมิโฮะ ก็เถอะ แต่ถึงเจอกันบ่อยๆ มันก็ยอมมีเอื้อมเป็นธรรมดา
(นี้ไม่บวกกับความชรา ตามวันและเวลาที่ร่วงโรยนะเอย)
มันจึงมากกว่า ความหมายของคำว่า "จดหมายรัก"
แต่เป็นความรักทั้งปวง ที่มนุษย์ปถุชนคนหนึ่งพึ่งมี
และได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อคนๆหนึ่ง ให้โลกได้รับรู้
แม้ต้องตะโกนแหกปาก เรียกชื่อใครบางคนในเชิงขับไล่ไสสงก็เหอะ
ถ้าทำแล้วดี แล้วโลกจะกู่ก้องตอบรับกลับมา จะไปถือสาอะไร
ในเมื่อครั้งหนึ่งเจ๊ก็เคยเขียนจดหมายถึงคนตาย
แบบฝืนหลักตรรกความจริง มาแล้วก็ตาม
Love Letter ถ้าเอาดาราสาวหน้าใหม่มาเล่น อาจจะเป็นงาน "แจ้งเกิด"
ให้กับคนๆนั้น แต่กับมิโฮะแล้ว ต้องถือว่าเป็นงาน "แจ้งกลับ"
สำหรับแวดวงภาพยนตร์ เพราะสายหลักของเจ๊เธอจริงๆแล้ว
คือ การร้องเพลง แม้ระยะหลังๆจะไปหวานชื่นกับคุณสามีที่ปารีส
จนห่างหายวงการไปพักใหญ่




ส่วนดาราท่านอื่นๆ ไม่อยากจะเชื่อว่า ในวันเวลาที่ผ่านไป
หลายคนก็เปลี่ยนตามยัตถาวัยเสมือนทานอาหารไม่ครบหมู่ อาทิ
อัตซึชิ โตโยกาวา ที่ไปรับบทไอ้หนุ่มนักฆ่าผมยาวเซ่อ ใน 20 century boys
และ Hula Girls มิกิ ซาไก นับแต่เล่นซีรีย์ Love Revolution
ผู้เขียนก็ไม่เจอเธออีกเลย
เคน มิซึอิชิ ก็พอเห็นบ่อยหน่อย ทั้ง 20 century boys , Pandemic
Tokyo Tower และ oppai volleyball และหนึ่งในนั้น
มี ซูซูกิ ราน ที่เคยร่วมงานกับผู้กำกับ อิวาอิ ในซีรีย์ Ghost Soup
แม้บทจะไม่เด่นนักก็ตาม



นอกจากคนไทยจะได้รับชม Love Letter ในรูปแผ่นบันทึกแล้ว
ชุนจิ ยังกินเงินบาทไทย เมื่อ ค่ายสำนักพิมพ์ Bliss ยังได้รับลิขสิทธิ์
แปลจำหน่ายภาคภาษาไทย ให้ผู้อ่านได้ฝันเฟื่องตามจินตนาการ
ที่อาจเหนือและไม่มีในฉบับหนัง โดยการแปลของ
สมเกียรติ เชวงกิจวณิช ที่เคยแปลงานเขียนญี่ปุ่นหลายเล่ม
อาทิ BLU เยือกเย็น และ มิเกะเนะโกะ โฮล์มส์ แมวสามสียอดนักสืบ
ตอนนี้จะพิมพ์เป็นครั้งที่เท่าไรไม่ทราบ แต่เดาเอาว่ามีชื่อ นายชุนอิ
ก็พอรับประกันให้อุ่นใจแท่นพิมพ์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว



ส่วนผู้กำกับ ชุนจิ นับจากถอดตัวจากแวดวงโทรทัศน์
นับแต่เรื่องสุดท้ายที่ดูจะเป็นงานหลักในการยึดโยงมาเป็นสไตล์ส่วนตัว
จาก Fireworks : Should We See It from the Side or the Bottom?
มาตราฐานตรงจุดนี้ ก็ไม่เคยตกต่ำในผลงานทางภาพยนตร์ในหลายๆเรื่อง
และดูจะเป็นปกติ ในทุกๆเรื่องที่แกลงมือกำกับ
การเขียนบทด้วยตัวเอง ก็จะเป็นสิ่งที่ทำควบคู่กันไปด้วย
ซึ่งก็เป็นเรื่องสามัญธรรมดา นับตั้งแต่เรียนจบจนมารับงานทางสถานี
พี่แกก็เล่นในสไตล์ จ้างทีเดียว-คุ้มค่าตลอดงาน มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ซึ่งทุกวันนี้ของพี่แก จะอนาคตไกลถึงฮอลลิวู้ด
แม้จะแค่ทำหนังแบ่งขายแล้วค่อยมาแพ็คเหมารวมกัน
ใน New York , l love you ที่มีงานของผู้กำกับที่อยากยกให้เป็นครู
อย่าง Brett Ratner ที่เคยสร้างงานดัง Rush Hour สามภาค หรือ
Mira Nair ที่เคยทำหนังฉาวๆ ใน # Kama Sutra: A Tale of Love
ก็ถือเป็นการตอบรับในสายตาประชาโลกที่ฝีมือการกำกับของแก
จะเรียกแขกและให้การยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของผู้กำกับมีชื่อ
แม้วันคล้ายวันเกิดที่ผ่านมาต้นปีนี้ของแก
จะไม่มีแม้คำขอบคุณมาสักทวิสต์ก็ตาม ........




อวยข้อมูลจาก imdb and jkdramas

ครั้งหนึ่ง เคยเขียนถึงผู้กำกับชุนจิ อิวาอิ ใน

โลกแห่งซีรีย์ของผู้กำกับชุนอิ อิวาอิ

Fireworks ซีรีย์workๆสั่งลาของผกก.ชุนจิ อิวาอิ








Create Date : 05 เมษายน 2553
Last Update : 6 เมษายน 2553 8:41:40 น. 13 comments
Counter : 2804 Pageviews.

 
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ

เห็นหนังสือเพิ่งพิมพ์ใหม่ด้วย ส่วนตัวเป็นแฟนคลับนายฟูจิอิ อิสึกิวัยหนุ่ม เพักนี้ไม่ค่อยเห็นมีงานเขาเลย ล่าสุดที่ดูก็เรื่องฮันนี่โคลเวอร์

เป็นภาพยนตร์ที่สวยจริง ๆ


โดย: ผ่านมาเม้น IP: 113.53.165.174 วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:19:11:50 น.  

 
เคยดูเรื่องนี้แบบผ่านๆ กะว่าจะอ่านที่เป็นนิยายให้จบก่อน แล้วหยิบหนังมาดูใหม่ ..


โดย: นัทธ์ วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:20:30:09 น.  

 
สวยงามและอบอุ่นมากครับสำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้ผมได้รู้จัก ชุนจิ อิวาอิ เป็นครั้งแรก และมันก็ทำให้ผมติดตามหนังของเขาทุกเรื่อง และกลายเป็นแฟนตัวยงของเขาเลยครับ


โดย: Swallowtail วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:22:16:43 น.  

 
เป็นหนังที่ต้องบอกว่าชอบการดำเนินของเรื่องมาก ให้ความรู้สึกทั้งสงสาร ทั้งเศร้า
ทั้งประหลาดใจ ทั้งน่ารัก และทั้งอิ่มเอมใจ ชอบบทตอนย้อนกลับไปในสมัยมัธยมมาก
ดูไปอมยิ้มไป กับการกลั่นแกล้งของพระเอกที่ช่างหาวิธีแกล้งคนที่ตัวเองสนใจได้น่ารักมาก
และชอบวิธีการบอกรักที่แยบยล เพียงแต่ว่ากว่าคนที่รับจะรู้มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ส่วนคนที่ดูแล้วรู้สึกสงสารและเห็นใจมากๆเลยคือคู่หมั้นที่เป็นได้แค่ตัวแทนของคนในอดีต
โดยเฉพาะตอนที่เธอออกไปตะโกนกลางหิมะด้วยความคิดถึงนั้น สงสารเธอจับใจ
แต่ถ้าเธอเปิดใจ เธอก็มีคนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง
เพียงแต่เธอปล่อยวางความรักครั้งนี้ได้แน่จริงๆหรือ

(ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง ขออภัยด้วยนะคะ ง่วงมากค่ะ)


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.2.39 วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:0:11:45 น.  

 
แหม ชมว่าน่ารักในวันเชงเม้งนี้ฟังดูแปลกๆนะขอรับ
ยิ่งไม่เคยเห็นหน้าค่าตัวกันด้วยแล้ว ถือเป็นการลูบหลังแบบเนียนๆ
ที่ผู้เขียนแอบไปส่องกระจกพร้อมจะหลอกตัวเอง ว่าอืมคำชมนี้ก็เข้าท่าแลเะไม่ได้ยินมาเกือบครึ่งชีวิตของคาร์บอน๑๙ แล้วกระมัง

เสียดายที่คัดเกาและใส่ข้อมูลได้น้อยไปนิด
เพราะฤทธิ์ของคุณลูกๆหลานๆ ที่อยากจะเล่นเกม
อีกอย่าง ถ้าได้เล่าตอนที่เพิ่งดูใหม่ๆ
คงได้อารมณ์ที่สดกว่านี้เยอะ
อย่างไรก็ขอย้ำว่า ถ้ารักเจย์โช
แล้วไปซ้ำใน Hero ผู้เขียนก็ไม่เห็นแม้ปลายผม๊
เจ้าเจย์โชยังแอ๊กเลย หรือตอนนั้นยังไม่ดัง
เลยรับเล่นเป็นตัวประกอบ อยู่ริมคูระบายน้ำ
ตรงราชวังส่วนไหน รบกวนบอกกันบ้างนะเออ

Lunmei Kwai นี้จะว่าไม่สวยก็ว่าได้
แต่เป็นคนเล่นที่มีเสน่ห์ มีsex appear ระดับ
กระตุ้นฮอร์โมนได้เอาการ อยากเห็นงานอื่นๆ
ที่เจ๊แกเล่นจัง แต่ไม่ค่อยมีงานลิขสิทธิ์เข้าเมืองไทยสักเท่าไร
ตามกระแสหนังจีนที่ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนก่อน

ตีสามวันก่อน เชงเม้งวันนี้
อย่างไรเสียก็รักษาสุขภาพด้วยนะเออ
กินของไหว้เจ้าเยอะๆ ให้ผีแถวนั้นคุ้มครองท่านมะนาวฯ
แต่อย่าไปทำเหร่อร่า ชวนเขากับมาอยู่ด้วยละกันน้อ
กตัญญูรู้คุณ เป็นธรรมช่วยคุ้มครองอย่างหนึ่ง
คนเจริญก็ต้องมีหลักการนี้เป็นเบื้องต้นนะเออ

เอ๊ ท่านมะนาวฯสงสารอัตซึกิเหรอครับ
แต่ผู้เขียนให้กำลังใจมากกว่า
เพราะอย่างน้อย ในเรื่องเจ๊แกก็ไม่ตีโพยตีพาย
อมทุกข์เสียเท่าไรนัก เพียงแต่ปล่อยมันไปไม่ได้ก็เท่าั้นั้น
all about lily chouchou คงไม่เป็นเรื่องที่โม้อันเร็วแน่

ดูมาก็หลายปี ยังไม่ค่อยเข้าใจสาสน์ของเรื่องนี้เท่าไร
โชว์ภูมิเกิดผิดไป เดี๋ยวเสียสถาบันชุนจิไปเสียหมด


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:9:06:00 น.  

 
รักหนังเรื่องนี้มากเลยค่ะ

จำได้ว่าดูต่อสองรอบภายในวันเดียว

ฮ่าฮ่า

ยังคงเป็นเรื่องคาใจว่าตกลงแล้ว
พระเอกรักใคร คนที่รักตอนเป็นนักเรียน
หรือว่าคู่หมั้น

แต่ส่วนตัวแล้ว เค้าจะรักใครไม่สำคัญ
เพราะทั้งสองสาวก็ได้เก็บเกี่ยว
ช่วงเวลาแห่งความประทับใจระหว่างกัน
เอาไว้ให้นึกถึง แม้จะไม่ได้พบกันอีกเลยก็ตาม

ป.ล. วิธีเขียนชื่อลงในบัตรยืมห้องสมุดน่ารักดี น่าเสียดายที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นระบบคอมพิวเตอร์หมดแล้ว แต่ก็เพื่อความสะดวกนี่เนอะ



โดย: เจ้าแห่งน้ำคือพระจันทร์ IP: 192.168.50.150, 183.89.97.196 วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:20:27:22 น.  

 
วันนี้มะนาวเอาLove Letterมาดูอีกรอบ แต่ไม่จบค่ะ หลับปุ๋ยซะก่อน
แต่ก็จำชื่อตัวละครได้แล้วค่ะ คนที่มะนาวบอกว่าสงสารคือ วาตานาเบะ ฮิโรโกะ
คนที่เป็นคู่หมั้น ไม่ใช่ฟูจิอิ อิซึกิ ที่ชื่อเหมือนพระเอกค่ะ
พอได้ดูคราวนี้แบบเก็บรายละเอียด
มะนาวว่าหนังเปิดเรื่องให้ความรู้สึกเหงา เดียวดายมากเลย
แล้วยิ่งดูก็ยิ่งสงสารฮิโรโกะ ที่เธอสลัดความรู้สึกที่มีต่อพระเอกไม่ได้
จนอากิบะ(คนที่ชอบนางเอก)ทนไม่ไหวบอกว่า
"คุณน่าจะปล่อยเขาเป็นอิสระ จากคุณได้แล้วนะ และคุณจะเป็นอิสระด้วย"
ซึ่งเป็นตอนที่ฮิโรโกะ รู้ความจริงแล้วว่าจดหมายมาจากใคร
แต่เธอก็ยังอยากหลอกตัวเองต่อไปว่าเป็นจดหมายจากฟูจิอิ อิซึกิที่เป็นคู่หมั้น
มะนาวดูแล้วสงสารเธอจริงๆ มันคงเป็นความสุขเดียวของเธอ ถึงแม้จะหลอกตัวเองก็ยอม
แล้วดูเวลาที่มิโฮทำหน้าเศร้าๆแล้ว พลอยเศร้าไปกับเธอจริงๆ
แล้วที่คุณChanpanakritบอกว่าเธอไม่ตีโพย ตีพาย
ใช่ค่ะ มะนาวว่าคนแบบนี้แหละที่แบกความทุกข์ไว้กับตัว เป็นคนที่ไม่มีความสุข
เป็นคนที่น่าสงสาร เดี๋ยวมะนาวดูต่อให้จบแล้วมาdiscussกันต่อนะคะ

คุณChanpanakrit เคยดูเรื่องFly me to Polaris หรือเปล่าคะ
ตอนแรกมะนาวไม่รู้จักหนังเรื่องนี้เลย แต่แปลกใจว่าทำไม
หนุ่มๆในพันทิป ถึงได้คลั่งไคล้นางเอกกันมาก
จึงไปหามาดู แล้วร้องอ๋อเลยค่ะ นางเอกคือจางป๋อจือ
เธอสวยน่ารักจริงๆนะคะ และมะนาวว่าเธอมีsex appeal ค่ะ
คือว่ามะนาวแปลกใจที่คุณChanpanakrit บอกว่าKwai Lun-mei มีsex appeal
คือมะนาวมองว่าเธอสวย น่ารักใสๆ ไม่ใช่คนมีsex appeal
แต่อย่างว่านะคะ รสนิยมแต่ละคนไม่หมือนกัน
อย่างมะนาวชอบป๋ายะงี้ ชอบป๋าเดปป์งี้ ชอบRobert De Niroงี้
ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ใช่หนุ่มๆแล้ว แต่พอเห็นฝีมือทีไรหลงรักทุกที
อย่างนี้เขาคงเรียกว่าเสน่ห์กระมังคะ ส่วนเจย์ โชว์นี้
เป็นประเภทลมพัดผ่านเป็นวูบๆ ไม่มั่นคงค่ะ
หนังของเจย์ โชว์ที่มะนาวได้ดูมีแค่2 เรื่องค่ะ
คือ Secret กับInitial-D มะนาวว่าเรื่องInitial-D ก็สนุกนะคะ

และขอบคุณค่ะสำหรับคำเตือนด้วยความห่วงใย
แต่มะนาวเป็นคนทานไม่เยอะค่ะ ทานแต่ผลไม้
มะนาวได้ชวนผีแถวนั้นมาอยู่ด้วยค่ะ แต่พวกเขาปฏิเสธ
บอกว่ากลัวคนที่ชื่อChanpanakrit ค่ะ 555ฟิ้ววววววววววววววว


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.93.192 วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:20:28:19 น.  

 
ไม่อยากเชื่อเท่าไรเลยว่า
love letter จะมีสาวกในบล็อกแก๊งค์มากปานนี้
พยายามนึกตะล่อนทัวร์ของค่ายมติชนในคราวนั้น
นอกจากเรื่อง love letter แล้ว
ยังมี blue gate crossing ส่วนหนังญี่ปุ่นยังจะมีเรื่อง
way of blue sky ท่านมะนาวฯเคยได้ยลอะป่าวเอ่ย?
แล้วยังมีหนังญี่ปุ่นอีกเรื่อง จำชื่อไม่ได้แล้ว
ประมาณ blue อะไรสักอย่างนี้แหละ
เอาไว้ปีหน้าเชงเม้งครั้งใหม่
จะเอาโปชัวร์มาให้ยลด้วยละกัน
และนี้กระมัง ทำให้ผู้เขียนเริ่มสนใจหนังญีปุ่นขึ้นมา

ยังดีที่ท่านมะนาวฯยังมีต่อมสงสาร
แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเวทนา เพราะผู้เขียนเพิ่งได้ชม New Moon
เห็นความรักของเจ๊เบลล่า แล้วช่างเวทนาใจเจ๊ยิ่งนัก
อันนี้กระมังคือ วุฒิภาวะของวัย
ว่ากันไม่ได้ ถ้าผู้เขียนเป็นเจ๊เบลล่า
จะรีบก้าวจาคอบ เพื่อสืบราชทายาทเป็นมนุษย์หมาป่า
กล้ามบึกๆ ไม่เลือดเย็นดั่งปลิงดูดเลือด

Fly me to Polaris ไม่เท่าไรนะสำหรับผู้เขียน
คงประมาณหมดวัยที่จะสนใจหนังฮ่องกงไปเสียแล้ว
แต่อาหม่าน่าจะชอบ เสียดายที่อาหม่าชิงจากไปเสียก่อน
นึกถึงหนังฮองกงยุคเก่าๆ อย่าง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
โปเยโปโลเย และคนเล็กนั้นเล็กนี้
มาดูอีกที ไม่รู้ตัวเองทำไมวันนั้นถึงมึความสุขนักแล
ท่านมะนาวฯไม่รู้จำความได้รึยัง
สิ่งที่ไม่น่าถวิลในตอนนี้ มันเคยเป็นสิ่งสมถวิลในครั้งวันวาน
การไม่ทำร้ายมัน คือ การไม่ตามซ้ำอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ดู Love Letter แล้วคร่อกฟี้ อันนี้จะโดนสาวกนักรัก
เขาประนามเอานะท่าน แต่คนหล่อมันมีน้อยจริงๆในเรื่องนี้
ยิ่งซูซูกิ ราน ยิ่งน้อยชนิดผ่านแว้บ
ช่างน่าเจ็บใจยิ่งกว่า

เจย์โชว์ขอข้ามนะขอรับ เจ็บมาจากไอ้หนังกังฟูบาสเก็ตบอล
แต่เพลงในอัลบั้มของแก ถือว่าใช่ได้เลย
เพียงแต่เวลาเอามาเล่นคอนเสริิต มันออกไปเชิงช่องเก้าการ์ตูน
เหลือเกิน

อ่านคอมเมนต์ท่านน้ำ อืม มีเรื่องตลกสมัยเรียนมาเล่า
เพราะผู้เขียนยังทันต่อความไม่เปลี่ยนเเปลง
หลักการยืมคืนในห้องสมุด กล่าวคือ แอบไปสนใจ
รุ่นพี่ท่านหนึ่ง เพราะเวลายืมหนังสือที่ตัวเองชอบเล่มไหน
จะมีชื่อแก ตรงกับจริตของผู้เขียนไปเสียหมด
ยิ่งเวลาเห็นแกใช้สรรพนาม นางสาว แล้วมันกระตุ้นฮอร์โมนในใจ
แต่ทว่า เป็นรุ่นพี่เมื่อสิบปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผู้เขียน
ยังสะสมสติกเกอร์โดราเอมอนอยู่เลย
ทุกวันนี้ยังอยากจะเจอเธอ คิดว่าเจอกันคงคุยกันถูกคอแน่เลย
ที่สำคัญ ชอบยืมซ้ำไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นเสียด้วยสิ
ท่านมะนาวฯละ เจอระบบบาร์โค้ด
หมดความโรเเมนติกไปเยอะเลยละสิ

แหม! ชวนผีแล้วไม่ยอมมา
ช่างเป็นคนผีทะเลจริงๆ เออ ทำไมต้องทะเล
ถ้าเป็นจริงดั่งว่า ช่างโรแมนติกกินลมบกไม่น้อย

แต่ฉากในLove Letter ที่ผู้เขียนชอบ
คื อ ตอนที่ไปหาความจริงที่โรงเรียนเก่า
และนั้นแหละ ที่เจอน้องรานที่ผู้เขียนจองมา
ปานี้ มีลูกมีเต้าไปกี่คนแล้วน้อ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:21:45:40 น.  

 
สมใจกับความมืดหม่นและ ติสแตก สไตล์ ทิม เบอร์ตัน ครับ สำหรับ Alice in Wonferland แต่อาจจะเป็นเพราะคนเขียนบทพกยี่ห้อดิสนีย์มากไปหน่อย เลยเป็นซะแบบนี้

สิ่งที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างเกี่ยวกับ Love Letter ก็คือ พอดูจบแล้วมันทำให้ผมนึกถึงนิยายเรื่อง Norwegian Wood ของ ฮารูกิ มูราคามิ อย่างมาก อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นเรื่องราวรัก 3 เศร้า ระหว่าง คนเป็น 2 คน กับคนตายที่จากไปอีก 1 คน และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมรักหนังเรื่องนี้ เหมือนกับ นิยายเรื่อง Norwegian Wood และรัก ชุนจิ อิวาอิ เหมือกับที่รัก ฮารูกิ มูราคามิ


โดย: Swallowtail วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:22:29:57 น.  

 
เป็นเรื่องที่เราชอบมากๆ ทั้งหนังและหนังสือค่ะ


มาคุยที่ไปคุยด้วยที่บล็อก เราก็กะจะหาหนังเรื่องนี้มาดูเพราะอยากได้ยินเสียงเปียโนนี่แหละค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:13:52:31 น.  

 
ไม่อยากเชื่อเท่าไรเลยว่า
love letter จะมีสาวกในบล็อกแก๊งค์มากปานนี้
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ความดีความชอบอันนี้ ต้องแบ่งให้มะนาวครึ่งหนึ่งนะคะ
เพราะมะนาวเป็นคนเชียร์คุณChanpanakrit ให้เขียนเรื่องนี้ อิ อิ

ส่วนเรื่องWhy of blue sky ยังไม่เคยได้ยลเลยค่ะ
ชื่อก็ไม่คุ้น หนังสนุกไหมคะ หาซื้อยากหรือเปล่าเอ่ย
ปัญหาหนึ่งที่มะนาวเจอ เวลาไปหาซื้อหนังที่คุณChanpanakritแนะนำคือ
ไม่มี ช่างเป็นคนดูหนังที่คนอื่นเขาไม่ดูจริงๆเลย เชื่อแล้วล่ะ

เรื่องNew Moon มะนาวมีอยู่แล้วและเตรียมที่จะดูเหมือนกัน
อยากดูsix pack ของจาคอบค่ะ ฮิ ฮิ
ตอนที่ดูเรื่อง Twilight ดูจบปุ๊บมะนาวไปยืมหนังสือมาอ่านเลยค่ะ
ตั้งใจว่าจะยืมNew Moon และEclipseมาด้วย เพราะตอนนั้น
เหมือนว่าBreaking down จะยังไม่มีให้ยืม แต่โชคร้าย
ได้มาเล่มเดียวคือ Twilight พออ่านหนังสือแล้ว
เข้าใจเนื้อเรื่องขึ้นตั้งเยอะแน่ะค่ะ

มะนาวอยากดูเรื่องโปเยโปโลเย จังเลย
เพราะตั้งแต่อ่านเรื่องอพาร์ตเมนต์ฮวงชุนของCai Junแล้ว
อยากเห็นหน้าปีศาจสาวในเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ว่าแต่เรื่องโปเยโปโลเยนี้ สนุกไหมคะ
หรือดูแล้วง่วงนอน พอจะบอกใบ้จากความทรงจำให้หน่อยได้ไหมคะ

มะนาวว่าสาวกLove Letter ต้องเข้าใจ ว่าทำไมมะนาวดูLove Letterแล้วถึงหลับปุ๋ย
เพราะต่อให้เป็นTaken มะนาวก็หลับ เพราะร่างกาย มันไม่ไหวจริงๆ
ได้นอนน้อยมาก แถมยังเจอแดดอีก ไม่ป่วยก็บุญแล้วค่ะ
ว่าแต่สาวกLove Letter มะนาวยังไม่เห็นคุณprysang เลยค่ะ
คิดถึงเธอนะคะ

มะนาวมีเรื่องตลกสมัยเรียนเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรื่องยืมหนังสือ
เป็นเรื่องตลกร้ายตอนเรียนพิเศษสมัยมัธยมปลาย
ประเภทเพลงยาวเจ้าปัญหา และเป็นที่สนุกสนานเฮฮาของเพื่อน2กลุ่ม
ความรู้สึกคงคล้ายสาวน้อยฟูจิอิ อิซึกิ ที่ถูกเพื่อนล้อ เพราะชื่อเหมือนกัน
และเข้าใจความอึดอัดตลอด3ปี ที่เธอต้องเผชิญ
เหมือนมะนาวที่นั่งเรียนอย่างไม่มีความสุขตลอดcourseนั้น

เมื่อคืนมะนาวดูเรื่องLove Letterต่อจนจบและพบว่า วาตานาเบะ ฮิโรโกะ
เธอสลัดฟูจิอิ อิซึกิ คู่หมั้นออกจากใจได้แล้วค่ะ
จากการที่เธอคืนจดหมายและความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างให้สาวเจ้าฟูจิอิ อิซึกิ
และบอกสาวเจ้าฟูจิอิ อิซึกิ ว่าชื่อในบัตรยืมหนังสือห้องสมุดที่หนุ่มน้อยฟูจิอิ อิซึกิ
เขียนนั้น ไม่ได้ตั้งใจเขียนชื่อตัวเอง แต่ตั้งใจเขียนชื่อสาวน้อยฟูจิอิ อิซึกิ ต่างหาก
ฮิโรโกะเธอเข้าใจ และยอมรับทุกอย่าง ว่าคนที่หนุ่มฟูจิอิ อิซึกิรักไม่ใช่ตัวเอง
ตัวเองเป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น มะนาวว่าพอเธอคืนความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างไป
ก็เหมือนเธอได้ปลดเปลื้องพันธนาการที่เคยคิดว่าเขาอาจรักเธอ ออกไปได้
เธอก็เป็นอิสระ เหมือนที่อะกิบะเคยบอกว่า
"คุณน่าจะปล่อยเขาเป็นอิสระจากคุณได้แล้วนะ และคุณจะเป็นอิสระด้วย"
และวาตานาเบะ ฮิโรโกะก็ทำได้สำเร็จแล้วค่ะ

ถ้าถามถึงฉากที่ชอบก็คงยังมีฉากที่สาวน้อยฟูจิอิ อิซึกิ ถูกหนุ่มน้อยฟูจิอิ อิซึกิ
แกล้งเอาถุงกระดาษคลุมหัวตอนถีบจักรยาน น่ารักมาก
ตรงเธอไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่า มาแกล้งเธอทำไม
แล้วอีกฉากก็คือฉากจบ ที่สาวเจ้าฟูจิอิ อิซึกิ พลิกด้านหลังบัตรยืมหนังสือ
แล้วพบว่าเป็นภาพวาดของตัวเอง ทุกอย่างกระจ่างแจ้ง แบบไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ
เธอรับรู้จนน้ำตาคลอ เราคนดูก็พลอยน้ำตารื้นไปด้วย กับวิธีบอกรักที่แยบยลนี้
และเพิ่งค้นพบฉากในดวงใจเมื่อคืน เป็นตอนที่หนุ่มน้อยฟูจิอิ อิซึกิ เอาหนังสือไปฝากคืน
ซึ่งเป็นเล่มเดียวกับที่มีภาพสาวน้อยฟูจิอิ อิซึกิ แล้วถามว่ามีใครเสียชีวิต
สาวน้อยฟูจิอิ อิซึกิ บอกว่าป่ะป๊า หนุ่มน้อยฟูจิอิ อิซึกิ ก็บอกว่า"ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ"
แล้วสาวน้อยฟูจิอิ อิซึกิ ก็ค่อยๆแย้มยิ้มออกมาด้วยความขบขันว่าดอกพิกุลร่วงแล้ว
เป็นรอยยิ้มที่น่ารักที่สุด ขนาดไม่ใช่ผู้ชายยังหลงเสน่ห์รอยยิ้มนี้เลย หรือใครว่าไม่จริงคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.95.15 วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:20:23:26 น.  

 
งั้นจะยกบุญค่านายหน้า เอ้ยนางหน้าให้กึ่งหนึ่งนะขอรับ
แต่เวลามีบาป จะยกให้สักเต็มประดาเลยทีเดียยว
อย่างว่า เมื่อมันเป็นหนังดังแล้ว
คราวหลังคงจะหลีกเลี่ยงที่จะร่าย
เพราะแต่ละท่านที่เมนต์ให้
ดูเหมือนจะรู้มากว่าผู้เขียนสักอีก
เกิดรู้ว่า ผู้เขียนมัวนิ่มบอกผิดบอกถูกไม่ตรงกับความจริง
คงยุ่งไม่น่อยเลยทีเดียว

อย่างที่ท่านมะนาวฯเล่าให้ัฟัง
เป็นรายละเอียดชนิดผู้เขียน นึกไม่ออกในบางช่วง สงสัยจะพลาดลูกชิ้นดีดีไปหลายลูก

แต่นั่นแหละครับ รักที่เหตุหน้าตาไปละม้ายคล้ายกัน
คนหลังที่รู้ความจริงเข้า ก็ย่อมเศร้าเป็นธรรมดาน้อ
ทั้งๆที่ ในตอนแรกดูเอาว่าจะเป็นหนังอารมณ์หนักเอาเรื่อง
แต่พอย้อนหลังกลับไป กลายเป็นเรื่องเบาๆ
ชวนหัวเราะไปเสียได้
แทบจะปรับอารมณ์ไปอย่างไม่รู้ตัว
แล้วสักพัก ก็กลับมาเศร้าต่อสักงั้น

แต่ในบรรดาหนังการกำกับของชุนอิทั้งหมด
ไง ผู้เขียนดันไปชอบ Hana and Alice
มากที่สุด อันนี้ไม่เกี่ยวกับ
ฮิโรสุเอะ ที่มาเป็นโมเดลลิงรับเชิญ
กับโอซาวา แห่งหมอจิน ที่เป็นช่างถ่ายรูปชื่อดัง
เป็นหนังไม่เอาสาระ มากไปกว่าอารมณ์
เรื่องติดลูก feel good กลับมาเสมอ
ไม่รู้ท่านมะนาวฯหาซื้อแผ่นได้รึยังเอ่ย

ตอนนี้ดูซีรีย์หมอจิน จริงจังอีกครั้ง
คงได้โม้อย่างละเอียดสักวัน
แต่นั้นก็หมายความว่า ขอตัวไปศึกษาประวัติศาสตร์
ของเรียวมะ ซากาโมโตะอีกสักหน่อยละกันน้อท่าน


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:22:19:24 น.  

 
เล็งอยู่ที่ร้านเช่า dvd เมื่อวันก่อน ในฐานะที่ชื่อเสียงเรียงนามมีคนกล่าวถึงมากมาย แต่เช่าหนังแต่ละครั้งได้แอคชั่นมันส์ๆ หนึ่ง ได้หนังรักหนึ่ง ได้ thriller อีกหนึ่งเกินงบ เลยต้องผลัดผ่อนไปคราวหน้า อ่านได้ครู่หนึ่ง พอท่านบอกว่าจะสปอยล์ว่าคนตอบจดหมายเป็นใครเลยต้องตั้งสติโดยพลัน หยุดๆๆๆ ก่อน หยุดอ่านก่อน ดูแล้วค่อยกลับมาใหม่ เพราะว่าเป็นนักดูล่าช้าที่ดูมิค่อยทันใคร


โดย: prysang วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:21:06:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.