|
Bloody Mondayแฮกเกอร์..ฮีโร่พันธ์ใหม่
ครั้งหนึ่ง....เราทุกคนน่าจะเคยมี "ฮีโร่" ในดวงใจสักสิ่งหรือสองสิ่ง ฮีโร่....... ในฐานะ เจ้าวีรบุรุษผู้ปกป้องจากเหล่าวายร้ายและสิ่งอวมงคล เพื่อสร้างพื้นที่เล็กๆ ในช่องว่างทางจินตนาการ เพื่อให้เรารู้สึกถึงปลอดภัย และยึดเป็นต้นแบบในเส้นการเดินทางต่อไปในอนาคต ฮีโร่ ........จึงแทบจะกลายเป็นครูสอนที่พิเศษโดยแท้ นอกเหนือจากพ่อ-แม่ และครูบาอาจารย์ ที่เคี่ยวเข็ญและไล่ตีจนให้เราได้ดิบได้ดี หรือไม่ออกไป สู่สิ่งที่นอกลู่นอกเลน แม้ว่ารอยฟกช้ำจะจางหายจากผิวกาย แต่รอยจี๊ดภายใน ใจก็ยังฝังแน่นตรึงจิตอยู่ในความทรงจำ (จำมากอาจกลายเป็นจิตใต้สำนึกไป)
วัยเด็กของผม ถือว่าเป็นคนที่กว้างขวาง ได้รู้จักมักคุ้นกับเหล่าบรรดาฮีโร่ ที่ว่ายเวียนตายเกิดผ่านหน้าจอทีวี เป็นประเภทที่ "รู้จักเขาข้างเดียว" รู้จักไม่พอ ยังคิดเป็นตุเป็นตะ จนหลังดูจบยังดันทะลึ่งไปสวมวิญญาณแปลงร่าง เป็นฮีโร่ท่านนั้นท่านนี้ อย่างเช่น ตำรวจเหล็กจีบัน ก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไบคัน ไล่ยิงด้วยปืนแม็กซิเลี่ยนType3 แล้วแหกปากลั่นถึงกฎสามข้อของจีบัน ประเภทที่ว่า จับกุมคนร้ายได้ทันทีไม่มีหมายศาล หากเป็นวายร้ายไบโอรอนก็สามารถวิสามัญได้ทันที และประชาชนต้องมาก่อน (อันนี้ไม่รู้พรรคแม่ธรณีฯ จะไปลอกสโลแกนจีบันมาอะเปล่า?) หรือวันดีคืนดี อาจจะเป็น "ไอ้มดแดงคาเมนไรเดอร์" วีนั่นวีนี้ ที่ไม่เกี่ยวกับ "วี" ใดใด ในอคาเดมีแฟนตาเซีย ส่วนจะเลือกวีใดนั้น! ขึ้นอยู่กับจะเลือกใช้ท่าแปลงร่างเฉพาะ หรือท่าไม้ตายใดในการจัดการกับศัตรู แน่นอนว่า ตัวร้ายถ้าไม่ใช่น้องหรือเด็กข้างบ้านที่อายุน้อยกว่า นั่นก็หมายความว่า ถ้าไปร่วมเล่นกับกลุ่มคนนอกเหนือจากนี้ ตัวร้ายที่ว่า ก็ต้องเป็น "เรา" แน่นอน เวลาเปลี่ยน โลกเราก็เปลี่ยน ขนบความคิดถูกปรับเปลี่ยนไป เมื่อได้ชมซีรีย์ที่ค้างเก็บอย่าง Bloody Monday เหตุที่เลือกดู ก็เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสแนวตรงของบรรดาซีรีย์ญี่ปุ่น ที่เน้นแต่บรรดาพวกความรัก ความฝันและครอบครัวของฉัน (เอง) โดยหันไปหาอะไรที่มัน ดูตื่นเต้น ตูมตาม ให้หัวใจได้ตึกๆตักๆ เพราะที่ผ่านมาเจ้าต่อมน้ำตา มันได้ทำงานเสียจนต้องเข้าศูนย์ซ่อมบ้างซะแล้ว
ความที่ต้นฉบับของ Bloody Monday มาจากหนังสือการ์ตูนที่วาดโดย เมงูมิ โคยุจิ ลงเป็นตอนละสัปดาห์ใน Weekly Shonen Magazine ทราบเพียงนี้ ก็ควรต้องทำใจ ในแง่ของความสมจริงของการถ่ายทอดพอสมควร ด้วยขนบของความเป็นการ์ตูน กับขนบของความเป็นซีรีย์ มันมีลักษณะเฉพาะไปคนละแบบ ต่อให้คนเขียนบทละครจะเอามาดัดแปลงอย่างไร ก็ต้องถูกตีกรอบให้โครงเรื่อง คล้ายคลึงกับต้นฉบับมากที่สุด ในฉบับการ์ตูนที่เล่าได้โม้ซะไม่มี เลยเกิดอาการยื้อๆยักๆ จะไปทางนั้นก็ไม่ไป จะมาทางนี้ก็ไม่มา แต่ทว่าเห็นความไม่สมบูรณ์อย่างนี้แล้ว กลับทำให้ Bloody Monday มีเสน่ห์ในแบบเฉพาะตามแบบฉบับ Hi-Tech Thriller ที่พระเอกไม่ต้องกระโดดแปลงร่างแบบตีลังกาสามตลับแล้วตามด้วยลังกาหน้าเข่าคู่ มือซ้ายถือดาบเลเซอร์ ส่วนมือขวาถือปืนไรเฟิล ข้างหลังมีปืนบาซูก้าสะพายสักหนักกระเป๋า เพราะฮีโร่พันธ์ใหม่ เขามีเพียงแค่ "เน็ตบุ๊คที่ติดไวไฟ" กับ "แฟรชไดร์ฟ" ก็สามารถกอบกู้โลกดวงนี้ จากน้ำมือของเหล่าวายร้ายได้แล้วละท่านเอ้ย..................
Bloody Moday เป็นซีรีย์ที่ออกฉายเมืองปลาดิบเขา ตั้งแต่ปีปลายปี ๒๐๐๘ โครงเรื่องหลักๆ เป็นการอิงเกี่ยวกับ "การกอ่การร้าย" สองประเภทเข้าร่วมกัน คือ การจารกรรมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต กับ การก่อการร้ายแบบคลั่งลัทธิ แต่แทนที่จะให้อโคจรทั้งสอง มาโคจรประกบกัน อันนำมาซึ่งอกุศลวิตก อันประกอบด้วย กามวิตก พยาบาทวิตกและอวิหิสาวิตก ซีรีย์เรื่องนี้จึงได้โครงเรื่องที่ฉลาด ด้วยการเลือกข้างให้พระเอกที่หลงผิด แต่มีความสามารถระดับเทพในโลกของแฮกเกอร์ มาทำงานร่วมกับองค์กร THIRD-i หรือชื่อฉบับเต็มว่า Japan's Public Safety Special Third unit ว่าด้วยองค์กรป้องกันภัยจากการก่อการร้ายในเมืองยุ่นเขา เพราะกอ่นหน้านี้ ได้สืบทราบข่าวก่อการร้ายด้วยสารพิษในประเทศรัสเซีย ที่มีผลโยงใยกับการ ก่อการร้ายในญี่ปุ่นที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน รู้ข่าวแค่นี้ก็เจ้าเข้ากันทั้งกรม มันน่าตลกตรงที่องค์กรทางราชการ ดันกับไม่มีทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ ในการเจาะเข้าระบบของกลุ่มองค์กรการก่อการร้าย จึงต้องไหว้วานเด็กวานซืน แบบมัดมือชก อย่าง "ทากากิ ฟูจิมารุ" (แสดงโดย มิอุระ ฮารุมะ ที่เคยเล่นซีรีย์อย่าง Unfair , Gokusen และหนังใหญ่อย่าง Sky of Love ) คนจับก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ผู้เป็นปะป๋าของแกเองแหละ ทำงานให้กรมตำรวจลับ ความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว มาหักหน้าลูกชายอย่างนี้อีก ไปว่าลูกก็ไม่ได้ เพราะเจตนาแฮกค์ครั้งล่าสุด ก็เพื่อต้องการแบล็กเมล์ครูหื่นจอมลามก เพียงแต่พระเอกโชว์พาวด์ไม่เนียน เพราะดันโชว์Userค้างหล้า งานนี้เลยต้องกลายเป็นพวกเดียวกันกับคุณตำรวจสักเลย จากหนุ่มแฮกเกอร์ ที่วันๆหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยมีสำนึกทางการเมือง นั่งปราศัยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อต้องเผชิญเป็นส่วนหนึ่งที่ต่อสู้กลุ่มวายร้าย สังคมที่เคยแคบก็เริ่มเปิดกว้าง ทำให้ได้รู้จักผู้คนในโลกความเป็นจริง แลกเปลี่ยนทัศนคติในมุมมองที่กว้างขึ้น เข้าใจความสำคัญของตัวเองที่มีต่อผู้อื่น และที่สำคัญ เข้าใจพ่อมากขึ้น สู่การเกิดต่อมจิตสำนึกสาธารณะ แต่ก็นั้นแหละ..........ยิ่งสกัดแผนการณ์กลุ่มก่อร้ายมากขึ้นเท่าไร แทนที่ฝ่ายตัวร้ายอยากจะรีบกำจัด กลับยิ่งถวิลที่จะได้ตัวพระเอกมาเป็นพวกมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ตัวพ่อพระเอกมาเป็นพวกแต่โดยดี งานนี้จึงไม่ได้ซวยแต่เฉพาะพระเอกเท่านั้นยังแผ่ซ่านความซวยไปให้ พี่น้อง เพื่อนฝูง และญาติโกโหติกา ต้องแบกรับมูลค่าความเสี่ยงตามไปด้วย ในฐานะเบี้ยต่อรองของกลุ่มผู้ก่อการ งานนี้ตัวรองจึงได้แจ้งเกิดไปเสียตั้งหลายคน
ต้องขอเห็นแย้งกับข้อมูลที่อ.สุวินัยกับพี่ต่อพงษ์ บอกว่าพระเอกเรือ่งนี้ คือ คนที่เล่น เป็น "L" ใน "DeathNote" ซึ่งอยากบอกว่ามันคนละคนกันละคุณพี่ เพราะคนที่เล่นเป็น L เขาชื่อ "เคนอิชิ มัตซึยาม่า" ต่างหากละท่าน ถ้าไม่ติดว่าฟังย้อนหลัง จะเข้าเสียตังค์สามบาทโทรเข้าไปในรายการ กับมาเรื่องของเรากันต่อดีกว่า.......................... ก็พระเอกของเรือ่งเขามีฉายาในวงการแฮกเกอร์ ว่า "ฟอลคอน" อันหมายถึง "เหยี่ยวภูผา" ตามประสาคนด้านมืดที่ไม่อยากเปิดเผยตัวตน คงคล้ายๆ กับการที่เขียนบล็อก แล้วใช้ชื่อนั่นชื่อนี้ ใช้ภาพแทนตน ภาพนั่นภาพนี้ เลยกลายเป็นเรื่องของ การสร้างตัวตนใหม่ในโลกจินตนาการของชุมชนสมมติ เคยได้ฟังจาก รายการ "แบไต๋ไฮเทค" เป็นช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่ผลิตในเครือเนชั่น พิธีกรท่านว่า โลกของแฮกเกอร์นั่น แบ่งออกได้เป็นสองลักษณะ คือ
"แฮกเกอร์สีขาว" (White Hacker) กับ "แฮกเกอร์ดำ" (Black Hacker)
พวกสีดำ ก็เป็นพวกที่จะทำการจารกรรมข้อมูลโดยเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ปล่อยข้อมูลเทียม สร้างไวรัส สปายแวร์หรือมัลแวร์ หรืออย่างกรณีดังที่ล่อผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ให้เผลอคลิกกระทู้ความเห็น แล้วลักลอบดูดรหัสเอที ขโมยรหัสบัตรเติมเงิน เป็นต้น สรุปง่ายๆ ก็คือ ใช้ในทางมิชอบ ส่วนแฮกเกอร์สีขาว ส่วนใหญ่จะทำงานให้กับองค์กรหรือบริษัท เป็นหน่วยทดสอบด้านระบบการป้องกันและความมั่นคงใของข้อมูลภายใน อันเกิด จากการจู่โจมของสิ่งภายนอก จะเป็นพวกไหนอีกไม่ได้? นอกจากน้ำมือของพวกแฮกเกอร์สีดำไงละ!
แต่ที่สนุกยิ่งกว่า คือ เหล่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายแบบคลั่งลัทธิ โดยได้สร้างกลุ่มองค์กรตามลักษณะที่เคยได้สร้างฝันร้ายครั้งใหญ่ให้กับชาวญี่ปุ่นมาแล้ว อย่าง "โอมชินริเคียว" ในปี ๙๕ ที่ให้สาวกแอบปล่อยแก๊สพิษซารีน ณ รถไฟฟ้าใต้ดิน จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์ครั้งนั้นมีสาวกที่เป็นทั้งคนใหญ่ คนโต นักธุรกิจ นักวิชาการ ปัญญาชน ที่ท้อแท้และสิ้นหวังกับสภาพสังคมญี่ปุ่นในปัจจุบัน ประทานโทษ.........งานนี้ซีรีย์แทบจะลอกต้นแบบลัทธิดังกล่าวเสียแทบกระเบียดนิ้ว ต่างเสียอย่างหนึ่ง ที่เจ้าลัทธิในซีรีย์สามารถแหกคุกได้ด้วยวิธีอันแสนพิสดาร แต่เจ้าลัทธิในโลกของความเป็นจริง จับถูกนอนฉีดยา เสียชีวิตไปนานสองนานแล้ว แต่เรื่องของความเชื่อนั่น มันไม่ใช่แค่หัวหาย-นายไม่อยู่ แล้วจะแดดิ้นสิ้นองค์กร ตราบใดที่อุดมการณ์และความเชื่อ ยังคงเป็นแนวทางร่วมเดียวกันอยู่ งานนี้จึงยังไม่จบง่ายๆ เหมือนกันซีรีย์ที่ยังทิ้งปม ให้เหล่าตัวร้ายที่เหลืออยู่มากพอ พอที่จะเอาไปสร้างภาคต่อได้ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่งานนี้ไม่ต้องห่วง ล่าสุดบริษัทอินเทล ได้ผลิตชิบระดับ ๔๕ นาโนเมตร อย่าง Intel Atom processor เป็นเทคโนโลยี hi-k metal gate ที่มีความเร็ว ๑.๖ GHz ใช้พลังงานน้อย และมีประสิทธิภาพสูง (ตามโฆษณาหน้าอินเทล) รับรองว่าสามารถใช้งานปราบเหล่าร้าย ด้วยความเร็วประมวลผลแบบสปรีดไหลปรื้ดๆ โดยไม่ต้องพะวงในเรื่องเน็ตค้างบ่อยเป็นแน่แท้
ถึงกระนั้น ผมก็ยังสงสัยตามประสาที่ไม่อยากไปเปรียบเทียบกับซีรีย์ฝรั่ง อย่าง ๒๔ ที่แจ็ค บาวเออร์ ระห่ำซะ (เพราะหนังมันคนละสไตล์) เพราะมันมีหลายช่วงที่ทำให้คนดูอย่างผมรู้สึกอึดอัดใจ อย่างตอนที่มีโอกาสจับคนร้ายได้แต่ไม่ยอมทำ บทพูดอารมณ์ชิ้วๆใน สถานการณ์น่าสิ่วน่าขวาน บทฟูมฟายและกราดกริ้วอย่างที่น่าจะสงวนอารมณ์ และบร้าบราบร่า...... หลายครั้งต้องมาตั้งสำรวมสติ จากเหตุปัจจัยในสมุทัยของต้นเรื่อง ว่า "มันมาจากการ์ตูน" แต่สิ่งเหล่านี้ ก็มีส่วนทดแทนในหมวดศัพท์ที่ว่า "สมมนาคุณ" ด้วยการพาเหรดของเหล่านักแสดงหญิง ทั้งหน้าใหม่และหน้าคุ้น มากมายหลายนาง ที่คุ้นเลยก็มี "ฟูจิอิ มิน่า" (จาก Broccoli ) หรือ "เจ๊ มิ-ชาน" ที่รับทบครูสาววายร้ายสุดเซ็กซี่ ( ที่เคยเล่นเป็น อีลิเซ่ ใน Nodame Cantabile ) เป็นต้น นอกนั้นก็ล้วนเป็นสาวเจ้าหน้าไม่คุ้น ที่กระสันอยากทำความักคุ้นยิ่ง นับตั้งแต่ หน่วยราชการด้านความมั่นคง THIRD-i อย่างน้อง ซายูริ น้อง คาโอรุ เพื่อนพระเอกที่เป็นตัวจักรสำคัญ อย่าง อันไซ มาโกะ (สำคัญอย่างไรใครดู คงรู้) และสำคัญอื่นใด นอ้งพระเอกโรคไต ที่อยากตีซี้กับคุณพี่ฟอนคอลจัง (เล่นโดยคาวาชิม่า อูมิกะ) แม้บทของคุณน้องสาวจะขี้เท้อและทำตัวเป็นภาระอันใหญ่ให้กับคุณพี่ชายก็ตาม
ไม่รู้เป็นไง! ระยะหลังซีรีย์แนวสืบสวนของญี่ปุ่นชอบเล่นกับการหักมุมกันเสียทุกเรื่อง ก่อนหน้านี้ Unfair ก็ทำ Galileo ก็ด้วย ล่าสุด Mr.Brain ที่เล่นโดย ทาคุยะ ก็ยังมาเล่นหักมุมด้วยอีกคน ผมเข้าใจว่าเป็นเทรนด์นะ แต่ประทานโทษ ช่วยทำให้มัน Make-Sense หน่อยได้ไหมเพ่! มิใช่แถกไถ่เลียบเคียงอย่างข้างๆคูๆ ให้ไปเป็นอย่างที่ตัวเองอย่างให้เป็น (เพราะมันมีโอกาสเฉไฉ ไปเป็นอย่างอื่นได้อีกเยอะ มิใช่สมมติฐานทางเดียว อันนี้ไม่อยากยกมือเถียงหรอก เพราะพระเอก เล่ายาวไปไกลตั้งสามวาเจ็ดวา) บางทีทำหนังพล็อกเรื่องเดาได้ แต่ใส่รายละเอียดเนื้อหาลงไป ให้เหมือนผสมเครื่องปรุงให้กลมกล่อม ก็เรียกเสียงตบปรบมือ (หน้าจอ) คนดียวอย่างกระผมได้ไม่น้อย การเดาเนือ้เรือ่งได้ ก็เป็นตรรกะพื้นฐานอย่างหนึ่ง ให้เราสามารถปรับตัวยอมรับกับ สถานการณ์ที่ควรจะเป็นอย่างเหมาะสม มิใช่เอะอะอะไรก็จะหักมุมๆ รู้ไหมว่าคนดูอย่างผม หงายหลังจนหัวคว่ำไปหลายหนแล้ว ส่วนตัวละครฝ่ายร้ายอีกคน ที่เขาเรียกว่า " J " (เล่นโดย Narimiya Hiroki คนที่เล่นมือกีต้าร์ ใน Nana และพระเอกในซีรีย์ Be with You) ความรู้สึกส่วนตัวนะ ผมว่ารับบทเป็นนักคณิตศาสตร์จอมอัจฉริยะ ได้ไม่เนียนพอ แต่ความขี้เล่น-ขี้หยอก อันนี้ใช้ได้เลย (ดื่มเป็นเเต่น้ำเขียวโซดาเสียชวนกระหาย) กล้าเล่นเอาสูตรพาเรโต้มาหักล้างประชากรญี่ปุ่น เพื่อนำคนญี่ปุ่นที่เหลือรอดจากเชื้อไวรัส มาสร้างสังคมใหม่ แต่ถือเป็นตัวร้ายที่พอเป็นคู่ปรับกับพระเอกอย่างสมน้ำสมเนือ้ ด้วยสภาพนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว (พ่อพระเอกเราสงบหล่อนิ่ง อย่างกับผีตายซากซะงั้น) แถมตัวไวรัสที่ทรงอานุภาพ ที่ตั้งตามชื่อเรื่อง Bloody Monday ก็ไม่รู้ว่าตกลงจริงๆแล้ว มันน่ากลัวสมชื่อรึเปล่า? เพราะทำท่าจะได้ออกฤทธิ์หลายครั้ง แต่ก็แป้กซะงั้น สู้ไข้หวัด ๒๐๐๙ บ้านเราก็ไม่ได้ ปิดภาพลักษณ์สยามเมืองยิ้ม เพราะคนต้องหันใส่หน้ากากเข้าหากัน
Bloody Monday จึงคล้ายๆเป็นละครแนวเท่ห์ ที่ปะทะคารมแบบชิงไหวชิงพริบ พยายามกำหนดเงือ่นเวลาเป็นข้อจำกัด เพื่อให้ฝ่ายธรรมต้องรีบเร่งที่จะหาทางแก้ไข ที่ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตามบุญญาภิสังขารกับวิริยนิสิตเท่าที่มี เป็นการต่อต้านในความต่างเชิงความคิดและอุดมการณ์ ที่ต่างปรารถนาโลกใหม่ที่ดี แต่ต่างกันในวิธีการที่เลือกใช้ (แม้แต่ "ความยุติธรรม" ยังนิยามให้เข้าข้างฝ่ายตน) แต่สิ่งที่ฝ่ายตัวร้ายจะเหนือกว่า เป็นการสร้างศาสนาใหม่ โดยรับบทศาสดาเป็นพระเจ้าเสียเอง ถือเป็นซีรีย์ที่ถ้ามองในมุมมองของศรัทธา มาประสมกับความสิ้นหวัง หากไม่มองว่าเป็นซีรีย์ไอที ก็พร้อมจะให้ตีได้อีกความหมายว่า เป็นซีรีย์ในแนวศาสนาใหม่ในการแสวงหาความหมายที่แท้จริง ได้อีกทาง แต่ขอเชิดชูกระบวนการวิธีของการแฮกค์ข้อมูล ที่ว่ายากยิ่งกว่าการใส่สูตร Excel หลายสิบเท่า ให้ดูง่ายเข้าด้วยการผ่านเทคนิคทางภาพ CG โดยใช้ตัวนักอินทรีรอดผ่านช่องแอร์ (เทียบผิดขออภัย เพราะอธิบายช่องทางเข้าถึงข้อมูลและหลบหนีออกมา......ไม่ถูกอะ) ละครยังคงเชิดชูการทำงานตามหน้าที่ และการประคับประคองร่วมหมู่สังคม ให้ก้าวเดินตาม เจตนารมณ์เดิมที่ขนบซีรีย์ที่มักจะเป็น สำหรับผมแล้วซีรีย์เรือ่งนี้ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่น่าเสียใจอะไร ออกจะเยิ่นเย้อเสียด้วยซ้ำไป บทจะเศร้าออกจะขืนใจให้เศร้า ซึ่งก็ไม่workอะ บทลูกตลกก็แทบไม่มีให้ปรากฎ เพียงแต่ในแง่การนำเสนอของซีรีย์ฉีกแนว เรือ่งนี้ค่อนข้างได้รับการกล่าวขวัญ ในแง่การเป็นจุดก้าวเริ่มที่แตกต่าง เพียงแต่ความพร้อมและความสมบูรณ์อาจไม่เทียบเท่า ในแง่ที่เผลอไปเปรียบเทียบกับซีรีย์ตะวันตก แต่ถ้าเอามาเทียบกับละครเมืองไทย ......................................โอ้ สุโคร้ย!!
shutdown........
ข้อมูลจาก
- Bloody Monday ศรัทธาต่อการฆ่าหมู่ให้สังคมสะอาด/ต่อพงษ์ -รายการ ชวนคิด-ชวนคุย ทางคลื่นวิทยุผู้จัดการ -ฺBloody Monday ใน wikipedia
Create Date : 18 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 19:22:45 น. |
|
8 comments
|
Counter : 4751 Pageviews. |
|
|
|
โดย: MamLHC วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:46:28 น. |
|
|
|
โดย: quilt วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:18:13 น. |
|
|
|
โดย: payun-sai วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:08:38 น. |
|
|
|
โดย: เฮ้อออ IP: 58.9.192.178 วันที่: 26 ธันวาคม 2552 เวลา:21:20:24 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:20:42:23 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:01:59 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.70.21 วันที่: 2 มิถุนายน 2553 เวลา:0:57:13 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:05:15 น. |
|
|
|
| |
|
|
ปล ดูเรื่อง Remote ของเคียวโกะ หรือยังจะถามว่าสนุกไหม เพราะหาพรีวิวไม่มีเรื่องนี้เลย