A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Village Album ถ่ายก่อนจะเหลือไว้ในความทรงจำ

ขออนุญาติไม่เป็นตัวของตัวเองสักวัน โดยแปลงร่างเป็น เจ้า "ทากาชิ" พระเอกของเรือ่ง ปิ๊ง!!




ผมไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของพ่อ
พ่อที่ไม่เคยเอ่ยคำทักทวง ยามที่ผมของเลือกทางเดินเพื่อหาอนาคตของตัวเองในกรุงโตเกียว
พ่อที่ไม่เคยสนใจ ซักถามหรือหาคำตอบตลอดจนตั้งคำถามใดใดต่อลูกชายคนนี้
พ่อที่มักมีอารมณ์ฉุนเฉียว กระเฟียดกระหือรือ ยามเมื่อมีเหล้าวางอยู่ตรงหน้า
ด้วยพฤติกรรมชนิดนี้ จึงทำให้พ่อไม่อาจจะเข้าสังคมกับผู้อื่นได้โดยง่าย
นับตั้งแต่แม่จากไป พ่อดูเหมือนจะปิดกั้นตัวเอง พี่สาวของผมก็หนีตามกับเจ้าหนุ่ม
นักข่าวที่ทำข่าวในหมู่บ้าน จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของพี่สาวคนนี้อีกเลย
แน่ละ! เหตุที่ผมเลือกโตเกียวเป็นเส้นทางสุดท้ายของผม เพราะอย่างน้อย
ก็ยังมีน้องสาวที่จะคอยดูแลพ่อยามที่ผมไม่อยู่ ไม่รู้ทำไหม ผมจึงอยากเป็นตากล้องมืออาชีพ
อีกอย่าง ผมจะได้หนีไปให้ไกลจากพ่อ
ครั้งสุดท้าย ผมทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรง พ่อไม่เคยเข้าใจอะไรในตัวผม
และผมก็ไม่อยากเข้าใจอะไรที่เป็นตัวพ่อ ........................
ผมจากบ้านเกิดไปหลายปี อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ติดต่อมาหาผมโดยตรง
อยากขอแรงให้ผมช่วยไปเป็นลูกมือให้กับพ่อ เขาไม่รู้เหรอ? ว่าผมกับพ่อ
เราไม่ได้พูดคุยกันมาหลายปีแล้ว ทำไมต้องเป็นผม? แน่ละ
ก็คงด้วยนิสัยหัวรั้นของพ่อนะสิ!! ก็สมควรแล้วละ............
แล้วนี้ไม่รู้เหรอ...................ว่าชีวิตเมืองกรุงแห่งนี้ ผมเองยังขับเคลื่อนตัวเองได้ไม่ถึงไหน
แม้แต่ตำแหน่งผู้ช่วยตากล้อง ตำแหน่งนี้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ หรือจะเรียกอีกอย่าง
ว่า "ขี้ข้าตากล้อง" ก็ได้ เพราะต้องทำทุกอย่างตั้งไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
ตั้งแต่จัดเซตฉากแต่เช้าตรู่ ไปจนถึงชงกาแฟให้หัวหน้า ผมชักจะเบื่อชีวิตเช่นนี้เต็มทน
แต่ก็ได้!! ในเมือ่คนในหมู่บ้านเจาะจงเพียงแต่ "ผม" เท่านั้น
บอกไว้ก่อนนะ สิ่งที่จะกลับลงไปช่วยนี้ ไม่ได้ทำอะไรเพื่อพ่อนะ
ผมทำเพราะตอนนี้ ผมยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน.........แตถ้ามีงานที่โตเกียวเมื่อไร
ผมพร้อมที่จะทิ้งงานในหมู่บ้านได้ทุกเมื่อ เพราะโอกาสสำหรับงานในเมืองกรุง
มันมีไม่มากนัก และผมเองก็ไม่ได้เก่งอย่างที่ตัวเองเคยคาดหวังก่อนหน้าที่มาด้วย




เมือ่ผมกับที่หมู่บ้านฮานาตานิ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม
แต่ผู้คนเขาว่า ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะรัฐบาลกำลังจะขอเวนคืนที่ดิน
เพื่อมาสร้างเขือ่นให้กับหมู่บ้าน ได้ข่าวว่าคณะกรรมการของหมู่บ้านถกเถียงกันยกใหญ่
แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเป็นสองกลุ่ม มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยเพราะได้มีงบประมาณเพื่อนำมา
บริหารหมู่บ้านให้ดีขึ้น และมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยเพื่อเชือ่ว่ามันจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง
ที่ไม่เหมือนเดิม แน่ละ! ก็พ่อผมเลือกที่จะอยู๋ในกลุ่มหลัง พ่อผมมันหัวโบราณล้างสมองยากแล้ว
แต่ผมจะไปสนอะไร? เพราะผมก็เป็นคนนอกที่ไม่ได้มีส่วนได้-ส่วนเสียกับทรัพยากรของ
หมู่บ้านแล้วนิ เเม้แต่เพื่อนผมที่เคยเล่นกันสมัยเด็กๆ ก็ยังเกลียดขี้หน้าผม
ด้วยความเป็นภูมิภาคนิยมหรือจะสำนึกรักบ้านเกิดก็แล้วแต่ โธ่! เพราะแกมันขี้ชลาดไม่กล้าเผชิญ
กับโลกภายนอกมากกว่ามั้ง เชิญอยู่แต่กะลาครอบของนายไปเถอะ
เมื่อผมมาถึงบ้านเกิดวันแรก มันทำให้ผมรำลึกถึงวันเก่าๆ ที่นี้ไม่เปลี่ยนไปเลย
หุบเขายังคงเป็นเกราะล้อมรอบหมู่บ้านเหมือนเช่นเคย ลำธารเชียวยังคงมีเด็กๆไล่จับปลา
แล้วแข่งกันว่าใครได้ปลาตัวใหญ่กว่ากัน ผมลืมภาพนั้นมานาน คงเพราะชินตากับ
ตึกล้อมเมืองและถนนหนทางที่ดูขวักไขว้ ออกจะวุ่นวายเสียด้วยซ้ำ
แต่คนที่นี้ยังดูดำเนินชีวิตที่ราบเรียบ ไม่เร่งรีบการณ์ใดใด บางทีการมีเขื่อนก็มีผลเสีย
บางอย่างที่คนนอกของหมู่บ้านไม่มีวันที่จะเข้าใจ แต่อย่างว่า มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้วนิ


เมือ่ผมมาถึงบ้าน ได้เห็นบรรยากาศภายในบ้านแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงวันเก่าๆ
บ้านหลังนี้เคยอบอุ่นตอนที่ยังมีคุณแม่และพี่สาว แต่ทุกอย่างดูมันไม่เหมือนเดิมแล้ว
น้องสาวของผมดูจะโตเป็นสาวขี้นเป็นกอง ยังคงสดใสร่าเริงตามประสาเด็ก
แต่พ่อผมสิ.......ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ประโยคแรกที่พ่อพูดกับผม
คือ การคารวะภาพถ่ายของแม่
แล้วแกก็เดินจากไปอย่างเย็นชา ให้ตายเถอะ! ผมไม่อยากเจอภาพเช่นนี้เลย
ตกลงว่าผมก็ไม่ได้คุยเรื่องแผนการณ์ที่เราจะไปถ่ายภาพสมาชิกของหมู่บ้าน
ในแต่ละครัวเรือนอย่างไร แต่ดูเหมือนทุกคนในหมู่บ้านต่างจะยกยอและชื่นชมผมมาก
ว่าเป็นช่างภาพมาจากเมืองกรุง โธ่!...ผมไม่กล้าบอกหรอกว่า ผมยังเป็นเด็กแบกของให้กับตากล้อง
มืออาชีพเท่านั้น แม้แต่เรื่องนี้พ่อก็ไม่ถามผม และอีกอ่ยางผมก็ไม่อยากเล่าให้พ่อฟังด้วยสิ
ช่างเถอะ! นึกเสียว่ามาเยี่ยมบ้านเล่นๆ หลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งเนินนาน
เมื่อถึงวันเริ่มต้นที่จะถ่าย พ่อก็ยังคงไม่สนใจในตัวผมเช่นเคย
กลายเป็นว่า ผมต้องรีบกุลีกุจอมาขอช่วยแบกอุปกรณ์ให้กับพ่อเสียเอง
พ่อเลือกที่จะเดินไป แทนที่จะมานั่งรถเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว ความหัวรั้นของพ่อยังเหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้.....ก็มีผู้เสนอให้เร่งเวลาถ่ายภาพเให้ได้มากกว่า สามครอบครัวต่อวันได้รึไม่?
พ่อก็ปฏิเสธไปอย่างน้ำเสียงไร้เยื่อใย ดูทุกคนก็เอื่อมระอากับนิสัยของพ่อ แต่จะมีทางเลือกไหนอีก
ในเมื่อพ่อ เป็นตากล้องเพียงคนเดียวของหมู่บ้าน จึงเป็นการบังคับโดยปริยาย



แต่สำหรับครอบครัวที่พ่อจะถ่ายให้ ดูจะสนิทสนมกับพ่อมาก
พ่อทักทายด้วยอรรถยาศัยด้วยมิตรไมตรีที่ดี ดูเหมือนผู้คนในหมู่บ้าน ล้วนแล้วแต่
เคยได้รับบริการจากการถ่ายภาพของพ่อทั้งสิ้น มีแต่ผมเท่านั้น ที่เป็นคนแปลกหน้าไป
ทุกคนดูจะมีความสุขและตื่นเต้นกันอย่างมาก เมื่อรู้ว่าวันนี้จะมีการถ่ายภาพเป็นหมู่คณะ
ในขณะที่ผมอยู่ในเมืองกรุง การถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกที่ทำอย่างดาษดื่น
จนเห็นกันอย่างชินตา ด้วยเทคโนโลยีที่รุดหน้าเร็วมากขึ้น หากใครไม่พอใจก็สามารถลบภาพ
และถ่ายใหม่ โดยไม่ต้องเสียดายฟิลม์กันแต่อย่างใด ยิ่งการถ่ายภาพเป็นเพียงอุปกรณ์เสริม
หนึ่งในเครือ่งโทรศัพท์ด้วยแล้ว คุณค่าของนักถ่ายภาพดูจะลดน้อย
พ่อผมยังคงใช้กล้องรุ่นเก่ากับเครื่องอุปกรณ์วัดค่าแสง และอุปกรณ์อื่นอีกพะรุงพะรัง
แต่ทุกคนในหมู่บ้านนี้ดูมีชีวิตชีวาอย่างมากกับสิ่งที่พ่อผมได้ทำให้ด้วยหัวใจ
วันแรกๆ เป็นอะไรที่สาหัสากัจกับผมมาก ผมทำได้เเค่เพียงให้ปล่อยให้มันจบๆไป
วันแรกๆ ที่เราพ่อลูกสองคน ไม่ได้สนทนาแมัแต่เสียงใดใดสักแอะ
พ่อไม่ได้สอนเทคนิคการถ่ายภาพใดใดให้กับผมเลย มันน่าเบื่ออย่างมาก
และที่มากกว่านั้น ในวันแรกๆ เรามีปากเสียงชนิดที่ลงมือลงไม้กัน
อยู่ๆพ่อก็คว้าโทรศัพท์ของผมเวี้ยงทิ้งไปเฉยๆ เพียงเพราะพ่อกำลังรับฟังเพลงญี่ปุ่นโบราณ
ที่เขารุ่นผมไม่มีวันเข้าใจจากปากของยายแก่ที่เป็นลูกค้าของพ่อ จากนั้นก็ปลี่เข้ามาชกหน้าผม
ผมโมโหมากจึงโต้ตอบกลับไป จนพ่อต้องเข้าโรงพยาบาล
ผมจึงมาทราบว่า พ่อของผมกำลังป่วยหนักอยู่
แม้แต่เรื่องนี้น้องสาวของผมเองก็ไม่เคยทราบ ถ้าผมรู้ว่าพ่อของผมป่วยหนักขนาดนี้
ผมก็จะรั้งพ่อไม่ให้รับงานนี้ ถึงแม้ผมรู้ดี ว่าผมจะรั้งพ่อไม่ได้นักก็ตาม

แต่วันเวลาก็ค่อยๆกลืนกิน ความรู้สึกเดิมๆที่เคยเชื่อของผม
ผมเริ่มสัมผัสอะไรบางอย่าง ที่คิดว่าพ่อของผมคงรู้ดี
การถ่ายภาพผู้คนในหมู่บ้าน มันไม่ใช่สักแต่กดลงชัตเตอร์เพื่อให้รูปปรากฎลงบนแผ่นฟิลม์
ภาพที่มีรอยยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจอย่างมีความสุขของผู้คน มันทำให้ผมชักรู้สึกเสียดาย
หากว่าจะมีการสร้างเขื่อนในหมู่บ้านขึ้นจริง แล้วผู้คนที่นี้จะเป็นอยู่อย่างไร
พวกเขาจะมีโอกาสพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อมาร่วมถ่ายภาพเป็นหมู่คณะอย่างนี้อีกไหม
จะมีรูปที่ทวดอุ้มเหลนไว้ตรงกลาง ลุงกสิกรรมลากวัวตัวโปรด คุณยายผู้โดดเดียวโดยมี
ภาพถ่ายของผู้ลาจากประคองไว้สองมือ สิ่งที่พ่อผมได้ทำ มันไม่ใช่แค่เพื่อตัวท่าน
หรือคนอื่นๆเท่านั้น แต่มันเป็นทุกอย่างที่ประทับไว้ในความทรงจำตราบนานเท่านาน
ผมรู้แล้วว่าทำไม พ่อจึงเลือกที่จะเดินเท้า เพราะมันทำให้พ่อได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆ
ในหมู่บ้าน เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสเช่นนี้อีกครั้ง พ่อเลือกที่จะแสดงออก
ผ่านการกระทำมากกว่าการบอกเล่าเพียงแค่ลมปาก แม้ตัวผมจะพยายามบอกคนอื่นๆ
ว่าผมเองนั่นไม่เหมือนพ่อ แต่ดูเหมือนทุกคนจะรู้ว่า ผมนั่นแหละที่เหมือนท่านที่สุด
ตอนที่ผมฟาดปากชายคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน
ผมชักจะกลายเป็นพวกเดียวกับพ่อเสียแล้ว มีเพียงผมเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ช่วยของพ่อได้
และผมมารู้ทีหลังว่า พ่อเองนั้นแหละที่เลือกผมแต่แรกให้มาเป็นผู้ช่วยของท่าน
พ่อผู้เป็นครูคนแรกที่สอนการถ่ายภาพให้กับผม ซึ่งผมเองละเลยที่จะขบคิดมาโดยตลอด


ผมพยายามที่จะสานต่องานของพ่อ แต่สุดท้ายผมเพิ่งมารู้ว่ามันยาก
เพราะผมไม่สามารถเข้าถึงจิตใจของเนื้องานได้เท่ากับพ่อ พ่อที่ใช้ชีวิตมาทั้งชีวิต
อุทิศให้กับผืนดินของหมู่บ้านแห่งนี้ พ่อที่เพียงอ่านทิศทางของสายลมก็คาดเดาได้ว่า
ฤดูหนาวปีนี้น่าจะหนักแน่ พ่อที่รู้ว่าต้นซากุระต้นไหนที่เป็นต้นที่คุณแม่ชอบมาก
เวลาที่พอ่ป่วยจะมีคนเอาของมาฝากแล้วเยี่ยมเยียนอยูสม่ำเสมอ
สิ่งของอย่างนี้ มันหาไม่ได้ในเมืองกรุงหรอกครับ สุดท้ายไว้ว่าอย่างไร
งานนี้มันก็เป็นงานของพ่อ แม้จะต้องแบกพ่อที่กำลังล้มป่วยขึ้นไปบนหุบเขา ผมก็จะทำ
ไม่ต้องห่วง ......ผมปฎิเสธงานที่เข้ามาติดต่อที่โตเกียวเรียบร้อย เพื่อผมจะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่
อย่างเต็มที ให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพราะงานชิ้นนี้ คือ Village Album
ที่จะตราตรึงไว้นานเท่านาน เพียงแต่ทว่า....ถ้างานชิ้นนี้เสร็จผมขอเพียงอะไรสักข้อ
ที่ผมไม่เคยขอคุณพ่อมาก่อน..........................................
ว่าพ่อยังเหลืออีกหนึ่งครอบครัวของหมู่บ้าน ที่พ่อยังไม่ได้ลงมือบันทึกในความทรงจำเอาไว้

"ครอบครัวของเรา" ไงละครับ



หนังชื่อ Village Album หรือ Mura no shashinshuu
หนังปี ค.ศ. 2004
ผู้กำกับและเขียนบท : Mitsuhiro Mihara........







Create Date : 16 สิงหาคม 2552
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 22:07:32 น. 2 comments
Counter : 1116 Pageviews.

 
หนังเืรื่องนี้เป็นหนังที่หนุ่มๆมักจะแอบซาบซึ้งรึเปล่าค่ะ เพราะเพื่อนๆมารีอองทุกคน ที่ได้ดูบอกเหมือนกันว่าดูแล้วคิดถึงบ้าน^^


โดย: มารีออง วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:29:08 น.  

 
หนังเรื่องนี้ผมได้ดูในโรงภาพยนตร์ เต็มตาดีครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:22:44:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.