Futatsu no Spica ฝันข้ามวัย ไปให้ถึงนาซ่า
นึกถึงสมัยเด็ก ผู้เขียนคิดว่าทุกคนส่วนใหญ่คงมีความสนใจเรื่องของบนฟ้า ยิ่งเป็นฟ้าในเวลากลางคืน ยิ่งน่าสนใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง เป็นฟ้าที่ไร้ซึ่งแสงแดดจ้า ไร้เหล่าคลื่นยูวีที่จะมาระคายเคืองผิว เป็นฟ้ากลางวันที่เหมาะกับการตากผ้า มากกว่าจะมาทำอารมณ์โรแมนติก และแน่นอนเสน่ห์ของฟ้ากลางคืน คือ เหล่ากองของหมู่ดาว ที่กระจัดกระจาย ส่องแสงเปล่งประกาย ตามจุดตรงนั้นตรงนี้ รายเรียงจนมีนักจินตนาการอุตริ ริตั้งชื่อตามแนวของกลุ่มดาว ให้มีชื่อเสียงเรียงนามแบบชนมนุษย์โลก เพื่อความเข้าใจที่ง่าย และไม่วุ่นวายใจเวลานึกจะเหงยตาไล่หาเหล่ากลุ่มดาวซ้ำนี้นั้น อย่าว่าแต่ดวงดาวเลย แม้แต่ความเป็นกาแล็กซี่ สนามเวทีที่ให้เหล่าดาวดวงในบริวาร มีเส้นวงโคจรให้รายรอบ ก็มีคนอธิบายว่าใช้จินตนาการได้ไม่ยาก เพียงแค่เข้าครัวแล้วหาผ้าสีดำมาคลุมที่โต๊ะทานข้าวประจำบ้าน ต่อจากนั้นก็โรยเม็ดเกลือให้ทั่วๆ เม็ดเกลือที่กระจายนี้แหละ คือ จักรวาล ความสนใจของผู้เขียนจึงเริ่มละเลย ต่อค่าอนันตกาลของเหล่าดาวดวง แต่หันไปให้ความใส่ใจกับสิ่งอยู่ร่วมกับจักรวาลแทน อย่าง ยูเอฟโอ ปริศนาการดับของดวงอาทิตย์ และแหล่งน้ำบนดวงดาวอังคารขึ้นมาแทน แม้มันจะยังยากอยู่ ที่จะหารู้ซึ่งความจริงที่มี แต่ก็ยังดีกว่าจะสะเปะสะปะดู สิ่งที่แลจะคล้ายๆคลาๆ เพียงแต่อยู่ในตำแหน่งที่ผิดแผกแตกต่างกันออกไป บางดวงก็ส่องแสงโต๋โต บางดวงก็ส่องแสงกระจ๋อยร๋อย แม้จะเป็นการชมฟรี ที่ไม่มีราคา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าครั้งหนึ่งจะมีมนุษย์ผู้คลั่งไคล้ อย่าง สาธุคุณ อีแวนส์ ที่ใช้เวลาทั้งชีวิต แบกกล้องดูดาวอย่างทุลักทุเลขึ้นไปบนดาดฟ้าหลังบ้านที่ บลูเมาท์เทนทุกวัน เพื่อไล่ดูซากศพของดวงดาวที่ตายเกลื่อนไปหลายปีแสง ดังนั้นผู้เขียนจึงไม่มีแรงปรารถนาที่จะใฝ่ฝัน ว่าโตขึ้นจะทำมาหากิน กับสิ่งที่เป็นจักรวาลนอกดาวโลกเลยสักครั้ง ขนาดเดียวกันก็ติดตามซีรีย์ญี่ปุ่น ของเหล่าบรรดาเด็กๆ ที่ไล่ตามหาความฝันมาก็พอสมควร ประทานโทษเถอะ อย่างน้อยๆ ก็เป็นความฝันเฟื่องตามประสาเด็กๆ ที่อยากจะเป็นครูบ้าง ตำรวจบ้าง หมอก็เยอะ นักการเมืองก็พอมีให้เห็น แต่ประเภทฝันไปไกล จนเลยชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียสนี้ เอานี้ไม่เคยแฮะ แต่สุดท้าย ก็ยังมีซีรีย์ที่ทำให้เห็น ใน Futatsu no Spica หรือเรียกตามต้นฉบับการ์ตูนก็ได้ว่า Twin Spica เป็นซีรีย์สั้นๆ เพียง ๗ ตอน ที่สอนใจตามแบบฉบับบูชิโดไว้มากมาย แต่กระนั้นก็เถอะด้วยข้อจำกัดในทุนสร้าง และเป็นซีรีย์ข้ามเกี่ยวฤดู เลยทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนมุมมองของการนำเสนอ ไปอีกทาง โดยเลือกมองในมุมของมิตรภาพของมวลหมู่มิตรผู้ฝึกฝนแทน เป็นเรื่องของเด็กผู้มีความฝันที่จะท้องอวกาศนอกโลกในกลุ่มห้าคน ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสดีที่นานปีทีหนจะมีสักครั้ง โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้าศึกษาต่อหลังจากจบชั้นมัธยมต้น ยังในสถาบันการศึกษาเฉพาะด้าน ที่เป็นเรื่องของอวกาศล้วนๆ ณ โรงเรียนการบินอวกาศโตเกียว (Tokyo Aerospace School) ความจริงก็ไม่ได้มีแค่นักเรียนในชั้นเพียงห้าคนหรอกนะ เท่าที่เห็นก็มีด้วยกันอยู่หลาย เพียงแต่ทางชั้นเรียนจะพยายามเน้นให้นักเรียนได้ทำงานเป็นกลุ่ม และหนึ่งกลุ่มที่ มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ ตรงที่ห้าคนดังกล่าวนั้น มีน้องนางเอก ที่เป็นตัวเดินหลักของเรื่องที่ชื่อ "คาโมกาวา อาซุมิ" (รับบทโดย ซากุราบะ นานามิ น้องหน้าใสใน Akai ito ทั้งภาคหนังและซีรีย์ รวมถึง ยกระดับตัวเองใน Ghost Town no Hana) ซึ่งอาซุมิคนนี้ไม่ได้ตั้งใจศึกษาต่อในแขนงนี้ เพื่อความเท่ห์มาประดับวงศ์ตระกูล เพราะเชื้อสายตระกูลของเธอ อย่างคุณพ่อขอเธอ ก็เคยเป็นนักออกแบบจรวดอวกาศ ที่ชื่อ ไลออนส์ แต่จรวดไลออส์ในครั้งนั้นได้สร้าง โศกนาฏกรรมทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เพราะหลังจากที่จรวดถูกปล่อยจากฐานไปได้ไม่กี่นาที ก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ กลางอากาศ และเศษซากของตัวจรวดก็ไปทำลายอีกหลายชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง ณ เวลาตอนนั้น รวมทั้งแม่บังเกิดกล้าวของอาซุมิด้วยเช่นกัน Spica, a binary star system and the brightest star in the constellation (กลุ่มดาวสปิกา เป็นกลุ่มดาวสองดวงที่ส่องประกายสะท้อนแสง เอื้ออาทรณ์ซึ่งกันและกัน) My Mother who said that. (เรื่องนี้ แม่ฉันเคยสอนไว้) และด้วยเหตุผลตรงจุดนี้ อาซุมิจึงมีความตั้งใจที่อยากจะเป็นนักบินอวกาศ ส่วนจะด้วยชดเชยความผิดพลาดของผู้เป็นพ่อ หรือทำความปรารถนาของผู้เป็นแม่ ก็ตามทีเหอะ แม้จะด้วยความไม่เต็มใจของตัวผู้เป็นพ่อ ที่รู้สึกผิดในใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นต้นมา และขอโยกย้ายตำแหน่งงานของตนเอง มาเป็นเจ้าหน้าที่เหยี่ยวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การระเบิดของยานไลออนส์ แต่น้องอาซุมิก็ไม่ได้มาอย่างเดียวดาย อย่างน้อยก็มีเพื่อนสมัยเด็กที่โตด้วยกันมา อย่าง "ฟุจุยะ ชินโนะสึเกะ" (รับบทโดย ไดโตะ ชุนชุเกะ จากRESCUE และ Love Shuffle ) ไอ้หนุ่มตี๋แว่นผู้ชำนาญเรื่องเครื่องยนต์กลไก และที่รับรู้ปมปัญหาชีวิตในเบื้องหลัง ของอาซุมิเป็นอย่างดี และแน่ละ จะต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกห้าคนในกลุ่ม ที่ไปหาเอาดาบหน้าในโรงเรียน ซึ่งก็ล้วนได้มาอีกสามคน ที่ก็ไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน เหตุที่ไม่ธรรมดาก็เพราะอีกสามคนนั้น ประกอบด้วย "ซึสึกิ ชู" (รับบทโดยนากามุระ ยูอิจิ จาก Kamen Rider Den-O และTaiyo to Umi no Kyoshitsu) เป็นเด็กหนุ่มเริงร่าหัวสีทอง ที่มีคะแนนสอบเข้าเป็นอันดับหนึ่ง ไหนจะตามมาด้วย "อุคิตะ มาริกะ" (รับบทโดย อาดาจิ ริกะ จากSensei wa Erai! ) บุตรีของท่านรมต.หญิง ผู้ขยันวิ่งเต้นโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนให้กับองค์การนาซา เป็นบุตรีรมต. ที่ทำคะแนนสอบเข้าได้เป็นอันดับที่สอง ผู้มีบุคลิกเข้ากับผู้อื่นได้ยากและมีความสัมพันธ์ ที่แสนจะเปราะบางกับผู้เป็นแม่ และท้ายสุดที่ดูจะธรรมดากว่าคนอื่นหน่อย อย่าง "อูมิ เคย์" (รับบทโดย ทาคายามะ ยูโกะ จากPapa to Musume no Nanokakan ) สาวใสร่าเริงทีเป็นมิตรได้กับทุกคน แต่ความสามารถพิเศษจะดูอ่อนด้อยกับเพื่อนสมาชิก ทุกคนในกลุ่ม เป็นตัวละครที่ยัดใส่ให้มีครบห้าคนโดยสมบูรณ์ ซึ่งไม่เน้นเนื้อหามากกว่าการเติมเต็มด้านสายสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกทุกคนในกลุ่ม แต่การได้มาซึ่งห้าคน ก็ย่อมมีเหตุกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา ตามประสาโควต้าเก้าอื้ของนักบินอวกาศ ที่มีให้ได้แค่เพียงท่านเดียว กระนั้นก็ยังไม่หนักเท่า การตามย้ำและตามซ้ำของอาจารย์ที่มองโลกแต่ในแง่ร้าย อย่าง "อ. ซาโนะ ทาคาฮิโตะ" (รับบทโดย ทานาบะ เซอิจิ เคยเล่นในPsychometrer Eiji และ Kimi wa Pet ) ที่มักสอนด้วยวิธีคิดแบบตัดรอนอย่างไม่รักษาน้ำจิตน้ำใจของลูกศิษย์ลูกหา เพื่อให้เปิดโลกรับรู้ความเจ็บปวดที่แท้จริง ที่นอกเหนือจากโลกแห่งความฝัน Think of the person sitting next to you as the one who has to fail. (โปรดสังเกตเพื่อนที่นั่งข้างๆของพวกเธอให้ดี สักวันเขาเหล่านั้นจะต้องผิดหวังในที่สุด) แม้ในอดีตจะเป็นเพื่อนที่แสนสนิทกับพ่อของนางเอกเขา แต่เพื่อนท่านนี้ก็ผู้ได้ที่รับ กระทบจากการระเบิดของยานไลออนส์ ที่ทำให้คนรักของตน (ที่เป็นเพื่อนสนิทของแม่นางเอกด้วย) ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบไม่มีวันหวนกลับ แต่ข้อดีในระยะหลังๆก็มีให้เห็น กันเป็นชุดๆ อีกทั้งยังเป็นตัวตั้งตัวตีที่ค้านหัวชนฝายาน ในการเร่งรีบส่งลูกศิษย์เป็น นักเรียนแลกเปลี่ยนกับองค์การนาซ่า ทั้งๆที่ยังไม่มีความพร้อม และผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้วมาสนิทชิดเชื้อกับนางเอกไม่ได้มีแค่อาจารย์คนนี้เท่านั้น ยังมีรุ่นพี่ "คิริว ฮารุกิ" (รับบทโดย โอซามุ มุไค ที่รับบทพ่อครัวใน Osen) เป็นเจ้าหน้าที่ในฝ่ายวิศวะยานยนต์ในสถาบันเดียวกันกับนางเอก ที่สูญเสียครอบครัวจนไม่มีความเชื่อใจในการที่มนุษย์อวกาศ จะต้องไปสุ่มเสี่ยง ไปพร้อมกับเจ้าจรวดอวกาศ เลยมุ่งมั่นที่จะสร้างหุ่นยนต์ให้เป็นผู้เสี่ยงเคราะห์แทน มีสถานะเป็นรุ่นพี่ที่อายุมิแอบปลื้ม ที่ภายหลังไปได้ทุนเรียนต่อที่ต่างประเทศ แล้วแกก็หนีหายเข้ากลีบหลุมดำ มีโผล่หน้าเล็กน้อยตามสายโทรศัพท์ เลยไม่รู้ว่า ตกลงแกเป็นดาราหลักหรือแขกรับเชิญกันแน่ละหว่า? แต่คนสายโหดสายแข็งในสถาบันศึกษาเรื่องอวกาศ ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้ ยังมีเจ๊ผู้อำนวยการ "ชิโอมิ โทชิโกะ" (รับบทโดย คาโต้ คาซึโกะ จาก Dragon Zakura) ที่คอยตั้งคำถามแทงใจดำอยู่เป็นระยะๆ และไหนจะครูพละ โอนิชิ โคจิโร่ (รับบทโดย "โกลโก้ มัตสึโมะโตะ" จาก Manten) ที่แสดงออกแก่เหล่าศิษย์อย่างไร้เยือ่ใย ส่งเสริมมาตราการถีบหัวส่ง เพื่อคัดเอาดาวจรัสแสงให้เป็นตัวแทนสถาบัน เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ป่านประหนึ่งว่ากำลังแข่งรายการนาซ่าอคาเดมี แต่ก็ใช่ว่าสถาบันการศึกษาอวกาศแห่งนี้ จะมีแต่คนที่มองโลกในแง่ดีไม่เป็นเอาเสีย อย่างน้อยๆ ก็ยังมีคนหลงฝูงกะเขามาตั้งคน แถมมีดีกรีเป็นนักบินอวกาศหญิง ที่เคยทำงานร่วมกับองค์การนาซ่ามาแล้ว อย่าง น้าสาวฮาจิมะ เคียวโกะ (รับบทโดย "ฮอนโจ มานามิ" จาก Galileo ตอนท้ายๆ) ที่คอยช่วยคิดช่วยแย้ง ในความเห็นของเหล่าบรรดาครูบาอาจารย์ผู้หลักผู้ใหญ่ที่คิดเห็นไม่เข้าท่า แต่อย่างว่าทรรศนะเชิงบุคคลจะมางัดกับทรรศนะเชิงสถาบัน มันก็ยากเย็นเข็นใจอยู่สักหน่อย ผลแห่งการตกระกำของกฎแห่งการแข่งขัน เลยต้องมาตกกับเหล่าบรรดาเด็กๆเฟรชชี่ทั้งหลาย ที่มองซ้ายมองขวาก็เห็น แต่หน้าเพื่อน ที่อยู่ในฐานะของผู้เเข่งขัน เพื่อนเหล่านั้นเลยกลับกลายเป็นศัตรูในบัดดล ซึ่งเรื่องนี้ นางเอกก็ใช่ว่าจะแสนดีเสียจน ไม่คว้าโอกาสดีๆ ที่เห็นอยู่ตรงหน้า แม้การทำความฝันให้เป็นจริงนั่น จะต้องแลกมาด้วยการเสียเพื่อนก็ตามที During ther selection interview,I said some terrible things. (ในระหว่างที่สอบสัมภาษณ์ ฉันได้ทำสิ่งที่เลวร้ายไป) When they asked me to tell them whrer l was superior to all of you. (พวกเขาถามฉันว่า ฉันมีอะไรดีกว่าพวกเธอนะเหรอ) l told them all of your weakness.So l could defeat you (ฉันบอกพวกเขาไปว่า พวกเธอนั่นอ่อนแอ และฉันนี้แหละที่เหนือกว่า) เป็นซีรีย์ที่พอมารู้ประวัติจากแหล่งที่มา ผู้เขียนจำต้องตั้งการ์ดไว้เสียสูง ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ตั้งความคาดหวังอะไรไว้มากมาย ก็ด้วยฐานะที่หาแหล่ง พรีวิวของซีรีย์เรื่องนี้ค่อนข้างยาก จุดที่น่ากลัวเบื้องต้นตามข้อสันนิษฐานแบบเชิง ตั้งคำถามที่เต็มประดาหัว ไม่ว่า ความเป็นซีรีย์ของค่าย NHK ที่มักออกในเชิง อนุรักษ์นิยม กลายลดจำนวนตอนลงอย่างฮวบฮาบเหลือเพียงแค่ ๗ ตอน ทั้งๆที่ในฉบับหนังสือการ์ตูน โดยผู้วาดโยจินามะ โค ลากยาวไปตั้ง ๑๖ เล่ม พอลงฉบับอนิเมชั่นทางช่อง NHK ก็ไปได้ไกลอีกตั้ง ๒๐ ตอน อีกทั้งปัญหาของความไม่ใช่แนว ในซีรีย์สายอวกาศของประเทศเมืองยุ่นเขา ซึ่งตรงจุดนี้ ผู้เขียนแค่ยลหน้าปกก็พอเดาทางได้ว่า การเอานักแสดงวัยรุ่น ห้าคนมายืนเรียงร่าย โดยไม่ได้ข้องแวะอะไรกับฉากของอวกาศ มันคงจะเน้น เรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพของมิตรสหายเป็นแน่ และก็เป็นจริงตามนั้นด้วยสิ เอานี้ไม่รวมเรตติ้ง ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนไม่ต้องคาดหวังว่าจะมีภาคสองตามติด กลับกลายเป็นว่า ผู้เขียนรู้สึกสนุกในช่วงครึ่งแรกเป็นอย่างมาก เพราะซีรีย์ปรับเปลี่ยนทิศทางนิยม โดยเอาแบ็คกราวด์ความเป็นอวกาศ ไปไว้ในเบื้องหลัง แล้วหยิบยกประเด็นของเส้นทางสู่ความเป็นนักอวกาศ อันเป็นสายถนัดของการทำซีรีย์เมืองยุ่นเขา มาไว้เป็นเบือ้งหน้า เป็นเบื้องหน้าที่นางเอกมีสถานะเป็นม้าตีนปลาย แถมยังมีชะงักของวีรกรรม ของผู้เป็นพ่อติดหลังเสียด้วยแล้ว และความจริงถ้าตัดเรื่องของจำพวก องค์การนาซ่าและพวกอวกาศออกไปเสีย เผลอๆอาจนึกว่าเป็นซีรีย์เกี่ยวกับ "การวิ่งมาราธอน" ที่ความจริงแล้วเป็นเพียงกิจกรรมส่วนหนึ่งที่ชี้วัดสถานภาพ ร่างกายของผู้เข้ารับการทดสอบ แต่กับในซีรีย์ดันเอาเรื่องนี้มาไว้เป็นประเด็นหลัก และไอ้ประเด็นหลักนี้แหละ ก็เข้าทางนางเอกอายูมิเขา เพราะเจ้าหล่อนมี ดีกรีของอดีตนักวิ่งประจำโรงเรียนอยู่ก่อนแล้ว ฝีเกือกชายๆอย่างเรายังต้องชิดซ้ายไปเลย แต่ด้วยบททดสอบที่รวบรัด และผู้เขียนไม่เคยได้อ่านฉบับการ์ตูนหรืออนิเมชั่นมาก่อน ก็พอเชื่อได้ว่า บททดสอบที่ชี้วัดความสามารถทั้งในส่วนของไวพริบ ปฎิภาณและ ภาวะความเป็นผู้นำ กลายเป็นสิ่งที่พอเชื่อได้และไม่รู้สึกขัดเขิน ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก ว่ากำลังดูซีรีย์เกี่ยวกับอวกาศอยู่ คงด้วยการปูพื้นเรื่องที่เน้นวิถีอย่างต่อเนื่อง ของผู้กำกับยามาโมโต้ ทาเกโยชิ และ ทซึกาฮารา อายูโกะ ที่ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ยิ่งถ้าเอาป้ายไปปิดชื่อโรงเรียน ประจวบกับผู้กำกับไม่บอกเป้าหมายหลักในปลายเรื่อง ก็บอกได้เลยว่า นี้มันก็ไม่ต่างจากโรงเรียนสอนพละศึกษาทั่วๆไป ที่จำต้องออกเอ็กเซอร์ไซด์ ไปพร้อมๆกับนั่งโต๊ะจดแล็กเชอร์อย่างสัปหงก แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนแลดูเรื่องนี้อย่างสนุกหรรษา คงด้วยมือดัดแปลงบทสองท่าน คือ อาราอิ ชูโกะ และ มัตซึ ไดโกะ ที่ฉลาดล้ำเลิศในการใช้ตำแหน่งของดวงดาว กับวิถีการโคจรจรของกฎฟิสิกส์อวกาศ มาใช้เปรียบเปรยกับหลักการในการใช้ชีวิตในประจำวัน ณ ปัจจุบันอย่างง่ายๆ ซึ่งถ้ามาใช้กับเมืองไทยให้เข้าแล้ว ก็จะเอาลักขณาดวงดาวนั้นมาจับยามสามตา ทำนายอุบัติทวเหตุเภทภัย ทั้งเรื่องการเมือง ตลาดหุ้นและชู้สาววงการบันเทิง หนักเข้าก็ไปในทางโหรพยากรณ์ในแม็ทช์ฟุตบอล หรือหวยสองตัวสามตัวไปโน้นเลย และส่วนใหญ่จะออกไปทางทายอนาคตไม่ค่อยจะถูกสักด้วยสิ หลักฐานนี้คามือ เพราะอยู่ในรูปของ SMS ข่าวทันเหตุการณ์ โชว์ไว้แต่ไม่ลบ เป็นการช่วยจำ ว่าครั้งหน้าฟ้าใหม่ หากเขาคนนั้นฟันธง-คอนเฟริม จะได้บอกให้ลูกให้หลาน ดูอุทาหรณ์สอนใจกันเอาไว้ มิให้แตกตื่น There's no need to rush. The one who went to space at 77. (อย่าเพิ่งรีบร้อนนักเลย รู้ไหม? มีใครคนหนึ่งเพิ่งได้ไปอวกาศเมื่ออายุตั้ง ๗๗ ปี) John Glenn,Huh (เขาชื่อว่า จอห์น เกลนน์) ดังนั้นทำอะไรแล้วไม่สำเร็จในตอนนี้ ก็อย่าเพิ่งด้วยสรุปว่าสิ่งนั้นจะเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่ชีวิตยังหายใจได้อยู่ ดูอย่างพระพุทธเจ้าสิ ต้องกลับชาติมาเกิดตั้งกี่รอบ กว่าจะได้ขึ้นชื่อว่าปรินิพพาน จะเสียดายซีรีย์เรื่องนี้ในตอนท้าย ที่เรื่องราวเริ่มจะมีแผ่วออกเป๋ไปในบางช่วง ซึ่งกรอบจำกัดในความที่เป็นซีรีย์เพียง ๗ ตอน ก็ช่วยผยุงไว้ไม่ให้เป๋มากไปกว่านี้ เลยกลายเป็นซีรีย์ที่จดจำในทางที่ดีได้ไม่ยากนัก ไม่เหมือนกับหลายเรื่อง ที่ภาวนาให้มันจบๆ แต่มันดันไม่ยอมจะจบสักกะที คงกะใช้โควต้าเฉลี่ย ๑๑ ตอน ให้คุ้มค่า ไหนๆก็รับเงินเยนเขามาแล้ว ก็ใช้มันให้จบๆ จะได้ปิดงบไม่ต้องมานั่งชี้แจ้ง ผู้อำนวยการเสียให้ยุ่งยาก ซึ่งอันนี้ไม่ควรจะให้เป็น อันเป็นการผลาญงบโดยใช่เหตุ ความจริงก็มาตั้งคำถามอยู่พอสมควร ถึงความเป็นซีรีย์ระยะสั้นและข้ามฤดูกาล ไหนจะเป็นในสายอวกาศ ซึ่งไม่น่าจะอุตริคิดจะสร้าง เพียงแค่เกริ่นกับช่างกล้อง ผู้ช่วย คนแบกไมค์และเด็กเสริฟน้ำให้สแตนบายพร้อม พอมาดูวัตถุประสงค์จากทาง wikipedia จึงมาหายโง่ขึ้นมาทันทีว่า เป็นความร่วมมือกันระหว่างค่ายสถานี NHK และ ตัวแทน สถาบันอวกาศนานาชาติของประเทศญีปุ่น (Japan's national aerospace agency) เรียกสั้นๆซ่าๆว่า JAXA เพื่อเฉลิมฉลองการสถาปนาปีแห่งการศึกษาอวกาศนานาชาติ (International Year of Astronomy) ถึงขั้นที่ว่าต้องเลื่อนฉายออกไปหนึ่งสัปดาห์เพื่อ เข้าหน้าเทศกาล เลยกลายเป็นซีรีย์ข้ามฤดูกาลที่ดูจะผิดธรรมเนียมการออกฉายประจำปี แม้เป็นซีรีย์ที่ออกฉายกลางปีที่แล้ว และดันขึ้นชื่อว่า "นานาชาติ" เสียด้วยซ้ำ แต่กับเมืองไทย ไงบรรยากาศมันเงียบยังกับเป่าสาก ไม่เห็นมีการส่งเสริมเทศกาลอวกาศ อะไรเทือกนั้น ก็เห็นมีแต่สีเสื้อนั้นฮึ่มกับสีเสื้อนี้ และบรรยากาศมิดไนท์มิดเยียร์เซลล์ แม้แต่อาจารย์อาจอง ที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่เคยไปร่วมงานกับองค์การนาซ่า ก็กลับเมืองไทยมาเอาดีในทางสายวิปัสสนานั่งทางใน ซึ่งใช่ว่าจะไม่ดี เพียงแต่สายนี้ เขามีศึกษากันเยอะแล้ว อวกาศเมืองไทยเลยไม่พ้นสมัยสิบกว่าปีก่อน ทีเอะอะไปไหนไม่ถูก ก็เข้าท้องฟ้าจำลองอยู่ร่ำไปนี้เอง ส่วนเพลง Hitomi no Sakini ของทีม ORANGE RANGE ผู้เขียนคิดว่าเป็นเพลง ที่ผู้เขียนปลื้มกว่าตอนที่ได้ฟังในทีมนี้ร้องประกอบใน ซีรีย์ Rookies,Hana Kimi และหนังใหญ่ Be with You เสียอีก เพราะมันให้จุดมุ่งหมายในการไขว้คว้าหาความฝัน ที่ผู้เขียนหาไม่เจอเอื้อมไม่ถึง อะไรกันใครเขาสักทีเช่นเคย ........ เอื้อข้อมูลจาก //forums2.popcornfor2.com //wiki.d-addicts.com/Futatsu_no_Spica //en.wikipedia.org/wiki/Twin_Spica
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2553 23:37:31 น.
11 comments
Counter : 1918 Pageviews.
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.0.41 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:02:28 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:06:20 น.
โดย: prysang วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:42:27 น.
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.3.28 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:35:49 น.
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.28.75 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:00:27 น.
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.47.98 วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:19:46:13 น.
แต่กลัวจังที่บอกว่าเป็นของสถานีNHK