|
Mr.Brain อัพสมองประลองเชิง
เคยได้ตั้งคำถามต่ออนาคตของซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งเอาไว้เมือ่ปีก่อน เป็นปีที่ได้ร่ายประวั้ตินักแสดงท่านหนึ่ง ที่ต้องออกตัวก่อนหน้าเลยว่า "ต่อมคนรักหญิง" ยังทำงานได้อย่างปกติสุขตราบถึงทุกวันนี้ คนๆนั้น ก็คือ นาย"คิมูระ ทาคุยะ" นักแสดงชายตัวดึงดูด่ของเหล่าสาวกนักดูซีรีย์ญี่ปุ่น (ที่แม้ใน Moon Lover ซีรีย์เรือ่งล่าสุด ดูจะดูดได้ไม่ลื่นคอเท่าไรนัก) เป็นคำถามที่ได้ตั้งต่อซีรีย์ของค่าย TBS ภายใต้การเดี่ยวชูโรงของนายทาคุยะ เอาไว้ว่า ตลอดที่ผ่านมา ลิขสิทธิ์ที่ส่งตรงมายังสถานีเมืองไทยเพื่อได้อนุเคราะห์สยามชนซีรีย์ ก็มีเพียงแต่เรื่อง Good Luck!! ที่เคยฝากความปรารถนาดีเอาไว้ โดยมีสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเป็นแหล่งเผยแพร่ ที่นักดูรุ่นนี้คงไม่แก่เกินแกง จนลืมกันจนจำไม่ได้ อย่างที่ผ่านๆมา หลายคนคงเอ๊!เอ๋!ว่า อ้าว แล้วอย่าง Change, Engine ,Hero, Love Generation อะไรทำนองนี้ละ? ก็อยากจะบอกว่า พวกนั้นมันเป็นงานคู่บุญ ที่ทาคุยะได้ทำสัญญาไว้กับค่าย ฟูจิทีวีทางโน้นเขา แม้อย่าง Grand Family ซีรีย์ใหญ่ฟอร์มยักษ์ของค่าย TBS ที่นำเอางานบทภาพยนตร์สุดคลาสสิกมาละเลงซ้ำ ก็ค่อนข้างที่จะไม่เห็นวี่แวว ว่าทางทางสถานีช่องไหนของเมืองไทย จะซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาถ่ายทอด ทั้งๆที่จะว่าไป กลิ่นของเรื่อง นี้มันสไตล์หนังมาเฟียฮ่องกงชัดๆเลย
แต่กับซีรีย์แนวนิติวิทยา(ประสาท)ศาสตร์ อย่าง Mr.Brain อันนี้ต้องขอบอกแบบออกตัว โดยหยิบยกประโยคที่ยังไม่หมดอายุความ จากปีที่แล้วขึ้นมาว่า "จะได้ฉายเมืองไทยรึไม่? ไม่อาจเดาได้ " เหตุจากความไม่มั่นใจ ส่วนหนึ่ง ในระยะหลังมีซีรีย์ญี่ปุ่นเทียบชั้นทำกระแส ได้ดีพอกลบหน้ากลบตา ลุงแก่ๆ อย่างทาคุยะ ที่อายุอานามเฮียไล่เเข่งกับนักษัตรทางปฏิทินแบบปีต่อปี ขณะที่ความใจดีในการปล่อยลิขสิทธิ์จากผลงานของค่าย TBS ไปสู่สากลโลกนั้น มีเงือ่นไขกระจุกกระจิก ไม่เหมือนกับทางค่ายฟูจิทีวีเขา ส่วนอย่างที่สอง คือ ความซ่างซาของงานสร้างเชิงโหนกระแสนิติวิทยาศาสตร์ ที่ก่อนหน้านี้ มีการจัดสร้าง จัดทำและมาย้ำยีเสียจนเกร่อ อารมณ์ประมาณเฟ้อ อาจเรียกได้ว่า เกิดกระแสฟองสบู่แตกไปพักใหญ่ ที่เอะอะอะไร ใครเสียใครตาย หรือไม่มั่นใจในฝีมือสางคดีของคุณตำรวจ ก็จะมาโยนงานให้กับฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ เสมือนว่าเป็นหน่วยงานครอบจักรวาล สามารถคลี่คลายรูปคดีได้เสียหมด ยิ่งก่อนหน้าที่จะมีงานสร้างอย่าง Mr.Brain ก็ได้มีงานก่อนหน้า ชิงกันเกิดแบบโหนกระแสวิทยาศาสตร์จับโจรเข้าคุก ไม่ว่าจะเป็น ซีรีย์ Galieo , Voice, นี้ยังไม่รวมซีรีย์เรือ่ง Boss ที่ตามมาทำคลอด ไม่ห่างไปนานนักนับแต่รู้ว่า Mr.Brian ยังพอขายได้อยู่
แต่กระนั้น งานสืบสวนสอบสวนจะมีวิธีการของการไตร่สวนหาความจริง ในหลายแง่และหลายกรณี แต่ก็ปฏิเสธได้ยากว่า งานนิติวิทยาจากแบบแผนทางวิทยาศาตร์ ที่อิงหลักจากเหตุและผล มีลูกเล่นและวิธีการที่น่าดึงดูด ติดตรึงและสอดรับกับการดำเนินเรื่อง ในแนวทางของไซโคทริลเลอร์ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ ไม่ใช่แค่ทึ่งในแง่ของความซับซ้อนทางคดีเท่านั้น ยังต้องตกตะลึงกับกรรมวิธีของการคลี่คลาย ด้วยผลพิสูจน์จากทางห้องแล็บ ที่แม้จะไม่รู้ในส่วนผสมหรือตัวยา ให้กระดิกหูสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับพวกดีเอ็นเอแบบม้วนๆหรือลายนิ้วมือแบบขดๆ ที่หากให้เห็นในตอนแรก แล้วลองให้จับวางคู่หากันอีกที คงสู้ปล่อยให้คนร้ายมันลอยหน้า ลอยตาและลอยนวล เสียยังดีกว่า
the human brain it weighs a mere 1400 grams. (สมองมนุษย์มีน้ำหนักเพียง 1400 กรัมเท่านั้น) In volume, it is 1400 cc and within it are 50 trillion neurons,packed tightly. หรือเทียบได้กับ 1400 ซีซี และมีเซลล์ประสาทกว่า 50 ล้านๆเซลล์ เชื่อมโยงติดกัน) Within a single second,2 trillion eletrical pulses travel back and forth. (ภายในหนึ่งวินาที สามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปกลับได้ถึง 2 ล้านๆครั้ง) However it is said that most humans use only a mere 5 % of their brains.thry still much to learn about this organ. อย่างไรก็ตาม ความสามารถของมนุษย์โดยปกติใช้ความสามารถ ของสมองเพียง 5 เปอร์เซ็นท์เท่าน้น ยังมีเรื่องอีกมากที่เราจะต้องเรียนรู้ ในอวัยวะส่วนนี้)
Mr.Brain เป็นงานนิติวิทยาฯ ที่ใส่ภาษาคอเมดี้บนพื้นฐานของหลักการ แต่ไม่ทำให้ความที่เป็นงานสืบสวน ซึ่งต้องอาศัยความน่าเชื่อถือและมีหลักฐานยืนยัน กลายเป็นงานที่เลื่อนลอยและมุ่งขายในแง่ความตื่นเต้น สนุกหรรษาแต่ประการเดียว การปรากฏตัวของ “ซึกุโมะ ริวสุเกะ” อดีตหนุ่มบริการตามคลับตามบาร์ ที่ไปประสบพบเจอกับสาวเจ้านิรนาม ที่กำลังยืนร้องห่มร้องไห้ ดวงตาเธอกำลังจ้องไปยังรองเท้าคู่โชว์อยู่หน้าร้าน ขณะที่ร้องเท้าส้นสูงคู่ปัจจุบัน ที่เธอเคยสวมใส่ได้หักชำรุดอยู่ ไถ่ถามสนทนาจึงได้ความว่า เหตุที่เธอต้องหลั่งน้ำตาเพียงเพราะเธอกำลังอกหักจากคนรักเก่า และเปรียบเปรยรองเท้าส้นสูงที่หักเสมือนตัวเธอเอง ส่วนแฟนใหม่ไปใยดีกับสาวคนใหม่ ที่ไม่ต่างไปจากรองเท้าส้นสูงข้างที่กำลังถูกโชว์อยู่ที่หน้าร้าน ซีรีย์เหมือนจะมาในแนวทางของเลิฟคอเมดี้ เป็นการกลับมาโคจรกันอีกครั้ง ระหว่าง ทาคุยะกับฮิโระสุเอะ (ครั้งสุดท้ายที่ร่วมเล่นด้วยกัน ก็โน้นเลย Love Vocation เมื่อสิบกว่าปีก่อน เป็นรักแบบเชิงเคารพของครูสอนเปียโนกับลูกศิษย์เท่านั้น) ก็สปอยด์แบบผู้เขียนหมดหวัง เมื่อมาราธอนดูจนจบแล้วว่า บทในตอนต้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไรที่เหลือในแบบยาวๆ ของ Mr.Brain อีกเลย หลังการจากลาแบบพอสานต่อความสัมพันธ์ได้ (แต่ไม่ทำ?) สึโคมุพระเอกของเราเป็นฝ่ายประสบอุบัติเหตุจากเขตก่อสร้างที่พังถล่มลงมา แล้วเนื้อความของ Mr.Brain ก็เกิดขึ้น นับจากนี้ จากอุบัติเหตุค่อนข้างวิกฤต ส่งผลให้สมองของริวสุเกะได้รับผลกระทบกระเทือน ซึ่งถ้าเป็นไปโดยหลักแล้ว โอกาสของการรอดถือว่าเป็นไปได้ยาก อย่างเก่งก็เป็นเช่น เจ้าชายนินทา เป็นพระเอกบนเตียงนอน ที่คงไปหาเจ้าหญิงกันในฝัน แต่เส้นยาแดงของริวสุเกะ กลับนำมาพาให้เขามีระบบสมองที่เป็นอัจฉริยะ ด้วยการพัฒนาของสมองซีกขวาที่เร็วกว่าคนปกติหลายเท่า ซึ่งความอัจฉริยะในส่วนนี้นับจากอุบัติเหตุครั้งร้ายแรง จนเวลาล่วงมาอีกห้าปี เขาก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานความมั่นคงระดับชาติของญี่ปุ่นที่มีชื่อย่อว่า IPS (institute of police science) เป็นหน่วยงานที่รวบรวมเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทางสายหลักวิทยาศาสตร์ในหลายๆสาขา เข้ามารวมกัน เพื่อพิสูจน์ปริศนาของหลักฐาน ที่ได้ค้นพบในที่เกิดเหตุ นำมาศึกษาและวิเคราะห์เพื่อเชื่อมโยงสาวไปถึงตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งในหน่วยงาน IPS จะประกอบไปด้วย หน่วยวิเคราะห์ภาพ หน่วยวิเคราะห์เสียง หน่วยวิเคราะห์ทางเคมี และหน่วยวิเคราะห์ดีเอ็นเอ เรียกได้ว่า หากมีการก่ออาชญกรรมหรือเข้าข่ายการก่อการร้ายที่ไหน ขอเพียงให้ได้รับแจ้งหรือต่อสายตรงขึ้นหน้าจอมอนิเตอร์หลักมาเหอะ หน่วยงานนี้จะประสานเข้าตัวแปร เพื่อค้นหาต้นตอให้ถึงแก่นกันทีเดียว การเปิดรับตัวสึโคมุเป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย เท่ากับเป็นการเปิดฤกษ์แผนกประสาทวิทยา (neuroscience department) เข้ามาเป็นการถาวร เพื่อทำการประสานหาค่าวิเคราะห์แล้วเขียนเป็นรายงาน เพื่อรวบรวมกับหน่วยงานที่เหลือในส่วนอื่นของแผนก แต่ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะวิธีการทำงานของสึโคมุคล้ายกับว่า ไม่อาจจะปรับตัวเข้ากับคนหมู่มากได้ อีกทั้งมิตรสัมพันธ์ระหว่างบุคคลแลจะบกพร่อง ผิดกับสมัยที่เคยทำงานในบาร์ ที่เรือ่งวาจาและลีล่า ดูจะเข้าประชิดติดตัวแบบมัดใจบริวารและคนแปลกหน้าได้ไม่ยาก ซึ่งก็แปลกที่ความลับส่วนนี้ ไม่มีการกล่าวถึงอีกเลย แม้จะจบภาคไปแล้วก็ตาม
My name is Tsukomu,write Kanji by number of 9 ,10 and 9 You can move a word "NO" from "AKUTAKAWA RYONOSUKE" So Call "Ryotsuke"....... (ผมมีนามว่าสึโคมุ เขียนโดยอักษรคันจิที่มีต้ว 9 10 และ 9 คุณเองสามารถคัดคำว่า "โนะ" ออกจาก "อากุตาคาวา ริวโนสุเกะ" ซึ่งจะอ่านได้ว่า "ริวซึเกะ" ..............
Why I should know? (ทำไม อั๊วต้องรู้ด้วยฟะ?)
นอกจากนายสึโคมุ จะได้สร้างปัญหากับคนในองค์กร ยังไม่พอ ยังได้กระจายปัญหาไปยังคนฝ่ายนอกองค์กรอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะคู่กรณี อย่างหน่วยงาน Metropolitan Police Department หรือถ้าเป็นบ้านเรา คงเรียกว่า "ตำรวจนครบาล" โดยเฉพาะตัวหลักๆ ที่มี ทัมบาระ โทโมมิ (แสดงโดย คางาวะ เทรุยุกิ คุ้นหน้าดีจาก Tokyo Sonata) เจ้าหน้าที่เลือดเดือดระดับมือพระกาฬของกรมตำรวจ ที่เชื่อมั่นในสัญชาติญาณเชิงประสบการณ์ของตัวเองมากกว่าผลพิสูจน์ทางห้องเเล็ป ที่มักจะไปคนละทางกับความเห็นกับเขาอยู่เสมอผิดกับคู่หู ทาราโนสึเกะ (มิซุชิมะ ฮิโระ จากTokyo Dog,Adsolute Boyfriend) เจ้าหน้าที่นักสืบหน้าใหม่ที่ดูเป็นตื่นเป็นเต้นเวลาออกนอกภาคสนามจริง และให้การยกย่องในแนวทางการสืบสวนสุดอัศจรรย์บนโลกสมองของสึโคมุ ถึงขั้นต้องมีการย่องแอบ เพื่อขอคำปรึกษาในการคลี่คลายคดีจากปากของสึโคมุอยู่เสมอ แม้จะรู้ว่า หัวหน้าทัมบาระ จะไม่ปลื้มอย่างหนัก เอาเสียเลย
ส่วนอีกคนหนึ่ง ที่ให้การยอมรับสึโคมุเสียแต่เนินๆ ก็ได้แก่ ผู้ช่วยสาวสุดสวย "ยุริ คาซุเนะ" (เล่นโดย ฮารุกะ อายาเซะ) อดีตสาวหน่วยงานเภสัชฯ ที่ถูกโอนให้ต้องมาทำหน้าที่ผู้ช่วยในแผนกเปิดใหม่ อย่าง หน่วยงานประสาทวิทยา ซึ่งในตอนแรกเธอออกจะขยะแขยง เพราะไม่รู้แนวทางการปฏิบัติเบื้องต้นของเรื่องสมองว่าจะแก้ไขสถานการณ์ การสืบหาตัวฆาตกรได้อย่างไร ก็ไม่รู้ว่าหมู่เหล่าหรือจ่าเฉย แต่พอเห็นหน้าไอ้หนุ่มผมยาวสึโคมุ ก็กลายเป็นรักแรกพบ แต่ก็ต้องมาสลบกับพฤติกรรมประหลาด ที่มีความเป็นกึ่งเด็กกี่งผู้ใหญ่ กระนั้น ทุกอย่างก็กระฉ่างชัดขึ้น เมื่อได้ประจักษ์ในความสามารถที่ซ้อนไว้อยู่ในตัว อีกทั้งความมุ่งมั่นแบบไม่ใส่เกียร์ว่าง และออกสตาร์ทเร็วกว่าเเผนกใดๆ ก็ซื้อใจน้องแกเกือบจะหมดหัวใจ ขณะเดียวกัน สภาพของการเป็นผู้ช่วยในตอนแรก ก็กลับกลายเป็นผู้ช่วยกึ่งถูกทดลอง ที่มักจะโดนจับโดนแกล้ง ถือเป็นความสวยที่เกิดมาไม่ถูกทีและผิดแผนก แต่ก็ไม่เสียชาติเกิด ที่ได้มาร่วมงานที่แสนปวดประสาท ในแผนกประสาทวิทยา ที่มีเขาและเธอเพียงสองคน ซึ่งสึโคมุก็ได้มอบความกล้าหาญที่มี ให้กับยูริ ที่เดิมเป็นเพียงสาวคนอ่อนให้กล้าเผชิญหน้าตอ่การท้าทาย ในความเฉื่อยชาของคนในองค์กร ให้ตระหนักต่อหน้าที่และความรับผิดชอบที่มีอยู่ แต่เมื่อเธอได้แสดงออกเป็นที่ประจักษ์ เธอก็กลับมาเป็นสาวหัวอ่อนคนเดิม ที่ใครต่างก็รักใคร่เธอมากขึ้น
กระนั้น บทพิสูจน์ทางคดี ที่ถูกคลี่คลายในหลายๆกรณี ซึ่งในทุกกรณี ตัวฆาตกรหรือผู้กระทำความผิด ล้วนแล้วแต่อ่านเกมและเดาทางเป็น ทั้งวิธีการและรูปแบบในการสืบสวน เสมือนการย้อนรอยตามแบบเเผนวิธีทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะด้วย มูลเหตุจากแรงจูงใจ การใส่ความให้แก่คู่กรณีผู้มีความขัดแย้งเดิม การสร้างหลักฐานเท็จเพื่อปั้นเรื่อง หรือการอาศัยของจำกัดทางอายตนะในตัวมนุษย์ ซึ่งจะว่าไป ปัญหาทั้งหมดที่ว่ามา ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงอุปสรรคประการหนึ่งเท่านั้น นี้ยังไม่รวมถึง การได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน IPS หรือ กรมตำรวจสันติบาล ด้วยกันเองก็ตามที ที่กว่าจะได้การยอมรับนับถือในตัวสึโคมุจากบุคคลหลายฝ่าย ก็ต้องมีบทพิสูจน์จากการไขปริศนาฆาตกรรม ที่ตัวริวสุเกะเอง จำต้องดั้งดลไปให้เห็นกับตาในสถานที่เกิดเหตุและการออกเก็บข้อมูลเชิงลึก ซึ่งจะไปผิดหลักธรรมเนียมปฏิบัติในหน่วยงานของตน ที่นั่งรอกระดิกนิ้วเท้าอยู่ในห้องเเล็ป จนกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะโอนหลักฐานจริงจากที่เกิดเหตุเข้าสู่หน่วยงาน จะว่าไป ตัวสึโคมุเอง ก็ไม่ได้ปฏิบัติวางตนให้ได้รับความน่าเชื่อถือมาตั้งแต่ต้น ทั้งๆที่ หน่วยงานประสาทวิทยาในฐานะแผนกหนึ่งของทีมงานนิติวิทยาศาสตร์ ยังถือเป็นเรื่องที่ใหม่มาก และสร้างข้อครหา เสียงซุบซิบนินทา ถึงผลงานวิจัยที่ประจักษ์ชัดเป็นรูปเล่ม (แม้แต่ผอ.ยังบีบให้รีบเขียนรายงานโดยพลัน -ผอ.IPS เล่นโดย ไดอิชิ มาโอะ จากเรื่อง ไซอิ้ว) เพราะมันเป็นเรื่องของก้อนเนื้อในกะลาหัว ที่จะถอดออกเป็นเสียงก็ใช่ที ผสมน้ำยาเคมีก็ใช่ปะไร จะแหงะร่องสมองสองซีกออกมาก็ใช่ว่าจะมีตัวอักษรออกมา หรือจะอินเซปชั่น สร้างทีมสำรวจร่วมในความฝัน นั้นก็วอร์เนอร์บาร์เดอร์เสียเหลือเกิน
แต่จะว่า มีหลายเสียงอยู่ เหมือนกันที่ปรามาสงานของ Mr.Brain ว่าเข้าขอบข่าย การลอกเลียนหรือได้รับอิทธิพลมาจาก CSI สกุลเมืองต่างๆ ด้วยความที่เห็นโครงเรื่องที่คล้ายคลึง ก็อาจจะเดาสุ่มยกโขลงกันไปเช่นนั้น ซึ่งถ้าให้มองฐานองค์ประกอบโดยรวม อาจจะใช่ แต่ใน Mr.Brain เขามีกรรมวิธีที่ต่างออกไป โดยใส่ความซับซ้อนในแง่ของการนำเอาหลักฐานในพื้นที่ ที่อาจก่อคดี หรือเอาหลักฐานจากนิติบุคคลผู้ต้องสงสัย มาจัดฉากวางไว้ เพื่อให้เกิดความไขว้เขว้ในการตามสืบในรูปคดีหรือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีไปให้กับผู้บริสุทธิ์คนอื่น ด้วยผลจากความศรัทธาที่มีให้จากขั้นตอนของคำว่า “วิทยาศาสตร์” เท่ากับว่า หากเรื่องราวในซีรีย์ตะวันตกฟากโน้น ใน CSI เขาใส่กระบวนนิติวิทยาศาสตร์ ขึ้นมาเป็นพระเอกอย่างโดดๆ นั้นก็หมายความว่า ใน Mr.Brain เขาหันหน้าทะแยงข้าง ให้กระบวนนิติวิทยาศาสตร์ที่ให้ผลเที่ยงตรง จนผู้คนศรัทธานั้น ผู้สร้างเขาก็เอาคุณค่านั้น มาจัดฉากและออกแบบวิธีการ โดยอาศัยเจ้าความแม่นยำ ไม่ว่าจะด้าน ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เส้นผม รังแค หรือหนังศีรษะ มาซ้อนรูป อำพรางคดี ให้กระบวนการเข้าตรวจสอบหลักฐานที่ถูกจัดวาง ทำสิ่งที่เคยเป็นบุญ ให้กลับกลายเป็นบาป ทำเอาประจักษ์พยานวิภาษวิธีต้องเฉไฉ ด้วยการปักใจเชื่อตั้งแต่ต้น ด้วยฤทธิ์เดชอันเดชะของความเป็นวิทยาศาสตร์ แม้ว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่ ล้วนจะเป็นคนใกล้ ที่ไม่ใช่อื่นไกล โดยพยายามล่อหลอกให้หลงคิดอยู่ตลอดเวลา หลอกในตัวบุคคลยังไม่เท่าไร แต่หลอกในแง่การนำเสนอวิธีการ ด้วยการเอาขั้นตอนในการวิเคราะห์แบบประสาทวิทยาไว้เบื้องหน้า แต่แท้ที่จริง เป็นการวางหลุมพรางซ้อนทริกเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยอาศัยพฤติกรรมความเจ้าเล่ห์และฉลาดเป็นกรดเฉพาะตนของตัวสึโคมุเอง มุขแนวนี้เล่นเอาทำมึนจนยากจะคาดเดาเหตุการณ์ต่อไป ถือว่าเป็นงานซีรีย์ที่มีชั้นเชิงดีแท้ และจำต้องคิดวาง จนถึงต้องโยนทิ้งสูตรหักมุมแบบเก่าๆที่เคยรับชม เพราะกลายเป็นสิ่งที่ล่าสมัยให้ตกเก้าอี้หงายหลัง เพราะคุณก็สามารถตกเก้าอี้หน้าหงาย ในฉบับของ Mr.Brain
ผู้เขียนเอง ก็ชมอย่างเพลิดเพลินไปทีละตอน แบบที่ไม่ต้องมีภูมิความรู้ทางประสาทวิทยาติกค้างในสมองส่วนท้าย ก็สามารถไหลไปตามเรื่องตามราว อย่างสนุกสนานครื้นเคร่ง โดยไม่รู้สึกถึงความยัดเยียดทางวิชาการด้านสมองจากซีรีย์เรือ่งนี้ แม้จะมีศัพท์แสลงหู อย่าง ซีลีเบลลัม นีโอคอนเทกซ์ ไฮเปอร์ทาลามัส โผล่มาเป็นระยะๆ แต่ก็เป็นการเสริมเพื่อให้วิธีการอธิบายดูน่าเชื่อถือ พูดแล้วก็จบกัน ไม่เอามาพูดซ้ำซาก เพราะเขามีจุดขายในส่วนอื่นอีกเป็นกระปุง แต่ความเด่นของเรือ่งนี้อีกอย่าง คือ มักจะหาจังหวะดีๆ เติมเต็มในผลสำรวจจากประสิทธิภาพของมันสมอง ที่เราคุ้นชินบาง ไม่คุ้นชินบาง ไม่ไปทำลายอรรถรสซีรีย์แนวสืบสวน ยกตัวอย่าง การตัดเอาหน้าชายกับหญิงที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกัน แล้วมาแยกแยะว่า ใครคือหญิง ใครคือชาย หรือเกมส์เดาใจก่อนโอ้น้อยออก ส่วนไอ้ประเภทไม่ใช่งานสำรวจ แต่เป็นงานพื้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์เบื้องต้นที่ควรรู้ เช่น อาหารมื้อเช้าเป็นมือ้ที่สำคัญที่สุด เพราะร่างกายต้องการน้ำตาลที่สูญเสียไปขณะหลับ และอาหารบำรุงสมอง อย่างกล้วย ที่ให้ผลดี-ราคาไม่แพงเวอร์ แบบซุปไก่หรือโปรตีนเม็ด
ผู้เขียนไม่รู้หรอกว่า ทีมงานหมดไปกี่สิบเยนในการจ้าง มืออาชีพทางการเขียนบทแนวอย่าง ทั้งตัว มากิตะ มิซุฮารุ กับ โมริชิตะ โยชิโกะ โดยเฉพาะมิซุฮาระ เขามีหัวไบร์ทในงาน screenwriter ในแนวสืบสวนเชิงลึกลับ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทิ้งงานมึนๆให้คนพอจำได้ อย่าง Zenibana, Psychometrer Eiji,Bloody Monday และ Puzzle เป็นต้น ส่วนโยชิโกะก็ไม่ได้น้อยหน้า เพราะมีรางวัลการันตีมือเขียนบทจาก TDAA จากเรื่อง Jin และยังไม่นับ Byakuyako ที่หลายคนคลางแคลงใจว่าทำไม๊ทำไม ถึงไม่ได้รับรางวัล แกสองคนก็ช่างไปเก็บเล็กผสมน้อย จากเคล็ดแต่ไมยังลับ และลับแต่ไม่ยังเข็ดที่จะตามนำมาเสนอ ขณะเดียวกัน น่าจะมีการออกภาคสนามสัมภาษณ์ทีมนิติวิทยาศาสตร์ตัวเป็นๆ ที่นอกจาก ไปศึกษาหาความรู้ในแนวทางผ่าพิสูจน์แล้ว ยังต้องไปขอคำแนะนำ ในทางการกลบกลืนรูปคดีให้ดูเนียน แต่กระนั้นความเนียนอย่างเดียว ถ้าไม่ได้ผู้กำกับมือฉมัง ที่ควบคุมจังหวะให้ไปได้สอดรับได้ดีกับเนื้อเรื่องเชิงสืบจากศพแล้ว แค่เห็นโปรดักชั่นตลอดทั้งเรื่อง กับ การประสานซีจีแบบไม่หวงงบ (แต่หวงตอนแทน) ก็น่าจะเดาได้ว่า น่าจะไม่ใช่ผู้กำกับขี้ไก่ข้างทางที่ไหน ซึ่งก็เป็นตามนั้น เพราะเป็นการอัญเชิญสามเทพผู้กำกับประจำค่าย TBS ไม่ว่าจะเป็น ฟุกุซาวา คาซึโอะ (Karei naru ichizoku,Good luck) ฮิรากาวา ยุอิชิโระ (Rookies,Jin) และยามามุโระ ไดซุเกะ (Love Shuffle,Jin) ทั้งหมดล้วนแล้วแต่สร้างตำนาน ประดับแท่นบูชาแก่วงการซีรีย์ญี่ปุ่นแทบทั้งสิ้น นี้จะไม่บวก ดารารับเชิญทั้งหลายชายหญิง ที่เล่นแบบจบค่าตัวเมื่อจบตอน ก็ยังไปรับเป็นพระเอกนางเอก ในซีรีย์เรื่องอื่นๆได้ ก็อย่างว่านะตามประสา มีทาคุยะเป็นตัวนำของเรื่อง คนที่เหลืออื่นๆ ก็เป็นได้แค่ดาวฤกษ์ที่หมุนไปตามเส้นวงโคจรไป ยกตัวอย่างฝ่ายหญิง ก็มี เจ๊ฮีโระสุเอะ จาก Departures ไอบุ ซากิ จาก Absolute Boyfriend ยุกิเอะ จาก Gokusen และ เจ๊โคยุกิ จาก Engine เป็นต้น
ส่วนฝ่ายชายก็ใช่ยอ่ยสักที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ซาโต้ ทาเครุ จาก bloody Monday คาซุยะ จาก Nobuta wa Produce หรือ Gackt จาก Moon Child เป็นต้นและยังเป็นเรือง เรียกว่า ยกมาอัพเรตติ้งกินกันแหลก เกทับกันไปข้างหนึ่ง แถมแต่ละคน ใช่ว่าต้องมารับสภาพดีๆกัน ล้วนแล้วแต่ต้องมารับบทโชว์พาวด์ ซึ่งถ้าไม่ใช่พวกฆาตกรคุณแอบที่แสนจะเลือดเย็นแล้ว คุณก็มีทางเลือกที่เหลือได้แค่ การที่ต้องมาเป็นคนวิกลจริตที่บกพร่องทางเซลล์สมอง ที่แต่ละอาการ ก็เข้าข่ายด้วยการบำบัดแบบมัดปากผูกโยงไว้กับเตียง ถ้าฤทธิ์มากน้อย ก็อาจต้องมีการช๊อตไฟฟ้าหรือไม่ก็ฉีดยาสลบ ก็ดูอย่างก็ตั้งชื่อตอน อาทิพวก Serial Murders อย่างงี้ Serial Demonic Terrorist หรือประเภท Split Personality ก็เอามายัด แล้วขยายผลไปอีกถึงสองตอน ประเภทได้เห็นตัวอย่างตอนต่อไป ให้ได้ซี๊ดซาดซูดปากกันไปอีกอาทิตย์เต็ม ซึ่งแน่นอนว่า ประคับประคองเรตติ้งที่มีเฉลี่ยเพียงแค่ แปดตอนให้ไปต่อเนื่องได้ แต่ถ้าให้นับถึงความเป็นงานที่ทรงคุณค่าแล้ว กลับรู้สึกสามัญธรรมดา ด้วยการใส่ส่วนผสมมากมายหลายแขนง และไม่ได้ลงไปในรายละเอียดด้านลึก ของตัวละคร หรือกระชากอารมณ์ในต่อมน้ำตากันอย่างสุดๆ ถือเป็นงานโชว์ของและออกบูธเพื่อขายดารา ให้แลดูสมส่วนกับเกียรติยศ นักแสดงขั้นเทพ อย่างป๋ายะเขาเป็นสำคัญ ผลก็เลยไม่ค่อยมีรางวี่รางวัล มากไปกว่าการได้ใจชาวมหาชนคนดู
แม้จะไม่ใช่ผลงานที่เลิศหรูในแง่ความนิยมสุดโต้ง แต่ทว่า Mr.Brain มันมีเสน่ห์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนกับซีรีย์เรื่องอื่นๆที่เคยได้รับชมกันมา อย่างแรกที่รู้สึก เป็นงานแสดงที่ดูผ่อนคลาย ไม่สอดรับกับโปรดักชั่นสุดอลังการ ความรู้สึกต่อมา เป็นเรื่องอคติบางตัวละคร เพราะโดยปกติ แค่ตอนเปิดเรือ่งจะต้องมีตัว่ละครตัวใดตัวหนึ่งที่ไม่ชอบน้ำหน้าอย่างแรง แต่กับในซีรีย์เรือ่งนี้ ต้วละครแต่ละตัวได้สร้างอัตลักษณ์พิเศษเฉพาะ เป็นมนุษย์ผู้มีความไม่สมบูรณ์แบบอยู่กับตัว จึงมีทั้งข้อเสีย ข้อด้อยและข้อผิดพลาด ที่ต่างก็ยอมรับในข้อจำกัดของตนเอง ซึ่งก็อาจจะมีอิดออดบางในช่วงแรก แบบว่าไม่จริ๊งไม่จริง แต่จากนั้นที่เหลือก็เปิดใจยอมรับ และมองในวัตถุประสงค์ปลายทางหลักร่วมกัน คือ การคลี่คลายคดีเพื่อหาคนผิดมาลงโทษ ก่อเกิดและทักถอเป็นมิตรภาพถาวรขึ้น มากกว่าจะเป็นเพียงแค่หน่วยงานร่วมประสานภารกิจ หรือตกในสภาพแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น แล้วถ้าให้มองอีกด้าน แม้ซีรีย์จะพยายามอธิบายด้วยแนวกายวิภาคด้านสมอง โดยเฉพาะการถ่ายโอนคำสั่งจากสมอง ไปยังอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย แต่พอถึงฉากดราม่าทำซึ้ง ระบบเจ้าสมองที่ว่านั้น แท้จริงก็ไม่ต่างจากการใช้ ซึ่งหัวใจ เพียงทว่าซีรีย์พยายามอธิบายตัวสอดรับอันเดียวกัน แต่เลือกให้สมองเป็นอัตวิสัยของผู้กระทำ แต่มองมุมกลับ ก็เป็นภาววิสัยของจิตใจที่ได้รับผลกระทำจากการกระทำในคราวเดียวกัน กลายเป็นว่า ซีรีย์ทำให้ผู้เขียนหลายใจแบบเกลียดใครไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลากรในหน่วย IPS หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล แม้แต่ตัวฆาตกรเอง ก็ยังได้ใจสนบสนุนการไล่ล่าฆ่าฟันโดยรู้อยู่แก่ตัว แต่ทำไงได้ ก็อยากเห็นการคลี่คลายอย่างเทพและไอ้เจ้าเทคโนโลยีล้ำสมัยไฮเทค ที่แอบกลัวนิดๆว่า ถ้าดีเอสไอบ้านเรามาเห็น อาจมีการติ๊กกาจัดซื้อจากเมืองนอก ซึ่งก็เป็นเงินภาษีของประชาชนคนรากหญ้าของเราๆท่านๆด้วยกันทั้งน่านเลย
ไหนๆก็พูดถึงอปกติในประสาทวิทยา (Eccentric Neuroscientist) ที่แม้ว่า มาครั้งนี้จะไม่มีการชำแหละสมองเป็นก้อนๆตามสูตรนิยมกับเรือ่งใดๆ ที่เข้าข่ายอวัยวะภายใน ที่นักทำซีรีย์ญี่ปุ่นเขาถนัดนักก็ตาม ซีรีย์เรื่องนี้ จึงมาดีและมาแปลก ด้วยหันมาใช้เครื่องทีจีสแกน ที่คล้ายกับอุโมงค์ยาวๆ มีลานเลื่อนให้ผู้ป่วยนอนแล้วไล่ไปเข้าไปตามช่อง ประกอบกับการสร้างภาพกราฟฟิก ให้เข้าใจโดยสังเขปที่แลได้อย่างเพลินตา และยังฉลาดที่จะเอาแต่ละกรณี มาทำเป็นเล่นให้ดูขำขำ ไม่ได้เป็นงานที่ดูซีเรียส แบบที่ต้องถกเถียงเรือ่งเส้นเขาสันปันน้ำว่าอยู่ขีดไหน หรือกล้วยตานี อยู่ในอธิปไตยในดินแดนใคร ทั้งๆที่ศาสตร์ประเภทนี้ไม่น่าพิสมัยในหลักการเท่าไรนัก ซึ่งจะว่าไปแล้ว จะให้มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิทยาเป็นครอบคลุมก็ไม่ถูกนัก ควรจะเรียกในมุมกลับว่า เป็นศาสตร์ที่มีระบบวิธีวิจัยที่แยกย่อย ทั้งจาก กายวิภาค (anatomy) ระบบประสาท (neurology) สรีรวิทยา (physiology) และ จิตวิทยา (psychology) ที่นำมาบูรณาการโดยการจัดเขย่าให้คลุกเคล้าเข้ากัน เป็นศาสตร์ที่ทำให้เรือ่งบนหัว ไม่ได้มีไว้แค่ใส่หมวกหรือหวีผมให้เป๋ข้าง เห็นว่า ตอนนี้ทางไทยพีบีเอส นำเข้ามาฉายในเมืองไทย แต่อาจต้องทำใจเสียงพากย์นิดหน่อย ซึ่งก็น่าขอบคุณที่นำงานดีๆ มาขยายในกว้าง เพราะสมองไม่ใช่ของน่ารับประทาน แต่อาหารที่บำรุงสมองของผลวิจัยดีๆจากเรื่องนี้ ก็อาจทำให้กล้วยไทยของดี ไปตีตลาดไปไกลถึงเมืองนอกได้อยู่หลายหวีเชียว แต่กระนั้น ก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงเลือกเพลง Jump ของวง Van Halen วงอาร์ดร็อค ปี 70 มาโซโลเปิดตัว เพราะอย่างงี้ละมั้งป๋ายะจึงเที่ยวกระโดดเหย๋งๆ ทั้งเรือ่ง ให้เข้าคอนเซ็ปต์ของเพลงตามไปด้วย
You aren't to be a murder because there're nothing about you in place. but no liar of your brain. (คุณอาจไม่ถูกเรียกว่าฆาตกร เพราะไม่มีหลักฐานชี้มูลความผิดเกี่ยวกับตัวคุณได้ แต่สมองคุณไม่มีวันโกหก) ........
อวยข้อมูล โดย d-addict.com เจ้าประจำ
ครั้งหนึ่งเคยนั่งลุ้นให้นำลิขสิทธิ์ Mr.brain มาฉายในเมืองไทย ที่
ก่อนจะchange เป็น..คิมูระ ทาคุยะ
Create Date : 08 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2553 14:54:40 น. |
|
27 comments
|
Counter : 3460 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:22:27:04 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.172.80.96 วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:23:06:01 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.172.80.238 วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:21:07:07 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:23:31:22 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.174.82.225 วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:20:52:29 น. |
|
|
|
โดย: โ IP: 114.128.91.215 วันที่: 12 สิงหาคม 2553 เวลา:13:17:37 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.22.8 วันที่: 12 สิงหาคม 2553 เวลา:19:59:29 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.92.109 วันที่: 15 สิงหาคม 2553 เวลา:11:54:24 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.182.136 วันที่: 16 สิงหาคม 2553 เวลา:20:56:34 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.182.160 วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:21:08:09 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.52.89.197 วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:20:49:02 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.89.27 วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:19:57:16 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.83.208 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:18:11:52 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.83.208 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:18:19:38 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.180.78 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:16:30:47 น. |
|
|
|
| |
|
|
ก็ปิดเครื่องแล้วหยิบแผ่นมาดูใหม่
แนวเรื่องที่โปรด คนเล่นที่ชอบ
ดูยังไง เราก็สนุก