|
Jin หมอทะลุศตวรรษ
คาดเดาแบบไม่ต้องเข้าสมาธิทางใน ก็ฟันธงได้เลยว่า จุดตกต่ำแบบสุดๆของพลพรรคเสื้อแดง คือ การที่อดีตสส ไทยรักไทย อย่าง เฮีย พายัพ ปั้นเกตุได้พาย่อยยับสมชื่อ เมื่อนำกองกำลังฝ่ายเสื้อแดงเข้าไป ตรวจค้นในเชิงคุกคามบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้ป่วย ที่รับการรักษาด้วยอาการหลอนขึ้นสมอง ว่าจะมีแหล่งกบดานของกลุ่มทหาร ซึ่งอย่างที่หลายๆปากได้วิจารณ์ถึงความเหมาะสม แม้แต่ในสงคราม ที่จรยุทธ์ทั้งสองฝ่ายอันเป็นคู่ความขัดแย้ง ยังต้องหลีกเลี่ยงกับการเผชิญ ที่จะมีผลกระทบต่อหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แต่ในอีกด้าน ก็ได้เห็นถึงความกล้าหาญทางจริยธรรมของเจ้าที่หน้าที่การเเพทย์ ที่จะลุกขึ้นมา แสดงความไม่เห็นด้วยและกำหนดข้อเรียกร้อง อันจะส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ จนมีสุ่มเสียงของการแสดงความเสียใจและขออภัยของกลุ่มแกนนำเสื้อแดง ที่ผู้เขียนสลับสวมใส่เสื้อหลากสีแบบหลายวัน เพื่อแสดงความเป็นพลังเงียบ รวมกับผู้ชุมนุมที่อยากเห็นบ้านเมืองกลับมาสงบอีกครั้ง หาได้ใส่เพื่อแแสวงหาความมงคลเข้าตัว ก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงสำนึกผิด จากเหล่ากลุ่มแกนนำเสื้อแดง ในการริไตร่ตรองถึงการกระทำของตนเอง
เป็นการกระทบชิงกลุ่มก่อความไม่สงบตามสันติวิธี และเชิดชูความกล้าหาญทางจริยแพทย์ ซึ่งจริยแพทย์ในจุดนี้ทำให้นึกถึง ซีรีย์ญี่ปุ่นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ใช้ความฉลาดในการโยงมิติทางประวัติศาสตร์เข้ากับศาสตร์วิธี ทางการแพทย์ เพื่อค้นหาจุดมุ่งหมายตั้งต้นในภารกิจของหมอที่มีมิติ มากกว่าความสำนึกในหน้าที่ระหว่างแพทย์กับคนไข้ แต่มันเตลิดไปไกล ถึงขั้นการดำรงไว้ซึ่งการพัฒนาศาสตร์ในวงการแพทย์ที่มีต่อคุณูปาการต่อมนุษยชาติ กันเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นหลักการใหญ่ทั้งๆที่ต้นฉบับของพล็อกเรื่อง ดันมาจากฉบับหนังสือการ์ตูนไก่กาอาราเล่นี้เอง
ผู้เขียนกำลังพูดถึงซีรีย์เรื่อง Jin ของค่าย TBS ที่เป็นขาใหญ่ในการประกาศรางวัล TDAA ครั้งที่ ๖๓ ถือเป็นซีรีย์ฟอร์มใหญ่ ลงทุนเยอะและเจ็บตัวน้อย ด้วยกระแสตอบรับและคำชื่นชมที่อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ดี จะมีข้อเสียที่เป็นที่วิพากย์วิจารณ์หนาหูก็ตรงที่ บทจบตอนสุดท้าย (ที่สิบเอ็ด) ที่ไม่ได้บอกในส่วนของความเป็นไปว่าคุณพี่จะเอาอย่างไรกัน จะมีภาคสองหรือลงโรง หรือรอคำตอบจากการทำเป็นตอนสเปเชี่ยลอีกปีถึงสองปีข้างหน้า หรือนี้จะเป็นแผนการตลาดแนวใหม่ ที่ตั้งคำถามระหว่างคนดูเพื่อให้เกิดกระแส วิพากย์วิจารณ์เชิงสงสัย เหมือนที่สไตล์ครีเอทีฟโฆษณาบ้านเราที่มักเอาป้ายมาขึง ด้วยประโยคสำนวนที่อล่างฉาง ที่กว่าจะเข้าใจ ก็ถึงบางอ้อ! ว่าเป็นการขายหนังที่กำลังจะลงโรงในเร็ววันนี้นี่เอง
สิ่งที่ทำให้ซีรีย์เรื่อง Jin มีความแตกต่างจากซีรีย์แนวหมอร่วมก๊วนทั่วไป ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการหยิบยก "หมอหัตถ์เทวดา" ให้มาเผชิญในสถานการณ์ของพื้นที่ ที่ไม่หมออย่างที่คิด อย่างหมอโกโตะ ก็ยังลากสังขารตัวเองให้ไปเป็นหมอประจำเกาะ ที่ห่างไกลจากเครื่องมือเเพทย์ในเมือง หรือหมออาซาดะจาก IRYU ก็ถูกนายใหญ่ เขาเล่นเสียจนต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลต๊อกต๋อย ส่วนซีรีย์หมอ Jin ก็มาในทำนองที่ ต้องเผชิญความยากลำบากไม่แพ้กัน แม้จะร่วมอุดมการณ์ในการทำชีวิตให้ดีที่สุด ในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันของหมอจิน กับเป็นปัจจุบัน ที่อยู่ในช่วงอดีตของยุคเอโดะ ที่มีซามูไรพกดาบเดินตุงเหร่งๆ มีเกอิชาสำนักนางโลมเรียงร่ายอยู่เป็นย่าน และไม่ยักกะมีเครื่องหยอดเหรียญให้รกหูรกตาแต่อย่างใด
มูลเหตุที่ทำให้หมอจิน หรือที่ชื่อนามเต็มว่า "มินากาตะ จิน" (แสดงนำโดย โอซาวะ ทากาโอะ) ย้อนยุคหลุดทะเลไปทะลุมิติโผล่ในยุคเอโดะ ล้วนแล้วแต่เกิดจากความสัมพันธ์กับคนไข้ปริศนาหน้าเละคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวเข้ายามดึก อันเป็นช่วงเปลี่ยนผัดเวรโดยใช้โรงพยาบาลเป็นสถานหลับนอน แต่ใช่ว่า กอ่นหน้านี้ เขาจะรับการผ่าตัดในคนไข้ทุกรายไป แม้เจ้าหน้าที่ในหน่วยแพทย์ทุกคน จะรับรู้ว่าเขาเป็นศัลยแพทย์ด้านสมองมือเยี่ยม และหนึ่งในนั้น ก็มีคนไข้ในเคสต์ผ่าตัดสมอง ที่เขาเชื่อมั่นว่าหากได้รับการผ่าตัดจากเขา จะต้องฟื้นหายกลับมาเป็นดั่ง คนๆนั้นมิใช่ใครอื่นเพราะเป็นคู่หมั้นของเขานั่นเอง ที่ชื่อว่า โทโมนางะ มิกิ (เล่นโดย นากาตานิ มิกิ) แต่หลังการผ่าตัด......คู่หมั้นของเขาต้องกลายมาเป็นเจ้าหญิงนิทราอันเป็นผลให้เขาต้อง นิทราตัวเองจากศัลยแพทย์มือดี ผันตัวเองมาเป็นอาจารย์หมอที่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับ เครื่องมือผ่าตัดอีกต่อไป
Isn't that why you are called a sensei?
(นี้ไม่ใช่เหรอ ที่ทำไมคุณต้องถูกขนานนามว่าอาจารย์)
There's not anymore who isn't hurt by failure.
(ไม่มีใครหรอก ที่ไม่เคยเจ็บปวดกับความผิดหวัง)
เสียงปลุกเร้าจากลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ทำให้เขาเกิดกำลังใจที่จะมุ่งมั่น และช่วยปลุกจิตสำนึกของความเป็นแพทย์ ให้กลับมาโชติช่วงในตัวอีกครั้ง (จิตสำนึกทางวิชาชีพนี้สำคัญเหมือนกันน้อ ทำให้ผู้ปฎิบัติงานไม่หลงลืม ในเกียรติ์ยศทางอาชีพ เป็นการจัดสรรให้อยู่ในครรลองคลองธรรม ไม่ต้องมากลางกฎหมายมาขู่ฟ่อๆ ไม่รู้จิตสำนึกในอาชีพแกนนำมันจะมีบ้างไหมหว่า?) จนกระทั่งกลางดึกอย่างที่กล่าวข้างต้น ก็มีผู้บาดเจ็บปริศนาที่ถูกส่งเข้ามารักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
Gender male ,age unknown , his face been struch repeatedly and he has profuse internal bleeding.
(เพศชาย ,ไม่ทราบอายุ ใบหน้าเขา มีรอยถูกฟันหลายแผล และมีเลือดตกในอยู่ในอาการสาหัส)
เคสต์ที่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลว่ากันว่า ยากแต่ทุกอย่างกลับดูง่าย ภายใต้ฝีมือการรักษาของหมอจินที่ทั้งเร็ว แม่นยำ และปราณีต ที่ตัดโน้น กรีดนี้ เย็บนั้น ฉุบฉับๆ ที่สุดท้ายก็ดูคล้ายกับว่าการรักษาครั้งหนึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ ไปด้วยดี ถึงกระนั้นทีมแพทย์ผ่าตัดก็ต้องมาชงักเข้าเมื่อการผ่าตัดดังกล่าว ได้ค้นพบเจ้าก้อนเนื้องอกประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับตัวอ่อน ขนาดเท่าก้ำปั้น หมอจินเลยนำมาใส่ในภาชนะขวดโหลดอง พร้อมตั้งชื่อสุดเก๋ว่า "ฟอร์มาลีนคุง" และเจ้าฟอร์มาลีนคุง ก็ดูเหมือนจะเป็นจุดเชื่อมโยงของการข้ามมิติ เมื่อคนไข้ปริศนา ที่ได้รับการผ่าตัด แอบลักลอบขโมยเจ้าขวดโหลดังกล่าวในกลางดึก ซึ่งทางหมอจินก็ได้ไล่กวดจนถึงทางบันไดหนีไฟมีการฉุดกระชากลากกันเล็กน้อย จนเกิดอุบัติเหตุที่คุณหมอจินผลัดตกบันไดจำนวนขั้นไม่น้อยตาม กาลผัน-เทศะตาลปัตร ฟื้นมาอีกที เจ้าตัวก็ดันมาอยู่กลางป่าเวลาสงัด ขณะที่กำลังมีฝูงชนจำนวนหนึ่งไล่เอาดาบมาฆ่าฟันกัน ทีแรกก็นึกว่าหนัง แต่พอเลือดสาดกระเซ่นเข้าใส่หน้า ตามประสาจรรยาแพทย์ก็พอรู้ว่า เลือดนี้มีฮีโมลโกบินที่ไร้ส่วนผสมของเฮลบลูบอยด์รสสละจนซามูไร ที่กำลังปกป้องหมอจิน นามทาจิบานะ เคียวทาโร่ (เคสุเกะ โคอิเดะ) ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดดาบปักเข้าสมอง จึงเป็นวีรกรรมบทแรกๆ ที่หมอจินจะได้สำแดงพระเดชพระคุณทางวิชาแพทย์ ท่ามกลางอัตคัด ทางเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคลากรที่จะเป็นลูกมือที่พอจะไล่ตามทัน กับวิทยาการทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยเป็นศตวรรษ
แน่นอนว่า ทั้งด้วยอุปนิสัยและเครื่องแต่งกายสากลแบบหมอๆ ยอ่มไม่สมสมัยกับความเป็นหมอๆของยุคเอโดะ ที่ไม่เน้นความเป็นสากล มากกว่าการรักษาตามแบบพื้นบ้าน ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่ายุคที่หมอจินได้ถูกย้อนเวลา ยังอยู่ในช่วงของการปิดประเทศ มาตั้งแต่รัชสมัยของอิเอยาสุ โตกุกาวา (ถ้านับเทียบเคียงกับประเทศไทย ก็ในช่วงของรัชกาลที่ ๔ ที่เริ่มเปิดรับ ความเจริญจากต่างประเทศ เช่น การขุดคลอง ตัดถนน ใช้เหรียญกษาปณ์แทนเงินพดด้วง และตั้งโรงพิมพ์ในวัง) การรักษาพยาบาลด้วยการผ่าตัดในกรณีเร่งด่วน ผ่านเครื่องมือชุดผ่าตัดแบบปฐมพยาบาลที่มีติดตัวมา เเต่นั่นก็ไม่คณามือ ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ทางวิชาชีพที่เปี่ยมล้น อันเป็นวิชาหาเลี้ยงชีพ สำหรับตนโดยแท้ ด้วยการณ์นี้ ทำให้การผ่าตัดฉุกเฉินแก่ทาจิบานา เคียวทาโระ เป็นการทอดสายสัมพันธ์ให้กับครอบครัวตระกูลทาจิบานา ที่ประกอบด้วยแม่ ที่มีหัวอนุรักษ์จัด อย่าง ทาจิบามา อิเอะ (อาโซะ ยูมิ)และน้องสาวเคียวทาโระ อย่าง ทาจิบาน่า ซากิ (ฮารุกะ อายาเซะ) ที่ตอนหลังจากที่หมอจินได้ช่วยพี่ชายของตน ให้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ ก็อาสาเป็นผู้ช่วยแพทย์ แต่ชาวบ้านสมัยใหม่รู้จักกัน ในนาม "ลูกมือ" ของหมอจิน แบบที่ไม่ต้องเข้าโรงเรียนแพทย์ก็สามารถปลูกจิตวิญญาณ ของความเป็นแพทย์อยู่ในตัว โดยผ่านการดูหมอจินเจือนเนื้อแบบสดๆสักสี่ห้าราย ซึ่งในซีรีย์ก็เนรมิตภาพปลอมๆของการผ่าตัดให้ดูสมจริง หรือบางทีอาจจริง แต่หลอกให้คนดูเชื่อว่าเป็นเรื่องแหกตาก็เป็นไปได้
ความสนุกของซีรีย์หมอจินเป็นอย่างที่ คุณต่อพงษ์ แห่งผอ.ซูเปอร์บันเทิง เคยถูกอำนาจนิยมทางฝ่ายภรรยาประท้วงว่า "ไหนๆก็เปิดแผ่นหนึ่งแล้ว ก็ดูต่อให้มันจบๆไปเลยสิ" ในแง่ชั้นเชิงของการผูกเรื่อง ถือว่าไหลไปตามน้ำ โดยเชื่อมโยงความสัมพันธ์แบบแตกแขนงของตัวละครที่เป็นคนละมิติกับหมอจิน เริ่มต้นจากซามูไรแห่งตระกูลทาจิบานา จากนั้นก็ไปจับคนนั้นมีคอนเนกชั่นกับคนนี้ โดยมีตัวละครใหม่ๆเกิดขึ้นในทุกๆตอน ซึ่งมาตราฐานของความเป็นมนุษย์ ที่ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใหม่หรือโบราณกาลเพียงใด ล้วนแล้วแต่มีองค์ประกอบ ที่สมณโคดมก่อนที่จะเสวยเป็นพระพุทธเจ้าก็ทอดพระเนตรเห็นในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย และไอ้ความเจ็บ นี้แหละที่เข้าแก๊บจนสร้างชื่อเสียงของหมอจินให้เลื่องลือ เพราะทำแคสต์ของการเจ็บป่วยในระดับที่ยุคสมัยนั้นเรียกว่า ตายยังเขียด มาเป็น เฉียดตาย ภายใต้การรักษาของหมอจินเขา โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ว่าจะยากดีมีจน เป็นบุตรคหบดีหรือขายถั่วแหระอยู่หน้าตลาดสดก็ตามที
นอกจากตัวละครสมมติแล้ว ซีรีย์ยังทำให้บุคคลที่มีอยู่จริงในหน้า ประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นในสมัยของซาโคคุ (หรือที่เรียกว่าช่วงปิดประเทศ นับตั้งแต่มีนโยบายไม่ปลื้มชาวตะวันตกยาวนานกว่าสองร้อยปี (1641–1853) ที่รัชสมัยโตกุกาวาริเริ่มจากความหวาดระแวงจากาการแทรกแซงของฝรั่งมั่งคา) ตัวละครพวกนี้จะไปมีส่วนร่วมในจินตนาการคู่ขนานและที่สำคัญ มีบทบาทจนกลายเป็น ตัวละครเด่นในเรื่อง ไม่ว่าจะป็น ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์ "โอกาตะ โคอัน" ที่ชาวญี่ปุ่นยกให้เป็นปรมาจารย์ด้านการแพทย์แห่งยุคเอโดะ ระหว่างยุครานกาคุ ในคริสตวรรษที่ ๑๘ ซึ่งเป็นผู้นำความรู้ทางด้านการแพทย์จากฝั่งตะวันตก มาสถาปนาเป็นหลักเป็นฐานในประเทศญีปุ่น จนเปิดสำนักเทกิจูกู ที่ต่อมาพัฒนาเป็น มหาวิทยาลัยโอซาก้าในปัจจุบัน (คนนี้เล่นโดยเท็ตซูยะ ทาเคดะจาก๑๐๑ตื้อรักนายกระจอก) ที่ความชราทางใบหน้าน่าจะสอดรับกันได้ดี กับท่านผู้อาวุโสที่ได้รับการนับหน้าถือตา ในความใจกว้างและเปิดรับความคิดที่แปลกใหม่จากภายนอก แต่เอ๊! เห็นภาพในรูปปั้น ผมสั้นเรียบ ไงตัวละครผมยาวสลวยยักกะพรีเซนเตอร์ยาสระผมได้ละหว่า!)
หนึ่งในนั้นก็มี "เจ๊โนวาเซะซัง" นางโลมนัมเบอร์วันแห่งอาคาเซน ที่พระเอกเชื่อว่า จะต้องเป็นบรรพบุรษของมิกิแฟนสาว เพราะใบหน้าถอดบล็อกเดียวกันเดะ มีสไตล์เจ้าขุนมูลนายเสียเต็มรส ถ้าเล่นหูเล่นตากับชายๆอย่างผู้เขียนอาจจะหลงเสน่ห์เสียเต็มรัก แต่พอเล่นกับหมอจินเข้าก็ดันไปวินิจฉัยได้ตรงเป๊กว่ามีอาการของโรคโลหิตจางซ่อนอยู่ การเล่นบทเป็นบุคคลสองยค สองรสชาติเช่นนี้ ไม่รู้ว่าตกลงได้กินค่าตัวไปอิ่มแปล้แค่ไหน แต่กระนั้น ก็ต้องแลกกับการเเบกองค์ทรงเครื่องกันยกใหญ่ (ประวัติสำนักนางโลมนี้ มีมานานตั้งแต่ก่อนคศ. ๑๗ ทีถือเป็นการจัดโซนนิ่งให้นิ่งกันจริงๆ แถมนิ่งกันเป็นย่านๆ โดยคำสั่งของโชกุนโตกุกาวาซึ่งในยุคนั้น ถ้าไม่มีปัญญาไปสำนักนางโลมโยชิวาราแห่งเอโดะ ด้วยเหตุผลกลใด ก็ยังพอจะหาสถานที่ ที่ทดแทนกันได้จาก ชิมาบาราแห่งเกียวโต หรือไม่ก็ชินมาชิแห่งโอซากะ แต่ก็อาจตามมาด้วยโรคกามโรค(Venereal Diseas)เป็นของแถม
นอกจากนี้ยังมี "ชินมอน ตาซึกุโกะ" ยอดนักดับเพลิงแห่งเอโดะ (ที่แสดงโดยลุงนักการเมืองน้ำดีในchange นากามูระ อัตซึโอะ ที่รับเล่นเรื่องนี้แบบฉุกเฉิน ทั้งๆที่จองบทให้ลุงอีกคนแต่สังขารดันไม่เที่ยง) วีรบุรุษผู้บรรเทาความวายวอดของอัคคีภัย ครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของญี่ปุ่น ส่วนอีกคนที่เด่นจนเรียกว่าเป็นสหายคู่หู ร่วมเป็นร่วมตายกับหมอจินก็ว่าได้ เพราะเขาคือ "ซากาโมโตะ เรียวมะ" ผู้เปลี่ยนแปลง โฉมหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ ในการเปิดรับวิทยาการใหม่ๆจากโลกตะวันตก ถึงขนาดอ. สุวินัย นิยามบุคคลคนนี้ว่า "มือหนึ่งถือปืน อีกมือหนึ่งถือกฎหมายตะวันตก" ถือเป็นผู้นำกลุ่มในการเคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายของโชกุนโตกุกาวา ในช่วงบากุมัตซึ ที่ถือเป็นตอนปลายในยุคสมัยเอโดะก่อนจะเกิดสงครามล้มล้างระบอบโชกุน เพื่อพัฒนารัฐบาลญีปุ่นไปสู่ความเป็นรัฐสมัยใหม่และมีอาณาธิปไตยเป็นของตนเอง คนนี้เล่นโดย "อุชิโนะ มาสาอากิ" ที่เล่นได้โหด มัน และฮาอย่างหนำใจ ดูจะผิดไปจากซากาโมโตะ เรียวมะ ในฉบับของซีรีย์รักษ์ชาติ ใน อัตซึฮิเมะไปนิดหน่อย เพราะฉบับของหมอจิน เขามีลูกบ้าเป็นเชื้อเพลิงอยู่เต็มเปี่ยม เลยใส่มิติของความเป็นมนุษย์ ผู้หลุดโลกและทะลุกรอบมิติร่วมสมัย คล้ายๆจะไม่เต็มเตง พูดจ้อและคิดอะไรหลุดจากกรอบ จนหลายทีก็รู้สึกจะหลุดจนอยากฉีดมอร์ฟีนระงับสติ เพราะพี่ดูจะเป็นสุขนิยมจนเกินไป แต่เเง่คุณธรรมและหลักการ ถือเป็นบุคคลที่มีภาพลักษณ์ที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง คิดการใหญ่และมุ่งมั่นในวิธีคิดของตนอย่างจริงใจ ซึ่งใครก็อยากจะร่วมงานด้วย แม้จะมีการทดสอบเพื่อขอดูภาชนะ ที่เปรียบเปรยไปถึงหัวจิตหัวใจของตัวตนก็ตาม ถึงจะมีเสน่ห์จนคนดูรัก แต่ท่ว่าไปจีบเกอิชาคนไหนสาวเจ้าเขาก็ไม่เหลี่ยวแล อย่างว่า พีท่านเล่นคิดหลุดจากกรอบสมัยเอโดะไปหลายสิบปี สาวคนไหนจะตามพี่ได้ทัน ซึ่งใครจะเชื่อว่า คนนี้ๆครั้งหนึ่งเคยเล่นเป็นพี่ชายทาคุยะ จากในซีรีย์Love Generation ในบททนายจอมนิ่งที่เป็นแฟนใหม่ของแฟนเก่าที่แฟนของน้องชายในปัจจุบัน ดันหึงหวงว่าจะไปคบหากับแฟนคนเดิม ช่างไม่แมนในเรื่องแฟนๆเอาสักเลยจ๊อส
จึงทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของหมอจินขยายกลายเป็นความสัมพันธ์ส่วนรวม ถึงขั้นเปิดสำนักเพื่อนหมอจินที่มีเจตนารมณ์ส่งเสริมให้วงการแพทย์ญี่ปุ่น ให้มีความก้าวหน้าในการรักษาโรคเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ขณะเดียวกันลึกๆอาจจะ ส่งผลต่อการพัฒนาการผ่าตัดเนื้องอกที่ก้านสมองของมิกิแฟนสาวตอ่ไปในอนาคตข้างหน้า ซีรีย์เรื่องนี้เล่นถึงกระทั่งการเปลี่ยนแปลงมิติทางหน้าประวัติศาสตร์หนักข้อกว่าเดิม ด้วยการผลิตตัวยาเพนิซิลินโอทอปด้วยตนเองที่การผลิตแต่ละครั้ง ไม่ง่ายเหมือนทำต้มยำกุ้ง ที่เอาตะไคร้ ใบมะกรูด บีบมะนาวแล้วโยนกุ้งลงหมอให้พอจำนวนคน แต่เพนิซิลินยุคโน้น ให้ทุนมากต้องวิ่งหานายทุนเพื่อขายโปรเจ็คเป็นการพลิกหน้าความจริงจากเดิม ที่ท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทองกันมาว่าเฮียอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง เป็นผู้ผลิตขึ้น จากการสังเกตเชื้อราในขนมปัง เพราะถ้าใครขืนอินจัด จนหลงเชื่อว่าซีรีย์เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ก็เท่ากับว่า หมอมินาคาตะ จิน ผลิตเพนิซินลินก่อนพี่เฟลมมิ่งไปตั้งห้าสิบปี!! ชวนอึ้งยิ่งกว่าการที่เจิ้งหอเวียนเรือพบอเมริกาก่อนโคลัมบัสสักอีก
สำหรับบทของพ่อหมอแสนดี ที่ป๋าโอซามะเล่นเป็นพระเอกของเรื่อง อาจจะไม่แสนดีเท่ากับที่เคยจำแลงเป็นหมอแสนดีย่านชนบท ใน Heaven Coin แต่ความมีรสมีชาติ ลูกเล่นชั้นเชิงเเล้ว ซีรีย์เรื่องJin กินขาดในทุกด้านๆ อย่างว่า ซีรีย์เรื่องโน้นมันกว่ายี่สิบปี เแนวที่มีก็เป็นเชิงดราม่ารับใช้ยุคสมัย แถมในแง่ความเข้าใจในคุณค่า ของการเป็นหมอไร้ที่พึ่ง จากอุปกรณ์เครื่องมือกลไกที่ล้ำสมัย มาสู่ปรัชญาการแพทย์แบบพอเพียง ที่ไม่มุ่งความสำเร็จการงานวิจัย มากไปกว่าการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยและพัฒนาตัวยาใหม่ๆตามแบบชาวบ้าน การมาเป็นคนที่แบกรับต่อจุดเปลี่ยนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของหน้าประวัติศาสตร์ อาจเป็นงานที่แสนยากของคนที่คุ้นชินขนบธรรมเนียมแบบปิดรับประเทศ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการท้าทายขีดความสามารถส่วนบุคคลในสถานการณ์ อันหน้าสิ่วหน้าขวานที่มีชีวิตคนไข้เป็นเดิมพัน แต่จะเป็นงานยากยิ่งกว่า สำหรับคนที่มีหัวสมัยใหม่ที่จะพยายามอธิบายความเข้าใจในการกระทำ ว่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีให้กับพวกเขาต่อไปในอนาคตเช่นไร ขณะเดียวกัน ก็ต้องปลดปล่อยมิกิสาวคนรักให้ล่องลอยไปตาม สายลมแห่งกาลเวลา หลังจากที่เทียวยื้อเทียวแย่งอันเป็นอุปสรรค ต่อการพัฒนาทางการแพทย์ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนอีกนับไม่ถ้วน หรือจะเพื่อประคองผลจากการกระทำที่อาจส่งผลต่อมิกิสาวคนรัก ที่ไม่รู้ว่าเอาเข้าจริง จะช่วยให้เธอตื่นจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราได้จริงรึเปล่า เออ ดูไปดูมาก็มีกลิ่นแบบลีกิมฮวงผสมกับเจาะเวลาหาจิ๋นซี ยิ่งเห็นแก ต้องผูกจุกทั้งๆที่รวบผมก็ได้แค่นั้น แต่ยังพยายามไม่รู้ว่าสายตาของคนเอโดะ จะมองแกด้วยอาการฝืนๆอย่างเลียบๆเคียงๆ ให้เข้ายุคเข้าสมัยเอโดะได้แค่ไหนน้อ
ส่วนเจ๊มิกิ ที่นอกจากจะใช้ชื่อมิกิ ที่เหมือนชื่อตัวเองในบทตัวละครแล้ว ในซีรีย์เรื่องจินนี้ ยังต้องแบกรับกับตัวละครสองตัว สองบุคลิก ที่ต่างยุคต่างสมัย โดยเฉพาะในบทบาทของตัวละครเกอิชาชั้นครูโนคาเซะ ที่ต้องเก็งหน้า เม้มปาก ร่ายท่วงท่าฉวัดเฉวี้ยงอย่างมีจริตจะก้าน เป็นลีลาที่ปกปิดอุปนิสัย ใจคอลึกๆของตัวเอง ทำให้ผู้เขียนอ่านไม่ออกและมองไม่เห็น นอกจากกิริยาเปลือกนอก ในอาภรณ์ของกิโนโมหลากสี ชนิดอยากชวนมาร่วมก๊วนเสื้อหลากสีเสียจริงๆ แต่พอมาเป็นมิกิในโลกปัจจุบัน ที่ไม่ต้องแอ๊บเทรนด์หนักๆแบบเจ้ารั้วเจ้าวัง อย่างมากสุดก็แค่ตอนแรกตอนเดียว อันเป็นความหลังครั้งเก่าที่สาวเจ้า เขายังไม่เข้านิทราตลอดชีพ แต่ความหลังเก่าก็ยังไม่เท่าเก่าแสนเก่า ที่พระเอกเขาไปตกยุคในสมัยเอโดะเข้า ถือเป็นบทที่อึดอัดในสายตา แต่ทว่ามองในแง่ดี ก็ถือว่าเป็นการศึกษาศิลปะแขนงหนึ่ง แม้ไม่ค่อยจะเข้าใจแก่นแท้นัก แต่ป้ามิกิเวลาที่สวมใส่กิโมโนสียเต็มยศ ก็มีเสน่ห์แบบแปลกๆ ที่อยากจะเดินห่างให้ไกล หรือเอาเกลือโรยใส่ด้วยมองว่าหากเข้าประชิดตัว เกรงจะไม่มงคลเพราะปฎิบัติตัวลำบาก จึงอยากเห็นเธอ กลับมารับบทเป็นพี่คนกลางแบบในซีรีย์Otousan อีกครั้ง เพราะมันทำให้โลกมีชีวิตชีวาตามประสาแม่บ้านยอดกตัญญู ที่สามีต่างๆคงอยากมีไว้ประจำบ้าน
I wished to see Nokaze-san to confirm a hypothesis.
(ผมปรารถนาที่จะเห็นโนกาเซะซังเป็นไปตามข้อยืนยันตามหลักสันนิษฐาน)
Miki’s picture has changed many times now.
(ถึงแม้ภาพถ่ายของมิกิจะเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้งก็ตามในตอนนี้)
I had a vague sense that what I have done may change the future of medicine.
(ผมรู้สึกคลุมเครือในยามที่จะต้องทำอะไร ที่ไปเปลี่ยนแปลง อนาคตของวงกาเภสัชศาสตร์)
However, the change this time undermines Tomonaga Miki’s very existence.Is this an omen of the beginning of something?
(อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มันกร่อนเซาะทุกสิ่งที่ไปเกี่ยวข้อง ในทุกๆทางออกของโทโมนากะ มิกิ)
Perhaps Nokaze-san is Miki’s ancestor.I had come to think that whatever I did would not affect the course of history.
(บางที โนคาเซะซัง อาจเป็นบรรพบุรุษของมิกิก็ได้ ผมคิดว่าจะมีทางไหนได้บ้าง ที่ไม่ไปมีผลกระทบต่อช่วงเวลาในประวัติศาสตร์)
But … maybe not.Even a small flap of the butterfly’s wings may be the start of a storm.
(แต่บางทีอาจจะไม่ก็ได้ เพราะแม้ปีกที่กระพือของผีเสื้อก็อาจจะเป็นจุดเริ่มของลมมรสุม)
ส่วนคุณน้องอายาเซะ ก็เล่นได้แอ้บแบ้วแบบไม่เจนโลก ด้วยโลกทัศน์ของยุคเอโดะ ได้ครอบงำพฤติกรรมทุกส่วนให้คุณน้องต้องเจียมเนื้อเจียมตัว สงวนในอากัปกิริยา กุลสตรีศรีเสาวภา รอเวลาออกสู่เหย้าเฝ้าบ้านสามี ตามแต่ที่บ้านจะจัดหาพาให้ดูตัว ถึงได้เข้าใจแล้วว่า ใยคุณแม่ตระกูลทาจิบานาถึงไม่ปลื้มกับการปรากฎตัวของหมอจินเข้า ก็เพราะไอ้เรื่องทัศนะต่างยุคต่างวัฒนธรรม ที่พยายามผลักไสว่าเป็นหมอฮอลันดา แต่หน้าเจแป๊นเจแปน มันมีผลสืบเนื่องให้คุณน้องซากิที่อายาเสะแสดงพฤติกรรม ที่มีอาการติดลูกกระด้างกระเดื่อง อยากจะกำหนดเข็มทิศชีวิตที่เป็นของตัวเอง และโดนคลื่นออร่าของศัลยแพทย์ที่เปล่งมาจากหมอจินซึมซับทีละเล็กละน้อย การมารับเล่นบทที่ต้องสวมชุดกิโมโนตลอดเรื่อง ทำให้หลายคนต้องกลับมาหลงรักเธออีกครั้ง ไม่เว้นแต่อ.สุวินัยที่ยังตกหลุมนั่นตามไปด้วย (ถ้าอยากทึ่งกว่านี้ แนะนำให้ดูเรื่อง ichi ที่มีพระเอกหมอจินร่วมแสดงด้วย) นอกจากเธอจะสวย ใส และมอบความกล้าหาญ อยู่เป็นระยะให้แก่หมอจิน ที่นอกจากเรื่องฝีมือทางการแพทย์แล้ว ส่วนเรื่องอย่างอื่น ก็ไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรอย่างชาวบ้านเขา จะสงสารน้องอายาเซะก็การรับเล่นซีรีย์ ในระยะหลังๆ ไม่ว่าจะเป็นMr.Brain รวมทั้งหมอจินเองก็ตามที หน้าตาคุณน้อง ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ อีกทั้งแสดงอาการคิดไม่ซื่อกับพระเอกจนออกนอกหน้า แต่ไม่รู้ว่าทำไมเป็นต้องอกหักรักคุด ชายเจ้าเขาไม่เหลี่ยวแล ถ้าเผลอมารับเล่นละครไทย มีหวังคงได้เจอตบจูบและตุ๊ยท้อง ตื่นเช้ามาน้ำตาไหลริน แถมยังต้องสับรางให้ทัน กับลูกคุณหนูอีกฝ่ายที่ตามตื้อตามราวีรักไม่เลิก แม้จะร่ำจะรวย แต่บทนางเอกสกุลไทย เขาต้องส่งเสริมการมีรักแท้ แม้โลกของความเป็นจริงจะไปอีกอย่างก็ตาม
ส่วนตัวละครฝ่ายวัยรุ่นคนอื่นๆ ก็ถือว่าเล่นได้ตามสมควร ไม่ถึงกับโดดเด่นนัก จนถึงขนาดหานักแสดงคนอื่นมาเล่นแทนไม่ได้ ดูอย่างหนูเอลินา จากซีรีย์ Koizora ก็เป็นเกอิชาตาหยี๋ที่ดันเกิดมาสายตาสั้น ที่ปรับแต่งแปลงโฉมเสียเกือบจำไม่ได้ นอกจากรักยิ้มตรงมุมปาก ส่วนคุณน้องไคสุเกะ แม้จะได้บทเด่นในเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมาทั้งซีรีย์ Rookies เอย Nodame เอย ผู้เขียนว่า เขายังเล่นได้เด่นกว่า แต่ถ้าเทียบสีสันในซีรีย์หลงยุคอย่าง อัตซึฮิเมะ ที่ต้องเล่นเป็นเซนไบด้วยแล้ว ในบทซามูไรเคียวทาโร่ดูน่าจะประทับใจกว่า แต่ทว่า น่าจะได้ใจจากแม่ยกไปหลายขุม ด้วยลดเกียรติ์ของซามูไร ไปอุปถัมภ์ขายสมบัติเก่าของท่านพ่อ ให้พอเป็นค่าตัดแว่นแก่น้องเกอิชาสุดรัก ส่วนคนที่เหลือก็เล่นได้โบร๊าณโบราณดี ก็แน่ละ ก็ซีรีย์เขามันย้อนยุคนี้หว่า แม้แต่หมอจินในตอนท้ายๆ ก็เริ่มจะมีมุมมอง ยอมรับชะตากรรมของการเป็นคนร่วมสมัย โดยไม่ใส่ใจในการกระทำ ที่ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลง อันมีผลสืบเนื่องต่อความเป็นไปในชิวิตคู่หมั้นของเขา
We've forgotten the darkness of the night,But what if there was a day, (เราได้หลงลืมความมืดสนิทในยามราตรีกาล แต่มันเป็นอะไรที่ไม่ใช่ที่นี้ในวันนี้)
l wonder if you would be able to grasp the light that was there ? By your own hands (ผมสงสัยว่าถ้าเป็นคุณๆควรจะคว้าเจ้าแสงสว่าง ณ ที่แห่งนี้รึไม่ ด้วยทั้งมือสองข้างที่เรามี)
เป็นซีรีย์ที่สมอ้างดั่งที่ได้ยินเสียงชื่นชมในทุกทิศทุกทาง ส่วนหนึ่ง คงเป็นด้วยอิทธิพลจากต้นฉบับการ์ตูน ที่แม้จะขัดใจท่านผู้อ่าน เพราะแนวทาง ในหลายๆส่วนไม่อำนวยให้ แต่ในแง่อรรถรสแล้วประเคนให้อย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นมีฤทธิ์เสพติดอย่างงอมแงม ผู้เขียนเองก็ต้องออกตัวก่อนว่า ไม่เคยได้อ่านหรอก ไอ้เจ้าฉบับการ์ตูนของผู้เขียน "มูรากามิ โมโตกะ" แต่พอรู้มาว่าฉบับการ์ตูน ก็ยังมีการเขียนอย่างตอ่เนื่อง ที่ยังหาจุดอวสานลงไม่ได้ แต่ถ้าฝีมือจากดัดแปลงบทของเจ๊ "โมริชิตะ โยชิโกะ" อันนี้ผ่านตาอยู่บ้างจากMr BrainและByakuyako เจ๊คงมีของดีอยู่กับตัว เลยสะกดภวังค์ให้คนดูลุกออกจากหน้าจอได้ลำบาก ทำให้ซีรีย์ตอนที่หนึ่งไม่เคยเพียงพอ ในความต้องการของคนดูที่อยากชมอย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้วาจะมีผลต่อหน้าที่การงานรุ่งเช้าถัดไป ส่วนผู้กำกับ ก็ยังเป็นสามเกลอหัวขวดที่ทางสถานีคัดสรรให้รับงานซีรีย์ฟอร์มยักษ์ จนกลายเป็นทีมผู้กำกับที่ผู้เขียนต้องติดตาม โดยไม่ต้องพึ่งพิงในการเอาแง่ดารา (สาว) มาเป็นจุดขายอย่าง ผกก.ยูอิชิโระ ที่เคยกำกับ Good Luck ,Rookies , Mr.Brain ผกก.ไดสุเกะ ที่เคยกำกับ Taiyo no Uta,Love Shuffle ,Mr.Brain และ ผกก.ริวทาโระ ประวัติยังไม่แน่ชัด เอาไว้ว่า แปะไว้ก่อนละกัน ซึ่งเหตุที่ ยกทีมสร้างร่ายเป็นฉากๆก็เพราะทั้งหมดนี้ได้รับการการันตีจากTDAAครั้งที่ ๖๓ ไม่ว่าจะเป็น มือดัดแปลงบท ผู้กำกับ และเพลงประกอบ ส่วนดารา นี้ได้ทั้งนักแสดงชาย -โอซาวา ตัวประกอบชาย-มาสาอากิ และตัวประกอบหญิง อย่างอายาเสะ แต่ที่ข้องใจ คือ ทำไม ป้ามิกิของผู้เขียนถึงไม่ได้รางวัลในส่วนตรงนี้ (ส่วนหวยรางวัล นักแสดงหญิงซีซันดังกล่าว ไปตกใส่กับเด็กน้อยหน้าใสชิดะ มิราอิจากซีรียเรื่อง Shokojo Seira หรือที่ท่านMamLHCเคยรีวิวไว้ในซินเดอร์เรล่าฉบับญี่ปุ่น อันนี้ไม่เคยดู เลยไม่กล้ายืนยันว่าดีไม่ดี) จะว่าด้วยการแต่งหน้าจัดเกินไป หรือฉากมะเร็งเต้านม ที่ไม่ทุ่มทุนนำเสนอพอถึงไม่ได้รางวัล แต่ก็ได้ใจมหาชนจากผู้เขียนไปปาดน้ำตาพลางๆก่อนละกัน
มันจึงไม่ใช่ซีรีย์ที่ว่ากันด้วยเรื่องของการย้อนเวลา เพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยย้อนรำลึกถึงความหมายของตัวตนที่มีคุณค่าต่อภารกิจหน้าที่ ที่ได้ขีดเส้นให้กับตัวเอง ความหมายของบุคคลที่มีให้แก่บุคคลอื่นรอบข้าง อีกทั้งยังเป็น การช่วยเยี่ยวยาต่อความรู้สึกที่บกพร่องหรือไม่ได้ตระหนัก ในสิ่งที่มีข้อจำกัด ในยุคปัจจุบัน แต่จะไปมีความหมายอันยิ่งใหญ่นักกับอีกหลายผู้คนในยุคสมัยหนึ่ง เสมือนกับการที่ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ของการเป็นแพทย์อีกครั้ง ดูไปทำให้นึกถึง แพทย์ชนบทอยู่กลายๆ ประมาณว่า หมอหนึ่งคนในชนบท กับหมอหนึ่งคนในตัวเมือง ในแง่ปริมาณที่มีต่อคุณค่า อย่างไหนจะมีคุณค่าต่อจิตใจโดยรวมมากกว่ากัน ถ้าใครเป็นโรคคลั่งมิติด้านกาลเวลา ซีรีย์ช่วยสร้างการบ้านเสียหลายข้อ ต่อการพิจารณาในแง่ความเป็นไปได้ที่คนหนึ่งๆ จะกระทำไปได้ด้วยผลสืบเนื่อง ถึงความเปลี่ยนแปลงในอีกมิติเวลาหนึ่ง แค่กรณีบุคคลปริศนาหน้าเละที่ถูกย้อนเวลากลับไป จนมีกรณีกระชากลากถูเจ้าฟอร์มาลีนคุง เป็นเหตุให้หมอจินถูกย้อนเวลาไปยุคสมัยเอโดะ อันนี้ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นซากาโมโตะ เรียวมะ มากกว่าการจะเป็นหมอจินเสียเอง สมมติว่าถ้าเป็นหมอจิน มันจะเข้าข่ายตามสูตร back to the future ที่เป็นภาวะ paradox of time ที่บุคคลคนเดียวกันจากต่างช่วงมิติเวลา เข้ามาอยู่ในสถานที่ๆเดียวกัน อันนี้มันไม่ใช่เเค่ปัญหาการเลื่อมซ้อนทางมิติเวลาเท่านั้น แต่มันจะส่งผลต่อการล้มสลายของจักรวาล ตามทฤษฎีสิบมิติของไอน์สไตน์เชียว ส่วนการมีฟอร์มาลีนคุง คงเป็นส่วนประกอบหนึ่งของปรากฎการณ์ phenomena ที่เป็นเครือ่งมือหรือสื่อกลางในการเป็นตัวเร่งไทม์สปินให้ก่อเกิดอย่างฉับพลัน แต่ขอบอกก่อนนะว่า ซีรีย์เรื่องนี้เขาตีตั๋วย้อนเวลาแบบไทม์สปินเพียงเที่ยวเดียว ไปแล้วยังไม่รู้ว่าจะเจอตั๋วกลับรึเปล่า อันนี้เป็นคนละสูตรกับการ์ตูน ที่มามัวเข้ามัวออก ผ่านลิ้นชักอันเป็นประตูข้ามผ่านมิติที่มีเครื่องไทม์แมนชีนของโดเรมอน ที่จะนึกจะย้อน พศ.ใด คศ.ไหน ก็ใส่ตัวเลขจัดวางและออกสตาร์คเร็วทันใจ ส่วนผลของการกระทำใดใดอดีต ที่อาจส่งผลกระทบต่อปัจจุบัน สิ่งที่จะสามารถพิสูจน์ได้ มีเพียงรูปถ่ายกับคู่หมั้นชูนิ้วสู้ตายคะ ที่จะเข้มจะจาง ล้วนแล้วแต่เกิดจากกระทำในการรักษา ที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย แต่ทุกการรักษา เรียกน้ำตาผู้คนชนิดแม้แต่ตัวผู้รักษาเองก็ยังกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ จึงเป็นซีรีย์ที่ทรมานลูกนัยน์ตา ได้เห็นเลือด เห็นเนื้อจนต้องปิดตาปี๋แล้ว ยังต้องมารับการปิ๋ว อารมณ์ในฉากซึ้งๆ นี้ยังไม่นับการดูแบบมาราธอนข้ามวันข้ามคืน อีกนะเออ ช่างเป็นซีรีย์ที่อำนวยความเป็นอุปสรรคทั้งในแง่วิธีคิด มุมมองและในบางมุมที่อาจทรมาน ทางสายตา มิน่าละซีรีย์เรื่องนี้ ถึงต้องย้ำประโยคแห่งความเป็นพระเจ้าบ่อยครั้งนักว่า
God only gives us challenges ,So we can overcome them
(พระเจ้าสร้างอุปสรรค เพื่อให้เราก้าวผ่านมันไปนั่นเอง)........
ข้อมูลมากมายจาก
MamLHC@bloggang wikidrama wikipedia รายการชวนคิดชวนคุย และ//jdramas.wordpress.com
Create Date : 09 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 18 มกราคม 2556 19:58:41 น. |
|
30 comments
|
Counter : 3778 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.5.38 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:25:45 น. |
|
|
|
โดย: วรินทร์รตา วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:55:14 น. |
|
|
|
โดย: Mokukunf IP: 180.180.92.235 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:34:07 น. |
|
|
|
โดย: momo lawleit IP: 180.180.40.175 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:18:32 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.57.159 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:22:21 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.1.20 วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:26:03 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.90.65 วันที่: 11 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:37:01 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 113.53.183.4 วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:22:59 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.33.121 วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:42:46 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.79.96 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:25:41 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.29.101 วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:44:52 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.33.62 วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:25:46 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.65.128 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:11:45 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.2.140 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:36:33 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:05:04 น. |
|
|
|
โดย: หนุ่มวัย41 IP: 222.123.160.202 วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:14:16:20 น. |
|
|
|
โดย: นายกาแฟ (matadorman ) วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:12:02:16 น. |
|
|
|
โดย: หนุ่ย IP: 192.168.2.108, 124.120.245.181 วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:16:15:59 น. |
|
|
|
โดย: ไม่ชอบน้ำเน่า IP: 110.49.205.248 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:01:17 น. |
|
|
|
| |
|
|
แล้วไหงเรื่องนี้แค่อารัมภบทก็โยงเข้าไปเต็มๆอย่างนั้นล่ะคะ
คุณหมอโองาตะนี้ ตัวจริงเป็นปรมาจารย์ด้านฟิสิกส์เชียวเหรอคะ
ตอนเห็นตัวละครนี้ครั้งแรก นึกว่าเป็นอาจารย์จากสำนักเส้าหลินมาเอง
ด้วยรูปร่างที่ทำให้นึกถึงคนฝึกมวยจีน หรือคาราเต้ ไม่ได้นึกถึงผู้คงแก่เรียนเลยนะคะ
ถ้าถามว่าเรื่องนี้ใครแสดงได้ขึ้นหิ้งที่สุดก็ขอยกให้Miki Nakatani
เธอแสดงเป็นนางโลมโนะคาเสะได้อย่างน่าทึ่งจริงๆเหมือนอย่างที่จขบ.
บอกไว้เลยว่าท่าเล่นหูเล่นตากับชายๆ ทำให้ชายหลงเสน่ห์ได้
เธอแสดงได้เก่งมากๆ ทั้งสีหน้า ทั้งท่าทาง ท่าชม้ายตา เหยียดปาก
ดูมีจริตจะก้าน จนรู้สึกได้เลยว่า เธอคงได้รับการฝึกมาให้มีจริตแบบนั้น
มองภาพเห็นเลยว่านางโลมระดับTopสมัยนั้น คงเป็นแบบนี้นะเอง
แต่เอ่อ! ไอ้โรคที่ได้เป็นของแถมจากสำนักนางโลมน่าจะเป็นกามโรคนะคะ
ไม่น่าจะใช่โรคห่า(อหิวาตกโรค) ขอแย้งติ๊ดหนึ่งนะคะ
ตัวจริงของท่านซาคาโมโต้ เรียวมะนี้ อ.สุวินัยบอกหรือเปล่าคะว่ามีบุคลิกล้นๆต๊องๆ
เพราะเรื่องอัตสึฮิเมะ ท่านจิ๊(ทามากิ ฮิโรชิ)แสดงก็ล้นๆต๊องๆอย่างนี้เหมือนกันค่ะ
แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าตาUchino Masaakiเคยแสดงเป็นพี่ชายของทาคุยะในLove Gen
ตอนดูหมอจินนี้แบบนึกไม่ออกเลยค่ะ
อ้าว! เรื่องนี้Miki Nakatani ไม่ได้รางวัลหรอกเหรอคะ
ส่วนตัวแล้วคิดว่าเธอแสดงได้ดีที่สุดนะนี่ ส่วนOsawa Takao ที่แสดงเป็นหมอจิน
บอกได้เลยว่าแสดงได้ไม่ประทับใจเลย ดูแล้วเหมือนเค้นๆอารมณ์ยังไงก็ไม่รู้
ดูแล้วหน้าตาบิดเบี้ยวไปหมด ส่วนฮารุกะ ฮายาเสะเธอแสดงได้เป็นธรรมชาติดีค่ะ
ไม่ต้องบีบเค้นให้หน้าตาหมดสวย แค่แสดงได้ลื่นไหลไปตามบท
เธอก็สอบผ่านแล้วค่ะ ไม่กังขาที่ได้รางวัล
มีการเฉลยบุคคลปริศนาหัวเละว่าเป็นหมอจินค่ะ
จากหนังสือการ์ตูนเล่มที่4หรือ6 ไม่แน่ใจนะคะ
เคยอ่านที่คุณmomo lawleit เคยบอกไว้ค่ะ
ส่วนต่อไปคือความรู้สึกส่วนตัวหลังดูซีรีส์เรื่องนี้จบคือ
เหมือนเป็นหนังที่ปลุกความรักชาติ
เสียสละเพื่อชาติยังไงไม่รู้
ตอนนี้ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องนี้อยู่หรือเปล่าคะ ไม่น่าเชื่อ
หรือว่ากำลังถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมเกาหลี เดามั่วแล้วเรา
ดูเรื่องนี้แล้วไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมสักเท่าไหร่
บทหนังเหมือนจะอ่อนไป ความสมเหตุสมผลในหนัง
ดูไม่ค่อยจะสอดรับกันสักเท่าไหร่ ทำให้ดูแล้วไม่สนุกเท่าที่ควร
สรุป เรื่องนี้ดูได้เอาเพลินแต่ไม่ประทับใจค่ะ