A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Jin หมอทะลุศตวรรษ


คาดเดาแบบไม่ต้องเข้าสมาธิทางใน ก็ฟันธงได้เลยว่า
จุดตกต่ำแบบสุดๆของพลพรรคเสื้อแดง คือ การที่อดีตสส ไทยรักไทย
อย่าง เฮีย พายัพ ปั้นเกตุได้พาย่อยยับสมชื่อ เมื่อนำกองกำลังฝ่ายเสื้อแดงเข้าไป
ตรวจค้นในเชิงคุกคามบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้ป่วย
ที่รับการรักษาด้วยอาการหลอนขึ้นสมอง ว่าจะมีแหล่งกบดานของกลุ่มทหาร
ซึ่งอย่างที่หลายๆปากได้วิจารณ์ถึงความเหมาะสม แม้แต่ในสงคราม
ที่จรยุทธ์ทั้งสองฝ่ายอันเป็นคู่ความขัดแย้ง ยังต้องหลีกเลี่ยงกับการเผชิญ
ที่จะมีผลกระทบต่อหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แต่ในอีกด้าน
ก็ได้เห็นถึงความกล้าหาญทางจริยธรรมของเจ้าที่หน้าที่การเเพทย์ ที่จะลุกขึ้นมา
แสดงความไม่เห็นด้วยและกำหนดข้อเรียกร้อง อันจะส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่
จนมีสุ่มเสียงของการแสดงความเสียใจและขออภัยของกลุ่มแกนนำเสื้อแดง
ที่ผู้เขียนสลับสวมใส่เสื้อหลากสีแบบหลายวัน เพื่อแสดงความเป็นพลังเงียบ
รวมกับผู้ชุมนุมที่อยากเห็นบ้านเมืองกลับมาสงบอีกครั้ง
หาได้ใส่เพื่อแแสวงหาความมงคลเข้าตัว ก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงสำนึกผิด
จากเหล่ากลุ่มแกนนำเสื้อแดง ในการริไตร่ตรองถึงการกระทำของตนเอง





เป็นการกระทบชิงกลุ่มก่อความไม่สงบตามสันติวิธี
และเชิดชูความกล้าหาญทางจริยแพทย์ ซึ่งจริยแพทย์ในจุดนี้ทำให้นึกถึง
ซีรีย์ญี่ปุ่นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ใช้ความฉลาดในการโยงมิติทางประวัติศาสตร์เข้ากับศาสตร์วิธี
ทางการแพทย์ เพื่อค้นหาจุดมุ่งหมายตั้งต้นในภารกิจของหมอที่มีมิติ
มากกว่าความสำนึกในหน้าที่ระหว่างแพทย์กับคนไข้ แต่มันเตลิดไปไกล
ถึงขั้นการดำรงไว้ซึ่งการพัฒนาศาสตร์ในวงการแพทย์ที่มีต่อคุณูปาการต่อมนุษยชาติ
กันเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นหลักการใหญ่ทั้งๆที่ต้นฉบับของพล็อกเรื่อง
ดันมาจากฉบับหนังสือการ์ตูนไก่กาอาราเล่นี้เอง







ผู้เขียนกำลังพูดถึงซีรีย์เรื่อง Jin ของค่าย TBS ที่เป็นขาใหญ่ในการประกาศรางวัล
TDAA ครั้งที่ ๖๓ ถือเป็นซีรีย์ฟอร์มใหญ่ ลงทุนเยอะและเจ็บตัวน้อย ด้วยกระแสตอบรับและคำชื่นชมที่อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ดี จะมีข้อเสียที่เป็นที่วิพากย์วิจารณ์หนาหูก็ตรงที่
บทจบตอนสุดท้าย (ที่สิบเอ็ด) ที่ไม่ได้บอกในส่วนของความเป็นไปว่าคุณพี่จะเอาอย่างไรกัน
จะมีภาคสองหรือลงโรง หรือรอคำตอบจากการทำเป็นตอนสเปเชี่ยลอีกปีถึงสองปีข้างหน้า
หรือนี้จะเป็นแผนการตลาดแนวใหม่ ที่ตั้งคำถามระหว่างคนดูเพื่อให้เกิดกระแส
วิพากย์วิจารณ์เชิงสงสัย เหมือนที่สไตล์ครีเอทีฟโฆษณาบ้านเราที่มักเอาป้ายมาขึง
ด้วยประโยคสำนวนที่อล่างฉาง ที่กว่าจะเข้าใจ ก็ถึงบางอ้อ!
ว่าเป็นการขายหนังที่กำลังจะลงโรงในเร็ววันนี้นี่เอง




สิ่งที่ทำให้ซีรีย์เรื่อง Jin มีความแตกต่างจากซีรีย์แนวหมอร่วมก๊วนทั่วไป
ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการหยิบยก "หมอหัตถ์เทวดา" ให้มาเผชิญในสถานการณ์ของพื้นที่
ที่ไม่หมออย่างที่คิด อย่างหมอโกโตะ ก็ยังลากสังขารตัวเองให้ไปเป็นหมอประจำเกาะ
ที่ห่างไกลจากเครื่องมือเเพทย์ในเมือง หรือหมออาซาดะจาก IRYU ก็ถูกนายใหญ่
เขาเล่นเสียจนต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลต๊อกต๋อย ส่วนซีรีย์หมอ Jin ก็มาในทำนองที่
ต้องเผชิญความยากลำบากไม่แพ้กัน แม้จะร่วมอุดมการณ์ในการทำชีวิตให้ดีที่สุด
ในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันของหมอจิน กับเป็นปัจจุบัน ที่อยู่ในช่วงอดีตของยุคเอโดะ
ที่มีซามูไรพกดาบเดินตุงเหร่งๆ มีเกอิชาสำนักนางโลมเรียงร่ายอยู่เป็นย่าน
และไม่ยักกะมีเครื่องหยอดเหรียญให้รกหูรกตาแต่อย่างใด





มูลเหตุที่ทำให้หมอจิน หรือที่ชื่อนามเต็มว่า "มินากาตะ จิน"
(แสดงนำโดย โอซาวะ ทากาโอะ) ย้อนยุคหลุดทะเลไปทะลุมิติโผล่ในยุคเอโดะ
ล้วนแล้วแต่เกิดจากความสัมพันธ์กับคนไข้ปริศนาหน้าเละคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวเข้ายามดึก
อันเป็นช่วงเปลี่ยนผัดเวรโดยใช้โรงพยาบาลเป็นสถานหลับนอน แต่ใช่ว่า กอ่นหน้านี้
เขาจะรับการผ่าตัดในคนไข้ทุกรายไป แม้เจ้าหน้าที่ในหน่วยแพทย์ทุกคน
จะรับรู้ว่าเขาเป็นศัลยแพทย์ด้านสมองมือเยี่ยม และหนึ่งในนั้น
ก็มีคนไข้ในเคสต์ผ่าตัดสมอง ที่เขาเชื่อมั่นว่าหากได้รับการผ่าตัดจากเขา
จะต้องฟื้นหายกลับมาเป็นดั่ง คนๆนั้นมิใช่ใครอื่นเพราะเป็นคู่หมั้นของเขานั่นเอง
ที่ชื่อว่า โทโมนางะ มิกิ (เล่นโดย นากาตานิ มิกิ)
แต่หลังการผ่าตัด......คู่หมั้นของเขาต้องกลายมาเป็นเจ้าหญิงนิทราอันเป็นผลให้เขาต้อง
นิทราตัวเองจากศัลยแพทย์มือดี ผันตัวเองมาเป็นอาจารย์หมอที่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับ
เครื่องมือผ่าตัดอีกต่อไป







Isn't that why you are called a sensei?

(นี้ไม่ใช่เหรอ ที่ทำไมคุณต้องถูกขนานนามว่าอาจารย์)


There's not anymore who isn't hurt by failure.

(ไม่มีใครหรอก ที่ไม่เคยเจ็บปวดกับความผิดหวัง)



เสียงปลุกเร้าจากลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ทำให้เขาเกิดกำลังใจที่จะมุ่งมั่น
และช่วยปลุกจิตสำนึกของความเป็นแพทย์ ให้กลับมาโชติช่วงในตัวอีกครั้ง
(จิตสำนึกทางวิชาชีพนี้สำคัญเหมือนกันน้อ ทำให้ผู้ปฎิบัติงานไม่หลงลืม
ในเกียรติ์ยศทางอาชีพ เป็นการจัดสรรให้อยู่ในครรลองคลองธรรม
ไม่ต้องมากลางกฎหมายมาขู่ฟ่อๆ ไม่รู้จิตสำนึกในอาชีพแกนนำมันจะมีบ้างไหมหว่า?)
จนกระทั่งกลางดึกอย่างที่กล่าวข้างต้น ก็มีผู้บาดเจ็บปริศนาที่ถูกส่งเข้ามารักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน




Gender male ,age unknown ,
his face been struch repeatedly and he has profuse internal bleeding.

(เพศชาย ,ไม่ทราบอายุ ใบหน้าเขา
มีรอยถูกฟันหลายแผล และมีเลือดตกในอยู่ในอาการสาหัส)




เคสต์ที่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลว่ากันว่า ยาแต่ทุกอย่างกลับดูง่าย
ภายใต้ฝีมือการรักษาของหมอจินที่ทั้งเร็ว แม่นยำ และปราณีต ที่ตัดโน้น
กรีดนี้ เย็บนั้น ฉุบฉับๆ ที่สุดท้ายก็ดูคล้ายกับว่าการรักษาครั้งหนึ่งจะเสร็จสมบูรณ์
ไปด้วยดี ถึงกระนั้นทีมแพทย์ผ่าตัดก็ต้องมาชงักเข้าเมื่อการผ่าตัดดังกล่าว
ได้ค้นพบเจ้าก้อนเนื้องอกประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับตัวอ่อน ขนาดเท่าก้ำปั้น
หมอจินเลยนำมาใส่ในภาชนะขวดโหลดอง พร้อมตั้งชื่อสุดเก๋ว่า "ฟอร์มาลีนคุง"
และเจ้าฟอร์มาลีนคุง ก็ดูเหมือนจะเป็นจุดเชื่อมโยงของการข้ามมิติ เมื่อคนไข้ปริศนา
ที่ได้รับการผ่าตัด แอบลักลอบขโมยเจ้าขวดโหลดังกล่าวในกลางดึก
ซึ่งทางหมอจินก็ได้ไล่กวดจนถึงทางบันไดหนีไฟมีการฉุดกระชากลากกันเล็กน้อย
จนเกิดอุบัติเหตุที่คุณหมอจินผลัดตกบันไดจำนวนขั้นไม่น้อยตาม
กาลผัน-เทศะตาลปัตร ฟื้นมาอีกที เจ้าตัวก็ดันมาอยู่กลางป่าเวลาสงัด
ขณะที่กำลังมีฝูงชนจำนวนหนึ่งไล่เอาดาบมาฆ่าฟันกัน ทีแรกก็นึกว่าหนัง
แต่พอเลือดสาดกระเซ่นเข้าใส่หน้า ตามประสาจรรยาแพทย์ก็พอรู้ว่า
เลือดนี้มีฮีโมลโกบินที่ไร้ส่วนผสมของเฮลบลูบอยด์รสสละจนซามูไร
ที่กำลังปกป้องหมอจิน นามทาจิบานะ เคียวทาโร่ (เคสุเกะ โคอิเดะ)
ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดดาบปักเข้าสมอง จึงเป็นวีรกรรมบทแรกๆ
ที่หมอจินจะได้สำแดงพระเดชพระคุณทางวิชาแพทย์ ท่ามกลางอัตคัด
ทางเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคลากรที่จะเป็นลูกมือที่พอจะไล่ตามทัน
กับวิทยาการทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยเป็นศตวรรษ







แน่นอนว่า ทั้งด้วยอุปนิสัยและเครื่องแต่งกายสากลแบบหมอๆ
ยอ่มไม่สมสมัยกับความเป็นหมอๆของยุคเอโดะ ที่ไม่เน้นความเป็นสากล
มากกว่าการรักษาตามแบบพื้นบ้าน ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่ายุคที่หมอจินได้ถูกย้อนเวลา
ยังอยู่ในช่วงของการปิดประเทศ มาตั้งแต่รัชสมัยของอิเอยาสุ โตกุกาวา
(ถ้านับเทียบเคียงกับประเทศไทย ก็ในช่วงของรัชกาลที่ ๔ ที่เริ่มเปิดรับ
ความเจริญจากต่างประเทศ เช่น การขุดคลอง ตัดถนน ใช้เหรียญกษาปณ์แทนเงินพดด้วง
และตั้งโรงพิมพ์ในวัง) การรักษาพยาบาลด้วยการผ่าตัดในกรณีเร่งด่วน
ผ่านเครื่องมือชุดผ่าตัดแบบปฐมพยาบาลที่มีติดตัวมา เเต่นั่นก็ไม่คณามือ
ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ทางวิชาชีพที่เปี่ยมล้น อันเป็นวิชาหาเลี้ยงชีพ
สำหรับตนโดยแท้ ด้วยการณ์นี้ ทำให้การผ่าตัดฉุกเฉินแก่ทาจิบานา เคียวทาโระ
เป็นการทอดสายสัมพันธ์ให้กับครอบครัวตระกูลทาจิบานา ที่ประกอบด้วยแม่
ที่มีหัวอนุรักษ์จัด อย่าง ทาจิบามา อิเอะ (อาโซะ ยูมิ)และน้องสาวเคียวทาโระ
อย่าง ทาจิบาน่า ซากิ (ฮารุกะ อายาเซะ) ที่ตอนหลังจากที่หมอจินได้ช่วยพี่ชายของตน
ให้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ ก็อาสาเป็นผู้ช่วยแพทย์ แต่ชาวบ้านสมัยใหม่รู้จักกัน
ในนาม "ลูกมือ" ของหมอจิน แบบที่ไม่ต้องเข้าโรงเรียนแพทย์ก็สามารถปลูกจิตวิญญาณ
ของความเป็นแพทย์อยู่ในตัว โดยผ่านการดูหมอจินเจือนเนื้อแบบสดๆสักสี่ห้าราย
ซึ่งในซีรีย์ก็เนรมิตภาพปลอมๆของการผ่าตัดให้ดูสมจริง หรือบางทีอาจจริง
แต่หลอกให้คนดูเชื่อว่าเป็นเรื่องแหกตาก็เป็นไปได้




ความสนุกของซีรีย์หมอจินเป็นอย่างที่ คุณต่อพงษ์ แห่งผอ.ซูเปอร์บันเทิง
เคยถูกอำนาจนิยมทางฝ่ายภรรยาประท้วงว่า "ไหนๆก็เปิดแผ่นหนึ่งแล้ว
ก็ดูต่อให้มันจบๆไปเลยสิ" ในแง่ชั้นเชิงของการผูกเรื่อง ถือว่าไหลไปตามน้ำ
โดยเชื่อมโยงความสัมพันธ์แบบแตกแขนงของตัวละครที่เป็นคนละมิติกับหมอจิน
ริ่มต้นจากซามูไรแห่งตระกูลทาจิบานา จากนั้นก็ไปจับคนนั้นมีคอนเนกชั่นกับคนนี้
โดยมีตัวละครใหม่ๆเกิดขึ้นในทุกๆตอน ซึ่งมาตราฐานของความเป็นมนุษย์
ที่ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใหม่หรือโบราณกาลเพียงใด ล้วนแล้วแต่มีองค์ประกอบ
ที่สมณโคดมก่อนที่จะเสวยเป็นพระพุทธเจ้าก็ทอดพระเนตรเห็นในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
และไอ้ความเจ็บ นี้แหละที่เข้าแก๊บจนสร้างชื่อเสียงของหมอจินให้เลื่องลือ
เพราะทำแคสต์ของการเจ็บป่วยในระดับที่ยุคสมัยนั้นเรียกว่า ตายยังเขียด
มาเป็น เฉียดตาย ภายใต้การรักษาของหมอจินเขา โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ว่าจะยากดีมีจน เป็นบุตรคหบดีหรือขายถั่วแหระอยู่หน้าตลาดสดก็ตามที




นอกจากตัวละครสมมติแล้ว ซีรีย์ยังทำให้บุคคลที่มีอยู่จริงในหน้า
ประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นในสมัยของซาโคคุ (หรือที่เรียกว่าช่วงปิดประเทศ
นับตั้งแต่มีนโยบายไม่ปลื้มชาวตะวันตกยาวนานกว่าสองร้อยปี (1641–1853)
ที่รัชสมัยโตกุกาวาริเริ่มจากความหวาดระแวงจากาการแทรกแซงของฝรั่งมั่งคา)
ตัวละครพวกนี้จะไปมีส่วนร่วมในจินตนาการคู่ขนานและที่สำคัญ มีบทบาทจนกลายเป็น
ตัวละครเด่นในเรื่อง ไม่ว่าจะป็น ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์ "โอกาตะ โคอัน"
ที่ชาวญี่ปุ่นยกให้เป็นปรมาจารย์ด้านการแพทย์แห่งยุคเอโดะ ระหว่างยุครานกาคุ
ในคริสตวรรษที่ ๑๘ ซึ่งเป็นผู้นำความรู้ทางด้านการแพทย์จากฝั่งตะวันตก
มาสถาปนาเป็นหลักเป็นฐานในประเทศญีปุ่น จนเปิดสำนักเทกิจูกู ที่ต่อมาพัฒนาเป็น
มหาวิทยาลัยโอซาก้าในปัจจุบัน (คนนี้เล่นโดยเท็ตซูยะ ทาเคดะจาก๑๐๑ตื้อรักนายกระจอก)
ที่ความชราทางใบหน้าน่าจะสอดรับกันได้ดี กับท่านผู้อาวุโสที่ได้รับการนับหน้าถือตา
ในความใจกว้างและเปิดรับความคิดที่แปลกใหม่จากภายนอก แต่เอ๊! เห็นภาพในรูปปั้น
ผมสั้นเรียบ ไงตัวละครผมยาวสลวยยักกะพรีเซนเตอร์ยาสระผมได้ละหว่า!)




หนึ่งในนั้นก็มี "เจ๊โนวาเซะซัง" นางโลมนัมเบอร์วันแห่งอาคาเซน
ที่พระเอกเชื่อว่า จะต้องเป็นบรรพบุรษของมิกิแฟนสาว เพราะใบหน้าถอดบล็อกเดียวกันเดะ
มีสไตล์เจ้าขุนมูลนายเสียเต็มรส ถ้าเล่นหูเล่นตากับชายๆอย่างผู้เขียนอาจจะหลงเสน่ห์เสียเต็มรัก
แต่พอเล่นกับหมอจินเข้าก็ดันไปวินิจฉัยได้ตรงเป๊กว่ามีอาการของโรคโลหิตจางซ่อนอยู่
การเล่นบทเป็นบุคคลสองยค สองรสชาติเช่นนี้ ไม่รู้ว่าตกลงได้กินค่าตัวไปอิ่มแปล้แค่ไหน
แต่กระนั้น ก็ต้องแลกกับการเเบกองค์ทรงเครื่องกันยกใหญ่ (ประวัติสำนักนางโลมนี้
มีมานานตั้งแต่ก่อนคศ. ๑๗ ทีถือเป็นการจัดโซนนิ่งให้นิ่งกันจริงๆ แถมนิ่งกันเป็นย่านๆ
โดยคำสั่งของโชกุนโตกุกาวาซึ่งในยุคนั้น ถ้าไม่มีปัญญาไปสำนักนางโลมโยชิวาราแห่งเอโดะ
ด้วยเหตุผลกลใด ก็ยังพอจะหาสถานที่ ที่ทดแทนกันได้จาก ชิมาบาราแห่งเกียวโต
หรือไม่ก็ชินมาชิแห่งโอซากะ แต่ก็อาจตามมาด้วยโรคกามโรค(Venereal Diseas)เป็นของแถม






นอกจากนี้ยังมี "ชินมอน ตาซึกุโกะ" ยอดนักดับเพลิงแห่งเอโดะ
(ที่แสดงโดยลุงนักการเมืองน้ำดีในchange นากามูระ อัตซึโอะ ที่รับเล่นเรื่องนี้แบบฉุกเฉิน
ทั้งๆที่จองบทให้ลุงอีกคนแต่สังขารดันไม่เที่ยง) วีรบุรุษผู้บรรเทาความวายวอดของอัคคีภัย
ครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของญี่ปุ่น ส่วนอีกคนที่เด่นจนเรียกว่าเป็นสหายคู่หู
ร่วมเป็นร่วมตายกับหมอจินก็ว่าได้ เพราะเขาคือ "ซากาโมโตะ เรียวมะ" ผู้เปลี่ยนแปลง
ฉมหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ ในการเปิดรับวิทยาการใหม่ๆจากโลกตะวันตก
ถึงขนาดอ. สุวินัย นิยามบุคคลคนนี้ว่า "มือหนึ่งถือปืน อีกมือหนึ่งถือกฎหมายตะวันตก"
ถือเป็นผู้นำกลุ่มในการเคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายของโชกุนโตกุกาวา ในช่วงบากุมัตซึ
ที่ถือเป็นตอนปลายในยุคสมัยเอโดะก่อนจะเกิดสงครามล้มล้างระบอบโชกุน
เพื่อพัฒนารัฐบาลญีปุ่นไปสู่ความเป็นรัฐสมัยใหม่และมีอาณาธิปไตยเป็นของตนเอง
คนนี้เล่นโดย "อุชิโนะ มาสาอากิ" ที่เล่นได้โหด มัน และฮาอย่างหนำใจ
ดูจะผิดไปจากซากาโมโตะ เรียวมะ ในฉบับของซีรีย์รักษ์ชาติ ใน อัตซึฮิเมะไปนิดหน่อย
เพราะฉบับของหมอจิน เขามีลูกบ้าเป็นเชื้อเพลิงอยู่เต็มเปี่ยม เลยใส่มิติของความเป็นมนุษย์
ผู้หลุดโลกและทะลุกรอบมิติร่วมสมัย คล้ายๆจะไม่เต็มเตง พูดจ้อและคิดอะไรหลุจากกรอบ
จนหลายทีก็รู้สึกจะหลุดจนอยากฉีดมอร์ฟีนระงับสติ เพราะพี่ดูจะเป็นสุขนิยมจนเกินไป
แต่เเง่คุณธรรมและหลักการ ถือเป็นบุคคลที่มีภาพลักษณ์ที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง
คิดการใหญ่และมุ่งมั่นในวิธีคิดของตนอย่างจริงใจ ซึ่งใครก็อยากจะร่วมงานด้วย
แม้จะมีการทดสอบเพื่อขอดูภาชนะ ที่เปรียบเปรยไปถึงหัวจิตหัวใจของตัวตนก็ตาม
ถึงจะมีเสน่ห์จนคนดูรัก แต่ท่ว่าไปจีบเกอิชาคนไหนสาวเจ้าเขาก็ไม่เหลี่ยวแล
อย่างว่า พีท่านเล่นคิดหลุดจากกรอบสมัยเอโดะไปหลายสิบปี สาวคนไหนจะตามพี่ได้ทัน
ซึ่งใครจะเชื่อว่า คนนี้ๆครั้งหนึ่งเคยเล่นเป็นพี่ชายทาคุยะ จากในซีรีย์Love Generation
ในบททนายจอมนิ่งที่เป็นแฟนใหม่ของแฟนเก่าที่แฟนของน้องชายในปัจจุบัน
ดันหึงหวงว่าจะไปคบหากับแฟนคนเดิม ช่างไม่แมนในเรื่องแฟนๆเอาสักเลยจ๊อส







จึงทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของหมอจินขยายกลายเป็นความสัมพันธ์ส่วนรวม
ถึงขั้นเปิดสำนักเพื่อนหมอจินที่มีเจตนารมณ์ส่งเสริมให้วงการแพทย์ญี่ปุ่น
ให้มีความก้าวหน้าในการรักษาโรคเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ขณะเดียวกันลึกๆอาจจะ
ส่งผลต่อการพัฒนาการผ่าตัดเนื้องอกที่ก้านสมองของมิกิแฟนสาวตอ่ไปในอนาคตข้างหน้า
ซีรีย์เรื่องนี้เล่นถึงกระทั่งการเปลี่ยนแปลงมิติทางหน้าประวัติศาสตร์หนักข้อกว่าเดิม
ด้วยการผลิตตัวยาเพนิซิลินโอทอปด้วยตนเองที่การผลิตแต่ละครั้ง ไม่ง่ายเหมือนทำต้มยำกุ้ง
ที่เอาตะไคร้ ใบมะกรูด บีบมะนาวแล้วโยนกุ้งลงหมอให้พอจำนวนคน แต่เพนิซิลินยุคโน้น
ให้ทุนมากต้องวิ่งหานายทุนเพื่อขายโปรเจ็คเป็นการพลิกหน้าความจริงจากเดิม
ที่ท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทองกันมาว่าเฮียอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง เป็นผู้ผลิตขึ้น
จากการสังเกตเชื้อราในขนมปัง เพราะถ้าใครขืนอินจัด จนหลงเชื่อว่าซีรีย์เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
ก็เท่ากับว่า หมอมินาคาตะ จิน ผลิตเพนิซินลินก่อนพี่เฟลมมิ่งไปตั้งห้าสิบปี!!
ชวนอึ้งยิ่งกว่าการที่เจิ้งหอเวียนเรือพบอเมริกาก่อนโคลัมบัสสักอีก





สำหรับบทของพ่อหมอแสนดี ที่ป๋าโอซามะเล่นเป็นพระเอกของเรื่อง
อาจจะไม่แสนดีเท่ากับที่เคยจำแลงเป็นหมอแสนดีย่านชนบท ใน Heaven Coin
แต่ความมีรสมีชาติ ลูกเล่นชั้นเชิงเเล้ว
ซีรีย์เรื่องJin กินขาดในทุกด้านๆ อย่างว่า ซีรีย์เรื่องโน้นมันกว่ายี่สิบปี
เแนวที่มีก็เป็นเชิงดราม่ารับใช้ยุคสมัย แถมในแง่ความเข้าใจในคุณค่า
ของการเป็นหมอไร้ที่พึ่ง จากอุปกรณ์เครื่องมือกลไกที่ล้ำสมัย
มาสู่ปรัชญาการแพทย์แบบพอเพียง ที่ไม่มุ่งความสำเร็จการงานวิจัย
มากไปกว่าการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยและพัฒนาตัวยาใหม่ๆตามแบบชาวบ้าน
การมาเป็นคนที่แบกรับต่อจุดเปลี่ยนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของหน้าประวัติศาสตร์
อาจเป็นงานที่แสนยากของคนที่คุ้นชินขนบธรรมเนียมแบบปิดรับประเทศ
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการท้าทายขีดความสามารถส่วนบุคคลในสถานการณ์
อันหน้าสิ่วหน้าขวานที่มีชีวิตคนไข้เป็นเดิมพัน แต่จะเป็นงานยากยิ่งกว่า
สำหรับคนที่มีหัวสมัยใหม่ที่จะพยายามอธิบายความเข้าใจในการกระทำ
ว่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีให้กับพวกเขาต่อไปในอนาคตเช่นไร
ขณะเดียวกัน ก็ต้องปลดปล่อยมิกิสาวคนรักให้ล่องลอยไปตาม
สายลมแห่งกาลเวลา หลังจากที่เทียวยื้อเทียวแย่งอันเป็นอุปสรรค
ต่อการพัฒนาทางการแพทย์ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนอีกนับไม่ถ้วน
หรือจะเพื่อประคองผลจากการกระทำที่อาจส่งผลต่อมิกิสาวคนรัก
ที่ไม่รู้ว่าเอาเข้าจริง จะช่วยให้เธอตื่นจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราได้จริงรึเปล่า
เออ ดูไปดูมาก็มีกลิ่นแบบลีกิมฮวงผสมกับเจาะเวลาหาจิ๋นซี
ยิ่งเห็นแก ต้องผูกจุกทั้งๆที่รวบผมก็ได้แค่นั้น แต่ยังพยายามไม่รู้ว่าสายตาของคนเอโดะ
จะมองแกด้วยอาการฝืนๆอย่างเลียบๆเคียงๆ ให้เข้ายุคเข้าสมัยเอโดะได้แค่ไหนน้อ




ส่วนเจ๊มิกิ ที่นอกจากจะใช้ชื่อมิกิ ที่เหมือนชื่อตัวเองในบทตัวละครแล้ว
ในซีรีย์เรื่องจินนี้ ยังต้องแบกรับกับตัวละครสองตัว สองบุคลิก
ที่ต่างยุคต่างสมัย โดยเฉพาะในบทบาทของตัวละครเกอิชาชั้นครูโนคาเซะ
ที่ต้องเก็งหน้า เม้มปาก ร่ายท่วงท่าฉวัดเฉวี้ยงอย่างมีจริตจะก้าน เป็นลีลาที่ปกปิดอุปนิสัย
ใจคอลึกๆของตัวเอง ทำให้ผู้เขียนอ่านไม่ออกและมองไม่เห็น นอกจากกิริยาเปลือกนอก
ในอาภรณ์ของกิโนโมหลากสี ชนิดอยากชวนมาร่วมก๊วนเสื้อหลากสีเสียจริงๆ
แต่พอมาเป็นมิกิในโลกปัจจุบัน ที่ไม่ต้องแอ๊บเทรนด์หนักๆแบบเจ้ารั้วเจ้าวัง
อย่างมากสุดก็แค่ตอนแรกตอนเดียว อันเป็นความหลังครั้งเก่าที่สาวเจ้า
เขายังไม่เข้านิทราตลอดชีพ แต่ความหลังเก่าก็ยังไม่เท่าเก่าแสนเก่า
ที่พระเอกเขาไปตกยุคในสมัยเอโดะเข้า ถือเป็นบทที่อึดอัดในสายตา
แต่ทว่ามองในแง่ดี ก็ถือว่าเป็นการศึกษาศิลปะแขนงหนึ่ง แม้ไม่ค่อยจะเข้าใจแก่นแท้นัก
แต่ป้ามิกิเวลาที่สวมใส่กิโมโนสียเต็มยศ ก็มีเสน่ห์แบบแปลกๆ ที่อยากจะเดินห่างให้ไกล
หรือเอาเกลือโรยใส่ด้วยมองว่าหากเข้าประชิดตัว เกรงจะไม่มงคลเพราะปฎิบัติตัวลำบาก
จึงอยากเห็นเธอ กลับมารับบทเป็นพี่คนกลางแบบในซีรีย์Otousan อีกครั้ง
เพราะมันทำให้โลกมีชีวิตชีวาตามประสาแม่บ้านยอดกตัญญู ที่สามีต่างๆคงอยากมีไว้ประจำบ้าน



I wished to see Nokaze-san to confirm a hypothesis.

(ผมปรารถนาที่จะเห็นโนกาเซะซังเป็นไปตามข้อยืนยันตามหลักสันนิษฐาน)


Miki’s picture has changed many times now.

(ถึงแม้ภาพถ่ายของมิกิจะเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้งก็ตามในตอนนี้)

I had a vague sense that what I have done may change the future of medicine.

(ผมรู้สึกคลุมเครือในยามที่จะต้องทำอะไร ที่ไปเปลี่ยนแปลง
อนาคตของวงกาเภสัชศาสตร์)


However, the change this time undermines Tomonaga Miki’s very existence.Is this an omen of the beginning of something?

(อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มันกร่อนเซาะทุกสิ่งที่ไปเกี่ยวข้อง
ในทุกๆทางออกของโทโมนากะ มิกิ)


Perhaps Nokaze-san is Miki’s ancestor.I had come to think that
whatever I did would not affect the course of history.

(บางที โนคาเซะซัง อาจเป็นบรรพบุรุษของมิกิก็ได้ ผมคิดว่าจะมีทางไหนได้บ้าง
ที่ไม่ไปมีผลกระทบต่อช่วงเวลาในประวัติศาสตร์)

But … maybe not.Even a small flap of the butterfly’s wings
may be the start of a storm.

(แต่บางทีอาจจะไม่ก็ได้ เพราะแม้ปีกที่กระพือของผีเสื้อก็อาจจะเป็นจุดเริ่มของลมมรสุม)




ส่วนคุณน้องอายาเซะ ก็เล่นได้แอ้บแบ้วแบบไม่เจนโลก ด้วยโลกทัศน์ของยุคเอโดะ
ได้ครอบงำพฤติกรรมทุกส่วนให้คุณน้องต้องเจียมเนื้อเจียมตัว สงวนในอากัปกิริยา
กุลสตรีศรีเสาวภา รอเวลาออกสู่เหย้าเฝ้าบ้านสามี ตามแต่ที่บ้านจะจัดหาพาให้ดูตัว
ถึงได้เข้าใจแล้วว่า ใยคุณแม่ตระกูลทาจิบานาถึงไม่ปลื้มกับการปรากฎตัวของหมอจินเข้า
ก็เพราะไอ้เรื่องทัศนะต่างยุคต่างวัฒนธรรม ที่พยายามผลักไสว่าเป็นหมอฮอลันดา
แต่หน้าเจแป๊นเจแปน มันมีผลสืบเนื่องให้คุณน้องซากิที่อายาเสะแสดงพฤติกรรม
ที่มีอาการติดลูกกระด้างกระเดื่อง อยากจะกำหนดเข็มทิศชีวิตที่เป็นของตัวเอง
และโดนคลื่นออร่าของศัลยแพทย์ที่เปล่งมาจากหมอจินซึมซับทีละเล็กละน้อย
การมารับเล่นบทที่ต้องสวมชุดกิโมโนตลอดเรื่อง ทำให้หลายคนต้องกลับมาหลงรักเธออีกครั้ง ไม่เว้นแต่อ.สุวินัยที่ยังตกหลุมนั่นตามไปด้วย (ถ้าอยากทึ่งกว่านี้ แนะนำให้ดูเรื่อง
ichi ที่มีพระเอกหมอจินร่วมแสดงด้วย) นอกจากเธอจะสวย ใส และมอบความกล้าหาญ
อยู่เป็นระยะให้แก่หมอจิน ที่นอกจากเรื่องฝีมือทางการแพทย์แล้ว ส่วนเรื่องอย่างอื่น
ก็ไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรอย่างชาวบ้านเขา จะสงสารน้องอายาเซะก็การรับเล่นซีรีย์
ในระยะหลังๆ ไม่ว่าจะเป็นMr.Brain รวมทั้งหมอจินเองก็ตามที หน้าตาคุณน้อง
ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ อีกทั้งแสดงอาการคิดไม่ซื่อกับพระเอกจนออกนอกหน้า
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเป็นต้องอกหักรักคุด ชายเจ้าเขาไม่เหลี่ยวแล ถ้าเผลอมารับเล่นละครไทย
มีหวังคงได้เจอตบจูบและตุ๊ยท้อง ตื่นเช้ามาน้ำตาไหลริน แถมยังต้องสับรางให้ทัน
กับลูกคุณหนูอีกฝ่ายที่ตามตื้อตามราวีรักไม่เลิก แม้จะร่ำจะรวย แต่บทนางเอกสกุลไทย
เขาต้องส่งเสริมการมีรักแท้ แม้โลกของความเป็นจริงจะไปอีกอย่างก็ตาม







ส่วนตัวละครฝ่ายวัยรุ่นคนอื่นๆ ก็ถือว่าเล่นได้ตามสมควร
ไม่ถึงกับโดดเด่นนัก จนถึงขนาดหานักแสดงคนอื่นมาเล่นแทนไม่ได้
ดูอย่างหนูเอลินา จากซีรีย์ Koizora ก็เป็นเกอิชาตาหยี๋ที่ดันเกิดมาสายตาสั้น
ที่ปรับแต่งแปลงโฉมเสียเกือบจำไม่ได้ นอกจากรักยิ้มตรงมุมปาก
ส่วนคุณน้องไคสุเกะ แม้จะได้บทเด่นในเรื่องนี้
แต่ที่ผ่านมาทั้งซีรีย์ Rookies เอย Nodame เอย ผู้เขียนว่า
เขายังเล่นได้เด่นกว่า แต่ถ้าเทียบสีสันในซีรีย์หลงยุคอย่าง อัตซึฮิเมะ
ที่ต้องเล่นเป็นเซนไบด้วยแล้ว ในบทซามูไรเคียวทาโร่ดูน่าจะประทับใจกว่า
แต่ทว่า น่าจะได้ใจจากแม่ยกไปหลายขุม ด้วยลดเกียรติ์ของซามูไร
ไปอุปถัมภ์ขายสมบัติเก่าของท่านพ่อ ให้พอเป็นค่าตัดแว่นแก่น้องเกอิชาสุดรัก
ส่วนคนที่เหลือก็เล่นได้โบร๊าณโบราณดี ก็แน่ละ
ก็ซีรีย์เขามันย้อนยุคนี้หว่า แม้แต่หมอจินในตอนท้ายๆ ก็เริ่มจะมีมุมมอง
ยอมรับชะตากรรมของการเป็นคนร่วมสมัย โดยไม่ใส่ใจในการกระทำ
ที่ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลง อันมีผลสืบเนื่องต่อความเป็นไปในชิวิตคู่หมั้นของเขา





We've forgotten the darkness of the night,But what if there was a day,
(เราได้หลงลืมความมืดสนิทในยามราตรีกาล แต่มันเป็นอะไรที่ไม่ใช่ที่นี้ในวันนี้)

l wonder if you would be able to grasp the light that was there ?
By your own hands
(ผมสงสัยว่าถ้าเป็นคุณๆควรจะคว้าเจ้าแสงสว่าง ณ ที่แห่งนี้รึไม่
ด้วยทั้งมือสองข้างที่เรามี)





เป็นซีรีย์ที่สมอ้างดั่งที่ได้ยินเสียงชื่นชมในทุกทิศทุกทาง
ส่วนหนึ่ง คงเป็นด้วยอิทธิพลจากต้นฉบับการ์ตูน ที่แม้จะขัดใจท่านผู้อ่าน เพราะแนวทาง
ในหลายๆส่วนไม่อำนวยให้ แต่ในแง่อรรถรสแล้วประเคนให้อย่างต่อเนื่อง
จนถึงขั้นมีฤทธิ์เสพติดอย่างงอมแงม ผู้เขียนเองก็ต้องออกตัวก่อนว่า ไม่เคยได้อ่านหรอก
ไอ้เจ้าฉบับการ์ตูนของผู้เขียน "มูรากามิ โมโตกะ" แต่พอรู้มาว่าฉบับการ์ตูน
ก็ยังมีการเขียนอย่างตอ่เนื่อง ที่ยังหาจุดอวสานลงไม่ได้ แต่ถ้าฝีมือจากดัดแปลงบทของเจ๊
"โมริชิตะ โยชิโกะ" อันนี้ผ่านตาอยู่บ้างจากMr BrainและByakuyako เจ๊คงมีของดีอยู่กับตัว
เลยสะกดภวังค์ให้คนดูลุกออกจากหน้าจอได้ลำบาก ทำให้ซีรีย์ตอนที่หนึ่งไม่เคยเพียงพอ
ในความต้องการของคนดูที่อยากชมอย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้วาจะมีผลต่อหน้าที่การงานรุ่งเช้าถัดไป
ส่วนผู้กำกับ ก็ยังเป็นสามเกลอหัวขวดที่ทางสถานีคัดสรรให้รับงานซีรีย์ฟอร์ยักษ์
จนกลายเป็นทีมผู้กำกับที่ผู้เขียนต้องติดตาม โดยไม่ต้องพึ่งพิงในการเอาแง่ดารา (สาว)
มาเป็นจุดขายอย่าง ผกก.ยูอิชิโระ ที่เคยกำกับ Good Luck ,Rookies , Mr.Brain
ผกก.ไดสุเกะ ที่เคยกำกับ Taiyo no Uta,Love Shuffle ,Mr.Brain
และ ผกก.ริวทาโระ ประวัติยังไม่แน่ชัด เอาไว้ว่า แปะไว้ก่อนละกัน ซึ่งเหตุที่
ยกทีมสร้างร่ายเป็นฉากๆก็เพราะทั้งหมดนี้ได้รับการการันตีจากTDAAครั้งที่ ๖๓
ไม่ว่าจะเป็น มือดัดแปลงบท ผู้กำกับ และเพลงประกอบ ส่วนดารา นี้ได้ทั้งนักแสดงชาย
-โอซาวา ตัวประกอบชาย-มาสาอากิ และตัวประกอบหญิง อย่างอายาเสะ
แต่ที่ข้องใจ คือ ทำไม ป้ามิกิของผู้เขียนถึงไม่ได้รางวัลในส่วนตรงนี้ (ส่วนหวยรางวัล
นักแสดงหญิงซีซันดังกล่าว ไปตกใส่กับเด็กน้อยหน้าใสชิดะ มิราอิจากซีรียเรื่อง Shokojo Seira
หรือที่ท่านMamLHCเคยรีวิวไว้ในซินเดอร์เรล่าฉบับญี่ปุ่น อันนี้ไม่เคยดู
เลยไม่กล้ายืนยันว่าดีไม่ดี) จะว่าด้วยการแต่งหน้าจัดเกินไป หรือฉากมะเร็งเต้านม
ที่ไม่ทุ่มทุนนำเสนอพอถึงไม่ได้รางวัล แต่ก็ได้ใจมหาชนจากผู้เขียนไปปาดน้ำตาพลางๆก่อนละกัน





มันจึงไม่ใช่ซีรีย์ที่ว่ากันด้วยเรื่องของการย้อนเวลา เพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตเท่านั้น
แต่ยังเป็นการช่วยย้อนรำลึกถึงความหมายของตัวตนที่มีคุณค่าต่อภารกิจหน้าที่
ที่ได้ขีดเส้นให้กับตัวเอง ความหมายของบุคคลที่มีให้แก่บุคคลอื่นรอบข้าง อีกทั้งยังเป็น
การช่วยเยี่ยวยาต่อความรู้สึกที่บกพร่องหรือไม่ได้ตระหนัก ในสิ่งที่มีข้อจำกัด
ในยุคปัจจุบัน แต่จะไปมีความหมายอันยิ่งใหญ่นักกับอีกหลายผู้คนในยุคสมัยหนึ่ง
เสมือนกับการที่ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ของการเป็นแพทย์อีกครั้ง ดูไปทำให้นึกถึง
แพทย์ชนบทอยู่กลายๆ ประมาณว่า หมอหนึ่งคนในชนบท กับหมอหนึ่งคนในตัวเมือง
ในแง่ปริมาณที่มีต่อคุณค่า อย่างไหนจะมีคุณค่าต่อจิตใจโดยรวมมากกว่ากัน
ถ้าใครเป็นโรคคลั่งมิติด้านกาลเวลา ซีรีย์ช่วยสร้างการบ้านเสียหลายข้อ
ต่อการพิจารณาในแง่ความเป็นไปได้ที่คนหนึ่งๆ จะกระทำไปได้ด้วยผลสืบเนื่อง
ถึงความเปลี่ยนแปลงในอีกมิติเวลาหนึ่ง แค่กรณีบุคคลปริศนาหน้าเละที่ถูกย้อนเวลากลับไป
จนมีกรณีกระชากลากถูเจ้าฟอร์มาลีนคุง เป็นเหตุให้หมอจินถูกย้อนเวลาไปยุคสมัยเอโดะ
อันนี้ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นซากาโมโตะ เรียวมะ มากกว่าการจะเป็นหมอจินเสียเอง
สมมติว่าถ้าเป็นหมอจิน มันจะเข้าข่ายตามสูตร back to the future
ที่เป็นภาวะ paradox of time ที่บุคคลคนเดียวกันจากต่างช่วงมิติเวลา
เข้ามาอยู่ในสถานที่ๆเดียวกัน อันนี้มันไม่ใช่เเค่ปัญหาการเลื่อมซ้อนทางมิติเวลาเท่านั้น
แต่มันจะส่งผลต่อการล้มสลายของจักรวาล ตามทฤษฎีสิบมิติของไอน์สไตน์เชียว
ส่วนการมีฟอร์มาลีนคุง คงเป็นส่วนประกอบหนึ่งของปรากฎการณ์ phenomena
ที่เป็นเครือ่งมือหรือสื่อกลางในการเป็นตัวเร่งไทม์สปินให้ก่อเกิดอย่างฉับพลัน
แต่ขอบอกก่อนนะว่า ซีรีย์เรื่องนี้เขาตีตั๋วย้อนเวลาแบบไทม์สปินเพียงเที่ยวเดียว
ไปแล้วยังไม่รู้ว่าจะเจอตั๋วกลับรึเปล่า อันนี้เป็นคนละสูตรกับการ์ตูน ที่มามัวเข้ามัวออก
ผ่านลิ้นชักอันเป็นประตูข้ามผ่านมิติที่มีเครื่องไทม์แมนชีนของโดเรมอน ที่จะนึกจะย้อน
พศ.ใด คศ.ไหน ก็ใส่ตัวเลขจัดวางและออกสตาร์คเร็วทันใจ
ส่วนผลของการกระทำใดใดอดีต ที่อาจส่งผลกระทบต่อปัจจุบัน
สิ่งที่จะสามารถพิสูจน์ได้ มีเพียงรูปถ่ายกับคู่หมั้นชูนิ้วสู้ตายคะ ที่จะเข้มจะจาง
ล้วนแล้วแต่เกิดจากกระทำในการรักษา ที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย
แต่ทุกการรักษา เรียกน้ำตาผู้คนชนิดแม้แต่ตัวผู้รักษาเองก็ยังกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
จึงเป็นซีรีย์ที่ทรมานลูกนัยน์ตา ได้เห็นเลือด เห็นเนื้อจนต้องปิดตาปี๋แล้ว ยังต้องมารับการปิ๋ว
อารมณ์ในฉากซึ้งๆ นี้ยังไม่นับการดูแบบมาราธอนข้ามวันข้ามคืน อีกนะเออ
ช่างเป็นซีรีย์ที่อำนวยความเป็นอุปสรรคทั้งในแง่วิธีคิด มุมมองและในบางมุมที่อาจทรมาน
ทางสายตา มิน่าละซีรีย์เรื่องนี้ ถึงต้องย้ำประโยคแห่งความเป็นพระเจ้าบ่อยครั้งนักว่า



God only gives us challenges ,So we can overcome them

(พระเจ้าสร้างอุปสรรค เพื่อให้เราก้าวผ่านมันไปนั่นเอง)........




ข้อมูลมากมายจาก

MamLHC@bloggang
wikidrama
wikipedia
รายการชวนคิดชวนคุย
และ//jdramas.wordpress.com


Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 18 มกราคม 2556 19:58:41 น. 30 comments
Counter : 3778 Pageviews.

 
555ขำจขบ.เคยบอกว่าอย่าโยงซีรีส์ไปเกี่ยวกับการเมือง(จากKarei Naru )
แล้วไหงเรื่องนี้แค่อารัมภบทก็โยงเข้าไปเต็มๆอย่างนั้นล่ะคะ

คุณหมอโองาตะนี้ ตัวจริงเป็นปรมาจารย์ด้านฟิสิกส์เชียวเหรอคะ
ตอนเห็นตัวละครนี้ครั้งแรก นึกว่าเป็นอาจารย์จากสำนักเส้าหลินมาเอง
ด้วยรูปร่างที่ทำให้นึกถึงคนฝึกมวยจีน หรือคาราเต้ ไม่ได้นึกถึงผู้คงแก่เรียนเลยนะคะ

ถ้าถามว่าเรื่องนี้ใครแสดงได้ขึ้นหิ้งที่สุดก็ขอยกให้Miki Nakatani
เธอแสดงเป็นนางโลมโนะคาเสะได้อย่างน่าทึ่งจริงๆเหมือนอย่างที่จขบ.
บอกไว้เลยว่าท่าเล่นหูเล่นตากับชายๆ ทำให้ชายหลงเสน่ห์ได้
เธอแสดงได้เก่งมากๆ ทั้งสีหน้า ทั้งท่าทาง ท่าชม้ายตา เหยียดปาก
ดูมีจริตจะก้าน จนรู้สึกได้เลยว่า เธอคงได้รับการฝึกมาให้มีจริตแบบนั้น
มองภาพเห็นเลยว่านางโลมระดับTopสมัยนั้น คงเป็นแบบนี้นะเอง
แต่เอ่อ! ไอ้โรคที่ได้เป็นของแถมจากสำนักนางโลมน่าจะเป็นกามโรคนะคะ
ไม่น่าจะใช่โรคห่า(อหิวาตกโรค) ขอแย้งติ๊ดหนึ่งนะคะ

ตัวจริงของท่านซาคาโมโต้ เรียวมะนี้ อ.สุวินัยบอกหรือเปล่าคะว่ามีบุคลิกล้นๆต๊องๆ
เพราะเรื่องอัตสึฮิเมะ ท่านจิ๊(ทามากิ ฮิโรชิ)แสดงก็ล้นๆต๊องๆอย่างนี้เหมือนกันค่ะ
แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าตาUchino Masaakiเคยแสดงเป็นพี่ชายของทาคุยะในLove Gen
ตอนดูหมอจินนี้แบบนึกไม่ออกเลยค่ะ

อ้าว! เรื่องนี้Miki Nakatani ไม่ได้รางวัลหรอกเหรอคะ
ส่วนตัวแล้วคิดว่าเธอแสดงได้ดีที่สุดนะนี่ ส่วนOsawa Takao ที่แสดงเป็นหมอจิน
บอกได้เลยว่าแสดงได้ไม่ประทับใจเลย ดูแล้วเหมือนเค้นๆอารมณ์ยังไงก็ไม่รู้
ดูแล้วหน้าตาบิดเบี้ยวไปหมด ส่วนฮารุกะ ฮายาเสะเธอแสดงได้เป็นธรรมชาติดีค่ะ
ไม่ต้องบีบเค้นให้หน้าตาหมดสวย แค่แสดงได้ลื่นไหลไปตามบท
เธอก็สอบผ่านแล้วค่ะ ไม่กังขาที่ได้รางวัล

มีการเฉลยบุคคลปริศนาหัวเละว่าเป็นหมอจินค่ะ
จากหนังสือการ์ตูนเล่มที่4หรือ6 ไม่แน่ใจนะคะ
เคยอ่านที่คุณmomo lawleit เคยบอกไว้ค่ะ

ส่วนต่อไปคือความรู้สึกส่วนตัวหลังดูซีรีส์เรื่องนี้จบคือ
เหมือนเป็นหนังที่ปลุกความรักชาติ
เสียสละเพื่อชาติยังไงไม่รู้
ตอนนี้ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องนี้อยู่หรือเปล่าคะ ไม่น่าเชื่อ
หรือว่ากำลังถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมเกาหลี เดามั่วแล้วเรา
ดูเรื่องนี้แล้วไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมสักเท่าไหร่
บทหนังเหมือนจะอ่อนไป ความสมเหตุสมผลในหนัง
ดูไม่ค่อยจะสอดรับกันสักเท่าไหร่ ทำให้ดูแล้วไม่สนุกเท่าที่ควร
สรุป เรื่องนี้ดูได้เอาเพลินแต่ไม่ประทับใจค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.5.38 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:25:45 น.  

 
เราชอบเรื่องนี้เพราะมันเป็นปรัชญา ตัวเรื่องมักจะเล่นประเด็นอดีต ปัจจุบัน อนาคตเสมอ หมอจินมักจะสงสัยอยู่เรื่อยว่าสิ่งที่ทำจะกระทบจะเปลี่ยนอนาคตไปอย่างไร เพราะ ทุกสิ่งเชื่อมโยงถึงกัน แต่แล้วก็บรรลุว่า "ชีวิตคือการอยู่กับปัจจบัน" ดังนั้นจึงเป็นอิสระจากกาลเวลาในที่สุด

ซากาโมโตะ เรียวมะ ไม่น่าเชื่อว่าชายคนนี้คือหนึ่งในผู้นำที่เปลี่ยนญี่ปุ่นจนมาถึงทุกวันนี้ ถ้าอยากรู้จักซากาโมโตะ เรียวมะ ในประวัติศาสตร์ แนะนำให้ดู Ryomaden ไทงะดราม่าจาก NHK ค่ะ (ฟุกุยาม่า มาซาฮารุ รับบท เรียวมะ)





โดย: วรินทร์รตา วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:55:14 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากครับ แต่เสียดายฉบับการ์ตูนที่ออกช้าเป็นเต่าคลาน (กลัวโดนลอยแพมากเลย) T^T


โดย: Mokukunf IP: 180.180.92.235 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:34:07 น.  

 
เป็นสันติวิธีประกาศหนึ่งนะท่าน
แต่ไหนๆ ก็ต้องเขียนแล้ว สู้โนงโดยยกซีรีย์
ให้เห็นภาพดีกว่า ต้องไปจะเข้าจะออกโรงพยาบาล
จะได้รู้สึกผิดชอบชั่วดีกันสักหน่ยอ

ขอตอบเป็นท่อนๆนะขอรับ
แบบว่าเื่มื่อกี้ตอบยาว แต่โพสต์ไม่ผ่าน
ข้อความหายไปหมดเลย

เห็นด้วยทุกประการตามที่ท่านมะนาวว่าไว้
ความไม่สนุกของเรือง คงด้วยการไม่ตามขนบในสูตรวิธี
อีกทั้ง ซีรีย์เรื่องประวัติศาสตร์ในฐานที่คนดูไทยๆ
มันก็น่าจะซึมได้ยาก พล็อกที่ที่กล่าวแต่ประโยคซ้ำ
นายโอซาวา ได้รางวัลก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร
เพราะต้องเเบกรับการเล่าเรื่องตลอดทุกตอน
แต่ถ้าให้เลือกระหว่างมิกิกับอายาเซะ
ผู้เขียนว่าให้อายาเซะตกไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะบทบาทการแสดงเช่นนี้ มันนอนมาชัดๆ
ส่วนใครได้รู้ไหม ผู้เขียนไปค้นมาแล้ว
เป็นเด็กน้อยน่าใส ชิดะ มิราอิจากซีรีย
เรื่องShokojo Seira
หรือที่ท่าน MamLHC เคยรีวิวไว้ในซินเดอร์เรล่าฉบับญี่ปุ่น
อันนี้ไม่เคยดู เลยไม่กล้ายืนยันว่าดีไม่ดี
ลองไปถามท่านแหม่มดูละกันน้อ
แล้วแจ้งมาบอกข่าวด้วยน้อ
แต่ทำให้จินมีช่องโป๋จากรางวัลใหญ่ไปหน่งรางวัล
เสียสถาบัน TDAA เหลือเกิน

ส่วนบทเฉลย อย่าบอกนะพี่น้อง
แบบว่า คงลุ้นไปตามทฤษฏีดีกว่า
เผื่อถูกจะได้ยกย่องว่าพ่อหมอคนใหม่ของวงการ
แต่ถ้าผิด จะได้รีบลบประโยคนั่นทิ้งทันที

แต่ถือเป็นเสียงแรกที่ได้ยินว่าไม่ประทับใจนะท่าน
ถือเป็นเด็กแนวมากๆ แถมยังหวงกินหนีไปเฉยสักงั้น

กระแสรักชาติ สำหรับซีรีย์ญีปุ่นยังไม่ชัดเจน
แต่ก็เริ่มปริ่มออกมา จาก karen naru และหมอจิน
แต่เข้าใจในกาละของการนำเสนอด้วย
ซึ่งหลีกเลี่ยง ความเป็นรัฐชาติเชิงเปรียบเทียบไม่ได้
ยิ่งดาราขาใหญ่จะกลับมาเล่นรักกุ๊กกิก
หรือสหอาชีพ คงเป็นเรื่องยาก
หรือกำลังเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน อันนี้ไม่เเน่ใจ
คงต้องตามดู แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นคงแย่นะครับ
เพิ่งดูหนังเกาหลีเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยตราสาสน์ราชสำนักที่
ส่งผลต่อการยอมแพ้สงครามกับกองทัพญี่ปุ่น
ถ้าเป็นหนังสือคงสนุก แต่พอเป็นหนัง
อันนี้รับไ่ม่ได้เลย สร้างคู่ขัดแย้งให้กลับมาคืนชีพ
ไม่รุ้จะรื้อฟืนหาตะเข็บอีกทำไมกัน

และสุดท้าย ผู้เขียนก็มาตกม้าตาย(ด้วยโรค)ห่า
จริงๆด้วยแหละ ฟังท่านต่อพงษ์เล่า
ก็เลยไมไ่ด้วิเคราะห์ ความจริงก็ขัดๆในใจอยู่
ด้วยเมื่อก่อนพ่อแม่มักขู่ไม่ให้เที่ยวกลางคืน
เพราะหนูๆ มันจะปล่อยวัณโรคเข้าตัว
กว่าจะรู้ไปอีกทาง ก็โตย่ำเปแล้วละท่านมะนาวเอย


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:39:26 น.  

 
เฉลยเรื่องคนไข้ปริศนาอยู่ในเล่ม 6 ค่ะ
รู้แล้วอาจจะงงกันใหญ่ ..อย่างที่คุณสงสัย

ความจริงเรื่องนี้เป็นซีรี่ย์ทำจากการ์ตูนที่ทำได้ดีเรื่องนึงนะคะ
เพราะส่วนของซีรี่ย์ดัดแปลงในส่วนที่สำคัญมาก
คือเรื่องมิกิกับโนคาเสะ ซึ่งในการ์ตูนไม่มีเรื่องเขื่อนไขนี้ค่ะ
แต่คิดว่าเป็นเพราะทำเป็นซีรี่ย์มีเวลาจำกัดแค่ 11-12 ตอน เลยต้องหาจุดไคลแม็กซ์หน่อย
เพราะในการ์ตูนก็รักษาไปเรื่อยๆ มีเกือบหลุดมิติบ้าง
เจอคนดังในประวัติศาสตร์ไปเรื่อยๆ
และบทโนคาเสะก็ยังวนเวียนอยู่ เรื่อยๆ

ส่วนเคสต่างๆก็เป็นไปตามการ์ตูนค่ะ
มีรวบๆบางส่วน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องดูขาดหาย
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในซีรี่ย์(ที่ต้องกระชับและเร็ว)
บางอย่างเราชอบมากกว่าในการ์ตูนค่ะ
ทั้งความรู้สึกของตัวละครชัดเจนขึ้น
บทหลายๆบทเยอะขึ้น เช่น บทของเรียวมะ
ในการ์ตูนนานๆโผล่มาที
แต่หลังจากนี้ไป ถ้าจะทำตามการ์ตูนคงต้องแปลงบทกันอีกล่ะค่ะ
ไม่รู้ทีมงานจะเอายังไงต่อ

ส่วนเรื่องผู้เล่น
ทีแรกที่นึกไว้ หมอจิน นี่นึกถึงยูทากะ ทาเคโนะอุจิเลยค่ะ
เพราะภาพและวัยใกล้เคียงกับในการ์ตูนมาก
ตอนแรกก็คิดว่าคุณโอซาวะ ไม่ค่อยเหมาะ
เพราะอาจจะด้วยวัยที่มากเกินบทไปหน่อย
แต่พอได้ดูจริงๆกลับชอบค่ะ(แอบมากเลยด้วยซ้ำ เหอๆๆ)
ชอบมากกว่าจินในการ์ตูน ที่ชอบมาแต่เดิมอยู่แล้วซะอีก
ดูมีมุมงงๆ เอ๋อๆ เลยรู้สึกว่าน่ารักกว่าจินหนวดในมังงะนิดหน่อย

แต่เรื่องนี้โดยรวมก็ค่อนข้างประทับใจค่ะ
แอบลุ้นอยากให้ติดโพลซีรี่ย์แห่งปีห้องซากุระด้วย


โดย: momo lawleit IP: 180.180.40.175 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:18:32 น.  

 
คุณChanpanakrit หลังไมค์ ด่วนค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.57.159 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:22:21 น.  

 
อย่างไรก็แสดงการขอบคุณก่อนนะขอรับ
สำหรับหลังไมค์ ไม่ได้ท่านมะนาวฯมีแย่แน่เลย
แต่ความรู้เรื่องโลกาพยาธิของท่านมะนาวฯ
นี้แจ่มจรัสเชียว แต่ทำไมรู้ดีแสดงว่าต้องเป็นคนมั่น
รักษาสุขภาพแน่เลย เห็นเล่าว่ามีแพทย์ผู้รับคำปรึกษาส่วนตัวเสียด้วย

ตัวเหม็นนั้นมิใช่ปัญหา เพราะว่า
กลิ่นทางนี้โปะแป้งตรางูเรียบร้อย
จะกลัวก็โรคเจ้าอัลไซเมอร์ ที่หวังว่าคง
ไม่ระบาดหนัก จนมากระทบตัวผู้เขียนที่ช่วง
นี้มีอาการป้ำๆเป้อๆ
เห็นทีต้องอับเดทโปรแกรมไวรัสเสียหน่อยแล้ว

ถ้าอายุยังไม่ถึงฆาต ท่านมะนาวฯ
ก็ไม่น่าจะเป็นกังวลให้ต้องมาrepeatตัวเองเลย
ลองหันมานั่งสมาธิ ทำจิตให้ว่าง
เพื่อเป็นการชาร์ตพลัง ถ้าตอบแบบซีรีย์
อย่าง Mr.Brain บอกว่าไว้ ไฮเปอร์ทาลามัส
อาจตอบสนองไม่เต็มประสิทธิภาพ
ตอบจากซีรีย์ ๑ litre of tear ก็ไม่แน่นะ
อายะเองก็ยังเล็กนัก
แต่นั้นมันเป็นโรค สไปโนเซระเบลลาร์ อาแท็กเซีย
งั้นประเด็นนี้คงต้องไป เพราะมันเป็นโรคทางกล้ามเนื้อ
หรือจะอย่างมิกิ จากซีรีย์หมอจินเลย
เนื้องอกทับก้านสมอง แต่ท่านมะนาวฯไม่มี
อาการปวดหัวนิ งั้นก็คงไม่ใช่
หรือว่า แบบที่เพิ่งได้ดูแต่ดูไม่จบ
จากซีรีย์หมอโกโตะสอง ที่เมียท่านปลัดอำเภอ
เป็นโรคความจำเสื่อม แต่นั่น
เขาต้องมีการพึ่งพายาพาราเซตามอลก่อน
อาการจะพัฒนาข้ามไปอีกทาง

เอาเป็นว่า ไม่รู้ละกันเพราะผู้เขียนยังเอาตัวไม่่รอดเลย
แต่คุยกับเพื่อนแล้วจำเืรื่องที่พูดไม่ได้
อันนี้ไม่เคยนะ อาจเป็นได้ว่าสัพเพเหระไม่มีแก่นประเด็น
อย่างนี้ต้องยุให้เขียนบล็อก จะได้เป็นการ
พัฒนาการประเมินผล เพราะการจะเขียนซีรีย์สักเรื่อง
มันต้องย้อนลำดับตั้งแต่ตอนหนึ่ง
ถึงตอนสุดท้าย เวลาไล่เรียงดาราก็ต้องมั่น
แสวงหาความทรงจำเก่าๆค่อนข้างมาก

แต่ถ้าเลือกสายกิน ก็ไล่นึกเอาหนึ่ง สอง สาม
ว่าเช้านี้กินอะไรบ้าง บ่ายกินอะไรจุกจิกแค่ไหน
ค่ำนี้วางแผนจะกินอะไร
บางทีอาจจะช่วยได้ ที่พูดมาประชดนะครับ
ความจริงเชื่อว่า ไปสร้างกิจกรรมที่รัดตัว
เกินสัดส่วนของพลังงานร่างกายจะรับไหว
หาน้ำตาลมาบำรุงสมองเสียบ้าง นอนให้พอ
กาแฟเขาว่าช่วยได้นะ เห็นหลายสำนักรับรอง ไม่ก็หัดมาเล่นโชโดกุเอาสิ


็Hana and Alice รับรองว่าท่านมะนาวฯต้องชอบ
ถ้าไม่ชอบเอาไปเลยห้าบาท
ถ้าชอบ Love Letter แล้วไม่ชอบเรื่องนี้
ผิดหลักการก้าวเป็นสาวกชุนอิ อิวาอิเขานะ
ต่อไปจะมีหน้าไปดูซ้ำ Love Letterได้เหรอ
ดูแล้วจะวิ่งแจ้นไปหางานอื่นๆของผู้กำกับท่านนี้ไม่ทันเอาน๊า

แต่ไม่ลืมมั่นเยี่ยมบล็อกนี้ทุกวัน
ก็เป็นอันใช่ได้แล้ว ได้เรตติ้งวันละคลิ๊กทุกวัน
แค่นี้ก็เป็นพระคุณแล้วละ
คิดดูสิ คนเราถ้าแขนขาแต่ใจไม่ขาดหาย
ก็ยังมีมือมีเท้ามาช่วยคลิ๊กได้
แต่ถ้าถึงมีมือมีไม้พร้อม แต่ใจไม่ยอม
มันก็เป็นความว่างเปล่าก็เท่านั้นแล

เพ้อเจ้อแล้ว ไปนอนดีกว่า


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:53:49 น.  

 
แป้งตรางูนี้ จะบอกว่ามะนาวไม่เคยใช้มาก่อน
มีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยเป็นนักศึกษา ไปเที่ยวตจว.กับเพื่อนๆ
แล้วเนื่องจากไปกันหลายคน ก็ต้องต่อคิวกันอาบน้ำ
รีบอาบ รีบเช็ดตัว ตัวก็ยังหมาดๆอยู่ เพื่อนส่งแป้งตรางูมาให้
ก็ไม่รู้ ชะโลมใหญ่เลย แบบมะนาวชุบแป้งทอด
แล้วได้เรื่องร้องจ๊ากลั่นบ้านเลย ว๊ากเพื่อนทำไมเป็นอย่างนี้
โอ๊ย! ไม่อยากจะบอกว่าหัวเราะกันจนหน้าตาแดงก่ำไปหมด
หลาบค่ะ อีนี่อิชั้นไม่เอาอีกแล้ว 555นึกแล้วยังขำอยู่เลย
ปกติมะนาวใช้แต่แป้งNew Born ไม่เคยใช้ยี่ห้ออื่นค่ะ

อื่อ!บอกว่ากลัวAlzheimer กระเด็นมาโดน
แล้วตอนนี้คนที่มีอาการน่ะมันใช่มะนาวซะที่ไหน
แล้วดูซิพูดเสียใหญ่โตเลย โยงไปโรคโน้นโรคนี้
ตอนนี้มะนาวรู้แล้วว่าปัจจัย3 ข้อนั้น คุณChanpanakrit
อยู่ข้อไหน ฮีอ ฮีอ อยากเอาหัวโขกโต๊ะสัก3 ที
เผื่อคนบางคนในนี้จะสนใจอ่านละเอียดขึ้นบ้าง

จะบอกให้ว่าSpinocerebellar ataxia
เป็นโรคทางสมองเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่โรคทางกล้ามเนื้อ
เป็นกลุ่มอาการสมองน้อยฝ่อ ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม
ที่ทำให้สมองส่วนหลังที่เรียกว่า cerebellum ค่อยๆฝ่อลง
ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวและการกะระยะต่างๆค่ะ

แล้วก็กลับมาเรื่องเขียนบล็อกจนได้
รู้แหละว่ามันดี ตอนนี้ก็นอนเที่ยงคืนอยู่แล้ว
ถ้าเขียนบล็อก มิต้องนอนตี2 ตี3 หรอกเหรอ
ที่นี้ได้เป็นมะนาวตากแห้งแหงมๆ

แนะนำกินกาแฟนี้ แนะนำผิดคนแล้วค่า
คนอื่นอาจทำให้สมองเกิดการตื่นตัว
แต่มะนาวบ่ใช่ มันจะกลายเป็น Caffeine Intoxicationแทนค่ะ
ทีนี้ไม่เป็นอันทำอะไร หมดสภาพไปเลยค่ะ
ส่วนโซโดกุน่าสน ท่าทางเล่นกับตัวเลขน่าสนุกดีนะคะ

ปล.1 แปะลิงค์Hana & Alice ให้มะนาวด้วยนะคะ
ถ้าดูแล้วไม่ชอบน่ะให้5บาทพอซะที่ไหน ซื้อมาตั้ง69บาทค่ะ

ปล.2มีหลังไมค์ด้วยนะค่า


โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.1.20 วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:26:03 น.  

 
การได้เกิดมาชาติหนึ่งแล้วไม่ได้ทราบซึ้ง
กับแป้งตรางู เป็นเรื่องที่น่าเสียดายส่วนหนึ่งของ
ชีวิตมากๆเลยนะท่านมะนาวเพคะ
ยิ่งการได้แป้งเย็นตรางู ผลิตภัณฑ์ที่คนอังกฤษ
คอ่นประเทศอาจไม่รู้จัก

เพราะมันเป็นสรรพคุณของเจ้าจักรวรรดิ์นิยม
ที่รังสรรค์ให้แก่ประเทศในโลกอาณัติของความเป็น
ประเทศกึ่งเมืองขึ้นแถบโซนเส้นศูนย์สูตร
อย่างอุษาคเนย์อย่างเราๆท่านๆ
ยิ่งเวลาได้แป้งตรางูที่ผ่านการสะสมความเย็นอย่างทวีคูณ
ผ่านช่องแชร์แข็งด้วยแล้ว
ปฎิกิริยาของ Talc ,Kaolin,Camphor และ
Menthol สัมผัสตัวแล้ว มันช่างสดชื่นอย่างไทยๆ

แม้ประสบการณ์ชีวิตของท่านมะนาวฯ
อาจจะเจอมรสุมของแป้งตรางู
อย่างไม่คาดฝัน อันนี้ต้องขอแสดงความเสียใจ
ไว้ย้อน แต่แสดงความสะใจในภายภาคนี้
เพื่อนแกล้งแสดงว่าเพื่อนรัก
แต่ถ้าแกล้งอย่างในซีรีย์เรื่องlife
อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะดำรงในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขนะขอรับ

ได้คุยกับท่านมะนาวเพคะ
เหมือนได้สนทนากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข
หรือไม่ก็เจ้ากระทรวงวิทยาศาสตร์อย่างไงอย่างนั้น
ศัพท์แสงแสลงเด็กศิลป์นี้เยอะแยะเต็มไปด้วย
แต่เจ้า Spinocerebellar ataxia เทียบเคียง
อาการของท่านมะนาวฯก็เข้าข่ายน้องอายะ
อยู่ไม่น้อย
แต่ถ้าติดตามในซีรีย์ จะพอรู้ว่าระยะหลังๆ
เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับ
แต่ท่านมะนาวฯยังคงหนักไปทางกินเก่งถึงเก่งมาก
มากพอนำเพื่อนมาร่วมโซ้ยสักอิ่มแปล้
ข้อสมมติฐานนี้ก็ตกไปโดยปริยาย
แถมยังชอบหาเล่นเกมส์สนุกๆ ไม่มีอาจซึมเศร้า
เข้าข่ายกำลังวังชา สมบูรณ์แข็งแรง
ก็สรุปได้ว่า วิตกเกินเหตุเสียมากกว่า
แถมรสนิยมการใช้ชีวิต คงเรียกท่านมะนาวบ้านๆ
คงไม่ได้สักด้วยสิ

ยิ่งยาสลบคงใช้ไม่ไ้ด้ผล จะล่อลวงท่านมะนาวฯ
คงต้องปกด้วยกากกาแฟ ถึงจะสิ้นฤทธิ์
ผู้เขียนชอบทานกาแฟเป็นอาจิณ
บางทีกินต่างน้ำ หรือไม่ได้ืทานแล้วสมองมีไว้หนักหัวสักงั้น
ไม่ได้ออกฤทธิ์ออกชาติแบบกระตุ้นวังชา
ยิ่งเวลาเขียนบล็อก
ต้องพึ่งพามันเป็นพิเศษ
รู้ไหม ปั่นบล็อกให้ท่านมะนาวได้ร่วมแชร์
หมดกาแฟไปตั้งกี่แก้วแล้วอะนะ

แต่ความจำของท่านมะนาวฯคงไม่เหมือนกันใน
หนังเรื่อง Momento นะขอรับ
ไอ้นั้นรู้สึกจะชื่อกาย เพียส พี่แกต้องจดต้องสัก
เพื่อกันการลืม ไม่รู้โลกแห่งความเป็นจริง
จะมีคนเช่นนี้จริงๆอะป่าวน้อ

hana and alice มันไม่ีมีพล็อตมีโครง
ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ชอบตรงจุดนี้
หนังเขาใช้อารมณ์สัมผัส แม้กระนั้น
ก็ทำให้มะนาวฯท่านนี้ มีรสหวานอยู่ในใจได้อยู่แล้วเชื่อสิ
แต่ซื้อมาถูก ห้าบาทคงไม่ได้แล้ว
เอาเป็นห้าสิบตังค์ตามอัตราส่วนไปก่อนอะกัน
แต่ท่านมะนาวฯไปหาได้จากที่ไหนเหรอ
เพราะที่บอกไว้ เพียงแค่ว่าได้เกาหลีมาคนละเรื่อง





โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:32:55 น.  

 
กรี๊ด กรี๊ด หมอจินเท่มากค่ะ ในHana & Alice
แต่เอ๊!ทำไมน้องหนูเรียวโกะ บอกว่าแอบดูกางเกงในน้องยู
ถ้าอย่างนั้นต้องลดคะแนนความเท่ลงครึ่งหนึ่งฐานแอบจิต หุ หุ

โอ๊ะ โอ่ มีคนแอบสะใจด้วย ที่ข้าเจ้าถูกแกล้ง
อย่างนี้ไม่รู้เคยได้ยินหรือเปล่าที่ว่าหัวเราะทีหลังดังกว่าน่ะ
แล้วซีรีส์เรื่องLife เนื้อเรื่องเป็นอย่างไรเหรอคะ น่าดูไหมคะ

555 กลับมาอีกแล้วเรื่องขนม เชื่อแล้วว่าไม่ลืมจริงๆ
แล้วก็ใช้แค่กากกาแฟเองเหรอคะ ไม่ยอมลงทุนสักหน่อยเหรอ
เผื่อไม่ได้ผลด้านCaffeine Intoxicationขึ้นมา
คนโปะจะหัวแตกเอาน่ะหนา

เรื่องMemento ไม่เคยดูค่ะ แต่มะนาวว่าการจดโน้ต ฟื้นความทรงจำนี้
เป็นเรื่องที่ใช้ได้ดีทีเดียวนะคะ เพราะตอนมะนาวเริ่มฟื้นฟูความทรงจำใหม่ๆนี้
ใช้วิธีจดทุกอย่างค่ะ มีกระดาษโน้ตติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลาเลยค่ะ
ประมาณเดือนหนึ่ง ก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ

555ขำ บอกว่าให้ 5บาทมากไปให้แค่ 50สตางค์ก็พอ ใจดีจิงจิ๊ง
มะนาวซื้อเรื่องHana & Aliceนี้ที่Central ปิ่นเกล้าค่ะ แต่จำชื่อร้านไม่ได้แล้วนะคะ
รู้แต่ว่าอยู่ชั้นหนึ่ง เยื้องๆกับร้านแมงป่องน่ะค่ะ
จริงๆแล้วมะนาวได้มาหลายเรื่องนะคะทั้งWater Boys, Air Doll และ
Waiting in the Dark ค่ะ

มีเรื่องตลกเล่าให้ฟังค่ะ
วันนี้มะนาวเจอประสบการณ์ปรี๊ดแตก
และได้เล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง ขณะกำลังเล่าอย่างออกรส
ธุรการเดินผ่านมา เพื่อนหันไปบอกว่า "สั่งปืนให้กระบอกหนึ่ง"
ธุรการถามว่า เอามาทำไม
เพื่อนบอกว่าเอามาให้มะนาว
555หัวเราะขำกลิ้งอยู่ตรงนั้น
ช่างหามุกมาเบรคอารมณ์ได้ดีแท้
ฮาครืนกันทั้งกลุ่ม เล่าต่อไม่ออก ต้องจบลงดื้อๆ

ปล.พรุ่งนี้มะนาวจะเข้ามาคุยหลัง 3ทุ่มนะคะ
เพื่อนนัดทานข้าว ถ้าไม่ไปจะถูกอัปเปหิออกจากกลุ่มแล้วค่ะ
(หุ หุ ต้องมีคนบอกว่ามัวแต่ห่วงกินแน่นอน)

อ้อ! คุณChanpanakrit ยังไม่ได้แปะลิงค์Hana & Alice ให้มะนาวเลยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.90.65 วันที่: 11 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:37:01 น.  

 
จะเรียกหมอจินสักทีเดียวก็ไม่ถนัดนัก
แต่ ลุงโอซาวาแกเล่นเรื่องนี้
มากว่าห้าถึงหกปีแล้ว
ท่านมะนาวฯก็เจอฉากเท่ห์ๆของแก
ใน Goemon มาแล้วนี้ละ
ก็ไอ้เจ้านินจาซาโซะ
แต่ไงไปตกบ่อที่จริงๆแล้ว
มันควรเป็นจุดจบของจอมโจรโกเอมอนต่างหาก
แถมเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน
จากปรมาจารย์ฮาโตริ ฮันโซ
แต่ท่านมะนาวฯก็ลามกไม่หยอก
พอๆกับความคิดทะลึ่งของป้าเรียวโกะ
ที่ไม่ยอมมาตั้งตาดู บัลเลย์บนรองเท้ากระดาษ

แต่อันนี้ผู้เขียนยืนยัน ว่าชุนอิ เขาเป็นผู้กำกับที่
เก่งจริง ผู้เขียนกรอกดูซ้ำหลายรอบแล้ว
ไม่เห็นมุมอย่างที่ท่านว่า แ้ม้ช่องตะเข็บ

Momento เป็นหนังไฟท์บังคับ
ที่ยอดนักดูแห่งปี ๙๐ ไม่ควรพลาด
ไอ้นี้จำได้เลยว่า
ไปเอามาจาก ร้อยอันดับต้องดูในปี ๙๐
ที่ starpics จัดมาให้ แล้วก็ดีอย่างที่เขาว่า
ร้อยละเก้าสิบเลยละ
ถือเป็นปิดเทอมหน้าร้อน ที่ไล่หน้งเหล่านี้
จนเป็นหน้าร้อนแห่งความสุขโดยปริยายเชียว
ผู้กำักับ Momento ก็เป็นผู้กำกับ
แบ็คแมนดาร์กไนท์ คริสโตเฟอร์ โนแลนไงท่าน
ตอนนั้นทำหนังทุนต่ำ แต่เสียงเล่าลือ
กระฉ่อนนักแล

Air Doll ออกเป็นวีดีโอแล้วเหรอครับ
ส่วนเจ้า Waiting in the Dark นี้เป็นหนังญี่ปุ่นรึเปล่า
ชื่อน่าสมใจ แต่อย่างไรขอดู k 20 ก่อนนะขอรับ
เพิ่งรู้ว่ามีหนังดีแต่ไม่เคยเอามาดูเอาสักเลย
แอ็คชั่นฮาได้ใจดีเหมือนกัน


มุขสั่งปืนสักกระบอก นี้ไม่เก็กอะท่าน
อย่างไงช่วยจี้เอวแทนได้ไหมขอรับ


สำนวนไทยนี้ไม่เคยตกยุคเลยนะครับ
เพื่อนกินหาง่าย แต่ระวังนะขอรับ
เพื่อนจ่ายนั่นหายากนักแล
คิดๆไปแล้ว หาเพื่อนกินข้าวนี้อยากไซร้
แต่เพื่อนกินเหล้านี้ หนีไปไหนก็เจอทุกทีเลย

ลิงค์ Hana and Alice ก็
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chanpanakrit&date=11-04-2010&group=3&gblog=66


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:15:12 น.  

 
555ขำ น้องหนูเรียวโกะ ถูกลดชั้นเป็นป้าเรียวโกะ
เชื่อแล้วว่าน้องยูเค้าแรงจริงๆ แสดงว่าคุณChanpanakrit
ก็เจอฉากพิฆาตหนุ่มของน้องยูเข้าไปเต็มๆเหมือนกันสินะคะ 555ป้าเรียวโกะ
แล้วที่กรอดูหลายรอบนี้ บอกว่าจะหามุมนั้น
แสดงว่าอยากเห็นเหมือนกันซิใช่ม๊า
เอ๊! เหมือนตัวลามกจะลอยผ่านหน้าไปหาใครแว๊บๆ อย่างนั้นแหละ

ทำไมเรื่องMemento ถึงไม่มีใครเขียนถึงเลยล่ะคะ
หรือว่ามันเก่าไป แล้วถ้าอย่างนั้น
จะยังหาซื้อได้อยู่ไหมนี่
เสียดายจังไม่รู้มาก่อน
ไม่อย่างนั้นวันไปCentral จะได้ไปหาดูมาด้วบ

ส่วนWaiting in the Dark เป็นหนังญี่ปุ่นค่ะ
เป็นเรื่องของสาวน้อยตาบอดที่ต้องอยู่คนเดียว
กับเด็กหนุ่มที่หลบหนีการจับกุมของตำรวจ
แล้วได้มาแอบซ่อนตัวที่บ้านของนางเอก
ด้านหลังปกโปรยว่าเป็นเรื่องรักโรแมนติค
มะนาวเพิ่งดูไปได้กระจิ๊ดเดียวเอง
เลยไม่รู้ว่าโรแมนติคหรือเปล่า
เรื่องนี้มะนาวเหมือนเคยอ่านเจอว่ามีคนแนะนำในเฉลิมไทยนี่ล่ะค่ะ

ส่วน K-20 คุณChanpanakrit บอกว่ายังไม่ได้ดูเลยเหรอคะ
อืม!น่าแปลก มะนาวว่าเป็นหนังที่สนุกดี
แม้เนื้อเรื่องไม่ได้แปลกใหม่
ตอนปูพื้นช่วงแรกมีแอบสัปหงกบ้าง อืดไปหน่อยค่ะ
แต่พอพระเอกเริ่มเก่ง มีลูกเล่นแล้ว หนังก็เริ่มสนุก
ชอบท่านหญิงโยโกะ ฮาชิบะ ที่ทาคาโกะ มัตสึแสดง
ที่เป็นคุณนู้ คุณหนู แต่พอเจออีกด้านของเธอ แบบอืมม! Yes
ต้องอยางนี้ซิ อย่างที่เธอบอกว่า"ฉันก็แค่หญิงสาวจากตระกูลดี"
มีอยู่ฉากหนึ่งในเรื่องนี้ที่เรียกว่าหัวเราะเสียงดังมากเลยคือ
ฉากที่นางเอกอาบน้ำในอ่าง แล้วพระเอกวิ่งพรวดพราดเข้าไป
นางเอกลุกขึ้นมาต่อว่า แล้วภาพโคลสไปที่หน้าพระเอก
ที่เลือดกำเดาค่อยๆไหล โอ๊ย! ฮามาก 555 หัวเราะซะเสียงดังเลย
ดูเป็นมุกบ้านๆแต่ทำไม๊ ทำไม มันถึงเข้ากั๊น เข้ากัน กับฉากนี้
แถมได้ฮาต่ออีกรอบตอนที่คิคูโกะ ภรรยายของเกนจิ ต่อว่า
ว่า"ทุเรศ ยังจะเลือดกำเดาไหลอีก โตๆกันแล้ว"
555จี้ดีเพราะเกนจิก็เลือดกำเดาไหลเหมือนกัน
โดยรวมแล้วมะนาวว่าเป็นหนังที่ดูได้สนุกดีนะคะ

ปล.1มะนาวไปเม้นต์Hana & Alice มาแล้วนะคะ

ปล.2 มีหลังไมค์ด้วยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 113.53.183.4 วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:22:59 น.  

 
เหมารวมสองคอมเมนต์ลงในที่เดียวเลยละักันนะขอรับ

อ่านโดยรวมแล้วแสดงว่าท่านมะนาวฯ
น่าจะชอบ hana and alice เข้าไปแล้วนะขอรับ
ไม่มาในแนวความรู้สึกแบบหมอจิน
ที่อาจสร้างศัตรูต่อความเห็นกับชาวห้้องซากุระเค้านะขอรับ
แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เพราะหัวข้อซีรีย์เรื่องนี้
มันได้ถูกหัวข้อล่าสุดอื่น แย่งพื้นที่ไปเรียบร้อยแล้ว
โดยเฉพาะซีรีย์ซ็อกต๊อก ที่มีคนมาอับเรื่องย่อแบบหลายวัน
มันเลยช่วยต่อชีวิต ความเป็นอันตรายของเราทั้งคู่ให้ลดทอนลง

แต่กว่าท่านมะนาวฯจะโผล่มาก็เสียดึก
ไอ้เราก็นึกว่าประมาณสามทุ่มครึ่ง
บังเอิญดีว่า เจ้านายไล่ให้กลับบ้านก่อนกำหนด
กลัวจะน้อยหน้าบริษัทอื่นที่เขาปล่อยคนให้กลับบ้านก่อน
เลยมีเวลามาตอบท่านมะนาวฯ
ที่มักจะมาตอนสองทุ่มนิดๆ
เพราะไม่งั้น ผู้เขียนก็อาจจะหายหน้า
เพราะไปติดแหง็ก ในถนนเส้นใดเส้นหนึ่ง
ของกรุงเทพก็ได้

ส่วนความรู้สึกของ hana and alice
คงไม่มีอะไรเหลือเเล้ว ก็อย่างที่โม้ในบล็อกนั้นแหละท่าน
ส่วนไอ้ คอนโทร คอนแทรช ไม่อยากคาดเดาใจคุณพี่อิวาอิ เขาหรอก
แต่การสร้างความขัดแย้ง ก็เป็นส่วนเติมเต็มรสชาติ
ให้หนังเรื่องนี้ดูแนวขึ้น
แต่สูตรนี้ ในหนังระยะหลังก็ไม่เห็นแกใช้เท่าไรนักเลยน้อท่าน
แม้แต่ april snow หรือ rainbow song ก็หนักไปทาง
การเล่าเรื่องชีวิตไปตามลำดับขั้นที่มี
ไม่แนวอย่างกับเรื่องนี้ ที่จะว่าไป
เอาสาระอะไรกับมันไม่ได้เลย ใช้ความรู้สึกล้วนๆ
ส่วนเพลงตอนจบไม่รู้เหมือนกัน
หาดูจากความเห็นท่านอื่นๆ เขาก็ไม่ได้วางไว้
อาจต้องหาอัลบั้มซาวด์แทร็ก อาจจะมีโผล่เป็นลำดับการณ์ ก็อาจเป็นไปได้

Waiting in the Dark อ่านจากเรื่องย่อ
และไปชมทริลเลอร์จาก youtube
ดูน่าสนุกดีเหมือนกัน ต้องหาโอกาสไปสอยมาบ้างแล้วละ


k 2o สำหรับผู้เขียนออกจะผิดคาด
นึกว่ามาแนวจริงจังแบบ returner หนังแอ็คชั่น
ที่เจ้าทาเคชิโนเล่น แล้วมีน้องฮานะในเรื่อง
เป็นเด็กติดสอยห้อยตาม
(แต่นั้นก็ห่วยเกินจะดูซ้ำ)
พอไม่จริงจัง มันกลับกลายเป็นสนุกแหะ
พล็อตเรื่องก็เเจ่มดีออก ว่าด้วยความไม่เท่าเทียมกัน
ระหว่างชนชั้นสูงกับชนชั้นล่าง
เหมือนที่บ้านเรากำลังฮึ่มๆในตอนนี้เลยละ



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:10:01 น.  

 
ก็ที่บ้านไปรับตอน3ทุ่มครึ่งแล้ว (ที่บ้านไม่อนุญาตให้ขับรถกลางคืนค่ะ)
แต่มะนาวก็กลับเป็นคนแรกเลยนะคะ
กว่าจะกลับถึงบ้าน กว่าจะอาบน้ำ
กว่าจะเข้ามาคุยก็เลยดึกหน่อยค่ะ
ตอนแรกมะนาวว่าจะไม่ไปแล้วเพราะมะนาวประชุมทั้งวัน
แล้วเจอแต่เรื่องไม่สบอารมณ์ทั้งนั้นเลย
อย่างตอนเช้ามะนาวประชุมของโปรเจคหนึ่งเป็นความร่วมมือไทย-สหรัฐ
เขาถอนเงินทุนบางส่วนออกจากพื้นที่กรุงเทพฯ
ทำให้ไม่สามารถจ้างเด็กเก็บข้อมูลนอกพื้นที่ได้
แล้วแทนที่จะยกเลิกโครงการนี้ไป
ผู้ใหญ่กลับให้พวกเราทำต่อ
จะทำเข้าไปได้หยั่งไง
งานในหน้าที่ก็ล้นมืออยู่แล้ว
แล้วจะให้เราตามไปเก็บข้อมูลนอกพื้นที่ได้อย่างไร
คืองานนี้ผู้ใหญ่ยังได้ค่าตอบแทนเหมือนเดิมก็เลยไม่ปล่อยมือ
มาบีบพวกเราแทน มะนาวล่ะหน่ายจริงๆ
พอตอนบ่ายไปประชุมอีกโปรเจคหนึ่ง
ที่ไปตั้งเป้ากับGlobal Fund ไว้เสียสูงลิ่ว
แล้วทำตามเป้าไม่ได้ เงินก็รับของเขามาแล้ว
โอ๊ย!ทีนี้แบบทำหยั่งไงก็ได้ ต้องหาcaseเข้าโครงการให้พอให้ได้
แล้วโชคร้ายจริงๆ พื้นที่เป้าหมายเกิดมีหน่วยงานของมะนาวอยู่ด้วย
แล้วเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับของอีกหน่วยงานหนึ่ง
แล้วมิต้องแย่งcase กันอุตลุดหรอกเหรอ โอ๊ย!จะบ้า
เครียดค่ะ เครียดจริงๆ มะนาวเดินหน้าตูบออกมาจากที่ประชุม
พี่ๆเข้ามาปลอบบอกมะนาวใจเย็นๆ มันเย็นไม่ไหวแล้วค่ะ
เจอ2 เรื่องนี้เข้า มะนาวเข้าใจเลยที่พี่เขาวิ่งไปกรี๊ดบนดาดฟ้า
อยากทำบ้าง มะนาวขอโทษนะคะที่เหมือนมาระบายกับคุณChanpanakrit
คือมะนาวอัดอั้นตันใจจริงๆค่ะ คุณChanpanakrit อ่านข้ามๆไปก็ได้นะคะ

ส่วนเรื่องWaiting in the Dark มะนาวว่ามันเหมือนซึมลึกน่ะค่ะ
เหมือนเราค่อยๆซึมซับความหวานที่ค่อยๆแผ่กระจายออกมา
ให้เราค่อยๆลิ้มรส อันนี้เป็นความรู้สึกของมะนาวหลังดูเรื่องนี้จบลงนะคะ
จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนี้อยู่ คือเรื่องนี้ชอบทั้งพระเอกและนางเอกค่ะ
แต่ยังไม่ได้เข้าWikiเลยไม่รู้ว่าใครแสดงบ้างน่ะค่ะ
ปกหลังDVDบอกตัวแสดงเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ

ถ้ามีเวลามะนาวว่าจะดูเรื่องAir Doll หรือไม่ก็ Water Boysค่ะ
แต่ถ้าอยากสบาย ดูแล้วอารมณ์ดี คงต้องเลือก Water Boysใช่ไหมคะ

ตอนมะนาวกำลังพิมพ์อยู่นี้คุณChanpanakrit
ก็ตามข่าวอยู่เหมือนกันใช่ไหมคะ
ไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นหยั่งไง ขอใหออกมาแบบมีจุดสิ้นสุดด้วยเถอะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.33.121 วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:42:46 น.  

 
ทำงานแล้วไม่มีอุปสรรค ไม่มีเรื่องให้กลุ่ม
ไม่ทำให้ชีวิตการดูซีรีย์กลายเป็นเรื่องผ่อนคลาย
อย่างงี้คงไม่เรียกว่าทำงานนะขอรับ
แต่อย่างน้อยๆ ที่ผ่านมา
เวลาก็ทำให้มันผ่านพ้นมาได้
และหลายสิ่ง ตัวเราเองก็ทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรมนี้น๊า
เพราะถ้าขืนทำได้ไม่สำเร็จเกินครึ่งจริง
บริษัทก็คงไม่เลี้ยงให้เราเดินต้วมๆได้อะน้อ

ผู้เขียนว่า ท่านมะนาวฯจำจดเรื่องทุกข์ใจเก่ง
จังเลยนะครับ
แต่ไอ้ประเภทความทรงจำแบบอัลไซเมอร์
ที่น่าจะจดจำ ไม่ยักจะนึกถึงได้
ลองปรับเปลี่ยนดูดีไหม นึกได้เรื่องหนุกๆ
คิดอะไรบนพื้นฐานง่าย
เหมือนชื่อหนึ่งในหนังสือของ หนุ่มเมืองจันท์ โปรยเอาไว้
แค่ความคิดเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยน
ทำงานบางที ก็ต้องนึกว่าเป็นเรื่องทำบุญ
เป็นเครื่องฝึกพัฒนาศักยภาพความเป็นมนุษย์ของเรา
เหมือนที่ซีรีย์จินบอกไว้
พระเจ้าสร้างอุปสรรคมาให้เราก้าวข้าม
แต่ทำไมพระเจ้าถึงสร้างอุปสรรคสักดูสูงเกินเอื้อมจัง

เป็นกำลังอยู่ห่างๆ นะขอรับ
แต่ห่างม็อบได้ก็จะดียิ่งกว่า

Waiting in the Dark เป็นหนังซึมลึกเหรอขอรับ
อืม อารมณ์ตอนนี้คงไม่ได้
บางทีซ้ำ water boys ด้วยคนอาจเป็นเรื่องที่ดีน้อ
กรี๊ดบนฟ้า ระวังสารคัดหลั่งทางปากจะทิ่มตาเอานะครับ

ชอบสลิ่มไหมครับ กำลังทานอยู๋เลย
ร้อนๆเช่่นนี้ ช่วยได้นักแลเลยละ
หงุดหงิดมาก แก่ง่ายอ้วนเร็วนะเออ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:09:27 น.  

 
เมื่อวานมะนาวได้หยุด เลยออกไปโต๋เต๋หาของอร่อยทาน
เลยไปได้หนังสืมา 2เล่มคือเท่าดวงอาทิตย์ ของคุณประภาส
กับTREND ของ อ.วรากรณ์ สามโกเศศ
เปิดอ่านคร่าวๆดูน่าสนใจเชียวค่ะ
แล้วก็เอามากองไว้ที่โต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม
จนตอนนี้เต็มแน่นไปหมด ก่อนนอนก็นั่งมอง
แล้วก็เอามานอนกอดหนึ่งเล่มเผื่อมันจะซึมๆเข้ามาบ้าง อิ อิ

ว้า!จะไม่ยอมดูWaiting in the Darkเหรอคะ อย่างนั้นเชียร์ใหม่
มะนาวชอบเรื่องนี้มากค่ะ แม้หนังจะเดินเรื่องเรียบๆเรื่อยๆ
แต่ให้ความรู้สึกถึงความผูกพันที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น
เป็นสายใยที่คน2 คน รับรู้ด้วยกัน
แล้วก็ช่างหานางเอกได้ตรึงใจดีเหลือเกิน
หน้าตานี้ช่างน่าเอ็นดู ใสๆ ดูบริสุทธิ์น่าทะนุถนอม
ใครเห็นนี้ต้องใจอ่อนแน่นอน
ส่วนพระเอกก็เฮ้อ! หล่อไม่ตี๋เลย หน้าตาเข้มดึงดูดใจเชียว
แถมเจอฉากกระชากใจ น้ำตาร่วงไม่รู้ตัว
ไม่ได้เศร้านะคะ แต่ซึ้งค่ะ
ดูหนังเรื่องนี้จบลงด้วยความรู้สึกตื้อๆซึ้งๆ
ที่ค่อยๆแผ่กระจายความหวานออกมา
เขียนเชียร์ขนาดนี้ จะยอมใจอ่อนดูไหมเนี่ย
ดูเถอะ หนังน่ารักนะ
(ถ้าบอกว่านางเอกหน้าคล้ายมะนาวจะดูไหมเนี่ย)

อ่านคำขู่แล้วน่ากลัวเชียว อื๊ยย แก่ง่าย อ้วนเร็ว สยองค่ะ
ถ้าปลี่ยนจากสลิ่มเป็นทีรามิสุ(Tiramisu) ล่ะก็
อ้วนเท่าไหร่ก็ไม่กลัวค่า
Tiramisuนี้ของโปรดมะนาวเลยนะคะ ชอบมั่ก มากค่า
555ขำสารคัดหลั่งทางปาก
สำนวนแบบนี้มีคนเดียวจริงๆ
จะบอกว่าเป็นSaliva ก็บอกมาตรงๆเถอะ
พันทิปไม่ยึดตัวการ์ตูนหรอก ฮิ ฮิ

คุณChanpanakrit บ้านเราจะเป็นแบบAfghanistan หรือเปล่าคะ เฮ้อ!


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.79.96 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:25:41 น.  

 
เท่าดวงอาทิตย์ของ ประภาสนี้ไม่เคยรู้จักเลยครับ
แต่ trend นี้มันเป็นหนังสือเก่าแล้วนิครับ
ถ้าจะซื้อมันต้องเล่นให้ครบเซท
ความจริงแล้ว มันเป็นบทความของอ.วรากรณ์
ที่เล็ดลอด
จากการรวมบทความในมติชนสุดฯ
ซึ่งมันควรจะถูกรวมจากสำนักพิมพ์ของมติชน
เสียมากกว่า

แต่วิธีทางนำเสนอของอ.วรากรณ์
เป็นการนำเศรษฐศาสตร์ที่ดูยากๆ มาเล่าให้เห็นภาพง่ายๆ
แต่ผู้เขียนไม่แน่ใจแล้วว่า
ว่าแยกออกเป็นสามเล่ม เฉพาะในลิขสิทธิ์จาก
ค่าย openbooks เพราะเอาไปแช่ไว้ที่บ้านนอกเสียแล้ว
ดูเหมือนว่าจะมี trend ,tips และ difference
ถ้าจำไม่ผิด
แต่ยังจำได้เลยว่า หนังสือรวมเล่มของแกเล่มแรก
ของค่ายมติชน จะเป็น"โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี"
ซึ่งผู้เขียนมีโอกาสไล่ตามเก็บ แข่งกับ
การออกตีพิมพ์ของหนุ่มเมืองจันท์อย่างไม่ลดละเช่นกัน

วันนี้ไปเดินเลาะ ดู Waiting in the Dark
ไม่ยักจะมีแหะ ไม่กล้าถามพนักงานด้วย
ส่วนใหญ่ถามแล้ว มักกล้าเป็นภาระใหญ่ให้
กับพนักงานให้ต้องทิ้งลูกค้าคนอื่น
เพื่อมาบริการผู้เขียน ที่วันๆ ไม่รู้ไปสรรหาหนังแปลกๆ
ที่ไม่คุ้นหูพนักงานเขา
บางทียังมีหน้ามาโกรธผู้เขียนสักอีก
นางเอกหน้าเหมือนมะนาวฯเหรอขอรับ
อืม....ไม่ทราบว่าหน้านั้น ยังมีอะไรเคี้ยวตุ้้ยๆ
อยู่ในปากรึเปล่าเอ่ย?

เอ๋ ทีรามิสุ ใช่หนังที่ทาเคอุชิเป๋น
นางเอกกับปรากฎการณ์ประหลาดที่คนตาย
ดันมาฟื้นในป่าปริศนารึเปล่าเอ่ย
มันชวนคุ้นๆหูอยู่ อยากกลับมาดูเรื่องนี้อีกครั้ง
นึกถึงอารมณ์ตอนที่ได้ดูครั้งแรกๆ
มันล่องลอยและโปร่งสว่างในใจผู้เขียนน่าดู

ไม่รู้พรุ่งนี้จะมีกำลังใจหนังอะไรสักเรื่องรึเปล่า
เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองกับข่าวสารมันช่าง
หดหู่เหลือเกิน
เอาอัฟกานิสถานมาเปรียบเทียบเลยเหรอครับ
สงสัยมาหนังเรื่อง babel มาเปรียบเทียบ
แต่หลายคนกล่าวว่า มันคล้ายซาราเจโว
เสียมากกว่า


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:29:49 น.  

 
TREND เป็นหนังสือเก่าเหรอคะ
แล้วทำไมปกด้านในของหนังสือบอกว่าพิมพ์ครั้งแรกตุลาคม 2552ล่ะค่ะ
ส่วนเล่มที่มะนาวได้มาเป็นรุ่นพิมพ์ครั้งที่2 ค่ะ
หนุ่มเมืองจันท์นี้เป็นนามปากกาของใครคะ
มะนาวคุ้นมากเลย เหมือนเคยอ่านบทสัมภาษณ์
เจ้าของนามปากกานี้

ส่วนเท่าดวงอาทิตย์ เป็นหนังสือในชุด คุยกับประภาส ลำดับที่7
รู้สึกว่าชุดนี้ จะมี 9เล่มนะคะ
มะนาวพลิกๆดูแล้วชอบเนื้อหา ในเรื่องนี้มากที่สุดค่ะ

คุณChanpanakrit อำอะไรมะนาวหรือเปล่าคะ
ทีรามิสุ(Tiramisu)นี้ เป็นชื่อขนมหวานสัญชาติอิตาเลียนค่ะ
แต่ออกเสียงสำเนียงคล้ายญี่ปุ่น
ทีรามิสุ เป็นภาษาอิตาเลียน มีความหมายว่า “Pick me up”
“เลือกฉันซิ” แล้วคุณจะรู้สึกกระชุ่มกระชวย
เป็นอย่างนั้นจริงๆนะคะ เพราะมีCaffeineผสมในปริมาณที่สูง
ถึงแม้มะนาวทานกาแฟไม่ได้ แต่มะนาวทานทีรามิสุได้ค่ะ
รู้แต่ว่าทานแล้วอร๊อย อร่อย ชิ้นเดียวไม่เคยพอ
ทานแล้วมึนนิดๆ กระปรี้กระเปร่า อารมณ์ดีค่ะ
ส่วนที่ยูโกะ ทาเคอุจิ แสดง ก็เรื่องBe with you ไงคะ
คุณChanpanakrit อำมะนาวซะตกใจเลยค่ะ นึกว่าลืม

Waiting in the Dark หนังยังไม่นานเลยนะคะปี2007 นี้เอง
ทำไมถึงไม่มีจำหน่ายแล้ว
เสียดายจังคุณChanpanakrit เลยไม่ได้ดู
เลยอดได้คุยเรื่องนี้กัน

ถ้าไม่มีอารมณ์จะอัพบล็อกใหม่ พักก็ได้นี่คะ
ไว้เหตุการณ์คลี่คลายแล้ว อารมณ์แจ่มใสแล้ว
คุณChanpanakritค่อยอัพก็ได้นี่คะ
แต่รู้สึกว่าช่วงนี้พันทิปคึกคักนะคะ
สงสัยสมาชิกไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนกัน
เลยตั้งกระทู้กันใหญ่ และอัพบล็อกวิ่งกันฉิวเชียวค่ะ
อ้อ! ห้องรดน.โดนปิดไปแล้วนะคะ
ตอนนี้คนในห้องนั้นเริ่มออกมาป่วนตามห้องต่างๆแล้วค่ะ
แต่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นที่ต้อนรับค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.29.101 วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:44:52 น.  

 
เอ็ หนังสือชุดของอ.วรากรณ์ เป็นงานพิมพ์ต้นปี
๒๕๕๒ เหรอขอรับ
จำได้ว่า กลั่นใจซื้อเป็นชุด แม้ปกไม่ค่อยเวริค์สักเท่าไร
แบบว่า ที่จำชุดนี้ได้ เพราะมีงอน
ตอนที่ให้ส่วนลดในงานสัปดาห์หนังสือแค่ ๑๕
เปอร์เซ็นต์เอง
ทั้งๆที่ควรจะยี่สิบเป็นมาตราฐานส่วนลด
แต่ได้มาก็อ่านรวดเดียวปรืด
เพราะชอบอ.วรากรณ์ ทั้งมติชนรายวันและรายสัปดาห์
และยังตามฟังในรายการเวทีความคิด
ในคลื่นความคิด อสมท. ทีให้ความเห็นทุกวันอังคารอีก
แต่เสียใจนิดๆ ตอนรับเป็นรมต.ศึกษาใน
รัฐบาลสุรยุทธ ที่คิดว่าจะสร้างงานมากกว่านี้
แต่สุดท้าย ก็ติดอุปสรรคทางโครงสร้างในส่วนของราชการ ฟังแกบ่นๆ ก็พอเข้าใจว่า
ประเทศไทย คงต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
คุยเรื่องเครียดไปอะป่าว
ส่วนบทความใหม่ๆของแก ไปอ่านในเว็บได้
ที่ nidambe11 อันนี้ตามอ่านประจำแต่หลังๆ
ไม่ค่อยอับเดทเท่าไรนะขอรับ


ทีรามิสุ ไงกลายเป็นเรื่องกินไปได้ละหว่า
ท่านมะนาวฯ ถ้าเป็นปลาเทียมว่ายเทียมเกิด
บ่อยหน่อยนะครับ
เชี่ยวชาญในการตะครุบเหยื่อเป็นอย่างดี
คงบริหารแก้มตุยอยู่ตลอดเวลา
ผู้เขียน เก่งในการรับประทานอาหารสุดๆก็แค่
เอามาม่ามาขยำให้ทั่ว แล้วเอาเครื่องปรุงในซอง
มาเทคลุกเคล้า แล้วคว้าเอาเข้าปากหม่ำๆ
แค่นี้ก็อยู๋ท้องแล้ว


แล้วผู้เขียนก็แสดงความขี้เท่ออีกเรื่องแล้วสิท่าน
เพราะไปหาข้อมูลจริงๆ มันชื่อว่า โยมิกาเอมิ
ต่างหาก
สงสัยอาการกำเริบอีกแล้ว
แล้วไงไปคิดถึงอีกเรื่องได้ มั่วได้ใจจริงๆ
เอาเป็นว่าไม่วกเข้าเรื่องนี้แล้ว เดี็ยวมั่วไปกันใหญ่

เรื่องไม่มีอารมณ์อันนี้ไม่มีปัญหา
บิวตัวเองนิดหน่อย เดี๋ยวก็ฟอยเป็นฉากๆ
เพียงแต่ว่า เอาเวลาชมส่วนใหญ่กับข่าวสารบ้านเมือง
แบบว่าเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเจอ

ท่านมะนาวฯเอง ก็ต้องระวังตัวนะครับ
อย่าปล่อยให้ความหิว ทำให้ชีวิตต้องก้าวเลย
มายังเรดโซน เพราะถ้าราชประสงค์ยังอุดมเรื่องอาหารการกินจริง
คงโดนผู้ชมแย่งรุมทึ่งเสียหมดสิ้น
ด้วยมาตราการทาง ศอฉ ที่ตัดเส้นทางเสบียงและหน่วยเติมในทุกๆทาง


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:19:16 น.  

 
ดูเรื่องWater Boys จบแล้วค่ะ
ไม่ยักกะรู้เลยนะคะว่าเรื่องนี้จะหัวเราะได้เป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้
หัวเราะจนเหนื่อย ต้องไปนอนพักหนึ่งงีบ ถึงจะมาดูใหม่ต่อได้จนจบ
เนื้อเรื่องแหวกแนวดีนะคะ ช่างคิดให้ผู้ชายมาเต้นระบำใต้น้ำ
แล้วตัวแสดงแต่ละคนก็ช่างเลือกแบบไม่เอาหน้าตากันเลย
มีซาโตชิหน้าตาดีอยู่คนเดี๊ยว แต่ผอมกระหร่องเชียว
นอกนั้นก็ไปวัดตอนโพล้เพล้ได้แค่นั้นเอง
ท่านจิ๊(ทามากิ)ก็หัวฟู แถมมีไฝเม็ดบ๊ะเริ่ม กำจัดความหล่อได้ดีแท้
แต่หุ่นล่ำ ดูแมนดี ไม่ผอมโกรกแบบโนดาเมะ แถมบ้าได้ใจอีกต่างหาก
ส่วนตาลุงนาโอโตะเล่นบทคล้ายมินฮีในโนดาเมะเลยค่ะต๊องๆ บ๊องๆ
เลยไม่แปลกใจ เริ่มคุ้นกับบทแบบนี้ของแกแล้ว
แต่ที่ชอบมากคือบทโอตะ ที่อากิฟูมิ มิรูอะแสดง
พี่แกแดนซ์กระจายจริงๆเลยค่ะ
เห็นเลยว่าแกทุ่มเทหัวใจให้กับฉากเต้นนี้จริงๆ
หน้าตาพี่แกไม่ชวนมองเล๊ย แต่มะนาวกลับชอบแหงะ
โดยรวมชอบเรื่องนี้นะคะ โดยเฉพาะไอเดียแปลกๆ
อย่างเต้นได้ดีให้รางวัลเป็นปลา
555เผลอนึกว่าเป็นปลาโลมา ตลกดี
หรืออย่างบอกว่าใครมาจากชมรมไหนก็ให้เอาจุดเด่นของชมรมนั้นมาพรีเซ้นต์
คนที่มาจากชมรมกีฑาก็ให้วิ่งบนน้ำ 555โอ๊ย!หัวเราะซะเหนื่อย

ที่บ้านบอกว่าตอนนี้ให้งดเกาะติดข่าวแบบชั่วคราว
มันเศร้าเกินไปแล้ว ให้ดูหนังกันไปเถอะ
ให้ดูข่าวเฉพาะช่วงเวลาข่าวเท่านั้น
เลยเอาเรื่องLa Femme Nikita มาดูต่อค่ะ
แล้วจะเล่าให้ฟังนะคะว่าสนุกหรือเปล่า

คุณChanpanakritเคยอ่านTRY
ของคุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ไหมคะ
ตอนแรกมะนาวไปแกว่งๆแถว7 ใกล้บ้าน
เห็นเป็นหนังสือปกแข็งเล่มกระทัดรัดดี
เปิดอ่านดูน่าสนใจดีแหงะ
ซื้อมาอ่านแบบรวดเดียวจบเลยค่ะ
มะนาวว่าเป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่งนะคะ

อ้อ!ลืมเล่าให้ฟังค่ะว่ามะนาวตามล่าหนังสือเรื่องThe Kite Runner
แทบจะทุกที่แล้วนะคะ ทำไมมันหาซื้อยากหาซื้อเย็นอย่างนี้
ไปB2S ก็มีแต่ที่เป็นLiterature วางเป็นพรืดไปหมด
พอถามพนักงาน ก็ให้บอกเป็นชื่อภาษาไทย
มะนาวก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ชื่อภาษาไทยว่าอะไร
ก็เลยบอกมั่วๆไปว่าเด็กเก็บว่าว
พนักงานบอกว่าหนังสือ2ปีมาแล้ว คงหมดไปแล้วค่ะ
ถ้าหนังสือขายดีขนาดนี้ เขาไม่พิมพ์ซ้ำกันหรอกเหรอคะ
ไปถามที่ซีเอ็ดร้านใหญ่ก็ยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ค่ะ
ร้านนายอินทร์ก็ถามชื่อคนแปล ที่จริงคุณprysang
เหมือนเคยมาบอกไว้นะคะ แต่มะนาวจำไม่ได้แล้วค่ะ
สงสัยเรื่องนี้ คงจะไม่ได้อ่านแล้วล่ะค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.33.62 วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:25:46 น.  

 
ดีใจด้วยนะครับ
ที่ดูwater boys จบครบถ้วนกระบวนความ
แม้จะมีการนอนพักงีบไปสักช่วงเวลา
แล้วยังฟื้นคืนชีพ
กลับมาดูต่อจนจบลงด้วยดี
ฉบับหนังนี้ นับเวลาก็หลายปีดีดักแล้วนะครับ

ตอนนั้นถือว่าฮีอฮาไม่ใช่น้อยเลย
จำได้ว่า เปิดอ่านรายละเอียดท้ายตลับ
ก็ว่าด้วยเด็กมัธยมปลายกับการระบำใต้น้ำ
อ่านแล้วก็ยังเดาไม่ออก ว่าจะออกไปทางไหน
เพราะตอนนั้น มันมีการเเข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ชาติจีนรู้สึกจะได้แชมป์นะถ้าจำไม่ผิด
ดูแล้วก็ฮาจริงอย่างที่ท่านว่า ด้วยเฉพาะทีมพากย์พันธมิตร
พากย์เกินความเ็ป็นจริงอีกเช่นเคย
ดาราตอนนั้นโดยเฉพาะฝ่ายชาย
แทบไม่มีใครดังสักคนเลย ถือเป็นงานแจ้งเกิดโดยปริยาย
ทามากิกระทาชายในเรื่อง ผู้เขียนก็แทบจะจำไม่ได้เช่นกัน
เพราะไอ้เสียงพากย์ มันทำให้ท่านจิของใครๆดูเห่ยชะมัดหยาดเลย


ซาโตชิ ไอ้หมอนี้ก็ผอมอดโซ
แต่หน้าที่มันดี เลยได้เป็นพระเอกของเรื่อง
แต่ที่ตรึงตาถึงทุกวันนี้
ก็ต้องยกให้ ลุงนาโอโตะบ้าบอคอแตก
เป็นสีสันสุดๆของเรื่องนั้นแล้ว
กระนั้นก็ไม่มีใคร ที่ดึงดูดใจเท่านางเอก
ที่ทุกวันนี้ทำอะไรกิน ผู้เขียนก็ไม่อาจทราบได้

แล้วท่านมะนาวฯดูในเวอร์ชั่นซีรีย์รึยังละครับ
ไปกันคนละแนวเลยนะท่าน
กลายเป็นซีรีย์สู่ฝันสู่วันอนาคต
ที่ลดความขำกร้าก จนแทบไม่มีให้เห็น
ฮายาโตะก็มาแจ้งเกิดจากเรื่องนี้
ส่วนนางเอกนี้หลงยิ่งกว่า เพราะเป็นหนู
ซาโตมิ อิชิฮารา ที่กว่าจะยิ้มออกก็เกือบท้ายเรื่องแล้ว
นึกๆแล้ว อยากกลับมาชมอีกครั้งจัง
โดยเฉพาะเพลง

try เห็นปกแล้วครับ
แต่อ่านนิดหน่อย แล้วก็วาง
คิดว่าไม่ใช่สไตล์ เพราะตอนนี้อ่านแต่หนังสือ
ลับ ลวง พราง ที่ซื้อมานาน
มีเวอร์ชั่น มติชนสามภาค
เวอร์ชั่น โพสต์บุ๊ค อีกสองภาค
สำนวนการเขียนของวาสนา นานวม
ทำให้เห็นภาพและชิงไหวชิงพริบกันน่าดู
พอให้รุ้ว่าทหารนอกประจำการ ที่ซุมอาวุธในผู้ประท้วง
เดาได้ว่าเป็นใคร
เห็นรายชื่อในธุรกรรม จึงไม่ค่อยแปลกใจ
ว่าำทำไมมีเห็นเสธคนนั้น ทหารคนนี้
เป็นไงละ เครียดจนไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง
ผู้เขียนก็ดันมาซ้ำเติมสักงั้น

ความจริงวันนี้ปั่นงานได้หนึ่งซีรีย์
แต่แล้ว ก็ถูกแย่งสมาธิจากข่าวสาร
การประกาศของ ศอฉ และข่าวจากทวิสเตอร์
เลยปล่อยค้างๆคาๆ ตอนนี้ก็ตามลุ้นตุ้มๆต้อมๆ
กับสถานการณ์ ว่าพรุ่งนี้เขายังให้หยุดงาน
อีกหนึ่งวันรึเปล่า

kite runner ฉบับหนังสือ
มันพิมพ์อย่างจำกัด ส่วนชื่อก็ตามที่ท่านบอกนั้นแหละ
แปลโดย วิษณุฉัตร วิเศษสุวรรณภูมิ
ดูเหมือนยังไม่มีฉบับแปลครั้งที่สองนะครับ
คงต้องแสวงกันนานเลย
ลองไปดูที่ศูนย์หนังสือจุฬาสิครับ
แต่ไม่รู้ทุกวันนี้เปิดให้บริการต่อรึยังอะน้อ

ข้องใจนิดนึง nikita ใช่ที่เคยเป้นซีรีย์ฉายใน
ไอทีวีเก่ารึเปล่า ที่เป็นเรื่องของนักฆ่าหญิงรึเปล่า ดูแล้วเล่าให้ฟังนะครับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:30:21 น.  

 
เดี๋ยวมาเขียนต่อนะคะ
ถูกเรียกไปทานข้าว5รอบแล้วค่ะ
มัวแต่ไปพร่ำถึงท่านนายกเคตะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.65.128 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:11:45 น.  

 
เมื่อคืนน้ำตาร่วงไปกับคำพูดของคุณพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ในงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ครั้งที่1
คุณChanpanakrit ก็คงได้ฟังแล้วใช่ไหมคะ
เพราะTV หลายช่องเอามาออกอากาศซ้ำให้ได้ดูกันแล้ว
มะนาวยังก็อปปี้คำพูดเก็บไว้เลยค่ะ กระแทกใจดีค่ะ
ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้
ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้
และพาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน
ผมจะเดินไปบอกคนๆนั้นว่า "ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว
จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ"
คุณพงษ์พัฒน์ เหมือนพูดแทนใจคนไทยหลายๆคนเลยนะคะ

เมื่อวานตอนกำลังทานข้าว รัฐบาลประกาศหยุดงาน2วัน
มะนาวข้าวติดคอเลยค่ะ เอาอีกแล้ว ประกาศหยุดงานกระทันหันอีกแล้ว
โทรศัพท์จากคนที่ช่วยงานมะนาวดังขึ้นเดี๋ยวนั้นเลยว่า คุณมะนาวเอาไงดี
มะนาวตอบคำเดียวว่าต้องไป ไม่อย่างนั้นป่วนแน่
วันนี้2สาว เลยไปทำงานกันอยู่2 คน แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ
คนที่มะนาวนัดพบ มากันแทบทั้งนั้นเลยค่ะ
พวกเขาบอกว่ารู้ว่าประกาศหยุด แต่ในเมื่อนัดก็ต้องมา
เพราะถ้าไม่มาก็ไม่รู้ว่าจะทำหยั่งไง ในเมื่อมันสำคัญ
จากนั้นก็โทรตามคนที่ยังไม่มาให้รีบมาก่อนเที่ยง เกือบ20 สาย
นั่งนึกว่าต่อไปความเป็นส่วนตัวของข้าเจ้าต้องหายไปแน่นอน
โดยrecordเบอร์แหงมๆ การประกาศหยุดแบบนี้อิชั้นแย่ค่ะ

มะนาวดูเรื่องLa Femme Nikita จบแล้วนะคะ
หนังดูได้สนุกดีค่ะ แต่พอมาเทียบกับTaken แล้ว
ดูNikita เด็กๆไปเลยค่ะ มันบู๊ระห่ำเหมือนกัน
แต่นางเอกมีสามัญสำนึกของความเป็นคนมากกว่า
ไม่ใช่ฆ่าได้คนโดยไม่รู้สึกอะไร
แต่ตอนหนังปูพื้นตอนแรกนี้แบบนางเอกฆ่าคนได้โดย
ไม่กระพริบตาเหมือนกัน เป็นเด็กแก็งค์ ติดยางอมแงม
แล้วฆ่าตำรวจ ทำให้ถูกตัดสินประหารชีวิต
แต่ได้ชีวิตใหม่โดยการทำงานเป็นสายลับให้กับรัฐบาล
โดยแลกกับการมีชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวตน
เพราะถูกแทงบัญชีประชากรให้ทุกคนได้รับรู้ว่า
ถูกประหารชีวิตไปแล้ว หนังกำกับโดย Luc Besson
เรียกว่าเป็นหนังฝรั่งเศสที่มีรางวัลการันตีมากมายค่ะ
ส่วนบอกว่าเรื่องนี้เคยฉายไอทีวี มะนาวไม่รู้ค่ะ
แต่มันเป็นหนังนะคะ ไม่ใช่ซีรีส์

แล้วมะนาวก็ดูเรื่องAir Doll จบแล้วเหมือนกันนะคะ
ไม่อยากจะบอกเลยว่า ดูมะรู้เรื่อง
รู้แต่ว่าเป็นหนังที่ดี มีคำพูดที่ฉุกใจให้มนุษย์อย่างเราๆได้คิดหลายครั้ง
อย่างเช่นคำพูดของตุ๊กตายางที่ว่า "ฉันพูดโกหก เพราะฉันมีหัวใจ"
หรือ"มีหัวใจแล้วมันทรมาน"อืม!น่าคิด
แต่ไม่รู้ความหมายของเนื้อเรื่องที่หนังต้องการสื่อ
เหมือนจะเป็นเรื่องความว่างเปล่าในชีวิตคน
ซึ่งไม่ต่างจากตุ๊กตายางซึ่งข้างในก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน
แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังแอบมีความน่ารักเล็กๆแฝงอยู่ให้เรียกรอยยิ้ม
เป็นฉากที่นางเอกแอบทิ้งแครอทเลียนแบบเด็กน้อย
และทำหน้าตาล้อเลียนตาม น่ารักมาก

ส่วนWater Boys versionซีรีส์มะนาวไม่มีค่ะ
และไม่เคยรู้ด้วยค่ะว่ามีซีรีส์เรื่องนี้
แต่มะนาวชอบหนังไปแล้ว
และคุณChanpanakrit บอกว่าเป็นซีรีส์ไม่ขำ
มะนาวไม่ดูดีกว่าค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.2.140 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:36:33 น.  

 
วนเวียนอยู่แถวนี้ เพราะกำลังพิจารณามองหาซีรีย์เรื่องต่อไป ไปแวะบล็อกท่าน MamLCH ไว้ด้วย แต่ช่วงนี้ท่านแหม่มก็ดูซีรีย์หนักๆ อยู่เหมือนกันนะ กำลังมองหาที่มันกลางๆ หน่อย

อายาเสะ ในเรื่อง ICHI สวยมากเลยนะ ขนาดว่าแต่งตัวโกโรโกโสขนาดนั้น ส่วนพระเอกคนนี้ ไม่หล่อ (ชัดเจน ตรงประเด็น) แต่ว่าหน้าตาใจดีแบบพระเอกเรื่อง ร้านดอกไม้ไร้กุหลาบ เวลาดูหนังย้อนยุคญี่ปุ่น ขัดใจตรงทรงผมนี่แหละ แต่เอ๊ะ พระเอกก็ทรงโอเคนะ ไม่ยักมัดจุกๆ และไม่โกนกลางหัว ค่อยยังชั่วหน่อย ที่เล่ามาสนใจบทของมิกิ เรื่องที่มีตัวละครอื่นที่ไม่ใช่พระเอก ไม่ใช่นางเอก แต่เป็นดาวเด่นของเรื่อง มันก็น่าสนใจนะ แต่ถ้าเทียบละครหมอๆ ที่รอคิวอยู่แล้ว รู้สึกว่าจะเป็นหมอโคโตะ ( โคโตะไหมล่ะ หรือ โคโต้ โกโตะ โกโต้ Koto) ที่ยังรอจ่ออยู่คิวอยู่หัววิน


โดย: prysang วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:05:04 น.  

 
ท่านมะนาวเพคะ
ขออนุญาติยกไปคุยใน change นะขอรับ
เพราะท่านอื่นๆ ผู้เขียนได้ไปเยี่ยมมาหมดแล้ว
ส่วนคนไร้บ้าน
รัฐบาลขอเวนคืนไปเจอกันในบล็อกหน้านะขอรับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:14:17 น.  

 
ดูแล้วชอบมากครับเรื่องนี้
ซาบซึ้งจนนอนไม่หลับต้องลุกขึ้นมาดูต่อให้จบ

ไม่มีคำวิจารณ์สวยหรูใดๆจะมอบให้ทั้งสิ้น

แค่ในฐานะคนดูหนัง นับจากเรื่องโอชิน ก็เพิ่งจะมีเรื่องนี้แหละ ที่ประทับใจ


โดย: หนุ่มวัย41 IP: 222.123.160.202 วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:14:16:20 น.  

 
ผมเพิ่งดูจบไป....เมื่อคืนเอง....
อิอิ
ทั้ง ๆ ที่ได้มาตั้งหลายเดือนแล้ว
แต่ว่าก็ดูแบบติดตามทำความเข้าใจ
อื่ม....
สนุกดี....
ดูแล้วก็ประทับใจหลายตอนเหมือนกันนะครับ


โดย: นายกาแฟ (matadorman ) วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:12:02:16 น.  

 
ประทับใจครับ... อยู่ที่ว่าแต่ละคนคิดทันหรือได้อะไรจากหนัง หนัง 1เรื่องมีหลายแง่มุม ในชีวิตจริงการดำรงชิวิต ก็ไม่ได้ระเมียดละไมนัก การที่นักแสดง แสดงข้อบกพร่องบ้างก็ถือว่าแสดงได้เหมือนชีวิต จริง ศิลปะคือความไม่สมมาตร...นี่แหละคือชีวิต


โดย: หนุ่ย IP: 192.168.2.108, 124.120.245.181 วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:16:15:59 น.  

 
ชอบเรื่องนี้ค่ะ ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ
เป็นซีรี่ย์ในรอบหลายปีที่รู้สึกประทับใจที่สุด
คุณป๋าโอซาวะ แสดงได้อย่างมีเสน่ห์และน่ารักอย่างร้ายกาจ (ปลื้มป๋าแกเข้าแล้วละค่ะ)

เห็นด้วยกับคุณหนุ่มวัย 41 กับคุณหนุ่ม(ไม่รู้คนเดียวกันป่าว


โดย: ไม่ชอบน้ำเน่า IP: 110.49.205.248 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:01:17 น.  

 
ตอยไทยพีบีเอสฉายก็ไม่ทันได้ดู ตอนนี้อยากลองดูซะแล้วค่า เคยดูแต่อิริว


โดย: เจ้าแห่งน้ำคือพระจันทร์ วันที่: 4 ธันวาคม 2556 เวลา:8:56:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.