|
'สุโค้ยย์'กับ'อสุโค้ยย์' สำหรับซีรีย์ญี่ปุ่นประจำปีมะโรงศก
วาระดิถีสิ้นปีอีกหน .....ไม่ลืมที่ผู้เขียนจะต้องมาประเมินอรรถภาพในการรับชม ในซีรีย์ประจำปีนักษัตร ที่ประจำเป็นศาสนกิจปีนี้ก็ย่างปีที่๔ เข้าไปแล้ว นับตั้งแต่ล่วงยามปีฉลู ขาล และเถาะศก มาตามลำดับ
แล้วก็เป็นไปตามคาด ประสิทธิภาพในการรับชมก็ค่อยๆถดถอยไปตามลำดับ จากที่เคยพีคๆอาทิตย์ละเรื่อง บัดนี้ก็เขยิบมาเป็นรายปักษ์ครึ่งเดือนเอากันสักที (บางทีก็หายไปตามสภาพลูกหนี้ที่ควรจะเป็น) แต่อย่างไรเสีย ......... ไหนๆก็อุตสาห์ลาก เพื่อเป็นหนึ่งกระบอกเสียงเล็กๆสำหรับทางเลือกที่ริจะลองยล โดยเฉพาะ "ซีรีย์ญี่ปุ่น" ที่ค่อนข้างมีจำกัด อีกทั้งเป็นการประเมินคุณภาพชีวิต หลังจากผ่านการกล่อมเกลาทางศีลธรรมผ่านซีรีย์บันเทิงสอนใจ
ถือเป็นธุลีสำนึกที่ไปหาดู-หาโหลดซีรีย์เค้ามาแล้ว ก็ควรมีการตอบแทน ในความเป็นตัวตนของผู้ผลิต ผู้สร้าง ผู้ก้อป ผู้แปลซับและจำหน่ายตามแผง ซึ่งสุดท้าย....มั่ว-ไม่มั่? ขึ้นกับวิจารณ์ญาณของท่านผู้ชมเอง
|
เกณฑ์การการตัดสิน
ปีนี้ขอเปลี่ยนกติกาสักนิด เนื่องจากจำนวนรีวิวที่ไม่สอดคล้องให้พอกับเงือ่นไขเก่าๆ ดังนั้นปีนี้จึงเล่นง่าย ที่จะขอคัดเอา ๓ เรื่องสุโค้ยย์กับ ๓ เรือ่งอสุโค้ยย์แห่งปี โดยนับเอาจากผลงานที่รีวิวในปีนี้ อันมีสภาพบังคับทางคดีที่เกิดจาก ลายลักษณ์อักษรตัวโต้งๆ ที่เคยได้แฉสภาพไปแล้วในแต่ละเรื่อง ที่ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน แก้ไขหรือทำให้สอดคล้องเพื่อให้เข้าพวก ไปกับกระแสนิยมในภายหลัง เคยว่ากันอย่างไรก็ตัดแปะไปตามนั่น หามาตราฐานอะไรมาเป็นตัวชี้วัดกับการตัดสินในครั้งนี้ได้ยาก เพราะเป็นอคติส่วนตัว เป็นมายาคติที่ได้รับการปลูกฝังและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อิทธิพลของดาราสาวค่อนข้างจะมีผลอย่างมาก ในการช่วยตัดสินให้ง่ายขึ้น ดังนั้นอย่าช้าอยู่ใย......เข้าเรือ่งกันเลยดีเกวื่อย
|
ซีรีย์ญี่ปุ่นสุโค้ยย์ประจำปีมะโรงศก ๓ เรื่อง ได้แก่
|
- Title: ストロベリーナイト
- Title (English): Strawberry Night
- Genre: Crime, Detective
- Broadcast network: Fuji TV
- Format: Renzoku
- Episodes: 11
- Viewership rating: 15.3% (kanto)
- Broadcast period: 2012-Jan-10 to 2012-Mar-20
- Air time: Tuesday 21:00
| Strawberry Night
ด้วยเหตุผลที่ว่า
".......ในความเป็นคดี เรื่องนี้ดูจะไม่เปรี้ยงหงายเหงิบสักเท่าไรนัก แต่จะไปได้ในส่วนของความเป็นดราม่าเสียค่อนข้างเยอะ...แต่ถ้านับเอาประเภทที่เป็นเรื่องราวเป็นราวจริงๆก็มีเพียงแค่๖ตอน และมีประเภทจบในตอนเพียงแค่๒ตอนเท่านั้น ที่เหลือล้วนเป็นภาระที่ท่านผู้ชมควรจะต้องติดตามตอนต่อไปในสัปดาห์หน้า ซึ่งผู้เขียนเองก็ค่อนข้างเห็นด้วย ซีรีย์ประเภทตอนเดียวจบหลายต่อหลายเรื่องความจริงพล็อกก็ดี แต่เมื่อต้องรีบไปขมวดให้จบภายในตอนเดียวแล้วรู้สึกเสียของ ตลอดจนเสียดายทรัพยากรในการที่ต้องบีบอัดกระชับพื้นที่แล้วดูผิดแปร่งอย่างไรชอบกล ... ความจริงแค่การได้รู้ว่า จะได้ดูยูโกะ ทาเคอุชิ แค่นี้ก็การันตีในงานคุณภาพได้ระดับหนึ่งเป็นการถาวรอยู่แล้ว .... และที่น่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง คือการกำกับของยูอิจิ ซาโต้ ปกติงานที่แกกำกับมักจะไม่ค่อยสมูทและไหลลื่นสักเท่าไร มักจะต้องมีลูกขาดๆเกินๆโผล่มาบ้าง แต่กับเรื่องนี้ทำได้ในระนาบที่รู้สึกได้ว่าเป็นเนื้อเดียวกัน ถือว่าจังหวะการนำเสนอดี ....ซีรีย์จึงเดินเรือ่งไปได้เร็วจนบางทีรู้สึกเอาเองว่า ซีรีย์เนื้อหาค่อนข้างเยอะทั้งๆที่ไม่ได้มีการขยายเวลามากกว่าเรื่องอื่นๆแต่อย่างใด....."
เขียนไว้เมื่อ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๕
|
- Title: 鍵のかかった部屋
- Title (romaji): Kagi no Kakatta Heya
- Title (English): The Locked Room Murders
- Tagline: 密室は、破れました。
- Tagline (romaji): Misshitsu wa, yaburemashita.
- Format: Renzoku
- Genre: Locked room mystery
- Episodes: 11
- Viewership rating: 16.0% (Kanto)
- Broadcast network: Fuji TV
| Kagi no Kakatta Heya
ด้วยเหตุผลที่ว่า
".......จะหาว่าม้ามืดเลยก็คงไม่ชัดเจนนัก เพราะได้ถูกจัดตารางให้ลงถ่ายทอดในช่วงไพร์มไทม์เวลาสามทุ่มวันจันทร์ของค่ายฟูจิทีวี ได้สามนักแสดงแม่เหล็กที่มีฐานแฟนคลับและประสบการณ์สูงอยู่แล้วอย่าง โฮโนะ ซาโตชิ ,โทดะ เอริกะ และซาโต้ โคอิชิ มาประกบกันเป็นทีมเฉพาะหน้า-ล่าเฉพาะกิจ สู่การไขปริศนาแต่ทว่า เงื่อนไขคราวนี้ถูกจำกัดแบบชัดเจนขึ้น เพราะต้องมาเล่นในประเด็นที่เป็นข้อจำกัด สู่ความเป็น "ห้องที่ถูกปิดตาย"(Locked Room Murders) ......ซีรีย์นี้ก็ออกแบบตัวละคร "ไค" ให้เป็นที่จดจำได้ชัดเจนเช่นกัน โดยเฉพาะการกำหนดพฤติกรรมหมกมุ่นในสไตล์โอตาก....วิธีการนี้ก็ได้ผลลัพธ์ชัดเจนในแง่เสียตอบรับที่ดี คิดว่าคงจะมีตัวละครเทรนด์นี้โผล่มาอีกหลายเรื่อง เป็นการแสดงที่ใช้พลังน้อยที่ให้ผลเยอะ ส่วนหนึ่งคงด้วยข้อดีในชุดคำอธิบายระบบกลไกโดยเฉพาะลูกบิดประตูหลายลักษณะที่คนเขียนบทเขาทำการบ้านมาอย่างเข้มข้น อีกทั้งยังได้เพื่อนตัวละครที่สามารถทำให้คนดูอมยิ้มได้อยู่ตลอดและที่ส่วนเสริมหนึ่งที่เด่นกว่าซีรีย์นักสืบทั่วไป ตรงความเป็นซาวด์สังเคราะห์...."
เขียนไว้เมื่อ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕
|
- Title: いま、会いにゆきます
- Title (romaji): Ima Ai ni Yukimasu
- Also known as: Be With You / I'm coming to see you now
- Genre: Romance, human drama
- Episodes: 10
- Viewership ratings: 11
- Broadcast network: TBS
- Broadcast period: 2005-Jul-3 to 2005-Sep-18
- Air time: Sunday 21:00
| Ima,Ai ni Yukimasu
ด้วยเหตุผลที่ว่า
"......เอาเข้าจริงการแปรสภาพจากหนังดังมาสู่อาณาจักรซีรีย์ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เลวร้ายแต่อย่างใด มันยังมีประเด็นปลีกย่อยอื่นให้ได้เล่นและได้ตีความตามความพอเหมาะพอควร ด้วยข้อจำกัดของเวลาที่ให้ได้ไม่มากสำหรับโลกภาพยนตร์...กระทั่งดูไปได้ครึ่งเรื่อง อคติต่างๆที่เปิดตั้งไว้ก็ถูกทำลาย.....เป็นการขยายพื้นที่เดิมของความเป็นครอบครัวเดี่ยวไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับอาณาบริวารแวดล้อมที่หนังแตะได้แบบหยาบๆ......ทำให้คนดูเข้าใจเบื้องหน้าเบือ้งหลังอะไรมากขึ้น และสัมผัสความหมายของชีวิตครอบครัวหนึ่ง... แม้จะต้องอุทิศทั้งชีวิตเพียงเพื่อให้กำเนิดหนึ่งชีวิตเพื่อเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่แก่คนที่ตนรัก คนที่ตนเคยรักและได้กลับมาเริ่มต้นที่จะรักกับเขาคนนั่นอีกครั้ง.......โดยสัดส่วนของเรื่องทั่วๆไป ก็ยังเคารพในความเป็นต้นฉบับในเวอร์ชั่นหนัง ทั้งการใช้วิธีลำดับการแบบหนึ่ง-สอง-สามไปจนสู่ตอนจบ..."
เขียนไว้เมื่อ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕
|
ซีรีย์ญี่ปุ่น "อสุโค้ยย์" ประจำปีมะโรงศก ๓ เรื่อง ได้แก่ |
- Title: 最高の人生の終り方~エンディングプランナー~
-
- Title (romaji): Saikou no Jinsei no Owarikata~Ending Planner~
- Format: Renzoku
- Genre: Family
- Episodes: 10
- Viewership rating: 10.9 (Kanto)
- Broadcast network: TBS
- Broadcast period: 2012-Jan-12 to 2012-Mar-15
- Air time: Thursday 21:00
| Ending Planner
ด้วยเหตุผลที่ว่า
"...โดยภาพรวมแล้ว Saikou no Jinsei no Owarikata เป็นซีรีย์ที่แนวคิดผสมผสานแหวกดี โดยจับประเด็นเรื่องมรณสติและกฎไตรลักษณ์ ที่่เป็นจุดแข็งแบบแนวคิดตะวันออก จึงทำให้มีทั้งคำคมดีๆและข้อคิดในเรื่องสัจธรรมของชีวิตที่พลิกผัน ทั้งความไม่เที่ยงของชีวิต....... เพียงแต่ว่าจากเท่าที่ฟังคอมเมนต์มา (ซึ่งตอบรับไม่ค่อยดีอย่างที่หวัง) ซีรีย์มีจุดบิ้วที่ผ่านซึ้งได้ไม่ถึง พอไปได้ไม่สุดจะพลิกมาให้สนุกก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่โครงสร้างของเรื่องดูแข็งแรง ทั้งทีมหน้าตานักแสดง โปรดักชั่น องค์ประกอบฉากและเสน่ห์เฉพาะแบบญี่ปุ่น อารมณ์ของซีรีย์ก็เล่าเรื่องไปแบบเรียบๆอยู่ในทิศทางเดียว ความน่าติดตามในความเป็นปริศนาก็ทำงานได้ระดับหนึ่ง ชวนให้สงสัยแต่ไม่ถึงขั้นต้องรู้ให้ถึงที่สุด และที่สำคัญที่ดูจะขาดแบบสู้เรื่องอื่นไม่ได้ คือ ความรู้สึกเอาใจช่วยตัวละคร.......แม้จะได้พลังป๊อปสตาร์จากยามะพีหรือมาเอดะจังแล้วก็ตาม..."
เขียนไว้เมื่อ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕
|
- Title: 東野圭吾ミステリーズ
- Title (romaji): Higashino Keigo Mysteries
- Format: Renzoku
- Genre: Mystery
- Episodes: 11
- Viewership rating: 08.4% (Kanto)
- Broadcast network: Fuji TV
- Broadcast period: 2012-Jul-05 to 2012-Sep-20
- Air time: Thursday 22:00
| Higashino Keigo Mysteries
ด้วยเหตุผลที่ว่า
"...มีทั้งตอนที่ชอบและไม่ชอบคละเคล้ากันไป เพียงแต่ว่าอ้ายส่วนที่ไม่ชอบค่อนข้างส่งผลในแง่ลบแบบติดตรึง และทำลายเกียรติภูมิดีๆที่สร้างสมตามติดกันมา อย่างไม่น่าเชือ่ว่าจะเป็นนักเขียนนามระบือในเรื่องดรามาฆาตกรรมมีหักมุม "ฮิงาชิโนะ เคย์โงะ" ที่เคยสร้างชื่อให้เป็นตำนานในซีรีย์หลายต่อหลายเรือ่งมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น นักสืบฟิสิกส์Galileo,Shinzamono,Ryusei no Kizuna,Himtsu ดังนั้นสำหรับซีรีย์Higashino Keigo Mysteriesที่เจตนาขายชื่อเห็นๆ แต่ไม่รู้ทำไม?....ในHigashino Keigo Series กลับไปจำกัดคุณสมบัติของการเล่าเรื่องทางโทรทัศน์ หรือใช้ลูกเล่นเพียงไม่กี่อย่างโดยเชื่อมั่นในแง่คุณค่าของบทประพันธ์จนเกินไป เลยไม่ได้ผสมหรือประยุกต์อะไรที่พอเป็นอรรถรสให้กับบทละครดูมีสีสันเพิ่มขึ้น หรือมีจังหวะที่กระตุ้นเร้าใจ จึงเห็นใครหลายๆคนบ่นถึงความ "เบา" ในแง่ปริศนาทางคดีและการไล่แบบไป "เรื่อยๆ" จริงๆความรู้สึกแบบนี้....และหลักคลำหาเหตุผลที่พอคิดได้สี่ประการ คือ ข้อจำกัดของเวบลา,เปาะแปะแต่ไม่โป้ง,ช้า-อืด-เนื่อย-โยกโย้,ความสามัญชนของตัวละคร ตกยุคตกสมัยหรือมาช้าก่อนกาล..."
เขียนไว้เมื่อ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕
|
| และสุดท้าย ..............
|
- Title: 家政婦のミタ
- Title (romaji): Kaseifu no Mita
- Format: Renzoku
- Genre: Mystery, family
- Episodes: 11
- Viewership rating: 24.8 (Kanto)
- Broadcast network: NTV
- Broadcast period: 2011-Oct-12 to 2011-Dec-21
- Air time: Wednesday 22:00
|
Kaseifu no Mita ด้วยความเหตุผลที่ว่า
".....แต่ที่ผู้เขียนเอง รู้สึกว่ารับไม่ค่อยจะได้กับซีรีย์เรือ่งนี้ ต้องขอยืมศัพท์เท่ๆจากหนังสือสตีฟ จ๊อบส์คำหนึ่งที่เรียกว่า "สนามความจริงที่ถูกบิดเบือน" กล่าวคือ เป็นการประชดประชันตรรกะเหตุผลของการกระทำจากตัวละครของเรื่องที่ดูลอยๆ อย่างไงชอบกล ตัวอย่าง พ่อที่เป็นถึงหัวหน้าแผนกบริษัท แต่กลับไร้ความสามารถในการตัดสินใจหรือคอนโทรลลูกในบ้านปล่อยให้ลูกชกหน้าพ่อสักงั้น หรือตอนที่แม่บ้านมิกะรับคำสั่งจากชิโอริให้ไปแจกใบปลิว เพื่อที่จะแฉเรือ่งประวัติของพ่อตัวเองแอบไปมีกิ๊กกับเพื่อนร่วมงาน กลางสำนักงานจนเป็นเหตุให้ถูกปลดจากตำแหน่งหัวหน้าโครงการบ้านจัดสรรเพื่อครอบครัวสุขสันต์ สุดท้ายของเคนอิชิก็ยังคงจ้างแม่บ้านมิกะและไม่ได้ลงโทษลูกสาวชิโอริแต่อย่างใด อย่างมาก็แค่เดินคอตกกลับบ้าน อันนี้ยังไม่รวมผลโหวตจากบรรดาลูกๆ ที่ไล่พ่อออกจากบ้านจนต้องไปนอนตามโรงแรมชั่วคราว.......ความไม่สมเหตุสมผลในตอนที่เฉลย อันนี้ไม่รู้สิ ..อาจจะเกิดขึ้นกับผู้เขียนคนเดียวก็ได้ แล้วยิ่งกระเป๋าเอนกประสงค์ ที่คล้ายว่าจะมีทุกอย่างแบบรู้การณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้า อันนี้ก็รู้สึกว่าจะตอบได้ไม่เคลียร์ ยิ่งมาเสริมความขัดอกขัดใจจากสภาพสภาวะความเป็น "ครอบครัวล้มเหลว"ใจก็นึกอยากจะด่าซีรีย์เรือ่งนี้อย่างเต็มที่ แต่พอมาเจอะว่าเรตติ้งมหาชนอย่างงี้ จึงต้องอ่อนน้อมนอนพับเพียบอย่างเจียมตน และเกาะกระแสซีรีย์ประวัติการณ์มหาชนอย่างกล้ำกลืน..."
เขียนไว้เมื่อ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕
|
Create Date : 30 ธันวาคม 2555 | | |
Last Update : 31 ธันวาคม 2555 18:28:59 น. |
Counter : 7228 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Doctor X พยัคฆ์สาวจ้าวฟรีแลนซ์
เมื่อปลายปีที่แล้วได้เกิดปรากฎการณ์แม่บ้านมิตะ ที่ทำให้Kaseifu no Mitaกลายเป็นซีรีย์ ที่มีเรตติ้งคนดูสูงสุดในปี๒๐๑๑ และเป็นปรากฎการณ์ประวัติศาสตร์ทางซีรีย์ทีวีของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในตอนอวสาน(ตอนที่๑๑) เรตติ้งทะยานแบบฉุดเกือบไม่อยู่ ขึ้นสูงถึงร้อยละ๔๐ ของยอดคนดูทีวีทั้งหมดในช่วงนั้น ถือเป็นประวัติศาสตร์ของซีรีย์เรื่องแรกในสหัสวรรษนี้ และยังเป็นที่๓ตลอดกาล นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติยอดผู้ชมคนดูกันมา (แน่นอนว่าสถิตินี้นับเฉพาะcommercial broadcasting เท่านั้น)
ดังนั้นปลายปีนี้ .............ก็ดูทำท่าว่าจะมาซ้ำรอยเหมือนกับปีที่แล้ว เมื่อDoctor X แห่งค่ายอาซาฮีทีวี ที่เริ่มฉายไปในฤดูกาลปลายปีรับใบไม้ผลิ ทำสถิติซีรีย์ที่มีคนดูสูงสุดประจำปีโลกแตก๒๐๑๒ ด้วยค่าเฉลี่ยแปดตอนอยู่ที่๑๙.๑% ซึ่งถือว่าสูงกว่าซีรีย์ทุกค่ายนับตั้งแต่ต้นปีมา และที่ดูจะคล้ายกับKaseifu no Mita ก็ตรงที่มีจุดขายหลัก เป็นดารานำหญิงรุ่นวัยกลางคนเป็นหัวหาดของเรือ่งเสียด้วย (จะว่าไปปีนี้มีซุป'ตาร์สาวคราวรุ่นที่หายหน้าไป กลับคืนวงการค่อนข้างเยอะ อย่าง ยามากูชิ โทโมโกะก็คืนวงการมารับเล่นGoing my Homeทางช่องฟูจิ โทกิวะ ทากาโกะก็กลับมาคืนจอหลังจากหายไปสามปีกว่าเพื่อมาเล่นมูฟวีซีรีย์ Tonbi ของค่ายTBS เหมือนจะรู้ว่ารสนิยมในการโหนกระแสดารานำชายจะไม่ค่อยเวิร์ก เลยไปลากดาราสาวก้นครัวคืนสู่วงการเป็นทิวแถว เพราะทำแล้วเรตติ้งดี!)
Doctor X หรือชื่อเต็ม Doctor X ~ Gekai Daimon Michiko เป็นเรื่องของศัลยแพทย์สาว "ไดมอน มิชิโกะ" ผู้มารับงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยอาศัยการรับรองผ่านจดหมายจากตัวแทนนายหน้าที่จัดหาแพทย์ผู้ชำนาญ (doctor placement agency) ไปตามโรงพยาบาลต่างๆที่กำลังขาดแคลนบุคลากรมีฝีมือ ซึ่งโรงพยาบาลที่เธอเพิ่งจะรับเข้าทำงาน กำลังมีนโยบายเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งใหญ่ ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์หลายคนต้องลาออกหรือไม่ก็ขอย้าย เนื่องด้วยสภาพการทำงานหนักขึ้น และเต็มไปด้วยภาวะกดดันนานาประการ การมาอย่างฉุกละหุกของเธอ เท่ากับเป็นการยืนยันสถานะไม่ต่างจากพนักงานfreelance ด้วยเงื่อนไขที่จะไม่ได้รับการเข้าถูกบรรจุ ไม่ถือเป็นบุคลากรถาวรของโรงพยาบาล และในทุกเคสต์ปฏิบัติการ มีผลสภาพโดยตรงที่ตัวเธอเองจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว..........
Averse to Crowds,Averse to authority,Averse to constraints.
(รังเกียจฝูงชน-อำนาจ-ข้อจำกัด)
A Medical specialist's license&her self-honed skill are her only weapons.
(ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์และทักษะเฉพาะตัวที่เพิ่มพูนขึ้น คืออาวุธเพียงไม่กี่อย่างของเธอ)
Surgeon Daimon Michiko.Also known as Doctor X.
(ศัลยแพทย์ไดมอน มิชิโกะ หรือที่รู้จักกันดีในด็อกเตอร์เอ็กซ์)
ซึ่งก็ต้องบอกว่าการเป็นFreelance มันช่างเข้ากับลักษณะนิสัยส่วนตัวของไดมอน มิชิโกะ ด้วยบุคลิกที่ไม่ชอบปฏิบัติตามกรอบวินัยหรือประเพณีที่เธอเห็นว่าไม่เข้าท่า เป็นคนรักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พูดจาขวานผ่าซาก และชอบแต่งตัวตามแต่ใจของเธอ (straight forward personality) เธอจึงถูกมองว่าจะเป็นตัวปัญหาสำหรับโรงพยาบาลมาตั้งแต่ต้น (จนเพื่อนร่วมงานล้อเลียนชื่อของเธอใหม่ว่าเป็นตัวDemonมากกว่าที่จะเป็นDaimon Michiko) แต่ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ด้านศัลยแพทย์ชั้นเซียน (brilliant sergeon doctor) ชนิดมือฉมัง รวดเร็ว และที่สำคัญ
"เธอไม่เคยทำงานผิดพลาด !"
ที่จะกลายเป็นวลีฮิตติดปากของเธอ จึงไม่มีใครหน้าไหนแม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่จะกล้าไปแตะต้องหรือเซ็นต์คำสั่งยกเลิกสัญญา เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีประโยชน์ต่อกันและกัน แต่ขณะเดียวกัน ทางโรงพยาบาลก็หาทางกลั่นแกล้งด้วยการกำหนดเคสต์การรักษาที่ยาก หากผ่าตัดทำสำเร็จ ชื่อเสียงและหน้าตาก็มักจะตกกับโรงพยาบาลหรือหมอคนไหนก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ แต่สุดท้าย เธอก็มักจะแก่เผ็ดด้วยการใช้ประโยชน์จากความเป็นfreelance surgeon ด้วยตามเก็บค่ารักษาที่แพงสุดกู๋เพื่อสู้ราคากับทางโรงพยาบาล โดยจัดเก็บผ่านนายหน้า ทั้งค่ารักษาที่คิดเป็นชิ้นงานพิเศษ ค่าล่วงเวลา และอินเซนทีฟการรักษาในอัตราก้าวหน้า เบ็ดเสร็จแม้เล็กน้อยก็คิดทบกันไม่เหลือ จึงมองข้ามเส้นมิตรภาพความสัมพันธ์ระยะยาวไปได้เลย
ความเป็นซีรีย์ "หมอขบถ" พล็อกนี้ ที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า hospital authority hierarchy ดูจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการบันเทิงซีรีย์หมอด็อกฯนัก ดูไปดูมา ออกจะคล้ายกับซีรีย์สองหมอ คือ บทของหมอเรียวทาโระ อาซาดะ จากTeam Medical Dragon (ที่เป็นหน้าเป็นตาของค่ายฟูจิ ซึ่งถูกสร้างมา๓ภาค) กับบทของหมอชินโด้ อิซเซะ ในKyumei byoto 24 ji (ก็เป็นฟูจิเจ้าเดิม แต่สร้างมา๔ภาคแล้ว) คือ เป็นกบฎต่อทุคติองค์กรแต่สะท้อนจริยธรรมทางการแพทย์ โดยใช้พรสวรรค์ที่ร่ำเรียนมาพร้อมกับอุดมการณ์ที่มุ่งมั่น ฝ่าฟันนาวารัฐองค์กรที่เน้นชื่อเสียง จากงานวิจัยและเม็ดเงินตามลัทธิทุนนิยม เพียงแต่Doctor Xจะมีความต่างไปจากสองเรื่องที่ว่า อย่างแรกๆ คือ หลุดไปจากความเป็นอุดมคติแบบมิยาโมโต้ มูซาชิ (ซามูไรในตำนาน) ที่ต้องเคร่งครึมเข้าว่า ดำรงชีวิตแบบสิงห์พเนจร ไม่แสดงออกทางอารมณ์แม้จะสุดช้ำมาก็ตาม มีภาพลักษณ์แบบปากอย่างใจอย่าง จนกว่าอีกฝ่ายจะบรรลุเข้าใจปริศนาธรรมกันเอาเอง แต่จะปลดปล่อยสิ่งพิสูจน์ความท้ายทายเหล่านั้นผ่านปลายมีด
ความที่Doctor Xเป็นซีรีย์ที่ใช้นักแสดงหญิงนำ ที่แม้รูปแบบโครงสร้างจะดูคล้ายๆกัน แต่ไดมอน มิชิโกะก็มีทิศทางการใช้ชีวิตที่ต่างออกไป มีโลกของผู้หญิงกลางคืนที่เริงร่า และโลกของผู้หญิงบ้างานในภาคกลางวัน แสดงออกทางอารมณ์ผ่านทางนิสัยและการแต่งตัว มิชิโกะจึงมีอวตารในคนๆเดียวอยู่หลายร่าง แต่เป็นมนุษย์ที่สัมผัสได้มากกว่าตัวละครหมอเทพ แม้จะชำนาญในด้านผ่าตัด แต่ในวงไพ่นกกระจอกเธอเป็นแค่มือรองบ่อน ถึงจะขาดอัธยาศัยในการเข้าสังคม จะพูดจะจาแต่ละครั้งเป็นต้องวงแตกในยามที่เพื่อนพูดซึ้ง แต่เธอก็เปิดใจรับความแตกต่างและรู้จักโน้มน้าวทางเลือกที่ดีให้กับผู้อื่น ทั้งแก่ทางคณะและคนไข้ มิชิโกะจึงไม่ใช่คนประเภทที่ปะทะกันตรงๆเล่นไม่เลิก เพียงทว่าจะไม่ให้ค่าในเชิงโลกธรรม จำพวก การมีชื่อเสียงเงินทอง ลาภยศ หรือคำสรรเสริญ ที่แม้จะเป็นคุณค่าเทียม จากหลักวิชาชีพแต่ก็มีบุคลากรทางการแพทย์ไม่น้อยถวิลหา ซึ่งจะคิดไม่เหมือนกับมิชิโกะ ที่ให้คุณค่าแท้กับการแคร์ชีวิตหรือเห็นอกเห็นใจในตัวคนไข้เป็นประการแรก (sympathetic towards the patients) แม้ว่า ......บางทีจะเป็นการก้าวก่ายข้ามแผนก ไม่ได้รับการเซ็นรับรองของญาติ หักหน้าเพื่อนร่วมงานที่เป็นเจ้าของคนไข้ หรือเปลืองแรงเปลืองตัวจากสิ่งไม่ใช่เรือ่ง ด้วยทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากสำมัญสำนึกทางวิชาชีพ ที่ดูจะผิดกับรูปลักษณะภายนอก อีกทั้งตัวเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกผิดบาปอะไรนัก กับการที่จะต้องแคร์กลุ่มหรือคนรอบข้างตลอดจนวัฒนธรรมองค์หรือยี่หระต่อกฎวินัย เพราะงานฟรีแลนซ์ จะเน้นถึงผลสัมฤทธิ์ของตัวงานเป็นสำคัญ
อย่างที่สอง ถ้าซีรีย์ที่หยิบยกมาข้างต้นอย่างTeam Medical Dragon และ จากKyumei byoto 24 ji จะเน้นรูปแบบการทำงานเป็นทีมเวิร์ก โดยให้ความสำคัญในแง่ คนเก่งก็เหนือ่ยเป็นถ้าไม่เห็นหัวเพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนร่วมงานแย่ๆต้องหาทางแก้ ด้วยดึงคนเก่งๆมาแอ็คทีฟ ซีรีย์Doctor Xเกือบจะมีส่วนคล้ายอยู่ตรงนั้น เพียงแต่..........ความเป็นทีมมันไม่ได้ถูกนำมาใช้ชัดเจนเหมือนกับสองเรื่องที่หยิบยกข้างต้น แต่จะถูกวางไว้ในส่วนของแต่ละแผนกที่มีผลต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมแกมบังคับ ระหว่างผอ.กับตัวมิชิโกะ ส่วนจะเป็นเพื่อการแก้เผ็ดที่ชอบหักหน้าหรือสถานการณ์บังคับก็สุดแท้แต่
ส่วนหนึ่งที่พอเข้าใจว่าทำไมDoctor Xจึงครองใจคนสว่นมากได้ ก็เพราะแต่ละเคสต์ ที่มิชิโกะต้องเข้าไปแก้มันสอดรับกับการวางแผนจากเบือ้งบน ที่มองว่าเธอเป็นผู้มาใหม่ ที่เต็มไปด้วยนิสัยดื้อรั้น-ทิฐิสูง แต่สำหรับตัวเธอ มองเป็นความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะcatchphrase หรือวลีเด็ดเชิงอหังกาที่ว่า "Watshi, shippai shinai no de" ประมาณว่า "อั๊วะไม่เคยทำอะไรผิดพลาดสักอย่าง" มันน่าจะมองได้สอง-สามนัยยะ
-นัยยะแรก พูดเพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความหมั่นไส้จนอยากจะสั่งงานอะไรสักอย่างเพื่อลดทิฐิ
-นัยยะที่สอง เป็นการพูดเพื่อท้าชนต่อความไร้ประสิทธิภาพขององค์กร โดยเฉพาะด้านบุคลากร ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักอันดับแรกของนโยบายการบริหาร ที่จะมีผลสืบเนื่องยังปัญหาอื่นๆ อันเป็นสาเหตุให้เธอได้มาทำงานเป็นfreelance ณ ที่แห่งนี้
-นัยยะที่สาม การกระทำก็สอดรับกับคำพูด-มิชิโกะไม่เพียงแค่เป็นสาวนิรนามที่เก่งแต่พูดเท่านั้น ตรงกันข้ามแนวทางการรักษาที่หมออื่นยังท้อ หมอมิชิโกะก็สามารถหาวิธีการอื่นที่คาดไม่ถึง มันจึงเป็นปริศนาตั้งแรกเริ่มว่า ความเก่งฉกาจแต่ยังอาดทำตัวเป็นฟรีแลนซ์ลอยชายไร้สังกัด อยู่เช่นนี้ย่อมที่จะต้องถูกตั้งคำถาม ซึ่งซีรีย์ก็ค่อยๆปล่อยทะยอยบอกไปทีละนิดให้คนดูติดตรึม โดยจะเน้นในส่วนเฉพาะของหมอมิชิโกะเป็นสำคัญ ประมาณว่าเกี่ยวพันกับข่าวลือในตำนาน ว่าด้วยเรื่องของDoctor Xและเสียงซุบซิบว่าเธอหน้าเงินจนทำให้เกิดความผิดพลาด ในการรักษา จนเป็นเหตุให้คนไข้คนดังกล่าวเสียชีวิตในอีกหนึ่เดือนต่อมา
Who the heck is this Daimon Michiko?
(คนที่ชื่อไดมอน มิชิโกะนี้ใครหว่า?)
She volunteers to take on any operation for money.
(หล่อนก็เป็นพวกมืออาสาที่ทำอะไรสักอย่างเพื่อเงินไง)
No Matter how great the risk to the parient.She's a filthy mercenary.
(ไม่สำคัญว่างานชิ้นนั้นจะเสี่ยงต่อคนไข้แค่ไหน หล่อนก็เป็นพวกมือรับจ้างแบบสกปรก)
ส่วนประเด็นการขึ้นเขียงผ่าตัด หลายเคสต์ทำให้นึกถึงซีรีย์ของค่ายฟูจิทีวี เพราะใช้วิธีการรักษา เหมือนจะคล้ายกับซีรีย์Team Medical Dragon ที่ตัดส่วนโน้นมาปะส่วนนี้ (เพียงแต่ตัวเอกเขาไม่อวดดีเท่ากับเรื่องนี้) ด้วยศัพท์แสงและสูตรวิธีที่ฟังแล้วดูมึน แต่ก็ดูสนุกในแบบที่คนเขียนบทต้องทำการบ้านอย่างหนัก "นาคาโซโนะ มิโฮะ" ที่ดูไลท์ไทม์ไม่น่าจะเคยเอาดีในสายซีรีย์แพทย์มากอ่น และที่่ผ่านมา ก็ดูจะเอาดีในสายคอเมดี้ อาทิ Anego กับCall Center no Koibito และสองปีที่แล้ว ก็เคยได้ร่วมงานกับโยเนกุระ เรียวโกะนางเอกเรือ่งนี้มาแล้ว จากเรื่องNasake no Onna ที่ตอนนั้นเรียวโกะรับบท female leopard นักสืบสาวด้านภาษีซึ่งก็ฉายทางช่องอาซาฮีเช่นกัน
จะว่าไป ซีรีย์เรื่องนี้ก็มีตัวนักแสดงสมทบตามสูตรซีรีย์แนว Medical Drana ที่ใส่ความเป็นเอนเตอร์เทน ที่สามารถเข้ากันได้กับโลกความเป็นจริงชนิดเต็มสูบ โดยอาศัยแยกไปตามแผนกความรับผิดชอบเฉพาะด้านของตน เพียงแต่ว่า ในDoctor X ตัวสมทบเหล่านี้ดูจะไม่ค่อยเด่นเมื่อเทียบกับแนวซีรีย์คล้ายๆกัน แม้ว่าภาพรวมนักแสดงเหล่านี้ดูจะไม่ขี้ริ้วขี้เหร่และเคยผ่านงานซีรีย์แนวนี้มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นยูกิ อุชิดะ (Team Medical Dragon 2,Gyne,Innocent Love) มาซาโนบุ คัตซึมุระ (Doctor in Love,Code Blue,Smile) โคสุเกะ ซุสุกิ (Kosuke Suzuki,Ns' Aoi) ยาสุโนริ ดันตะ (My Husband,Good Luck!!) แม้แต่ดารานำฝ่ายพระเอกอย่าง ทานากะ ไค (HimitsuDiplomat Kosaku Kuroda, Taiyo no uta) ที่เดิมปกติมักจะได้รับบทตัวรอง พอมาคราวนี้เหมือนจะยกระดับขึ้น แต่เอาเข้าจริงทั้งบทและทั้งการแสดง ก็ยังปฏิบัติให้เขาเหมือนตัวรองเช่นเดิม แต่ตัวฝ่ายชายที่โดดเด่นกับตกอยู่กับรุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นชิโระ อิโตะ ที่รับบทเป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาล อิโตกุ คิชิอิ (Team Medical Dragon,Tomorrow) ที่รับบทเป็นผู้จัดหาแพทย์อิสระให้กับโรงพยาบาล ชิเกรุ มุโรอิ (Samurai High School,4 Shimai Tantei Dan) เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารแผนนโยบายให้กับโรงพยาบาล กลายเป็นว่าเธอต้องมาปะฉะดะชกข้ามรุ่นกับพวกอาวุโส ยิ่งเป็นตัวเสริมความเด่นให้กับ ตัวละครไดมอน มิชิโกะมากขึ้นกว่าเดิม เลยไม่เป็นที่สงสัยว่ารางวัลTDAAซีซันนี้ เธอคงจะเข้าวินมาแน่นอน! แม้ตัวพล็อกจะดูธรรมดาตามเส้นขนบในสายMedical Drama แต่ในแง่การจับจุดตัวละครเอกในมุมมองที่หลากหลาย มีความเป็นมนุษย์มิใช่เทพประทาน! และที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงนี้สิ! ซึ่งยังนึกไม่ออกว่า จะเคยมีตัวละครเอกที่เป็นหญิงมาก่อนรึป่าว? เพราะไม่ว่าจะเป็นTeam Medical Dragon,Kyumei byoto 24 ji,Dr.KotoShinryosho หรือTeam Batista ล้วนแล้วแต่ให้ชายเป็นใหญ่มาโดยตลอด จึงน่าจะเป็นเรือ่งแรก (มั้ง?) ที่มาเป็นปากเป็นเสียงให้กับสตรีเพศ และที่สำคัญมาครั้งนี้ ...... เสียงมันมาดังเสียด้วย!! ส่วนภาคสเปเชียลต่อจะมีไหม? ไม่ต้องห่วงเพราะป้าเรียวโกะเธอสัมภาษณ์แย็บเปิดทาง เอาไว้แล้วว่า ตัวละครไดมอน มิชิโกะกับคนดู เราคงได้กลับมาพบกันใหม่..... พูดก่อนโปรดิวเซอร์จะประกาศแผนงานสร้างภาคต่อเสียอีก!
ความจริงผู้เขียนก็หาได้สนิทอะไรกับป้าโยเนกุระ เรียวโกะเท่าไรนัก เหตุที่ใช้สรรพนามว่า "ป้า" เพราะว่าปัจจุบันอายุป้าแกเข้าหลักเลข "๓๗" เป็นชาวโยโกฮามา ที่เริ่มต้นเข้าวงการจากการถ่ายแบบตามนิตยสาร แต่มีผลงานทางการแสดงจริงๆ คงน่าจะยุุคปี๒๐๐๐ โดยซีรีย์เรื่องแรกของป้าเธอ เธอเล่นเป็นตัวละครเล็กในเรือ่งKoi no Kamisama ทางช่องTBS จากนั้นเส้นทางในผลงานที่ผ่านมา แค่ไม่โคจรทางสายตากับผู้เขียนสักเรือ่งเลย อาจจะมีLove Revolutionในปี๒๐๐๑ แต่ผู้เขียนก็ความจำสั้นสิ้นคิดไปนานแล้ว แต่ผลงานที่สร้างชื่อเธอมากที่สุด คงจะเป็นซีรีย์เรือ่งKoshonin (Negotiator) เฉพาะซีรีย์ทีวีก็มีถึงสองภาค สเปเชียลอีกหนึ่ง และลงโรงภาพยนตร์อีกด้วย ป้าแกเล่น เป็น"อุซางิ เรอิโกะ" สมาชิกของหน่วยสืบสวนพิเศษSIT (Special Investigation Team) และถ้าดูตามBuzz NewsในTokyohive ป้าเรียวโกะเธอน่าจะเป็นนักแสดงแม่เหล็ก ของค่ายอาซาฮีทีวี เพราะเป็นตัวสร้างเรตติ้งที่ดีให้กับซีรีย์ที่เธอเลือกเล่น ไม่ว่าจะเป็น Kurokawa no Techo (๒๐๐๔) - ๑๗.๖%,Kemonomichi (๒๐๐๖) - ๑๖.๔% ,Koshonin (๒๐๐๘) ๑๖.๗% และ “Nasake no Onna” (๒๐๑๐) - ๑๗.๖% สถิติขนาดนี้ผู้เขียนยังพลาดผลการรับชม เพราะมัวไปหลงฝีหน้ามากกว่าฝีมือการแสดงไปได้ไง!
เมื่อพูดถึง "โยเนกุระ เรียวโกะ" กันมาก เพราะเรือ่งนี้บทส่งให้เธอเกิดจริงๆ เธอเป็นทั้งตัวเดินเรื่อง ตัวสร้างความขัดแย้ง เป็นคู่กรณีโดยตรง ทั้งผู้นำ และบางทีก็เล่นบทผู้ตาม เป็นทั้งคนธรรมดา และพร้อมจะเป็นวีรสตรีในยามวิกฤต มีคนรักเท่าฝาบ้านแต่คนชังเท่าฝาโค้กส่งไปชิงโชค มีทั้งอดีตอันมืดหม่น จนถึงปัจจุบันที่จวนอยู่เจียนไป และด้วยสีสันจากวีรกรรมหลายวัน แบบที่ทั้งต่างกรรม ต่างวาระและต่างแผนก ที่ยังไม่รวมบุคลิกที่ฉีกกฎและแหวกแนว จากแพทย์เพื่อนร่วมงานทั่วไป รวมถึงภาพของความเป็นฟรีแลนซ์ในอาชีพศัลยแพทย์ ที่ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะมีเคยมีมาก่อน แค่ตัวบทมันก็มีความน่าสนใจเป็นเบือ้งต้นแล้ว ไม่แปลกที่เรตติ้งเปิดตัวตอนแรกจะออกตัวแรง แม้จะได้เป็นเพียงที่สองรองมาจาก Aibou Elevenซึ่งเป็นซีรีย์ของค่ายเดียวกัน แต่แน่ละเรือ่งหลังจะได้เปรียบกว่า เพราะสร้างมาก่อนแล้ว๑๐ภาค (โดยAibouเปิดตัวที่๑๙.๙%ขณะที่Doctor X เปิดตัวที่๑๘.๖%) จากนั้นDoctor Xก็รักษาระดับทรงตัวที่ไม่ต่ำกว่าร้อละ๑๗ จนเข้าสู่ตอนที่แปดซึ่งเป็นตอนสุดท้าย ซีรีย์สร้างระดับที่ต้องถือว่าล้นหลาม ๒๔.๔% (เห็นว่าช่วงเวลาสี่ทุ่ม มีแตะไปถึง๒๙.๙%ด้วย) แม้จะไม่สูงเวอร์แบบKaseifu no Mita ที่ทำไว้ในปีที่แล้วแบบ๔๐%ในตอนอวสาน (และดูเหมือนแม่บ้านมิตะจะคงไม่มีวันมีภาคต่อเพราะ คนเขียนบทประกาศออกตัวเป็นที่เรียบร้อย NTVจึงแก้ลำได้เพียงการรีรันนำมาฉายซ้ำต่อเท่านั้น) ถ้านับเอาเวลานี้ ก็ต้องถือว่าDoctor Xยังเป็นซีรีย์ที่มีเรตติ้งสูงสุดประจำปีนี้ ที่ "๑๙.๑%" ซึ่งตามทฤษฎี ซีรีย์ที่ไล่ตามจ่อก้นอันดับสองเป็นของค่ายฟูจิทีวี Pricelessของทาคุยะ ยังพอมีโอกาสเฉือนชนะแต่บอกตามตรงว่ายากมาก เพราะช่วงต้นเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่เริ่มมาดีขึ้นเอาช่วงท้ายๆ ตอนนี้ออนแอร์ไป๘ตอนอยู่เฉลี่ยที่ ๑๗.๕๕% ซึ่งในตอนที่เหลือคนดูจะต้องก่อม็อบในตัวเลขที่เวอร์แบบก้าวกระโดด และช่วงท้ายเดือน มักเป็นช่วงเวลาแผ้วปลาย เพราะคนดูอยากจะออกไปช้อปปิ้งมิดเยียร์เซลล์ ผู้เขียนจึงมาขอแสดงความยินดีล่วงหน้าให้กับป้าเรียวโกะตั้งแต่ไก่ง่วงโห่ข้ามวันคริสต์มาส .... ........
อ้างอิง Dramacrazy,Wikipedia,Tokyohive.Asianwiki
Create Date : 22 ธันวาคม 2555 | | |
Last Update : 2 มกราคม 2556 21:41:33 น. |
Counter : 11739 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Juunen Saki mo Kimi ni Koishite ขอข้ามเวลาเพื่อหย่ารัก
ด้วยประสบการณ์ที่พอเคยได้ดูซีรีย์ของทางช่องNHKมาบ้าง ถ้าเอาประเภทที่รับรู้ รับทราบและพอเข้าใจเอาเอง โดยเฉพาะตัวผู้เขียนแล้ว น่าจะแยกย่อยออกมาได้เพียง๒แนวทางใหญ่ คือ ประเภทย้อนยุคขุนศึกซามูไร (Taiga Drama) ส่วนอีกประเภทจะร่วมสมัยหน่อย คือประมาณว่ากะมาส่งเสริม ให้ใฝ่รู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science & Technology Drama) ดังนั้นที่ผ่านมา.........ผู้เขียนจึงพยายามจะหลีกเลี่ยงซีรีย์หัวข้อแนวแรกเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้อง"อึดมาราธอน"จริงๆแล้ว ด้วยความยาวระดับมหากาพย์ไล่บี้ ด้วยรายละเอียดยิบย่อยที่มีจริงบ้าง มั่วบ้างเพื่อเอามัน ล้วนเป็นอุปสรรคขนาดหนาชิ้นเติบ ที่ผู้เขียนพยายามร่างไว้สาม-สี่งาน เป็นต้องถอยตั้งแต่พารากราฟแรกเสียทุกที
แต่ก็อีกปัญหานั่นแหละ.......พอจะไปส่องซีรีย์ในหมวดหลัง แม้จำนวนตอนจะสั้น(อย่างมากไม่เกินหกตอน) และเหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างร่วมสมัย แถมยังเจาะตลาดวัยรุ่น (ที่กลางคนอย่างผู้เขียนพอดูได้) อีกทั้งต้นฉบับที่เอามาทำ ก็ไม่ใช่ไก่กาหาเอาจากข้างทางกันเสียที่ไหน ถ้าไม่เป็นวรรณกรรมนิยายคลาสสิก ก็มักจะลงเอยเอาจากมังงะการ์ตูน ที่เด็กหัวซอยท้ายซอยต่างก็รู้จักกันดี ส่วนมากเห็นมีแปลลิขสิทธิ์ภาษาไทยเป็นที่เรียบร้อย แต่ข้อดีทั้งหมดที่กล่าวมา สุดท้ายก็โดนสิ่งที่เรียกว่า "วัฒนธรรมซีรีย์" ของทางสถานีNHK แปลงเรือ่งออกมาไม่สนุก หรือเหมือนจะสนุกแต่ก็เป๋ออกทะเลในท้ายครึ่งเรื่อง บางเรื่องก็ออกสะเปะสะปะคล้ายจะจับเอาทุกทาง ส่วนมากจึงเข้าใจเอาเองว่า สถานีคงต้องเปิดเวที ให้ดาราวัยรุ่นหน้าใหม่ที่สถานีไหนยังไม่กล้าลอง ให้ลองมาแจ้งเกิดเปิดประสบการณ์ และด้วยความหน้าใหม่นี้แหละ หลายครั้ง.....ก็เป็นสว่นหนึ่งในการทำลายเนื้องานของตัวซีรีย์ แม้ดูจะตั้งใจเล่นก็ตาม
แต่พอได้เห็นหน้าหนังของซีรีย์ที่ชื่อ Juunen Saki mo Kimi ni Koishite ซีรีย์จำนวน ๖ตอน ของค่ายNHK ที่ออกอากาศปลายปี๒๐๑๐ ก็ค่อนข้างแปลกใจ เพราะถ้านับเอาระดับสตาร์ "อุเอะโต อายะ" นักแสดงสาวระดับแถวหน้าเบอร์ต้นๆ ไม่น่าเชื่อว่า เธอจะหาเวลามาลงจอให้กับช่องแซทเทินไลฟ์ทีวีกึ่งรัฐวิสาหกิจกึ่งเอกชน ไหนงานซีรีย์ช่องทีวีเอกชนก็แน่นเอียด อีเว้นท์โฆษณาก็เป็นเจ้าแม่เบอร์หนึ่งของที่โน้น เมื่อสังเกตในจุดขายอื่นจะว่าไป มันก็ไม่ได้เป็นซีรีย์ที่ขายตัวนางเอกอายะเพียงอย่างเดียว ทว่า............มันยังมีจุดที่น่าสนใจ ที่พอเรียกสีสันคนดูทั้งจานในและจานนอก อาทิ.......
ก) การกลับมารับบทย้อนเวลาของลุงอุชิโนะ มาซาอากิอีกครั้ง หลังจากเรียกเสียงฮือฮา ในบทซากาโมโตะ เรียวมะ ในหมอย้อนเวลาJinทั้งสองภาค (ภาคแรกออนแอร์ปี๒๐๐๙)
ข) ได้เจ้าแม่มือเขียนบทแนวเลิฟคอเมดี้ "โอโมริ มิกะ" ที่เคยสร้างสรรค์ผลงานดังๆหลายเรือ่ง อาทิ My Boss My Hero,Buzzer Beat,Kimi wa Pet และล่าสุด Hungry!
ค) แม้แต่คนแต่สกอร์เพลง ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ "โคโนะ ชิน" ที่คร่ำหวอดทางด้านดนตรี ให้กับซีรีย์ทีวีตั้งแต่ปี๒๐๐๐ งานที่พอรู้จักน่าจะมี Byakuyako,Iryu,Tokyo Tower,Koizora Hanazakari no Kimitachi e,Ninkyo Helper และล่าสุดATARU
แต่เหนืออื่นใด ...........ผู้เขียนว่า เริ่มต้นแค่บทย่อของเรื่อง มันก็น่าสนใจแล้ว ที่ถึงจะเป็นเรื่องของ "การย้อนเวลา" ที่ว่าโหล๋โคตร!สำหรับวงการซีรีย์ญี่ปุ่น แต่ที่มันไม่ธรรมดาเพราะว่าการข้ามมิติเวลาครั้งนี้ มันมาเพื่อทำให้ความร้าวฉาน!
ซีรีย์ว่าด้วยเรื่องของบรรณธิการสาวโสดวัย๒๖ "โอโนซาวะ ริกะ" (แสดงโดยอายะ) เธอได้ทำงานในสิ่งที่เธอชอบมาจากการเป็นหนอนนักอ่าน นั่นคือ การได้เป็นบก.หนังสือ ซึ่งหน้าที่หลักๆของเธอ จะต้องทำตัวเป็นพี่เลี้ยงของนักเขียนที่เซ็นสัญญากับทางสำนักพิมพ์ ทั้งในเรื่องการดูแลเอาใจใส่ ช่วยค้นคว้าข้อมูล เป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิต และติดตามทวงงาน ด้วยความที่รักในงานหนังสือมาก จึงทำให้เธอมุมานะต่องานจนดำรงความโสดถึงปัจจุบัน แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ............ ก็ได้มีชายแปลกหน้าร่างใหญ่แต่งตัวด้วยชุดคลุมปกปิด สะกดย่องตามเธอจนเป็นที่ผิดสังเกต ริกะจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นพวกสตอร์กเกอร์โรคจิต ด้วยความกล้าๆกลัวๆสุดท้ายจึงรวบรวมความกล้าถามกับเขาตรงๆ คำตอบที่ได้กลับมา กลับเป็นประโยคที่เตือนการกระทำในอนาคต อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าว่า ............
"อย่าขึ้นรถเมล์คันที่กำลังรออยู่ เพราะนั่นมันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล"
แน่นอนว่า...........ความที่เธอไม่เชื่อถือคำพูดของคนแปลกหน้า ริกะจึงได้ขึ้นรถเมล์คันนั่น แม้ว่าสิ่งที่เขาได้บรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดในรถเมล์คันดังกล่าว จะตรงกับสิ่งที่เขาพูดทุกประการ จนเมื่อรถมาจอดถึงปลายทาง ทำให้เธอ ได้พบกับนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทดลองการติดสัญญาณจีพีอาร์เอสบนกระต่ายโดดร่ม เป็นเหตุให้ทั้งสองรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น สุดท้ายเขาก็แนะนำตัวเองให้เธอรู้จัก ว่าตัวเขาเองมีชื่อว่า "มารุยามะ ฮิโรชิ" อายุ๔๐ สังกัดการทดลองให้บริษัทเอกชนที่กำลัง ทำงานวิจัยเรื่อง "ลิฟต์อวกาศ" ที่เป็นจินตนาการตอนหนึ่งในหนังสือของไอแซค อาซิมอฟ ซึ่งตัวริกะเองที่เป็นหนอนหนังสือตัวยง ก็เคยอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกันแต่สิ่งที่ริกะไม่เคยรู้เลย ก็คือว่า ................ ชายที่สะกดรอยตามเธอคนดังกล่าว จริงๆแล้วเขาก็คือ มารุยามะ ฮิโรชิในสิบปีข้างหน้า ซึ่งตอนนั้นเขาและเธอ กำลังมีเรื่องระหองระแหงถึงขั้นรอการเซ็นใบหย่า หลังจากที่ได้ ใช้ชีวิตคู่แต่งงานร่วมกันมาเกือบสิบปี การที่ฮิโรชิสามารถย้อนเวลากลับมาได้ ก็ด้วยอานิสงส์ของผลงานการวิจัยในเรื่องลิฟต์อวกาศ ที่เป็นผลพ่วงสืบเนื่องกันมา และเป้าหมายหลักที่ย้อนเวลากลับมา คือ การโน้มน้าวใจทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ริกะ เลิกสนใจในตัวเขาที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบัน เพื่อที่จะไม่ให้เธอต้องมาเสียใจทุกข์ระทม กับการครองชีวิตสมรสที่ไม่สมรัก ในการร่วมหัวจมท้ายไปพร้อมกับเขา และหันหาใครสักคนที่ดีกว่าซึ่งก็มีคนที่แอบเล็งเธอไว้เช่นกันซีรีย์พยายามพูดถึงประเด็น "ความจริง" สองด้าน ที่ย้อนแย้งกันทางมิติเวลา การจริงใจต่อความรู้สึกของตัวเองในปัจจุบันกับความเป็นไปที่เป็นจริง ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อปัจจุบันที่ไม่อาจจะหยั่งรู้ถึงอนาคต ต้องมาพบกับ คนของโลกอนาคตที่รู้ฐานะทั้งอดีตและอนาคต และพยายามนำสาสน์ของอนาคต มายับยั้งต้นตอของเหตุแห่งปัจจุบัน อันมีผลบั้นปลายในอนาคต ปัญหาชีวิตคู่ที่ต่าง ก็ต้องแบกรับร่วมกันถึงแม้ว่าจะอยู่ในมิติเวลาคนละภพ และวัยที่เติบโตต่างกัน ฮิโรชิแห่งโลกอนาคตที่เริ่มต้นค่อนข้างจะเชื่อมั่นในการกระทำของตนเอง ที่จะมาเปลี่ยนแปลงอดีต เพราะรับไม่ได้กับการปฏิบัติที่หมางเมินของศรีภรรยาริกะ ส่วนริกะในโลกปัจจุบัน จากเดิมที่จะปักใจว่าจะลงหลักปักฐานกับคนที่ใช่อย่างฮิโรชิ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็เริ่มเกิดความไขว้เขว้ด้วยคำตอบที่แน่ชัดว่าอนาคตของคนทั้งคู่ จะต้องล่มสลาย ที่ตัวเธอเองก็ยากสุดจะประเมินและความอิหลักอิเหลื่อมนี้ ก็ไปบั่นทอนระยะคบหาดูใจกันระหว่างตัวริกะที่มีต่อฮิโรชิในยุคปัจจุบันแต่สุดท้าย.......เมื่อทั้งสองแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างมีและพบเห็น โดยเฉพาะฮิโรชิที่ละเลยความรู้สึกแรกพบ ที่จางหายไปนานจากการปฎิบัติที่ชาชิน ทั้งตัวเขาเองที่คลุกเวลาทำงานให้กับงานวิจัยจนมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ แต่กับล้มเหลวในความเป็นสามีที่ไม่มีเวลาให้กับภรรยา เพราะเขาเชื่อว่าการบรรลุ ซึ่งงานวิจัยเรื่องลิฟต์อวกาศ จะสามารถทำความฝันตามที่เขาเคยได้ให้สัญญากับริกะ ซึ่งคำตอบที่ได้กลับกลายเป็นการยื่นขอหย่า ส่วนทางริกะในโลกปัจจุบัน เธอได้พยายามมองโลกที่กว้างกว่าความเป็นจริงในกรอบของปัจจุบัน และเชื่อมั่นว่า ตัวเธอเองจะสามารถหมั่นทบทวนความรู้สึกของตัวเองที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปนับแต่นี้ และเชื่อว่า...........สิ่งที่เธอเลือกเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเธอเป็นที่สุด โดยเริ่มต้นจากการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง และปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ในบรรดาซีรีย์ร่วมสมัยใส่ใจวิทยาศาสตร์ของค่ายNHKนี้ ผู้เขียนคงต้องยกให้เรือ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจที่สุด ด้วยประเด็นของเรือ่งที่น่าสนใจ ตรึงคนดูให้ชวนติดตามได้ตลอด ขยายมิติของความเป็นซีรีย์ย้อนเวลาที่มีเกลื่อนตลาด ถึงแม้ว่า.......... ตัวซีรีย์จะไม่ข้ามพ้นความเป็นNHKซีรีย์ในแนวร่วมสมัย อาทิ รายละเอียดที่หยุกหยิกน่ารำคาญ ทิศทางของซีรีย์ที่ดูกล้าๆกลัวๆ พวกลูกกักลุูกหลุด ไคล์แม็กซ์ตอนจบที่ไร้พลัง บางฉากก็เยินเย้อบางครั้งก็รวบรัด มิติตัวละครก็ถ่ายทอดอย่างตื้นๆ เป็นต้น แต่ด้วยมือเขียนบทซีรีย์ชั้นเทพีอย่างโอโมริ มิกะ ประกอบกับความเก๋าของซูเปอร์สตาร์ อย่างลุงอุชิโนะกับน้องหนูอายะ ที่ดูไม่น่าจะเล่นเป็นคนรักกันได้ ถึงแม้เคมีทั้งสองตลอดทั้งเรื่อง ก็ยังดูจะไม่น่าอินเท่ากับบทพี่กับน้องหรือน้ากับหลาน ยิ่งอุชิโนะตอนหนุ่มต้องมาแต่ง ทรงแบบแบยองจุน แม้ว่าใบหน้าแบนๆจะไม่ใกล้เคียงทางเกาหลี แต่ก็เป็นจิตวิทยา ที่แยกตัวตนของสองมิติเวลาได้ชัดเจน เลยมีอาการอ๊ะๆเอ๋อๆอยู่บ้าง แต่พอดูไป ซีรีย์ก็ค่อยๆกลืนจากเป็นโทษ ก็ชักจะเริ่มเห็นประโยชน์ขึ้น ส่วนดาราสมทบคนอื่นๆอย่าง"โซเมตานิ โชตะ" (จากHimizu)ในบทน้องชายของนางเอก และ"ทัตสึยะ ฟูจิ"ในบทศาตราจารย์ที่เป็นหัวหน้างานของพระเอก ยังคงเป็นอะไรที่ส่งมาเพื่อ สร้างความน่ารำคาญตามสูตรNHK ที่ต้องมีปรากฎมาสักตัวสองตัว ถึงแม้ว่าจะเป็น ประเภทกุมความลับในเรื่องของการย้อนอดีตของตัวพระเอกก็เหอะ แต่มีช่วงหนึ่งตอนที่ ศาสตราจารย์พูดถึงความหลังที่ผิดพลาด ไม่ได้ดูแลภรรยาที่ล้มป่วยให้ดีพอเพราะความบ้างาน ไม่ต่างจากพระเอกที่กำลังเป็นอยู่ได้ ก็สะกิดจุดจีีดไปได้เหมือนกัน
No matter how much and What kind of intelligence human have.
(มันไม่สำคัญหรอกว่า มนุษย์จะมีความฉลาดไปมากแค่ไหน)
You can't change the past.Frankly speaking,That's why time is precious.
(อย่างไรเธอก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอดีตมันได้ พูดให้มันตรงๆเวลามันเป็นสิ่งมีค่า)
You can change the future as much as want.
(อนาคตต่างหากที่เธอสามารถเปลี่ยนแปลงได้เรือ่ยๆตามแต่ใจเธอต้องการ)
ยังดีว่า......ทีมสมทบฝ่ายข้างตัวนางเอก ดูจะเป็นผู้เป็นคนมากหน่อยทั้ง "เกงคิดัน ฮิโตริ" ในบทนักเขียนแนวรักโรแมนติกที่นางเอกต้องค่อยเป็นบรรณาธิการให้ "วาตานาเบ้ เอริ" ในบทหนึ่งในนักเขียนที่นางเอกต้องมั่นตามต้นฉบับและเป็นนักเขียนในดวงใจนับแต่เริ่มอ่าน "คินามิ ฮารุกะ" เพื่อนร่วมงานของนางเอก เป็นสาวช่างฝันและมั่นนัดเดทเพื่อเป็นตัวเป็นตน "ทากาชิมา เรอิโกะ" รับบทเป็นหัวหน้าบรรณาธิการและชอบซอกแซกอยากรู้ถึงสถานะเนื้อคู่ ของตัวเองในสิบปีข้างหน้า โดยนักแสดงสมทบฝ่ายหลังนี้ยังพอยอมรับได้ มีส่วนผสม ที่แม้จะขาดพลังในแง่บทบาทแต่ก็ยังพอเป็นตัวเสริมอรรถรสให้กับเรื่อง แม้ว่าความประทับใจ จากตัวละครโดยหลักทางNHKแต่ไหนแต่ไร ก็ยังยกให้พระเอกนางเอกเป็นลำดับต้นเช่นเคยแต่ที่ยอมรับว่าตัวที่เด่นจริงๆ เห็นจะไม่มีใครพ้นนางเอกที่เล่นโดย อุเอะโตะ อายะ ที่โดยตำแหน่งตัวละครมันเด่นเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว และที่ผู้เขียนเคยผ่านตามาบ้าง ในงานซีรีย์ของเธอแต่ก็ดูไม่มาก เพราะไม่ค่อยปลื้มกับการแสดงของเธอที่ดูสะดีดสะดิ้ง หรือเล่นน้อยก็ดูด๋อยๆ อาทิAttention Please,HotelierหรือNagareboshi ต่างก็เป็นงานที่ผู้เขียนดูเนื้อเรื่องมากกว่าเนื้อหนังขาวๆที่ถือเป็นของแถมติดกันมา แต่ยอมรับว่าในซีรีย์เรื่องนี้ อายะเธอปล่อยเสน่ห์ในอีกด้านที่ผู้เขียนไม่เคยได้สัมผัส ผลก็เลยทำเอาผู้เขียนหลงหัวปัก กับความเป็นธรรมชาติของตัวละครริกะที่เธอเล่น ด้วยบุคลิกที่ดูเข้ากับบท เล่นได้เป็นธรรมชาติ แถมต้องเล่นเป็นริกะในสองช่วงเวลา มันเลยมีทั้งความรักและความชังในคนๆเดียว แต่สามารถเเปรเปลี่ยนไปด้วยห้วงของเวลา แม้ว่าเคมีปฏิกิริยาระหว่างหนูอายะกับลุงอุชิโนะ จะไม่เข้ากันตามมติเอกฉันทน์ในเว็บบอร์ด ซึ่งผู้เขียนก็เห็นดีด้วย เพราะไม่ว่าซีรีย์แนวนี้ของค่ายnhkที่เคยรีวิวมาบ้าง อย่าง Futatsu no Spica,Nanase Futatabi หรือQED ล้วนแล้วแต่มาอีหรอบเดียวกันทั้งสิ้นเพียงทว่า.......อานิสงส์เรือ่งนี้ด้วยมือเขียนบทมิกะ ที่เกลาให้พอเหมาะพอควรกับสิ่งที่ NHKยังแก้ไม่ตกเรือ่งการถ่ายทำ (ส่วนหนึ่งเพราะไม่อิงตลาดมากเท่ากับทีวีเอกชน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงื่อนไขภาคบังคับของกฎมิติเวลาที่ถ้าวางไม่ถูกจุดหรือวางสั่วๆให้จบๆไป มันก็จะมีผลไปทำลายตัววรรณกรรมของเรื่องและสิ่งดีๆที่ได้ปูมากันแต่แรก ขณะเดียวกัน ถ้าไม่สร้างความแตกต่างที่ฉีกไปจากเรื่องอื่นที่เคยทำกัน มันก็จะย้อนมาทำลายตัวผู้เขียนเอง ซึ่งชื่อของโอโมริ มิกะ ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังที่นอกจากจบลงอย่างสวยงาม ยังมีจุดหักมุม ที่เก็บซ่อนไว้ตอนท้าย ที่คล้ายว่าจะมาจบแบบซีรีย์Jin2 แต่เรื่องนี้กับทำได้ในสเต็ปอีกขั้น อีกด้วยประสบการณ์นักแสดงที่แม้ลุงอุชิโนะจะไม่เด่นแต่ก็พอไปได้ แล้วมาได้คะแนนจากอายะ จากชนิดที่ว่าไม่เคยชอบหน้าก็พอจะว่าได้ แต่ในเรื่องนี้ชีใสจริงๆ เป็นตัวละครที่เราสัมผัสได้ และเข้าถึงหัวจิตหัวใจของผู้หญิงธรรมดาที่ใจมันรักไปแล้ว แต่เหตุผลบั้นปลายมันค้ำคอ ผู้เขียนชอบตรงที่ปัจจัยทุกอย่างของเรื่องมันถูกใช้ให้สัมพันธ์กันผูกกันจนเป็นเรื่องราว ที่มีการเชื่อมรอยต่อกัน และส่วนนี้ยิ่งส่วนเสริมให้ตัวละครริกะดูโดดเด่นด้วยเงื่อนไขปลีกย่อย แม้จะมีข้อจำกัดนำเสนอได้มากสุด๖ตอน ซึ่งพอสมพอควรที่มากกว่านี้อาจเรียกเสียง "ยี้" ได้ และความดีที่เป็นจุดแข็งของเรือ่งนี้สองสามอย่าง ก็ประคองเรื่องท่ามกลางจุดด้อยจุดเสียเดิมๆ ที่ซีรีย์ร่วมสมัยของNHKที่สิบปีก่อนเป็นมาอย่างไร สิบปีต่อมาก็ยังคงเป็นอย่างนั้น แม้ได้เจ้าการประพันธ์เพลงซีรีย์อย่างโคโนะ ชิน ที่ไม่เคยจับงานของทางช่องNHKมาก่อน ใส่ดนตรีเพื่อช่วยเสริมความรู้สึกของคนดูแล้วก็ตาม ก็ยังบิ้วอารมณ์ไม่ค่อยจะขึ้นเลยแล้วไม่รู้เป็นไงสำหรับผู้เขียน ที่จะรับรู้พลังของสารฟิโรโมนในตัวนักแสดงสาว โดยเฉพาะในช่วงรับงานใกล้วันวิวาห์จ่ออยู่หน้าหอเสียทุกที คงจะจริงอย่างที่ ผู้เฒ่าผู้แก่ว่า..........ผู้หญิงอินเลิฟสะบั้นลงจากคานหล่อนจะมีเสน่ห์กว่าปกติเป็นพิเศษ ตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ ก่อนหน้านี้ "ฮิโรสุเอะ เรียวโกะ" แต่งงานครั้งแรกในปี ๒๐๐๔ ซีรีย์ก่อนหน้าทั้งMoto KareกับOtousan ชีก็ใสมากผิดมนุษยมนาอย่างที่เรียวโกะเคยเป็น แม้แต่หนังที่เธอเล่นก่อนแต่งอย่างCollage of Our Life ที่เรื่องแสนสามัญธรรมดาน่าเบื่อ ก็ยังตรึงผู้เขียนคนนี้ให้ใหลหลงได้ไม่ลืม หรืออีกสักตัวอย่าง "ทาเกอุชิ ยูโกะ" แต่งงานในปี๒๐๐๕ หนังสามเรื่องของเธอทั้งSpring Snow ,Be With You กับ Heaven's Bookstore ถ้าประเภทคนไม่ดูเอาหนังก็จะต้องพูดถึงหนังหน้างามแต๊ๆบ้าง ขณะที่งานซีรีย์ก่อนหน้านั่น Prideที่ประกบกับทาคุยะ เรตติ้งทะยานเฉลี่ยร้อยละ๒๕ ฝั่งไม่เลือกข้างทาคุยะอย่างผู้เขียน จึงไม่แปลกใจที่ไม่เผื่อใจนางเอกตัวรองของเรื่อง ที่ทุกวันนี้ใครเล่นยังจำไม่ได้และไม่อยากจะจำ ถือเป็นจุดพีคชีวิตของโลกความเป็นจริง ที่นักแสดงสาวก็ต้องมีความฝันที่จะออกเรือนมีครอบครัวของตน แม้จะต้องแลกกับ ความรู้สึกการมีส่วนร่วมเชิงอุปทานเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคนดู ลดน้อถอยยลงหรือหายไป แล้วเปลี่ยนมาเล็งเป้าหมายดาวดวงใหม่ที่ใสกว่า แม้ดาวดวงเก่าอาจจะเตียงหักกลับมาโสด เสมือนหลอกให้เรากลับมามีความหวังอีกครั้งแต่อารมณ์กรุ่นครั้งนั่น ยอมรับว่า..ไม่เหมือนเดิม
ก็หวังว่าหนูอายะกับคุณพี่ฮิโระแห่งวงExile จะสมปรองครองรักกันยาวนาน ผู้เขียนก็จะช่วยเป็น "แรงใจในวันที่สาย" เหมือนเช่นนางเอกคนอื่นๆที่ได้แค่ดมบนหน้าจอ
ป.ล. สิ่งหนึ่งที่ทางNHKน่าจะได้เสียงชื่นชมบ่อย แม้จะโดนแหวะโน้นสาดนี้ คือ การเลือกเพลงเปิดประกอบซีรีย์ได้ดีเสมอมา แม้ว่าบางทีจะไม่ค่อยตรงกับเนือ้หาของเรือ่งนัก ครั้งนี้ทางสถานีเลือกลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลีใต้ แต่ดันเกิดในโยโกฮามา Crystal Kay กับเพลงที่ชื่อและเนื้อหาดูจะเข้ากับเรื่องเป็นอย่างดีในเพลง Time of Love
| อ้างอิง Jdorama,Dramawiki ,Wikipedia
|
Create Date : 09 ธันวาคม 2555 | | |
Last Update : 9 ธันวาคม 2555 19:51:56 น. |
Counter : 6070 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|