A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Slow Dance ปล่อยชีวิตตามจังหวะสโลว์




ถือเป็นช่วงสัปดาห์ที่เครียดพอดู แม้จะมีเรื่องให้สุขอยู่บ้าง
ก็เป็นผลจากเรื่อง "วันหยุดนักขัตฤกษ์" ที่สงเคราะห์ให้มากมายหลายวัน
หากเผลอไปเทียบกับเดือนที่แล้วก็ใช้เลย เป็นการอนุเคราะห์ที่มีผลบังคับใช้
ให้ห้างร้าน-กิจการ จำต้องปฏิบัติตาม แม้จะมีเสียงโอดเล็กจากผู้บริหาร
ว่าเวลาทำการในปกติ ให้ช่วยเพิ่มอัตราเร่งในเนื้องานมากขึ้นกว่าปกติ
แค่ลงมือทำในช่วงปกติก็ว่าหนักหนาแล้ว ยิ่งถูกเสนอแกมบังคับจากเบื้องบน
ที่แทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นไปมอง กับแววตาที่ดูไม่สมก็ประโยคอ้อนวอนด้วยให้แล้ว
แม้จะมีวันหยุดยาว ก็ใช่ว่าจะให้คุณสมบัติของวันหยุด ว่าด้วยการพักผ่อน
ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไรนัก ตื่นขึ้นมายังกังวล ด้วยรูปธรรมของหางหมู
อันเกิดจากวัสดุของดินพอก ที่สั่งสมชนิดเดือนทบเดือนเข้าด้วยแล้ว
การสรุปยอดงานปลายปีนี้ จึงเป็นเรื่องสาหัส-สากรรจ์มิใช่น้อย




สิ่งที่จะทำให้จิตใจผ่อนคลายได้ตอนนี้ คงมีแต่การไม่คิด
โดยสร้างกิจกรรมอะไรสักอย่าง ที่จะโฟกัสความสนใจมิให้เบี่ยงเบนไปยังเรื่องงาน
เพราะเพียงแค่การคิดเรื่องงานในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็ถือเป็นเรื่องผิดในวันที่ชวนให้คิด
ถึงจุดหมายสำคัญ ตามคุณค่าที่ได้มาของวันหยุด ส่วนสิ่งเบี่ยงเบนที่จะหยุดคิดได้ชะงัก
ก็ต้องเป็นสิ่งที่มี "ฉันทะ" ว่าด้วยใจรักในสิ่งที่จะทำ และทำไปได้โดยไม่รู้สึกบีบบังคับ
ก็จะนำมาซึ่งความสุข และความสุขนั้น จะต้องตามด้วยรสประโลมใจ
เพราะมันจะผ่านเราไปสู่ความฝัน คุณสมบัติของความฝันนั้น ต้องไม่เป็นจริง
ความไม่เป็นจริง ที่เราอาจสัมผัสจับต้องได้ทางจิตใจ หาได้เกิดจากตัวตนที่แท้จริง



เขียนมาขนาดนี้ มิใช่อะไรหรอก ผู้เขียนยังฝันหวานถึงคุณน้องเรียวโกะ ฮิโรสุเอะ
ดาราสาวในดวงใจ ในยามใดที่ท้อแท้ พ่ายแพ้ต่ออุปสรรค ถึงคุณน้องจะไม่ได้อยู่เคียงข้าง
ข้างเคียงชนิดไหล่ต่อไหล่กระทบกัน คุณพี่ที่มีหัวใจไว้สี่ห้อง แต่หัวใจแต่ละห้อง
ก็เสมือนเป็นห้องที่ปิดตา อาจจะแกล้งแง้มเผื่อไว้แบบว่าลืมลูกกุญแจ
ให้ดาราสาวรุ่นใหม่ ทดลองใช้สักหนึ่งสัปดาห์ แต่อย่างมากสุดก็ไม่เกินสามห้อง
เพราะหัวใจห้องหนึ่ง ยังปิดผนึกถาวรไว้ให้คุณน้องเพียงคนเดียว
แม้ห้องนี้จะล่วงมาเป็นสิบกว่าปี ตัวเป็นๆมิเคยเห็นมากล้ำกราย สุดท้าย
วิธีที่จะเห็นหน้าคุณน้องอย่างดีที่สุด คือ สะกดตัวตนของคุณน้องไว้
ลงในกรีนเซฟเวอร์หน้าจอใหญ่ๆ ตามประสาคนใช้หน้าคอมสื่อสาร
ที่สื่อสารได้ดีกว่า เอาใบหน้าจริงๆ ไปสานต่อ ด้วยรู้ถึงผลลัพธ์ที่ไม่น่าอภิรมย์
ถึงกระนั้นก็เหอะ ก็ใช่ว่าเวลาที่คุณพี่ประสบปัญหา จะได้เยี่ยวยาแพ้ใจ
โดยอาศัยใบหน้าคุณน้องเป็นโอสถสภาเพียงถ่ายเดียว แต่ยังได้คำสอนดีๆ
แม้ไม่ได้ออกมาจากริมฝีปากโต้งๆ แบบปะทะกันซึ่งๆหน้า แต่ทว่ามันออกมาจาก
บทละคร ที่คุณน้องรับเลือกเล่นในแต่ละเรื่อง ที่ทำให้คุณพี่อดคิดเออเองไม่ได้ว่า
คุณน้องมีเจตนาที่จะสื่อความนัย ระหว่างเราสอง
แม้คุณน้องอาจอิดออดในใจ ว่า "วาคาริมาเซนเน่"



อย่างน้อยๆ คำสอนหนึ่งในเรื่องของ "จังหวะ"
ก็เป็นเรือ่งชนิดหมายหัวสำหรับคุณพี่ ไม่ว่าจะเป็น จังหวะในการเลือก
จังหวะในการตัดสินใจ จังหวะชีวิต จังหวะในหน้าที่การงาน จังหวะจักโคน
ล้วนแต่เป็นศิลปะในการใช้ชีวิต ที่ต้องกำหนดในเป้าหมาย ให้สอดรับกับห้วงเวลา
เป็นศาสตร์ที่ดูง่าย แต่แท้จริงความหมายแสนยากและลึกซึ้งยิ่ง
เพราะมันต้องใช้ทั้ง ประสบการณ์ สัญชาติญาณ การเรียนรู้ บทเรียนและการบอกเล่า
ถ้าใช้ภาษาพระ ก็ต้องเรียกว่า "อาศัยจากปัจจัยภายนอก" นามว่า "ปรโตโฆษะ"
และยังต้อง "อาศัยจากปัจจัยภายใน" อันมีนาม "โยนิโสมนสิการ"
เพราะขืนทำไม่ดี รับทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า หรือรับทำลวกกว่านั้น เป็นสุ่มหกสุ่มเจ็ด
งานนี้ก็ต้องบอกว่าเจ็บทุกราย เจ็บชนิดให้จำอย่างที่ไม่อยากจะจำ
อันนี้พี่คิดเองไม่ได้ แต่ได้จากคุณน้องเรียกโกะ ที่รับบทเป็น "มิโนะ" ใน Slow Dance นั่นเอง



Slow Dance เป็นซีรีย์จังหวะสโลว์ๆ ที่เคยเข้าฉายในไอทีวี
ด้วยจังหวะท่าทีสโลว์เหมือนชื่อซีรีย์ คือ เข้ามาเงียบๆ และจบไปอย่างง่ายๆ
ง่ายชนิดที่ผู้เขียนเอง เพิ่งจะมาทราบว่าเคยเข้าฉายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙
อาจเป็นด้วยช่วงเวลารอบห้าทุ่ม อันเป็นเวลายามวิกาล ที่คุณพ่อบ้านถ้าไม่ติดศึกอัศวินดำ
หรือคุณแม่บ้านที่ติดการดูประกวดมิสเวริลด์ด้วยแล้ว ตามประสาคนต่างจังหวัด
เขาก็นิยมที่จะปิดไฟ-ใส่กลอน นอนแต่หัวค่ำเพื่อประหยัดพลังงาน ไว้เผาผลาญในวันรุ่งขึ้น
อีกอย่าง ช่วงนั้นหมดไฟที่จะดูซีรีย์ ด้วยรู้ข่าวว่าน้องเรียวโกะของกระผม
ท้องที่พ่อเป็นตัวเป็นตน เป็นนายแบบและนักดีไซด์เนอร์ กินรายได้ตั้งสองทาง
ขณะที่ผู้เขียนยังแบมือขอกะตังค์ที่บ้าน คิดแล้วจึงรู้สึกน้อยใจ จึงต้องลาวงการ (ในการดู)
เป็นห้าทุ่มที่ต้องนอนปาดน้ำตา เอาหน้าก้มนอน รัดทดท้อแท้ในชาติตระกูลที่ไม่คู่ควร
จนไม่รู้ว่าน้องเรียวโกะของผม แอบย่องกลับมาวงการจอแก้ว
ผ่านเสาหนวดกุ้งที่ดูคล้ายยังกับหูกระต่าย เป็นเรื่องที่ยังรู้สึกอดเสียดายแทน
แต่ยังดี ที่โลกนี้พระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งมนุษย์ แม้พระองค์จะไม่ทรงตรัสสอนผ่านวจนธรรม
แต่ก็ได้อาศัยธรรม ผ่านสื่อมัลติมีเดียที่มีความจุ ๔.๗ กิก
ให้เราเข้าใจโลกที่พระองค์ทรงสร้างได้ และเข้าใจธรรมจากวัสดุที่ผลิตขึ้นภายในโลก



ความจริงแล้ว Slow Dance ถือเป็นการผสมผสานดาราที่เป็นแม่เหล็ก
ทั้งเก่าและใหม่ ถือเป็นการกลับไปรับบทดาราสมทบของน้องเรียวโกะอีกครั้ง
หลังจากที่เคยไต่เต้า จนได้รับบทดารานำสาวใน Beach Boy , My Husband ,Summer Snow
หรือ Otousan อาจถือเป็นการชิมลาง ก่อนจะหวนกลับสู่วงการอย่างเต็มตัวอีกครั้ง
เพราะเป็นการทิ้งช่วงการแสดงไปเกือบสองปี นับจากซีรีย์เรื่องสุดท้ายในปี ค.ศ. ๒๐๐๓
อย่าง Moto Kare ของค่าย TBS และ Ushinawareta Yakusoku ของค่าย KTV
เรียกว่า คลอดปับ มาปรับศูนย์ถ่วงจูนสภาพและเคาะห้องเครื่องกันนิดหน่อย
หากไม่บอกใครก็จะไม่รู้เลยว่า นี้ละน๊า! คุณแม่ลูกหนึ่งมามาดๆ



แต่จะสรรเสริญคุณน้องอย่างเดียว ปานประหนึ่งเป็นนักแสดงตัวนำหญิงก็กระไร
เพราะซีรีย์ที่หล่อนเลือกเล่นก็ใช่ยอ่ย เพราะแทบจะเข้ากับชีวิตจริงของคุณน้อง
ที่อาจเป็นชีวิตจริงของใครอีกหลายๆคน เพราะเป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงความรักและความฝัน
ที่มีนักแสดงหลักสี่คน โดยที่ชายสองคนเป็นพี่เป็นน้องกันทางสายเลือด
ส่วนสาวเจ้าอีกสองคนเป็นก็เพื่อนที่สนิท ชนิดที่รู้ใจมากกว่ารู้หน้าสัก
แต่ทั้งหมดต่างก็มีปัญหาที่เหมือนกัน คือ ความรักเก่าที่ไม่สมหวัง
อย่างตัวนางเอก "อิซากิ มาคิโนะ" ที่เล่นโดยเอริ ฟุคาซึ (ที่เล่นเป็นเลขาฯนายก ในChange)
เป็นรักที่เผ้ารอ ที่เเฟนเก่าลูกติด ชวนให้หล่อนย้ายไปอยู่กันที่เมืองนอกเมืองนา
แต่ทว่า ชวนไม่แล้วตามนัด เหมือนว่าหลอกให้ตายใจ
ส่วนตัวละครพระรองอีกคน "เอย์ซึเกะ เซริซาวา" ที่เล่นโดย นาโอฮิโตะ ฟุจิกิ
(คู่หมั้นใจสะอาดใน Love Operation หรือคุณหมอใน บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร ) คนนี้รับบทสมรูป
คือ หล่อมาดดี มีสาวๆหมายปอง แต่ก็เพิ่งเลิกรากับแฟนเก่า
เลยต้องย้ายกลับมาอยู่กันเจ้าน้องชาย ที่เป็นพระเอกของเรื่อง
ส่วนน้องเรียวโกะของผม รับบทเป็น "มิโนะ โคอิเกะ" ในอดีตเป็นเพื่อนร่วมชั้นของอิซากิ
คนนี้บทจะคล้ายๆกับพี่ของพระเอก คือ สวยเจ้าเสน่ห์เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ
หวังที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจมากว่า ๖ ปี แต่สุดท้ายก็แห้วรับประทาน
ก็ได้พี่ของพระเอกอย่างเจ้าเอย์ซึเกะ ช่วยกันดามใจตามประสาคนเพิ่งอกหักเหมือนกัน
แม้แต่พระเอกของเรื่องก็ไม่เว้น คือ เจ้า "ริอิฉิ เซริซาวา" (เจ้าซาโตชิ ซึมาบุชิ รู้จักกันน้อ)
ที่ไปเจอรักเก่าแบบไม่ตั้งใจ จะด้วยเพราะเอาความสนใจทั้งหมดที่มี
ทุ่มเทและอุทิศกับงานการที่ได้ทำอยู่ จึงทำให้ลืมรักเก่าที่เคยชื่นมื่น
จนคล้ายจะเยี่ยวยาได้อย่างสมานหัวใจ ต้องมากำเริบอีกครั้ง เพราะเคยกำกับมากับมือ
ซึ่งบทก็สมพรตามความคิดเดาของผู้เขียน กล่าวคือ ขณะที่ตัวละครอื่นๆ ติดหล่มแห่งความรักเก่ากัน
เจ้าหมอนี้ กลับติดหล่มแห่งความฝัน แม้จะมีสัมมาอาชีพเป็นถึงครูฝึกขับรถยนต์อยู่
ก็เหมือนมีชีวิตไปวันๆ เพราะความฝันอันยิ่งใหญ่ที่ปฏิญาณไว้ก่อนเรียนจบ
คือ การได้ลงมือสร้างหนังสักเรื่องให้เป็นเกียรติประวัติในชีวิต แล้วนี้อะไร?
ยังสอนให้จับพ่วงมาลัย-เหยียบคันแร่ง ! แทนที่จะแหกปากว่า "คัต-แอคชั่น"



อย่างที่บอกข้างต้น ตัวละครทุกตัวล้วนแต่มีปัญหาของหัวใจไม่พอ
ยังไปมีปัญหาแห่งชีวิตหน้าที่การงานเสียอีก เป็นปัญหาสองเด้ง
ที่ผู้เขียนก็ตอบไม่ได้ว่า อย่างไหนจะสำคัญกว่ากัน
ดังนั้น ใครที่กำลังเป็นทุกข์ในอาชีพพร้อมโปรโมชั่นเรื่องหัวใจ ก็คิดเอาสักว่า
มันเป็นปัญหาโลกแตก เป็นวิชาบังคับในมหาลัยแห่งชีวิต
ที่ค่าหน่วยกิจเป็นประสบการณ์ที่แสนโหดเอาการ ก็ดูอย่างในซีรีย์ Slow Dance
คิดกันง่ายๆ ตัวละครหลักสี่ตัว ต่างโดนมรสุมชีวิตกันพร้อมหน้าพร้อมตา (แต่ไม่พร้อมใจ)
ต่างกันเพียงแค่รูปแบบและเนื้อหาของประเด็น ก็เท่านั้น
เป็นอัตราส่วนที่ต้องพร้อมยอมรับ ในช่วงของก้าวผ่านของความมีวุฒิภาวะ
ไม่มีวุฒิภาวะใดใด จะได้มาฟรีๆ เพียงแค่การเข้ากฎเกณฑ์ทางอายุ
มันต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับภาวะทางอารมณ์และการเผชิญโลก
เป็นโลกที่กว้างขึ้น จากอุเบกขาธรรมที่พ่อแม่ต้องปล่อยวางให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งที่เป็นจริง
แม้ความจริงนั้น มันจะโหดร้ายอยู่เอาการ และคุณลูกที่ไม่อยากติดฉายานาม
ว่า "ลูกแหง่" ด้วยกฎหมู่ทางสังคม ซึ่งก็คือ การประนามจากเพื่อนๆตัวดีของเรานี้เอง



ถ้าใครที่เคยเชื่อว่า "เบญจเพศ" เป็นเพียงเรื่องของช่วงเวลา
ซีรีย์เรื่องนี้จะทำให้เรารู้ได้เลยว่า เรื่องซวยๆ อาจจะไม่จำเป็นที่อายุย่างเข้า ๒๕
หาใช่ภาพรวมอย่างที่เคยประมาณกันมา
อย่างคุณนางเอกอิซากิสาวใหญ่ ที่โชคกำลังประทานให้ได้เป็น Brand Manager
ของร้านเสื้อผ้าหรูอยู่มะร่ำมะร่อ แต่เพราะเลือกที่จะตามคนรักไปเมืองนอกเมืองนา
สุดท้ายรักก็หน่าย แถมยังต้องแห้วจากการเลื่อนขั้น เท่าที่สังเกตซีรีย์ญี่ปุ่นก็หลายเรือ่ง
หน้าที่กับชีวิตครอบครัว ต่างมีระบบความสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อกันอย่างแยกไม่ออก
ทำงานเก่งก็จริง แต่ไม่เป็นหลักเป็นฝา ก็อย่าหวังจะได้ย้ายก้นไปนั่งเก้าอี้ที่สูงกว่า
อ.สุวินัยเคยเล่าว่า คนนั้นๆ บรรลุภาวะเพียงแค่หน้าที่ ซึ่งเป็นเพียงด้านเดียวของชีวิต
แต่ยังไม่บรรลุในความรับผิดชอบที่สูงขึ้นไปอีกขั้น มองเป็นคนไม่สมวัยหรือยังเป็นพวกหลักลอย
ส่วนเพื่อนนางเอกอย่าง นิโนะหรือเรียวโกะของผม ทำงานเป็นขายเสื้อผ้าหน้าระรื่น
เรื่องเซลล์นี้คงไม่ต้องบอกอะไรมาก ปัญหาโลกแตกเสมอ หัวอกคุณน้อง คุณพี่นี้เข้าใจอย่างดี
เพราะเคยเป็นมา ไหนจะยอดขายเอย ไหนจะลูกค้าเอย ไหนจะเจ้านายเห่อ!
มิน่า........ในเรื่องนี้ คุณน้องต้องพยายามนัดเดท หาคุณผู้ชายมาเป็นยาใจไว้ช่วยคลายเหงา
เป็นการนัดเดทแบบง่ายๆ จนกว่าจะเจอคนที่ใช่ แม้แต่นัดที่เจอกันไม่ใกล้ไม่ไกล
ก็ที่สนามฝึกขับรถ ที่เพื่อนพระเอกนัดเจอโดยมีพระเอกริอิฉิ คอยไปเป็นเพื่อนให้




ภาควิชาบังคับสำหรับหลักสูตรการจะสร้างซีรีย์ญี่ปุ่นสักเรื่อง
ส่วนผสมที่แทบจะขาดไม่ได้เลย ในซีรีย์เกือบจะทุกเรื่อง นั่นคือ
การผูกมัดของจำกัดในจำนวนตัวละคร ให้ไปเชื่อมโยงสัมพันธ์ชนิดจับต้นชนปลาย
จนเป็นเนื้อเดียวกัน ผูกชนิดที่ไม่คาดคิดเลยว่า ประชากรญี่ปุ่นกว่า ๑๒๐ ล้านคน
ในพื้นที่เกาะที่ขนานนามให้เป็นประเทศๆหนึ่งในโลก จะประหยัดการจ้างตัวละคร
แต่จะไปฟุ่มเฟือในเรื่องราวที่แสนจะอลหม่าน อย่างไอ้หมอนี้ไปเป็นน้องคนนั้น
น้องคนนั้นเป็นรักเก่าคนนี้ คนนี้ดันไปซี้กับเพื่อนคนโน้น แล้วคนโน้นดันไปเป็นอดีตแฟนไอ้
หมอนั้น ไอ้ที่ยกตัวอย่างมานี้ อย่างน้อยๆก็ทำให้ซีรีย์หลายต่อหลายเรื่อง ลากยาวสุดๆ
ไปตั้ง ๑๑-๑๒ ตอนมาแล้ว แม้แต่ Slow Dance ก็เช่นกัน
พระเอกริอิฉิที่สอนขับรถ กับนางเอกในเรื่องอย่างอิซากิ ที่แม้เหมือนกับว่าพ่อพระเอกของเรา
จะเป็นครูสอนขับรถคนแรกของนางเอก อย่างที่ได้ชมในตอนแรก แต่แท้ที่จริงแล้ว
มันยังมีก่อนตอนแรก แต่จะค่อยๆย้อนให้เห็นในตอนสองตอนสาม ว่าครั้งหนึ่งก่อนหน้านั้น
นางเองอิซากิเคยเป็นครูฝึกสอนในสมัยพระเอกของเรา ยังเรียนในสมัยมัธยมปลาย
โอ้!แม่เจ้า พล็อตเขาเล่นกันอย่างงี้จริงๆ เหมือนอดีตชาติบังเกิด ก็อย่าได้นึกว่า
จะดำรงเกินเลยความสัมพันธ์ฉันท์ครูกับลูกศิษย์นะครับ ซีรีย์ไม่เลยเถิดไปขนาดนั้น
แบบที่เหมือนในซีรีย์ Forbidden Love (ที่เป็นรักต้องห้ามระหว่างครูกับลูกศิษย์)
ซีรีย์แค่ต้องการสร้างความสนิทสนมเบื้องต้น เพื่อไม่ต้องปูสถานการณ์สร้างความสัมพันธ์ใหม่
เดี๋ยวมันจะกินไปหลายตอน เพราะข้อจำกัดซีรีย์เมืองยุ่นเขาอนุโลมสุดๆ แค่ ๑๑ ตอน
(แถมยังมีซีรีย์เรื่องใหม่ในฤดูกาลต่อไป รอชนตูดอยู่)
อีกทั้งนางเอกของเรื่อง เขาก็ตั้งต้นชีวิตใหม่ ในมาตราฐานชุดจรรยาบรรณที่เปลี่ยนไป
เริ่มต้นในอาชีพการงานแบบเอกชน ที่มุ่งรับผิดชอบต่อความพึ่งพอใจของผู้บริโภค (และนายสั่งมา)
ดังนั้นตอนที่สอง เราจึงได้เห็นอดีตลูกศิษย์ต้องมาประคองแบกห่ามอดีตครูฝึกหัด
ในสภาพสำมะเรเทเมา เพราะชีวิตไม่อาจปลดปลงด้วยกฎอนิจจา รักก็คุด
สุดที่รักก็เมินหาย จึงต้องระบายด้วยขวดสุรา สุราไม่ว่า
เป็นที่อนาจอนาถายิ่ง ของบุคคลที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์ที่เคยมีครู
ครูที่กระโดดลงเตียงโดยไม่ถอดส้นสูงนอนอยู่ตรงหน้า แล้วตะโกนดังป่าวๆว่า
"นี้แหละ ชีวิตอเมริกันสไตล์"




พระเอกของเราก็ชวนให้แสนเศร้ายิ่ง มีโอกาสไปพบรักเก่า
แต่ด้วยความกล้าๆกลัวๆ มัวแต่ไม่ยอมตัดสินใจสักที มีโอกาสดั่งฟ้าประทาน
ให้ไปพบคนรักเก่ากันสองต่อสอง แต่คนรักเก่าดันเอ่ยปากว่าเป็นคนชอบสายตระกูลนี้
แต่ไม่ใช่แกนะ! เป็นพี่ชายของแกต่างหาก เจอดอกนี้เข้าไป
ก็ทำเอาพระเอกเรา ออกอาการอึ้งกิมกี้ไปไม่น้อย งานก็ไม่ปลื้ม ชีวิตรักก็บัดซบอีก
แต่ก็ใช่ว่า ทุกๆความเจ็บปวด จะต้องเต็มไปด้วยความสูญเสีย
อย่างน้อยๆ คุณธรรมด้านนี้ ก็ทำให้นางเอกสาวใหญ่อิซากิ
เริ่มเห็นประกายแห่งคุณงามความดีไม่มากก็น้อย ชะแว้บหนึ่ง
เจ๊ก็สำออย โดยกล่าวอย่างเกริ่นๆไว้ว่า รักที่ผ่านมาล้วนแต่ไม่เต็มร้อย
เพราะขาดไปตั้ง ๑ เปอร์เซ็นต์ ๆที่ขาดไปเพราะการเติมเต็ม
จากเส้นห่างระหว่างความห่างเหิน แต่ความต่างนั้นก็ได้รับการถมจนเต็มจากพระเอกของเรา
แม้ไม่ได้มาด้วยการตื้อแบบฉุดรั้ง แต่ด้วยพรสวรรค์จากความฝันที่ไม่เคยเจือจาง
ที่อยากจะกำกับหนังขึ้นมาสักเรื่อง
และเรื่องนั้นดันเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกๆคน ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับริอิฉิ
(แม้จะเริ่มต้นจากหนังโฆษณาให้กับร้านเสื้อผ้า ซึ่งก็วกวนไม่ไปไกลจากตัวละครหลักอีกเช่นเคย
บอกแล้วว่าโลกมันแคบ สำหรับซีรีย์ญี่ปุ่นนะ)


หันมาดูตัวละครรองกันบ้าง ในส่วนของบทบาทของพี่ชายพระเอก
ซึ่งก็คือตัว เอย์สึเกะ ดูเหมือนจะชิงในการบรรลุความฝันก่อนน้องชายของตัวเอง
ถึงแม้ว่า ตัวเองจะมีอนาคตที่แสนเลิศหรู พรั่งพร้อมทั้งหน้าที่การงาน สมภูมิฐานทางสังคม
เรียกว่า เดินแอ็คอาร์ทไปงานนัดเดทที่ไหน ไม่วายสาวเจ้าจะแย่งเอาไปทำสามี
เป็นคนดีที่น้องชายยังต้องอิจฉา แต่ทว่าอีโก้ในหมวดความความใฝ่ฝันพุ่งทะยานปรี๊ด
จึงได้ลาออกจากงานประจำ มาเปิดร้านเหล้า ซึ่งหน้าตาไม่เข้าเคล้าว่าจะละเมิดศีลห้าได้
แต่ทว่า..........ทุกช็อตที่หมอนี้ลงมือผสมคนเหล้า แม้ตัวผู้เขียนจะมิใช่คนสำมะเลเทเมา
ก็ยังอดกระดกลูกกระเดือกตามมิได้ ด้วยในหน้าจอที่ถ่ายซูม สีสันมันชวนให้ลิ้มลอง
เหมือนที่เห็นในโฆษณาหลังสี่ทุ่ม แบบไม่ต้องพึ่งปฏิทินแถมให้เป็นข่าว ว่าที่มันเพนท์
มีเจตนาหริอตั้งใจกันแน่ (สองคำนี้ ต่างตรงไหนหว่า?)



ส่วนน้องเรียวโกะที่แสดงเป็น มิโนะ สาวพราวเสน่ห์ ที่ชายต่างก็หลงใหล
เป็นบทที่ไม่ต้องประยุกต์อะไรกันมาก เพราะที่ผ่านๆมา ก็ทำเอาผู้เขียนโงวหัวไม่ขึ้น
เพราะโดนฤทธิ์ของความหลงของคุณน้องตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ จนหัวงูปักหัวงูป้ำ
แต่นิสัยในตัวละครมิโนะที่คุณน้องเล่น อาจจะเเปรปรวนรวนเรอยู่ไม่ใช่น้อย
แฟนเก่านัดพบ ก็หลบหน้าซะงั้น ไหนจะการแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
ในตัวเอย์สึเกะพี่ของพระเอกอีก บทจะหุนหัน ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง
น้องก็พลันแล่นไหนต่อไหนแล้ว เป็นความหึงหวงเกินพอดีที่ถ้าแบ่งมาสักหนึ่งเปอร์เซนต์
มาให้ผู้เขียนคนนี้บ้าง ก็จะช่วยต่ออายุความเป็นแฟนคลับให้ใกล้ครบยี่สิบปีได้ไม่ยาก
แต่คุณน้องก็ไม่ทำ ยังคงย้ำจุดยืนของชื่อซีรีย์ ว่าจังหวะนี้ต้องเต้นช้าๆ
เพื่อหวังจะกินนานๆ งานนี้น้องเรียวโกะจึงไม่โดดเด่นเท่าไรนัก
ด้วยความที่เป็นบทนางรอง ต้องโผล่มาน้อย แต่เรื่องการใช้มารยาล่อหลอกแบบใสซื่อ
ก็กินขาดชนิด ไม่ต้องลงมือกระทำ ก็มีผู้เขียนตกเป็นเหยื่อเสียแต่เนิ่นๆ


โดยรวมของซีรีย์เรื่องนี้ ความพิเศษของเนือ้เรื่องที่ดูจะต่างจากซีรีย์เรื่องอื่นๆ
คงต้องว่ากันด้วย "ความเรื่อยเปื่อย" เป็นความเรื่อยเปื่อยที่รองรับกลุ่มผู้ชมได้ทุกสภาวจิต
ไม่ว่าคนดูคนนั่น จะ กำลังบึ้งตึงจากการทำงาน เซ็งชีวิตเพราะถูกแม่ใช้ล้างจาน
สนุกสนานจากม้วนตลกเชิญยิ้มสามช่า หรือสะลึมสะลือจากการเพิ่งตื่นนอน
เพราะว่ากันด้วยเรื่องราวเรียบๆง่ายๆ ไม่ออกลูกวือหวา ให้อาก๋งอาหม่าต้องหัวใจวาย
และไม่อู้วู้วี้ดว๊าย แบบชนิดที่ต้องเอาใจเดี๊ยนฮานลูกอีฉันกัน
ส่วนอารมณ์ที่ได้ ก็ขอบอกว่าลื่นไหล ไม่มีสะดุด พร้อมบทสนทนาที่พรั่งพรู
พรั้งพรูชนิดที่ไม่รู้ว่าไปเก็บ-ใบ้แดก จากที่ไหนมา แต่นั้นก็เป็นเครื่องปรุงชั้นดี
อย่างน้อยๆ คนช่างพูด ก็ช่วยให้เราคลายเหงาไปได้เยอะ
ไม่ต้องอาศัยสัญลักษณ์แบบกระทบชิง ให้ตัวละครอีกตัวที่กว่าจะเข้าใจกัน
โน้นเลย! ตอนใกล้จบในช่วงท้ายเรื่อง ส่วนตอนกลางเรื่องก็อมพะนำทำเป็นเป่าสาก
ไม่รู้จักใช้ปากให้เป็นประโยชน์ ทั้งๆที่ตัวละครก็ไม่ใช่บ้าใบ้มาแต่กำเนิด
โดยเฉพาะนางเอกอิซากิ ผมว่าเป็นนักแสดงที่บทช่างพูดแบบนกแก้วนกขุนทอง
เจ๊แกมีความถนัดจัดเจน ใช้ระดับเส้นเสียง สีหน้า ท่าทาง ได้สนุกสนานดีคนหนึ่ง
ทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่ใช่สเป็ก แต่ถ้าได้เป็นเนื้อคู่กันแล้ว ก็ต้องถือว่ากินระยะยาว
มั่นใจได้เลยว่า แก่เฒ่าหนังเหี่ยวยามใด ชีวิตคู่บั่นปลายไม่ว้าเหว้แน่
แต่จะยากหน่อย หากจะหาวิธีให้เจ๊แกหุบปากอย่างไร ถ้าไม่ใช่เอาเรื่องกินมาล่อ?



อย่างที่บอก ด้วยพล๊อตเรื่องที่แสนธรรมดา ดูจะไม่ค่อยมีอะไร
แถมเป็นเรื่องที่ออกจะซ้ำซากจำเจ ด้วยหลายซีรีย์แดนซามูไรเขาใช้กันจนเกร่อ
หากทำได้ไม่ฉีกแนวจริง ก็ง่ายที่จะลืมเลือนไปจากสายตาผู้ชม
(ซีรีย์เรื่องนี้จึงประคองเรตติ้ง ในระดับมาตราฐานใกล้เคียงกันตลอด
แม้จะออกลูกวือหวา ในตอนแรกที่ฉาย)
แต่ทุกวันนี้ ยังคงมีคนพูดถึง Slow Dance กันอยู่ แม้จะผ่านล่วงเวลามาหลายปี
ต้องถือว่าการกำกับซีรีย์เรื่องนี้ ประคองเนื้อเรื่องที่แสนเรื่อยเปื่อยแต่ไม่เบื่อหน่ายได้ดี
ผู้กำกับคงมีมนต์ ตามแต่ใจที่ผู้กำกับอยากให้เราเป็น สั่งให้เราสุข เราก็สุข
สั่งให้เราหัวเราะ เราก็หัวเราะ สั่งให้เราเศร้า ก็ทำให้เราเศร้าในทันที
แบบไม่ต้องพึ่งดนตรีประกอบให้ระทึกครึกโครม แต่ใช้ประโยชน์จากบทสนทนาและตัวสถานการณ์
เป็นตัวที่คอยดึงเรื่องราวให้เดินต่อไปข้างหน้าเรือ่ยๆ เรือ่ยพอที่จะทำให้มันจบในกรอบของเวลา
โดยที่ไม่รู้สึกว่า ต้องมาตายตอนจบหรือมีอะไรค้างคาเหมือนกับซีรีย์เรื่องอื่นๆ
ซึ่งผู้กำกับอย่างเดียวคงทำไม่ได้ ต้องเอ่ยถึงคนที่เขียนบท ว่าทำไมอ่านใจคนดูได้เพียงนี้
เห็นชื่อก็บางอ้อ เพราะเขียนบทให้ซีรีย์เรื่องดัง ที่หลายคนคงต้องอ้อ!ตามผม
ก็คุณน้อง "อิโตอุ ริน" นี้เอง คนนี้ถือเป็นดาวรุ่งนักเขียนบทในสารบบซีรีย์ได้ไม่นาน
อย่างเรื่อง Tokyo Friend (ทั้งซีรีย์และหนัง) และ Nodame Cantabile (ทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ)
ก็เป็นงานโคตรๆ ที่คุณน้องละเลงสักหรรษาประชาชื่นกันทั่วหน้า
แต่เท่าที่สังเกต หล่อนจะถนัดในสายสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับความฝันสักมาก
ถ้าหมดฝันครั้งใด อย่าลืมเรียกใช้บริการของคุณเธอก็แล้วกัน



อย่างใน Slow Dance ก็สร้างพล็อกเรื่องง่ายๆ ด้วยคนเพียงไม่กี่เหล่า
แต่ดึงดูดใจ ให้ต้องนั่งจ้ำเป้าชวนติดตามอย่างไม่ไปไหน
ทั้งๆ ที่ เปิดเรือ่งได้แสนจะธรรมดา ว่าด้วยการฝึกทักษะการขับรถ
ที่คนขับรถเป็นเองโดยไม่ยอมจ้างครู อาจมีลูกกระแหนกระแหน่ในใจ
เป็นซีรีย์ที่อ.สุวินัย กล่าวอย่างชื่นชมให้ชอบยิ่งกว่า LOng Vocation ที่มีโครงเรื่องที่คล้ายกัน
ว่าด้วยความรัก ความผูกพัน ความฝันและนางเอกที่แก่กว่าพระเอก
เป็นซีรีย์ที่ให้เราค้นหาตัวตน ว่าจริงๆแล้ว เราต้องการจะเป็นอะไรกันแน่
ที่เป็นอยู่มันใช่รึไม่? ปัญหาก็คือ แล้วถ้าไม่ใช่ละ? มีคำตอบไว้ในใจแล้วรึยัง?
คำตอบที่ไม่ได้หยุดเพียงแค่ความสมเหตุสมผล แต่ให้ใช้หัวใจเป็นหลัก
สมองอาจล่อลวงความรู้สึกของตัวเองได้ แต่กับหัวใจแล้ว มันคือตัวบ่งการความรู้สึกเลยละ
แต่อย่างน้อยๆ ซีรีย์ก็พยายามถ่ายทอดให้เห็นว่า แม้ใจจะอ่อนเพียงใด
ก็ไม่ได้หมายความว่า จะสัมพันธ์กับสมมติฐานโรคของความ "ปากแข็ง" ในตัวละครได้
สัมพันธ์เลิฟทั้งริอิฉิกับอิซากิ และเอย์สึเกะกับมิโนะ จึงไม่เคยคืบหน้าไปไหนต่อไหน
ไม่ใช่แค่ความรักเท่านั้น แม้แต่เรื่องความฝัน ก็ไม่อาจสมหวังดั่งที่ได้ตั้งใจ
หรือเพราะชีวิตปัจจุบันเราหลงเพลินกับการปลุกเร้าไปตามจังหวะชีวิตของการแข่งขัน
ไม่ว่าจะด้วยจังหวะสามช่า ฮิบฮอป ป๊อปเดนซ์ สกาหรือว่าเร้กเก้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเข้ามา
ก็ตามที หากลองหันมาปรับเปลี่ยนอิริยาบทที่ผ่อนคลาย เป็นจังหวะ สโลว์ๆ ชิ้วๆ
ที่ไม่ว่าทั้งเรื่องรักหรือเรื่องงาน หากกำหนด "อานาปานสติ" ให้รู้สึกตัวทั่วพร้อม
เจริญสติมั่น ทำอย่างพิจารณา ปราณีตและมุ่งมั่นในชิ้นงานนั้นๆ
มื้องานที่เคยลวกๆ ก็จะได้ปรุงสุก เป็นเนื้องานที่สำเร็จ เหมือนอย่างที่ริอิฉิได้ทำหนัง
อย่างที่ใจปรารถนา และทำออกมาได้ดีจนประธานบริษัทเอยปากชม ทั้งๆที่นึกเอาตอนแรก
ว่า จะถูกเฉ้งสักแล้ว! ที่เอาอุปกรณ์คุณท่านมาใช้โดยไม่ขออนุญาติสักอีก



ผมเคยได้ยิน อ.วีระ ธีรภัทธ เล่าในรายการวิทยุ เกี่ยวกับแนวทางในการแก้ปัญหาไว้ว่า
ปัญหานั่นเราสามารถแก้ได้โดยสองทาง ทางแรก คือ ลงมือแก้ปัญหาโดยทันที
กับ ปล่อยให้ปัญหาคลี่คลายด้วยตัวของมัน Slow Dance จึงน่าจะหมายถึง
จังหวะตามครรลองในสิ่งที่ควรจะเป็น เป็นไปได้แค่ไหนก็ตามแต่จังหวะ
แม้จะเป็นเรือ่งที่ผูกโยงจนแลดูยุ่งเหยิงในช่วงต้น ในสรุปจบตอนสุดท้าย
ทุกอย่างก็ดูจะคลี่คลายสมบูรณ์ลงไป ผ่านย่างก้าวพื้นฐานตามจังหวะ
ที่เรียกว่า step รอยย้ำเล็กๆ ที่จำต้องมีการควบคุมที่ดี ไม่งั้นเผลอไปโดนเท้าใครเข้า ท้ายสุด
ริอิฉิก็ได้ทำหนังสมตามที่ตั้งใจ อิซากิแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าแผนกใหญ่ แต่ก็มีหนทาง
ที่จะได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเองกับประสบการณ์การทำงานใหม่ที่โอซากา
ความรักที่ดูเหมือนจะไปกันไม่ได้ระหว่างเอย์สึเกะกับมิโนะ ก็เห็นแสงแห่งทางออก
เมื่อสองฝ่ายต่างพูดความในใจ ขณะที่ผู้เขียนก็ได้ระบายความอั้นใจความในใจต่อน้องเรียวโกะ
ผ่านบล็อกแก็งค์แห่งนี้ เป็นจังหวะชีวิตที่มีขึ้นมีลง ตามความผกผันของชีวิต
อุปสรรค คือ ครู , ศัตรู คือ ยาชูกำลัง แต่ถ้ามีครูเป็นศัตรู
ยาชูกำลังที่ไหน ก็ยากที่จะช่วยโอเวอร์โด๊บให้เราต่อสู้กับอุปสรรคให้ผ่านพ้นได้ยาก
Slow Dance จึงไม่ใช่ Last Dance ในสุดท้ายของจังหวะการเต้น
เป็นเพียงแค่การปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ ให้เข้ากับสิ่งที่กำลังเผชิญ
let go it down little more ที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นให้สุดและลงให้มิด
เพราะหมดจากเพลงนี้เเล้ว ไม่อาจรู้ว่า เพลงต่อไปมันจะออกมาแนวใด ก็เท่านั้นเอง

ป.ล, เพลงก็เพราะ เพราะได้นักสืบกาลิเลโอ ฟุกุยามา มาซาฮารุ มาโหยหวน
ในเพลงที่ชื่อ Tokyo ซึ่งก็งงๆ เพราะดูจะไม่ค่อยเข้ากันเท่าไรนัก........





ขอบคุณข้อมูลจาก
//wiki.d-addicts.com/Slow_Dance
//jkdramas.com/jdramas/06/SlowDance/index.htm



















Create Date : 18 ธันวาคม 2552
Last Update : 18 ธันวาคม 2552 22:46:33 น. 2 comments
Counter : 1786 Pageviews.

 
ช่วงนี้ยังคงเน้นเรื่องเก่าอยู่เช่นเคย แต่ชอบค่ะนางเอกคนนี้เธอน่ารัก น่าสนใจ


โดย: MamLHC วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:17:06:48 น.  

 
ก็แค่ช่วงนี้ละขอรับ

อยากระบายสต็อกส่วนตัว

ที่ตามติดเจ๊เรียวโกะ

นึกถึงอดีตเก่าๆ ก็สนานใจดี

งานใหม่ๆ ก็ได้สองท่านผู้เชี่ยว

ManLHC กับ Prysang เป็นตัวช่วยที่ดีเสมอ

มานะเอย


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:18:50:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.