ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
เมื่อเจ้าตัวน้อยไม่ยอมดูดนมแม่

อันนี้สำหรับกรณีของทารกแรกคลอดนะค่ะ  กรณีที่ลูกของเราเขาไม่ยอมดูดนมจากเต้านั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะท่าทางการดูดไม่ถูกต้องนั้นเองค่ะ เลยทำให้ดูดแล้วไม่ได้น้ำนม เมื่อไม่ได้น้ำนม ลูกก็จะหงุดหงิดและปฏิเสธเต้านมของคุณแม่ได้  ซึ่งทำให้คุณแม่เข้าใจผิดว่าไม่มีน้ำนมให้ลูก เวลาที่ลูกดูดไม่ถูกต้อง เขาจะไม่ได้น้ำนมค่ะ  ทั้งๆที่คุณแม่มีนมอยู่เต็มเต้า แต่ลูกดูดไม่ออก  เพราะฉะนั้นต้องแก้ด้วยการดูดให้ถูกวิธีค่ะ  ไม่ใช่แก้ด้วยการเสริมนมขวดนะค่ะ  ในการสอนให้ลูกดูดนมให้ถูกต้องควรจะเป็นสิ่งที่โรงพยาบาล "ต้อง" ฝึกให้แม่ทุกคนทำได้ก่อนจะให้กลับบ้านเลยค่ะ  แต่ในความเป็นจริงแล้วมีน้อยเหลือเกินที่จะให้ความใส่ใจกันในเรื่องนี้    เอาเป็นว่าคุณแม่ท่านใดที่มีปัญหาเรื่องลูกไม่ยอมดูดจากเต้า ก็ลองดูได้นะค่ะ ว่าลูกเราดูดได้ถูกต้องหรือเปล่า หมอเอมจะอธิบายให้ฟัง

ทำไมทารกถึงปฏิเสธที่จะดูดนม  

มีสาเหตุหลายอย่างเลยค่ะ ที่ทำให้ทารกไม่ยอมดูดนมคุรแม่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการที่ทารกไม่ยอมดูดนมคุณแม่ มักจะเกิดขึ้นจากสาเหตุมากกว่าหนึ่งอย่างนะ ยกตัวอย่างเช่น ทารกที่มี พังผืดอยู่ใต้ลิ้น เลยทำให้ไม่ยอมดูดนมแม่แต่โดยดีค่ะ แต่ถ้าหากไม่มีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องนะ แต่ถ้าหากทารกได้รับนมขวดตั้งแต่หลังคลอดใหม่ๆ นมของคุณแม่สำหรับเขาแล้วก็อาจจะกลายสภาพจากอะไรที่ "ดีพอใช้" เป็น "ใช้ไม่ได้เลย" ก็ได้ค่ะ

ถ้าหัวนมแม่ใหญ่มาก คือมีลักษณะบุ๋มหรือบอด ก็จะทำให้การดูดนมทำได้ยากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้เลยค่ะ

เพราะทารกบางคนก็ไม่เต็มใจที่จะดูดนมคุณแม่ หรือดูดนมได้ไม่ดีเนื่องจากได้รับผลกระทบจากยาที่ได้รับระหว่างการคลอดนั้งเองค่ะ ในหลายกรณีก็มีสาเหตุมาจากยาระงับความเจ็บปวด โดยเฉพาะยาแก้ปวดที่ชื่อว่า Meperidine (Demerol) ซึ่งจะไปตกค้างในกระแสเลือดของทารกเป็นเวลานาน และมีผลต่อการดูดนมของทารกอยู่เป็นเวลาหลายวันเลยค่ะ  แม้แต่มอร์ฟีนที่ให้ในการบล็อคหลังก็อาจจะมีผลทำให้ทารกไม่ยอมดูดนมคุณแม่ได้  เพราะยาที่ให้ในการบล็อคหลังจะเข้าไปในกระแสเลือดของคุณแม่ และผ่านไปยังทารกก่อนที่จะคลอดออกมานั้งเองค่ะ

การใช้เครื่องมือดูดทารกออกมาในการคลอดก็อาจจะมีผลทำให้ทารกดูดนมได้ไม่ดีก็เคยมีค่ะ  ***อันที่จริงมันจะไม่มีความจำเป็นอะไรเลย ที่จะต้องใช้เครื่องดูดนี้ในกรณีที่ทารกคลอดแบบครบกำหนดและแข็งแรงดีค่ะ

ทารกที่มีความผิดปกติของปากก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทารกไม่ยอมดูดนมคุณแม่ก็มีค่ะ  เช่น การมีเพดานปากโหว่ (ไม่ใช่อาการปากแหว่งนะ) ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทารกดูดนมคุณแม่ได้อย่างยากลำบาก  ซึ่งบางครั้งอาการเพดานปากโหว่ก็สังเกตเห็นได้ยากค่ะ  เพราะเกิดขึ้นกับส่วนที่อยู่ภายในปากของทารก

พังผืดใต้ลิ้น (เนื้อเยื่อสีขาวที่อยู่ใต้ลิ้น) อาจมีผลให้ทารกดูดนมคุณแม่ได้ยาก เจ้าพังผืดนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติทางร่างกายนะค่ะ  เลยทำให้แพทย์จำนวนมากไม่เชื่อว่ามันจะกระทบต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมของคุณแม่ทุกท่า  ทั้งที่จริงๆแล้วมันมีผลค่ะ  ทารกเรียนรู้การดูดนมคุณแม่ ด้วยการดูดจริง หัวนมที่ทำเทียมขึ้นจึงมีส่วนขัดขวางการดูดนมจากเต้าของทารก ถ้าน้ำนมที่ได้รับจากเต้านมของคุณแม่ไหลช้า (ดังที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันแรกหลังการคลอดนั้นแหละค่ะ) ในขณะที่นมที่ได้จากขวดนมกลับไหลเร็ว ทารกจำนวนมากจะเรียนรู้ความแตกต่างตรงจุดนี้ได้อย่างรวดเร็วมากค่ะ 

แต่อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้ทารกปฏิเสธการดูดนมคุรแม่ ก็มาจากความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ทารกในช่วงสองสามวันแรกของชีวิต จะต้องดูดนมคุณแม่ทุก 3 ชั่วโมง หรือกี่ชั่วโมงก็แล้วแต่ตามตารางเวลาที่กำหนดมา เมื่อทารกไม่ดูดนมคุณแม่ตามเวลาที่กำหนด เช่น สามชั่วโมงภายหลังการคลอด จึงก่อให้เกิดความวิตกกังวลขึ้น และบ่อยครั้งที่มีการบังคับให้ทารกดูดนมคุณแม่ทั้งที่ยังไม่พร้อมก็เคยมีค่ะ  จึงไม่หน้าแปลกใจที่เมื่อถูกบังคับให้ดูดนมคุณแม่เมื่อยังไม่ต้องการหรือยังไม่พร้อม ทารกบางคนจะเกิดอาการเกลียดเต้านมไปเลยค่ะ  ถ้าความเชื่อผิดๆ อันนี้ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นว่า "ทารกต้องได้รับอาหาร" ก็อาจจะมีความพยายามใช้วิธีอื่นในการป้อนทารก (ที่แย่ที่สุดก็คือการใช้ขวดนม) ก็จะส่งผลให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก และเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรอุบาทว์ในที่สุดค่ะ ***ความคิดเห็นส่วนตัวของกุมารแพทย์อย่างเอมค่ะ 

ไม่มีหลักฐานอะไรมาบ่งชี้ว่า ทารกคลอดครบกำหนดที่แข็งแรงจะต้องได้รับอาหารทุกๆสามชั่วโมง ภายในช่วงสองถึงสามวันแรกหลังการคลอด และก็ไม่มีข้อพิสูจน์อะไรที่ว่าทารกจะมีระดับน้ำตาลต่ำ หากไม่ได้รับอาหารทุกสามชั่วโมง (ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นเรื่องของความวิตกกังวลเกินกว่าเหตุที่แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางในการดูแลเด็กแรกเกิดของเมืองไทยเลยค่ะ ทั้งที่ๆมันมีที่มาจากความเป็นจริงเพียงแค่บางส่วน เท่านั้น และบางครั้งกลับนำไปสู่ปัญหามากกว่าป้องกันปัญหาอีกด้วยค่ะ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาที่ทารกจำนวนมากได้รับนมผสมโดยไม่จำเป็น และการถูกแยกจากแม่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และไม่ยอมดูดนม)

ทารกควรได้อยู่กับคุณแม่ และได้รับการกอดเพื่อให้ผิวของทารกแนบสัมผัสกับผิวของคุณแม่โดยตรงตลอด 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน การให้ทารกได้อยู่กับแม่โดยผิวหนังแนบสัมผัสกันโดยตรงทันทีหลังจากคลอดออกมา จะช่วยให้ทารกและแม่มีเวลาในการ "ค้นพบ" กันและกัน และป้องกันปัญหาทารกไม่ยอมดูดนมคุณแม่ได้เป็นส่วนใหญ่เลยนะค่ะ การให้ผิวหนังของทารกสัมผัสกับผิวของคุณแม่ยังช่วยให้ร่างกายของทารกได้รับความอบอุ่นเหมือนกับการอยู่ภายใต้โคมไฟให้ความร้อนอีกด้วยนะ

การให้ทารกได้อยู่กับคุณแม่เป็นเวลา 5 นาที ไม่ใช่ทางออกของปัญหา แต่ทารกและคุณแม่ควรได้อยู่ด้วยกันจนกว่าทารกจะดูดนมคุณแม่ได้เอง โดยไม่มีความกดดันใดๆ แล้วไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา ("เราต้องชั่งน้ำหนักเด็ก" "เราต้องให้วิตามินเคกับเด็ก" หรือขั้นตอนอื่นๆ เรื่องพวกนี้สามารถรอได้ค่ะ หมอเอมขอยืนยัน) ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น

แต่ทารกก็ยังไม่ยอมดูดนม

เอาล่ะ ทีนี้มาถึงคำถามที่ว่าเราควรจะรอกันนานแค่ไหน คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนตายตัวค่ะ ถ้าทารกยังไม่แสดงทีท่าว่าอยากจะดูดนมคุณแม่ภายใน 12-24 ชั่วโมงหลังการคลอด แน่นอนว่าก็หน้าจะมีการลองทำอะไรบางอย่าง ส่วนใหญ่ก็เนื่องมาจากเหตุผลที่ว่านโยบายของโรงพยาบาลมักจะให้แม่กลับบ้านได้ภายใน 24-48 ชั่วโมงนั้นเองค่ะ ***ปัญหานี้มีมานานแล้วในเมืองไทย แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไข้อย่างจริงจังเลย 

แล้วมีอะไรบ้างล่ะที่พอจะทำได้

คุณแม่ควรเริ่มบีบน้ำนมของตัวเอง และนำน้ำนมเหลือง (colostrum) ที่บีบได้ จะเป็นนมอย่างเดียวหรือผสมกับน้ำผสมน้ำตาลก็ได้ค่ะ ลองป้อนให้แก่ทารกดู ถ้าจะให้ดีควรป้อนโดยใช้เทคนิค Finger Feeding (การป้อนโดยใช้นิ้วร่วมกับอุปกรณ์ที่เรียกว่า Lactation Aid  หมายเหตุ : มีผู้ผลิตอุปกรณ์ Finger Feeding ขายอยู่เหมือนกันค่ะ  แต่สำหรับการใช้ระยะสั้นแบบนี้ ใช้ช้อนป้อนก็น่าจะพอแทนได้ค่ะ) 

ถ้ายังบีบน้ำนมเหลืองไม่ค่อยออก (ส่วนใหญ่การใช้มือบีบจะดีกว่าปั๊มในช่วงสองสามวันแรกหลังคลอด) จะใช้น้ำผสมน้ำตาลอย่างเดียวไปก่อนในช่วงสองสามวันแรกก็ได้ค่ะ ทารกส่วนใหญ่จะเริ่มดูด และหลายคนจะตื่นตัวมากพอที่จะพยายามไปหาเต้านมของคุณแม่

ทันทีที่ทารกเริ่มดูดได้ดี ให้หยุดป้อนโดย Finger Feeding และให้ทารกลองดูดนมจากเต้าคุณแม่ดูเลยค่ะ   Finger Feeding เป็นขั้นตอนที่ช่วยเตรียมตัวให้ทารกในการดูดนมจากเต้า   แต่ไม่ใช่วิธีที่มีวัตถุประสงค์เบื้องต้นเพื่อหลีกเลี่ยงการให้นมขวดนะ  ถึงแม้ว่ามันจะช่วยขจัดความจำเป็นในการให้นมขวดไปด้วยในตัวก็ตาม   ดังนั้น จึงเป็นเทคนิคที่ถูกนำมาใช้ก่อนการพยายามให้ทารกดูดนมจากเต้าคุณแม่  เพื่อช่วยในการเตรียมทารกให้พร้อมก่อนการดูดนมแม่ 

ก่อนที่คุณแม่และทารกจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้  ควรจัดให้แม่และลูกได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญอย่างช้าที่สุดก็ไม่เกินภายในวันที่สี่หรือห้าหลังการคลอดค่ะ  เพราะทารกจำนวนมากที่ไม่สามารถดูดนมได้ในช่วงสองถึงสามวันแรกจะสามารถดูดนมได้อย่างดีเมื่อน้ำนมแม่มามากขึ้น  ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประมาณวันที่สามหรือสี่หลังการคลอดนั้นเองค่ะ การจัดให้มีการให้ความช่วยเหลือในช่วงระหว่างนี้จะช่วยป้องกันความผิดพลาดในการดูดนมของทารกที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป

การใช้ Nipple Shield  (แผ่นซิลิโคนป้องกันหัวนมแตก หรือใช้ติดเพื่อช่วยสำหรับผู้ที่มีหัวนมบอด) ก่อนที่น้ำนมคุณแม่จะมามาก (วันที่ 4 ถึง 5) เป็นการกระทำที่ผิดค่ะ  เพราะการเริ่มใช้ Nipple Shield ก่อนที่น้ำนมจะมาเป็นการไม่ให้โอกาสได้ทดลองดูว่ามันจำเป็นหรือไม่   นอกจากนี้ หากใช้โดยไม่เหมาะสม (ดังที่หมออยู่เป็นประจำ) สามารถทำให้น้ำนมแห้งไปได้อย่างหน้าตกใจเลยนะ

" ดิฉันกลับจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้านแล้ว ลูกไม่ยอมดูดนม ดิฉันจะทำอย่างไรดี  "

ปัจจัยสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวที่ส่งผลทำให้ทารกยอมดูดนมของคุณแม่หรือไม่ก็คือ ตัวคุณแม่เองต้องมีน้ำนมมากเพียงพอค่ะ หากคุณแม่มีน้ำนมมากมายเหลือเฟือ ไม่ว่าจะอย่างไรทารกจะยอมดูดนมได้เองในช่วงอายุประมาณ 4-8 สัปดาห์หลังการคลอด สิ่งที่พวกเราเหล่ากุมารแพทย์ตามโรงพยาบาลจะให้คำปรึกษาไปก็คือ การช่วยให้ทารกดูดนมคุณแม่ได้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ไม่ต้องรอเป็นเวลานานขนาดนั้นค่ะ 

ดังนั้น การพยายามให้คุณแม่มีน้ำนมมากพอมีความสำคัญกว่าการหลีกเลี่ยงขวดนมค่ะ   เพราะขวดนมมีส่วนในการขัดขวางการดูดนมคุณแม่ และหากสามารถใช้วิธีอื่นได้ (เช่นป้อนจากถ้วย) ก็จะดีกว่า แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่มีทางเลือก คุณก็ควรจะทำค่ะ

พยายามศึกษาท่าทางในการให้นมที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยตรง  เมื่อทารกเริ่มดูดนม ให้บีบเต้านมเพื่อให้น้ำนมพุ่งเข้าปาก. และลองให้ดูดจากเต้าที่เขาชอบหรือจากเต้าที่มีน้ำนมมากกว่าก่อนค่ะ และไม่ควรเริ่มจากเต้าที่ทารกแสดงอาการต่อต้านนะ

ถ้าทารกยอมอ้าปากอมหัวนม เขาจะเริ่มดูดและกลืนนม

หากทารกไม่ยอมดูดนม อย่าบังคับเขานะค่ะ  เพราะนั่นไม่ใช่วิธีที่ได้ผล เพราะทารกอาจจะหัวเสียหรือไม่ก็จะแสดงอาการหมดเรี่ยวแรงไปเลยก็มีค่ะ แต่ควรอุ้มเขาออกมาจากอกและเริ่มต้นใหม่ การอุ้มทารกเข้า-ออก เข้า-ออกจากอกหลายๆครั้งจะดีกว่าการบังคับให้เขาอยู่กับอก เมื่อเขาไม่ยอมดูดนม หากทารกยอมเข้าหาเต้านมของคุณแม่และดูดเพียงคำหรือสองคำ นั่นก็คือเขาไม่ยอมดูดนมแล้วนั้นเองค่ะ

ถ้าทารกปฏิเสธเต้านม อย่ายืนกรานให้เขาดูดให้ได้จนเขาโกรธ แต่ควรลองใช้เทคนิค Finger Feeding เป็นเวลาตั้งแต่สองสามวินาทีจนถึงหนึ่งหรือสองนาทีแล้วเริ่มต้นใหม่ดูค่ะ โดยอาจจะลองเปลี่ยนไปให้จากเต้าอีกข้างดู เราใช้ Finger Feeding เพื่อเตรียมทารกให้ดูดนมจากเต้าของคุณแม่   แต่ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ขวดนะ ถ้าทารกยังคงไม่ยอมดูดนม ท้ายที่สุดแล้วให้จบมื้อนั้นโดยการป้อนด้วยวิธีอะไรก็ได้ที่ง่ายที่สุดสำหรับคุณเลยค่ะ

สำหรับการใช้ Lactation Aid ในขณะที่ทารกดูดนมจากเต้ากอาจจะช่วยได้เช่นกันค่ะ แต่มักจะจำเป็นต้องใช้มือเพิ่มมาอีกข้างสำหรับอุปกรณ์นี้   หลังจากการคลอดประมาณสองสัปดาห์ สิ่งที่คุณแม่ทุกท่านทำในช่วงที่ผ่านมามักจะทำให้ทารกรับรู้ได้แล้วว่า เรื่องแบบนี้มีวิธีทำได้หลายวิธี ถ้าคุณเคยป้อนโดยวิธี Finger Feeding เพียงอย่างเดียว แต่ในบางกรณีการเปลี่ยนไปป้อนด้วยแก้วหรือขวดอาจจะได้ผลค่ะ หรือบ่อยครั้งที่การใช้ Nipple Shield จะใช้ได้ผลเช่นกัน ถ้าตัวคุณแม่เคยป้อนด้วยขวดเพียงอย่างเดียว การเปลี่ยนไปป้อนโดย Finger Feeding ก็อาจจะได้ผลก็ได้ค่ะ (การพยายามป้อนนมจากเต้าก็ใช้ได้หากการใช้ Finger Feeding ช้าเกินไป และจบมื้อนั้นโดยการป้อนด้วยแก้วหรือขวด)  

จะรักษาและเพิ่มปริมาณน้ำนมได้อย่างไร  

บีบนมออกให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ อย่างน้อยที่สุดคือวันละ 8 ครั้ง ใช้ปั๊มคุณภาพดีปั๊มทีเดียวพร้อมกันทั้งสองข้างไปเลยค่ะ การบีบเต้านมระหว่างปั๊มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปั๊มและช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมด้วยนะค่ะ (อาจต้องใช้มือเพิ่มอีกข้างหนึ่ง แต่แม่อาจตั้งปั๊มให้ไม่ต้องใช้มือถืออุปกรณ์ระหว่างการปั๊มเพื่อจะได้ใช้มือที่ว่างอยู่บีบเต้านมได้ค่ะ). ถ้าทารกไม่ยอมดูดนมภายในวันที่ 4 หรือ 5 คุณแม่ทุกท่านก็ควรรับประทาน Fenugreek และ Blessed Thistle เพื่อเพิ่มน้ำนม สำหรับการใช้ยา Domperidone ก็อาจช่วยได้ค่ะ  ถ้าจำเป็นต้องใช้ Nipple Shield  อย่าเพิ่งเริ่มใช้นะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีปริมาณน้ำนมที่มากพอแล้ว (อย่างน้อยที่สุดก็ 2 สัปดาห์หลังคลอดค่ะ) และควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญก่อนด้วย

อย่าเพิ่งท้อ ถึงแม้ว่าจะมีน้ำนมไม่มากพอสำหรับเจ้าตัวน้อยของเรา เพราะส่วนมากเจ้าตัวน้อยยังยอมดูดนมคุณแม่อยู่ดีค่ะ  แต่ในบางกรณีคุณแม่ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญนะค่ะ อย่าพยายามแก้ไขด้วยตัวเองคนเดียวแหละ



ที่มา: กรมแพทย์ทหารเรือ



Create Date : 01 มิถุนายน 2557
Last Update : 1 มิถุนายน 2557 11:56:27 น. 0 comments
Counter : 2039 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.