ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
เพชร x เพชร ติดตาม (21)

ภายใต้แสงอาทิตย์อ่อนๆ ของยามเช้าที่สดใส ลมอุ่นๆ พัดผ่านช่องเขาแคบๆ ที่คั่นอยู่กึ่งกลางระหว่างป่าเขียวกับภูเขาไฟ ภูเขาลูกมหึมาที่ยอดของมันถูกกลืนหายเข้าไปในหมู่เมฆเบื้องบน

ครั้งหนึ่งมันเคยขยับตัวจนผืนแผ่นดินทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน แรงระเบิดของมันส่งลูกไฟจำนวนมากมายมหาศาลให้พวยพุ่งสูงขึ้นไปจนสุดสายตา ผงฝุ่นปลิวกระจัดกระจายบดบังท้องฟ้าจนมืดมิด และตกลงมากองท่วมทับถมจนผืนแผ่นดินทั้งหมดต้องกลายเป็นสีเทา

แต่มันได้สงบนิ่งมาเนิ่นนานแล้ว นานจนผู้คนต่างลืมเลือนในพลังอำนาจของมันไป

ภายในช่องเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยหินภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นสีดำและมีรูพรุนอยู่ภายใน ในบางแห่งยังคงปรากฏรอยแยกของแผ่นดิน ส่งควันสีเหลืองจางๆ ให้ระเหยออกมาเป็นระยะๆ พื้นที่ทั้งหมดจึงมีกลิ่นที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของมันเองตลบอบอวลอยู่ตลอดเวลา

หมู่ต้นไม้ที่แน่นหนาของป่าเขียวพลันขยับเคลื่อนตัวออกจากกันเกิดเป็นช่องว่างคล้ายประตูแห่งหนึ่งขึ้น มีเงาร่างสองสายเดินผ่านประตูแห่งนี้เข้าสู่ช่องเขา

ผู้ที่เดินนำหน้ามีรูปร่างผอมสูง ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีใบไม้ร่วงจนหมดสิ้น แม้แต่ดวงตาของเขาก็กลับกลายเป็นสีใบไม้ร่วงเช่นเดียวกัน ผู้ที่เดินติดตามมามีรูปร่างเตี้ย บนหลังของเขาแบกห่อของเอาไว้ ร่างที่เคยกำยำกลับซูบผอมลงไปมาก ส่วนผิวของเขาในตอนนี้มีสีเข้มคล้ำจนเกือบจะกลายเป็นสีดำอยู่แล้ว

ทั้งสองแม้มีท่าทางอิดโรย แต่ยังคงมีความมุ่งมั่นบางอย่างที่คอยผลักดันให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปโดยไม่ชักช้า

มีถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ที่เชิงภูเขาไฟห่างออกไปไม่ไกลนัก ปากทางเข้ามีรอยไหม้เป็นสีดำปรากฏอยู่โดยรอบ ตัวถ้ำมีความลึกไม่มากนัก ลักษณะของมันบ่งบอกว่าไม่ได้เป็นถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

จากภายในถ้ำแห่งนี้มีเสียงประหลาดดังออกมา เป็นเสียงต่ำๆ ที่มีจังหวะสั้นยาวสม่ำเสมอ พวกเขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งนี้

นายช่างใหญ่เดินมาหยุดยืนอยู่ที่ปากถ้ำ ท่าทางของเขาแสดงว่าคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เขาหันมาใช้สายตาบอก นิล ให้หยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา แล้วยกมือขึ้นแตะริมฝีปากไม่ให้ส่งเสียงออกมา

พอ นิล พยักหน้ารับ เขาจึงหันกลับไปทางปากถ้ำแล้วร้องตะโกนขึ้นด้วยถ้อยคำประหลาดๆ ที่ นิล ไม่เข้าใจความหมาย

“…” (ประจิม ท่านตื่นอยู่หรือเปล่า)

มีเสียงฟืดฟาดดังออกมาจากภายในถ้ำ หลังจากนั้นอีกครู่หนึ่งจึงมีเสียงทุ้มกังวาลดังขึ้น แม้ว่า นิล จะไม่เข้าใจในความหมายของมัน แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกไม่พอใจที่แทรกอยู่ในน้ำเสียง

“…” (ฉันหลับอยู่…และจะหลับต่อไป…ลาก่อน)

“…” (ฉันกับเพื่อนอีกคนหนึ่งเดินทางกันมาตั้งไกล เพื่อนำของพิเศษชิ้นหนึ่งมาให้ท่านได้ชม)

“…” (ฉันไม่ดูอะไรทั้งนั้น…ลาก่อนอีกครั้ง)

“…” (หากท่านไม่ได้เห็นความงดงามของมันท่านจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต)

“…” (…เสียใจไปชั่วชีวิต…ฉันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว…ลาก่อนเป็นครั้งสุดท้าย)

หลังจากนั้นไม่ว่านายช่างใหญ่จะพูดอะไร ก็ไม่มีเสียงตอบกลับออกมาจากภายในถ้ำอีกเลย จนในที่สุดนายช่างใหญ่เองก็ต้องยอมแพ้ ทั้งสองคนจึงพากันนั่งลงที่ตรงปากถ้ำแห่งนั้น

ไม่นานนักเสียงต่ำๆ ที่มีจังหวะสั้นยาวสม่ำเสมอก็ดังขึ้นอีกครั้ง มังกรได้หวนคืนสู่ห้วงนิทราแล้ว

นายช่างใหญ่นำน้ำออกมาดื่มอึกหนึ่งแล้วยื่นส่งให้กับ นิล เขารับไปแล้วค่อยๆ รินของเหลวสีเขียวอ่อนลงในฝ่ามือเพียงหยด สองหยด จากนั้นจึงเลียกินมันเข้าไป

ที่พวกเขากำลังกินกันอยู่นี้ไม่ใช่น้ำธรรมดา ของเหลวสีเขียวอ่อนนี้ก็คือแหล่งอาหารของชาววนา น้ำเลี้ยงของต้นไม้ที่มีใบเป็นรูปหัวใจ นายช่างใหญ่ ค้นพบว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยดื่มมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เพียงแต่ว่าหากดื่มกินติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานจนเกินไป ร่างกายก็จะทนไม่ไหวและต้องตายในที่สุด นายช่างใหญ่พกมันติดตัวอยู่เสมอ ในช่วงแรกของการเดินทาง เขาเป็นคนออกหาผลไม้มาให้ นิล กินทุกวัน แต่เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้มัน

“เขาไม่ยอมพบกับพวกเรา”

“…ทำไมเราไม่บุกเข้าไปเลย”

“…มันอันตรายเกินไป…ไฟของมังกรเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะล้อเล่นด้วย เขาอาจจะพ่นไฟออกมาเพียงเพราะความหงุดหงิดโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอันตรายใดๆ แต่เพียงแค่นั้นพวกเราก็อาจจะ…”

“…”

ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไป นิล หยิบห่อของออกมาวางลงตรงหน้าระหว่างเขากับนายช่างใหญ่ เมื่อห่อถูกเปิดออกทั้งสองคนต่างจ้องมองดูเหล็กนิลด้วยความหลงไหล

สายลมอุ่นที่โชยพัดค่อยๆ เย็นยะเยือกลง และพัดจัดรุนแรงยิ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าค่อยๆ หม่นมัว เมฆดำกลุ่มใหญ่เคลื่อนที่มาจากทางทิศตะวันตก และรวมตัวเข้าด้วยกันจนบดบังท้องฟ้าทั่วทั้งบริเวณนี้ให้มืดมิด

บนก้อนเหล็กนิลที่ดำสนิท มีสีอื่นๆ ปรากฏขึ้นบนผิวที่ตะปุ่มตะป่ำของมัน สีเขียวจางๆ จากทางฝั่งของนายช่างใหญ่ และสีเหลืองจางๆ จากทางฝั่งของ นิล

สีทั้งสองมีความเจือจางมาก ต่างค่อยๆ ไหลไปรวมกันและจางหายไปในที่สุด พวกมันต่างถูกสีดำดูดกลืนเข้าไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะรวมเข้ากับสีใดก็ตาม สุดท้ายก็จะเหลือเพียงสีดำเท่านั้น มันคือสีแห่งความสิ้นสุด

จากภายในถ้ำ เสียงต่ำๆ ที่มีจังหวะสั้นยาวสม่ำเสมอค่อยๆ เปลี่ยนไป มีสีแดงสดปรากฏขึ้นบนผิวของก้อนเหล็กนิล มันเริ่มขึ้นจากผิวทางด้านที่อยู่ใกล้กับปากถ้ำ

สีแดงสดค่อยๆ แผ่กระจายออกไป แต่พอยิ่งกระจายออก ความสดของมันก็ยิ่งจางลงๆ เสียงจากภายในถ้ำดังกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดกลายเป็นเสียงพ่นลมหายใจยาว

เปลวไฟที่ร้อนแรงพวยพุ่งออกมาจากปากถ้ำ คลื่นความร้อนพุ่งวาบแผ่กระจายไปทั่วบริเวณนั้น ทั้งสองต่างสะดุ้งตกใจ นิล ลุกขึ้นคว้าก้อนเหล็กนิลมากอดเอาไว้ในอ้อมแขน

สายตาของนายช่างใหญ่ก็เหลือบไปมองที่ก้อนเหล็กนิลก่อน แล้วจึงค่อยหันกลับไปทางปากถ้ำ

“…” (ประจิม ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่)

“…” (…ฉันขอโทษ…ฉันฝันร้าย…พวกเธอคงไม่ได้รับบาดเจ็บกันใช่ไหม)

“…” (ใช่ แต่ท่านทำให้พวกเราตกใจมาก)

“…” (ฉันต้องขอโทษพวกเธออีกครั้ง…ฉันไม่เคยฝันร้ายขนาดนี้มาก่อนเลย)

“…” (ท่านฝันเรื่องอะไรกัน)

“…” (…ฉันจะไม่ขอพูดถึงมันอีก)

“นายช่างกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่”

นิล ถามแทรกขึ้นมา เขารู้สึกอึดอัดที่ทั้งสองต่างพูดคุยกันด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจ นิล คิดว่าถ้าเขาได้เข้าร่วมวงสนทนาด้วย ก็อาจมีหนทางที่จะทำให้มังกรยอมออกมาจากถ้ำได้

เสียงที่แสดงความประหลาดใจดังออกมาจากภายในถ้ำ และคราวนี้ นิล สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด

“เพื่อนที่มากับเธอเป็นชาวปฐพีหรือ ฉันไม่ได้เห็นพวกเขามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อไรกัน…ครั้งสุดท้ายที่ฉันบินไปบนท้องฟ้า…เมื่อไรกันนึกไม่ออกแล้ว…”

“สวัสดี ประจิม ฉันชื่อ นิล และฉันเองก็อยากจะพบท่านสักครั้ง พวกเราต่างคิดว่าท่านเป็นแค่เพียงตำนาน มีอยู่แต่ในนิทานเท่านั้น ลูกชายของฉัน เพชร ก็อยากพบท่านเช่นกัน”

เมื่อพูดออกไปแล้ว นิล ก็หวนคิดถึง เพชร ความจริงแล้วเขาไม่ควรปล่อยให้เด็กหนุ่มเดินทางกลับบ้านตามลำพังเช่นนั้นเลย อ้อมกอดของเขาที่กอดรัดก้อนเหล็กนิลเอาไว้คลายออกเล็กน้อย

“…ลูกชาย…เธอมีลูกด้วยหรือ…ลูก…”

ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากถ้ำ นายช่างใหญ่ที่ตัวสูง ก็สูงเพียงแค่ไหล่ของ ประจิม เท่านั้น

ร่างของเขาประกอบไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ มีเกล็ดสีแดงสดปกคลุมอยู่ตลอดตัว ดวงตาสีแดงฉานส่องประกายลุกโชติช่วง กรงเล็บ และเขี้ยวของเขามีขนาดใหญ่แลดูน่ากลัว ท่าทางของเขาเหมือนกับนักรบที่สวมชุดเกราะติดอาวุธเตรียมพร้อมที่จะสู้อยู่ตลอดเวลา

นิล ยังไม่เห็นปีกของเขา เพราะตอนนี้มันถูกพับเก็บอยู่ทางด้านหลัง ยังคงมีกลุ่มควันจางๆ ลอยออกมาจากรูจมูก ไม่น่าเชื่อว่าไฟที่มีความร้อนสูงขนาดนั้นกลับไม่อาจทำอันตรายต่อร่างของเขาเอง พอ ประจิม มองเห็น นิล เขาก็แสดงท่าทางงุนงงออกมา

“…เอ…ชาวปฐพีต้องมีผิวสีเหลืองไม่ใช่หรือ…ฉันจำได้ว่าต้องใช่แน่ๆ หรือว่าฉันจะจำผิดไป”

นายช่างใหญ่เห็นเป็นจังหวะที่ดีจึงรีบฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ แต่ท่านลองดูสิ่งสวยงามที่เขากำลังถืออยู่ดีกว่า”

พอสายตาของ ประจิม พบกับเหล็กนิล เกล็ดสีแดงสดของเขาก็ค่อยๆ คล้ำลง เขาไม่อาจละสายตาไปจากก้อนโลหะสีดำที่แสนจะงดงามก้อนนั้นได้เลย และยิ่งเขาจ้องมองดูมันนานมากขึ้น สีแดงของเขาก็ยิ่งเข้มคล้ำลงเรื่อยๆ

“มันช่างงดงามจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะไรสวยงามเท่านี้มาก่อนเลย ตลอดช่วงชีวิตที่ยาวนานของฉัน”

“…” (และท่านจะช่วยฉันทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่งดงามยิ่งขึ้นไปอีก)

“…” (…ฉันจะช่วยเธอได้อย่างไร)

“…” (ด้วยไฟของท่าน ด้วยไฟที่ร้อนแรงของท่านจะหลอมมัน และด้วยมือของฉัน ฉันจะสร้างมันให้กลายเป็นสิ่งที่มันต้องการจะเป็น)

“…” (…แล้วเขาล่ะ)
ประจิม ย่อมหมายถึง นิล ที่กำลังยืนกอดก้อนเหล็กนิลเอาไว้แนบอก

“…” (…เขา…)

ก่อนที่นายช่างใหญ่จะทันได้ตอบคำถามนี้ นิล ก็ทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง ร่างของ นิล ได้กลายเป็นสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาจ้องมองไปที่นายช่างใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“…” (ข้าคือ “เจ้าของ” ของสิ่งนี้)

ในขณะที่ นิล กำลังกล่าวคำพูดเหล่านี้ นายช่างใหญ่กับ ประจิม ต่างก็มองเห็นร่างสีดำของเขาสูงใหญ่น่าเกรงขาม และมีพลังอำนาจลึกลับแผ่กระจายออกมาจากร่างเงานั้น ทั้งสองคนต่างพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นพร้อมกันว่า

“…” (ถูกแล้ว ท่านคือเจ้าของเพียงคนเดียวของมัน)

หลังจากนั้นทั้งสามคนต่างไม่พูดอะไรกันอีก นายช่างใหญ่หยิบเครื่องมือที่เตรียมเอาไว้ออกมา เขาถือค้อนใหญ่ด้ามหนึ่ง ส่วน นิล ก็มีคีมอันใหญ่และยาว ซึ่งเขาต้องใช้สองมือจับด้ามของมันเอาไว้

ทั้งหมดเข้ายืนประจำตำแหน่งเป็นรูปสามเหลี่ยม เหล็กนิลถูกนำไปวางเอาไว้ตรงกึ่งกลาง

ลมยิ่งพัดแรงขึ้น สายลมที่เย็นเฉียบพัดพาเอากลุ่มเมฆดำจากทางทิศตะวันตกเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้จนหมดสิ้น แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาสายแล้ว แต่ท้องฟ้ากลับมองดูเหมือนเป็นเวลาใกล้ค่ำ

ทันใดนั้นเองเปลวเพลิงก็ลุกสว่างโชติช่วงขึ้น ประจิม พ่นไฟเข้าใส่เหล็กนิล ส่วนอีกสองคนที่เหลือต่างยืนนิ่งโดยไม่สนใจกับประกายไฟ และคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้น สายตาของพวกเขาไม่เคยละไปจากก้อนเหล็กนิลเลย

ก้อนเหล็กนิลถูกคีบพลิกกลับไปมาอย่างรวดเร็ว ค้อนใหญ่กระหน่ำตีลงไปไม่เป็นจังหวะ ทั้งสามคนต่างทำงานสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว คล้ายกับมีพลังอำนาจลึกลับคอยควบคุมบงการพวกเขาอยู่

ก้อนเหล็กนิลค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไปทีละน้อยๆ สิ่งที่นายช่างใหญ่เคยเห็นกำลังจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา ไฟของ ประจิม เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีดำ แต่ร่างของเขากลับกลายเป็นสีเทาของขี้เถ้าไปแล้ว สีเหลือง สีเชียว และสีแดง ต่างถูกเหล็กนิลดูดกลืนเข้าไปจนหมดสิ้นแล้ว


Create Date : 12 ตุลาคม 2552
Last Update : 12 ตุลาคม 2552 8:47:04 น. 0 comments
Counter : 623 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.