ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

เพชร x เพชร แยกทาง (18)

ทั้งสองตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ และก่อนที่จะแยกย้ายกันออกเดินทาง เพชร แบ่งใบชาที่เหลืออยู่ในห่อให้กับ สำริด ไปครึ่งหนึ่ง

“รับไปเถอะครับ พี่จะได้มีน้ำชาดื่มระหว่างทาง”

“…ขอบใจนะ”

ทั้งสองต่างยิ้มให้แก่กันก่อนที่จะออกเดินทางไปตามเส้นทางของตน คนหนึ่งกลับไปสู่ทุ่งหินที่จากมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ส่วนอีกคนหนึ่งกลับไปสู่ป่าเขียวที่พึ่งจะจากมาเมื่อวันก่อนนี้เอง

วันนี้ เพชร เดินทางไปอย่างไม่รีบเร่งนัก เขาเดินและพักตามช่วงจังหวะเวลาที่ควรจะเป็น การเดินทางอย่างเร่งรีบ และอาการปวดท้อง อ่อนเพลีย ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สอนบทเรียนที่ดีให้กับเขา

เด็กหนุ่มกลับมาถึงวงต้นไม้ในเวลาเย็น แสดงว่าเมื่อวานกับวันนี้เขาใช้เวลาในการเดินทางพอๆ กัน บางครั้งการเร่งรีบทำสิ่งใดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำสิ่งนั้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเสมอไป

เพชร หยุดพักที่วงต้นไม้อีกหนึ่งคืน เขารู้ดีว่าส่วนที่ยากของการติดตามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนเดินไปในทิศทางไหน และจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือที่ใด

เขารู้เพียงแค่ทั้งสองพากันเดินลึกเข้าไปในป่าเขียว เพื่อจะหาวิธีหลอมสร้างเหล็กนิลให้กลายเป็นของบางสิ่ง แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงมีความหวังหลงเหลืออยู่ เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับนิสัยประการหนึ่งของ นิล

เช้าวันรุ่งขึ้น เพชร ไม่รีบร้อนที่จะออกเดินทาง เขาพักผ่อนอยู่จนกระทั่งฟ้าสว่าง จึงค่อยสำรวจไปรอบๆ บริเวณ เขามองไปตามต้นไม้เพื่อค้นหาบางสิ่ง เขาค่อยๆ เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ สายตาก็สอดส่ายไปมา

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และความหวังของเขาค่อยๆ ลดน้อยลงทีละน้อยๆ แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงค้นหาสิ่งที่เขาต้องการต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

จนใกล้ถึงเวลาเที่ยง เพชร ก็ยังไม่พบสิ่งที่เขาต้องการ ความหวังที่เคยมีอยู่ ตอนนี้กลับกลายเป็นความเหน็ดเหนื่อยท้อแท้ไปเสียแล้ว เขาหยุดการค้นหาแล้วคิดจะนั่งพักสักครู่ที่ใต้ร่มไม้

แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ ต้นที่เขาได้หมายตาเอาไว้ สิ่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา บนลำต้นของต้นไม้ต้นนี้มีสัญลักษณ์บางอย่างถูกขีดวาดเอาไว้ด้วยของมีคม เป็นเส้นตรงหนึ่งเส้นพร้อมกับหัวลูกศรชี้ทิศทาง

เพชร รีบวิ่งเข้าไปดูเครื่องหมายดังกล่าว เมื่อได้เห็นอย่างชัดเจนเขาก็รู้ได้ในทันทีว่า มันเป็นสัญลักษณ์ที่ นิล ทิ้งเอาไว้นั่นเอง เครื่องหมายบอกทิศทางที่ นิล มักจะทำทิ้งเอาไว้เสมอเมื่อต้องเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย และสิ่งนี้เองที่เด็กหนุ่มกำลังมองหาอยู่

เพชร หยุดพักกินอาหารกลางวันที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้มีความอร่อยเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงอาหารแห้งแบบเดิมเหมือนกับที่เขาเคยกินมาแล้วหลายวันก็ตาม และเมื่ออิ่มแล้วการเดินทางตามเครื่องหมายก็เริ่มต้นขึ้น

เพชร ใช้เวลาถึงสองวันในการติดตามร่องรอยที่ถูกทิ้งเอาไว้ ในระหว่างการเดินทางเขามองข้ามเครื่องหมายบางอันไป ทำให้ต้องเสียเวลาเดินย้อนกลับมาค้นหาในเส้นทางเดิม แต่ก็ยังโชคดีที่เขาไม่หลงจนออกไปนอกเส้นทาง

ในที่สุดเขาก็ได้มายืนอยู่ต่อหน้ากำแพงต้นไม้ที่ตั้งตระหง่าน และทอดยาวออกไปไกลจนสุดสายตา ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านเบียดเสียดกันจนแน่น สถานที่ที่ถูกเรียกขานว่าอุโมงค์เขียว ไม่มีช่องว่างมากพอที่เด็กหนุ่มจะสามารถมุดผ่านเข้าไปได้

เพชร สำรวจแนวต้นไม้ในบริเวณนั้นอีกครั้ง ตอนแรกเขาคิดว่าอาจจะมาผิดทางก็เป็นได้ แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่ง เครื่องหมายลูกศรที่คุ้นเคยถูกขีดเอาไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ปลายลูกศรของมันชี้ตรงเข้าไปในกำแพงต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสองคนต้องเดินทางเข้าไปในอุโมงค์เขียวอย่างแน่นอน

แสงจากกองไฟเต้นไหวระริกอยู่ไปมา เพชร นั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ในใจของเขามีความคิดผุดขึ้นมากมายจนสับสนวุ่นวายไปหมด

เขาติดตามพ่อมาถูกทางแล้ว แต่หนทางข้างหน้า เขาเพียงคนเดียวไม่อาจฝ่าเข้าไป มีเพียงชาววนาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปในอุโมงค์เขียวได้ แล้วเขาควรทำอย่างไรต่อไปดี หรือสุดท้ายแล้ว เขาจะต้องเดินทางกลับบ้านเพียงลำพังจริงๆ

ภาพของสถานที่แห่งหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิดของเขาอย่างฉับพลัน เหมืองโบราณขนาดมหึมาที่ทางเข้าถูกปิดตายเอาไว้ด้วยหินก้อนใหญ่ แสงสีขาวลึกลับที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อยู่ภายใน ความรู้สึกดึงดูดที่เรียกหาเขา เด็กหนุ่มเกิดความคิดขึ้นมาว่า เขาจะไปยังสถานที่แห่งนั้นดีหรือไม่

มีเสียงบางอย่างดังแว่วมาในสายลม สติของ เพชร กลับคืนมาอีกครั้ง เขาตั้งใจฟังเสียงที่ดังอยู่ มันเป็นเสียงเพลงที่แสนเศร้า เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้ในทันทีว่า เขาเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อนแล้ว ครั้งนั้นเขาหลับไปทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินบทเพลงนี้

เสียงเพลงค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา เจ้าของบทเพลงกำลังเดินตรงมาในทิศทางนี้ เพชร ลุกขึ้นยืน เขาไม่คิดว่าจะมีอันตรายอะไร ผู้ที่ร้องเพลงได้ไพเราะถึงเพียงนี้ย่อมไม่ใช่คนไม่ดีอย่างแน่นอน

เขายกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่คลออยู่ออก มันคงเป็นมารยาทที่ไม่ดีนักหากจะต้อนรับคนแปลกหน้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา

เสียงเพลงเคลื่อนใกล้เข้ามา แต่กลับค่อยๆ เบาลงแล้วเงียบหายไปในที่สุด เพชร ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบของยามราตรี เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดทักทายออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ

“สวัสดีครับ…ผมชื่อ เพชร เป็นชาวปฐพีแห่งทุ่งหิน…ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“…เสียงเพลงของคุณไพเราะมาก…เอ่อ…ขอเชิญออกมาทำความรู้จักกันจะได้ไหมครับ”

“…ผมพอมีใบชาอยู่บ้างขอเชิญออกมาดื่มชาด้วยกันสักถ้วยสิครับ…”

มีแต่เพียงความเงียบอยู่รอบกาย เพชร รู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในที่สุดก็มีเสียงตอบกลับมา จากความมืดที่อยู่ห่างออกไปจนพ้นจากแสงไฟทางด้านหน้าของเขา

“…เธอคือลูกของ นิล ใช่ไหม…เขาพลัดหลงกับเธออีกแล้วหรือ”

เพชร รู้สึกตกใจที่คนผู้นี้รู้จักกับพ่อ แต่มันก็ทำให้เขาโล่งใจด้วยเช่นกัน

“…เขาเดินทางไปกับนายช่างใหญ่…ผมกำลังออกติดตามเขาอยู่ครับ…”

เจ้าของเสียงลึกลับก้าวเดินออกมาสู่แสงไฟ เพชร จึงเห็นว่านางเป็นชาววนา

ตั้งแต่ที่เขาได้ยินเสียงเพลงในคืนนั้น เขาก็คิดว่าผู้ที่ขับร้องจะต้องเป็นหญิงอย่างแน่นอน รูปร่างของนางใกล้เคียงกับนายช่างใหญ่ แต่แบบบางกว่าเล็กน้อย นางมีผมสีเขียวสดที่ยาวสยาย และดวงตาสีเขียวเข้มที่มีประกายแห่งความเศร้าเคลือบอยู่

“…ไปกับ…นายช่างใหญ่…เขายังออกเดินทางอีกหรือ…”

ยามที่นางพูดชื่อนายช่างใหญ่ออกมา ประกายความเศร้าในดวงตาคู่นั้นก็ดูจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งแฝงอยู่ในน้ำเสียงด้วย

“ครับ…พวกเขากำลังหาวิธีหลอมเหล็กนิลกันอยู่”

“เหล็กนิล…มันคืออะไรกัน”

เพชร มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น และรู้สึกไว้ใจหญิงชาววนาผู้นี้ ทั้งสองนั่งลงที่ข้างกองไฟ แล้วเขาก็ค่อยๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง

“…ฉันคิดว่า…เจ้าเหล็กนิลก้อนนี้…มีอันตรายซุกซ่อนอยู่…ฉันไม่ไว้ใจมัน”

เพชร ไม่ตอบอะไร แต่เขาเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

“ฉันสามารถพาเธอเข้าไปในอุโมงค์เขียวได้ แต่การติดตามร่องรอยในนั้นทำได้ยากมาก กว่าเราจะตามพวกเขาทัน…ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างแล้ว…บางทีมันอาจจะสายเกินไปก็ได้”

“…ถ้าผมรู้ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน…เราพอที่จะตามพวกเขาให้ทันได้ไหมครับ”

“แต่ตอนแรกเธอบอกฉันว่า เธอไม่รู้”

“…ผมเดาเอา…แต่คิดว่าต้องใช่ที่นั่นแน่ๆ ครับ”

“ที่ไหน”

“เชิงภูเขาไฟ ที่อยู่ของมังกรที่ชื่อ ประจิม ครับ”

“ฉันรู้จักที่นั่น…ถ้าเป็นที่นั่นจริงๆ …พวกเขาเดินทางล่วงหน้าไปแล้วประมาณสี่วัน…นายช่างใหญ่ไม่ค่อยรอบคอบนัก เขาต้องไม่ได้คิดถึงเรื่องเสบียงแน่ๆ …ถ้าใช้วิธีนั้น…”

หญิงชาววนา มองสำรวจดูรูปร่างของเด็กหนุ่ม เพชร รู้สึกเขินจนหน้าแดง เขานั่งกระสับกระส่ายไปมาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี แต่หญิงคนนั้นกลับไม่สนใจ นางลุกขึ้นนั่งยองๆ แล้วหันหลังให้กับเขา

“ขอฉันลองแบกเธอดูหน่อยสิ”

เพชร ยิ่งหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม แต่นางยังคงยืนยันคำพูดอยู่เช่นเดิม

“ฉันแก่กว่าเธอไม่รู้ตั้งกี่ปี ไม่ต้องอายหรอก…มันเป็นเรื่องที่ฉันจำเป็นจะต้องรู้เพื่อจะได้วางแผนในการติดตามได้อย่างถูกต้อง”

ในที่สุด เพชร ก็ต้องยอมให้นางทดลองแบกเขาเดินไปมารอบกองไฟ

“ตัวเธอไม่หนักสักเท่าไร ฉันพอที่จะแบกไหว…ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะตามพวกเขาได้ทัน…แต่เธอต้องทิ้งห่อของเอาไว้ เอาไปแต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น…เสบียงอาหารที่เหลืออยู่ทั้งหมดเธอไม่ต้องเอาไปเลย”

หญิงชาววนาวาง เพชร ลง เขายังคงยืนงงอยู่ตรงนั้น

“เราต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ตอนนี้ เธอเริ่มจัดการกับข้าวของของเธอได้แล้ว”

“…เอ่อ…”

“มีอะไรอีกหรือ”

“ผม…ยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยครับ”

หญิงชาววนานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมา รอยยิ้มในครั้งนี้ทำให้หน้าตาของนางดูเปลี่ยนไป คล้ายกับดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นออกมาจากหมู่เมฆดำในวันที่มีฝนฟ้าคนอง แล้วฉายแสงขับไล่ความเปียกชื้นชวนอึดอัดให้จางหายไป

“ในภาษาของเธอ ฉันชื่อ ดอก…ฉันชื่อ ต้นไม้ขาว ยินดีที่ได้รู้จัก”




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 9:39:28 น.
Counter : 609 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.