|
เพชร x เพชร แยกทาง (18)
ทั้งสองตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ และก่อนที่จะแยกย้ายกันออกเดินทาง เพชร แบ่งใบชาที่เหลืออยู่ในห่อให้กับ สำริด ไปครึ่งหนึ่ง
รับไปเถอะครับ พี่จะได้มีน้ำชาดื่มระหว่างทาง
ขอบใจนะ
ทั้งสองต่างยิ้มให้แก่กันก่อนที่จะออกเดินทางไปตามเส้นทางของตน คนหนึ่งกลับไปสู่ทุ่งหินที่จากมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ส่วนอีกคนหนึ่งกลับไปสู่ป่าเขียวที่พึ่งจะจากมาเมื่อวันก่อนนี้เอง
วันนี้ เพชร เดินทางไปอย่างไม่รีบเร่งนัก เขาเดินและพักตามช่วงจังหวะเวลาที่ควรจะเป็น การเดินทางอย่างเร่งรีบ และอาการปวดท้อง อ่อนเพลีย ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สอนบทเรียนที่ดีให้กับเขา
เด็กหนุ่มกลับมาถึงวงต้นไม้ในเวลาเย็น แสดงว่าเมื่อวานกับวันนี้เขาใช้เวลาในการเดินทางพอๆ กัน บางครั้งการเร่งรีบทำสิ่งใดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำสิ่งนั้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเสมอไป
เพชร หยุดพักที่วงต้นไม้อีกหนึ่งคืน เขารู้ดีว่าส่วนที่ยากของการติดตามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนเดินไปในทิศทางไหน และจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือที่ใด
เขารู้เพียงแค่ทั้งสองพากันเดินลึกเข้าไปในป่าเขียว เพื่อจะหาวิธีหลอมสร้างเหล็กนิลให้กลายเป็นของบางสิ่ง แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงมีความหวังหลงเหลืออยู่ เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับนิสัยประการหนึ่งของ นิล
เช้าวันรุ่งขึ้น เพชร ไม่รีบร้อนที่จะออกเดินทาง เขาพักผ่อนอยู่จนกระทั่งฟ้าสว่าง จึงค่อยสำรวจไปรอบๆ บริเวณ เขามองไปตามต้นไม้เพื่อค้นหาบางสิ่ง เขาค่อยๆ เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ สายตาก็สอดส่ายไปมา
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และความหวังของเขาค่อยๆ ลดน้อยลงทีละน้อยๆ แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงค้นหาสิ่งที่เขาต้องการต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
จนใกล้ถึงเวลาเที่ยง เพชร ก็ยังไม่พบสิ่งที่เขาต้องการ ความหวังที่เคยมีอยู่ ตอนนี้กลับกลายเป็นความเหน็ดเหนื่อยท้อแท้ไปเสียแล้ว เขาหยุดการค้นหาแล้วคิดจะนั่งพักสักครู่ที่ใต้ร่มไม้
แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ ต้นที่เขาได้หมายตาเอาไว้ สิ่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา บนลำต้นของต้นไม้ต้นนี้มีสัญลักษณ์บางอย่างถูกขีดวาดเอาไว้ด้วยของมีคม เป็นเส้นตรงหนึ่งเส้นพร้อมกับหัวลูกศรชี้ทิศทาง
เพชร รีบวิ่งเข้าไปดูเครื่องหมายดังกล่าว เมื่อได้เห็นอย่างชัดเจนเขาก็รู้ได้ในทันทีว่า มันเป็นสัญลักษณ์ที่ นิล ทิ้งเอาไว้นั่นเอง เครื่องหมายบอกทิศทางที่ นิล มักจะทำทิ้งเอาไว้เสมอเมื่อต้องเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย และสิ่งนี้เองที่เด็กหนุ่มกำลังมองหาอยู่
เพชร หยุดพักกินอาหารกลางวันที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้มีความอร่อยเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงอาหารแห้งแบบเดิมเหมือนกับที่เขาเคยกินมาแล้วหลายวันก็ตาม และเมื่ออิ่มแล้วการเดินทางตามเครื่องหมายก็เริ่มต้นขึ้น
เพชร ใช้เวลาถึงสองวันในการติดตามร่องรอยที่ถูกทิ้งเอาไว้ ในระหว่างการเดินทางเขามองข้ามเครื่องหมายบางอันไป ทำให้ต้องเสียเวลาเดินย้อนกลับมาค้นหาในเส้นทางเดิม แต่ก็ยังโชคดีที่เขาไม่หลงจนออกไปนอกเส้นทาง
ในที่สุดเขาก็ได้มายืนอยู่ต่อหน้ากำแพงต้นไม้ที่ตั้งตระหง่าน และทอดยาวออกไปไกลจนสุดสายตา ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านเบียดเสียดกันจนแน่น สถานที่ที่ถูกเรียกขานว่าอุโมงค์เขียว ไม่มีช่องว่างมากพอที่เด็กหนุ่มจะสามารถมุดผ่านเข้าไปได้
เพชร สำรวจแนวต้นไม้ในบริเวณนั้นอีกครั้ง ตอนแรกเขาคิดว่าอาจจะมาผิดทางก็เป็นได้ แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่ง เครื่องหมายลูกศรที่คุ้นเคยถูกขีดเอาไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ปลายลูกศรของมันชี้ตรงเข้าไปในกำแพงต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสองคนต้องเดินทางเข้าไปในอุโมงค์เขียวอย่างแน่นอน
แสงจากกองไฟเต้นไหวระริกอยู่ไปมา เพชร นั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ในใจของเขามีความคิดผุดขึ้นมากมายจนสับสนวุ่นวายไปหมด
เขาติดตามพ่อมาถูกทางแล้ว แต่หนทางข้างหน้า เขาเพียงคนเดียวไม่อาจฝ่าเข้าไป มีเพียงชาววนาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปในอุโมงค์เขียวได้ แล้วเขาควรทำอย่างไรต่อไปดี หรือสุดท้ายแล้ว เขาจะต้องเดินทางกลับบ้านเพียงลำพังจริงๆ
ภาพของสถานที่แห่งหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิดของเขาอย่างฉับพลัน เหมืองโบราณขนาดมหึมาที่ทางเข้าถูกปิดตายเอาไว้ด้วยหินก้อนใหญ่ แสงสีขาวลึกลับที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อยู่ภายใน ความรู้สึกดึงดูดที่เรียกหาเขา เด็กหนุ่มเกิดความคิดขึ้นมาว่า เขาจะไปยังสถานที่แห่งนั้นดีหรือไม่
มีเสียงบางอย่างดังแว่วมาในสายลม สติของ เพชร กลับคืนมาอีกครั้ง เขาตั้งใจฟังเสียงที่ดังอยู่ มันเป็นเสียงเพลงที่แสนเศร้า เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้ในทันทีว่า เขาเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อนแล้ว ครั้งนั้นเขาหลับไปทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินบทเพลงนี้
เสียงเพลงค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา เจ้าของบทเพลงกำลังเดินตรงมาในทิศทางนี้ เพชร ลุกขึ้นยืน เขาไม่คิดว่าจะมีอันตรายอะไร ผู้ที่ร้องเพลงได้ไพเราะถึงเพียงนี้ย่อมไม่ใช่คนไม่ดีอย่างแน่นอน
เขายกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่คลออยู่ออก มันคงเป็นมารยาทที่ไม่ดีนักหากจะต้อนรับคนแปลกหน้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
เสียงเพลงเคลื่อนใกล้เข้ามา แต่กลับค่อยๆ เบาลงแล้วเงียบหายไปในที่สุด เพชร ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบของยามราตรี เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดทักทายออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ
สวัสดีครับ
ผมชื่อ เพชร เป็นชาวปฐพีแห่งทุ่งหิน
ยินดีที่ได้รู้จักครับ
เสียงเพลงของคุณไพเราะมาก
เอ่อ
ขอเชิญออกมาทำความรู้จักกันจะได้ไหมครับ
ผมพอมีใบชาอยู่บ้างขอเชิญออกมาดื่มชาด้วยกันสักถ้วยสิครับ
มีแต่เพียงความเงียบอยู่รอบกาย เพชร รู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในที่สุดก็มีเสียงตอบกลับมา จากความมืดที่อยู่ห่างออกไปจนพ้นจากแสงไฟทางด้านหน้าของเขา
เธอคือลูกของ นิล ใช่ไหม
เขาพลัดหลงกับเธออีกแล้วหรือ
เพชร รู้สึกตกใจที่คนผู้นี้รู้จักกับพ่อ แต่มันก็ทำให้เขาโล่งใจด้วยเช่นกัน
เขาเดินทางไปกับนายช่างใหญ่
ผมกำลังออกติดตามเขาอยู่ครับ
เจ้าของเสียงลึกลับก้าวเดินออกมาสู่แสงไฟ เพชร จึงเห็นว่านางเป็นชาววนา
ตั้งแต่ที่เขาได้ยินเสียงเพลงในคืนนั้น เขาก็คิดว่าผู้ที่ขับร้องจะต้องเป็นหญิงอย่างแน่นอน รูปร่างของนางใกล้เคียงกับนายช่างใหญ่ แต่แบบบางกว่าเล็กน้อย นางมีผมสีเขียวสดที่ยาวสยาย และดวงตาสีเขียวเข้มที่มีประกายแห่งความเศร้าเคลือบอยู่
ไปกับ
นายช่างใหญ่
เขายังออกเดินทางอีกหรือ
ยามที่นางพูดชื่อนายช่างใหญ่ออกมา ประกายความเศร้าในดวงตาคู่นั้นก็ดูจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งแฝงอยู่ในน้ำเสียงด้วย
ครับ
พวกเขากำลังหาวิธีหลอมเหล็กนิลกันอยู่
เหล็กนิล
มันคืออะไรกัน
เพชร มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น และรู้สึกไว้ใจหญิงชาววนาผู้นี้ ทั้งสองนั่งลงที่ข้างกองไฟ แล้วเขาก็ค่อยๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง
ฉันคิดว่า
เจ้าเหล็กนิลก้อนนี้
มีอันตรายซุกซ่อนอยู่
ฉันไม่ไว้ใจมัน
เพชร ไม่ตอบอะไร แต่เขาเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
ฉันสามารถพาเธอเข้าไปในอุโมงค์เขียวได้ แต่การติดตามร่องรอยในนั้นทำได้ยากมาก กว่าเราจะตามพวกเขาทัน
ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างแล้ว
บางทีมันอาจจะสายเกินไปก็ได้
ถ้าผมรู้ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน
เราพอที่จะตามพวกเขาให้ทันได้ไหมครับ
แต่ตอนแรกเธอบอกฉันว่า เธอไม่รู้
ผมเดาเอา
แต่คิดว่าต้องใช่ที่นั่นแน่ๆ ครับ
ที่ไหน
เชิงภูเขาไฟ ที่อยู่ของมังกรที่ชื่อ ประจิม ครับ
ฉันรู้จักที่นั่น
ถ้าเป็นที่นั่นจริงๆ
พวกเขาเดินทางล่วงหน้าไปแล้วประมาณสี่วัน
นายช่างใหญ่ไม่ค่อยรอบคอบนัก เขาต้องไม่ได้คิดถึงเรื่องเสบียงแน่ๆ
ถ้าใช้วิธีนั้น
หญิงชาววนา มองสำรวจดูรูปร่างของเด็กหนุ่ม เพชร รู้สึกเขินจนหน้าแดง เขานั่งกระสับกระส่ายไปมาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี แต่หญิงคนนั้นกลับไม่สนใจ นางลุกขึ้นนั่งยองๆ แล้วหันหลังให้กับเขา
ขอฉันลองแบกเธอดูหน่อยสิ
เพชร ยิ่งหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม แต่นางยังคงยืนยันคำพูดอยู่เช่นเดิม
ฉันแก่กว่าเธอไม่รู้ตั้งกี่ปี ไม่ต้องอายหรอก
มันเป็นเรื่องที่ฉันจำเป็นจะต้องรู้เพื่อจะได้วางแผนในการติดตามได้อย่างถูกต้อง
ในที่สุด เพชร ก็ต้องยอมให้นางทดลองแบกเขาเดินไปมารอบกองไฟ
ตัวเธอไม่หนักสักเท่าไร ฉันพอที่จะแบกไหว
ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะตามพวกเขาได้ทัน
แต่เธอต้องทิ้งห่อของเอาไว้ เอาไปแต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
เสบียงอาหารที่เหลืออยู่ทั้งหมดเธอไม่ต้องเอาไปเลย
หญิงชาววนาวาง เพชร ลง เขายังคงยืนงงอยู่ตรงนั้น
เราต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ตอนนี้ เธอเริ่มจัดการกับข้าวของของเธอได้แล้ว
เอ่อ
มีอะไรอีกหรือ
ผม
ยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยครับ
หญิงชาววนานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมา รอยยิ้มในครั้งนี้ทำให้หน้าตาของนางดูเปลี่ยนไป คล้ายกับดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นออกมาจากหมู่เมฆดำในวันที่มีฝนฟ้าคนอง แล้วฉายแสงขับไล่ความเปียกชื้นชวนอึดอัดให้จางหายไป
ในภาษาของเธอ ฉันชื่อ ดอก
ฉันชื่อ ต้นไม้ขาว ยินดีที่ได้รู้จัก
Create Date : 06 ตุลาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 9:39:28 น. |
Counter : 609 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|