ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2561
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
15 พฤษภาคม 2561
 
All Blogs
 

แจ้ง (30)



30.

เธอคนหนึ่งนั้นเป็นดั่งยามค่ำคืน คือแสงจันทร์ คือ รัต ติกาล

เธอคนหนึ่งนั้นเป็นดั่งยามกลางวัน คือแสงตะวัน คือ รุ่ง อรุณ

เธอทั้งสองเคยเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เป็นสองที่ไม่อาจแยกจาก คนหนึ่งเป็นแสง อีกคนเป็นเงา ถึงแม้จะร่ายรำไปด้วยกัน แต่คนที่โดดเด่นนั้นกลับมีได้เพียงหนึ่งเดียว มันจึงช่วยไม่ได้ที่ในหลายครั้ง หลายเหตุการณ์ เธอก็อยากที่จะเป็นทั้งหมดนั้น เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ร่ายรำไปในบทเพลงแห่งชีวิต ไม่มีแสง ไม่มีเงา ไม่มีเรา ไม่มีใครอีกคน ไม่ต้องมีความลังเลภายในใจ

'ไม่ใช่ แบบ นั้น'

แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็น

'ไม่ ใช่'

เธอก็รู้ว่ามัน ใช่

'ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะออกมาตามหาเธอไปทำไม'

เธอเองก็รู้ว่าทำไม แต่ไม่ใช่เหตุผลที่เธอใช้หลอกตัวเองอยู่แน่

'ไม่ ไม่ ไม่'

แต่ฉันว่ามันคือ ใช่ ใช่ ใช่ มากกว่า

'ไม่...'

เธอในตอนนี้ไม่มีพี่สาว เธออีกคนนั้นไม่มีตัวตน แค่ปล่อยเธอให้หายไป แล้วทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

'ไม่...เพราะเขาจะยังคงจดจำเธอได้'

เขาจะลืมเธอไปในที่สุด

'แค่ปล่อยเธอไป แล้วทุกอย่าง...'

ใช่ แบบนั้นล่ะดีแล้ว

'...ไม่ ฉัน จะ ไม่ ทำ แบบ นั้น'

รัตเน้นเสียงในถ้อยคำเหล่านั้น แต่จะเป็นเพราะเธอมีความมั่นใจ หรือกำลังพยายามที่จะทำให้ตนเองเชื่อตามนั้น เธอก็ไม่รู้ เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าตนเองกำลังหลับ หรือว่าตื่นลืมตาอยู่กันแน่ ทันใดนั้นส่วนหนึ่งของเงามืดดำที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้าก็ยืดขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับพุ่งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

#####

ใหญ่ไม่แน่ใจว่าตนเองได้ย้อนกลับเข้าสู่ความเปล่าว่างภายใต้ที่นั่งคนขับรถม้านั้นอีกครั้งตั้งแต่เมื่อใด บางทีเขาอาจเผลอไปกดถูกกลไกเข้าในขณะที่กำลังนอนหลับ แล้วร่วงหล่นลงมาก็เป็นได้

'หรือว่ามันจะเป็นแค่ความฝัน'

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เขาก็กำลังล่องลอยอยู่เพียงลำพังโดยไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้าง จะมีก็เพียงความเวิ้งว้างว่างเปล่าไร้สิ้นสุด ไม่มีช่องเปิด หรือทางออกใดใดให้พบเห็นได้ในระยะสายตาโดยรอบ และก็เหมือนกับในครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญกับ อสถานที่ อกาลเวลา อันเวิ้งว้างแห่งนี้ มันยังคงทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดความคิดสับสนวุ่นวายปั่นป่วนขึ้นภายในหัวของเขา ไม่ว่ามันจะเป็นครั้งแรก ครั้งที่สอง หรือครั้งไหนๆ ก็คงจะไม่แตกต่าง จิตใจที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในสถานการณ์เช่นนี้ จะให้กำเเนิดความสิ้นหวังที่คอยกัดกินจิตใจของตนเองเป็นอาหารโดยไม่อาจป้องกัน

แต่ในครั้งนี้มีบางสิ่งที่แตกต่าง รายละเอียดเล็กน้อยที่สำคัญได้ถูกเพิ่มเติมเข้ามา

‘จะเป็นอย่างไรถ้าฉันต้องติดอยู่ในนี้ไปตลอดกาล’

ครั้งนี้ในมือของเขามีมีดสั้นที่พึ่งได้รับกลับคืนมาจากอีกอร่าเมื่อก่อนหน้านี้อยู่ด้วย เขาชักมันออกมาพิจารณาดูประคายคมวาวนั้นอย่างหลงไหล ก่อนทดสอบกดเนื้อโลหะที่เย็นเฉียบกับผิวอุ่นระอุบนแขนตนเอง

'…ไม่ ฉันไม่กล้าจะทำแบบนี้'

ใช่ ถ้ามันเป็นสถานการณ์ทั่วไป

'ฉันจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปอีกครั้งให้ได้'

จะเป็นแบบนั้นแน่หรือ แล้วถ้ามีสิ่งนี้อยู่ในมือตั้งแต่เมื่อครั้งก่อนล่ะ มันจะเป็นอย่างไร

ใหญ่เมื่อครั้งในอดีต ตัวเขาเองที่พึ่งเข้ามาติดอยู่ภายในนี้เป็นครั้งแรกเริ่มฉีกยิ้มน้อยๆ ก่อนที่มันจะค่อยๆ ถ่างออกอย่างคลุ้มคลั่ง ใหญ่คนนั้นยังไม่รู้ว่ามีทางออก ใหญ่คนนั้นยังไม่รู้ว่าเรื่องเลวร้ายจะผ่านไปในที่สุด มันจึงมีความเป็นไปได้มากมายที่จะเกิดจากมีดสั้นในมือที่ไม่ได้มีอยู่ในช่วงเวลานั้น คมมีดที่เยียบเย็นของมันก่อเกิดเป็นความรู้สึกมั่นคงอย่างประหลาด

‘ทุกปัญหาย่อมมีทางออก และฉันจะสร้างทางออกด้วยมือของตัวเอง’ ใหญ่คนนั้นเชื่อจนสุดใจว่ามันคือความคิดที่ดีที่สุด

ใหญ่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดยั้งความคิดของตัวเองในอดีต กับทางเลือกแสนเย้ายวนที่ไม่มีอยู่ในตอนนั้น ทางเลือกที่เขารู้สึกมั่นใจว่าถูกช่วงชิงไปโดยตั้งใจ มีดสั้นที่หายไปอยู่ในความครอบครองของอีกอร่าได้อย่างน่าสงสัย ในช่วงเวลาแสนอันตรายสำหรับชีวิตของเขา

ใหญ่ไม่รู้ว่ากำลังหลับ หรือว่าลืมตา แต่ส่วนหนึ่งของเงามืดดำที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ยืดขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับพุ่งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

#####

ความฝัน

อรุณพยายามบอกกับตัวเองว่ามันเป็นแค่เพียงความฝันที่เหมือนจริงมาก เป็นความฝันในแบบที่ตัวผู้ฝันเองก็ไม่อาจรู้ตัวจนกว่าจะตื่นขึ้น หรือในบางครั้งแม้เมื่อตื่นขึ้นแล้ว ก็ยังอาจรู้สึกว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ความฝันทั่วไป

เด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งกำลังจมดิ่งพร้อมกับมองลงไปยังก้นแม่น้ำอย่างไม่เชื่อสายตา เขาถูกเพื่อนทั้งสามคนแกล้งเหมือนเช่นเคย มันมักเป็นเช่นนี้เสมอ เขาถูกฉุดลากลงมาในบริเวณน้ำลึกในขณะที่ยังว่ายน้ำได้ไม่คล่องนัก กระแสน้ำพัดแรง และมันดูน่ากลัว แต่คงไม่ใช่สำหรับเพื่อนทั้งสามคนที่กำลังหัวเราะกับท่าทางของเขาอย่างสนุกสนาน

'ไม่ มันไม่ใช่แบบนี้'

เจ้าของความฝันพยายามที่จะคัดค้าน คนที่กำลังจมน้ำจะต้องเป็นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คนที่เขาพยายาม และได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

'เด็กหญิงที่ไม่เคยมีตัวตนมาก่อน'

สายน้ำนั้นขุ่นอยู่บ้างแต่ก็ยังพอมองเห็นได้ในระยะหนึ่ง ยิ่งเด็กชายจมดิ่งลึกลงไป ก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้านั้นเป็นของจริง ไม่ได้เป็นภาพลวงที่เกิดจากจินตนาการของเขาผสมผสานเข้ากับก้อนหิน โคลนเลน และพืชใต้น้ำ แล้วทุกสิ่งรอบกายก็ค่อยๆ มืดมัวลง สายน้ำยิ่งเย็นเยียบ รวมถึงความอึดอัดราวกับหน้าอกกำลังจะแตกระเบิดออก ความรู้สึกที่อยากจะสูดลมหายใจเช้าไป ต่อสู้กับความรู้ที่บอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาทำอย่างนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เขามองจ้องอย่างลืมตัวก่อนที่ความมืดมิดเย็นเยียบจะคว้าตัวเขาไปได้ทั้งหมด

ใคร หรือ อะไร กำลังลากดึงเด็กชายกลับขึ้นไปสู่ผิวน้ำ ในชั่ววูบหนึ่งที่สติหวนกลับคืนมา เขามองเห็นลวดลายอันเกิดจากแสงสว่างที่ส่องลอดผ่านผิวน้ำพลิ้วไหวงดงามอยู่ห่างขึ้นไปเพียงไม่ไกล พวกเขาทั้งคู่ ทั้งเด็กชายตัวน้อย และอรุณต่างจ้องมองดูผู้ช่วยเหลือของพวกเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนที่ความมืดมิดจะย้อนกลับมากลืนกินโลกแห่งฝันของเหตุการณ์ในครั้งนั้นไปจนสิ้น

'ถ้าข้ายืนยันว่า การช่วยเพื่อนของพวกเจ้ากลับมา จะหมายถึงการสิ้นสุดของโลกนี้ เจ้าจะว่าอย่างไร' เสียงเรียบๆ ของท่านยายดังอย่างกึกก้องอยู่ในความมืดมิด

อรุณไม่รู้ว่ากำลังหลับ หรือว่าลืมตา แต่ส่วนหนึ่งของเงามืดดำที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ยืดขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับพุ่งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

#####

แซนแมน ซึ่งล่องลอยอยู่ภายใน ที่ว่าง ของตนเอง มองผ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกความฝันของหนุ่มสาวเหล่านี้ไปด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก ถึงแม้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้สายน้ำในความฝันหนึ่งนั้นจะทำให้คิ้วของเขาต้องยกขึ้นด้วยความประหลาดใจก็ตาม สำหรับเขาแล้ว คนเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงแค่ ตัวละคร ในโลกแห่งความฝัน ที่กำลังฝันถึงโลกแห่งความฝันอีกใบหนึ่ง ซึ่งซ้อนเหลื่อมอยู่ในระหว่างชั้นต่างๆ ของ ความเป็นจริง ของพวกเขาเท่านั้น

มีเพียงตัวเขาซึ่งเป็นผู้ที่คอยควบคุมเส้นทางระหว่างโลกทั้งหลาย ที่รู้จัก โลกแห่งความเป็นจริง ที่จริงแท้ ซึ่งมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือโลกของตัวเขาเอง

โลกที่ทุกสิ่งเป็นจริงยิ่งกว่าโลกใดทั้งสิ้น

ในตอนแรกเขาบอกกับตนเองว่า เป็นเพราะกำลังมองหาคำตอบบางสิ่งจากการเฝ้าดูการใช้ชีวิตของผู้คนภายในโลกความฝันแห่งนี้ที่ทำให้เขาต้องย้อนกลับมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ดูเหมือนเขาจะต้องยอมรับในที่สุด ว่าที่จริงแล้วเป็นเพราะระยะหลังมานี้เขารู้สึกยึดติดกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความฝันแห่งนี้มากจนเกินไป

‘ฉันคงต้องเลิกนิสัยแบบนี้เสียที’

แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะหวนกลับมายังโลกแห่งนี้อีกครั้งเร็วขนาดนี้ หลังจากเหตุการณ์ที่ตนพึ่งได้พบเจอมา แต่เพราะว่าเขาคือ แซนแมน เขาคือ ราชาแห่งความฝันทั้งมวล ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่โลกของเขาล้วนเป็นเพียงแค่มายาภาพ ไม่มีคุณค่าความหมาย หรือสามารถส่งผลกระทบกับตัวเขาได้ทั้งสิ้น

‘แม้กระทั่ง ห้องหนังสือ แห่งนั้นก็ตาม’

เขาคิดถึงมันด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน ที่หากจะมีความหวาดกลัวเจือปนอยู่บ้าง เขาก็ไม่มีวันจะยอมรับ เพราะไม่ว่าสิ่งแปลกประหลาดนั้นจะทรงพลังอำนาจสักปานใด สุดท้ายแล้วมันก็เป็นได้แค่เพียงส่วนหนึ่งของความฝันเท่านั้น ดังนั้นแล้ว เมื่อเขาคิดอะไร อยากจะทำอะไร เขาก็ทำได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับสิ่งใดทั้งสิ้น

“ไม่มีสิ่งใดในโลกแห่งความฝันจะทำอันตรายราชาของพวกมันได้ ไม่ว่าจะเป็น พลังงานในรูปแบบใด แสง แรงดึงดูด หรือแม้กระทั่ง เวลา”

เม็ดทรายจำนวนมากมายมหาศาลยิ่งกว่าดวงดาวทั้งหมดในห้วงจักรวาลทั้งมวลบนเสื้อของเขาเริ่มพัดพริ้วก่อนจะค่อยๆ เปล่งประกายสีทองขึ้นจนสว่างเจิดจ้า ความเป็นจริงยิ่งยวด รวมตัวเข้าด้วยกันจนมวลของมันได้ฉีก สนามความเป็นจริง หรือที่เขามักอ้างถึงว่าเป็น สนามแห่งความฝัน ออกจากกันทำให้ไม่อาจเหนี่ยวรั้งร่างของเขาไว้ได้อีกต่อไป

ราชาแห่งความฝันก็ยุบตัวหายวับไปราวกับไม่เเคยมีตัวตนมาก่อน

#####

“...ตตื่นกันเร็ว พพวกเราโดนเล่นงานเข้าให้แล้ว”

เสียงของอีกออร่าดังแทรกเข้าไปภายในโลกแห่งความฝันของทั้งสามคน ในตอนแรกมันฟังดูแผ่วเบาราวกับเป็นเพียงเสียงกระซิบ ก่อนที่จะค่อยๆ ดังขึ้น จนสั่นสะเทือนทุกสิ่งภายในโลกที่กักขังพวกเขาเอาไว้ แรงนิวเคลียส แรงโน้มถ่วง เวลา รวมไปจนถึงสนามความเป็นจริงของความฝันพลันอ่อนแรงลง ก่อนที่จะเกิดการยุบตัวเข้าหากันภายในชั่วพริบตา ทุกอย่างหยุดนิ่งงันภายใต้ความมืดราวกับเป็นชั่วกาลเพราะไม่มีเวลาอีกต่อไป ก่อนที่ทุกสิ่งในความฝันซึ่งเคยเป็นโลกให้ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาจะถูกฉีกกระชากจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว สูญสลายหายไปตลอดกาล

“...เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้สว่างขนาดนี้แล้ว” ใหญ่พึมพำ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และพวกเขาทั้งหมดคงเหนื่อยกันมาก แต่การนอนหลับจนฟ้าสว่างในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเลย

“พพวกเราโดนวางยา” อีกอร่ากำลังรีบสำรวจดูสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว แต่อย่างน้อยเธอก็ยังพอเบาใจได้ว่าคนร้ายคงไม่อาจบุกเข้าไปในตัวรถได้ ไม่ว่ามันจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ตาม

หนุ่มสาวทั้งสามคนต่างขยับตัวกันอย่างเงอะงะในตอนแรก อาการมึนงงยังคงตกค้างอยู่ มากกว่าแค่ความรู้สึกว่ายังไม่ตื่นขึ้นเต็มตาในตอนเช้าแบบทั่วไป

“...มีโจรป่าหรือ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า” อรุณมองไปรอบๆ “แย่ล่ะ มันขโมยม้าของพวกเราไปด้วย”

แม้แต่อีกอร่าก็คาดไม่ถึงว่าคนร้ายจะมีความสามารถในการปลดพวกมันออกจากอุปกรณ์ที่ยึดเอาไว้กับตัวรถ แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่งกว่า คือการที่ม้าทั้งสองยอมติดตามคนร้ายไปด้วย ‘พเพราะถ้าพวกมันไม่ยินยอม กก็ไม่มีใครจะสามารถพาพวกมันไปได้’

“ครูยุทธหายไปไหน” รัตถาม น้ำเสียงไม่ได้มีความเป็นห่วง แต่กลับเต็มไปด้วยความสงสัย

เด็กหนุ่มทั้งสองต่างมองหน้ากัน ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ให้พบเห็นในบริเวณโดยรอบ แต่ทั้งสองต่างยังไม่ยินยอมเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาสงสัยอยู่นั้นจะเป็นความจริง

“พพวกเราถูกเจ้าโจรคนนั้นวางยา อเอ่อ ฉฉันหมายถึงรมยาน่ะ ลแล้วมันยังขโมยม้ากับเสบียงของฉันไปด้วย”

“ไม่จริงน่า” ใหญ่ร้องโวยวาย “...ครูยุทธออกติดตามโจรไปหรือเปล่า” แต่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อยากเชื่อ ครูยุทธจะออกตามโจรไปโดยไม่ปลุกใครเลยเชียวหรือ หรือถ้าจะบอกว่าโจรลักพาตัวเขาไปด้วยก็ยิ่งฟังดูแปลกเข้าไปใหญ่

“ยยังมีขี้เถ้ายาสลบที่เขาใช้หลงเหลืออยู่ในกองไฟ กับร่องรอยของเขาที่จากไปพร้อมกับพวกม้าด้วย” โดยทั่วไปแล้วร่างกายของสมาชิกในครอบครัวของเธอจะมีความสามารถในการต้านทานพิษ สารกล่อมประสาท และยาสลบทั่วไปได้ ซึ่งเกิดจากวิวัฒนาการด้วยผลจากการทดลองทางการแพทย์กับร่างกายของตนเองอย่างต่อเนื่องซึ่งตกทอดผ่านทางพันธุกรรมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แต่พวกเธอเองก็มีเวลาที่อาจจำเป็นต้องรับการผ่าตัดใหญ่เช่นกัน และยาสลบไม่กี่ชนิดที่ถูกปิดเป็นความลับก็ถูกเก็บไว้เพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะเท่านั้น

แต่มันเป็นความลับสุดยอดที่ตกทอดกันภายในครอบครัว มันจึงรู้สึกเหมือนเป็นการถูกหักหลังอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกผู้อื่นนำมาใช้กับตัวเธอแบบนี้

“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป” อรุณถาม ที่จริงแล้วมันยังมีคำถามอีกหลายข้อ แต่ดูเหมือนคำถามนี้จะมีความเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ เมื่อไม่มีม้า พวกเขาจะเดินทางต่อไปอย่างไร และจะติดตามไปช่วยเธอคนนั้นด้อย่างไร

ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เจ้านายของอีกอร่าซึ่งอยู่ภายในรถม้าก็ตื่นขึ้น ก่อนติดตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นไม่เป็นภาษา ซึ่งอีกอร่าทำได้แค่เพียงรีบอธิบายอย่างตะกุกตะกัก พร้อมกับก้มหัวรับทราบความผิดพลาดของตนเองอยู่เกือบตลอดเวลา




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2561
0 comments
Last Update : 16 พฤษภาคม 2561 7:51:41 น.
Counter : 3182 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.