|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แจ้ง (ุ12)
อีกอร่าพยายามถือไฟฉายให้นิ่งที่สุด เพราะเธอไม่มั่นใจว่าความเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนถึงจะสามารถทำลายความนิ่งสงบอันแสนเปราะบางของช่วงเวลานี้ลงได้ เธอเป็นคนที่มีความรู้สึกไวต่อเรื่องอันตราย โดยเฉพาะเมื่อคนในหมู่บ้านมารวมตัวกันพร้อมด้วยคบไฟ และเครื่องมือทำการเกษตร แต่ไม่นับรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่หน้าหมู่บ้านเมื่อครู่ เพราะเธอไม่ได้รู้สึกถึงภัยคุกคามใดใดที่จะเกิดกับเจ้านายของเธอเลย แต่ไม่ใช่กับสิ่งที่เผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ สัญชาตญาณของเธอกำลังกรีดร้องจนแก้วหูแทบระเบิด ใบไม้เล็กๆ ที่ยังติดอยู่ข้างกิ่งหงิกงอเหล่านั้นกระดิกส่ายไปมาโดยที่ไม่มีลมพัด กิ่งก้านแหลมคมจำนวนมากที่อยู่ด้านหลังไกลออกไปมีความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ให้พบเห็น แต่พวกที่อยู่ทางด้านหน้ายังคงปักหลักยืนนิ่งอยู่กับที่ ใหญ่รู้จักกวาง เคยเห็น และเคยกินมันด้วยซ้ำไป พวกมันพบได้ไม่บ่อยนักในแถบนี้ อาจพบได้มากขึ้นหากเลยขึ้นไปทางเหนือ บริเวณที่ป่ายังคงความสมบูรณ์มากกว่าแถบนี้ แต่เขาไม่เคยพบเห็นกวางที่มีตัวโตขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต พวกมันไม่ใช่กวางในแบบที่เขาเคยรู้จัก ขนเป็นสีเข้มหนา ขายาว ลำตัวสูงใหญ่กว่าม้าดำที่ใช้ลากรถม้าคันนี้เสียอีก หากมีคนบอกว่าสามารถนำพวกมันไปใช้ลากรถเลื่อนขนาดใหญ่ที่มีชายตัวอ้วนพร้อมกับสิ่งของจำนวนมากเดินทางไปรอบโลกได้ในคืนเดียวเขาก็ยังอาจจะเชื่อด้วยซ้ำ เขาไม่แน่ใจว่าภายในฝูงนี้จะมีจำนวนเท่าไร แต่ส่วนใหญ่ต้องเป็นตัวผู้โดยดูได้จากเขาขนาดใหญ่พวกนั้น เขาที่เต็มไปด้วยกิ่งก้านจำนวนมากในแบบที่เขาก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเช่นกัน เขาเหล่านี้ทำให้พวกมันมองดูเหมือนกับป่าต้องสาปซึ่งเคลื่อนที่ได้ เหมือนกองทหารที่ติดอาวุธด้วยหอกแหลมคมจำนวนมาก พวกมันดูน่ากลัว แต่ก็ยังไม่เท่ากับดวงตาสีดำมืดที่ไม่สะท้อนประกายใดๆ พวกนั้น ดวงตาไร้ชีวิตที่เขาเคยเห็นจากเจ้าสัตว์ประหลาดเมื่อคืนก่อน การที่ถูกพวกมันจำนวนมากจ้องมองพร้อมกันเช่นนี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายจะแยกออกเป็นชิ้นๆ แล้วถูกดูดหายเข้าไปในหลุมดำพวกนั้น เอาไงดี เขากระซิบ พยายามขยับริมฝีปากให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นนิ่งไว้ก่อน เธอตอบ พร้อมกับพยายามนึกหาวิธีหนีที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเดินทางไปยังสถานที่ใด เธอต้องมีแผนการหลบหนีเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนเสมอ แต่น่าเสียดายที่ในพวกมันทั้งหมดกลับไม่ได้รวมถึงวิธีการหลบหนีจากฝูงกวางเขาโง้งอยู่เลย เสียงโวยวายจากเจ้านายของเธอยังคงดังออกมาไม่ยอมหยุด หูที่มองดูเหมือนกับใบไม้ที่ติดอยู่ใต้เขาของพวกมันกระดิกไปมาอย่างสงสัย พวกที่อยู่แถวหน้ายังคงยืนนิ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าไร ก่อนที่เสียงบ่นนั้นจะค่อยๆ เงียบลง เจ้านายของเธอ ถึงแม้จะไม่ค่อยใส่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกที่ไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่ แต่ก็คงรับรู้ถึงความไม่ปกตินี้ได้ในที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่าความเงียบนั้นกลับกลายเป็นตัวกระตุ้น เป็นเหมือนคำสั่งโจมตีที่ฝูงกวางกำลังรออยู่ สมดุลเปราะบางที่ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ก็พังทลายลง อีกอร่าเหยียบปุ่มฉุกเฉินเพื่อปลดปล่อยม้าดำทั้งคู่ให้เป็นอิสระ รถม้าไม่มีทางที่จะวิ่งฝ่า หรือกลับรถเพื่อหนีกวางพวกนี้ได้ทันแน่ แต่ เดธ กับ วอร์ ม้าดำทั้งสองคงพอทำได้หากไม่ต้องคอยลากจูงสิ่งใด ไปป เธอร้องตะโกนสุดเสียง พร้อมกับคว้าต้นแขนของใหญ่แล้วยึดไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝูงกวางมืดที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามายอมเปิดทางให้ม้าดำทั้งสองวิ่งอ้อมหลบออกไปโดยไม่ใส่ใจ พวกมันพากันตรงเข้ามายังรถม้า ก้มหัวลง เกร็งคอ ก่อนใช้ขาหลังที่แข็งแรงยันพื้นแล้วดีดตัวพุ่งออกไปสุดแรง เขาใหญ่ที่เต็มไปด้วยกิ่งก้านของพวกมันกระแทกเข้าใส่ตัวรถอย่างจังจนตัวรถโยกไปมาอย่างน่ากลัว กวางอีกหลายตัวที่อยู่ในแถวด้านหลังต่างเงยหน้าขึ้นมองสองคนที่พยายามนั่งอยู่บนรถม้า หากพวกมันตัดสินใจที่จะกระโดดเข้าชนในระดับที่สูงขึ้น หรือพวกเขาพลัดตกลงไป เรื่องนี้คงจบลงไม่สวยแน่ 'ฉฉันไม่ควรทำแบบนี้' เธธอต้องเชื่อใจฉัน เธอตัดสินใจเหยียบปุ่มฉุกเฉินอีกปุ่มพร้อมกับร้องบอก ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะล่วงหายลงไปในความมืดใต้ที่นั่งคนขับ แล้วที่นั่งนั้นก็ปิดกลับคืนสู่ที่เดิมเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาสมควรต้องอยู่ภายในนั้น แต่หากไม่เปิดออกดู จะยืนยันได้อย่างไรว่ามันเป็นความจริง เมื่อพวกกวางไม่พบเห็นคน รถม้าก็ดูจะไม่น่าสนใจอีกต่อไป แต่พวกมันบางตัวยังคงใช้เขากระแทกดูอีกสองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจ กวางตัวซึ่งเคยยืนอยู่แถวหน้า ตัวที่มีเขาขนาดใหญ่ที่สุดได้ยกหัวของมันขึ้นสูงพร้อมกับจ้องมองไปทางทิศใต้ หูที่เหมือนใบไม้ของมันกระดิกสองสามครั้ง ก่อนที่กวางตัวอื่นในฝูงจะเริ่มทำตาม จนในที่สุดกวางทุกตัวต่างก็ยืนนิ่ง ดวงตาดำมืดจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกัน มันเป็นภาพที่นิ่งสงบ แต่ก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน และอย่างช้าๆ ป่าต้องสาปทั้งฝูงก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังการจากไปของฝูงกวางเพียงไม่นาน จากความมืดแถบหนึ่ง เงาเล็กๆ ก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหารถม้าอย่างเงียบๆ เหมือนกลัวว่ากวางพวกนั้นอาจเปลี่ยนใจย้อนกลับมา ฝูงกวางมืดบ้าคลั่งที่โผล่มากลางหมู่บ้านนับเป็นหนึ่งในสิ่งท้ายๆ ที่รัตคิดว่าจะได้มาพบเจอหลังแยกกับอรุณ และท่านยาย เธอไม่ค่อยแน่ใจว่าตนเองได้เห็นอะไรเมื่อครู่นี้ แต่หนึ่งในคนที่นั่งอยู่บนรถม้าจะต้องเป็นใหญ่เพื่อนของเธออย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเธอเข้าไปใกล้รถม้า เสียงโวยวายไม่เป็นภาษาที่เริ่มดังออกมาจากภายในก็ทำให้เธอต้องหยุดยืนอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เข้าใจเลยแม้แต่คำเดียว พวกมันไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกว่าถูกข่มขู่คุกคาม หรือน่ากลัว แต่ฟังดูน่ารำคาญมากกว่า เฮ้ ข้างในเป็นอย่างไรกันบ้าง เธอส่งเสียงทักเบาๆ พวกกวางไปกันหมดแล้ว ข้างนอกปลอดภัย แม้เธอจะไม่มั่นใจว่าปลอดภัยจริงหรือเปล่าก็ตาม ยังคงมีเพียงเสียงบ่นที่ไม่เป็นภาษานั้น และเหมือนจะดังขึ้นกว่าเดิมด้วย เธอจึงปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับ พร้อมกับตรวจดูบริเวณนั้นจนทั่ว เฮ้ ใหญ่ อยู่ข้างในใช่ไหม เธอร้องเรียกพร้อมกับลองเคาะไปตามแผ่นไม้ และมันก็ฟังดูกลวงอย่างที่คาด แต่เมื่อพิจารณาจากขนาดของพื้นที่ใต้ที่นั่งแล้ว เธอคิดว่ามันน่าจะมีช่องต่อเข้าไปถึงภายในตัวรถมากกว่า เพราะไม่มีทางที่คนสองคนจะลงไปหลบอยู่ในพื้นที่แคบๆ แค่นั้นได้ เมื่อยังคงไม่มีการตอบสนอง เธอจึงปีนกลับลงมาที่ประตูรถม้าอีกครั้ง 'คงต้องเริ่มแบบมีมารยาทก่อน' เธอยกมือเคาะประตูเบาๆ สามครั้ง ข้างนอกปลอดภัย ออกมาได้แล้ว ยังคงมีเพียงเสียงพูดภาษาประหลาด และมีคำซ้ำๆ อย่าง 'อีกอร่า' หรืออะไรที่ออกเสียงคล้ายๆ แบบนั้นอยู่บ่อยครั้ง เฮ้ ใหญ่ พวกกวางไปแล้ว รีบมุดออกมาได้แล้ว เธอส่งเสียงดังขึ้น เสียงบ่นไม่เป็นภาษานั้นอาจทำให้เธออารมณ์เสียโดยไม่รู้ตัว หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเธอคิดว่าใครอีกคนที่เห็นนั่งอยู่ข้างๆ เขาในตอนนั้นน่าจะเป็นผู้หญิง 'ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย' เธอไม่เคยยอมรับว่าเป็นแฟนกับเขา อย่างน้อยก็ไม่เคยพูดออกมา เธอไม่เคยคิดอะไรกับเขาเหมือนอย่างที่เขาคิดกับเธอ มันควรจะเป็นอย่างนั้น อีกอร่า อีกอร่า เสียงโวยวายเป็นคำซ้ำๆ ดังจากข้างในรถม้าไม่ยอมหยุด มีเงามืดเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด รัตพึ่งรู้ตัวว่ามีบางสิ่งขนาดใหญ่เคลื่อนที่อยู่ในเงาที่ระยะไม่ห่างไกลนัก 'แย่แล้ว' เธอคิดว่าอาจมีกวางบางตัวย้อนกลับมา เธอนึกถึงเขาแหลมพวกนั้นพร้อมกับกลืนน้ำลาย ตอนนี้เธออยากจะมีธนูสักคัน แบบที่ยาวและแข็งแรง แรงพอที่จะยิงทะลุขนกับหนังหนาแบบนั้น แรงพอที่จะล้มกวางยักษ์พวกนั้นได้ เธอรีบหลบเข้าไปในเงาของตัวรถ แนบร่างชิดกับประตูพร้อมกับพยายามออกแรงดึง แต่มันไม่ยอมขยับ จะต้องมีกลอนอยู่ด้านใน และใครก็ตามที่อยู่ในนั้นไม่ยอมเปิดมัน มีพวกมันย้อนกลับมา เปิดให้ฉันหน่อย เธอตบไปที่ประตู พร้อมกับกระซิบเบาๆ และหัวใจเต้นแรงขึ้น เสียงบ่นสูงๆ ต่ำๆ นั้นยังคงไม่ยอมหยุด และเธออยากจะหาอะไรยัดใส่ปากเจ้าของภาษาประหลาดนั้น ตอนนี้มันไม่ได้เรียกหาอีกอร่าอะไรนั่นอีกแล้ว แต่เป็นคำสั้นๆ สองคำที่แตกต่างกัน เงาดำสองสายพุ่งออกมาจากในความมืดตรงเข้าใส่รถม้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงกรีดร้องชวนสยอง ซึ่งเธอพบเห็นอย่างรวดเร็วในตอนที่แนบตัวจนชิดประตูรถม้าว่าพวกมันไม่มีเขา วอร์ เสียงเรียกดังจากในรถม้า เดธ... ก่อนตามด้วยคำภาษาประหลาดที่ฟังคล้ายกับเป็นเสียงร้องของม้า ม้าดำทั้งสองที่อีกอร่าปลดปล่อยไปเมื่อครู่ได้ย้อนกลับมาแล้ว และคนที่อยู่ในรถม้าก็ทำเหมือนกับว่าจะสามารถพูดคุยกับพวกมันได้รู้เรื่องเสียด้วย ม้าทั้งสองต่างควบกลับไปยังตำแหน่งของตนที่หน้ารถม้า อุปกรณ์กลไกบางอย่างที่ติดตั้งอยู่บนม้าทั้งสองตัวได้ทำการยึดพวกมันเข้ากับตัวบังคับรถโดยอัตโนมัติ เสียงร้องสั่งดังออกมาจากภายในตัวรถอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องมีคนขับคอยควบคุม ม้าทั้งสองก็เริ่มมุ่งหน้าไปทางทิศเหนืออีกครั้ง เฮ้ ใหญ่ ยังอยู่ข้างในหรือเปล่า เธอร้องถามพร้อมกับตัดสินใจกระโดดเกาะรถม้าที่กำลังเริ่มเคลื่อนที่ มีเสียงโวยวายดังมาจากทางทิศใต้ที่ฝูงกวางมืดมุ่งหน้าไป เธอมองไปและเห็นแสงไฟแยกออกเป็นหลายทิศทาง พวกมันคงพบเจอเข้ากับกลุ่มของหัวหน้าหมู่บ้านเข้าแล้ว ฉันควรจะทำอย่างไรดี รถม้าเริ่มเพิ่มความเร็ว พร้อมกับที่เธอปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับ 'พวกนั้นคงดูแลตัวเองได้' เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับใหญ่ และอีกอย่างหนึ่งคือรถม้าคันนี้ก็กำลังมุ่งหน้าไปทางบ้านของเธอด้วย เมื่อครู่นี้ ในตอนที่ม้าทั้งสองย้อนกลับมา เธอก็เกิดรู้สึกเป็นห่วงพี่รุ่งของเธอขึ้นมาจนใจสั่น ซึ่งมันมักจะหมายถึงมีเรื่องร้ายกำลังเกิดขึ้นกับพี่ของเธอ
##### อรุณวิ่งมาจนถึงบ้านโดดเดี่ยวหลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดชายขอบด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน มันเป็นบ้านของเด็กสาวสองคนซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเขามาตั้งแต่เด็ก คนหนึ่งในนั้นเขาพึ่งพบเจอ อีกคนจึงน่าจะยังนอนอยู่ในบ้าน ตัวบ้านนั้นดูเล็กเมื่อเทียบกับบ้านของเขาที่มีโรงช่างรวมอยู่ด้วย บริเวณด้านหน้าของบ้านมีแปลงผักที่ปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบ และแปลงดอกไม้เล็กๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มุมหนึ่งซึ่งเขาจำได้ติดตา ดอกไม้ดอกเล็กๆ หลากสีที่จะบานพร้อมกันในช่วงฤดูร้อน แต่ไม่มีดอกไม้ดอกใดที่จะงดงามไปกว่ารอยยิ้มของเธอผู้นั้นอีกแล้ว ความเงียบชวนอึดอัดซึ่งเกิดขึ้นภายหลังเสียงกรีดร้องนั้นถูกทำลายลงด้วยความวุ่นวายภายในหมู่บ้าน มีเสียงร้องเอะอะโวยวายดังแว่วมาในสายลม เขามองเห็นจุดแสงไฟที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหลายจุด และเหมือนจะมีไฟไหม้เกิดขึ้นในบางบริเวณอีกด้วย เจ้าอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่ตรงนั้น เสียงของท่านยายดังขึ้นทางด้านหลัง เสียงนั้นราบเรียบ ไม่มีอาการหอบหายใจแม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่านางที่มีอายุมากแล้วตามมาทันได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เขาวิ่งอย่างเต็มที่ เหตุผลเดียวที่เขาพอจะนึกออกก็คือ 'เพราะว่านางคือท่านยาย' ท่านยายต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่หอบหายใจ นางรู้จักเส้นทางลัดที่หลายคนไม่รู้ หรือไม่คิดจะใช้ และนางก็ยังมีร่างกายที่แข็งแรงจากการดูแลเอาใจใส่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นางไม่จำเป็นต้องวิ่งตามใครหากรู้อยู่แล้วว่าจุดหมายปลายทางนั้นเป็นที่ไหน นางจึงมักจะทำให้หลายคนแปลกใจได้เสมอ มันราวกับว่านางจะสามารถหายตัวได้ เพราะพวกเขามักไม่ได้มองดูขา เท้า ที่อยู่ใต้กระโปรงของนาง ซึ่งอาจเต็มไปด้วยโคลนจากเส้นทางที่นางต้องใช้ ปัญหาของเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว นางย้ำ และเป็นการย้ำกับตัวเองด้วย นางก็ควรต้องอยู่จัดการปัญหาให้กับชาวหมู่บ้านทั้งหมด ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งแบบนี้ เพราะว่านางเป็นท่านยาย แต่ท่านยายคนนี้เองก็ต้องยอมรับว่านางไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นๆ ที่ในบางครั้งก็ยังอยากที่จะทำตามใจตัวเองบ้าง ความมืดรอบกายคล้ายจะจับตัวหนักอึ้งขึ้นมาอย่างประหลาด อรุณชักดาบที่พึ่งได้รับออกมาถือไว้ ใจของเขาพลันสงบลง ไม่ใช่เป็นเพราะการมีอาวุธอยู่ในมือ แต่เป็นเพราะการฝึกฝนจากปู่ พ่อ และครูยุทธ ไม่ต้องหันกลับมา นางบอก ที่ด้านหลังของเขาพลันมีแสงสว่าง และความร้อนเกิดขึ้น ซึ่งคงเป็นฝีมือของท่านยายด้วยวิธีการลี้ลับอย่างใดอย่างหนึ่ง สัตว์มืดนั้นถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นสัตว์ป่า ดังนั้นแสงจากไฟก็น่าจะทำให้พวกมันกลัว หรือลังเล ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้เขาลงมือได้ ไม่ต้องห่วง ฉันดูแลตัวเองได้ นางบอกอีกครั้งพร้อมกับที่เขาเกิดความรู้สึกว่านางกำลังเคลื่อนที่ห่างออกไป คงต้องเป็นอย่างที่นางบอก เขาไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องของท่านยาย รุ่ง เขาลองร้องเรียก รุ่ง ฉันได้ยินเสียงร้อง เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ความเงียบเป็นคำตอบที่ทำให้เขายิ่งหวั่น ทันใดนั้นประตูบ้านก็ถูกเปิดออก อย่างช้าๆ ก่อนที่ประตูทั้งบานจะถูกกระแทกจนหลุดออกมา ราวกับผู้เปิดไม่รู้วิธีการที่ถูกต้องว่าต้องทำอย่างไร และในจังหวะเดียวกันนั้นเองที่เขารับรู้ถึงอันตรายอีกอย่างซึ่งพุ่งจู่โจมเข้ามาจากทางด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นสองเหตุการณ์ที่แทบจะเกิดขึ้นพร้อมกัน แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่อรุณก็ยังไม่อาจมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วเพียงพอ ความรู้สึกเยียบเย็นบาดลึกลงบนหัวไหล่ซ้าย พร้อมกับความมืดที่มีกลิ่นเหม็นเน่าอย่างร้ายกาจพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
Create Date : 07 พฤษภาคม 2559 |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2559 21:34:23 น. |
|
4 comments
|
Counter : 757 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ออมอำพัน วันที่: 22 พฤษภาคม 2559 เวลา:9:23:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|