ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
7 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 

คฤหาสน์สนธยา ตอนจบ

“ตัวละครพร้อมหน้า เวลาปิดม่านมาถึงแล้ว”

“คะ”

แพรดาว เงยหน้าขึ้นจากเมนูที่กำลังเลือก เธอนั่งอยู่ในห้องอาหารเล็กๆ ที่ชั้นล่าง ทุกสิ่งทุกอย่างในสถานที่แห่งนี้ดูขัดหูขัดตาเธอไปหมด แม้แต่พนักงานหญิงคนนี้ ที่มีป้ายชื่อเขียนไว้ว่า 'ปอม' ติดอยู่ เธอยิ้มเขินๆ

“ขอโทษค่ะ พอดีมัวแต่คิดถึงนิยายที่อ่านค้างอยู่ จนเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวค่ะ”

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นฉันขอ...”

“ค่ะ ช่วยสั่งอะไรง่ายๆ ได้ไหมคะ”

“...คะ”

พนักงานคนเดิม ยิ้มแบบเดิมอีกครั้ง

“วันนี้มีฉันอยู่คนเดียวค่ะ ต้องทำหน้าที่ทุกอย่าง รบกวนให้ช่วยสั่งอะไรง่ายๆ ได้ไหมคะ พรุ่งนี้เช้าคนอื่นๆ ถึงจะเข้ามาทำงานกัน ขอโทษด้วยนะคะ...”

เธอพูดต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าคู่สนทนาจะต้องการฟังหรือไม่

“...เมื่อก่อนแถวนี้ก็เคยมีที่พักอีกแห่ง มันเป็นที่สนใจอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะ...” เธอลดเสียงให้เบาลง ”...มีบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่มากกว่านั้น”

เธอแลบลิ้นเสียริมฝีปาก

“มีคนตาย รู้สึกว่าจะหลายคนด้วย เห็นเขาว่าเป็นเหตุชิงรักหักสวาทอะไรกันสักอย่าง หรือไม่ก็เป็นพวกฆาตกรต่อเนื่องอะไรนี่แหละ รู้สึกว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย เป็นข่าวใหญ่ของแถวนี้เลย”

คนเล่าเองกลับไม่รู้สึกแปลกใจที่ตนเองสับสนในรายละเอียดของเหตุการณ์นี้ ทุกคนควรจะจดจำมันได้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ผู้คนต่างกระซิบกระซาบกันเงียบๆ ไม่มีใครแน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้แต่ตำรวจที่เป็นคนทำคดี เพียงเวลาผ่านไปไม่นาน ก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกัน

ทุกคนต่างกระซิบกระซาบถึง แต่ไม่มีใครใส่ใจมันอย่างจริงจัง

“สุดท้าย ที่นั่นก็ถูกไฟเผาจนวอดวายไปทั้งหมด หลังจากนั้นแถวนี้ก็ไม่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวอีกเลย จนกระทั่งเจ้าของบ้านร้างเก่าแก่หลังนี้ คิดจะกลับมาฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”

เธอยังคงทำท่าจะพูดต่อไปไม่ยอมหยุด

“...เอ่อ ขอข้าวไข่เจียวหมูสับก็แล้วกันค่ะ ใส่ผักอะไรมาด้วยนิดหน่อยก็ได้”

“ค่ะ” เธอยิ้มกว้างก่อนเดินหายไปทางด้านหลัง ไม่ติดใจที่โดนขัดจังหวะการเล่าเรื่องที่กำลังออกรสเลยแม้แต่น้อย อาหารมื้อสุดท้ายนั้นผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงจานเปล่าที่มีคราบไขมันเกาะอยู่ นอกนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นทั้งสิ้น

พนักงานคนเดียวนั้นไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ใด เมื่อถูกทิ้งไว้เพียงลำพังท่ามกลางความเงียบงัน เธอจึงกลับขึ้นไปบนห้องพัก อาบน้ำพร้อมกับเปลี่ยนเป็นชุดลูกไม้สีดำยาวซึ่งนำติดตัวมาด้วยอย่างไม่มีเหตุผล ข้าวของทุกสิ่งยังคงถูกเก็บไว้อย่างเรียบร้อยในกระเป๋า เธอรู้สึกไม่อยากแตะต้องสิ่งใดในคฤหาสน์หลังนี้โดยไม่จำเป็น

หลังจากยืนอยู่กลางห้องที่ดูเหมือนจะไม่อยากต้อนรับเธอสักเท่าไรได้พักหนึ่ง ท้องฟ้าด้านนอกก็ค่อยๆ มืดสลัวลงอย่างรวดเร็ว เธออยากออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี

เธอก้าวออกไปบนระเบียงคฤหาสน์ ยืนเหม่อมองไปที่ขอบฟ้า ลูกกลมสีส้มนั้นค่อยๆ คล้อยต่ำลง ก่อนที่จะเริ่มบิดเบี้ยวอย่างแปลกตาเมื่อมันเคลื่อนผ่านหมู่เมฆ และชั้นบรรยากาศ ก่อให้เกิดเป็นสีสันหลากหลายที่เธอไม่เคยเบื่อหน่าย สนธยา ช่วงเวลาที่ไม่ใช่ทั้งกลางวัน และกลางคืน ช่วงเวลาที่สิ่งแปลกประหลาดทุกชนิดสามารถเกิดขึ้นได้

ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องมองอยู่ เธอจึงก้มมองลงไป และได้พบกับหญิงสาวผู้มีดวงตาสีน้ำตาลกลมโตงดงาม ซึ่งแฝงไว้ด้วยความลึกลับ ริมฝีปากบางซึ่งถูกเจ้าของเม้มอย่างลืมตัว ผมสีดำตัดสั้น อยู่ในชุดยาวสีขาวสะอาดตา กำลังยืนนิ่งอยู่บนหาดทรายห่างออกไปไม่ไกลนัก

สายตาของทั้งสองสบประสานกัน ดวงอาทิตย์พลันลับขอบฟ้า แสงสีสุดท้ายแห่งวันสูญสิ้น ถูกแทนที่ด้วยแสงมืดแห่งยามราตรี เธอกำลังจะยกมือขึ้นโบกทักทาย แต่ร่างนั้นกลับหายไปเสียก่อน หายวับไปราวกับไม่เคยมีตัวตน

'...หนี...ไป...'

เสียงสายลมหวีดหวิวดังแว่วมาราวกับเป็นเสียงกระซิบของใครบางคนอีกครั้ง คราวนี้เธอได้ยินมันอย่างชัดเจน หลังจากเสียเวลาขบคิดเล็กน้อย เธอก็ยอมรับว่ามันเป็นคำแนะนำที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อตัดสินใจได้ เธอก็ไม่รอช้า รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนสะพายเป้ขึ้น คว้ากระเป๋า แล้วเดินลงไปชั้นล่างทันที เธอส่งเสียงเรียกหาหนักงานคนเดิม แต่ไม่มีใครออกมา คฤหาสน์ทั้งหลังว่างเปล่า เมื่อแสงอาทิตย์หายไป มันยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะยังคงมีแสงสว่างจากไฟฟ้าภายในอาคารอยู่ก็ตาม

“ฉันมีธุระด่วน ต้องรีบไป”

เธอตะโกนเสียงดังลั่น โดยหวังจะให้เสียงนั้นอยู่เป็นเพื่อน แต่ดูเหมือนกับว่ามันจะถูกดูดกลืนหายเข้าไปในผนังอย่างรวดเร็ว 'มันกำลังหิวกระหาย' ประตูนั้นเป็นเหมือนกับปากที่กำลังอ้ากว้าง เธอกำลังติดอยู่ภายในตัวสิ่งมีชีวิตที่หิวโหย

เธอเลิกสนใจโอกาสที่คิดว่าอาจจะพอพูดคุยเพื่อขอค่าห้องพักคืนบางส่วน 'ไม่มีเวลาแล้ว' เธอต้องรีบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่จะถูกมันเคี้ยว ถูกกัดกิน ถูกย่อยจนต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวมัน เธอไม่รู้ว่าความคิดแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มันฟังดูบ้าบอ แต่เธอกลับขนลุกไปทั้งตัว

“ฉันไปแล้วนะ”

เธอตะโกนสุดเสียง ไฟฟ้าในอาคารกระพริบคล้ายกับจะตอบรับคำร่ำลาของเธอ มันเป็นการตอบรับที่ไม่น่าไว้วางใจ เธอรีบวิ่งลากกระเป๋าตรงไปที่ประตู กลั้นหายใจพร้อมกับผลักมันออกไปสุดแรง ในชั่วขณะนั้น เธอคิดว่าบานประตูจะไม่ยอมเปิดออก เธอจะชน แล้วล้มหงายลงไป ก่อนที่มันจะเริ่มขบเคี้ยวเธอทั้งร่างกาย และวิญญาณ กลืนกินเธอจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน

ประตูเปิดออก พร้อมกับไฟฟ้าในอาคารดับมืดลง เธอรีบวิ่ง โดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีก หากเธอกล้าพอที่จะทำอย่างนั้น ก็จะได้พบว่า รูปปั้นงูที่อยู่บนหัวเสาทั้งสองข้างประตูนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม มันไม่เพียงแค่พันอยู่รอบเสา แต่ยังคาบหางของตัวเองเอาไว้ด้วย

มันแสดงถึงความไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดจบ การวนเวียนอันไม่สิ้นสุด

คืนนั้น เธอไปขอพักกับชาวบ้านที่อยู่ห่างออกไปไมไกลนัก พวกเขามองดูหน้าตา ท่าทางของเธออย่างงุนงง แต่เมื่อรู้ว่าเธอมาจากคฤหาสน์หลังนั้น เธอก็ได้ที่พักโดยไม่มีใครอยากซักถามอะไรอีก

มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอต้องสูญเสียไปในค่ำคืนนั้น นั่นคือหนังสือนิยายที่ยังคงอ่านไม่จบ เธอจำได้ว่าเก็บมันใส่ไว้ในเป้ และไม่ได้หยิบออกมาอีกเลย แต่มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอซื้อมันมาจากร้านขายหนังสือมือสอง เคยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักเขียน แต่ไม่พบเจออะไรทั้งนั้น ราวกับว่าหนังสือนิยายเล่มนี้ไม่เคยมีตัวตนมาก่อน นิยายที่เธอคงไม่มีวันได้รู้ตอนจบ

จนถึงตอนนี้เธอได้ก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตนั้นมาเรียบร้อยแล้ว เธอกำลังเริ่มคุ้นเคยกับวิถีชีวิตในต่างแดน ชีวิตที่เธอเลือกเอง เธอไม่รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ และคงไม่มีวันรู้

'ก็ใครกันเล่าที่จะรู้'

ถ้าในวันนั้นเธอตัดสินใจเปิดไปยังหน้าสุดท้ายของหนังสือ เธอก็จะได้พบว่า มันไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในนิยายที่เธออ่านผ่านมาเลย มันเป็นหน้ากระดาษที่มีข้อความสั้นๆ จัดวางเอาไว้ตรงกลาง ข้อความนั้นมีว่า

'ในความว่างเปล่าที่ไม่เปล่าว่าง จุดเริ่มต้นหยาดหยดลงมา ก่อเกิดเป็นวงคลื่นลูกแล้วลูกเล่า มันสั่นสะเทือน มันแทรกซึม ก่อเกิดเป็นความไร้ระเบียบ ทำให้ความเปล่าว่างไม่เป็นความว่างเปล่า วงแล้ววงเล่าที่กระจายออก ไกลออกไป ไกลแสนไกล จนมายาภาพที่ถูกเรียกว่าความเป็นจริงค่อยๆ ปรากฏ แล้วทุกสิ่งก็บังเกิดขึ้น'

#####




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2555
0 comments
Last Update : 7 กรกฎาคม 2555 21:15:35 น.
Counter : 1894 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.