ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
เพชร x เพชร แยกทาง (17)

เพชร อาศัยร่มเงาของต้นไม้เป็นที่หลบพักกินอาหาร แสงแดดยามบ่ายลดความร้อนแรงลงมากแล้ว สายลมเย็นพัดพาเอาความชื้นของแม่น้ำใหญ่มาจากทางทิศตะวันตก

อากาศยามนี้เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง แต่เด็กหนุ่มกลับนั่งกินอาหารอยู่อย่างเซื่องซึม แม้แต่ความอร่อยของอาหารก็ไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย

ความคิดต่างๆ มากมายวุ่นวายสับสนอยู่ภายในหัวของเขา เขารู้สึกว่าพ่อเปลี่ยนไปจากเดิม หากเป็นเมื่อก่อนพ่อจะต้องไม่ทำแบบนี้อย่างเด็ดขาด พ่อต้องไม่ปล่อยให้เขาเดินทางกลับบ้านเพียงลำพังเช่นนี้

พ่อค่อยๆ เปลี่ยนไปนับตั้งแต่ได้พบกับเหล็กนิลก้อนนั้น แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่พ่อก็เปลี่ยนไป เขาไม่แน่ใจว่านายช่างใหญ่จะเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยพบกับนายช่างใหญ่มาก่อน แต่เขาคิดว่านายช่างใหญ่เองก็เป็นเช่นเดียวกัน

เด็กหนุ่มหวนนึกถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อมือของเขาสัมผัสกับผิวที่เย็นเยียบ และตาของเขาได้เห็นสีที่ดำสนิทของมัน ความรู้สึกอึดอัดไม่สบาย ความรู้สึกถึงอันตรายที่แฝงอยู่ภายในสิ่งนั้น

เขารู้สึกเป็นห่วงคนทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง เขาแทบจะแน่ใจว่าการเดินทางของทั้งสองคนนั้นจะต้องพบกับอันตรายอย่างแน่นอน

เขากินอาหารคำสุดท้ายแล้วสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป พ่อของเขาจะต้องปลอดภัย นอกจากพ่อจะเป็นนักขุดเหมืองที่เก่งแล้ว พ่อยังเป็นยอดนักเดินทางอีกด้วย

เมื่อเขาตื่นขึ้นในตอนเช้าของวันหนึ่งวันใดในอีกไม่นานนี้ เขาจะได้พบพ่อกำลังนั่งรอเขาอยู่ แล้วทั้งสามคนก็จะร่วมกันกินอาหารแสนอร่อยจากฝีมือของแม่อย่างพร้อมหน้า พ่อจะบอกเล่าเรื่องราวสนุกสนานตื่นเต้นที่ได้พบในระหว่างการเดินทางให้ทั้งหมดได้รับฟังกัน

โดยที่ไม่มีเจ้าสิ่งนั้น…ไม่มีเหล็กนิลสีดำก้อนนั้นอีกต่อไป

เด็กหนุ่มเก็บข้าวของแล้วนั่งพักอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะออกเดินทางต่อ เส้นทางของเขายังคงย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิมที่เขาและพ่อใช้เดินทางมา

เพชร เดินต่อไปได้อีกไม่ไกลนักก่อนที่ฟ้าจะเริ่มมืด เขาเดินได้ช้าลงเพราะการกินอาหารผิดเวลา ทำให้เขารู้สึกเพลียและยังมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

เขาหยุดแล้วมองหาสถานที่เหมาะๆ สำหรับใช้พักแรมในคืนนี้ รอบๆ บริเวณนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่หลายต้น เขาจึงเลือกเอาลานเรียบๆ ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วออกเดินหาเก็บเศษไม้มาก่อกองไฟขึ้น

เปลวไฟไหวตัวเต้นรำไปมาอยู่ภายในความมืดของยามราตรี แสงสว่างจากกองไฟสามารถขับไล่ความมืดรอบๆ บริเวณนี้ออกไปได้บ้าง แต่มีบางสิ่งที่แสงไฟไม่อาจทำให้หายไปได้

เด็กหนุ่มกำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟเพียงลำพัง เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการเดินทางคนเดียวจะทำให้เกิดความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างได้มากมายถึงเพียงนี้

เขานำอาหารออกมากินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะยังไม่ค่อยรู้สึกหิว และเมื่อเขาเก็บอาหารที่เหลือลงในห่อ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นของสิ่งหนึ่งเข้า

เด็กหนุ่มหยิบห่อใบชาออกมาแล้วชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจแล้วเริ่มลงมือต้มน้ำ หลายวันมานี้เขารู้สึกชอบการดื่มชาขึ้นมาก บางทีน้ำชาร้อนๆ อาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้างก็เป็นได้

กลิ่นหอมของชาลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ เพชร นั่งจิบชาอย่างช้าๆ แล้วแหงนหน้ามองดูดวงดาวที่ส่องสว่างพร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า ทางทิศตะวันออกมีกลุ่มเมฆกระจายอยู่บดบังเหล่าดวงดาวไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีกลุ่มดาวที่เขารู้จักปรากฏอยู่อีกหลายกลุ่มด้วยกัน

ที่อยู่บริเวณกลางท้องฟ้าตอนนี้คือ กลุ่มดาวจอบ และกลุ่มดาวไถ ถัดไปทางซ้ายเป็นกลุ่มดาวนกใหญ่ กลุ่มดาวปลาโจน และที่พาดผ่านท้องฟ้าอยู่ใต้กลุ่มดาวปลาโจนคือ แม่น้ำดวงดาว บริเวณที่มีดาวอยู่อย่างหนาแน่นจนแลเห็นคล้ายสายน้ำพาดผ่านจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้

และที่เหนือขอบฟ้าใต้สายน้ำเส้นนี้มีดวงดาวที่สุกสว่างมากดวงหนึ่งปรากฏอยู่ มันคือ ดาวอธิษฐาน ดาวประจำแห่งทิศเหนือนั่นเอง สีแดงที่สุกสว่างทำให้มันดูโดดเด่นและมองหาได้ไม่ยากนัก

เพชร เคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับดาวดวงนี้อยู่ว่า หากผู้ใดไขว้นิ้วมือข้างซ้ายของตนเอาไว้ จากนั้นจึงหันหลังให้กับดวงดาว แล้วอธิษฐานขอสิ่งที่ต้องการด้วยความตั้งใจ หากเขาหันกลับมาแล้วมองไม่เห็นดาวดวงนี้ เขาก็จะได้ดังที่เขาต้องการ

เด็กหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นเพียงความเชื่อที่เล่าลือสืบต่อกันมาเท่านั้น แต่เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ดาวดวงนั้น เขาไขว้นิ้วมือซ้ายเอาไว้แล้วหันหลังกลับ

สิ่งที่เขาต้องการก็คือได้เดินทางต่อไปกับพ่อ เขาไม่ต้องการที่จะกลับบ้านเพียงลำพังแบบนี้

ตอนนั้นเองมีเสียงสวบสาบดังมาจากทางด้านหลังของเขา และมีเสียงกล่าวทักทายดังขึ้น

“สวัสดี…”

เพชร รีบหันกลับมาในทันที สิ่งที่เขาเห็นก็คือ มีเงาของร่างๆ หนึ่งกำลังเดินเข้ามาหา เมื่อร่างๆ นั้นเข้ามาใกล้แสงไฟ เขาจึงพบว่าเป็นชายชาวปฐพีผู้หนึ่ง

ความสูงของเขาพอๆ กับเพชร บนหลังแบกข้าวของห่อใหญ่เอาไว้ ท่าทางของเขาดูไปยังมีอายุไม่มากนัก และเขาเองกลับมีท่าทางประหลาดใจมากเมื่อแลเห็นเด็กหนุ่มได้อย่างถนัด

“สวัสดี…น้องชาย…พ่อของเธออยู่ที่ไหนกัน ฉันจะได้ทักทายกับเขาก่อน”

“…”

ชายหนุ่มมองสำรวจดูกองข้าวของที่วางอยู่ แล้วจึงหันกลับมามองหน้า เพชร อีกครั้ง

“…อย่าบอกนะว่าเธอเดินทางมาเพียงคนเดียว”

“ผม…เดินทางมากับพ่อ แต่พ่อ…ทำธุระอยู่ในป่าเขียวครับ”

“อ้อ…แล้วเธอมาทำอะไรอยู่คนเดียวตรงนี้ ฉันหยุดพักอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ พอดีได้กลิ่นชาเข้า…ชาของฉันหมดไปหลายวันแล้ว…ก็เลยเดินมาดูหน่อยไม่นึกว่าจะมาเจอน้องชายอยู่คนเดียวแบบนี้”

เพชร จึงกล่าวชวนชายหนุ่มให้นั่งลงดื่มชา ชายหนุ่มรีบตอบรับทันทีอย่างไม่ลังเล เขาหลับตาแล้วสูดกลิ่นชาอย่างแรงจนมีเสียงดังออกมา

“อืม…ใบชาอ่อนชั้นดีของทุ่งหิน ไม่ได้กลิ่นหอมแบบนี้มาตั้งนานแล้วคิดถึงจริงๆ ”

ชายหนุ่มจิบชาเข้าไปคำหนึ่งแล้วจึงนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ฉันชื่อ สำริด กำลังเดินทางจากภูเขาเหนือเพื่อกลับไปยังทุ่งหิน”

“กลับไปทุ่งหิน พี่อยู่ที่ทุ่งหินหรือครับ”

“ฉันเกิดที่ทุ่งหินแต่ต้องย้ายไปอยู่ที่ภูเขาเหนือตั้งแต่ยังเด็ก เธอคงไม่เคยได้ยินชื่อของฉันมาก่อน”

เพชร พยักหน้ารับ เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจริงๆ แต่เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจ คนในทุ่งหินทุกวันนี้ต่างคนต่างอยู่ และไม่ค่อยได้สนใจกันเท่าใดนัก

“ผมชื่อ เพชร เป็นลูกของ นิล ครับ”

“อ้อ…ลูกของนิลยอดนักขุดแห่งทุ่งหินนั่นเอง บ้านเก่าของฉันอยู่เลยบ้านของพวกเธอไปอีกไกลเหมือนกัน เลยไปทางใต้จนเกือบจะถึงทะเลน้ำเค็มนั่นแหละ”

“…แล้วพี่มีธุระอะไรที่ทุ่งหินหรือครับ”

สำริด หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย เขานิ่งไปครู่หนึ่ง เพชร จึงได้แต่มองหน้าเขา จนในที่สุดเขาก็ยอมตอบคำถามนี้

“…ฉัน…กำลังจะสร้างครอบครัว…แต่ที่ภูเขาเหนือไม่ค่อยมีหญิงสาวดีๆ ให้เลือกมากนัก…จริงๆ แล้วคือมีหญิงสาวอยู่จำนวนน้อยมาก ฉันจึงคิดที่จะลองไปหาที่ทุ่งหินดู…”

สำริด หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่เขาและเพื่อนๆ ต่างก็ถูกแย่งคนรักไป ความเศร้าเสียใจในหมู่พวกเขานำไปสู่ความสงสัย พวกเขาจึงร่วมมือกันเพื่อค้นหาคำตอบให้กับเรื่องๆ หนึ่ง แล้วความจริงที่ค้นพบก็ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจ

ในเขตภูเขาเหนือมีจำนวนชายหนุ่มอยู่มากกว่าหญิงสาวถึงสิบเท่า พวกเขาทั้งหมดจึงถูกนับรวมอยู่ในเก้าส่วนที่จำเป็นจะต้องอกหัก

เมื่อได้รู้ความจริงข้อนี้เขาจึงคิดที่จะออกเดินทาง เพราะถึงจะอยู่ที่ภูเขาเหนือต่อไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ทุ่งหินนับเป็นจุดหมายที่ดีที่สุด เพราะมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง และบ้านเก่าของเขาก็อยู่ที่นั่น สำริด จึงตัดสินใจออกเดินทางมาตั้งแต่เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

เพชร รู้สึกคล้ายกับว่าเขาได้ลืมอะไรไปสักอย่างหนึ่ง เมื่อครู่นี้ก่อนที่ สำริด จะเดินเข้ามาหา เขากำลังทำอะไรบางอย่างค้างคาอยู่

“แล้วเธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว ทำไมไม่อยู่กับพ่อของเธอ”

ใช่แล้วเขากำลังอธิษฐานเพื่อขอเดินทางไปกับพ่อ และเมื่อหันกลับมา เขาก็ยังไม่ได้เห็นดวงดาวอธิษฐานอีกเลย เด็กหนุ่มบังคับตัวเองไม่ให้เงยหน้าขึ้นไปดูบนท้องฟ้า ความคิดบางอย่างพลันแวบเข้ามาในหัวของเขา

“ผม…กำลังรอใครบางคนอยู่ครับ”

“รอใครกันล่ะ”

“ผมคิดว่าคงจะเป็นพี่นั่นแหละครับ”

“รอฉัน…รอฉันทำไม แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะผ่านมาแถวนี้…คำพูดของเธอฟังดูแปลกๆ นะ”

สำริด มีท่าทางระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขาสำรวจมองดูเด็กหนุ่มอีกครั้ง แต่เมื่อได้เห็นดวงตาที่ส่องประกายสีขาวใสคู่นั้น เขากลับรู้สึกไว้ใจในตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาในทันที

“…นายช่างใหญ่เพื่อนของพ่อ…เขาเป็นชาววนาที่อยู่ในป่าเขียว…เขาบอกให้ผมมารอพบคนที่จะเดินทางผ่านมาทางนี้ครับ”

“ชาววนา…พวกแปลกๆ พวกนั้นนั่นเอง เขารู้ได้อย่างไรว่าฉันจะผ่านมาทางนี้ แล้วเขามีธุระอะไรกับฉัน”

“นายช่างใหญ่จะรู้ได้อย่างไร ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาบอกให้ผมมารออยู่ตรงนี้ เพื่อรบกวนให้คนที่จะผ่านทางมาช่วยทำเรื่องๆ หนึ่งครับ”

“เรื่องอะไรกันล่ะ ถ้ามันไม่ลำบากอะไรมากมายนักฉันก็ยินดีที่จะช่วย”

“ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรหรอกครับ แค่จะฝากพี่ให้ช่วยแวะไปที่บ้านของพ่อแล้วบอกกับ อำพัน แม่ของผมว่า พวกเราสามคนจะเดินทางกันต่ออีกสักพักหนึ่ง ให้แม่รออยู่ที่บ้านและไม่ต้องเป็นห่วงอะไรครับ”

“เรื่องแค่นั้นเอง ถึงอย่างไรฉันก็ต้องผ่านไปใกล้ๆ บ้านของเธออยู่แล้ว แค่ให้แวะเข้าไปบอกข่าวแค่นี้สบายมาก ฉันรับปากเธอได้เลย…แต่ว่า”

เพชร ที่กำลังอมยิ้มอยู่ ทำหน้าตื่นแล้วรีบถามกลับไปในทันทีว่า

“แต่ว่าอะไรครับ”

“ฉันกลัวว่า อำพัน แม่ของเธอจะไม่เชื่อคำพูดของฉัน ฉันกับแม่ของเธอก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แม่ของเธอจะเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้าอย่างฉันหรือ”

เพชร นิ่งคิดนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบของออกมาจากห่อที่วางอยู่ข้างตัว สำริด เห็นใบจอบอันนั้นส่องประกายวาววับสะท้อนกับแสงไฟ เขาไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

“เอาใบจอบอันนี้ให้กับแม่ แล้วบอกว่าพ่อฝากมาด้วยพร้อมกับข้อความ แม่ต้องเชื่อคำพูดของพี่แน่”

สำริด รับเอาใบจอบมาถือไว้ในมือ ความงดงามของมันทำให้เขาต้องพลิกสำรวจมันไปมาอยู่หลายเที่ยว เขาเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม แล้วตัดสินใจถามออกไปว่า

“เธอเอาของแบบนี้ฝากไปกับฉัน เธอไม่กลัวบ้างหรือ ฉันอาจจะ…”

เพชร รีบตอบสวนออกมาในทันทีว่า

“ผมเชื่อใจพี่ครับ”

สายตาของ สำริด ประสานกับดวงตาที่เปล่งประกายงดงามคู่นั้น ชายหนุ่มพลันบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจว่า เขาจะต้องทำตามคำขอร้องของเด็กหนุ่มคนนี้ให้สำเร็จให้ได้


Create Date : 05 ตุลาคม 2552
Last Update : 5 ตุลาคม 2552 12:55:14 น. 0 comments
Counter : 478 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.