บทวิเคราะห์ CEO ยุคเปลี่ยนผ่าน ใช้ Social Media
บทวิเคราะห์ CEO ยุคเปลี่ยนผ่าน ใช้ Social Media
วิบูลย์ จุง // Wiboon Joong (wbj) IBM ได้นำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของ CEO ทั่วโลก กว่า 1,700 คน จาก 64 ประเทศ และ 18 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่ง การนำเสนอแนวคิดของ CEO ครั้งนี้ เป็นนวัตกรรมการทำธุรกิจ ที่นำมาถ่ายทอดให้กับนักธุรกิจไทย ซึ่งผลการศึกษาฯ เผยให้เห็นว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยีถูกมองว่า เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร ผลการสำรวจความคิดเห็น: - บริษัทที่มีผลประกอบการดีกว่าบริษัทอื่นๆ มีแนวโน้มมากกว่า 30% ที่จะระบุว่า การเปิดกว้าง (Openness) ซึ่งการใช้ Social Media ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการประสานงานและสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน และถือเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อองค์กรของตน
นั่นหมายถึง CEO บางกลุ่มเชื่อมั่นว่า Social Media มีส่วนทำให้องค์กรมีการเปลี่ยนแปลง และ มีอิทธิพลต่อพนักงานในองค์กร ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในองค์กรที่ให้ใช้งาน Social Media ส่วนใหญ่พนักงานจะใช้เวลาในการเข้า Social Media เพิ่มมากขึ้น ในทางกลับกัน การใช้ Social Media ก็จะส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ของบุคคล ภาพลักษณ์ขององค์กร ได้ดีเช่นกัน ทั้งนี้ การสร้างภาพลักษณ์ทั้งบุคคล และ องค์กร ต้องใช้เทคนิคในการสร้างเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในความสามารถและศักยภาพ โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ ความเข้าใจ รวมถึง นำเสนอแนวความคิดของผุ้บริหาร เพื่อให้เพื่อนใน Social Media ได้เกิดประโยชน์ต่อเขา แต่หากใช้เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตนเองและองค์กรเพียงอย่างเดียว อาจจะทำให้ภาพลักษณ์เสีย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์จากการใช้ Social Media แถมยังทำให้ชื่อเสียงภาพลักษณ์ไม่ดีอีกด้วย - CEO กำลังปรับใช้รูปแบบใหม่ในการทำงาน โดย ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกภายในอง
ค์กร และเครือข่ายเพื่อคิดค้นแนวคิด และ solution ใหม่ๆ ซึ่ง จะช่วยเพิ่มผลกำไรและขยายธุรกิจให้เติบโต องค์กรสมัยใหม่ มีข้อมูลภายในจำนวนมาก ดังนั้น การใช้ข้อมูลเชิงลึก จึงได้จากการวิเคราะห์ Data Mining เพื่อทำให้เห็นองค์ประกอบของฐานข้อมูลที่มี จากนั้นจึงนำผลที่ได้มาต่อยอดใช้ Innovation ในการปรับทั้งดำเนินงาน และ ผลิดภัณฑ์ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีความแตกต่าง และ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
- CEO จำนวน 16% ใช้แพลตฟอร์ม Social Business เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าแต่ละราย และคาดว่า จะเพิ่มเป็น 57% ภายในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้า
การใช้ Social Media ในการเป็นแพลตฟอร์มในการติดต่อลูกค้านั้น เนื่องจาก การผลักดันการมีสังคมของ Social Media มีอิทธิพลต่อประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลรุ่น GEN Y ที่มีการใช้ Internet กันอย่างกว้างขวาง ดังนั้น ธุรกิจที่ต้องติดต่อกับ ผู้ใช้โดยตรง จึงหันมาใช้ Social Media ในการติดต่อและให้ข้อมูลแก่ลูกค้าโดยตรงมากยิ่งขึ้น - คาดว่า การใช้ social network ใน ASEAN จะเพิ่มเป็น 68% (ปัจจุบัน 25%)
พฤติกรรมของประชาชนใน ASEAN ต่างมีพื้นฐานในการชอบสังคม มากกว่าการอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดังนั้น การใช้ Social Network จึงเป็นช่องทางที่เหมาะกับ พฤติกรรมของประชาชนชาว ASEAN แต่เนื่องจาก Infra Structure และ องค์ความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ของบางประเทศ ยังไม่ตอบสนองต่อการใช้ Internet ดังนั้น อัตราการเพิ่มการใช้ Social Network จึงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เป็นส่วนใหญ่ - CEO ใน ASEAN ถึง 47% กำลังปรับเปลี่ยนการมุ่งเน้นเพื่อส่งเสริมการประสานงานร่วมกันภายในองค์กรอย่างเหมาะสม
เนื่องจากประเทศในกลุ่ม ASEAN เป็นกลุ่มกำลังพัฒนา อีกทั้ง การเปิดเสรี ASEAN ทำให้องค์กรในแต่ละประเทศเกิดการรวมตัวเพื่อสร้าง Barrier และ สร้างความแข็งแกร่งภายในประเทศให้เกิดขึ้น ซึ่งการเน้นการประสานงานร่วมกันภายในขององค์กร จึงหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ (หัวข้อวิจัยนี้ ผู้เขียนวิเคราะห์ว่า ไม่น่าจะเป็นผลที่เกิดจาก Socail Media) - CEO ใน ASEAN ยังมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนจากการติดต่อสื่อสารรูปแบบเดิมๆ ไปสู่การใช้ social media ควบคู่ไปกับการติดต่อพบปะกันเป็นการส่วนตัว
ทั้งนี้เป็นผลจากพฤติกรรมของประชาชนใน ASEAN ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น จึงต้องทำให้ CEO มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการติดต่อสื่อสารมากขึ้น อีกทั้ง การเดินทางเพื่อพบปะกันจะเสียเวลาและค่าใช้จ่าย มากกว่าการใช้ Social Network จึงเป็นเหตุที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะดังกล่าว - CEO ใน ASEAN ถึง 68% เห็นพ้องต้องกันว่า เทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อองค์กรของตน แต่ขณะเดียวกัน ก็มองว่า ทักษะ เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดรองลงมาคือ ปัจจัยเกี่ยวกับ ตลาด
ในกลุ่มประเทศ ASEAN เป็นกลุ่มประเทศการผลิต มีเพียง สิงคโปร์ ที่เป็น กลุ่มประเทศทางการตลาด ดังนั้น ผลของการสำรวจออกมาเน้น ทักษะ ของคนจึงเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ CEO ส่วนใหญ่อยุ่ในสายการผลิตมากกว่า ร้อยละ 70 - CEO ใน ASEAN ถึง 72% ระบุว่า ทรัพยากรบุคคล เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนสำหรับองค์กร ดังนั้น จึงคาดการณ์ได้ว่า จะมีความต้องการที่สูงมากสำหรับบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในภูมิภาค ASEAN
ในข้อตกลง AEC มีหัวข้อในการโอนย้ายการทำงานของบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ จึงเป็นเหตุให้แต่ละประเทศ มุ่งเน้นเรื่องทรัพยากรบุคคล เป็นส่วนใหญ่ (หัวข้อวิจัยนี้ ผู้เขียนวิเคราะห์ว่า ไม่น่าจะเป็นผลที่เกิดจาก Socail Media) ทั้งนี้ ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า การเปิดกว้างที่เพิ่มขึ้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงตามมา และทำให้เกิดช่องโหว่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น พนักงานจึงต้องผสานรวมค่านิยมและพันธกิจขององค์กรเข้าไว้ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว เพื่อให้องค์กรดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และองค์กรเอง ก็ต้องจัดหาแนวทางให้แก่พนง. เพื่อให้ พนง.สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในแต่ละวัน เนื่องจากปัจจุบัน องค์กรส่วนใหญ่ ต้องรับมือกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น CEO จึงต้องตระหนักถึงความจำเป็นในการทำ Business Analytics เพื่อกลั่นกรองข้อมูลที่ถูกตรวจสอบติดตามทาง on-line บน Smartphone และ Social Media ด้วย ซึ่งจากผลสำรวจนั้น มีCEO ถึง 7 ใน 10 กำลังดำเนินการลงทุนอย่างจริงจัง เพื่อกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าจากข้อมูลดิบที่มีอยู่ การเติบโตของการใช้ Smartphone และ Social Media ในกลุ่มประเทศ ASEAN มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง ทั้งนี้ แค่ในประเทศไทย มีจำนวนมือถือต่อจำนวนประชากรถึงร้อยละ 107 นั่นหมายถึง มีจำนวนมือถือมากกว่าคนในประเทศ และ การใช้ Social Media ใน ASEAN ก็มีความนิยมอย่างมาก การให้การคำนึงถึงผลกระทบจากพฤติกรรมประชากร จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จาก //www.banmuang.co.th/2012/09/ไอบีเอ็มสำรวจซีอีโอยุค
Create Date : 07 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 7 ธันวาคม 2555 9:27:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2167 Pageviews. |
|
|