Only love is real (Part II)





"...เราอาจถูกปลุกให้จำคู่แท้ของเราได้
ด้วยการเห็นหน้าแล้วจำได้
ด้วยการหลับแล้วฝันถึงด้วยความทรงจำ
หรือด้วยความรู้สึกที่วูบขึ้นมา
บางทีเราอาจจะจำคนๆ นั้นได้
ด้วยสัมผัสเวลาเขาแตะมือเรา
หรือเวลาที่เธอเงยหน้าขึ้นจุมพิตสัมผัส
ที่ทำให้จำกันได้
อาจจะมาจากสัมผัสของลูกรักของพ่อแม่
ของพี่น้อง
หรือของเพื่อนตายก็ได้
หรืออาจจะมาจากคนผู้เป็นที่รัก
ซึ่งข้ามชาติภพหลายศตวรรษมาเจอกัน
เพื่อจะได้จูบเราอีกครั้ง
เป็นการเตือนให้เรารู้ว่าเราสองคน
จะอยู่ร่วมทุกชาติจนกว่าชั่วฟ้าดินสลาย..."

สวัสดีจ้ะเธอจ๋า
วันนี้ฉันไม่ได้มาพูดเรื่องหนัง
ที่เข้าฉายตามภาพยนตร์นะ
แต่ฉันพูดถึงหนังสือจ้ะ
ข้อความข้างต้นทำให้ฉันสะดุดเป็นบ้าเลย
มันปรากฏอยู่ในหนังสือเรื่อง Only Love is Real
เขียนโดย ดร.ไบรท์อัน แอล ไวส์.
แปลโดย มณฑาณี ตันติสุข...

การค้นหาความหมายในหนังสือเล่มนี้ของฉัน
เริ่มต้นอย่างงง ๆ
เพราะมันพูดถึงการบำบัดทางจิต
ที่ใช้การสะกดจิตเพื่อระลึกชาติเข้ามาใช้
แล้วมันทำให้จิตเราดีขึ้นเหรอนี่คือคำถาม
แต่คำตอบของคำถามนี้ไม่ได้สำคัญเท่ากับ
การได้พบคู่แท้
และได้สัมผัสถึงคำว่าคนที่ "ใช่" หรือ Soul mate
เพราะพรหมลิขิตที่ทำให้ได้มาพบกันอย่างนั้นหรือ ?
อาจจะใช่เขาคนนั้น
ที่คุณพบอาจจะเป็นคนที่เคยรู้จักกัน
และจดจำสัมผัสที่ได้เคยสัมผัสในอดีตชาติก็เป็นได้




ฉันเชื่อได้เลยว่า
ปรากฏการณ์และความรู้สึกหลายอย่าง
เกิดขึ้นได้กับทุกคน
อย่าหาว่ามันเป็นเรื่องงมงายเลยนะ
ครั้งหนึ่งเมื่อยังเยาว์วัยในขณะที่ฉันยืนอยู่
ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้าและสิ่งที่ปรากฎ
มันสะดุดใจฉัน
แล้วทำให้ฉันพูดขึ้นมาในใจว่า
มันคุ้นๆ เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน ฝันไปหรือเปล่า ?
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันใส่ใจมากนัก
จนฉันฉันเติบโต

การอ่านหนังสือเล่มนี้
ประกอบกับนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง
(นพ.ประสาน ต่างใจ)
เคยกล่าวไว้ว่า
“ทุกสิ่งมีจิตที่สะท้อนและส่งถึงกันได้
ไม่ว่าจะเป็นคน เป็นสัตว์ หรือแม้แต่ต้นไม้”
ฉันจึงไม่แปลกใจเลยที่เมื่อไหร่ก็ตาม
เวลาฉันกำลังคิดถึงใครสักคน
ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน
สักระยะเขาจะติดต่อกลับมา
จนฉันรู้สึกประหลาดใจ
คุณเคยรู้สึกแบบฉันไหม๊

มันเป็นเรื่องที่อธิบายหรือทำให้เชื่อได้ยาก
เพราะไม่มีสิ่งใดสามารถพิสูจน์ได้
ตามหลักวิทยาศาสตร์และเผยแพร่กันจนเป็นที่รู้จัก
แต่สิ่งหนึ่ง
ที่ฉันเห็นได้มันปรากฏอยู่ในหลายสิ่งเหลือเกิน
ทั้งบทเพลง และบทภาพยนตร์
ไม่่ว่าจะเป็นเพลง “ตามหากันจนเจอ”
ของ สองกบ (ทรงสิทธิ์ และ เสาวนิตย์)
ที่กำลังเป็นที่นิยมและขอกันตามสถานีวิทยุยอดฮิต
ในช่วงกระแสของเทศกาลวันวาเลนไทน์
หรือภาพยนตร์เรื่อง “กุมภาพันธ์”
ดูกี่ทีๆ ก็รู้สึกซึ้งกินใจทุกที...

และหนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันค้นพบว่า
"รักคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
รักเติบโตและผลิบานได้
แม้ในคืนที่หนาวเยือกกลางสถานภาพที่โหดร้ายที่สุด
รักเกิดได้ในทุกหนแห่งและทุกเวลา
รักคือดอกไม้ซึ่งผลิได้ไม่เลือกฤดูกาล..."

ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้รู้จักหนังสือเล่มนี้
และขอให้เธอโชคดีกับความรักในวันวาเลนไทน์
และทุก ๆ วัน....
(ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่รักเธอนะ)

13 ก.พ. 49 เวลา บ่ายสามห้าสิบห้า




เขียนเรื่องนี้ไว้นานแล้วตั้งแต่ปี 49 จนถึงวันนี้ปี 51
ซึ่งอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะเข้าสู่ปี 52
ช่องว่างของกาลเวลาตั้งแต่ฉันค้นพบคำว่า
“soul mate”
จวบจนกระทั่งวันนี้
มันทำให้ฉันได้เรียนรู้แล้วเข้าใจคำว่า
“soul mate” มากขึ้น
ฉันได้เห็นคุณค่า
มีความทรงจำในความสัมพันธ์กับมิตรภาพ
ที่งดงามและแสนดี
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์นั้นจะต้องหยุดลง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
แต่ฉันเชื่อเหลือเกินว่ามันยังไม่จบลง...

สักวันหนึ่งคำว่าคู่แท้
หรือคนที่เราคุ้นเคยจะเวียนกลับมาพบกันอีก
แต่อาจแตกต่างไปตามสถานะและกาลเวลา
ณ เวลานี้เราทำได้แค่เรียนรู้กับการดำรงอยู่
ดูแลชีวิตให้ดำเนินไปด้วยดี
และปล่อยให้มันดำเนินไปตามเส้นทางของมัน
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นอะไร
ฉันเชื่อเหลือเกินว่า
การเวียนว่ายตายเกิดของเรา
จะทำให้เรากลับมารู้จักกันใหม่...

บทเพลงหลาย ๆ บทเพลง
ทำให้ฉันหวนคิดถึงเรื่องราวและความรู้สึก
ในอดีตที่ผ่านมา
แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ฉันเศร้าเกินไปนัก
หรือจมอยู่กับอดีตจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น
อดีตยังไงมันก็คืออดีตอยู่วันยังค่ำ
มันไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้
และมันจะไม่มีทางเหมือนเดิม
เพราะสิ่งที่เราเรียนรู้และเจ็บปวดในอดีต
ทำให้เราเติบโตและกล้าหาญที่จะก้าวไปข้างหน้า

ไม่ว่าฉันจะเคยเจ็บปวดกับความรัก
มามากน้อยอย่างไร
แต่วันนี้ฉันยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาในความรักเสมอ
และมากไปกว่านั้น
ความเจ็บปวดเมื่อครั้งวันวานมันทำให้ฉันต่อสู้
และเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรักมากกว่าครั้งก่อนๆ ซะอีก

ไม่มีใครรู้ว่าชาติที่แล้วเราผูกพันกับใครไว้บ้าง
ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตเราจะต้องเจอะเจอกับอะไร
เราทำได้แค่เรียนรู้และใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะนี้
ให้ดีที่สุด
ปล่อยให้การทำงานของโชคชะตา
และแรงดึงดูดเป็นไปตามทางของมัน
สำหรับฉันแล้ว
ทุกคนที่อยู่รอบข้างในชีวิตฉันคือคนที่ “ใช่”
และไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะอยู่ในช่วงเวลาใดก็ตาม
เราจะได้พบกันอีกครั้ง

แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่อยู่ในมือฉันแล้ว
แต่โปรดเชื่อเถอะว่า
ฉันจำได้ทุกเรื่องราวและทุกถ้อยคำแห่งความประทับใจ
และบทเพลงนี้เองที่ทำให้ฉันกลับมาอ่านเรื่องนี้
และเขียนเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้ง...




ศรัทธาในความรักเสมอ
หกโมงเช้าห้านาที
7 พฤศจิกายน 2551





Create Date : 07 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 23:37:35 น. 4 comments
Counter : 494 Pageviews.

 
อ่านแล้วรุ๊สึกดีจัง มันทำให้ยิ้มได้ ในความรุ๊สึกอย่างนี้

*-* เขียนต่อไปนะ คนนี้จะเป็นผู้อ่านที่ดีคนนึง จะคอย

ติดตามอยู่ห่างๆ แต่ไม่ไกลเกินจะมองเห็น


โดย: เด็กชายเบียร์ IP: 115.67.17.69 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:15:33 น.  

 
เคยได้อ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกันค่ะ
และนานๆ ทีก็หยิบขึ้นมาอ่านอีก
แต่อ่านกี่ที่ก็รู้สึกดีทุกครั้ง

โดยส่วนตัวเชื่อว่า "คู่แท้" มีจริง และจะกลับมาหา
มาพบกันอีก ในชาติภพต่อๆ ไป


โดย: Seed of Love วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:09:10 น.  

 

น้องโบเขียนได้น่าอ่าน
แต่น่าจะปรับบรรทัดลงมามั่งนะน้อง
ยาวเป็นรถไฟทุกที


โดย: อุ้มสี วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:28:09 น.  

 

ใครคนหนึ่ง คนที่มาเพื่อพบเจอกันในครั้งหนึ่ง ความทรงจำ ความผูกพันและรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ก็ยังคงต้องมีอีกวันๆหนึ่ง......วันแห่งคำอำลา เคยบอกตัวเองว่า...." เมื่อต่างที่มา ก็ย่อมมีต่างที่ไป " แต่ในใจก็อดนึกค้านไม่ได้ว่า ทำไม
และทำไมต้องเป็นเช่นนั้น คนแปลกหน้าคนหนึ่ง กลับกลายเป็นคนค้นเคย หากแต่คนคุ้นเคย ก็กลายเป็นคนแปลกหน้าแต่ไม่ต่างกันเลย คิดถึงใครบางคน ใครซักคน (ที่อยู่ไกลๆ) มีคนมากมาย ต่างที่มา....ที่เส้นทางสายหนึ่งชักพามาพบเจอ มาเป็นเพื่อน เป็นพี่ และคนรัก ด้วยระยะเวลาสั้นบ้าง ย่าวบ้างแล้วแต่ระยะทาง แต่เมื่อถึงเวลา บนทางแยก....มันก็ทำให้หลายๆคนหายไปเลย ละทิ้งไว้เพียงความทรงจำ กับความรู้สึกดีๆ คิดถึงใครหลายๆคน ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป
แล้วก็ยังพยายามฉุดดึงใครคน " หนึ่ง " คนที่ผ่านมาไม่ให้ผ่านเลยกันไป

" สิ่งใดที่เกิดขึ้มว สิ่งนั้นดีเสมอ "

P'nit


โดย: thai me up วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:42:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.