(ไม่มีชื่อเรื่อง)

เข้ามาคลิกที่หน้าบล็อกของตัวเอง ย้อนกลับมาอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน วันที่ 9 ธันวา มันช่างเป็นอารมณ์แห่งการประชดประชัน เสียดสี หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ฉันรู้แต่เพียงว่าช่วงเวลานั้นมันแย่พอตัวเลยสำหรับชีวิตฉัน ผิดกับอารมณ์และความรู้สึกตอนนี้ที่ฉันได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่...

เหลือบไปมองดูปฏิทิน เกือบสองอาทิตย์เข้าไปแล้วที่ฉันมาอยู่ที่นี่ ตื่นเช้า เปิดประตูออกไป ได้สูดอากาศยามเช้าอย่างเต็มปอด ได้ยินเสียงนกร้อง สดชื่นกับต้นไม้ใบเขียวที่กำลังแย้มบานรับแสงแดด ไม่ได้สัมผัสธรรมชาติแบบนี้มานานแล้วสินะ พอตกเย็นพระอาทิตย์คล้อยต่ำ แสงแดดกระทบผิวน้ำ มันช่างเป็นภาพที่น่าดู ชวนมองเสียจริง บรรยากาศรอบตัวเริ่มเงียบสงบ ไม่มีผู้คนโหวกเหวก ไม่มีเสียงรถยนต์โวยวาย ไม่มีเสียงแห่งความโกลาหลเหมือนอย่างในเมืองกรุง มีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องอยู่ข้างนอกนั่น

ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ฉันโหยหา และตามหามาตลอดกำลังเกิดขึ้นในชีวิตฉัน สำหรับคนที่ใช้ชีวิตในเมืองอย่างฉันจนเคยตัว อาจจะไม่คุ้นชินในวัน สองวันแรก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพราะที่นี่ไม่มีเซเว่นอีเลฟเว่นอยู่หน้าปากซอย ไม่มีก๋วยจั๊บน้ำใสเจ้าเก่า ไม่มีไก่ย่างห้าดาวขายอยู่ข้าง ๆ เซเว่น มีแต่ข้าวกล่องและไข่ดาวโปะเป็นอาหารหลักทุกมื้อ และมีมาม่าเป็นอาหารเสริม แต่มันก็ไม่ได้สำคัญกับชีวิตฉันนักหรอก เพราะแค่ได้อิ่มท้องและนอนหลับแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

ส่วนงานในตำแหน่งที่ฉันรับผิดชอบ มันเป็นตำแหน่งใหม่สำหรับที่นี่ และฉันก็เป็นมือใหม่สำหรับงานนี้ด้วยเช่นกัน แต่ฉันก็ไม่กังวลนักหรอก อย่างน้อยก็มั่นใจในตัวเองว่าเรียนมา รู้มา แล้วก็ถือเป็นการพิสูจน์ซะเลยว่าสิ่งที่ฉันเรียนในห้องเรียนและในตำรา มันจะสามารถนำมาใช้ได้จริงหรือเปล่า

โชคดีที่ฉันมีห้องทำงานเงียบ ๆ บางวันฉันต้องอยู่ในห้องทำงานคนเดียวด้วยซ้ำ จนเพื่อนร่วมงานหลายคนเป็นห่วง กลัวว่าฉันจะเหงา อยู่ไม่ได้ แต่ฉันอยากจะบอกเหลือเกินว่า “ความเงียบ” นี่แหละที่ทำให้ฉันได้อยู่กับงานตัวเองได้เป็นวัน ๆ ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร

บรรยากาศและการงานที่นี่ทำให้หัวใจฉันเงียบลง แล้วก็ทำให้สมองฉันเงียบตามลงไปด้วย ไม่ต้องคิดกังวลกับอะไรมากมาย เพราะชีวิตมีแต่การงานและตัวเอง อาจจะมีบ้างบางเวลาที่แอบแว๊บคิดถึงคนที่บ้านขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้คนที่บ้านจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่สำหรับฉันแล้วรู้ตัวเองเลยว่า...ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ไม่มีคำว่า “เหงา” เพราะฉันอยากทำโน่นทำนี่ให้กับตัวเองเยอะขึ้น ผิดกับตอนอยู่กรุงเทพที่เวลาไปไหนมาไหนคนเดียว ในหัวใจมักมีคำว่าเหงา อยู่ที่นี่ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้ช้อป ไม่ได้เถลไถลเหมือนอยู่ในเมือง อาจจะดูว่าเป็นชีวิตที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก ไม่มีแสง สี เสียงให้ชวนมอง แต่ถ้าแลกกับธรรมชาติที่นี่ และการได้สัมผัสใจตัวเองมากขึ้นแบบนี้...อะไรก็รั้งฉันไว้ไม่อยู่

ขอบคุณทุกอย่างที่นำพาให้ฉันได้พบที่นี่

22 มกราคม 2553
สามทุ่มห้าสิบห้านาที

ป.ล. ขออภัยที่เรื่องนี้ไม่มีชื่อเรื่อง เพราะฉันไม่รู้จะตั้งชื่อหน้านี้ว่าอย่างไรดี

...อ่านจบแล้ว...รู้สึกไหม๊ว่ามันช่างแตกต่างจากเรื่องที่แล้ว

อิอิ


Create Date : 22 มกราคม 2553
Last Update : 22 มกราคม 2553 21:56:55 น. 5 comments
Counter : 540 Pageviews.

 
อยากไปบรรยากาศแบบนี้บ้างครับ ไม่มีช๊อปปิ้ง ไม่มีแสงเสียง อยู่กับธรรมชาติ


โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:23:23:43 น.  

 
เช้านี้อากาศดี๊ดี...

เปิดเพลงเบา ๆ

แต่ใจไม่อยากทำงานเลย...

อยากร่าเริงอยู่กับหนังสือที่ฉันอ่านค้างไว้ อิอิ


โดย: โบกี้ IP: 125.27.226.186 วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:8:40:15 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจกันนะครับ


โดย: mcman IP: 203.156.15.171 วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:11:13:16 น.  

 
แวะมาทักทายครับผม


โดย: mcman (mcman ) วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:8:48:56 น.  

 
ผมก็ชอบครับ ทำงานสงบๆ ไม่วุ่นวายไม่รถติด ไม่มีควันเสีย
ได้ยินเสียงนก
งานกู้ภัยผมก็วิ่งแต่ตอนกลางคืน
กลางวันผมไม่วิ่ง นอกจากไม่มีคนไปช่วย
ช่วงกลา่งวันรำคาญ เวลาเจอคนไม่มีน้ำใจ เห็นแก่ตัวครับ

ใจผมอยากให้คุณออกวิ่งป่อเต็กตึ๊งกับพี่ชายให้บ่อยขึ้น
พี่ชายคุณต้องดูแลคุณได้แน่ๆครับ

เวลาคุณออกวิ่งบ่อยๆ
คุณก็จะได้ฝึกทักษะงานกู้ภัย เวลาเจอเหตุ เมื่อเรามีความรู้เบื้องต้น มีความนิ่งกับสถานการณ์ข้างหน้า เราจะได้ช่วยผู้ืประสบภัยได้ครับ


โดย: aodbu วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:9:03:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.