โรแมนติคที่เมืองเชียงใหม่

ย้อนกลับไปเปิดอ่านเรื่องเก่า ๆ ที่เคยเขียนไว้ เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วซึ่งนั่นเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เราได้รู้จักกัน..เขาเป็นคนแรกที่กล้าหาญเอาสิ่งที่ฉันเขียนลงนิตยสารที่เขาทำงาน เราพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์บ้าง ผ่านทาง MSN บ้าง จนหลายครั้งเราช่วยอ่านงานของกันและกัน อยู่เป็นเพื่อนกันปั่นงานด้วยกันเกือบสว่าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันปะปรายซึ่งหลายครั้งก็ไม่ลงรอยกันนัก

เราเคยอยู่เมืองหลวงด้วยกันแต่ไม่เคยคิดจะนัดเจอกันตามประสาเพื่อนหรือคนรู้จักทั่วไป อาจเพราะการใช้ชีวิตแบบพนักงานออฟฟิศในเมือง เลิกงานตอนเย็น ผจญกับรถติด อิ่มสำราญกับข้าวเย็น อีกประเดี๋ยวก็จะหมดวัน ประกอบกับความก้าวหน้าของเครื่องมือสื่อสารการพบกันระหว่างเราจึงไร้ความจำเป็น

ผ่านมา 3 ปี ฉันพึ่งรู้ข่าวว่าเธออยู่เชียงใหม่ ฉันเดินทางมาเชียงใหม่พอดี ตั้งใจว่าจะโทรศัพท์ทักทายเพื่อตรวจสภาพความเป็นเพื่อนระหว่างเรายังอยู่ดีเหมือนเดิมไหม เขาช่วยฉันได้เยอะในเรื่องเส้นทางในเมืองเชียงใหม่ มากี่ทีไม่เคยจำทางได้ซะที เขาเกริ่นออกมาว่า “เหงา” “ไม่มีเพื่อนดื่ม” และตบท้ายด้วยคำว่า “เจอกันไหม๊..” ฉันประหลาดใจ..แต่ก็ไม่คิดจะปฏิเสธ แหม..คุยกันมาสามปี ไม่เห็นหน้ากันและจะเรียกว่าเพื่อนกันเต็มปากเต็มคำได้อย่างไรกัน

เราคุยกัน..ดื่มด้วยกัน..ชนแก้วกัน..นั่งฟังกัน..แต่เสียงเพลงดังเกินไป และโต๊ะข้าง ๆ ก็สนุกตามประสา ทำให้เราได้ยินกันไม่ถนัดนัก..และฉันเองก็เริ่มมึน
ต้นเดือนที่ผ่านมาได้ยินเขาถามว่า “เมื่อไหร่จะมาเชียงใหม่อีก” “มีแผนตอนปลายเดือนนะ” ฉันตอบไปพร้อมกับคำมั่นว่าถึงเชียงใหม่แล้วจะโทรหา..ฉันโทรหาเขา..โชคดีที่มีวันฟรีเดย์ที่เชียงใหม่ บ่ายสามโมงครึ่งเขาพึ่งตื่น ด้วยเหตุว่าคืนก่อนหน้านี้ปั่นต้นฉบับยันเช้า เราเจอกันเกือบห้าโมงเย็น เขาพาฉันไปเดินเล่นในมช. พร้อมกับหมาหนึ่งตัว

“อ่างแก้ว” อ่างเก็บน้ำในมช. สนามหญ้าสีเขียว ใบไม้ร่วง ตะวันเริ่มคล้อยลงดิน แสงแดดอ่อน ๆ กับหมาน้อยหนึ่งตัว ผู้คนหญิงสาว ชายหนุ่ม บ้างก็นั่งกันเป็นคู่ บ้างก็นั่งกันเป็นหมู่ กิจกรรมการถ่ายรูป และการนั่งอ่านหนังสือเหมาะมากสำหรับบรรยากาศยามเย็นแบบนี้

เราเดินไป คุยไปด้วยกัน เล่นกับหมาน้อยบ้างแก้เขิล มองดูน้ำ ดูฟ้า ดูต้นไม้ ดูคนนั้นคนนี้ บรรยากาศเป็นใจให้เราเดินเล่นได้อย่างช้า ๆ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เราชวนกันไปนั่งดินเนอร์ริมน้ำใต้แสงไฟ มีเทือกเขายาวเป็นฉากหลัง ลมหนาวกระทบผิวกายพอให้ได้รู้สึก เราสั่งอาหาร และนั่งดื่มกันสองต่อสองอีกเช่นเดิม

แอบคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเขาเป็นคนที่ “ใช่” คงจะดี แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

24 กุมภาพันธ์ 54
ตีหนึ่งห้าสิบนาที




Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2554 2:05:15 น. 2 comments
Counter : 605 Pageviews.

 

พี่อุ้มแวะมาอ่านไดอารี่ของน้องโบว์จ้า



โดย: อุ้มสี วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:59:43 น.  

 

พี่อุ้มแวะมาอ่านไดอารี่ของน้องโบว์จ้า



โดย: อุ้มสี วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:59:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
24 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.