ส่งเธอกลับบ้าน

ขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถประจำทางปรับอากาศสายหนึ่ง บรรยากาศข้างนอกครึ้มฟ้าครึ้มฝน รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ตามประสาสภาวะการจราจรในเมืองหลวง ฉันกำลังเพลิดเพลินกับการนั่งอ่านหนังสือในรถที่แอร์เย็นฉ่ำ สักครู่มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างฉัน...เธอส่งเสียงถามขึ้นมาว่า

“รถคันนี้ไปหัวลำโพงหรือเปล่าค่ะ”

ฉันเหลือบไปมองเธอ พยักหน้าเล็กน้อย และกลับมาจดจ้องอยู่ที่หนังสือตามเดิม

รถเคลื่อนไปได้สักระยะ..ฝนข้างนอกตกหนักกว่าเดิม รถเริ่มไม่ขยับ ระหว่างนั้นฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากผู้หญิงที่นั่งข้างฉัน สำเนียงของเธอสื่อให้ฉันรู้ว่าเธอมาจากแดนอีสาน... บทสนทนาในขณะที่เธอกำลังคุยโทรศัพท์ สื่อให้ฉันได้รู้ว่าเธอกำลังกังวลกับอะไรบางอย่าง

รถติดอยู่นาน...ในใจคิดว่าถ้าเธอต้องไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง เธอคงตกรถไฟเป็นแน่ แล้วบทสนทนาระหว่างฉันกับเธอก็เริ่มขึ้น

“พี่จะไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงเหรอค่ะ..”
“ค่ะ..” เธอฉัน พลางบ่นถึงเรื่องรถติด
“ฝนตกก็แบบนี้แหละค่ะพี่..รถติด ยิ่งถนนเส้นนี้ยิ่งติดมาก” ฉันบอกเธอด้วยประสบการณ์ที่คุ้นชิน
“แล้วพี่ต้องขึ้นรถไฟกี่โมงค่ะ” ฉันถามเธอต่อ
“ทุ่มครึ่งค่ะ..” เธอตอบ
ฉันเหลือบไปมองนาฬิกาพร้อมกับยิ้มแหย ๆ เพราะรู้ดีว่า ถ้าเธอนั่งอยู่บนรถคันนี้ต่อไป เธอไม่มีทางได้ขึ้นรถไฟกลับบ้านแน่ ๆ
“รถติดแบบนี้..พี่ไปไม่ทันแน่ค่ะ พี่ขึ้นรถไฟฟ้าไปไหม๊ค่ะ..” ฉันตอบเธอไปอย่างฟันธง และยื่นข้อเสนอให้
“พี่ขึ้นรถไฟไม่เป็นหรอกค่ะ กลัวหลง ไม่เคยขึ้น” ฉันยิ้มรับอย่างเข้าใจ

สิบนาทีผ่านไป..รถยังไม่ขยับไปไหนไกล ฉันตัดสินใจพูดโพล่งขึ้นมาว่า
“พี่ค่ะ ไปรถไฟกันไหม๊ค่ะ เดี๋ยวหนูไปส่ง”
ท่าทางเธอลังเล..ถามฉันขึ้นด้วยเสียงสั่นเล็กน้อยว่า “แล้วค่ารถเท่าไหร่ค่ะ..”
ฉันหันไปยิ้มให้เธอ.. “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ..แต่ไม่เป็นไรหรอก หนูออกให้ได้”
“ไปเถอะค่ะ..” ฉันคะยั้นคะยอ แล้วก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง วิ่งฝ่าฝนไปเล็กน้อย เพราะอีกไม่กี่เมตรก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าแล้ว
ฉันเดินนำหน้าเธอไป...จัดการกดตั๋วโดยสารให้เธออย่างเสร็จสรรพ
เมื่อถึงบริเวณทางเข้า.. ฉันบอกวิธีใช้ให้เธอเรียบร้อย...

ระหว่างทางฉันชวนเธอคุย แล้วมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิดในใจไว้ไม่มีผิด...

เธอเล่าว่า เธอมาจากอุดร มีเงินติดตัวอยู่พันบาท หวังจะมาหางานทำในกรุงเทพ พักอยู่กับเพื่อนได้ไม่กี่วัน เพื่อนก็ออกจากงาน เงินที่ติดตัวมาก็ใช้จ่ายเกือบหมด ตอนนี้มีติดตัวอยู่ 200 บาท และหวังว่าจะได้ขึ้นรถไฟกลับบ้านฟรีตามนโยบายจากภาครัฐ เธอเล่าให้ฉันฟังไม่มาก ประโยคหนึ่งที่สะท้อนใจฉันก็คือ.. “พี่อยากกลับบ้านตั้งแต่วันแรกที่มา” ... ฉันหันไปส่งยิ้มให้เธอด้วยความเข้าใจ

เมื่อถึงสถานีรถไฟ ฉันติดต่อสอบถามที่เค้าเตอร์ ผลคือเธอพลาดเที่ยวรถไฟฟรีไปแล้ว ... เธอมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ฉันหันไปถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่ารถไฟเที่ยวต่อไปออกกี่โมง ราคาเท่าไหร่ ... หลังจากที่ฉันทราบข้อมูล ฉันหันไปปรึกษาเธอ พร้อมกับบอกเธอว่า

“พี่ไปเที่ยวหน้าไหม๊ค่ะ หนูซื้อตั๋วให้”

แววตาของเธอขณะนั้นแดงกล่ำ ราวกับจะมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา
เธอรีบบอกฉันว่า “พี่เกรงใจ..พี่ไม่มีอะไรจะตอบแทนนะ..”
ฉันบอกกลับไปทันทีว่า.. “อุ๊ย !! ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่..เล็กน้อยเอง จะได้ไม่เสียเที่ยว”
สิ้นสุดประโยคนี้ ฉันก็รีบหันกลับไปซื้อตั๋วให้เธอทันที...

เราเดินมานั่งรอบริเวณที่นั่งของผู้โดยสาร พูดคุยกันตามประสา..
เธอชื่นชมในน้ำใจของฉัน ฉันก็อิ่มเอมในสิ่งที่ฉันทำเช่นเดียวกัน
ฉันเข้าใจสภาพและความรู้สึกที่เธอต้องเผชิญ ...
ฉันรู้ดีว่าคนไม่มีเงินเป็นยังไง..ฉันรู้ดีว่าการอยู่ต่างบ้านมันรู้สึกอย่างไร
ฉันเพียงแค่เป็นผู้ส่งเธอกลับบ้าน..ส่งให้เธอกลับไปหาแม่ หาลูกของเธอก็เท่านั้น

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะหยิบยื่นน้ำใจให้คน ๆ หนึ่งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
มันอาจจะเป็นบุญ กรรมแต่ชาติปางก่อน ที่ทำให้เราได้เกื้อหนุนช่วยเหลือกันในชาตินี้

บ่อยครั้งที่ฉันเองต้องไปอยู่ ณ ที่ต่างถิ่น
บ่อยครั้งที่ฉันได้รับน้ำใจจากคนต่างถิ่น
แล้วครั้งนี้ฉันจะมีน้ำใจให้คนต่างถิ่นบ้างจะเป็นไรเล่า...

ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อยกยอสรรเสริญตัวเอง แต่เพื่อเป็นหลักฐานบันทึกความดีและความประทับใจที่ฉันได้ทำในวันนี้ ฉันปิติและรู้สึกอิ่มบุญในการทำความดี และหวังว่าจะเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่จะทำให้เราไม่ระแวงและไม่ลังเลในการทำความดี

อย่าพึ่งท้อที่จะทำความดี...

22 พฤษภาคม 2552
ห้าทุ่มห้าสิบห้า




Create Date : 22 พฤษภาคม 2552
Last Update : 22 พฤษภาคม 2552 23:55:33 น. 10 comments
Counter : 674 Pageviews.

 
น้ำตาคลอเลย ดีใจแทนพี่คนนั้น และดีใจกับหัวใจที่ดีๆของแก คอมเม้นไม่ถูกเลย


โดย: ลูกนัท IP: 125.24.37.53 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:14:14 น.  

 
บางที เงินเพียงไม่กี่ร้อยก็มีค่าเหลือประมาณ
ชีวิตมนุษย์เราเกิดมาได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้คน
นับเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง
พี่สาวคนนั้นป่านนี้คงใกล้กลับถึงบ้าน
ไปเล่าถึงความมีน้ำใจของคนกทม.ให้ญาติพี่น้องฟัง
บางที ความรู้สึกของการเป็นผู้ให้
อาจจะรู้สึกปลาบปลื้มใจ
มากกว่าความรู้สึกของการเป็นผู้รับ


โดย: เฟร์นันโด ตอร์เรส IP: 117.47.59.27 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:17:18 น.  

 
อ่านแล้วซึ้งใจดีจริง ๆ รู้สึกดีที่ยังมีคนดี ๆ ที่ทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน

การให้ไม่ว่าจะเป็นเงิน สิ่งของ หรือการพูดคุย เพียงน้อยนิด หากมีค่าสำหรับคนที่ต้องการเสมอ



โดย: Be-Ing IP: 192.168.1.245, 58.64.21.114, 58.64.17.2 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:19:36 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ และก็ดีใจที่เข้ามาเพราะหัวเรื่อง ส่งเธอกลับบ้าน มันเหมือนมีอะไรให้เข้ามา พออ่านจบแล้วก็รู้สึก อิ่มใจค่ะ รู้สึกดีใจแทนผู้หญิงต่างบ้านคนนั้น ที่ได้เจอคุณ ได้รับความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าที่ทำอย่างดีที่สุด หายากนะคะ.....

ดีแล้วค่ะที่เอามาบอกกัน เรื่องดีๆ ทำความดี น่าภูมิใจนะคะ ความดีนี้จะทำให้คุณไม่ตกอับแน่ๆ.....
บลอคนี้แต่งได้แนวจัง สวยดีค่ะ


โดย: ต้นอ้อท้าลม วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:29:21 น.  

 
ใช้ถ้อยคำดี มากเลยกี้เป็นคนใจดี สักวันหนึ่งสิ่งที่กี้ทำอาจจะกลับมาหากี้บ้างนะ มุ หวังว่างอย่างนั้น^"^


โดย: มุมิ IP: 125.26.93.216 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:10:41 น.  

 
ไม่รู้ว่าจะว่างัยดี...แต่คงบอกได้ว่า
ดีใจแทน ผู้หญิงคนนั้น ที่มาเจอกับ..โบว์..ความดีและความมีน้ำใจ หลายคนอาจจะบอกว่า ทำยากมาก แต่จริงๆแล้ว ไม่ยาก อย่างที่ใครๆคิด เพียงแค่..คุณกล้าจะลองทำ...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
...ขอแค่เพียงมีความกล้าเท่านั้น...


โดย: LoVe_ARseNaL IP: 222.123.113.146 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:02:35 น.  

 
คนอาไร๊ชั่งน่ารักซะจิงๆ ยังไงตะเองก็ยังเปง เจ้าหญิง ของเค้าเสมอมา ^^ และยังติดกาแฟไม่เลิก อิอิ


โดย: เด็กชายเบียร์ IP: 222.123.43.229 วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:58:11 น.  

 
สวัสดีเจ้าค่ะ..

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..

ไม่กี่วันคงจะได้เจอกันนะค่ะ..

ยินดีกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่หัวลำโพง

ความดีเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตายหรอกค่ะ..

หมั่นทำความดีเข้าไว้ สั่งสมเป็นผลบุญ

ติดตามตัวเราไปตลอดทุกภพ ทุภชาติ

เงินทอง ตายไปก็เอาไปไม่ได้หรอกค่ะ..

แต่ความดี-กรรมดี จะติดตามเราไปตลอด

ขอยกย่องในความดีนี้นะคะ

และขอให้ทำความดีต่อไปเรื่อยๆค่ะ


ขอพระพุทธชินราชคุ้มครองตลอดการเดินทางนะค่ะ




โดย: อ้อมแอ้มเองเจ้าค่ะ (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:20:54:55 น.  

 
กี้เป็นตัวแทนของคนกรุงเทพ ได้ดี หลายคนชอบมองว่า
คนกทม. ไม่มีน้ำใจต่างคนต่างอยู่ แต่วันนี้ก้อแสดงให้เห็นว่า ที่เค้าหรือใครหลายๆๆคนพูดนั้น ไม่จริงเสมอไป จริงๆแล้วความมีน้ำใจนั้นมีทุกที่ อยู่ที่ว่าเราจะกระทำมันหรือป่าว
เพื่อให้สังคมนั้นมีความน่าอยู่ยิ่งขึ้น ซึ้งน้ำใจแทนคุณพี่คนนั้นจริงๆๆค่ะ ขอบคุณจริงๆที่ทำให้สังคมที่มีความวุ่นวาย
น่าอยู่ขึ้นเยอะ ขอบคุณจริงๆๆ


โดย: มาลี IP: 124.120.0.19 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:20:38:22 น.  

 
สวัสดีเจ้าค่ะ..

แวะมาหาคนใจดีอีกแล้วค่ะ

วันนี้ได้ทำความดีอะไรเพิ่มอีกไหมค่ะ..

หนับหนุนค้า..



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 23 มิถุนายน 2552 เวลา:18:40:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.