มารู้จัก "เอจีส" กันเถอะ [Mk 7 Aegis Combat System]
ผมเคยโพสกระทู้เกี่ยวกับเอจีสที่เว็บบอร์ด Wing21 มาแล้วหนนึง ประกอบกับไปพบกระทู้ของคุณ OA แห่ง Wing21 ซึ่งอธิบายระบบอำนวยการรบนี้ได้อย่างชัดเจน ผมคิดว่า น่าจะเป็นการดีที่จะได้นำมาเสนอให้ทุกท่านอ่านกันครับ ขอขอบคุณคุณ OA มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ระบบอำนวยการรบคืออะไร
การที่จะรู้จัก AEGIS เราก็ต้องรู้จัก "ระบบอำนวยการรบ" หรือ "Combat System" กันก่อนว่ามันคืออะไร (เพราะว่า AEGIS ก็คือระบบอำนวยการรบชนิดหนึ่งนั้นเอง)
ระบบอำนวยกการรบก็คือระบบที่จะคอยควบคุมและสั่งการการใช้อาวุธในเรือนั้นเองครับ อย่าง AEGIS นี่ถือเป็นระบบแบบรวมการที่สามารรถต่อตีเป้าหมายได้ทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ และบนฟ้า ถือได้ว่าเป็นระบบที่เป็นหัวใจในการใช้อาวุธของเรือรบนั่นเอง
AEGIS คืออะไร
ระบบเอจิส เป็นระบบอาวุธรวมทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในเรือ ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์, เรดาร์ และอาวุธปล่อยเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ป้องกันครอบคลุมเหนือเรือผิวน้ำ ระบบนี้สามารถตรวจหา, ติดตาม และทำลาย อาวุธที่ยิงมาจากทางอากาศ, ทางทะเล และทางบก ได้โดยอัตโนมัติ
ระบบเอจิส ถือเป็นระบบการต่อสู้แบบรวมการเบ็ดเสร็จที่ทันสมัยของเรือรบในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถยิงเป้าขีปนาวุธและอากาศยาน ได้ครั้งละหลายๆเป้าในเวลาเดียวกัน เอจิสจึงเป็นชุดระบบป้องกันภัยทางอากาศบนเรือรบที่ดีที่สุดในโลกระบบหนึ่ง สหรัฐอเมริกาได้ติดตั้งระบบเอจิสบนเรือลาดตระเวนหรือเรือพิฆาตที่มีหน้าที่หลักในการคุ้มกันกองเรือจากภัยทางอากาศเช่นเรือพิฆาตชั้น Arleign Burke และเรือลาดตระเวน Ticoderoga ระบบเอจิสประกอบด้วย เรดาร์ (radar) สมรรถนะสูง, ระบบพิสูจน์ฝ่าย และ ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศแบบ SM-2 และกำลังจะมีการพัฒนาSAM SM-4 ตามมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบ
ระบบเอจิสดีกว่าระบบอื่นๆตรงที่เป็นระบบเรดาห์แบบ phase array ซึ่งมีการสแกนเป็นแบบ electronically ไม่ใช่แบบ mechanically เหมือนเรดาร์ปกติ จึงให้ข้อมูลเป้าหมายในแบบ 3 มิติ คือ ระยะห่าง, ทิศทาง และความสูง ที่ระยะไกลถึง 200 ไมล์ทะเล ตั้งแต่ระดับยอดคลื่นจนถึงเหนือหัว และทำการติดตามเป้ารวมกันได้มากกว่า 100 เป้าหมาย ตั้งแต่อากาศยาน, จรวดนำวิถี/จรวดร่อนโจมตีเรือ ไปจนถึงขีปนาวุธ (ballistic missiles) ภายใต้การรบกวนจากเป้าลวงและการรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนาแน่น
จริงๆแล้วระบบเอจิส (AEGIS weapon system Mk7; Aegis หมายถึงโล่ของเทพเจ้า Zeus) เป็นระบบแบบรวมการ (integrated) ไม่ได้มีเฉพาะเรดาร์ (AN/SPY-1) เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงระบบควบคุมและสั่งการ, ระบบอาวุธ (ทั้งตัวแท่นยิงและลูกจรวด เช่น SM-2, ESSM), ระบบเรดาห์ควบคุมการยิง (AN/SPG-62) ด้วย จากขีดความสามารถแบบนี้ทำให้ บ.ข.คุ้มกันกองเรือสามารถโฟกัสไปที่การสกัดกั้นระยะห่างได้ โดยระยะใกล้ๆ ก็ให้เรือที่ติดระบบเอจิสรับหน้าที่แทน
นอกจากนี้ การออกแบบเรือที่จะติดตั้งระบบเอจิส จะมีรูปร่างภายนอกจะแตกต่างจากเรือรบผิวน้ำแบบอื่นๆตรงที่หัวเรือจะเป็นมุมแป้นและโค้งมนไปตลอดลำเรือ ทั้งนี้เพื่อลดพื้นที่หน้าตัดเรดาร์ทำให้คลื่นเรดาร์ที่มากระทบแตกกระจายออกไป เพื่อให้เรือฝ่ายตรงข้ามตรวจจับยากขึ้นด้วย
ขอขอบคุณคุณ OA ครับ
 ส่วนหนึ่งของแผงเรด้าห์ Phased Array บนเรือที่ติดตั้งระบบ AEGIS
ข้อสังเกตุ: เรือที่ติดระบบ AEGIS ของแท้ต้องติดตั้งเรด้าห์ AN/SPY-1 เท่านั้นครับ ถ้าท่านไปเห็นเรือชั้นอื่น ๆ ที่แม้ว่าจะติดเรด้าห์ Phased Array แต่ถ้าไม่ใช่ AN/SPY-1 ก็แปลว่าไม่ใช่ระบบ AEGIS ครับ
Standard Missile -2 เขี้ยวเล็บสำคัญของเรือ AEGIS
 Standard Missile - 2
Standard Missile -2 หรือ SM-2 ถือได้ว่าเป็นขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่มีประสิทธิภาพสูงมากครับ พัฒนามาจากรุ่นพี่คือ SM-1 โดย SM-2 มีระบบป้องกันจากถูกรบกวนทางอิเล็กทรอนิค (ป้องกันการ Jam) โดยตัวจรวดจะเป็นแบบ semi-active คือจรวดจะวิ่งไปตามสัญญาณที่เรือส่งไปกระทบเป้าหมายตลอดเวลาครับ (ไม่ใช่แบบยิงแล้วลืม) มีระยะยิงที่ไกลกว่า 100 กิโล ซึ่งความไฮเท็คของมันทำให้มันมีราคาถึงลูกละ 500,000 เหรียญสหรัฐ
Iran Air Flight 655
เหตุการณ์สำคัญที่เรือ AEGIS เกี่ยวข้องก็คือการยิงเครื่องบิน Airbus A300B2 ของสายการบินอิหร่านตกในปี 1988 ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 290 คน โดยเรือ USS Vincennes เข้าใจผิดเพราะเครื่อบินลดระดับต่ำลงมาเหมือนท่าทางการโจมตี เรือเลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเครื่อง F-14 ของอิหร่าน ซึ่งความจริงแล้วระบบ IFF (identification friend or foe) หรือระบบพิสูจน์ฝ่ายก็ระบุว่าเป็นเครื่องบินพลเรือน แต่ลูกเรือกลับแปลข้อมูลผิดพลาด การสอบสวนโดยกองทัพเรือและวุฒิสภาสหรัสก็ไม่สามารถระบุได้ว่าลูกเรือคนไหนเป็นคนผิด ทำให้ต่อมาได้มีการปรับปรุงระบบการฝึกใหม่ทั้งหมด
เรือที่ติดตั้งระบบ AEGIS มีดั้งนี้ (ไม่ได้มีแต่เรือสหรัฐเท่านั้น)
เรือลาดตระเวนชั้น Ticonderoga กองทัพเรือสหรัฐ
 Ticonderoga Class Cruiser
เรือ AEGISลำแรกคือ USS Ticonderoga (CG-47) ในชั้น Ticonderoga ซึ่งได้ต้นแบบมาจากเรือพิฆาตชั้น Spruance
ถัดมาในเรือ USS Bunker Hill (CG-52) ในชั้นเดียวกันนั้นถือได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการสงครามผิวน้ำ เพราะเป็นลำแรกที่ติดตั้ง Vertical Launching System (VLS) หรือระบบจรวดแนวดิ่ง ซึ่งให้อำนาจการยิงที่สูงกว่า
ข้อมูลของเรือ USS Ticonderoga (CG-47)
Ordered: 22 September 1978 (as DDG-47) Laid down: 21 January 1980 Launched: 25 April 1981 Commissioned (ขึ้นระวางประจำการ): 22 January 1983 Decommissioned (ปลดประจำการ): 30 September 2004 Status: Inactive Ship's Maintenance Facility, Philadelphia (เก็บรักษา)
General Characteristics Displacement (ระวางขับน้ำ): 9,600 tons Length: 567 ft Beam: 55 ft Draught: 33 ft Propulsion: 4 × General Electric LM2500 gas turbines, 2 shafts, 80,000 shp Speed: 30+ knots Range: Complement: 387 officers and enlisted Armament:
2 x Mk 26 missile launchers เป็นระบบยิงขีปนาวุธแบบอัตโนมัติ 88 x RIM-67 SM-2 ขีปนาวุธ SM-2 อันโด่งดัง 8 x AGM-84 Harpoon missiles 2 x 5 in, 24 x 12.7 mm guns 2 x Phalanx CIWS 2 x Mk 46 triple torpedo tubes Aircraft: 2 x SH-2 Seasprite helicopters
เรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke กองทัพเรือสหรัฐ
 Arleigh Burke Class Destroyer
เรือลำนี้จะแตกต่างกับชั้น Ticonderoga ในแง่ของภารกิจครับ เพราะมันมีหน้าที่ป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือ ในขณะที่ Ticonderoga มีหน้าที่ป้องกันภัยผิวน้ำ
Builders: General Dynamics, Bath Iron Works Division and Northrop Grumman Ship Systems Power Plant: 4 × General Electric LM2500-30 gas turbines; two shafts, 100,000 total shaft horsepower (75 MW). SPY-1 Radar and Combat System Integrator: Lockheed Martin Length Flights I and II (51-78): 505 ft (154 m) Flight IIA (79-99): 509* ft (155 m) Beam: 59 ft (18 m) Displacement Hulls 51 through 71: 8315 tons full load Hulls 72 through 78: 8400 tons full load Hulls 79 and on: 9200 tons full load Speed: in excess of 30 knots (56 km/h) Aircraft: None. LAMPS III electronics installed on landing deck for coordinated DDG-51/helo ASW operations (hulls 51-78); two SH-60 Seahawk LAMPS III helos (hulls 79 on) Complement: 23 officers, 300 enlisted Armament: Standard missile; AGM-84 Harpoon; Vertical Launch ASROC (VLA) missiles; Tomahawk missiles; six Mk-46 torpedoes (from two triple tube mounts); one 5 inch (127 mm)/54-caliber Mk-45 (lightweight gun) (DDG-51 through 80); one 5 inch (127 mm)/62-caliber Mk-45 mod 4 (lightweight gun) (DDG-81 on); two 20 mm Phalanx CIWS (DDG-51 through 83); RIM-162 Evolved SeaSparrow Missile (DDG-84 onward) Date Deployed: 4 July 1991 (Arleigh Burke)
เรือพิฆาตชั้น Kongo กองกำลังป้องกันตนเองทางเรือญี่ปุ่น
 Kongo Class Destroyer
ใช้ในภารกิจต่อต้านขีปนาวุธเกาหลีเหนือ โดยตั้งชื่อตามภูเขาในประเทศญี่ปุ่นครับ
four Ishikawajima-Harima LM2500 gas turbines (เครื่องยนต์สัญชาติญั่ปุ่น) RIM-66 SM2 Block II surface-to-air missile (90 units) RUM-139 vertically launched anti-submarine rocket RGM-84 Harpoon anti-ship missile two Mark 15 20 mm CIWS gun mounts two torpedo mounts in a triple tube configuration OTO 127 mm 54 caliber gun.
เรือฟริเกตชั้น F100 Alvaro de Bazan กองทัพเรือสเปน
 F100 Alvaro de Bazan Class Frigate
เรือลำนี้เป็นเรือฟริเกตครับ แต่ดันมีระวางขับน้ำถึงกว่า 5,200 ตัน น้อง ๆ เรือพิฆาตครับ
Builder: IZAR, Astillero Ferrol Propulsion: Two General Electric LM 2500 Gas Turbines, Two Caterpillar 3600 diesel engines Shafts: 2 Length: 147 m (482 ft) Beam: 18.6 m (61 ft) Draught: 4.75 (15 ft) Displacement: 5,802 tons full load Speed: 29+ knots (54+ km/h) Range: 5000 mi Cost: 385 million Crew: 240 (35 officers) Armament: 1 x 5-inch/54 Mk45 Mod 2 gun 2 x CIWS FABA 20mm/120 Meroka gun 1 x Mk41 48-cell VLS SSM: 8 x McDonnell Douglas Harpoon SAM: 32 x Standard SM-2 Block IV 64 x RIM-162 Evolved Sea Sparrow Missile 4 x 324mm Mk32 Mod 9 Torpedo launchers 24 x Honeywell Mk46 mod 5 Torpedo Helicopter: 1 x Sikorsky SH-60B LAMPS III Seahawk Electronics Sonar: ENOSA-Raytheon DE 1160LF (I) Radar: Lockheed Martin SPY-1D 3-D Surface Radar: Raytheon SPS-67(V)4 Weapon Control: Aegis combat system, 2 x Raytheon SPG-62 Mk99 radar iluminator, 1 x FABA DORNA fire control Navigation: Thales Scout Countermeasures 4 x FMC SRBOC Mk36 flare launchers SLQ-25A Enhanced Nixie torpedo countermeasures ESM/ECM: Indra SLQ-380 CESELSA Elnath Mk 9000 interceptor
เรือฟริเกตชั้น Fridtjof Nansen กองทัพเรือนอร์เวย์
 Fridtjof Nansen Class Frigate
เรือฟริเกตของนอร์เวย์ลำนี้ตั้งชื่อตามนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจชาวนอร์เวย์ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพครับ
Sensors: SPY-1F air search radar, MRS2000 hull-mounted sonar, CAPTAS Mark 2 towed sonar array, 2 × Mark 82 fire-control radar, CS-3701 electronic warfare suite Armament: VLS 32 ESSM, 8 Naval Strike Missile SSMs, 12.75" torpedo tubes for Stingray torpedoes, 76mm OTO Melara Super Rapid gun, 12.7mm machine gun Crew: 146 (50 officers, 32 enlisted, 10 apprentices, 28 conscripts and 26 as spare) Displacement: 5,121 tonnes Length (overall): 133.25 m Beam: 16.80 m Max height above water: 32.25 m Design Draft Baseline: 4.90 m Propulsion: CODAG Two BAZAN BRAVO 12V 4.5 MW diesel engines for cruising one GE LM2500 21.5 MW gas turbine for high speed running MAAG gearboxes two shafts driving controllable pitch propellers Bow Thruster Retractable (Electric)1 MW Brunvoll Diesel Generators 4 × MTU 396 Serie 12V 1250 KVA Speed: 26+ knots (max), 18 (cruising) Range: 4500 nm Aviation compliment: Helicopter deck and hangar for one NH90 Weapon System Integrator: Lockheed Martin Combat Management System: AEGIS CMS from LM with ASW and ASuW segments from Kongsberg Defence & Aerospace Yard: IZAR, Ferrol, Spain
นอกจากนี้ ยังมีเรือของประเทศอื่น ๆ อีกที่คาดว่าจะได้รับการติดตั้งระบบ AEGIS เช่น KDX-III ของเกาหลี หรือโครงการเรือป้องกันภัยทางกาอาศของออสซี่ ส่วน Type 052C แห่งกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนถึงแม้จะไม่ใช้ AEGIS แต่ก็คล้าย ๆ กันครับในเรื่องของภารกิจและเทคโนโลยี
แถมครับ Aegis class cruiser ของฝ่าย Orb Union ใน Gundam Seed ก็ได้รับอิทธิพลการออกแบบมาจาก Arleigh Burke ครับ จึงอาจจะเป็นเรือ AEGIS ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดครับ แหะ ๆ ๆ 
Create Date : 12 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2550 13:12:01 น. |
|
8 comments
|
Counter : 14183 Pageviews. |
 |
|
|
ไอ้ทีี่ว่าelectronicallyนี่ แสกนยังไงเหรอครับ