เรือรบใหม่ของกองทัพเรือไทยในแผนปรับปรุงกองทัพ 9 ปี

ช่วงนี้ผมฟิตครับ ฟิตจริง ๆ เขียนอยู่ได้ blog น่ะ เหอ ๆ.....ผมชอบขีด ๆ เขียน ๆ แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ชอบอ่ะครับ ยังไงท่านใด้เบื่อซะก่อนก็ขออภัยครับ
หลังจากพอทราบเรือดำน้ำที่ "น่าจะ" เป็นเป้าหมายของกองทัพเรือไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูเรือผิวน้ำดูบ้างครับ ซึ่งทร.ต้องการใหม่อีก 3 ชนิดคือ Frigate 2 ลำ OPV 4 ลำ และ LPD 2 ลำ ในระยะเวลา 9 ปี โดยเน้นที่การแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร ซึ่งแต่ละแบบเป็นอย่างไรก็เชิญติดตามครับ
High Performance Frigate
สเปคที่ทางทร.กำหนด
บันทึก 6 รายละเอียดความต้องการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงของ ทร. 6.1 ประเภท : เรือฟริเกตสมรรถนะสูง 6.2 โครงการ : 2 ลำ, ระยะเวลาโครงการ : 2549 - 2553 6.3 ขีดความสามารถที่ต้องการ 6.3.1 ต่อต้านภัยผิวน้ำได้ 6.3.2 ต่อต้านภัยทางอากาศได้ตั้งแต่ระยะปานกลาง 6.3.3 ต่อต้านภัยจากเรือดำน้ำ 6.3.4 ทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ 6.3.5 ระดมยิงฝั่ง 6.3.6 ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล 6.4 คุณลักษณะทั่วไปที่สำคัญ 6.4.1 ระวางขับน้ำเต็มที่ ระหว่าง 2,000 - 3,000 ตัน 6.4.2 ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 25 นอต 6.4.3 ระยะปฏิบัติการ (ที่ความเร็วมัธยัสถ์ไม่ต่ำกว่า 18 นอต) ไม่น้อยกว่า 4,000 ไมล์ทะเล 6.4.4 ปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 15 วัน 6.4.5 ปฏิบัติการได้ในสภาวะแวดล้อมถึง Sea State 5 6.4.6 มีดาดฟ้า ฮ. และโรงเก็บ สามารถสนับสนุนการปฏิบัติของ ฮ. ได้ถึงขนาดน้ำหนัก 22,000 ปอนด์ 6.4.7 ระบบขับเคลื่อน เป็นเครื่องจักรดีเซล หรือแกสเทอร์ไปน์ หรือผสมกัน อย่างน้อย 2 เครื่อง 6.4.8 ระบบอาวุธ : อาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น; พื้น-สู่-อากาศ; ตอร์ปิโด : ปืนหลัก ขนาด 76 มม. ปืนรอง ขนาด 40/30 มม. และ 20 มม. : อาวุธป้องกันตนเองระยะประชิด 1 ระบบ ระบบเป้าลวง 6.4.9 ระบบอำนวยการรบ เป็นแบบรวมการ 6.4.10 มีระบบสื่อสารทั้งภายในและภายนอก และทัศนสัญญาณตามย่านความถี่และมาตรฐานที่ ทร.กำหนด 6.4.11 มีสายการผลิตอะไหล่สนับสนุนการซ่อมบำรุงให้สามารถปฏิบัติการได้เนื่องอย่างน้อย 30 ปี
ซึ่งความต้องการนี้อยู่ในหมวด "การป้องกันประเทศและรักษาสมดุลกำลังทางเรือในภูมิภาค" ทำให้ทราบว่าทร.ก็ตระหนักดีถึงดุลอำนาจทางทะเลที่เปลี่ยนไป แถมเรือฟริเกตที่มีอยู่ก็ยังไม่พอใช้ด้วย
วิเคราะห์สเปค
ด้วยน้ำหนัก 2,000 - 3,000 ตันทำให้เราจะได้เรือฟริเกตขนาดกลาง โดยระบุถึงความสามารถในการรบทั้ง 3 มิติ คือใต้น้ำ ผิวน้ำ และอากาศ ข้อสังเกตุคือทร.ระบุความต้องการเอาไว้ว่าจะต้องสามารถต่อต้านภัยทางอากาศได้ตั้งแต่ระยะปานกลาง ซึ่งคาดว่าระบบ SAM (Surface-to-Air Missile) นั้นคงเป็น AIM-7 Sea Sparrow ซึ่งติดตั้งบนฐานยิงจรวดทางดิ่ง (Vertical Launching System:VLS) แบบ Mk. 41 มีระยะยิงไกลสุดประมาณ 55 กิโลเมตร
ถัดมาลองมามองดูอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น (Surface-to-Surface Missile:SSM) กันบ้างครับ โดยในปัจจุบันก็มีอาวุธที่น่ามองอยู่ 3 แบบคือ Harpoon (USA), Exocet MM40 Block III (France), และ RBS-15 (Sewden) ซึ่งตัวหลังนี้ถ้าเราซื้อ JAS-39 ทางสวีเดนก็จะแถม RBS-15 รุ่นยิงจากเครื่องบินมาด้วย โดยแต่ละแบบก็มีความทันสมัยและสามารถยิงได้เกินร้อยกิโลเมตรทั้งหมด ใจผมผมเชื่อให้ใช้ Harpoon Block หลัง ๆ แต่ถ้ามะกันม่ยอมขายอีก RBS-15 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด สำหรับอาวุธป้องกันตัวระยะประชิด 1 ระบบนั้น Phalanx ก็คงนอนมาแน่นอน แต่สิ่งที่น่าสงสัยก็คือ งบประมาณสำหรับเรือ 2 ลำที่ตั้งเอาไว้ 30,000 ล้านบาทนั้นถือว่าค่อนข้างแพงอยู่ ถ้าเทียบกับเรือล่องหนชั้น La Fayette ของทร.สิงคโปร์ที่มีราคาเพียงแค่ 7,000 กว่าล้านบาท ทำให้สงสัยว่าอะไรกันหนอที่ทำให้เจ้าสาวใหม่ของทร.จึงมีค่าสินสอดแพงขนาดนี้
AEGIS หรือเปล่า????? อันนี้น่าติดตามครับ
ปล. ผมยังไม่สามารถคาดเดาถึงแบบเรือลงไปได้เลย เพราะเวลาทร.ต่อเรือแต่ละทีเราจะร่วมออกแบบหรือปรับปรุงแบบจากของเดิมเสมอ หลัง ๆ มานี่เราถึงกับออกแบบเองทั้งลำ (ร.ล.ปัตตานี) ซึ่งผมยังไม่เก่งพอที่จะมองว่าเรือชั้นใดที่ทร.อาจจะนำมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบหรือแม้แต่ซื้อใช้ไปเลย แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาเรามีข่าวกับทางเกาหลีใต้ อังกฤษ และล่าสุดเยอรมัน ซึ่งปีนี้เป็นเพียงปีแรกของโครงการ คงจะไม่มีรายละเอียดมากนัก
Off-Shore Patrol Vessel
 ร.ล.ปัตตานี เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำแรกของไทย
สเปคที่ทางทร.กำหนด บันทึก 3 รายละเอียดความต้องการเรือตรวจการไกลฝั่งของ ทร. 3.1 ประเภท : เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง 3.2 โครงการ : 4 ลำ, ระยะเวลาโครงการ : 2552-2555 3.3 ขีดความสามารถที่ต้องการ 3.3.1 ลาดตระเวนตรวจการณ์ทางทะเล 3.3.2 ค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล 3.3.3 ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเล 3.4 คุณลักษณะทั่วไปที่สำคัญ 3.4.1 ระวางขับน้ำ 1,000 - 2,000 ตัน 3.4.2 ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 25 นอต 3.4.3 ระยะปฏิบัติการ (ที่ความเร็วมัธยัสถ์ไม่ต่ำกว่า 15 นอต) ไม่น้อยกว่า 3,500 ไมล์ทะเล 3.4.4 ปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 20 วัน 3.4.5 ปฏิบัติการในทะเลได้ถึง Sea State 5 3.4.6 มีดาดฟ้า ฮ. พร้อมอุปกรณ์รับ-ส่ง ฮ. ได้ถึงขนาด 22,000 ปอนด์ 3.4.7 ระบบขับเคลื่อน เป็นเครื่องจักรใหญ่ดีเซล 3.4.8 ระบบอาวุธ : ปืนหลัก ขนาด 76 มม. พร้อมระบบของควบคุมการยิง : ปืนรอง และอาวุธปืนระยะประชิด ขนาด 20 มม. และ .05 นิ้ว : สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น, พื้น-สู่-อากาศ และแท่นยิงเป้าลวงในอนาคตได้ 3.4.9 ระบบตรวจการณ์และพิสูจน์ทราบ สนับสนุนการปฏิบัติการได้ทั้งกลางวันและกลางคืน 3.4.10 มีสายการผลิตอะไหล่สนับสนุนการซ่อมบำรุงให้สามารถปฏิบัติการได้เนื่องอย่างน้อย ๓๐ ปี
เรือ OPV นี้เป็นเรือรบอีกประเภทนึงครับ มันจะมีขนาดเพียง 1,000 - 2,000 ตัน ในยามปรกติหน้าที่มันคือลาดตระเวนทางทะเล โดยจะแบกไปแค่ปืนเรือและปืนกลเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้เรือฟริเกตซึ่งออกแบบมาทำการรบโดยตรงมาทำการลาดตระเวน เพราะจะทำให้ฟริเกคนั้นเก่าเร็วและค่าใช้จ่ายสูง แต่ในยามสงครามเรือ OPV สามารถติดตั้งขีปนาวุธพื้นสู่พื้นและพื้นสู่อากาศ และเข้าร่วมกับกองเรือรบเหมือนเรือฟริเกตเบาลำนึงได้เลยทีเดียว สำหรับเรือในหมวดนี้ผมขอเชียร์ใช้ทางทร.ไม่ต้องมองไกลที่ไหน เพียงแต่ทร.ต่อเรือชั้นปัตตานีเพิ่มอีก 4 ลำก็น่าจะเพียงพอแล้วเพราะ 1. เป็นการลดแบบเรือให้มีความหลากหลายลดลง ทำให้ลดภาระการซ่อมบำรุงและอะไหล่ลงได้มาก 2. เรือปัตตานีก็มีระบบต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว โดยเรือสามารถติด Harpoon ได้เลย เพราะระบบต่าง ๆ แม้แต่สายไฟก็เดินไว้แล้ว 3. นอกจากนั้นทร.ก็ควรจะต่อเรือทั้ง 4 ลำในไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือของไทย และไทยก็มีความสามารถที่จะต่อเรือระดับนี้ได้อยู่แล้ว ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญครับ
HTMS Pattani Specification
ความยาวตลอดลำ 95.5 เมตร ความกว้างสูงสุด 11.6 เมตร กินน้ำลึกสูงสุด 3 เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด 1440 ตัน เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Ruston 16RK270 2 เครื่อง เครื่องไฟฟ้า MAN D2840LE301 4 เครื่อง ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 25 นอต ระบบอำนวยการรบ STN ATLAS Combat Suite 1 ระบบ เรดาร์ควบคุมการยิง TMX/EO 1 ระบบ ปืน 76/62 Super Rapid 1 กระบอก ปืนกล 20 มม. 2 กระบอก ปืนกล .50 นิ้ว 2 กระบอก กำลังพลประจำเรือ 84 นาย
หมายเหตุ: เยี่ยมเว็บไซต์เรือหลวงปัตตานี พร้อมภาพการปฏิบัติงานได้ที่ //www24.brinkster.com/pookky/rtnopv511/
Landing Platform Dock
 Albion Class of Royal Navy
สเปคที่ทางทร.กำหนด
บันทึก 1 รายละเอียดความต้องการเรืออเนกประสงค์/ลำเลียง/ช่วยเหลือผู้ประสบภัย/ฝึก ของ ทร. 1.1 ประเภท : เรืออเนกประสงค์/ลำเลียง/ช่วยเหลือผู้ประสบภัย/ฝึก (LANDING PLATFORM DOCK : LPD) 1.2 โครงการ : 2 ลำ ระยะเวลาโครงการ : 2549 - 2553 1.3 ขีดความสามารถที่ต้องการ 1.3.1 เคลื่อนกำลังจากทะเลสู่ฝั่ง (โจมตีโฉบฉวยสะเทินน้ำสะเทินบก) 1.3.2 ช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัยตามชายฝั่ง 1.3.3 ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล 1.3.4 ฝึกกำลังพล 1.4 คุณลักษณะทั่วไปที่สำคัญ 1.4.1 ระวางขับน้ำระหว่าง 6,000 - 9,000 ตัน 1.4.2 ความเร็วสูงสุดต่อเนื่องมากกว่า 20 นอต 1.4.3 ระยะปฏิบัติการที่ความเร็วมัธยัสถ์ (ไม่ต่ำกว่า 15 นอต) ไม่น้อยกว่า 5,000 ไมล์ 1.4.4 ปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 45 วัน 1.4.5 ปฏิบัติการในทะเลได้ถึง Sea State 6 1.4.6 รับ ส่ง และสนับสนุนการปฏิบัติของ ฮ.ประจำเรือ ได้ถึงขนาดน้ำหนัก 22,000 ปอนด์ 1.4.7 ระบบขับเคลื่อน เป็นเครื่องจักรใหญ่ดีเซล 1.4.8 ระบบอาวุธ : ปืนหลัก ขนาด 76 มม. พร้อมระบบของควบคุมการยิง : ปืนรอง ขนาด 20/30 มม. และ .50 นิ้ว และอาวุธปืนระยะประชิด 1.4.9 ขีดความสามารถในการบรรทุก 1.4.10 ดาดฟ้าบิน มีพื้นที่สำหรับ ฮ.ขนาดน้ำหนัก 22,000 ปอนด์ ลงจอดจำนวน 2 จุด 1.4.11 อู่ลอย (WELL DOCK) บรรทุกเรือระบายพลขนาดกลาง(LCM) 3 ลำ หรือยานเบาะอากาศ ได้อย่างน้อย 2 ลำ หรือเรือปฏิบัติการพิเศษแบบ Mk5 (เรือ Sea Fox) ได้อย่างน้อย 2 ลำ 1.4.12 ดาดฟ้าระวาง (WELL DECK) มีพื้นที่บรรทุกสิ่งอุปกรณ์ไม่ต่ำกว่า 150 ลูกบาศก์เมตร บรรทุกรถสะเทินน้ำสะเทินบกประมาณ 20 คัน และรถถังขนาดกลางประมาณ 30 คัน 1.4.13 สามารถรองรับกำลังทหารไม่ต่ำกว่า 500 นาย (รวมกำลังพลประจำเรือ) 1.4.14 มีสายการผลิตอะไหล่สนับสนุนการซ่อมบำรุงให้สามารถปฏิบัติการได้อย่างต่อเนื่อง 30 ปี
นี่สิครับที่น่าสนใจ LPD ไม่เคยมีเข้าประจำการในไทยมาก่อนเลยครับ
LPD (Landing Platform Dock) เรือชนิดนี้ไม่มีคำเรียกภาษาไทยที่ครับก็จะขอเรียก LPD ละกัน เจ้า LPD นี้ออกแบบมาเพื่อขนส่งและแน่นอน สนับสนุนการยกพลขึ้นบก โดยเรือจะมีดาดฟ้าที่จะรองรับเฮลิคอปเตอร์ขนาดราว ๆ ซีฮอร์คได้ 2 ลำพร้อมกัน และก็มีพื้นที่ที่สามารถเก็บรถระบายพลและรถถังได้ด้วย สำหรับสนับสนุนการยกพลขึ้นบก และที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือ ทร.ต้องการยานยกพลขึ้นบกขนาดกลาง 3 ลำต่อ 1 LPD หรือ ยานเบาะอากาศอย่างน้อย 2 ลำต่อ 1 LPD
 Mechanized Landing Craft: LCM Mk.8
 Landing Craft, Air Cushion: LCAC
ซึ่งทั้งสองแบบนี้ (เลือกอันใดอันหนึ่ง) จะเพิ่มประสิทธิภาพในการยกพลขึ้นบกของกองพลนาวิกโยธินไทยได้อีกมากเลยทีเดียว แบบล่างที่จะดูดีมีระดับหน่อย เพราะตัวเรือมันอยู่บนเบาะอากาศและใช้ใบพัด 2 อันในการขับเคลื่อน ผมไม่แน่ใจว่ารุ่นไหนถึงจะสามารถใส่เข้าไปใน LPD ของเราได้ (ไม่เก่ง) จึงดูภาพแค่พอรู้แล้วกันครับ
นอกจากบทบาทในการยกพลขึ้นบกแล้ว เจ้า LPD นี่ยังสามารถปฏิบัติภารกิจกู้ภัยทางทะเลได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเจ้า LPD มีน้ำหนักมาก สามารถทนทะเลคลื่นแรง ๆ ได้สบาย ทำให้การกู้ภัยทางทะเลตามเกาะหรือบริเวณเรืออับปางสามารถทำได้อย่างมีประสทิธิภาพมากขึ้น
จบครับ จขบ.หลังจากง่วนเรื่องอาวุธฆ่าคนมามากแล้ว ขอตัวไปทำข้าวผัดใส่บาตรก่อนนะครับ เดี๋ยวพระท่านไม่มีอะไรฉันท์
สุขสันต์วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทยครับ
Create Date : 13 เมษายน 2549 |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2550 12:59:29 น. |
|
13 comments
|
Counter : 15962 Pageviews. |
 |
|
|