|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
==พาเที่ยวงาน "วันเด็กแห่งชาติของกองทัพอากาศ 2551: RTAF Children's Day Air Show 2008"==

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องครับ (ใครมันเรียกร้องฟระ -*- ) เนื่องจากวันเด้กแห่งชาติ ได้เวียนมาบรรจบครบอีกวาระหนึ่ง จึงเป็นการดีที่เด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ และผู้ใหญ่น่ารัก ๆ อย่างผมจะได้ไปลุยดอนเมืองกันใน ....... "งานวันเด็กแห่งชาติ กองทัพอากาศ 2551" ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมที่ขาดไม่ได้
สำหรับปีนี้ ก็เหมือนเดิมครับ ผมจะขออนุญาตพาทุกท่านไปเที่ยวกันอีกสักครั้ง ถ้าพร้อมแล้ว กรุณาลดอายุของท่านให้สวนทางกับหน้าตา และตามผมมาเลยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
ปล. ขนาดรวมทั้งหมดของภาพที่ใช้ในบทความนี้ มีขนาดถึง 4.1 MB ทำให้ท่านที่ใช้เน็ต 56K อาจจะประสบปัญหาได้ ฉะนั้น บางภาพจะโพสเป็นแบบ Thumbnail ครับ
ปีนี้บริเวณการจัดงานมีอยู่สองแห่งครับ คือบริเวณพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ และบริเวณอาคารคลังสินค้าเก่าของท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งวันนี้จะถูกเด็ก ๆ และเด็กโข่งทั้งไทยและเทศยึด
ผมกับคุณ Luftwaffe โผล่หน้าไปตั้งแต่ 6 โมงครับ ตามหลักเกณฑ์ของการถ่ายรูปแบบปลอดคน ปีนี้พวกเรากระเตงเพื่อนชาวญี่ปุ่น 3 คนที่บินมาร่วมงานนี้ด้วย ........... งานวันเด็กของเราเป็นที่รู้จักในหมู่ช่างภาพอากาศยาน (Aviation Spotter) ที่ถ่ายภาพอากาศยานในเอเชียค่อนข้างมากนะครับ ปีนี้เท่าที่กะโดยสารตานับช่างภาพอากาศยานชาวญี่ปุ่นและชาวยุโรปได้เกือบ 30 คน (ซึ่งส่วนมากเขาจะบินมางานนี้โดยเฉพาะ) ไม่รวมชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ที่มาเที่ยวเมืองไทยในช่วงนี้และมาร่วมงานด้วย
แอบดูคาเมร่าโตะของเขาแล้วอิจฉา ชาตินี้ชั้นจะมีปัญญาซื้อมั๊ย - - "
ประตูเปิดตั้งแต่ราว 7 โมงครับ (จำผิดขออภัย) และก็เหมือนเดิมว่าปีนี้มีการรักษาความปลอดภัยกันอย่างเข้มงวด ......... ผมขอสนับสนุนให้ทำต่อไปในทุกที่ครับ คนไทยจะได้ชินเสียทีกับความปลอดภัยที่คนจัดงานอุตส่าห์จัดให้

ปกติผมเป็นคนมีบุญครับ ฮ่าฮ่าฮ่า ........ ตามสถิติแล้ว ตั้งแต่ซื้อกล้องตัวนี้มา งานไหน ถ้าผมตั้งใจจะไปถ่ายภาพแล้ว รับรอง ปลอดเมฆ ปลอดฝน ฟ้าจะใสปิ๊งยิ่งกว่าหน้าพอลล่า เทเลอร์ .......... แต่ดูแล้วคงยังทำบุญมาได้ไม่ครบเซ็ต เพราะถึงผมจะปัดรังควานจำพวกเมฆและฝนได้ แต่ปัดหมอกไปได้ สภาพงานวันเด็กตอนเช้าจึงออกมาแบบนี้ครับ cry
มันจึงทำให้ผมรู้ว่า เครื่องบินโดยสารก็มีคุณสมบัติ Stealth ได้ เพราะได้ยินแต่เสียง Take off แต่มองหาตัวไม่เห็นเลย โอ้ววววววววว Hi Tech สุด ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า 
ปล. 10 โมงหมอกจึงหายครับ

ทำให้การแสดงภาคอากาศต้องเลื่อนเวลาออกไปครับ ......... เอ๊า ไม่เป็นไร ๆ .... เราลองมาดูเครื่องบินที่ตั้งแสดงกันดีกว่าครับ
เริ่มต้นด้วยลำนี้ F-16ADF ของฝูงบิน 102 กองบิน 1 โคราช ลองสังเกตุที่แพนหางนะครับ จะเห็นว่ามีดาวสีดำสองดวง ซึ่งแตกต่างจากเครื่องบินลำอื่นของฝูงที่จะเป็นรูปดาววิ่งโปร่ง ๆ สองดวง ดาวดำแบบนี้เหมือนเป็นการย้อนไปสู่เวลาเมื่อครั้งที่กองทัพอากาศยังมีเครื่องบินแบบ F-86 ประจำการอยู่เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาครับ
แต่ที่เซ็งอยู่อย่างนึงคือ ADF มาแต่ตัง ไม่มีอาวุธมาเลย งานนี้ไม่มีใครติดอาวุธมาเลยครับ แย่จริง

และถัดมา เป็น F-5E ของฝูงบิน 701 กองบิน 7 สุราษฏ์ ครับ .... หลังจากลุงเสือ F-5B The Oldest Tiger ปลดประจำการไปแล้ว ทำให้ฝูงนี้เหลือเครื่องบินประจำการไม่ถึง 10 เครื่อง มี F-5B สองที่นั่ง 1 ลำ ที่ทอ.เคยจัดซื้อมาจากกองทัพอากาศมาเลเซีย และที่เหลือเป็น F-5E ทุกเครื่องอายุเกินกว่า 30 ปีทั้งนั้น ซึ่งใกล้ที่จะต้องปลดประจำการทั้งฝูงเต็มทีแล้วครับ ...... ทำให้ปีหน้า ผมไม่แน่ใจว่า จะได้มีโอกาสเห็น F-5E จากฝูง 701 มาตั้งแสดงหรือเปล่า ฉะนั้น ในปีนี้ เมื่อเฮียเสือของเรามาในวันนี้ และผมก็เบื่อถ่าย F-16 จะแย่แล้ว ฉะนั้น ปีนี้ผมจะขอ Walk Around เจ้า F-5E ของทอ.กันครับ
ปล. ฝูงนี้จะถูกแทนด้วย Gripen ในปี 2553 - 2554 ครับ ได้ข่าวมาว่า กองบิน 7 กำลังดำเนินการปรับปรุงรันเวย์และโรงเก็บ เพื่อให้สามารถรองรับเทคโนดลยีใหม่ ๆ ของ Gripen ได้ แถมได้ข่าวมาว่ากองบิน 7 เตรียมขึ้นป้ายว่า "Wing 7 : The Home of Gripen" ด้วยนะเออ

F-5E หรือ บ.ข.18ข-11/21 ทะเบียน 70114 Serial No. 61674 หมายเลขการสร้าง R1353 สร้างในปี 2519 ณ โรงงานของบริษัท Northrop ประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าประจำการในปี 2521 ครั้งแรก ณ ฝูงบิน 102 กองบิน 1 โคราช โดยใช้ทะเบียนว่า 10232 จากนั้นจึงย้ายไปที่ฝูง 711 กองบิน 71 สุราษฏ์ในปี 2536 ใช้ทะเบียนว่า 71114 ซึ่งหลังจากวิกฤษเศรษฐกิจ กองทัพอากาศมีการเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยราชการใหม่ กองบิน 71 จึงเปลี่ยนเป็น กองบิน 7 และทำให้เครื่องบินลำนี้เปลี่ยนทะเบียนเป็น 70114 รวมอายุถึงวันนี้ 31 ปี

บริเวณหาง ติดสัญญาณของฝูงครับ ตัวอักษรใหญ่ ๆ ที่เขียนว่า SRT มาจากคำว่า Surat Tani ข้างใต้เป็น Serial No. ส่วนด้านบนเป็นรูปธงชาติไทยและสัญลักษณ์ของกองบิน 7 รูปฉลามครับ

F-5E ใช้นักบินขับไล่ 1 คน ติดตั้งเรด้าร์แบบ AN/APQ-159 ตรวจจับได้ไกล 25 กม. ใช้เครื่องยนต์ Turbojet แบบ J85-GE-21B 2 เครื่องยนต์ ความเร็วสูงสุด 1.6 มัค

F-5E มีตำบลติดอาวุธ 5 แห่ง อยู่ที่ปีกข้างละ 2 แห่ง และที่ใต้ลำตัว 1 แห่ง สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศระยะใกล้แบบ AIM-9P ระเบิดอเนกประสงค์ Mk. 82 ขนาด 500 ปอนด์ กระเปาะปืนกลขนาด 30 มม. แบบ GPU-5/A จรวดไม่นำวิถี 2.75 นิ้ว บริเวณส่วนหัวติดตั้งปืนกล M39A2 ขนาด 20 มม. บรรจุกระสุนกระบอกละ 280 นัด

F-5E ของไทยมีลักษณะแตกต่างกันระหว่าง 2 ฝุงครับ คือฝูง 701 สุราษฏ์ ส่วนหัวจะกลม ส่วน F-5 ฝูง 211 อุบล ส่วนหัวจะแบนกว่าครับ

F-5E ฝูงนี้กำลังจะปลดประจำการลงในปี 2554 ครับ

ถัดมาด้านข้าง จะเห็นเครื่องบินใบพัดลำใหญ่ สีสันสดใสตั้งอยู่ครับ มันคือ F8F Bearcat ซึ่งเคยประจำการอยู่ในกองทัพอากาศไทยประหว่างปี 2494 -2504 จำนวนถึง 204 ลำ ถือเป็นเครื่องบินที่กองทัพอากาศมีประจำการจำนวนมากที่สุด เครื่องบินลำนี้มูลนิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทยได้ทำการปรับปรุงให้กลับมาบินได้อีกครั้ง โดยใช้ช่างอาสาสมัครของทางมูลนิธิซึ่งมาจากกกองทัพอากาศและกองทัพเรือ รวมถึงวิศวกรที่เกษียรอายุแล้วจากบริษัท Grumman ซึ่งเคยทำการสร้างเครื่องบินลำนี้มา ปัจจุบันเครื่องบินสามารถกลับมาทำการบินได้อีกครั้ง แม้ว่าจะยังต้องปรับแก้ระบบต่าง ๆ กันอยู่สักพักก็ตาม ....... Bearcat ลำนี้เป็นหนึ่งใน bearcat จำนวนราว 10 เครื่องในโลกที่ยังสามารถทำการบินได้ครับ

สี หมายเลข และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ถูกเขียนโดยอ้างอิงตามประวัติศาสตร์ซึ่ง Bearcat เคยประจำการอยู่ โดยเครื่องบินลำนี้เคยประจำการ ณ ฝูงบิน 12 กองบิน 1 โคราช .......... ทำให้ทั้ง Bearcat, F-5E, และ F-16ADF ที่ตั้งแสดงเรียงกันอยู่ในวันนี้ เป็นเครื่องบินที่ประจำการและเคยประจำการในฝูง 102 แล้วทั้งสิ้น
ปีนี้เด็กโคราชคุมครับ 

ลองมาดูเครื่องบินลำอื่นกันบ้างครับ อย่างลำนี้ ขาประจำ L-39ZA/ART จากฝูงบิน 401 กองบิน 4 ตาคล

ส่วน C-130 ปีนี้ มาพร้อมกับอุปกรณ์ดับไฟป่าที่ติดตั้งมาในตั้งเครื่องครับ ชะโงกหน้าเข้าไปดู โอ้โห ท่อปล่อยสารเคมีนี่ ผมคลานเข้าไปได้เลยนะครับเนี้ย ถังเก็บสารเคมีดับเพลิงใหญ่มาก ๆ

อีกลำหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ N22B Normad ครับ ............. Normad ของกองบิน 46 พิษณุโลก ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยบริษัท TAI ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของทอ.เอง เปลี่ยนสีใหม่ และลำนี้ ทำลายพิเศษ "เรา รัก ในหลวง" เหมือนกับ BT-67 ที่ตั้งอยู่ข้างกัน
สวยดีครับ 

อีกลำหนึ่งที่น่าสนใจคือ AU-23A Peacemaker จากกองบิน 5 ประจวบคีรีขันธ์ครับ ลำที่มาในปีหน้า ติดตั้งระบบ FLIR (Forward Looking Infared) ซึ่งเป็นระบบตรวจจับความร้อน (สังเกตตุ่ม ๆ ใต้เครื่อง) ทำให้สามารถมองเห็นภาพได้ในเวลากลางคืน โดยภาพจะมาแสดงที่เจอบริเวณห้องโดยสาร เครื่องลำนี้ถูกใช้งานลาดตระเวนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ด้วยครับ

นอกนั้นเครื่องของทอ.ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ ค่อนข้างจะซ้ำกับของเดิม ดังนั้น ผมว่าเราไปดูอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ดีกว่าครับ
ในปีนี้ มีความพิเศษอยู่ตรงที่ มีอากาศยานพลเรือนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ไฮไลสำคัญอันหนึ่งก็คือ A300-600 ของการบินไทย (นามพระราชทาน "สุวรรณภูมิ") ก็มาจอดตั้งแสดงด้วยครับ

แม้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของการบินไทยในครั้งนี้จะเป็น "อนาคตของชาติ" .... แต่ "ปัจจุบันของชาติ" อย่างผม ยังไงก็ไม่พลาดที่จะร่วมแจมครับ 

งานนี้ทุกคนก็ได้วิ่งเล่นกับ A300-600 หรือ "คุณป้า AB6" ของการบินไทยกันอย่างสนุกสนาน (ลำนี้แกแก่แล้วครับ อายุราว ๆ 20 แล้ววววววว)

ปีนี้โชคร้ายจริง ๆ ครับ เนื่องจากหมอกลงตั้วแต่เช้า ทำให้โปรแกรมการบินต้องปรับเปลี่ยนหรือเลื่อนออกไป กว่หมอกจะหาย ก็ต้องรอเครื่องบินโดยสารขึ้นลงก่อนครับ เพราะเลยตารางเวลาการบินมานานแล้ว พวกผมก็ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ รอกันไปก่อนครับ

ซึ่งในที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มันก็เริ่มครับ ราว ๆ สิบโมงกว่า ๆ การแสดงการบินชุดแรกก็เริ่มขึ้นครับ เปิดงานด้วยการบินหมู่สองของ L-39ZA/ART จำนวน 2 ลำ มาทการจำลองการโจมตีทางอากาศครับ บินอยู่ราว 4 - 5 รอบ และต่อด้วยการแสดงการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่การรบ (Combat Search & Rescue: CSAR) ของฮ.แบบ UH-1H ครับ .......... สถานการณ์คือ มีนักบินของเราถูกยิงตกและดีดตัวออกจากเครื่อง กระโดดร่มลงมาที่พื้นที่หลังแนวข้าศึก กองทัพอากาศส่ง UH-1H พร้อมอากาศโยธินเข้าไปช่วยเหลือครับ

เมื่อพบนักบินที่ถูกยิงตกและสามารถยืนยันตัวตนของนักบินได้แล้ว UH-1H ก็ลอยตัวอยู่เหนือพื้นที่และส่งอากาศโยธินโรยตัวลงสู่พื้นดินเพื่อเข้าไปช่วยเหลือและทำการปฐมพยาบาลนักบินครับ

และเมื่อถึงเวลานัดหมาย UH-1H ก็ลงจอด และอากาศโยธินของเราก็หามนักบินไทยขึ้นฮ.กลับไป

โดยสรุปก็คือ ...... เหมือนปีที่แล้วครับ .... ทำไงได้ฮะ CSAR ถ้าจะไม่ให้เหมือน ก็คงต้องทำแบบ Black Hawk Down ล่ะครับ

หลังจากนั้น PC-9 จากโรงเรียนการบินกำแพงแสน ก็ได้ทำการบินผ่าน (fly by) บริเวณงานจำนวน 1 รอบ ....... 1 รอบจริง ๆ ครับ 

และ CT-4E ก็มา Fly By อีก 1 รอบ T-T ..... ใจร้ายที่สุดเลย 

หลังจากนั้น ก็เป็นรายการเด็ดอีกรายการหนึ่งครับ คือการกระโดดร่มจากนักโดดร่มทั้งของกองทัพ พลเรือน และชาวต่างชาติ

นักโดดร่มทุกคนฝีมือดีมากครับ หลาย ๆ คนเข้าขั้นเทพ คือตีลังกาลงมา และร่อนลงในลักษณะควงสว่าน บินเรียบพื้นลงมาด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะกระตุกเบรกร่อนลง เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราวครับ ...... อีกกลุ่มหนึ่งก็ไปร่อนลงที่กลางบริเวณพิธีที่มีขนาดประมาณสนามบาส ลงตรงที่เดิมถึง 2 ครั้ง สุดยอดครับ

และแล้ว ของเด็ดก็ปรากฏครับ ....... F-5T Tigres จากฝูงบิน 211 กองบิน 21 อุบล ก็มาทำการบินผาดแผลงโชว์ ...... F-5 คือไฮไลต์สำคัญอย่างหนึ่งที่ชาวต่างชาติอยากชมครับ เพราะ F-5 นี่เข้าขั้น Classic ไปแล้ว และรูปร่างมันก็สวยมากจริง ๆ (สำหรับผม รูปร่างมันดูดีกว่า F-22 หรือ F-35 หลายขุม) นาน ๆ ที จะมี F-5 มาบินผาดแผลงโชว์ครับ

F-5 ลำด้านบนเป็นรุ่น E หรือรุ่นที่นั่งเดี่ยวครับ ส่วนลำนี้เป็นรุ่น F หรือรุ่นสองที่นั่ง ....... สังเกตุที่แพนหางนะครับ แพนหางนี้เป็นการทำสีพิเศษฉลอง 30 ปีของกองบิน 21 เป็นรูปนกอินทรีสัญลักษณ์ของฝูง

เครื่อง Landing แล้ว ลองมาดูใกล้ ๆ ครับ ลำนี้ F-5E รุ่นที่นั่งเดี่ยว F-5 ฝูงนี้ได้รับการปรับปรุงโดยบริษัท Elbit ของอิสราเอล โดยเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ควบคุมภารกิจ (Mission Computer) ปรับปรุงระบบเป้าลวงให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิค เปลี่ยนจอแสดงผลตรงหน้า (Head-Up Display:HUD) ใหม่ พร้อมทั้งจัดหาจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศระยะใกล้แบบ Python-4 พร้อมหมวกบินติดศูนย์เล็ง (DASH) มาประจำการ นักบินเพียงแต่มองไปที่เป้าหมายเท่านั้น เมื่อสั่งยิงจรวดจะวิ่งเข้าโจมตีเป้าหมายเองแม้ว่าเป้าหมายจะอยู่ด้านข้างของเครื่องก็ตาม

ดูรูปนกอินทรีย์ใน F-5F กันชัด ๆ ครับ สวยจริง ๆ

แล้วทั้งสองลำก็เข้ามาจอดเอี๊ยดดดดดดดดด

หลังจากนั้น F-16A จากฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลี ก็มาบินผาดแผลงเดี่ยวโชว์ครับ .. โย่ว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

Contail สวยจริง ๆ ครับ

แล้วก็ Landing ลงมาจอดครับ โชคดีที่ปีนี้เราวางแผนก่อนว่าช่วงเช้าจะไปยืนตรงไหน ช่วงบ่ายจะไปยืนตรงไหน ทำให้ได้ภาพมุมดี ๆ ออกมาครับ

สุดท้าย F-16A อีก 3 ลำ ก็บินมาแสดงการรบทางอากาศระยะประชิด (Dog Fight) ครับ (ภาพนี้คือแสดงจบแล้ว บินหมู่สามผ่านหน้าผู้ชมครับ)

บินเสร็จแล้ว ทั้งสามลำก็ร่อนลงตาม ๆ กันมาครับ

F-16 แต่ละลำ ติดตั้ง AIM-9M มาที่ปลายปีก 1 นัดเพื่อจำลองการล็อกเป้าหมาย และที่ปลายปีกอีกด้านติดกระเปาะ ACMI ซึ่งจะบันทึกค่าต่าง ๆ ในระหว่างการบิน เพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ทีหลังว่า การ Dog Fight ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จหรือไม่ครับ

สุดท้าย ปิดฉากการบินภาคอากาศ ด้วยการบินปล่อยควันสีของ AU-23A ครับ

หลังจากนั้น ก็เป็นคิวของการพักและกิจกรรมบนเวทีครับ ........ และก็มีบางโปรแกรมการบินที่จะแสดงซ้ำคือ การโชว์ค้นหาและกู้ภัย และการกระโดดร่มครับ ... อันที่จริงการบินของทั้ง L-39, F-5, และ F-16 จะต้องแสดงซ้ำอีกครั้ง แต่สภาพอากาศทำพิษในตอนเช้า จึงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนหมดครับ

งานวันเด็ก มีจุดเด่นที่น่าตื่นเต้นอีกจุดหนึ่งก็คือ ผู้เข้าชมจะได้เห็นกระบวนการการเอาเครื่องลงแบบใกล้ชิด และจะได้เห็นกระบวนการการเอาเครื่องขึ้นแบบติดขอบจอ เพราะเมื่องานใกล้จะจบ เครื่องบินที่ตั้งแสดงก็จะติดเครื่องและ Taxi ออกไปครับ นั่นแหละครับที่ประชาชนจะได้ยืนชมการติดเครื่องแบบได้กลิ่นน้ำมันกับสมผัสไอพ่นกันเลยทีเดียว

แสงตอนเย็นสวยมากเหมือนเคยครับ ^ ^
เครื่องบินแบบแรกที่จะกลับ คือ F-16 ทั้ง 4 ลำครับ

เมื่อเราต้องการติดเครื่องรถยนต์ อาจจะแค่บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง แต่ในการติดเครื่องของ F-16 นั้นมีขั้นตอนเกือบ 50 ขั้นตอน นักบินต้องทำงานร่วมกับช่างอากาศเพื่อตรวจเช็คระบบต่าง ๆ ให้ทำงานเรียบร้อยสมบูรณ์ ก่อนขึ้นบินครับ

และมันก็ค่อย ๆ Taxi ออกไปครับ ....... เสียงเครื่องยนต์ของ F-16 จะดังปาดหู และค่อนข้างอันตรายกับแก้วหู ฉะนั้น ถ้าไม่อยากต้องอุดหูตลอดเวลา ขอแนะนำให้หาที่อุดหูครับ

ลำสุดท้าย เตรียมออกครับ ^ ^

F-16 Take Off ขึ้นไปทีละลำ โดยเว้นเวลาห่างกันราว 10 วินาที และบินหมู่ 4 ผ่านหน้าผู้ชมเป็นการกล่าวลา ............ สวยมากครับ 

BT-67 ที่จอดอยู่ข้าง ๆ รั้วกัน ก็เป็นลำต่อมาที่ออกบินกลับบ้านครับ ..... ผมยืนอยู่ห่างมัน 10 เมตรเองตอนมันติดเครื่อง

F-5 ทั้งสองลำ ก็เตรียมติดเครื่องรอขึ้นบินครับ

จากที่ไปยืนฟังมา+ลำเอียงเล็กน้อย ผมว่าเสียงของ F-5 เพราะกว่า F-16 เยอะครับ

F-5E ลำแรกวิ่งไปแล้วครับ

F-5F ตามไป

ในเวลาเดียวกัน L-39ZA/ART ก็วอร์มเครื่องอยู่ครับ

แต่ F-16ADF นั้นลากไปครับ ปีนี้ไม่ได้ติดเครื่องตรงที่ตั้งแสดง คงกลัวไอพ่นทำอันตรายคนครับ

แต่ลำนี้ใช้คนเข็นไปครับ

แต่ลำนี้ยังจอดอยู่ครับ ...... Bearcat ฉาบด้วยแสงอาทิตย์ สวยมาก ๆ ครับ

แสงและอากาศแบบนี้แหละครับที่เป็นเวลาทองของคนชอบถ่ายภาพเครื่องบิน
ให้เดาว่า คนไหนญี่ปุ่น คนไหนฝรั่ง 

เครื่องก็ค่อย ๆ ทะยอย Take off ออกไป

หลังจากนั้นผมก็ถูกไล่ออกจากงานแล้วล่ะครับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องการเคลียพื้นที่แล้ว

และงานในปีนี้ก็จบลงครับ .... อย่างน้อยที่สุด จบจากงานวันนี้ เด็ก ๆ ก็จะได้ความประทับใจและความรู้ในด้านการบินกลับบ้านไป งานในวันนี้ คงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ประเทศของเรายังมีคนอยากจะสอบเป็นทหารมากมาย แบบไม่ต้องโฆษณากันครึกโครมเหมือนประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ .............. เผื่อว่าในอนาคต เยาวชนเหล่านั้น อาจจะกลายมาเป็นนักบินขับไล่ให้กับกองทัพ หรือบินให้กับสายการบินของไทย ซึ่งกำลังเติบโตและต้องการนักบินอยู่เสมอ
สำหรับวันนี้ จบเพียงเท่านี้ ของคุณทุกท่านที่ติดตาม สวัสดีครับ 

Create Date : 14 มกราคม 2551 |
Last Update : 14 มกราคม 2551 1:50:00 น. |
|
16 comments
|
Counter : 4914 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: เมษ์ (Jamekung ) วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:1:46:24 น. |
|
|
|
โดย: picmee วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:2:24:37 น. |
|
|
|
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:4:09:31 น. |
|
|
|
โดย: แม่เจ้ากันต์ (แม่เจ้ากันต์ ) วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:6:50:27 น. |
|
|
|
โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:6:55:28 น. |
|
|
|
โดย: กะก๋า ฮา 3 สายสะพาย (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:8:09:37 น. |
|
|
|
โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:8:12:30 น. |
|
|
|
โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:8:14:28 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:8:20:46 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:8:26:57 น. |
|
|
|
โดย: กะก๋า ศักดาพิกุล (กะว่าก๋า ) วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:7:58:03 น. |
|
|
|
โดย: กะก๋า ศักดาพิกุล (กะว่าก๋า ) วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:8:24:28 น. |
|
|
|
โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:8:44:27 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:8:48:12 น. |
|
|
|
|
|
|
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @

|
|
|
|
|
|
|